งานแต่งงานของ จ๋าย เพื่อนสาวคนสนิทคู่หูปาท่องโก๋ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมกับเจ้าบ่าวหนุ่มใหญ่ชาวต่างชาตินัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลหล่อสะบัดเท่ระเบิดสมาร์ทอย่างกับริชาร์ดเกียร์ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายที่จังหวัดบ้านเกิด จะว่าไปเรื่องของจ๋ายเปรียบคล้ายดั่งนิยายชวนฝันของบรรดาเด็กสาวทั่วโลก สาวน้อยต้อยต่ำกับเจ้าชายผู้มั่งคั่งซินเดอเรลล่าตัวเป็นๆ พนักงานโรงแรมสาวกับมหาเศรษฐีพันล้าน(เหรียญยูเอส)หนุ่มใหญ่ชาวหมู่เกาะโซโลมอน
แต่เรื่องของจ๋ายอาจล้ำแซงหน้าตำนานรักนางซินไปหน่อยตรงที่ตอนนี้เธออุ้มท้องอ่อนๆทายาทคนเพียงเดียวของนักธุรกิจระดับโลกนายริชาร์ดเกียร์สองได้เกือบสามเดือนแล้ว ซึ่งอาจเพราะเหตุนี้เจ้าภาพจึงจัดงานเป็นการภายในออกการ์ดเชิญแขกเฉพาะญาติใกล้ชิดและเพื่อนสนิทเท่านั้น ส่วนงานเลี้ยงฉลองสมรสใหญ่โตสมศักดิ์ศรีมหาเศรษฐีสละโสดนัยว่าจะจัดขึ้นที่พลาซ่าในนครซิดนีย์เพื่อความสะดวกในการต้อนรับบรรดาแขกเหรื่อมิตรรักแวดวงธุรกิจที่จะเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีจากทั่วโลก
ญาติผู้ใหญ่ทางเจ้าบ่าวเล่าเรื่องความลำบากยากเข็นของการเดินทางจากหมู่เกาะโซโลมอนมายังประเทศไทย ดีที่ครอบครัวมีเครื่องบินส่วนตัวจึงสามารถบินตรงมาลงที่ออสเตรเลียได้เลยซึ่งช่วยย่นย่อระยะทางและเวลาไปได้มาก อาจารย์ปรีชา ฟังแล้วกลืนน้ำลายเอื๊อก ตั๋วเครื่องบินพร้อมพ็อคเก็ตมันนี่อีกสามหมื่นกว่าบาทในซองที่เหล่าบรรดาลูกศิษย์ใช้โอกาสในงานแต่งงานของจ๋ายพร้อมใจกันมอบให้เพื่อแสดงมุทิตาจิตในเนื่องวาระเกษียณอายุยังอุ่นๆอยู่ในมือ
“ครูไม่ไปได้มั้ย นลิน” อาจารย์ปรีชากระซิบถามอดีตลูกศิษย์สาวจอมเฮี้ยว “นั่งเครื่องบินตั้งสองสามต่อจะไหวเหรอ”
“ถ้าอาจารย์ไม่ไปแล้วในงานใครจะเป็นญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเราล่ะคะ” ลูกศิษย์สาวตอบ
“ก็พ่อแม่เค้าไง ครูจะไปเกี่ยวอะไรด้วยล่ะไม่ใช่ญาติเค้าซะหน่อย”
“พ่อแม่จ๋ายเค้าเคยไปเที่ยวดูบ้านเจ้าบ่าวมาทีนึงแล้ว คราวนี้เค้าบอกไม่อยากไปแล้วค่ะ”
“ก็เพราะว่ามันไกลจัดน่ะสิเค้าถึงไม่อยากไป” อาจารย์ปรีชาบ่นพึมพำ
“แฟนจ๋ายเค้าออกค่าเดินทางไปกลับให้ทั้งหมดเลยนะจารย์ แขกฝ่ายเจ้าสาวใครจะไปร่วมงานก็ได้แถมจ๋ายบอกว่าห้องพักมีเหลือเฟือ อยากให้อาจารย์ได้ไปเที่ยวพักผ่อนดูโน่นนี่บ้าง”
“แหม.. ขอบคุณจ้ะ ทีหลังถามครูก่อนก็ได้นะว่าอยากไปรึเปล่า ว่าแต่..พิชญ์นาฏได้แฟนรวยขนาดนั้นเลยเหรอ”
“รวยขนาดนั้นเลยค่ะ” นลินยืนยันทั้งที่ก็เพิ่งเคยเห็นสามีของเพื่อนรักตัวเป็นๆก็ในงานแต่งนี้เอง
“เล่าหน่อยซิว่าคู่นี้เค้าไปเจอกันได้ยังไง ตอนไปเรียนกรุงเทพพวกเธอสองคนอยู่หอเดียวกันไม่ใช่เหรอ” อาจารย์ปรีชาทำท่าอยากฟัง
“หนูจะไปรู้ได้ไงล่ะคะเรียนจบมหาลัยก็แยกย้ายแล้ว”
“เท่าที่รู้แฟนจ๋ายเค้าเดินทางมาพักผ่อนที่หัวหินเข้าพักเป็นแขกของโรงแรม ส่วนจ๋ายเป็นพนักงานโรงแรมค่ะ”
“อื้ม.. บุพเพสันนิวาสแท้ๆเลยดูสิ ถือว่าเป็นบุญวาสนาของพิชญ์นาฏนะ”
“แล้วเพื่อนฝูงได้ดิบได้ดีทั้งทีไม่คิดจะดึงเธอไปทำมาหากินอะไรทางโน้นบ้างรึไง ได้ข่าวว่าตกงานอยู่ไม่ใช่รึ”
“เค้าเรียกว่าฟรีแลนซ์ค่ะ ไม่ใช่ตกงานซักหน่อย”
“ก็คือกัน..”
“จ๋ายเค้าก็ชวนค่ะ พอดีหนูติดแฟนอ่ะขืนไปอยู่ไกลกันขนาดนั้นคิดถึงแย่เลย” นลินแกล้งพูดยั่วอดีตอาจารย์ประจำชั้นจอมเฮี๊ยบ
“แล้วแฟนเธอรวยเหมือนกับแฟนพิชญ์นาฏรึเปล่าล่ะ ถ้าจะติดแฟนก็หาให้มันรวยหน่อยจะได้สบายไปทั้งชาติ”
“หนูบูชาความรักค่ะไม่ได้บูชาเงิน”
“ถ้างั้นก็แล้วแต่นะ แฟนเธอคงจะดีใจ” อาจารย์ปรีชามองลอดแว่น
“แต่.. เดี๋ยวนะ .. ถ้างั้นตั๋วเครื่องบินนี่พวกเธอก็ไม่ได้ซื้อให้ครูน่ะสิ” อดีตอาจารย์สุดเฮี๊ยบเพิ่งนึกออก “เมื่อกี๊เธอบอกว่าแฟนของพิชญ์นาฏออกเงินซื้อให้หมดใครจะไปก็ได้ใช่มั้ย”
“ไปเหอะค่าาจารย์ เค้าว่าทะเลแปซิฟิกนี่สวยสุดยอดเลยนะ” นลินปิดปากห้ามตัวเองไม่ให้หัวเราะ
“แหม.. พูดซะอย่างกับเธอเคยไป”
“หนูเคยเห็นแต่ในรูป..”
“ก็ถ้าทะเลแปซิฟิกมันสวยซะขนาดนั้นแล้วเศรษฐีระดับเค้าจะมาเที่ยวหัวหินบ้านเราทำไม คิดสิ”
“ก็บุพเพอาละวาดไงคะจารย์”
“ครูว่าเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ”
“หนูว่ามีเงี่ยนนำมากกว่า จ๋ายท้องสามเดือนแล้วนะคะจารย์” นลินยิ้มกวน
“พูดจาระวังปากระวังคำหน่อยอย่าให้มันก๋ากั่นนัก ถึงตอนนี้ชั้นจะไม่ใช่ครูเธอแล้วแต่ก็ไม่ใช่เพื่อนเล่นนะ” อาจารย์ปรีชาคิ้วขมวดขยับแว่นตา
“แหม.. จารย์ก็ ของแบบนี้มันเรื่องธรรมชาติค่ะ” นลินยักคิ้วหลิ่วตาล้อเลียน
………………..
ในวันเดินทางนลินมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเกือบสี่ทุ่มเห็นครอบครัวของจ๋ายยืนจับกลุ่มอยู่ใกล้ๆเคาน์เตอร์ออกตั๋วจึงได้รู้ว่าพ่อกับแม่ของจ๋ายตัดสินใจเดินทางไปในทริปนี้ด้วย ฉุกคิดว่าแบบนี้อาจารย์ปรีชาจะเบี้ยวรึเปล่า
“ครูปรีชาน่ะเหรอ พ่อเอ็งลากไปกินเหล้าอยู่ตรงไหนไม่รู้” แม่จ๋ายบอก “เดี๋ยวเหอะถ้ามาไม่ทันจะปล่อยให้ตกเครื่องอยู่ที่นี่แหละ”
ตั้งแต่พ่อกับแม่หย่าร้างเพื่อหนีหนี้แยกกันไปคนละทิศละทางเพราะพิษเศรษฐกิจ นลินก็แทบจะย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ที่บ้านของจ๋ายเพราะทรัพย์สินทุกอย่างถูกบังคับคดีทั้งหมดแม้แต่ชุดนักเรียนก็เอาออกมาไม่ได้ ครอบครัวของจ๋ายต้อนรับเพื่อนรักของลูกสาวที่กำลังเดือดร้อนเหมือนสมาชิกคนหนึ่งในบ้าน ไม่เพียงที่ซุกหัวนอนแต่พ่อแม่ของจ๋ายยังดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆให้ด้วยเสมือนเธอเป็นลูกสาวอีกคน ถึงแม้จะไม่ได้ร่ำรวยอะไรแต่ก็ยังเอื้อเฟื้อให้ใครที่ไม่ใช่ญาติเรียนจนจบมหาวิทยาลัยได้
………………..
เครื่องเจ็ดสี่เจ็ดแบ่งที่นั่งเป็นกลุ่มสี่แถวกลางและซ้ายขวาข้างละสามแถว ตามเลขที่นั่งนลินนั่งติดริมหน้าต่างถัดไปเป็นแม่และพ่อของจ๋าย อาจารย์ปรีชากับน้องๆและญาติคนอื่นๆนั่งแถวหลังถัดไป พ่อของจ๋ายกลิ่นเหล้าคลุ้งหน้าแดงก่ำนัยว่ากรึ่มมาตั้งแต่ยังไม่ขึ้นรถตู้ออกจากบ้าน แกนั่งสัปปหงกตั้งแต่เครื่องยังไม่ทันเทคออฟ สำหรับคนที่ไม่ค่อยคุ้นกับการเดินทางด้วยเครื่องบินหลับไปเสียเลยแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน มองนาฬิกาข้อมือบอกเวลาตีสองกว่านลินหลับตาฟังเสียงเครื่องยนต์เริ่มคำรามสัมผัสได้ถึงอัตราความเร่งและแรงสั่นสะเทือนทำให้รู้สึกหวาดๆอยู่บ้างเหมือนกันถ้าตอนนี้หลับได้แบบพ่อของจ๋ายก็คงจะดี นกเหล็กยักษ์น้ำหนักเป็นพันตันบรรทุกสัมภาระพร้อมผู้โดยสารอีกหลายร้อยคนจะยกตัวขึ้นไปลอยอยู่บนฟ้าได้อย่างไร มหัศจรรย์แท้
………………..
ทุกครั้งที่แม่ของจ๋ายลุกแทรกตัวไปเข้าห้องน้ำนลินจะรู้สึกตัวตื่นมองนาฬิกา เพิ่งผ่านไปไม่ถึงสองชั่วโมงแต่แม่จ๋ายลุกไปเข้าห้องน้ำถึงสามครั้ง เสียงครูประจำชั้นจอมเฮี๊ยบนอนอ้าปากหวอกรนเบาๆจากเบาะหลัง แขวนไม้เรียวแล้วอาจารย์ปรีชาก็เป็นแค่ชายวัยทองอ้วนๆศีรษะล้านธรรมดาๆไม่หลงเหลือเค้าจอมโหดตีสะบั้นหั่นแหลกตามฉายา โคตรไอ้เคี่ยม ที่นักเรียนเคยตั้งให้ไว้เลย รสชาติกิ่งพู่ระหงริดใบทั้งเจ็บทั้งแสบทั้งคันยังจำได้ดี กิ่งพู่ระหงมันจะโค้งโอบรอบบั้นท้ายตามแรงหวด ยิ่งถ้าโดนแถวต้นขายิ่งเจ็บแสบ
แม่ของจ๋ายเดินกลับมาจากห้องน้ำคราวนี้พ่อทำท่าหัวเสียรำคาญกระเถิบถัดตัวมานั่งข้างนลินซะเลยให้แม่นั่งติดทางเดินจะได้ลุกนั่งเข้าออกตามสะดวก กลิ่นละมุดลอยมาเตะจมูก นลินอยากจะขยับที่ปิดตาลงมาปิดจมูกมากกว่าพยามหายใจแผ่วเบาเอนหลังพิงพนักหลับตาหวังจะหลับดิ่งลึกให้ได้โดยเร็วที่สุด มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นเพียงผืนแผ่นน้ำสีดำกว้างใหญ่ผสมปนเปกับท้องฟ้าสีมืด ตีสี่กว่าแล้วขืนยังหลับๆตื่นๆพรุ่งนี้แย่แน่ๆ(ขอบตาดำถ่ายรูปไม่สวย)
………………..
ผู้ชายมีสามประเภท ประเภทแรกคือชายที่มีเกียรติ ชายประเภทมีเกียรตินี้จะปล่อยให้สถานการณ์ที่ไม่ปกติแบบนี้ผ่านไปอย่างกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา ประเภทที่สองคือชายที่มีเกียรติแต่ไม่สามารถต้านทานสิ่งเร้าล่อใจได้ ชายกลุ่มนี้จะเบี่ยงเบนสายตาของเขาแอบมองสอดส่ายสำรวจเพื่อกระบวนการสนองความตื่นเต้นให้จิตใจ ประเภทที่สามคือพวกที่ไม่ปกปิดไม่ยับยั้งชั่งใจหรือยั้งคิดใดๆ ชายจำพวกนี้จะค่อยๆรุกคืบทดสอบขอบเขตของเขาอย่างเนิบช้าและใจเย็น เพื่อให้รู้ว่าเขาจะทำได้มากแค่ไหนก่อนที่เหยื่อจะรู้สึกตัวตื่น
เมื่อเริ่มรู้สึกว่ามีมือวางอยู่ที่ต้นขาเธอรู้ว่าคือมือของพ่อจ๋าย เขาบิดตัวช้าๆค่อยเคลื่อนมือลูบไล้ เครื่องบินตกหลุมอากาศเล็กน้อยนลินแกล้งขยับตัวปัดมือของเขาออก ทุกอย่าหยุดลงหยุดสักครู่ กลิ่นเหล้าเหม็นๆลอยมาเตะจมูก ได้ยินเสียงลมหายใจหอบถี่ด้วยความตื่นเต้นของชายวัยเกษียณ เธอไม่รู้จะทำอย่างไรจะดึงที่ปิดตาออกก็ไม่กล้า เมียเขาก็นั่งอยู่ข้างๆทำไม่พ่อจ๋ายถึงได้กล้าลงมือ ทั้งที่เคยอยู่ร่วมชายคาเดียวกันตั้งหลายปีเขาก็ไม่เคยมีทีท่าในเชิงลวนลามแม้เวลาถูกมองสายตาของเขาก็ยังไม่เคยสักครั้งที่จะทำให้เพื่อนลูกสาวไม่สบายใจ
หรือทั้งหมดนี้อาจเป็นเพราะฤทธิ์เหล้า
ยิ่งไม่โวยวายพ่อของจ๋ายก็ยิ่งได้ใจ มืออีกข้างของเขาบีบเคล้นคลึงเนื้อนมลงน้ำหนักมืออย่างไม่เกรงใจ ล้วงผ่านคอเสื้อสอดปลายนิ้วเข้าไปในยกทรงบดเขี่ยหัวนมอย่างเมามันส์ในอารมณ์ ยอดปทุมถันแข็งสู้นิ้ว การตอบสนองทางร่ายกายที่นลินไม่อาจควบคุมปฏิเสธได้ยิ่งทำให้เขาได้ใจ ยังดีที่ใส่ที่ปิดตาอยู่
อุ้งมือของพ่ออุ่นชื้นเหงื่อ เขาล้วงบีบเคล้นเขี่ยหัวนมตามอำเภอใจจนผู้สาวคราวลูกสั่นกระตุกเกร็งไปทั้งตัว ในขณะที่แสร้งทำเป็นหลับนลินพยามห้ามใจตัวเองไม่ให้ลงลึกวาบหวาม "ฝันดีนะจ้ะ" พ่อจ๋ายกระซิบ เขายกที่พักแขนขึ้นจับตัวเธอให้หันเบี่ยงไปทางเขา ได้ยินพ่อจ๋ายหัวเราะในลำคอ รังสีอํามหื่นส่งผ่านลมหายใจร้อนผ่าวแผ่จนรู้สึกได้ว่าใบหน้าของเขาอยู่ใกล้มาก
ชายวัยเกษียนใช้สองมือประคองหน้าเลียริมฝีปากของเพื่อนลูกสาวอย่างหยาบคาย ลากลิ้นสากๆลามเลื้อยไล่ลงจนถึงเนินอกซุกไซร้ใบหน้าสูดกลิ่นสาวอย่างโหยกระหาย พ่อของจ๋ายประคองปทุมถันเข้าปากดูดบดบิดลิ้นวนรอบหัวนม ขบแผ่วเบาสลับลงลิ้นกวาดตวัดระรัว ตลอดเวลาศีรษะของเขาแหงนดูสีหน้าของนลินอย่างพึงพอใจ บุญคุณทั้งหมดขอชดใช้คืนตอนนี้เลยละกัน ทั้งดูดทั้งดุนลงลิ้นระรัวจนผู้สาวคราวลูกสั่นเกร็งหอบหายใจถี่ ทำไมไม่มีพนักงานต้อนรับเดินผ่านมาบ้างเลย แม่ของจ๋ายอยู่ดีๆก็หลับยาวไม่ปวดฉี่ซะงั้น
เขารู้ว่าเธอตื่นแล้วและไม่คิดที่จะขัดขืนใดๆเท่ากับยินยอมรับการถูกล่วงละเมิด คิดเสียว่าโดนหมาเลียหน้าเลียตัวแล้วกันนะจ้ะลูกสาว เครื่องบินตกหลุมอากาศอย่างแรงและยาวนานหลายนาที เขาผละมือออกจากอกและต้นขาเหมือนมันคือจุดสิ้นสุด แต่ไม่ นลินถอดที่ปิดตาออก พ่อของจ๋ายจ้องมองมาที่เธออย่างย่ามใจแบบสุดๆ นัยตาของเขาแดงก่ำจนน่ากลัว นลินกำลังเป็นส่วนหนึ่งของเกมส์ที่เขาควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ทั้งหมด
เขาปลดเข็มขัดที่นั่งของเธอออกคลำควานหากระดุมกางเกงรูดซิปจกมือลงไปล้วงขยำรื้อค้นข้าวของข้างในอย่างตะกระตะกรามละโมบโลภมาก นลินเหลือบมองไปที่แม่จ๋ายยังคงหลับสนิทนิ่งไม่ไหวติงรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนใดๆ เสียงกรนเบาๆของอาจารย์ปรีชายังครางหึ่งอยู่ที่เบาะหลัง
………………..
“แบบนี้ครูว่าเธอต้องแจ้งตำรวจ หรืออย่างน้อยพิชญ์นาฏก็ควรจะต้องรู้” อาจารย์ปรีชาตกใจมือทาบอกเมื่อได้ฟังเรื่องราวจากปากของอดีตลูกศิษย์สาว
“อาจารย์เห็นตอนที่จ๋ายโผเข้ากอดพ่อกับแม่ที่สนามบินในออสเตรเลียมั้ยคะ”
“เห็น.. แล้วมันเกี่ยวอะไรกันกับเรื่องที่เธอโดนล่วงละเมิดล่ะ”
“หนูไม่อยากเป็นต้นเหตุทำให้เสียบรรยากาศ จ๋ายกำลังจะมีความสุข”
“ความจริงเธอก็น่าจะสะกิดครูนะ ครูเองก็เมาหลับไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวเล้ย” อาจารย์ปรีชาส่ายหัวเจ็บใจตัวเอง
“อาจารย์ตื่นมาก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกค่ะ อีกอย่างพ่อจ๋ายก็คงจะเมามากด้วย ทั้งหมดนี้ถือว่าหนูให้จ๋ายเป็นของขวัญก็แล้วกัน”
“แต่ถ้าเธอจะโทษเรื่องเมาครูเองก็มีส่วนต้องรับผิดชอบ เพราะก็กินมาด้วยกัน ไม่ต้องมีเรื่องมีราวก็ดีแล้วล่ะ จริงๆครูคิดว่าเธอเป็นคนไม่เป็นโล้เป็นพาย แต่จริงๆเธอเป็นคนที่เสียสละและรักเพื่อนมากนะนลิน ไม่เสียแรงที่เป็นลูกศิษย์ครู”
“ตอนนั้นหนูไม่รู้จะยังไงดีก็เลยคิดถึงหน้าริชาร์ดเกียร์สองแฟนจ๋ายอ่ะค่ะ นึกจินตนาการว่าจ้าวบ่าวแอบหนีเจ้าสาวมามีอะไรกับหนูบนเครื่องบินก่อนงานแต่ง” นลินเบะปากมองบน
“.. ผีเจาะปากมาพูดหรือไงกันเนี่ยเธอ ฮึ..”
“ก็ดีที่สุดที่ทำได้ณ.เวลานั้นแล้วอ่ะค่ะ”
“แล้วมันช่วยได้เหรอ”
“ก็ยังดีกว่าเอาที่ปิดตาออกแล้วต้องทนเห็นหน้าเหี่ยวๆหื่นๆของพ่อก็แล้วกัน”
“นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะเธอโดนครูฟาดซ้ำไปแล้ว แล้วดูซิแต่งเนื้อแต่งตัวล่อไอ้เข้แบบนี้มันถึงได้โดนไง ไม่รู้ใครเป็นเหยื่อใครกันแน่” อาจารย์ปรีชายืนเท้าสะเอวคิ้วขมวดผูกกันเป็นโบว์ “อ่อนไม้เรียวไม่มีใครคอยเฆี่ยนคอยตีนี่ถ้ามีไม้เรียวจะขอฟาดซักที”
“จะฟาดกี่ทีก็ยอมคะ ขอแค่จารย์อย่าทิ้งหนูอยู่คนเดียวนะ บอกตามตรงว่าตอนนี้หนูไม่ไว้ใจใครเลย”
“เดี๋ยวสิ แล้วอะไรยังไงต่อ” อาจารย์ปรีชาทวงถาม
“อะไรยังไงคะ”
“ก็บนเครื่องบินอ่ะ เมื่อกี๊เธอเล่าถึงแค่ตอนรูดซิปแล้วพ่อของพิชญ์นาฏก็จกมือลงไปอ่ะ”
“อ๋อ.. ”
“อ๋ออะไรล่ะ เล่าสิ”
“คือตอนนั้นหนูอายมากค่ะจารย์ ตอนพ่อจ๋ายเอามือออกมามันเปียกน้ำของหนูติดมือมาด้วย” นลินเล่า
“นี่เธอแฉะด้วยเหรอ กำลังจะโดนข่มขืนอยู่แล้วเนี่ยนะยังจะมีอารมณ์ได้อีก”
“ถึงบอกไงคะว่าตอนนั้นอ่ะโคตรอายเลย พ่อเค้าเลยรู้ว่าหนูบิ้วขึ้น”
“อ่ะ สรุปแล้วยังไง เอาตอนจบเลย ..รำคาญ”
“สรุปหนูใช้มือชักให้พ่อ ตอนแรกพ่อจะให้อมแต่ดมแล้วมันมีกลิ่นหนูเลยบอกไม่เอาไม่อม เค้าก็เลยให้ใช้มือ”
“เออดี เฉียบ.. หมดเวรหมดกรรมกันไปไม่ต้องมีใครบาดเจ็บล้มตาย”
“เปล่าค่ะ ของพ่อมันมีกลิ่นจริงๆนี่ถ้าล้างมาดีๆหอมๆหนูก็อมให้นะ”
“เธอนี่ผีเจาะปากมาพูดจริงๆ” อาจารย์ปรีชาส่ายหน้าถอนหายใจ
หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนทุกอย่างในสายตาของนลินกลายเป็นด้านลบไปทั้งหมด จ๋ายกับเจ้าบ่าวมารอรับที่สนามบินหลักของเมืองชื่อประหลาดแปลกหูเพราะเครื่องบินส่วนตัวของครอบครัวสามารถแลนดิ้งในออสเตรเลียได้เพียงที่สนามบินแห่งนี้เท่านั้น ซึ่งเป็นเหตุผลให้ต้องโดยสารมากับสายการบินชื่อแปลก ตราสัญลักษณ์ก็แปลก ชุดเครื่องแบบของพนักงานต้อนรับบนเครื่องก็แปลก
เห็นเพื่อนรักโผเข้ากอดพ่อกับแม่แล้วเหมือนมีก้อนหนักๆจุกอยู่ที่อกอย่าว่าแต่พูดเลยหายใจยังแทบไม่ออก เกร็งมวนท้องจุกเสียดอยากจะอ้วก ตบท้ายด้วยมรสุมที่กระหน่ำเครื่องบินยี่สิบที่นั่งจนแกว่งไปตามแรงลมร่อนเป็นว่าวจนอกสั่นขวัญแขวนกันไปทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวและแขกผู้โดยสาร
ไม่ว่าจะพิธีกรรมอันสุดแสนประทับใจเป็นการภายในเฉพาะญาติใกล้ชิดในโบสถ์อายุกว่าร้อยปี หรือแม้แต่ชุดสวยที่ขนใส่กระเป๋าเตรียมตัวมาถ่ายรูปอวดเพื่อนในโซเชียลก็ไม่ได้อยู่ในสมองของนลินอีกต่อไป
ท้องทะเลสีครามท้องฟ้าสีโอเชี่ยนบลูที่หวังจะได้เห็นก็กลับกลายเป็นคลื่นสีเทาลูกใหญ่เท่าบ้านเพราะมรสุม ในหัวของเธอตอนี้มีแต่ความหวาดระแวง พ่อของเพื่อนผู้แสนใจดีกลับกลายร่างเป็นไอ้โรคจิตหื่นกามชนิดไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ เพิ่งรู้ทีหลังว่าพ่อของจ๋ายบังคับให้แม่กินยาแก้เมารถเมาเรือให้หลับไปเลยจะได้ไม่ต้องปวดฉี่บ่อย เธอถึงได้นิ่งสนิทไม่ไหวติงแบบนั้น
………………..
สี่ทุ่มกว่าแล้วนลินยังอ้อยอิ่งครึ่งนั่งครึ่งนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง ถึงแม้จะเป็นงานที่จัดขึ้นเป็นการภายในแต่ภาพบรรยากาศในงานของมหาเศรษฐีนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ภายในโบสถ์อันศักดิ์สิทธิ์ปูชณียสถานสำคัญระดับโลกก็ถูกแพร่กระจายไปในโลกอินเตอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว ทั่วทั้งโลกรับรู้ชื่อของเจ้าหญิงคนใหม่ พิชญ์นาฏ มอนเทคิว ซินเดอเรลล่าสาวชาวเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ดรีมคัมทรูไอดอลคนใหม่ของเด็กสาวๆ
“หนูว่าคนแถวนี้เค้าไม่ค่อยชอบบ้านสามีของจ๋ายซักเท่าไหร่” นลินเปรยขึ้นตอนที่อาจารย์ปรีชาเดินเช็ดหัวที่ไม่ค่อยจะมีผมออกมาจากห้องน้ำ
“แล้วเธอรู้ได้ไงว่าคนแถวนี้เค้าไม่ชอบ”
“ก็นี่ไงคะ หนูอ่านข่าวในอินเทอร์เน็ตเจอคอมเมนต์ที่ไม่ค่อยดีเยอะแยะเลย เค้าว่าหมู่เกาะแถวๆนี้ยังคงเป็นชุมชนมุสลิมที่เข้มเข็งเคร่งครัด ครอบครัวของสามีจ๋ายย้ายมาจากออสเตรเลียเป็นชาวคริสต์ชอบทำตัวผิดแปลกจัดงานหรูหรา”
“ก็ขนาดวันนี้ที่เราไปเดินเล่นริมชายหาดยังมีป้ายเขตห้ามใส่บิกินี่เลย” อาจารย์ปรีชาเสริม “ไหนว่าเป็นเมืองท่องเที่ยว”
“คงเข้มเฉพาะแถวนี้มั้งจารย์”
“แล้วตกลงคืนนี้เธอจะนอนนี่จริงๆเหรอ” อดีตอาจารย์ประจำชั้นวัยเกษียณถาม
“ขอหนูนอนด้วยคนนะจารย์ เมื่อตอนหัวค่ำพ่อจ๋ายสบตากับหนูงี๊เสียวสันหลังวาบ นี่เห็นแกกรึ่มไวน์มาสองวันแล้วคืนเนี่ยหนูรับรองเลยว่าพี้คมาก เมื่อคืนนอนคนเดียวแทบไม่ได้หลับเปิดไฟสว่างทั้งห้อง”
“ครูก็เป็นผู้ชายนะเธอไม่นึกกลัวอะไรบ้างเหรอมาขอค้างอ้างแรมกันสองต่อสองเนี่ย”
“แหม.. อาจารย์ก็พูดไป๊..”
“เออ นอนเถอะพรุ่งนี้เดินทางแต่เช้าครูละเกลียดไอ้เครื่องบินเล็กนี่จริงๆแค่คิดว่าจะต้องนั่งขากลับก็เซ็งแล้ว เธอไปนอนเตียงโน้นเลย”
นลินกระโดดพรวดเดี่ยวไปถึงเตียงเดี่ยวอีกฝั่ง อาจารย์ส่ายหน้าระอากับพฤติกรรมแก่นกระโหลกกะลา แต่ว่าเห็นอดีตลูกศิษย์สามารถอ่านแปลจับใจความจากข่าวต่างประเทศมาเล่าต่อได้รู้เรื่องก็วางใจยังไงชีวิตนี้มันรอดไปในทางดีแน่ๆ เสียงสวิทช์ไฟดังคลิ๊กทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความมืดได้ยินเสียงคลื่นลมแว่วมาไกลๆ อุณหภูมิช่วงกลางคืนเฉลี่ยยี่สิบองศานิดๆแบบนี้แทบไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศ แค่แง้มหน้าต่างห่มผ้าก็นอนหลับสบาย จะนึกอิจฉาจ๋ายจริงๆก็ตรงอากาศดีๆแบบนี้นี่แหละ
“นลิน..”
“ขา จารย์..”
“เธอยังจำเรื่องที่พ่อแม่สุจิตราพาตำรวจมาจับครูที่โรงเรียนได้มั้ย”
“อ๋อ.. จำได้ค่ะ ก่อนวันนั้นโดนตียกห้อง”
“ครูถามจริงๆเถอะ ในบรรดาพวกเธอใครเป็นคนถ่ายคลิปหาว่าครูเอาไม้ลูบก้นสุจิตราก่อนจะตีไปลงให้คนด่าในเน็ต”
“เอ่อ.. ไม่ทราบค่ะ” นลินพูดจาเพราะกิริยาเรียบร้อยขึ้นมาทันที
“พิชญ์นาฏสารภาพว่าเธอเป็นคนถ่าย”
“หนูถ่ายแต่มันไม่ใช้โทรศัพท์หนูนะจารย์ ใครเอาไปลงก็ไม่รู้”
“ก็แล้วมันโทรศัพท์ใครล่ะ.. แต่เอาเถอะ ถึงยังไงสุดท้ายทุดอย่างก็จบลงได้ด้วยดีเพราะความกล้าหาญของเธอ”
“เอ่อ..”
“ถ้าเธอไม่ยืนกรานกับตำรวจ กับท่านผอ. และกับทุกๆคนว่าที่แท้จริงแล้วครูเป็นกระเทย จึงไม่มีทางที่ครูจะเอาไม้ลูบก้นสุจริตราในเชิงชู้สาวแน่นอน ไม่งั้นวันนั้นครูคงแย่ ขอบใจนะนลิน”
“ค่ะ.. ไม่เป็นไหรค่ะ หนูนอนแล้วนะคะจารย์ ฝันดีค่ะ” ไม่มีการต่อปากต่อคำใดๆในความมืดจากอดีตคู่กัดไม้เบื่อไม้เมาต่างวัยอีกฝ่ายเหมือนเคย
………………..
เช้าวันรุ่งขึ้นตามกำหนดคือวันเดินทางกลับ แต่ขากลับนี้คือแขกทุกคนกลับพร้อมกันทั้งหมดไม่ใช่ค่อยๆทะยอยกันมาแบบขามา เครื่องบินเล็กยี่สิบที่นั่งบินตรงไปลงที่ออสเตรเลียบรรจุคนได้ไม่ครบทั้งหมดในรอบเดียว แต่ถ้าจะให้รอรอบสองรอบสามก็อาจไม่ทันไฟลท์กลับเมืองไทย ถ้าจะข้ามกลับไปออสเตรเลียทางเรือก็ต้องใช้เวลาเกือบทั้งวัน นายริชาร์ดเกียร์สองได้ฤกดิ์แสดงอิทธฤทธิ์ปาฏิหารทางการเงินอีกครั้ง นั้นคือการซื้อตั๋วเดินทางให้ใหม่ หากเพียงเราจะยอมเสียเวลาอยู่จิบชาต่ออีกสักนิดเพื่อรอไปออสเตรเลียพร้อมเครื่องบินรอบสุดท้าย
เค้าลางแห่งความพินาศวุ่นวายในชีวิตเริ่มแสดงตัวจากเครื่องบินที่เราจะนั่งกลับนั้นเป็นบริษัทเดิมแต่เส้นทางการบินไม่เหมือนเดิม ขากลับนี้จะต้องบินอ้อมขึ้นไปถึงตะวันออกกลางก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนเครื่องบินกลับมาไทย ก็เอาเหอะถือว่านั่งเครื่องบินเล่นดีกว่าต้องซื้อตั๋วเครื่องบินเอง ข่าวดีในข่าวร้ายก็คือ ริชาร์ดเกียร์สองเสนอจะซื้อตั๋วสายการบินไทยบินตรงกลับเมืองไทยเลย มีแค่นลินกับอาจารย์ปรีชาสองคนที่ไม่เอาด้วยเพื่อจะได้ไม่ต้องนั่งใกล้กับพ่อแม่จ๋ายให้กระอักกระอ่วนใจอีก
เครื่องบินยาวเกือบสิบชั่วโมงแลนดิ้งแล้วเรายังต้องรออยู่ในสนามบินนั้นอีกราวๆสี่ชั่วโมงถึงจะได้เวลาเครื่องกลับมาไทย ร้านรวงภายในสนามบินปิดประตูดับไฟกันเกือบจะหมดแล้วเหลือเพียงร้านสะดวกซื้อที่เปิดไฟสว่างอยู่แต่ผู้คนก็หนาแน่นมากมายของกินชั้นวางโหรงเหรงเต็มที
“ทำไมแถวจ่ายเงินมันไม่ขยับเลยอ่ะจารย์” นลินพยามเขย่งชะโงกดูเหตุการณ์หน้าเคาน์เตอร์ “หนูว่ามันไม่ใช่แล้วล่ะ”
“ต่อคิวไปเหอะน่าอย่าบ่นนักเลย ยังต้องรออีกเกือบสามชั่วโมงเธอรีบเหรอ”
“แหม ไม่ได้รีบค่าา แต่หนูว่านี่มันไม่ใช่แถวจ่ายตังค์หรอกดูดิไม่ขยับเลย เดี๋ยวหนูลองไปดูตรงนั้นหน่อย”
เสียงสัญญาณวี๊ดดังขึ้นจนทุกคนหันมามองเป็นสายตาเดียว ตอนแรกนลินคิดว่าเกิดเหตุระเบิดจึงย่อตัวลงมองซ้ายขวาเลิกลัก ถึงบางอ้อก็คือตอนที่เจ้าหน้าที่สนามบินแขกขาวตัวใหญ่หนวดเฟิ้มหน้าตาโหดสองคนบุกเข้าชาร์ตประชิดถึงตัวเธอ ห่อขนมในมือร่วงลงกับพื้น
ถึงแม้จะอธิบายเท่าไรว่าไม่ได้มีเจตนาจะขโมยของจากร้านสะดวกซื้อเจ้าหน้าที่ในห้องสอบสวนก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมเข้าใจเอาแต่เก๊กหน้าโหดไม่พูดไม่จา ทุกนาทีผ่านไปอย่างว่างเปล่าตอนนี้ต้องรอเพียงทนายที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างเดียว
คุณทนายอ้วนพุงพลุ้ยเดินเข้ามาพร้อมกับอาจารย์ปรีชา นลินอยากจะกระโดดกอดเมื่อได้เห็นหน้าคนชาติเดียวกันในสถานการณ์ร้ายแรงที่ต่างบ้านต่างเมืองแบบนี้
“ผมแนะนำให้คุณบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าคุณเป็นสามีภรรยากันนะ” คุณทนายให้คำแนะนำ “ครูกับอดีตนักเรียนไม่ได้อยู่ในขอบเขตอำนาจของศาล คุณอาจต้องกลับประเทศไทยไฟลท์ต่อไปนี้เลย”
“แต่ดิชั้นไม่ได้ขโมยนะคะ แค่จะเดินมาดูว่าข้างหน้าเค้าติดอะไรกันทำไมแถวจ่ายตังค์มันไม่ขยับ” นลินพยามอธิบาย
“เมล็ดพืชในกระเป๋านี่คืออะไรครับ” คุณทนายไม่รอให้ลูกความพูดจบ ส่งรูปถ่ายเป้ใส่กล้องของตัวเธอเองให้ดู ภาพขยายเมล็ดพืชสองชนิดนับรวมกันยี่สิบกว่าเมล็ดที่เจออยู่ในกระเป๋า
“เมล็ดเมเปิ้ล เก็บมาจากภูกระดึง” นลินเสียงสลด “หนูเก็บมาแล้วลืมเอาออกอ่ะจารย์”
“ส่วนอีกเมล็ดคือเมล็ดของดอกฟรายเดย์ ดอกไม้ประจำชาติเราครับ” คุณทนายบอกสีหน้าเคร่งเครียด “คุณนลิน ศรีดี มีความผิดสามกระทง หนึ่งคือลักขโมย สองนำเข้าเมล็ดพันธุ์พืชโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนกระทงที่สามคือลักลอบนำเมล็ดพันธุ์พืชท้องถิ่นออกนอกประเทศ”
“ก็หนูเห็นดอกมันสวยดีมีเมล็ดด้วย ที่โซโลมอนขึ้นตามข้างทางอย่างกับดอกหญ้าใครจะรู้ว่าเป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศนี้ล่ะ” นลินบ่นสะอื้นน้ำตารื้น
“แล้วแบบนี้เราจะสู้คดียังไงดีครับ ลูกศิษย์ผมเค้าไม่ได้ตั้งใจ” อาจารย์ปรีชาถาม
“สู้น่ะสู้ได้ครับ แต่มันใช้เวลานานมากและต้องใช้หลักทรัพย์ประกันตัววุ่นวาย คุณอาจต้องติดอยู่ที่นี่เป็นปี”
“เป็นปี!!” อาจารย์กับลูกศิษย์พูดเกือบพร้อมกัน
“ครับ เป็นปี ผมจึงแนะนำให้รับสารภาพ แล้วทุกสิ่งอย่างจะจบกระบวนการภายในสามสี่วัน” คุณทนายหุ่นหมีขยับแว่น “เนื่องจากเป็นลหุโทษอัตราโทษไม่ได้สูงอะไรมาก จากประสบการณ์ของผมในแต่ละกระทงคุณอาจถูกสั่งเฆี่ยนราวๆสิบถึงยี่สิบที”
“เฆี่ยน..!!” คราวนี้เสียงประสานพร้อมกันพอดี
“ใช่ครับ เฆี่ยน สามกระทงก็อาจโดนราวๆสามสิบถึงหกสิบที”
“วันเดียวจบเลยได้มั้ยคะ ทำไมต้องรอถึงสามสี่วันอ่ะ”
“ตามอัตราโทษคือควบคุมตัวไว้เพื่อเฆี่ยน จบเมื่อไหร่คุณก็ได้รับอิสรภาพเมื่อนั้น ส่วนถ้าจะรวบยอดให้จบภายในวันเดียวเลยคุณต้องร้องขอต่อศาลเอาเอง” คุณทนายหันมาทางอาจารย์ปรีชา “ถ้าเป็นสามีภรรยากันคุณจะได้รับความคุ้มครองตามอำนาจศาลให้อยู่ในประเทศนี้ได้สามสิบวัน ผมว่าคุณควรบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าคุณเป็นสามีภรรยากันนะ”
“แล้วผมจะเข้ามาเยี่ยมลูกศิษย์บ้างได้มั้ย”
“คุณรอที่อพาร์ทเม้นท์ดีกว่า เก็บกระเป๋าเอาไว้ให้พร้อมเดินทางทุกเมื่อเลยยิ่งดีส่วนรายละเอียดรูปคดีเจ้าหน้าที่ศาลท่านจะแจ้งให้คุณทราบอีกครั้ง แถวนั้นมีร้านราเม็งของคนจีนอร่อยดีนะถ้าไม่มีอะไรทำลองเดินเล่นใกล้ๆก็ได้ ประเทศเราไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวนักหรอก แต่ก็ยินดีต้อนรับ”
………………..
เช้าวันที่สามของการรอคอยในที่สุดเจ้าหน้าที่ศาลก็โทรมาแจ้งว่าจะมาส่งตัวนลินในตอนเย็นของวันนี้ และทั้งสองคนจะต้องเดินทางออกนอกราชอาณาจักรภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงตามคำสั่งศาล โดยจะมีเจ้าหน้าที่จากสถานทูตไทยขับรถมารับไปส่งที่สนามบิน เจ้าหน้าที่ศาลเล่าให้ฟังว่านลินร้องต่อศาลขอความเมตตาลงโทษให้จบภายในวันเดียว สรุปว่าศาลท่านประทับค้อนให้เฆี่ยนหกสิบทีเต็มแม็กซ์ รวบยอดในวันเดียวตามที่ผู้ต้องโทษร้องขอ หลังจากโดนหวดไปไม่ถึงห้าทีซาบซึ้งรสซาติของไม้ไผ่เหลา อุปกรณ์ลงโทษสถานเบามรดกตกทอดนับพันปีของชาวอารยัน นลินถึงกับต้องเป็นฝ่ายร้องขอให้ยืดระยะเวลาค่อยๆทะยอยผ่อนก็แล้วกัน
“คุกมันก็ดีนะของกินอะไรก็ดี เสียตรงที่เจ็บมากๆ แม่งตีโคตรเจ็บอ่ะจารย์หนูเลยขอมันวันละสองรอบรอบละสิบทีดีกว่า” นลินรายงานพลางลูบก้นไปด้วยเพื่อคลายความเจ็บปวดระบม “พรุ่งนี้จะนั่งเครื่องบินกลับได้ยังไงยังไม่รู้เลย อูยยย..”
“ร้านขายยาแถวนี้เค้าจ่ายยาให้มา เค้าว่ายาดีเอาไว้ทาสำหรับคนที่ถูกเฆี่ยนแบบนี้แหละ ประเทศนี้แม่งท่าทางเอะอะอะไรก็เฆี่ยนก็ตีมันถึงได้มียาเฉพาะทาง” อาจารย์ปรีชารู้สึกสงสารลูกศิษย์เหลือเกิน ผู้หญิงตัวเล็กๆมันยังทำได้ลงคอ นลินถอดกางเกงถึงเข่านอนคว่ำลงกับพื้นห้องให้อาจารย์ปรีชาช่วยทายา เสียงร้องโอดโอยซี๊ดแสบกล้ามเนื้อก้นกระตุกเกร็งทุกครั้งที่ป้ายยา บั้นท้ายเปลือยขาวเป็นแนวสีแดงช้ำม่วงพาดผ่านทับถมซ้ำจนผิวแตกเห็นเลือดซิบ
“วันแรกก่อนจะเฆี่ยนมันจับหนูแก้ผ้าแล้วพาไปอาบน้ำอะไรก็ไม่รู้” นลินเล่าไปด้วย
“แก้ผ้า!!”
“ใช่จารย์ รอบละสิบทีหกรอบมันก็ให้หนูแก้ผ้าแล้วพาไปอาบไอ้น้ำเนี่ย ทุกรอบ”
“จะบ้าเหรอลูกเค้ามีพ่อมีแม่ดันบังคับให้แก้ผ้าแก้ผ่อน ผู้ชายมันหน้าตาท่าทางแต่ละคนก็หื่นๆทั้งนั้น
”
“ไม่ใช่แค่นั้นค่ะจารย์ แม่งมีเหี้ยกว่านั้นอีก ในห้องนั้นนอกจากหนูแล้วยังมี ไอ้ทนายอ้วน เพชรฆาตมือหนึ่งมือสอง แล้วก็เจ้าหน้าที่อีกสองรวมห้าคนแม่งเป็นผู้ชายหมดแล้วเสือกบอกจะให้หนูแก้ผ้าอยู่คนเดียว” นลินซี๊ดแสบเพราะอาจารย์ลงน้ำหนักนิ้วแรงไปหน่อย
“หนูเห็นว่าผู้ชายมันเยอะแล้วก็อยู่ในห้องอับๆลับตาคนกลัวจะเป็นอันตรายก็เลยบอกมันว่าทำแบบนี้ไม่ได้หนูไม่ยอม ทนายมันก็เสนอว่าถ้างั้นก็ร้องขอความเมตตาให้ลงโทษในสถานที่แจ้งไม่ลับตาคนมีสหวิชาชีพร่วมเป็นสักขีพยาน”
“แล้วไง”
“คือตอนนั้นหนูยังไม่รู้ว่าจะต้องแก้ผ้าไงก็เลยโอเคเออดีเซ็นต์ชื่อไป”
“แม่ง.. พระเจ้า ที่ไม่ลับตาพ่องอย่างกับสี่แยกไฟแดงอ่ะจารย์ มันเป็นย่านกำแพงเมืองสูงสักตึกสี่ชั้นล้อมรอบคล้ายจตุรัสอะไรซักอย่าง ตรงกลางมีวงเวียนมีรถวิ่งคล้ายๆแถวเสาชิงช้าอ่ะ นั่นอ่ะ บนวงเวียนมันมีแท่นทำด้วยไม้คล้ายๆม้ากระโดด มันผูกข้อมือลากให้หนูเดินแก้ผ้าตามข้ามถนนขึ้นไปโก้งโค้งคร่อมอยู่บนม้านั่นอ่ะ แล้วมันก็เฆี่ยน สหวิชาชีพเชี่ยแม่งมากันเป็นร้อยยยยจารย์!! เด็กๆตัวเล็กๆมาแย่งกันมุงดูก้นหนูกันเต็มเลย ยืนชักของตัวเองโจ้งๆเลยก็มีนะ หนูก็ดูเออมึงอยากชักให้กูดูก็ดู”
“นี่มันยิ่งกว่าบ้าอีกนะ”
“แล้วมันไม่ใช่มีหนูคนเดียวนะ พอมันตีเสร็จเราก็ต้องมารอแต่มันก็ให้แก้ยืนผ้าอยู่อย่างงั้นอ่ะ คนแม่งก็มุงเอามือถือถ่ายรูปถ่ายวิดีโอเชี่ยอะไรของมันมีเอานิ้วเขี่ยๆด้วยนะถ้าตำรวจเห็นมันก็หวดมือคนไอ้นั้นเขี่ยอีกก็หวดอีกวิ่งไล่อะไรมั่ง แต่ตำรวจแม่งก็มองเรานะ มองแบบอยากจะฉีกกินเป็นชิ้นๆเลยอ่ะ”
“..........” อาจารย์ปรีชาฟังแล้วถึงกับพูดอะไรไม่ออก
“แม่งมีเด็กเชี่ยอยู่คนนึงหนูจำหน้าแม่งได้เลย มาทุกรอบ เอาแระ พอถึงเวลาแม่งมารอก่อนเลย พอเราเริ่มถอดเสื้อผ้าแม่งตบมือเป่าปากตำรวจเอาไม้หวดมันก็ไม่กลัว ยิ่งตอนขึ้นไปโก้งโค้งโก่งตูดให้มวลมหาประชาแขกมันดูไอ้เด็กนั่นมันวิ่งตามขึ้นไปดูแถวหน้า ไอ้เด็กเชี่ย”
“ใจคอพวกมันทำด้วยอะไรกันนะถึงได้ปฏิบัติหยาบคายกับเธอแบบนี้ นี่ถ้ามันรู้ว่าแท้จริงแล้วครูเป็นคุณแม่มีหวังโดนจับไปเผานั่งยางแน่ๆ ต้องแอ๊บแมนให้สุด”
“ พวกมันไม่ชอบผู้หญิงพูดมาก ไอ้ทนายอ้วนมันบอกหนูพูดมากเกินไป”
………………..
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน