พูดคุยก่อนอ่าน : หายไปนาน สบายดีไหมครับทุกคน ตอนนี้ก็เป็นตอนของน้องหมวยเป็นหลักนะครับ นี่เป็นตัวละครที่น่าสนใจมากอีกคนหนึ่งของเกมรักฯ และเธอจะมีบทบาทเด่นมากขึ้นต่อจากนี้เป็นต้นไป ถ้าใครเคยอ่านฉบับย้อนหลัง น่าจะจำได้ว่าต่อจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นกับน้องหมวย ก็ขอให้ติดตามกันต่อไปครับ
ตอนนี้ไม่มีบทของลุงพลนะครับ ตอนนี้ลุงพลกำลังฮอต ตกลงค่าตัวไม่ได้ครับ 55555+
ตอนนี้ยังไม่มีฉากอัศจรรย์อะไรนะครับ เป็นการปูเรื่องราวของน้องหมวย เพื่อนำไปสู่บทสรุปสำคัญในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า.......................................
ความเดิมจากตอนที่แล้ว//two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=232127.0“พี่พล…ขอพลอยพักก่อนได้ไหม…พลอยหายใจทั่วท้อง….” พลอยพรรณหลับตาปี๋หน้าแดงก่ำ หน้าอกของเธอสั่นกระเพื่อมแรงกว่าที่เคย จากเกมรักที่ดุเด็ดเผ็ดมันที่สุดในชีวิต ความจริงแล้วเธอน่ะชอบรสรักของลุงพลมาก ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่ร้องขอมันจากตาเฒ่าจอมหื่น เพียงแต่รสรักครั้งนี้มันเผ็ดร้อนเกินไป ราวกับส้มตำปูใส่พริกขี้หนู 50 เม็ด ยังไงยังงั้นเลยทีเดียว
“อย่าพักนานนะจ๊ะ พี่ยังไม่เสร็จเลย” ลุงพลยิ้มหวาน พลางลูบไล้ท่อนเอ็นขนาด 8.5 นิ้วที่ยังแข็งปั๋งรอเวลาเข้าไปสำรวจภายในร่างกายของหมอพลอย
“เหนื่อย…หายใจไม่ออก…แฮ่ก ๆ ๆ” พลอยพรรณสารภาพความรู้สึกในตอนนี้ “พลอยอายุจะ 30 แล้วนะคะ จะทำอะไรก็คิดถึงสุขภาพพลอยหน่อยได้ไหม? เกิดเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทัน พลอยเป็นอะไรขึ้นมา พลอยจะไปเป็นผีหักคอพี่พล คอยดูเถอะ!!!”
“โถ!!!! พี่ผิดไปแล้วจ๊ะ!!!” ลุงพลยิ้มหวาน หมอพลอยบทเวลาจะหยิ่งและเย็นชาก็ดูน่าหมั่นไส้ แต่พอเวลาเธอออดอ้อน เธอก็น่ารักได้มากกว่าที่คิด
ลุงพลปล่อยให้หมอพลอยได้นอนพักหายใจหายคอสักพัก จึงเริ่มทำการสวนแท่งทวนเข้าไปในถ้ำสาวที่ชุ่มฉ่ำของหมอพลอย แต่แล้ว….
“พี่พล!!! รักษาความสะอาดด้วยค่ะ!!” พลอยพรรณทำเสียงดุ “ทำตรงก้นแล้วห้ามกลับไปทำตรง….จิ๊มิ๊…อีก”
ลุงพลถึงกับหัวเราะร่วนให้กับคำว่าจิ๊มิ๊ของหมอพลอย ช่วงเวลาแบบนี้จะพูดคำหยาบบ้างก็ได แต่หมอพลอยก็ยังเลือกที่จะพูดเพราะ ช่างเป็นคุณหมอที่พูดเพราะเหลือเกิน
“หัวเราะอะไร?” หมอพลอยร่นคิ้วหน้าแดงก่ำ “หมอพูดผิดอะไร?”
“เปล่าครับ” ลุงพลยิ้ม “แค่ขำกับคำว่าจิ๊มิ๊”
“ทำไม? ก็มันถูกแล้วไม่ใช่เหรอ?”เจ้าหญิงน้ำแข็งประท้วง “จะให้พลอยเรียกอวัยวะส่วนนั้นว่าอะไรละ?”
“เรียกว่าหีหรือหอยก็ได้ครับ” ลุงพลตอบไปตามตรง
“มันหยาบไป!!!! น่าเกลียด!!!” หมอพลอยที่เป็นลูกคุณหนูพอได้ยินแบบนั้นก็เลยตอบไปอย่างไม่สบอารมณ์
“โถ…มันตรงตัวที่สุดแล้วนะครับน้องพลอย” ลุงพลยิ้ม “ก็เรียกตรง ๆ ไม่ต้องมาอ้อมค้อมไปเลย ปกติผัวเมียเวลาเขาเย็ดกัน ก็พูดเรื่องนี้กันเป็นปกตินะครับ!!”
“แต่ไม่ใช่พลอย!!” พลอยพรรณทำเสียงดุ “พลอยไม่ใช่ผู้หญิงตลาดล่างแบบที่ลุงพลเคยผ่านมานะคะ รู้ไว้ซะด้วย!!!”
“แล้วยังงี้ เวลาหมอพลอยเจอควย…” มนุษย์ลุงครุ่นคิดคำศัพท์ที่ดูนุ่มนวลที่สุด ที่จะใช้เรียกอวัยวะเพศชายกับหมอพลอย “พี่หมายถึง หมอพลอยจะเรียกไอ้ตรงนั้นของผู้ชายว่าอะไรครับ?”
“ก็…กระปู๋…ปิกาจู้” หมอพลอยตอบน้ำเสียงตะกุกตะกัก “หรือไม่ก็เรียแบบวิชาการไปเลยว่า องคชาต อวัยวะเพศชายอ่ะค่ะ”
“สุภาพเหลือเกิน” ตาเฒ่าแอบบ่น ความจริงแกอยากได้ยินหมอพลอยพูดคำหยาบบ้างอะไรบ้าง อย่างเช่น เย็ดพลอยให้หนัก ๆ เลยค่ะ ควยพี่พลทำให้หีพลอยแฉะเยิ้มไปหมดแล้ว ซึ่งความจริงก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เพียงแต่พลอยพรรณเลือกที่จะพูดจาแบบสุภาพมากกว่า ทั้งที่กำลังร่วมรักกันอยู่แท้ ๆ
“ทำไม? ก็คุณพ่อกับคุณแม่พลอยสอนไม่ให้พลอยพูดคำหยาบมาตั้งแต่เด็กนิคะ?” เจ้าหญิงน้ำแข็งหรี่ตามองตาเฒ่าหื่น “ทำไมคะ? มีปัญหากับการพูดของพลอยนักเหรอ?”
“โถ!!! อย่างอนซิครับคนดีของผัว” ลุงพลลืมตัว “เอ้ย!!! ของพี่พล ก็พี่เป็นคนบ้าน ๆ ก็นึกจะพูดอะไรบางทีก็ไม่ได้คิดนะครับ”
“งั้นคราวหน้าก็คิดบ้างนะคะ” พลอยพรรณได้ทีข่มผัวเฒ่า “ถ้าคิดจะให้พลอยยอมเปิดใจให้พี่พลมากกว่านี้ พี่พลต้องปรับทัศนคติอีกเยอะเลย”
#######################
หลายวันผ่านไป เดือนดาราแยกตัวกลับมาพักที่บ้านแถวนนทบุรีในช่วงวันศุกร์สุดสัปดาห์ หลังจากที่พ่อกับแม่ของเธอมีเรื่องสำคัญที่อยากจะนัดคุยด้วย หมวยสาวเดินลงมาจากรถตู้ประจำทาง เพื่อเดินเข้าไปในซอยทางเข้าบ้าน
“นั่นไงมาแล้ว คนสวยของพี่ต๋อง…” ไอ้ต๋อง อดีตเด็กแว้นที่หันมาทำอาชีพเป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้างเอ่ยปากแซวเดือนดารา “เธอหมวยยยย ทุกนาทีที่เคยสัมผัส ไม่เจอกันนาน พี่ต๋องคิดถึงหมวยจังเลยจ้า”
“ไปให้พ้นหน้าไอ้ต๋อง!!!” เดือนดาราตอบกลับไปอย่างไม่ไยดี ทำเอาไอ้ต๋องต้องแกล้งยิ้มเพื่อกลบเกลื่อนความอาย
“โห…โดนสาวปฏิเสธซะแล้วว่ะไอ้ต๋อง” เพื่อน ๆ ก๊วนวินมอเตอร์ไซค์แกล้งแซวไอ้ต๋องเล่น
“เห้ยยย เค้าว่าผู้หญิงด่า หมายถึงผู้หญิงรักนะเว้ย” ไอ้ต๋องยังคงเข้าข้างตัวเอง ก่อนหันไปมองแผ่นหลังของสาวหมวยแล้วคิดในใจ “สักวันนึงเถอะ พี่ต๋องคนนี้จะชนะใจน้องหมวยให้ได้”
ตัดมาที่เดือนดารา เด็กสาวไขกุญแจประตูบ้านเข้ามา เธอเดินตรงไปตามทางที่ปูด้วยหินอ่อน มองเห็นพ่อกับแม่กำลังนั่งรออยู่ในห้องรับแขกของบ้าน
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
“หวัดดีอาป๊าอาม้า” เดือนดาราในชุดนักศึกษาเปิดประตูเข้ามาในบ้านตระกูลย้ง อดีตคนจีนโพ้นทะเลที่ย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากที่ประเทศไทย เริ่มต้นด้วยการรับจ้างเป็นกรรมกรทำงานรับจ้างจนเก็บเงินก้อน ก่อนไปต่อยอดทำธุรกิจร้านอาหารและเต้นท์รถมือสอง จนก่อร่างสร้างตัวได้อย่างมั่นคง เด็กสาวพนมมือไหว้พ่อแม่ที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก
“เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหม กินข้าวมาหรือยังอาหมวย!!!” อาป๊ายิ้มรับ “วันนี้อาป๊ากับอาม๊าซื้อของกินอร่อย ๆ มารอต้อนรับลื้อด้วยแหละ!!!”
“เย้!!!! ดีใจจัง” เดือนดารายิ้มร่า เมื่อเห็นเมนูเป็ดย่าง หมี่ผัดฮ่องกง และของหวานจากเยาวราชของโปรดบนโต๊ะรับแขก “หมวยรักอาป๊าอาม๊าที่สุดเลย!!!”
“ไปล้างมือก่อนนะอาหมวย” จันทรา อาม๊าของเดือนดาราบอกกับลูกสาว “แล้วเดี๋ยวไปกินข้าวเย็นกัน”
…………………..
ครอบครัวแซ่ย้งสามคนพ่อแม่ลูกกินข้าวมื้อเย็นกันอย่างเอร็ดอร่อย พอกินข้าวมื้อเย็นและตบท้ายด้วยของหวานเสร็จแล้ว ทัดเทพ นักธุรกิจหนุ่มใหญ่เชื้อสายไทยจีน อาป๊าของเดือนดาราก็เริ่มเปิดประเด็น
“อาหมวย ลื้อจำครอบครัวตระกูงฟ่งได้ไหม?” อาป๊าเริ่มเปิดประเด็น ในขณะที่เดือนดารายังเอร็ดอร่อยกับเต้าฮวยนมสดอยู่
“จำได้ เพื่อนของป๊าที่ทำธุรกิจโรงเหล็กที่ฮ่องกงใช่ไหม?” เดือนดาราตอบ ขณะกำลังเอาช้อนตักเต้าฮวยนมสดใส่ปาก “เพื่อนป๊าชื่ออะไรแล้วน๊า….อือ….มิสเตอร์…มาร์ติน…ฟ่ง…ใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว มาร์ติน ฟ่ง” ทัดเทพพยักหน้า “ความจำดีเหมือนกันนะอาหมวย ลื้อยังจำลูกชายของลุงมาร์ตินได้ไหม?”
“จำได้ซิ…ไอ้โทนี่อะไรนั่นใช่ป่ะ?” เดือนดารากล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน ทำเอาทัดเทพและจันทรา อาป๊าและอาม๊าของเดือนดาราหันไปมองควับด้วยความไม่พอใจ
“ลื้อเรียกชื่อพี่โทนี่ให้ดี ๆ หน่อยซิ!!!” ทัดเทพออกโรงเตือนลูกสาว “ลื้อรู้ไหมว่าอีกหน่อยพี่โทนี่จะเป็นว่าที่คู่หมั้นของลื้อแล้วนะ”
“อุ๊บ!!!!” สาวหมวยถึงกับสำลักเต้าฮวย จนต้องรีบหยิบทิชชู่มาเช็ดปาก “แค่ก!!! แค่ก!!! อาป๊าพูดว่าอะไรนะ?”
“คือเมื่อเดือนก่อน ลุงมาร์ตินมาเที่ยวที่ไทย พ่อก็เลยอาสาไปเป็นไกด์นำเที่ยวให้ ระหว่างทางก็เลยพูดคุยกันเรื่องลูก แล้วพอดีลุงมาร์ตินเพื่อนพ่อได้เห็นหน้าของอาหมวย ก็นึกชอบ อยากจะเกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกันกับฝ่ายเรา ลุงมาร์ตินก็เลยอยากให้อาหมวยกับโทนี่…”
“อาป๊าจะคลุมถุงชนอั๊วเหรอ?” เดือนดาราร่นคิ้วใส่ทัดเทพ“อาป๊า!!! นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว!!! อั๊วไม่เอาด้วยหรอก!!!”
“อาหมวย…ฟังอาป๊าพูดให้จบก่อนซิ!!!” จันทรา แม่ของเดือนดาราเอ่ยปากขึ้นมาบ้าง “อย่าพึ่งขัด”
“อั๊วคิดไว้แล้วลื้อต้องปฏิเสธ…” ทัดเทพตอบ “แต่อาหมวย ฟังป๊านะ ครอบครัวตระกูลฟ่งที่ฮ่องกงน่ะรวยมาก ๆ ลื้อไม่ต้องกลัวหรอกว่าถ้าลื้อแต่งงานกับโทนี่แล้วลื้อจะลำบาก ดูนี่…”
ทัดเทพหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาโชว์เฟสบุ๊คของโทนี่ หนุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของฮ่องกง โทนี่เป็นหนุ่มตี๋ท่าทางเจ้าเนื้อสักหน่อย ซึ่งไม่ใช่สเป็คของเดือนดาราเลยแม้แต่น้อย เพราะเดือนดาราชอบหล่อ ๆ หน้าตาดี เฟรนด์ลี่แบบกงยู นักแสดงชื่อดังชาวเกาหลีต่างหาก
“แล้วไงอ่ะ…ให้อั๊วเป็นเมียไอ้อ้วนเนี่ย อั๊วไม่เอาด้วยหรอก!!!” เดือนดาราปฏิเสธเสียงแข็ง ทำเอาทัดเทพและจันทราถอนหายใจ
“อาหมวย!! ลื้ออย่าเอาแต่ใจซิ!!!” ทัดเทพตอบ “รู้ไหมว่าโทนี่เนี่ย ถูกวางตัวเป็นตัวแทนของลุงมาร์ตินในการบริหารโรงงานที่ฮ่องกงและมีอนาคตอีกไกล ถ้าลื้อแต่งงานกับโทนี่ ลื้อไม่ลำบากแน่นอน ป๊าตัดสินใจทำแบบนี้ก็เพื่อตัวลื้อเองนะ”
“อาป๊าทำเพื่อตัวเองต่างหาก!!!” เดือนดาราร่นคิ้วใส่ผู้เป็นพ่อ “อยู่ดี ๆ อาป๊ากับอาม๊าก็มามัดมือชกอั๊ว ทำแบบนี้ไม่แฟร์เลย อั๊วยังไม่อยากแต่งงาน”
“ก็ยังไม่ได้แต่งงานตอนนี้สักหน่อย…” ทัดเทพตอบ “อาทิตย์หน้า ลุงมาร์ตินและโทนี่จะบินมาไทย ป๊ากับม๊าก็เลยจะให้ลื้อไปดูตัวอาโทนี่ จะได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น”
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
“ไอ้อ้วนโทนี่นั่นเหรอ!!! ไม่เอาหรอก!!” เดือนดาราไม่พอใจอย่างหนัก สาวน้อยลุกขึ้นแล้วเดินหนีขึ้นห้องไป “หมวยไม่พูดกับป๊าม๊าด้วยแล้ว!!!”
“อาหมวย!!! กลับมาเดี๋ยวนี้!!!” ทัดเทพหันไปดุลูกสาวที่เดินหนีขึ้นชั้นสอง จนจันทราผู้เป็นภรรยาต้องออกโรงปรามผู้เป็นสามี
“พอก่อนเถอะป๊า…” จันทราแตะบ่าผู้เป็นสามี “เดี๋ยวอั๊วจะไปคุยกับลูกเองนะ…”
“ฝากด้วยนะม๊า…” ทัดเทพผู้เป็นสามีฝากความหวังไว้ที่ภรรยา แน่นอนว่าทัดเทพเองก็รู้ว่าการกระทำแบบนี้มันไม่ถูกต้อง เรื่องคลุมถุงชนอะไรเนี่ย แต่ทั้งหมดที่ทัดเทพทำไปก็เพราะหวังอยากให้ลูกสาวได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายนั่นเอง
…………………..
หลังจากที่เดือนดาราหนีขึ้นไปห้อง อาบน้ำแต่งตัวและกำลังนอนเล่นสมาร์ทโฟนได้สักพัก เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ตอนแรกเดือนดาราก็ไม่อยากจะสนใจ จนกระทั้งมีเสียงเรียกดังขึ้นมาจากหน้าห้อง
“อาหมวย เปิดประตูให้ม๊าเข้าไปหน่อย” จันทราผู้เป็นแม่เอ่ยปากกับลูกสาว “ม๊าอยากคุยด้วย”
“อั๊วจะนอนแล้วม๊า!!!” สาวหมวยตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “พรุ่งนี้ค่อยคุยได้ไหม?”
“หมวย…ฟังม๊านะ’ จันทราเอ่ยปากพูด “สมัยที่ป๊ากับม๊าแต่งงานกัน ก็ไม่ได้คบหาดูใจอะไรกันหรอก ทุกอย่างเป็นธุระของผู้ใหญ่ทั้งนั้น ป๊ากับม๊ามารักกันก็ตอนที่แต่งงานด้วยกันเนี่ยแหละ มันอาจไม่หอมหวาน ไม่สวยงามเหมือนความรักของหนุ่มสาว แต่มันมั่นคงกว่า ป๊ากับม๊าทำแบบนี้เพราะอยากให้ลื้อสุขสบายนะ”
“ป๊ากับม๊าอย่าเอาบรรทัดฐานคนยุคเก่ามาตัดสินคนยุคใหม่อย่างหมวยได้ไหม!!” เดือนดาราตอบ “ถ้าหมวยจะรักใครสักคน หมวยอยากเลือกด้วยตัวของหมวยเอง ไม่อยากให้ใครมาสั่งให้หมวยรัก อาป๊ากับอาม๊าเก็บไปคิดใหม่เถอะ!!! อั๊วจะนอนแล้ว!!!”
“หมวย ครอบครัวเราเป็นครอบครัวคนจีนนะ” จันทราพยายามอธิบาย “ผู้ใหญ่เค้าเวลาจะดูตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาว เค้าต้องดูอย่างละเอียด ทั้งวันเดือนปีที่เกิด นิสัย ส่วนใหญ่คนที่ได้แต่งงานแบบนี้ก็มักจะอยู่กันยืดยาวกว่าที่ปล่อยให้คนสมัยนี้เลือกคู่กันเองนะ ลื้ออยากเอาแบบนั้นเหรอ?”
“นี่มันยุคสมัยไหนแล้วม๊า!!!” สาวหมวยตอบกลับไป “นี่มันยุค 5G แล้วนะม๊า!!! ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ป๊ากับม๊าเลิกเกลี่ยกล่อมให้หมวยเปลี่ยนใจเลย ไม่มีทาง!!!”
“เฮ้อ…” จันทราได้แต่ส่ายหน้า เพราะเดือนดาราดื้อกว่าที่คิด แน่นอนล่ะเพราะเด็กสาวเป็นลูกคนเดียวของบ้าน ทัดเทพและจันทราเอาใจมาตั้งแต่เด็ก จนเดือนดารากลายเป็นคนที่มีนิสัยเอาแต่ใจ แต่สิ่งที่เดือนดาราพูดมันก็ไม่ผิด นี่มันเป็นเรื่องของหัวใจและความรู้สึกที่จะไปบีบบังคับไม่ได้ ยิ่งโดยเฉพาะยุคสมัยนี้ เรื่องการคลุมถุงชนเป็นเรื่องที่ล้าหลังไปแล้ว
สุดท้ายจันทราเลยเดินลงมาด้านล่าง โดยมีทัดเทพยืนรอฟังคำตอบจากภรรยาอยู่
“เป็นไงบ้าง?” ทัดเทพผู้เป็นสามีถาม
“ป๊าก็น่าจะได้ยิน…” จันทราตอบ “อาหมวยดื้อมาก ไม่ฟังสิ่งที่อั๊วพูดเลย”
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
“ยังมีเวลา…ยังมีเวลา” ทัดเทพแตะไหล่ภรรยาเพื่อให้กำลังใจ “อั๊วก็ดันไปรับปากมาร์ตินไว้อย่างดิบดี ยังพอมีเวลาอยู่ ยังไงอาหมวยก็พยศได้ไม่นานหรอก”
“ป๊าจะทำยังไง?” จันทราร่นคิ้วใส่ผู้เป็นสามี
“เดี๋ยวก็รู้เอง…” ทัดเทพตอบหน้านิ่ง ในเมื่อลูกสาวคนเดียวของบ้านดื้อซะขนาดนี้ เห็นทีทัดเทพต้องใช้ไม้แข็งสักหน่อยแล้ว
…………………..
ตัดมาที่เดือนดารา เด็กสาวกำลังนั่งคุยแชตไลน์กับอรัญญาเพื่อนรักที่นอนอยู่ที่หอพักสตรีด้วยเรื่องจิปาถะต่าง ๆ จนกระทั่งเดือนดาราเริ่มเปิดประเด็นเรื่องการคลุมถุงชนก่อนเป็นคนแรก
“อีฟ ถามหน่อยดิ อีฟคิดยังไงกับเรื่องการคลุมถุงชน?” หมวยพิมพ์แชตไลน์ถามอีฟ
“ทำไมอ่ะ? ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงมาถามแบบนี้เนี่ย?” อีฟพิมพ์ตอบกลับด้วยความสงสัย
“คือพ่อกับแม่เราจะให้เราหมั้นกับลูกชายนักธุรกิจจากฮ่องกง” เดือนดาราอธิบายรายละเอียด “เราไม่ชอบเลยอ่ะ”
“เดี๋ยวนะ คือพ่อกับแม่ให้ให้หมวยหมั้นก่อนใช่ป่ะ หรือว่าแต่งเลย” อีฟถาม
“ให้ดูตัวก่อน อาทิตย์หน้าเนี่ยแหละ” เดือนดาราอธิบาย
“แล้วหนุ่มผู้โชคดีคนนั้นหล่อไหม?” อรัญญาถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“หน้าตี๋ ๆ อ้วน ๆ เป็นหนุ่มฮ่องกง” เดือนดาราตอบ ก่อนส่งรูปให้เพื่อนรักดูทางไลน์
“ก็ไม่ขี้เหร่นิ…” อรัญญาออกความเห็น “ก็ลองเปิดใจคุยดูก่อนดีไหม? เราว่าคนที่พ่อแม่เลือกให้ ก็แสดงว่าต้องเป็นคนดีระดับนึงนะ”
“นี่อีฟกำลังจะบอกให้เราแต่งกับไอ้ตี๋อ้วนนั่นเหรอ?” เดือนดาราถามตามตรง
“ก็เห็นหมวยว่าพ่อกับแม่จะให้หมวยไปดูตัวก่อนไม่ใช่เหรอ?” อรัญญาถาม
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
“ไม่เอาอ่ะ เสียเวลา คนไม่ชอบก็คือไม่ชอบ” เดือนดาราตอบ
“เอาเถอะ เราก็ไม่รู้จะออกความเห็นยังไง ก็ขอให้หมวยผ่านปัญหานี้ไปได้แล้วกัน” อรัญญาพิมพ์ให้กำลังใจเพื่อนรัก “เราขอตัวไปอ่านหนังสือต่อนะ หมวยก็อย่าลืมอ่านหนังสือเรียนบ้างล่ะ”
“อือ…รู้แล้ว” สาวหมวยพิมพ์ไลน์ตอบ “ฝันดีจร้า…”
เดือนดาราลุกขึ้นมา ตอนแรกเธอตั้งใจว่าจะหยิบหนังสือตำรามาทบทวน แต่อ่านไปได้ไม่นาน สาวน้อยก็หาวด้วยความอ่อนเพลียเพราะการเดินทางจากกรุงเทพมานนทบุรี ด้วยรถไฟฟ้าและรถตู้ประจำทาง ตอนแรกหมวยขอพ่อกับแม่เอารถมาขับ แต่ทัดเทพและจันทราปฏิเสธด้วยความเป็นห่วง เพราะยังรู้สึกว่าหมวยยังเด็กและไม่สามารถดูแลตัวเองได้ดีพอ เนื่องจากผลการเรียนในเทอมแรกของเดือนดาราไม่เป็นที่น่าพอใจนัก
“พรุ่งนี้ค่อยอ่านหนังสือแล้วกัน…” เดือนดาราลุกขึ้นบิดเอวไปมา ก่อนเอื้อมมือปิดสวิตซ์โคมไฟ แล้วทิ้งตัวลงบนเตียงห่มผ้าแล้วปิดตานอน
เดือนดาราหลับตาลง ทุกอย่างภายในห้องเงียบสนิท จะมีเพียงแค่เสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังหึ่งอยู่บนเพดาน เด็กสาวลืมตาตื่นขึ้นมา นึกถึงคำพูดของทัดเทพและจันทราผู้เป็นพ่อและแม่
“ทำไมต้องบังคับกันด้วยนะ อาป๊า อาม๊า” เดือนดาราแอบตัดพ้อเบา ๆ ก่อนพลิกตัวนอนตะแคงแล้วเผลอหลับไป
…………………..
เดือนดาราในชุดลำลองเดินไปบนทางเท้าที่คับแคบแถวเยาวราช ชุมชนที่บรรพบุรุษชาวจีนของเธอมาตั้งรกรากอยู่เมื่อครั้งเก่าก่อน เด็กสาวเหลือบไปเห็นร้านขายเกาลัดคั่ว ด้วยความอยากกิน เธอจึงหยิบแบงค์ร้อยจ่ายเงินซื้อเกาลัดหนึ่งในของโปรดของเธอ
“เกาลัดถ้วยนึงค่า…” เดือนดาราเอ่ยปากกับพ่อค้าร้านขายเกาลัด แต่พอเจ้าของร้านเงยหน้ามองเด็กสาว เดือนดาราก็นิ่งเงียบด้วยความแปลกใจ
“อาหมวย…ลื้อกำลังจะมีเคราะห์ใหญ่” คนขายเกาลัดเอ่ยปากเตือนเด็กสาว
“ลุงพูดอะไรของลุงอ่ะ? เคราะห์อะไร? งง?” เดือนดาราร่นคิ้วด้วยความแปลกใจ ในขณะที่หนุ่มใหญ่เจ้าของร้านกำลังตักเกาลัดใส่ถ้วย
“ลื้อกำลังจะมีเคราะห์ใหญ่ จะเกิดอุบัติเหตุจนทำให้เลือดตกยางออก…” พ่อค้าเกาลัดยื่นถ้วยให้เด็กสาว “อ่ะ…ยี่สิบบาท”
“ลุงพูดเรื่องอะไรของลุงอ่ะ?” หมวยสาวร่นคิ้วด้วยความแปลกใจ “เรารู้จักกันหรือไง ทำไมมาพูดแบบนี้”
“ลื้อกำลังจะมีเคราะห์ใหญ่ แต่ไม่ต้องกลัวหรอก จะมีคนมาช่วยลื้อ แล้วคน ๆ นี้จะกลายมาเป็นเนื้อคู่ของลื้อ” หนุ่มใหญ่เจ้าของร้านยิ้มอย่างมีเลศนัยน์
“พูดอะไรของลุงเนี่ย!!! งี่เง่า!!!” เดือนดาราไม่สบอารมณ์นักที่ได้ยินคำทำนายมั่ว ๆ ของคนขายเกาลัด “เอาเงินไปเลย ไม่ต้องทอน!!! ฮึ่ย!!!”
“ลื้อหนีโชคชะตาไม่พ้นหรอกนังหมวย…” คนขายเกาลัดตะโกนไล่หลังเดือนดาราที่รีบเดินหนีออกมา พอได้ยินเช่นนั้น หมวยสาวก็หันไปเผชิญหน้ากับคนขายเกาลัดปริศนา แต่ว่า…
“นี่ลุง!!! มันเรื่อง…อ่าว” สาวน้อยถึงกับทำหน้าเหวอ เมื่อคนขายเกาลัดและนั่งร้านที่ตั้งอยู่ริมทางเท้าหายไปอย่างไร้ร่องรอย “นี่มันอะไรกันเนี่ย?”
 
…………………..
“อาหมวย ตื่นหรือยัง? มากินข้าวเร็ว” วันรุ่งขึ้น เดือนดาราแต่งชุดเสื้อยืดแขนสั้น กางเกงขาสามส่วนเดินลงมาจากชั้นสอง ก็พบว่าจันทรากำลังจัดเตรียมเมนูอาหารเช้า โดยมีทัดเทพนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“หลับสบายดีไหมอาหมวย?” ทัดเทพเอ่ยปากถามลูกสาว ที่เหมือนยังงอนผู้เป็นพ่ออยู่
“สบายดีป๊า…” เดือนดาราทำหน้ามุ่ยตอบ ก่อนเดินมานั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกับทัดเทพและจันทรา
“มาเร็ว ๆ วันนี้ม๊าทำแกงจืดหมูสับ ผัดเปรี้ยวหวานไก่ แล้วก็ทอดมัน ของโปรดของลื้อเชียวนา” จันทราตักข้าวเอาใจลูกสาวคนเดียวเต็มที่ “อยู่ที่หอพักไม่รู้ว่าลื้อจะได้กินของอร่อย ๆ ฝีมือแม่แบบนี้หรือเปล่า”
“สำหรับหมวยแล้ว ฝีมือทำกับข้าวของม๊าอร่อยที่สุด” เดือนดารายิ้มหวานให้แม่ ทัดเทพที่นั่งฟังอยู่ยิ้มให้ลูกสาว ที่ดูเหมือนว่ายังไม่หายงอนจากเรื่องเมื่อวาน
ทัดเทพนั้นรู้ดีว่าลูกสาวรู้สึกยังไง แต่ด้วยความเป็นหัวหน้าครอบครัว และถือคติว่าไม่ควรเอาเรื่องสำคัญมาพูดระหว่างกินข้าว เพราะมันอาจทำให้มื้ออาหารนั้นกร่อยลง หนุ่มใหญ่จึงตัดสินใจให้ครอบครัวกินข้าวให้เสร็จก่อน ที่จะเริ่มเปิดประเด็นพูดเรื่องสำคัญ
“อิ่มแล้วเหรออาหมวย?” จันทราเอ่ยปากกับลูกสาวที่กินข้าวเสร็จเร็วกว่าปกติ
“อิ่มแล้ว หมวยจะกลับขึ้นไปอ่านหนังสือ” เดือนดาราตอบ
“เดี๋ยวซิอาหมวย…” ทัดเทพเรียกลูกสาวที่กำลังจะเดินหันหลังกลับไป “เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“ถ้าป๊าหมายถึงเรื่องเมื่อวาน” เดือนดาราหันไปค้อนใส่ทัดเทพผู้เป็นพ่อ “หมวยว่าหมวยพูดชัดเจนแล้วนะป๊า”
“หมวย ป๊าเข้าใจ” ทัดเทพพยายามใจเย็น “แต่ป๊าตอบตกลงไปแล้ว ยังไงอาทิตย์หน้าลื้อก็ช่วยรักษาหน้าป๊าหน่อย ลองเจอลองคุยกับพี่โทนี่ดูก่อน แล้วถ้าใช่หรือไม่ใช่ยังไง แล้วค่อยมาว่ากัน”
“เอาแต่ใจตัวเอง…” เดือนดาราแอบบ่นเบา ๆ แต่ทัดเทพดันได้ยิน
“นี่ลื้อว่าป๊าเหรอ?” ทัดเทพทำเสียงดุใส่ลูกสาว
“หมวยบ่นไปตามเรื่อง…” เดือนดาราตอบอย่งไม่ยี่หระ ก่อนหันหลังแล้วรีบเดินขึ้นบันไดไปทันที
“อาหมวย!!! มีมารยาทหน่อย!!! เดินขึ้นบันไดเสียงดังได้ยังไง!!! เป็นสาวเป็นนาง!!!” ทัดเทพตะโกนต่อว่าลูกสาว “ทำตัวเป็นม้าดีดกะโหลกไปได้!!!”
“ป๊า!!! ป๊า!!! ใจเย็นก่อนเถอะ!!” จันทราพยายามเตือนสติผู้เป็นสามี “เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่นะ บางทีอาหมวยลูกเราคงยังทำใจไม่ได้ ให้เวลาลูกเราบ้างเถอะ”
“ก็ได้…นี่เห็นแก่ม๊านะ” ทัดเทพหันไปมองภรรยา
“ถามหน่อยนะป๊า บางทีม๊าก็สงสารลูกนะ” จันทราสารภาพตามตรง “ถ้าเกิดลูกเราปฏิเสธจริง ๆ ป๊าจะทำยังไง”
“ก็คงต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด…” ทัดเทพตอบ “อั๊วเป็นเตี่ยมัน อั๊วสร้างมันมาได้ ในเมื่ออั๊วหวังดีกับมันแล้วมันไม่ยอมรับ อั๊วก็คงต้องสอนให้มันรู้จักความโหดร้ายของโลกใบนี้”
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
“อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยนะป๊า…” จันทราพยายามเตือนสติทัดเทพผู้เป็นสามี “ยังไงอาหมวยก็ลูกเรานะ”
“ป๊ารู้ม๊า ป๊ารู้….” ทัดเทพเงยหน้ามองเพดานชั้นสอง “ก็หวังว่าอาหมวยมันจะเข้าใจในสิ่งที่ป๊าทำบ้างเหมือนที่ม๊าเข้าใจนั่นแหละ”
 
โปรดติดตามตอนต่อไป
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน