กิจกรรมฉลอง หมู่บ้านเริงรมณ์ เล่ม 3 ขึ้นอันดับหนึ่งทั้งยอดนิยม และขายดีในเว็บธัญวลัย ผมในฐานะผู้เขียนขอกราบขอบพระคุณทุกท่านจากใจจริงที่อุดหนุนกัน
1.ให้ผู้อ่านที่สนับสนุน หมู่บ้านเริงรมณ์ เล่ม 3 ช่วยกันแสดงความคิดเห็น คอมเม้นท์รีวิวในเว็บธัญวลัย ถึงเพียง 30 คอมเม้นท์ ทุกท่านจะได้รับตอนพิเศษเพิ่มในอีบุ๊คทันที 1 ตอน โดยสามารถเข้าไปคอมเม้นท์กันได้ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้
2.หากยอดสนับสนุนเกิน 280 เล่ม ภายในเวลาที่กำหนด ทุกท่านจะได้อ่านตอนพิเศษเพิ่มทันที 1 ตอน สำหรับใครที่ยังไม่ได้สนับสนุนมีวิธีดั่งต่อไปนี้ โดยการโหลดแอปพลิเคชั่น ธัญวลัย ก่อน หลังจากสมัครสมาชิกเสร็จก็กดเข้าไปสนับสนุนได้อย่างง่ายดายตามลิ้งค์ด้านล่างนี้
3.หากกิจกรรมทั้งสองสำเร็จจะได้อ่าน หมู่บ้านเริงรมณ์ ตอนที่ 32 ต่อทันที ฟรี 1 ตอน!
หมดเขตร่วมสนุกวันที่ 31/01/2020คืนนี้เป็นคืนที่สำคัญที่สุดในชีวิตผู้หญิงคนหนึ่ง มันเหมือนกับฉากในนิยายที่ใฝ่ฝันอยากจะเห็นตั้งแต่เด็ก เราจะได้เข้าสู่พิธีกับเจ้าชายผู้เป็นที่รัก และใช้ชีวิตคู่ครองรักกันไปจนแก่เฒ่า
“สวยมากๆเลยนะคะ คุณมิ้งค์”
หลังจากใช้เวลาทำผมแต่งหน้าร่วมชั่วโมง ช่างทำผมก็กล่าวชื่นชมสาวสวยที่อยู่ในกระจก ที่มิ้งค์เองก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะสวยได้ขนาดนี้มาก่อน
มิ้งค์อยู่ในชุดเจ้าสาวเกาะอกเปิดไหล่สีขาว เปิดเผยจุดเด่นของร่างกายเล็กน้อยไม่เรียบร้อยจนเกินไป กระโปรงยาวลากพื้นไปหลายเมตร ผมเพ้าจัดทรงถักมัดกลางศีรษะหลายขั้นตอน ด้านหลังปล่อยยาวดัดลอน ราวกับเจ้าหญิงในนวนิยาย
“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณพวกพี่ๆทุกคนเลย”
มิ้งค์ยกมือไหว้ขอบคุณช่างแต่งหน้าและช่างทำผมทุกคนอย่างไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ ดั่งที่ครอบครัวสั่งสอนมา ถึงแม้มิ้งค์จะไม่เรียบร้อยเหมือนลูกสาวบ้านอื่น แต่เรื่องเคารพคน ไม่เคยแพ้ใครแน่นอน
“คุณ.. ดูลูกของเราสิ สวยที่สุดในโลกเลย” แม่และพ่อของมิ้งค์เข้ามาในห้องแต่งตัว
“คุณแม่ก็พูดเกินไป มิ้งค์ตัวลอยแล้ว”
“ตื่นเต้นมั้ยลูก?” พ่อถาม ปกติเราแทบไม่ได้คุยกันเลย
“อื้อ นิดนึงค่ะ”
“แม่นึกว่าลูกจะไม่มีแรงซะแล้ว กลับบ้านเช้าเลยนิ”
เมื่อคืนพวกเพื่อนสาวคนสนิทจัดงานปาร์ตี้สละโสดให้กับมิ้งค์ที่ห้องของเพื่อนคนนึง ในงานเราสนุกสนานกันจนลืมเวลา มีกินเหล้ากันบ้าง แถมมีเซอร์ไพส์จากเพื่อนคนนึงจ้างพวกผู้ชายแก้ผ้ามาเต้นอีก ถ้าเล่าทั้งหมดให้แม่ฟังคงโดนตีตาย
แถมมิ้งค์ก็ไม่อยากจะนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วด้วย จึงทำได้แต่ฝืนยิ้มแล้วพูดเปลี่ยนเรื่องไป
“สบายมากค่ะ ว่าแต่คุณแม่กับคุณพ่อจะไม่ร้องไห้ใช่มั้ย ถ้ามิ้งค์ย้ายออกไปอยู่กับพี่อาทิตย์”
“ร้องสิ ร้องไปหลายคืนแล้วแม่แกหน่ะ” พ่อแซว
“คุณก็.. ก็ลูกทั้งคน แต่ไม่เป็นไรหรอกเนอะ เดี๋ยวแม่ก็ไปหาได้” ถ้าพ่อมีเวลาล่ะสิ แต่มิ้งค์ก็ไม่อยากดราม่า จึงนั่งเงียบดีกว่า
“ว่าแต่เรื่องบ้านเป็นยังไงบ้าง”
“เห็นว่าพี่อาทิตย์กำลังเลือกๆอยู่นะคะ เขาอยากได้ใกล้ที่ทำงาน”
“ก็ดี เขาจะได้มีเวลาอยู่กับลูก”
“งั้นเดี๋ยวแม่กับพ่อออกไปรับแขกก่อนนะ เจอกันข้างนอก”
คืนนี้มีคนที่มิ้งค์รู้จักและไม่รู้จักมาร่วมงานกันมากมาย ทั้งที่ตอนแรกมิ้งค์คุยกับพี่อาทิตย์ไว้แท้ๆว่าจะจัดงานเล็กๆ เชิญแต่เพื่อนและญาติมา แต่ผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายมิ้งค์เอง และฝ่ายเจ้าบ่าวก็เห็นตรงกันว่าต้องจัดงานใหญ่
หลังจากพ่อแม่เดินออกไป คนที่เข้ามาหาคนต่อมาคือ ลุงเฟื่อง คนขับรถส่วนตัวของพ่อที่ทำหน้าที่รับส่งมิ้งค์ไปโรงเรียนตั้งแต่เด็ก เวลามีปัญหามิ้งค์ปรึกษาเขามากกว่าพ่อแท้ๆเสียอีก เราสองคนมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นเกินกว่าที่ใครจะคิด
“ลุงเฟื่องมาแล้วเหรอ แต่งตัวหล่อมากเลย” ลุงเฟื่องวัยเฉียดหลักหกมาในชุดสูทดูดีอย่างที่มิ้งค์ไม่เคยเห็นมาก่อน มิ้งค์เดินเข้าไปจับมือทั้งสองข้าง
“จริงเหรอครับ คุณผู้ชายเป็นคนเลือกให้ แต่คุณหนูสิ สวยอย่างกับนางฟ้า” แกมองมิ้งค์พลางน้ำตาคลอ
“ขอบคุณนะคะ และขอบคุณทุกอย่างตลอดมาด้วย”
“ผมดีใจจนอธิบายไม่ถูกเลย ขอให้คุณหนูมีความสุข และอย่าดื้อกับคุณอาทิตย์อีกนะครับ”
“เดี๋ยวตีเลย กำลังซึ้งๆ อย่าแซวสิ”
มิ้งค์น้ำตาจะไหลอยู่แล้ว แกยังคุณเรื่องเก่ามาแซวอีก
“ถ้าย้ายบ้านไป มิ้งค์จะต้องคิดถึงลุงเฟื่องมากแน่เลย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ มีอะไรก็เรียกผมได้เสมอ แต่ผมเชื่อว่าคุณอาทิตย์จะต้องดูแลคุณหนูดีจนไม่มีเวลาคิดถึงผมเลยล่ะ”
เราสองคนพูดคุยกันอีกนิดหน่อย ก่อนที่ลุงแกจะเดินออกไป มิ้งค์แอบรู้สึกใจหายเหมือนกัน ที่พิธีแต่งงานก็เหมือนกับจุดเริ่มต้นของการนับถอยหลังการจากลาคนที่ปกติจะเจอกันทุกวัน
ด้วยความเมื่อย มิ้งค์จึงแอบเดินลากกระโปรงยาวยืดออกมานอกห้องแต่งตัว แต่แล้วมิ้งค์ก็พบกับชายคนหนึ่งดักรออยู่ เขาชื่อว่า พี่นก แฟนเก่าของมิ้งค์ เขาเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยและเป็นแฟนคนแรกที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นกัน
พี่นก เป็นผู้ชายหน้าตาดี หล่อคม ผิวสีแทน คิ้วหนา ตัวสูงเป็นหนุ่มสู้ชีวิตจากภาคอีสาน มิ้งค์ชื่นชอบที่เขาเป็นคนมุมานะและไม่ย้อท้อต่อความลำบาก ด้วยฐานะที่ต่างกัน พ่อแม่จึงขัดขวางแบบหัวเด็ดตีนขาด แต่เราก็ลักลอบคบกันอยู่พักใหญ่
พี่นกเป็นคนมีฝีมือในการถ่ายรูปสูงมาก อนาคตน่าจะไปไกล และงานพรีเวดดิ้งของมิ้งค์ พี่นกเองก็อาสามาเป็นตากล้องให้ ทั้งที่มิ้งค์และพี่อาทิตย์ไม่ได้ไหว้วาน พี่นกบอกว่า อยากจะทำอะไรเพื่อมิ้งค์เป็นครั้งสุดท้าย และรูปที่ประกอบทั้งหมดในงานก็เป็นฝีมือของแก
“มิ้งค์…”
“พี่นก.. มีอะไรหรือเปล่าคะ”
พี่นกมองซ้ายขวาเห็นว่าไม่มีคนก็รีบดึงแขนมิ้งค์เข้าไปหลบในมุมเสา ก่อนจะสวมกอดเข้าเต็มอ้อมแขน มิ้งค์ไม่ทันตั้งตัวจึงเสียหลักโน้มไปให้เขากอดเต็มๆ เรื่องกำลังวังชาของพี่นกนี่ไม่เคยตก 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน