ณ ไร่ตะวันฉาย เวลาบ่ายแก่ๆ รถตู้ Mercedes-Benz V-Class ได้ขับมาจอดหน้าบ้านซึ่งเป็นที่พักของนายอาทิตย์เจ้าของไร่
เมื่อได้ยินเสียงรถปราณีรีบวิ่งไปยืนต้อนรับอยู่ที่ประตูหน้าบ้านอย่างตื่นเต้น เมื่อประตูข้างรถเปิดออก ชายวัยสี่สิบสี่ได้ก้าวท้าวลงมาในชุดภูมิฐาน พงษ์คนขับรถวิ่งไปเปิดประตูหลังรถเพื่อเอากระเป๋าเดินทางออกมา
ชายผู้นั้นเดินมาที่ปราณี แล้วได้เอ่ยคุยเธอว่า
"พ่อผมเป็นยังไงบ้าง ดูแลปรนนิบัติท่านดีใหมณี"
"ณีดูแลนายท่านอย่างดีเลยค่ะ แล้วคุณตะวันจะอยู่ที่นี่หลายวันหรือค่ะ เห็นขนกระเป๋ามาหลายใบ" ปราณีตอบและถามกลับ
"ผมมานอนคืนนี้คืนเดียว พรุ้งนี้ก็กลับ"คุณตะวันตอบแล้วหันไปที่รถที่ยังเปิดประตูข้างอยู่
"เดือน เพ็ญ ทำอะไรอยู่ไม่ลงจากรถมาหละ เด็กๆ"
"ค่ะพ่อ..."เสียงตอบมาจากในรถ
เมื่อสิ้นเสียง คุณหนูเดือน สาววัยสิบเก้าปีก็ลงมาจากรถ เด็กสาวไว้ผมยาวย้อมเป็นสีน้ำตาลปลายสีทอง คาดผ้าสีฟ้าอ่อน ส่วนเสื้อเป็นเสื้อสีขาวแขนกุดคล้ายเสื้อกล้ามเนื้อผ้าเบาๆ ขนาดหลวมๆ ซึ่งเต้างามที่อยู่ข้างในดันเสื้อออกมามองอย่างสวยงาม ส่วนกางเกงเป็นกางเกงยีนขาสั้นโชน่องขาอันเรียวแต่อวบอิ่มน่าสัมผัส รองเท้าสีขาวหุ้มสูงบ่งบอกถึงความมีสไตล์ใสตัว
และคนที่ลงตามมาคือ คุณหนูเพ็ญ เด็กสาววัยสิบหกปี เธอใส่ชุดเดรสสีฟ้าอ่อนน่ารัก รองเท้าเข้ากับชุด ดูเรียบร้อยสมกับเป็นคุณหนูแห่งตะวันฉาย
"อ้าวไปเด็กๆ ไปหาคุณปู่กัน"ตะวันกล่าว พร้อมเดินนำลูกๆ เข้าไปในบ้าน
ส่วนทางพงษ์เมื่อเอากระเป๋าลงหมด และเห็นเจ้านายเดินเข้าไปข้างในบ้านแล้ว จึงรีบเดินไปหาปราณี
"ปราณีจ๊า.......พี่คิดถึงณีเหลือเกิน คืนนี้ให้พี่จัดให้หายคิดถึงนะจ๊ะน้องณีสุดยาหยี๊ของพี่" พงษ์พูดพร้อมเอามือไปขยัมก้นปราณี
"บ้านะพี่พงษ์ ณีเมนมานะ ค่อยเที่ยวหลังแล้วกัน" ปราณีบอกปัดไป เนื่องจากเธออิ่มหนำกับนายอาทิตย์ ซึ่งเป็นเจ้านายสุดของที่นี่อยู่แล้ว พูดเส็จเธอก็เดินไปลากประเป๋าตามเจ้านายเข้าไปในบ้าน
"เหิ๊ย..........ซวยฉิบหาย อุส่าได้มาที่ไร่คิดว่าจะได้เย็ดอีณีให้หายอยากหน่อยแม่งเมนมา ถ้ากูไม่กลัวสกปรกแม่งกูจะผ่าไฟแดงแม่งเลย" พงษ์งึมงำเพียงคนเดียว ก่อนจะเดินไปขึ้นรถขับไปไว้ในโรงจอด
.............
ข้างในบ้านไร่ตะวันฉาย หน้าทีวี แต่ไม่ได้เปิด นายอาทิตย์ชายวัยเกษียนนั้งเอนตัวหลังพิงพนักพิงของโซฟา ขาตั้งพาดบนโต๊ะเล็กหน้าโซฟา ปู่ปิดอยู่ (โซฟาคนละตัวกับตอนที่ 1)
เขาได้ยินเสียงคนคุยกัน และเสียงคนเดินมาทางเขา เขารู้ได้ทันทีว่าใครมา เนื่องจากเป็นเสียงที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี เขาได้ชักเท้าลงจากโต๊ะตัวนั้นแล้วเปิดตาหันไปทางต้นเสียง
"มาไม่บอกเลยนะตะวัน....เออพาเด็กๆ มาด้วย ดีๆ" นายอาทิตย์กล่าวทักทาย
"พ่อเป็นไงบ้างครับไม่เจอกันหลายวัน ปราณีดูแลพ่อดีใหมครับ" ตะวันถามพ่อของเขา
"สวัสดีค่ะ จุ๊บๆๆ ฟอด" เสียงหอมแก้มจากเด็กๆ ที่วิ่งเข้าไปกอดและหอมแก้มคุณปู่ของพวกเธอ
"คิดถึงปู่จังเลย" เด็กๆ อ้อนคุณปู่
"ปู่ก็คิดถึงพวกแกเหมือนกัน.....เอ็อตะวัน ณีเขาดูแลพ่อดีมากลูก ขอบใจน๊ะที่ให้ณีตามพ่อมาถึงที่นี่" อาทิตย์ตอบหลานๆ แล้วคุยกับตะวันต่อ
"อาการพ่อเป็นยังไงบ้างครับ"ตะวันถามพ่อของเขา
"ก็ดีขึ้นแล้วแหละพ่อทำใจได้แล้ว เรื่องแม่ของแกที่จากไปน๊ะ"อาทิตย์ตอบ
"ถ้าอย่างนั้นพ่อกลับบ้านที่กรุงเทพฯกับเราดีใหมครับ" ตะวันชวนพ่อของเขากลับบ้านที่กรุงเทพฯ
"ไม่ดีกว่าพ่ออยากอยู่ที่นี้ อากาศมันดี หน้าอยู่กว่าในกรุงเยอะ พ่อมีความสุขดี" อาทิตย์ปฏิเสธลูกชาย
"อีกอย่างพ่อจะได้ควบคุมการบ่มไวล์ของเราที่จะส่งเข้าประกวดที่อังกฤษกลางปีหน้าด้วย" อาทิตย์พูดเสริมไปอีก
"ครับพ่อถ้าพ่อมีความสุขที่อยู่ที่นี้ผมก็ไม่ขัดครับ"ตะวันบอกพ่อเขา
"คุณตาค่ะ หนูกับพี่เดือน จะมาอยู่ที่นี่กับคุณตาด้วยช่วงนี้สอบเสร็จแล้วปิดเทอมค่ะ" เพ็ญบอกอาทิตย์
"ไม่เป็นไรมั้ง ตาอยู่ได้" ในหัวของอาทิตย์คิดว่าพวกหลานๆ มาอยู่ด้วยแล้วเขาจะเย็ดกับปราณีที่ใหน อย่างไรดี
"ดีแล้วแหละครับพ่อ เด็กๆมาอยู่ด้วย พ่อจะได้ไม่เหงา พรุ้งนี้ผมต้องกลับไปทำงานต่อ ไอ้สุริยะ มันเพิ่งเริ่มเข้าทำงาน ยังวางมือไม่ได้ครับ" ตะวันกล่าวถึง สุริยะ ลูกชายคนเดียวจาก ลูกๆ สามคนของเขา สุริยะเพิ่งจบการศึกษา และเข้าทำงานในเครือตะวันฉายกรุ๊ป
"แล้วลูกให้ เจ้าหมาน้อย(สุริยะ)ทำตำแหน่งอะไร" อาทิตย์ถามลูกชาย
"ตำแหน่งพนักงานขายสินค้าครับ"ตะวันตอบ
"ดี..จะได้รู้จากพื้นฐานก่อนได้ขึ้นบริหาร"อาทิตย์กล่าว
.......................
ณ ที่ทำการบริษัทตะวันฉายกรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อยี่สิบปีที่แล้วด้วยวิสัยทัศของ นายตะวัน มหาจักรวาล ด้วยแนวคิดผลิตได้ ต้องขายเป็น เป็นธุรกิจต่อยอดจากไร่ตะวันฉายที่ปลูกองุ่น มาทำไวน์ ของนายอาทิตย์ มหาจักรวาล ซึ่งมีคุณภาพสูง แต่ติดที่ ค่านิยมของคนไทยในยุคนั้นว่า ไวน์ต้องเป็นของต่างประเทศถึงจะอร่อย ของไทยนั้นโดนด้อยค้าว่าหมินโคลนบ้าง ไวน์ชั้นต่ำบ้าง นายตะวันจึง ใช้นโยบาย หนามย่อต้องเอาหนามโหม่ง โดยการติดต่อเป็นดีลเลอร์นำเข้าไวน์จากต่างประเทศ เพื่อนำไปส่งให้โรงแรมหรูในประเทศเอง และเมื่อเขาได้ฐานลูกค้ามากพอ เขาจึงแนะนำให้นำไวน์ของไร่ตะวันฉาย ให้โรงแรมลองขายให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เป็นคอไวน์ชิม เนื่องจากนักท่องเที่ยวต้องการลองสิ่งที่เป็นของไทย เมื่อมาเที่ยวไทยอยู่แล้ว เมื่อคอไวน์ชาวต่างชาติได้ชิมก็ได้รู้ว่าไวน์ไทยไม่แพ้ชาติไดในโลก พวกชาวต่างชาติจึงแนะนำกันปากต่อปาก จนในที่สุดไวน์ไทยก็ได้ส่งออกไปขายต่างประเทศ ซึ่งแบรนด์ตะวันฉายก็คือแบรนด์ไวน์ต้นๆของไทย ที่ได้ส่งออกเป็นล่ำเป็นสัน และได้สร้างรายได้ให้กับบริษัทตะวันฉาย เป็นกอบเป็นกำ ซึ่งตอนนี้ทั้งการส่งออกและนำเข้าถ้านับเป็นตัวเงินมีกำไรปีละเป็นร้อยล้านบาทเลยทีเดียว
"เพร็ง...." เสียงขวดไวล์ตกแตก
"ว้าย....นั้นไวน์ Chateau Pichon Longueville ปี 2001 Contesse de Lalande"เสียงของหญิงสาววัยยี่สิบสามปีร้องขึ้น พร้อมเอามือเท้าสะเอว ทำหน้าขมวด ในชุดพนักงานสีน้ำเงินกระโปรงทรงสอบผ่าหน้ายาว 12 นิ้ว
"ขอโทษครับพี่..."เสียงของชายหนุ่มพูดออกมาอย่างสารภาพผิด
"นั้นนายรู้ใหมว่านั้นขวดเป็นหมื่นเลยนะนั้น เงินเดือนนายจะพอชดใช้หรือ"เสียงหญิงสาวตะแบงใส่ชายหนุ่ม
"ขอโทษจริงๆ ครับ พี่ฝ้าย ผมผิดไปแล้ว" ชายหนุ่มขอโทษอีกครั้ง
"อื๊ม...เดี๋ยวพี่ไปคุยกับลูกค้าก่อน ส่วนนายก็จัดการตรงนี้แล้วกัน"หญิงสาวเอ่ย
"ไอ้ยะเอาอีกแล้วนะ..."เสียงชายวัยสามสิบกว่าปีดังมาจากข้างหลัง
"ครับพี่กร อีกแล้วครับ" ชายหนุ่มตอบ
"ใครพี่นาย ขวดที่แล้ว Valentini Trebbiano d Abruzzo 2015 ขวด 5,000 รอบนี้ เล่นขวดเป็นหมื่นเลย" กร ผู้จัดการแผนกกล่าว
"รวมกันแล้วเงินเดือนเด็กฝึกหัดของนายคงไม่พอแล้ว....เหื้อฝ่ายบุคคลคัดคนประสาอะไร ส่งเด็กไม่รู้เรื่องมาทำงาน ป้ายชื่อก็ไม่มี" กรพูดต่อ
"ขอโทษครับ ทีหลังจะระวังให้มากกว่านี้ครับ"สุริยะกล่าว
"งั้นผมส่งบิลหักเงินเดือนนายให้ฝ่ายบุคคลจัดการเลยแล้วกัน อย่าหนีลาออกไปแล้วกันเดี๋ยวพวกพี่ๆในแผนกจะเดือดร้อนกันหมด"กรพูด
"ครับพี่...เอ๋ย...ผู้จัดการ ผมหนีไปใหนไม่ได้อยู่แล้ว"สุริยะตอบ
"อื่ม"กรพยักใหล่แล้วเดินไปห้องผู้จัดการแผนกของเขา
"เป็นไงบ้างยะ พี่กรว่ายังไง"ฝ้ายถามหลังผู้จัดการเดินพ้นไป
"ก็หักเงินเดือนครับ เดือนนี้หมดแน่ๆ ครับ" สุริยะบอก
"ไม่น่าเลยยะทำงานได้สัปดาห์เดียวจัดไปสองขวดแล้ว...เอาอย่างนี้ถ้าเดือนหน้ายะเงินไม่พอจ่ายบอกพี่ได้นะ" หญิงสาวบอกชายหนุ่มอย่างเป็นห่วง
"พี่ฝ้ายดีกับผมจัง..เอาอย่างนี้แล้วกัน วันนี้ผมยังมีเงินอยู่ผมขอเลี้ยงพี่ก่อนแล้วกันนะ"ชายหนุ่มชวนฝ้าย
"อิอิอิๆๆๆ.... "หญิงสาวหัวเราะ
.................
ตอนเย๋็น เวลาเลิกงาน บริเวณหน้าบริษัท ฝนเริ่มจะตั้งค้าวว่าจะตก
"ไปครับพี่ ผมพาไปเลี้ยงข้าว"ยะชวนฝ้ายอีกครั้ง ทันไดนั้นรถยี่ปุ่นคันหรู Honda Accord มาจอดตรงหน้าบริษัทที่สองคนนั้นยืนอยู่ แล้วลดกระจกลง
"น้องฝ้าย...ไป ขึ้นรถ ฝนกำลังจะตกแล้ว" กรเป็นผู้ขับรถมาจอดแล้วชวนหญิงสาว
"พี่ไปก่อนนะยะ.. พรุ้งนี้เจอกัน"เมื่อพูดเสร็จเธอก็เปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง กรยิ้มอย่างผู้มีชัย แล้วขึ้นกระจก ออกรถไป
สุริยะมองตาม แล้วเขาก็เดินไปที่ลานจอดรถใต้ตึก เขามองซ้ายมองขวาเพื่อไม่ให้ใครเห็น ก่อนที่จะกดรีโมทกุญแจรถ BMW X5 ของขวัญที่แม่ของเขาซื้อให้ตอนเรียนจบ แล้วขับออกไป
ตะวันได้สั่งกับสุริยะว่าอย่าให้ใครรู้ว่าสุริยะเป็นลูกเจ้าของบริษัท ซึ่งคนในบริษัทที่รู้ก็มีแค่ ผู้จัดการฝ่ายบุคคล และเลขาของนายตะวันเท่านั้น
...........
บนรถของกร
ฝ้ายหญิงสาววัยยี่สิบสามปีนั่งพิงเอนตัวบนเบาะรถ ด้วยใบหน้าแดงซ่าน กัดริมฝีปากอยู่ ส่วนกรขับรถด้วยมือขวามือเดียว
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน