ผมนั่งคิดถึงเรื่องในอดีตจนลืมตัว ทำให้โฟร์แมนกับวิศวควบคุมงานต้องวิทยุมาตาม ถึงงานนี้ก่อสร้างนี้ผมจะไม่ใช่คนออกแบบเองแต่ก็มีส่วนร่วม ทำให้ไม่มีปัญหาส่วนการก่อสร้างวัชรทิพยสถานนั้นคืบหน้าไปพอสมควร แทบจะไม่มีอะไรติดขัดการย้ายต้นไม้เป็นไปอย่างราบรื่น จนช่วงค่ำหลังจากเลิกงานผมกลับไปที่ห้องพัก พอเข้าห้องผมรับรู้ว่ากรรณิการ์นั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ผมเพ่งจิตไปเห็นเธอยกมือไหว้แล้วพูดกับผม
“ฉันขอบคุณพี่มากนะที่ทำบุญมาให้ฉัน ฉันไม่ได้รับการอุทิศส่วนกุศลแบบนี้มานานแล้ว ”
ผมเดินไปนั่งบนเตียงแล้วถามไปที่เธอ
“ไม่มีใครทำบุญมาให้เธอเลยหรือ”
“แรกๆตอนที่ฉันตายใหม่ๆ ที่บ้านก็ทำให้แต่หลังจากผ่าน 100 วันไปแล้วก็จะเป็นช่วงวันพระแต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นวันที่ฉันตายถึงจะทำบุญมาให้จ๊ะ”
“แล้วมันมีผลกระทบอะไรกับเธอหรือเปล่าละ”
“ตัวฉันก็จะได้รับบุญกุศลเพิ่ม ถึงจะไม่มากเท่าไหร่”
ผมนิ่งคิดแต่ไม่พูดอะไรกับเธอในเรื่องนี้ต่อ เมื่อผมไม่ถามอะไรเธอก็ไม่พูดเหมือนจะนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ จนผมอาบน้ำและเตรียมจะเข้านอน ผมมองไปที่เก้าอี้เห็นเธอยังนั่งเฉยอยู่เลยทักออกไป
“กรรณิการ์มานอนด้วยกันไหม”
“บ้าพี่ เห็นฉันเป็นคนยังไง”
เสียงเธอตอบแบบอายๆ ผมแกล้งถามย้ำไปอีกครั้ง คราวนี้ร่างของเธอเดินมาหาผมที่เตียงพร้อมชุดที่สวมเปลี่ยนเป็นชุดนอน เธอยื่นมือมาที่ผม
“พี่ช่วยเพิ่มพลังให้ร่างฉันด้วยสิ ตอนนี้พลังที่พี่ให้ตั้งแต่เมื่อวานมันเหลือไม่มากแล้ว ไม่อย่างนั้นพี่จะสัมผัสกับอากาศนะ”
ผมใช้มือวิเศษไปสัมผัสที่มือเธอแล้วปล่อยพลังออกไปจนเธอมีกายหยาบที่สมบูรณ์คราวนี้ผมใช้มือจริงดึงมือเธอเข้ามาในอ้อมกอด
“ก็แค่นี้ ทำเป็นเล่นตัว”
ผมพูดพร้อมหอมไปที่เรือนผมของเธอ ก่อนจะพลิกตัวเธอให้ไปอยู่ด้านล่าง ริมฝีปากของวิญญาณสาวรอรับการจูบของผมอย่างเต็มใจ มือทั้งสองของเธอโอบกอดรอบตัวผม พอจังหวะที่ผมใช้จมูกซุกไซร้ไปตามลำคอของเธอ
“โอ้ววววววววว ซี๊ดดดดดดดดด เสียวคะพี่ ฉันเสียวจังเลย”
เสียงครางของเธอพร้อมกดหน้าผมให้ฝังที่ทรวงอกที่ได้ขนาดของเธอ ผมสนองตอบพร้อมกับจัดการชุดนอนของเธอกับผมให้พ้นจากร่างกาย หัวนมสีน้ำตาลที่ชูชันรอรับริมฝีปากของผมแถมเจ้าของแอ่นกายเพื่อให้ผมดูดดื่มได้ถนัด ส่วนมือของผมอีกข้างนั้นกำลังขยำที่โคกหีของเธอก่อนจะใช้นิ้วเขี่ยเข้าไปที่ปากทางรูหีที่เริ่มจะชุ่มฉ่ำ ผมดูดดื่มนมทั้งเต้าของเธอสลับไปมา จนเธอกดไหล่ผมลงไปเบื้องล่าง
“กินให้หน่อยคะ”
ทันทีที่ลิ้นผมกวาดเข้าไปในรูหีของผีสาวกรรณิการ์แอ่นตัวพร้อมเสียงครางออกมาไม่หยุด เธอปล่อยให้ผมลงลิ้นอยู่พักใหญ่ก่อนจะร้องขอ
“พี่จ๋าฉันทนไม่ไหวแล้ว”
ผมเลียต่ออีก2-3ครั้งแล้วจับกายเธอให้ลุกขึ้นนั่งหันหน้าชนกันผมประกบปากกับเธออีกครั้ง ส่วนเธอนั้นรู้งานเอามือจับควยผมไปจ่อที่รูหีของเธอ พอเห็นแบบนั้นผมเลื่อนเอามือไปจับเอวเธอแล้วค่อยๆดันควยเข้าไป ช่องทางของเธอนั้นเหมือนกับคนจริงๆ มันฟิตไปหมด เสียงร้องของเธอที่ตอนนี้มือมาโอบรอบคอผมทั้งสองข้าง
“เบาหน่อยนะพี่ฉันยังแสบๆอยู่เลย”
ปากเธอพูดแบบนั้นแต่ขยับตัวให้ผมดันควยเข้าไปได้สะดวก จนเรียบร้อยผมเริ่มกระเด้าไปตามจังหวะจนเธอนั้นเอนตัวเปลี่ยนเอามือไปยันที่นอนแล้วเด้งรับผมตลอด
“โอ้วดีจังพี่ ท่านี้มันเสียวแบบนี้นี่เอง “
เจอแบบนี้ผมเลยใส่ไม่ยั้ง มันสร้างอารมณ์ให้ผมเหมือนกับเจอกับคนเป็นๆ แถมกรรณิการ์นั้นเด้งรับตลอดปากส่งเสียงครางไม่หยุด ยิ่งตอนที่เธอจวนจะถึงผีสาวนั้นเด้งรับไม่หยุด ทำเอาเนื้อของเรากระทบกันดังเป็นจังหวะ จนผมปล่อยน้ำกามออกมา เธอผวามากอดซบที่ตัวผม และภายในนั้นตอดรัดเหมือนคนเป็นๆก่อนที่เราทั้งคู่จะซบกันไปบนเตียง ผมหอมไปที่แก้มทั้งสองข้างของเธอแล้วพลิกตัวลงมานอน เช่นเดียวกับที่เธอนั้นเบียดตัวเข้ามาหนุนที่ไหล่ของผม
“เป็นไงบ้าง”
“เสียวมากเลยพี่ มิน่าละตอนที่ฉันเห็นผู้หญิงโดนท่านี้ที่ไร ร้องครางแบบนี้ทุกที”
“ชอบไหมละ”
“บ้า ไม่บอกหรอก”
เธอหลบตาผมก่อนจะยกมือมากอด แสดงว่าผีสาวตนนี้ติดใจใจรสสวาทที่ผมมอบให้ ทำให้ผมอดนึกย้อนไปถึงเกตุไม่ได้ทั้งคู่ต่างไม่เคยผ่านรสสวาทมาก่อน แต่พอเจอเข้าไปกลับติดใจทั้งคู่ ถ้ากรรณิการ์เธอยังเป็นคนอยู่เธอคงร้อนแรงไม่แพ้เกตุแน่นอน ผมนอนกอดเธอจนเผลอหลับไป แต่เวลาผ่านไปนานขนาดไหมผมก็ไม่รู้ ที่จู่ๆรู้สึกตัวขึ้นมาเพราะควยผมถูกมือของกรรณิการ์ลูบคลำรูดไปมา ก่อนที่เธอจะเลื่อนตัวลงไป ผมลืมตาขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่เธอใช้ลิ้นเลียควยไปมาจนทั่วก่อนจะใช้ปากครอบ ผมหายใจแรงๆทำเธอนั้นเงยหน้าขึ้นมาแล้วบอกผมว่า
“ฉันขอกินไส้กรอกหน่อยนะจ๊ะพี่”
พูดจบเธอก็ใช้ทั้งลิ้นทั้งปากกับควยผมต่อไป จนมันแข็งตัวขึ้นมา ผมปล่อยให้เธอใช้ปากจนพอใจ แต่พอเธอทำท่าจะคร่อม ผมบอกเธอว่า
“กรรณิการ์เรามาทำท่าอื่นกันดีกว่า”
“ท่าไหนหรือจะพี่”
“เดี๋ยวก็รู้”
ผมตอบเธอก่อนจะลุกขึ้นแล้วจับร่างเธอลงจากตัวผม ก่อนจะจัดให้อยู่ในท่าด็อกกี้ วิญญาณสาวนั้นร่วมมือเป็นอย่างดีผมบอกเธอขณะที่เตรียมเอาควยไปจ่อที่ปากรูหีของเธอ
“ท่านี้รับรองเสียวกว่าท่าเมื่อกี้”
“ทำเลยจ๊ะพี่ฉันทนไม่ไหวแล้ว”
ผมดันควยเข้าไปจนสุดทันที เธอร้องออกมาเบาๆ ก่อนที่ผมจะกระเด้าส่วนมือนั้นจับสะโพกที่ผายกว้างและขาวของเธอ ผ่านไปชั่วครู่ เธอบอกกับผมด้วยเสียงสั่นๆ
“อูวววว ซี๊ดดดด พี๋จ๋าเสียวจังเลยจ๊ะพี่ เข้าลึกมากอู้ววววววววว เสียวววววววว”
ผมกระเด้าต่อเนื่องช้าสลับเร็วเหมือนกับเธอที่เด้งรับมาตลอด แต่ผมเห็นก้นขาวๆของเธอทำเอาอดใจไม่ไหวพร้อมนึกว่าไหนๆได้เย็ดผีทั้งทีแล้วก็ต้องเอาทั้ง 2 รู
“กรรณิการ์”
“จ๋าพี่”
“เคยเห็นผู้หญิง ถูกเล่นประตูหลังบ้างหรือเปล่า”
“เคยจ๊ะ แต่อย่าบอกนะว่าพี่จะ”
“ใช่แล้ว ฉันขอนะ รับรองเธอจะเสียวกว่าเดิม”
ผมพูดพร้อมถอนควยออกจากรูหีแล้วไปจ่อที่รูก้นเธอ ก่อนที่เธอจะบอกอะไร ผมดันควยเข้าไปทันที ทำเอาวิญญาณสาวสะดุ้ง
“อุ๊ย พี่ฉันเจ็บ”
“ทนอีกนิด”
ตอนแรกเธอทำท่าส่ายตัวไม่ให้ผมเย็ดแต่ผมจับเอวเธอไว้แน่นแล้วดันควยเข้าไปจนสุด แล้วกระเด้าช้าๆ
“ดีไหม”
“โอ๊ยพี่ฉันจุกมันแน่นไปหมดเลย”
“ทนอีกนิด”
ผมตอบเธอแล้วกระเด้าช้าๆจนช่องทางมันเริ่มเข้าออกสะดวกพร้อมกับเจ้าตัวเริ่มผ่อนคลายและมีความเสียวมาแทนที่ คราวนี้เสียงครางอย่างเสียวปนสุขดังออกจากปากไม่หยุดหย่อน
“โอ้วๆๆๆ พี่จ๋า ซี๊ดดๆๆ “
พร้อมกับการเด้งรับในบางจังหวะ บทรักของผมกับผีสาวในครั้งนี้มันช่างเต็มไปด้วยความแปลกใหม่ปนกับความหรรษาของเรา ตอนนี้ผมลืมไปหมดแล้วกับคำสอนต่างๆ และไม่สนด้วยว่ามันจะล้ำเส้นจักรวาลหรือเปล่า เพราะผมไม่ได้ใช้พลังบังคับเธอ มันเกิดจากความเต็มใจของเราทั้งคู่ จนผมรู้ว่าจะถึงจุดหมายจึงเร่งจังหวะขึ้นพร้อมกับเสียงกระเส่าจากเธอที่บอกว่าจวนจะถึงเหมือนกัน ผมกระเด้าส่งท้ายก่อนจะปล่อยน้ำกามออกมา พร้อมๆกับอาการเกร็งตัวของเธอ
“เป็นยังไง”
ผมถามเธอหลังจากถอนควยออกมาแล้วเลื่อนตัวมานอบนเตียงพร้อมดึงร่างเธอมานอนหนุนไหล่
“คนบ้า เจ็บแทบตาย”
เสียงอู้อี้จากตัวเธอ
“เสียวไหม”
ผมถามโดยแกล้งไม่สนใจสิ่งที่เธอบอก
“ไม่บอก”
เธอตอบด้วยความเขินอาย ผมไม่เซ้าซี้อะไรอีกแต่กอดเธอให้แน่นขึ้นก่อนจะหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย จนถึงช่วงเช้าหลังจากที่ผมอาบน้ำเรียบร้อยภายในห้องน้ำผมเรียกเธอ
“กรรณิการ์”
“จ๋าพี่”
“อยากกินไส้กรอกตอนเช้าไหม”
“คนบ้า”
“มากินให้หน่อยสิ”
ร่างของเธอปรากฏตรงหน้าผม เธอมองผมแล้วค้อนให้ก่อนทรุดกายลงไป แล้วใช้มือกุมที่ควยผม
“พี่นี่เซ็กส์จัดเหมือนกันนะ”
เสียงเธอพึมพำออกมาก่อนจะใช้มือรูดจนควยผมเริ่มแข็งตัวเธอจึงใช้ลิ้นเลียไปทั่วรวมถึงลูกกระโปกก่อนจะใช้ปากครอบ เธอใช้ปากทำรักให้ผมจนผมถึงอีกครั้ง และก่อนจะออกไปทำงาน เธอทำเหมือนเมื่อวานคือหอมแก้มผมและบอกให้กลับเร็วๆ ระหว่างทางผมใส่บาตรให้เธอเหมือนเมื่อวาน ผมทำแบบนี้กับเธอทุกวันตลอดเวลาที่อยู่โรงแรมเราเอากันแทบทุกท่า จนผมรู้สึกว่าเธอนั้นสนองตอบผมได้อย่างดีสาวตางชาติบางคนนั้นสู้เธอไม่ได้เลย จนคืนสุดท้ายก่อนผมจะกลับกรุงเทพ หลังจากเสร็จบทรักอันเร่าร้อน เธอนอนหนุนไหล่ผมแล้วพูดออกมา
“พรุ่งนี้พี่จะกลับกรุงเทพแล้วนี่”
“ใช่แล้ว”
“ระหว่างที่พี่อยู่นี่ฉันมีความสุขมากเลยนะ พอพี่ไปแล้วฉันคงเหงาเหมือนเดิม พี่อย่าชวนฉันไปนะ ยังไงฉันก็ไปไม่ได้อยู่แล้ว ไม่รู้จะอยู่ที่นี่อีกนานไหม”
สิ่งที่เธอพูดผมนั้นคิดมาตลอด ก่อนจะตัดสินใจอะไรบางอย่างผมจัดการสวมเสื้อผ้าแล้วบอกกับเธอที่นั่งมองผมอยู่
“งั้นเรามาลองวิธีนี้กันดู ว่าจะช่วยเธอได้หรือไม่”
“ทำยังไงหรือจะพี่”
“ทำจิตของเธอให้ว่างก่อน แล้วลองดูว่าฉันจะพาเธอไปพบอาจารย์ฉันได้หรือเปล่า เผื่อท่านจะหาวิธีช่วยเธอได้”
เธอดูงงๆ แต่ยอมทำตามผม เธอคืนร่างมาอยู่ในชุดที่ผมเห็นเธอครั้งแรก ผมจึงนั่งไปที่พื้นห้อง ก่อนเริ่มเข้าสมาธิแล้วกำหนดจิตไปหาท่านนักพรตกัสปะ ผ่านไปครู่หนึ่ง จิตผมเห็นทางสว่างเลยบอกกับเธอทางจิตว่า
“กรรณิการ์ ได้ยินฉันไหม”
“ได้ยินจ๊ะพี่”
“จับมือฉัน ฉันจะพาเธอไป”
ดวงจิตของผมรับรู้ได้ว่ามือของเธอนั้นมาสัมผัสกุมแน่น ผมจึงกำหนดจิตให้พาวิญญาณเธอไปหาท่านอาจารย์ทันที และผมพบว่าผมได้พาเธอมานั่งพับเพียบอยู่กับพื้นหน้าอาศรม เมื่อเงยหน้าขึ้นไปเห็นท่านอาจารย์นั่งสมาธิแล้วมองลงมาด้วยความเมตตา
“ลูกเอย เจ้าคิดว่า พาวิญญาณเธอมาแล้วพ่อจะช่วยอะไรได้บ้าง”
“ผมอยากให้ท่านอาจารย์ช่วยชี้ทางสว่างให้กับด้วงวิญาณดวงนี้ครับ”
ผมเห็นท่านมองไปท่านกรรณิการ์ที่นั่งพับเพียบพนมมืออยู่ข้างๆผมแล้วพูดขึ้นมา
“วิญญาณดวงนี้มีบาปติดตัวอยู่และยังไม่ถึงคราวเลยไปไหนไม่ได้ แต่เอาละ พ่อจะช่วยชี้ทางให้เธอ”
ผมไม่ถามว่าท่านจะทำอย่างไรแต่ท่านพูดต่อไป
“พ่อจะให้ ดวงวิญญาณนี้ปฏิบัติธรรมบำเพ็ญเพียรจนกว่าจะถึงวาระของเธอ”
กรรณิการ์นั้นก้มลงกราบท่านอาจารย์พร้อมตอบว่า
“เป็นพระคุณอย่างสูงเจ้าคะ ท่านอาจารย์”
เมื่อได้เห็นดังนั้น ผมจึงได้พูดกับท่านอาจารย์
“อาจารย์ครับ ผมสงสัยว่าทำไมดวงวิญาณดวงนี้ถึงได้สิงสถิตอยู่ในห้องพักของโรงแรม เธอไม่ใช่รุกขเทวดาหรือนางไม้ที่สิงอยู่ในต้นไม้อย่างที่ผมเคยเจอมา”
ท่านกัสปะยิ้มกับผมก่อนจะตอบ
“จริงๆแล้ว หญิงสาวผู้นี้ยังไม่ถึงฆาตแต่เธอนั้นฆ่าตัวตายไปก่อนที่จะหมดอายุขัย ทำให้ดวงวิญาณไม่สามารถไปไหนได้ต้องสิงอยู่ในที่ ที่เธอตาย แต่เจ้าคงสงสัยว่าทำไมยมทูตถึงไม่รับวิญญาณดวงนี้ไป เรื่องนี้มันก็ไม่ใช่อะไร ในเมื่อเธอยังไม่ถึงที่ตายบางทียมทูตตรวจบัญชีคนตายก็อาจจะละเลย ไม่สนใจพูดง่ายๆคือเกียจคร้านนั่นเอง และอีกอย่าง วิญญาณเธอไม่สำแดงอะไรที่หลอกหลอนผู้คนจนเป็นจุดสนใจ บรรดายมทูตก็ละเลยไม่ใส่ใจ อาจจะมารับอีกทีก็ตอนที่เธอหมดอายุขัยตามพรหมลิขิตนั่นเอง เจ้าก็รู้อย่างที่อาจารย์เคยบอกไว้ ว่าเทพพวกนี้บางทีก็เหมือนคนทั่วๆไปมีหย่อนยานกันบ้าง แต่อย่างเจ้าที่เคยเจอพวกนี้ในวัยเด็กที่จะมารับวิญญาณเจ้าก็เพราะมันเป็นจังหวะพอดี”
“เข้าใจแล้วครับอาจารย์”
แล้วท่านกัสปะหันไปพูดกับกรรณิการ์อีกครั้ง
“แต่เจ้านี่มันก็จริงๆ กล้าที่จะหลอกใช้คนแบบนี้เรียกว่าผีหลอกคนก็ได้”
น้ำเสียงของท่านอาจารย์นั้นไม่ได้ถือสาอะไรแถมมีเสียงหัวเราะตามมา ทำให้ผมหันไปทางกรรณิการ์ที่ตอนนี้ร่างของเธอนั้นอยู่ในชุดนุ่งขาวห่มขาวแล้ว และเธอนั้นพนมมือแล้วไหว้ผม
“พี่อย่าโกรธฉันเลยนะ ที่ฉันหลอกพี่”
ทำเอาผมงง
“หลอกอะไรฉันไม่เข้าใจ”
เสียงของท่านอาจารย์นั้นแทรกขึ้นมาเพราะกรรณิการ์นั้นดูจะไม่กล้าบอกผม
“ เอาละคราวนี้เจ้าต้องอธิบายเองนะ กรรณิการ์”
เธอก้มหน้าไม่กล้าสบตาผมก่อนจะพูดขึ้นมา
“คืออย่างนี้จ๊ะ อย่างที่ฉันบอกว่าได้รับสัมผัสว่าตัวพี่เองนั้นมีพลังและบารมีที่สูงมาก ทำให้ฉันอยากจะให้พี่ใช้พลังช่วยให้วิญญาณฉันหลุดพ้นจากห้องพักที่โรงแรม ยิ่งรู้ว่าเรานั้นสื่อสารกันได้ฉันเลยสำแดงกายให้พี่เห็น เพื่อจะติดต่อขอให้พี่ช่วยแต่ที่ไหนมันกลับเกินเลยไปกว่าที่คิดเพราะตอนแรกฉันแค่อยากรู้ว่าพี่มีพลังขนาดไหนก็แค่จะลองฤทธิ์พี่เท่านั้น”
เธอไม่ยอมเงยหน้ามาสบตาเพราะคงเพราะเขินอายท่านอาจารย์ เพราะเธอคงรู้ว่าท่านกัสปะนั้นคงล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์พิเศษของเธอกับผมด้วย
“ฉันไม่โกรธเธอหรอก ฉันยินดีที่จะช่วยเธอให้หลุดพ้น”
เธอพนมมือไหว้ผมอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วผมจึงกราบลาท่านอาจารย์แล้วหันไปบอกกับกรรณิการ์
“ฉันไปก่อนนะกรรณิการ์ ขอให้เธอโชคดี”
“ขอบคุณพี่มากจ๊ะ บุญคุณครั้งนี้ฉันจะไม่ลืม พี่อสนีมีพระคุณกับฉันมาก”
เธอมองผมด้วยสายตาขอบคุณส่วนมือนั้นไหว้ผมอยู่ ผมรับไหว้ก่อนจะกำหนดจิตให้กลับ หลังจากนั้นผมใช้ชีวิตตามปกติเหมือนที่ผ่านมา โดยมีพลอยกับขนุน สับเปลี่ยนมาให้ความสุขกับผมตลอด แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่เว้นคือการใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลไปให้กับกรรณิการ์ทุกวัน และถ้าเป็นวันพระใหญ่ผมจะถือศีล 8 เพื่ออุทิศส่วนกุศลไปให้เธออีกด้วย ผมนั้นไม่ได้ไปพบกับท่านอาจารย์อีกเลยเพราะกลัวว่าถ้าไปแล้วจะอดถามถึงเธอไม่ได้ เพราะผมรู้ว่าผมกับเธอนั้นอยู่กันคนละภพไม่ควรจะข้องเกี่ยวกัน เรื่องที่ผ่านมาอาจจะเกิดจากความผูกพันหรือเวรกรรมในชาติปางก่อนที่ท่านอาจารย์เคยบอกไว้ แต่เวลาผมนั่งสมาธิเพื่อภาวนานั้นผมส่งใจไประลึกถึงท่านอาจารย์ทุกครั้ง มีบางครั้งที่ท่านจะมาปรากฏกายให้ผมเห็นในดวงจิตแต่ไม่ได้กล่าวอะไร เท่านี้ผมก็ถือว่าท่านให้ความเมตตากับผมมากแล้ว
จนเวลาผ่านไป 9 เดือนเศษนับจากที่ผมนำเธอไปบำเพ็ญเพียรกับท่านอาจารย์ กลางดึกคืนนั้นในห้องนอนคอนโดที่ผมพักอยู่ ผมที่กำลังหลับสนิทสะดุ้งตื่น เพราะรู้สึกว่ามีใครมาหอมแก้มผมแล้วนั่งข้างๆบนเตียง ผมลืมตาขึ้นมาแล้วลุกขึ้นนั่งมามองข้างๆ จึงเห็นร่างรางๆแล้วเสียงหัวเราะจึงใช้พลังวิเศษ ทำให้รู้ว่าเป็นกรรณิการ์ นั่นเอง เธอนั่งยิ้มมาให้ผม หน้าตาของเธอนั้นดูมีสง่าราศีขึ้นมา
“กรรณิการ์”
ผมอุทาน ส่วนเธอนั้นพนมมือขึ้นมาไหว้ผมก่อนจะบอกว่า
“ใช่จ๊ะพี่ ฉันเอง ฉันมาลาพี่”
“หมายความว่า”
ผมพูดขึ้นมาอย่างลืมตัวแต่ใจนั้นพอจะเดาออกว่าเธอหมายถึงอะไร
“ใช่จ๊ะ ด้วยการชี้ทางของท่านอาจารย์ที่ให้ฉันบำเพ็ญเพียรพร้อมด้วยบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ที่พี่อุทิศให้ฉันทุกวัน ทำให้วิญญาณของฉันนั้นพ้นวิบากกรรมได้เร็วขึ้น คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่ฉันจะอยู่ในภพนี้ พรุ่งนี้พอแสงแรกของตะวันฉายขึ้นฉันก็จะไปจากภพนี้แล้วจ๊ะพี่ ฉันเลยมาลาเพราะรู้ว่าเราคงไม่ได้พบกันอีกแล้ว”
น้ำเสียงประโยคท้ายของเธอนั้นดูเศร้าสร้อยยิ่งนัก ผมนั่งฟังจนจบ แล้วตอบเธอไป
“งั้นขอให้เธอโชคดีนะ ที่ฉันทำบุญไปให้ก็ไม่คิดว่ามันจะส่งผลถึงเธอขนาดนี้”
“ฉันขอบคุณพี่อีกครั้ง จากใจจริงบุญคุณครั้งนี้ของพี่ ยากที่ฉันจะทดแทนให้จ๊ะ”
“ไม่ต้องมานับเป็นบุญคุณอะไรหรอก อีกอย่างฉันเต็มใจทำให้กับเธอ”
“แต่ฉันยังพอมีเวลาที่จะตอบแทนพี่ แม้จะเล็กน้อยก็ตาม”
“อะไรหรือ”
ผมถามไปด้วยความสงสัย แต่พอเห็นสายตาที่เธอมองมาที่ผมและที่ชุดของเธอที่ใส่ตอนนี้เป็นชุดนอนที่โปร่งจนมองทะลุเข้าไปเห็นด้านใน แต่ก่อนที่ผมจะถามอะไรต่อมือของเธอดันผมให้ลงมานอนบนเตียงพร้อมกับร่างของเธอขึ้นมานอนทับ ก่อนจะเอาปากมาประกบกับปากผม ผมรับการจูบของเธออย่างเต็มใจทั้งสองโอบไปรอบร่างของเธอที่คราวนี้ไม่ต้องใช้พลังวิเศษในการสร้างขึ้นมา
“ทำแบบนี้แล้วเธอไม่บาปหรือมีผลกระทบอะไรหรือ”
“ถ้าตราบใดที่แสงตะวันยังไม่ฉายขึ้น สภาวะของฉันยังคงสภาพเดิมอยู่จ๊ะเราทำแบบนี้ ไม่เปื้อนราคี ไม่เป็นบาปเพราะเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ถึงจะข้ามเส้นของจักรวาลไปบ้าง แต่มันเป็นการเต็มใจของเราทั้งคู่จ๊ะ”
ทันทีที่เธอตอบแบบนนี้ผมดึงหน้าเธอลงมาจูบทันที ไม่นานนักเสื้อผ้าของเราหลุดจากร่าง ใบหน้าของกรรณิการ์เลื่อนลงไปด้านล่างทันที ปากของเธอครอบไปที่ควยผมที่เริ่มจะแข็งตัว จนผมร้องขอไปที่เธอ
“กรรณิการ์ ท่า 69 เถอะ”
เธอเลียควยให้ผมอีก2 ครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนมาอยู่ในท่า 69 ผมใช้ลิ้นกับโคกหีของเธออย่างเต็มที่ให้สมกับที่ไม่ได้เจอมานานเช่นเดียวกับเธอ ก่อนที่บทรักครั้งนี้จะจบด้วยการที่เธอขย่มผม เราใช้เวลาพักกันไม่นานก่อนที่เธอจะปลุกผมและเป็นฝ่ายร้องขอให้ผมเล่นรักทางประตูหลังของเธอ คราวนี้ผมให้เธอนอนหงายก่อนจะเอาขาพาดไหล่ กรรณิการ์นั้นอ้าขาอย่างเต็มที่ พอผมดันควยเข้าไปครั้งนี้เธอร้องครางไม่หยุดแถมเด้งรับตลอด เกมรักสั่งลาของเราทั้งสองผ่านไปอย่างดุเดือด จนถึงรุ่งสาง ร่างของเธอนั้นยืนที่ปลายเตียงผม ก่อนจะทรุดกายลงไปนั่งพับเพียบแล้วพนมมือไว้ที่ทรวงอก ผมเห็นว่าตอนนี้หน้าตาของเธอมีราศีมากขึ้น เธอยิ้มออกมาแล้วกล่าวคำอำลามายังจิตของผม
“ลาก่อนนะจ๊ะพี่ ขอให้พี่ได้พบแต่สิ่งที่ดีๆ กรรณิการ์ลาก่อนคะ”
“เช่นกันขอให้เธอนั้นไปเจอแต่สิ่งที่ดีๆหลังจากหลุดพ้นจากสภาพนี้”
ร่างของเธอค่อยสลายไป ถึงผมจะมีคำถามมากมายแต่จากสิ่งที่หลวงตาและท่านอาจารย์เคยบอกผมไว้ ในเมื่อเราถูกกำหนดให้รับรู้แค่ไหนในเรื่องที่มนุษย์ธรรมดานั้นไม่สามารถหยั่งรู้ ก็ไม่ควรจะขวนขวายไปให้รู้มากขึ้น เพราะมันจะไม่เป็นผลดีขอให้ปล่อยวางจะดีสุด ผมจึงไม่ถามเธอว่าเธอจะไปอยู่ที่ไหน รวมถึงเรื่องที่ผมยังมีความสงสัยในอดีตชาติของผม แต่ผมก็ปล่อยวางไป ใช้ชีวิตตามปกติ แต่ผมหารู้ไม่ว่าระหว่างที่เธอกล่าวลาก่อนจะสลายร่างไปนั้น ความคิดของเธอที่ผมไม่ได้ยินได้กล่าวว่า
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน