ยังยืนยันว่าไม่มีฉาก Incest นะ
---------------------
เป็นเวลาบ่ายแก่ๆแล้วที่วรรณมารับวินกลับบ้าน
หลังจัดการเรื่องเอกสารและจ่ายเงินอีกเล็กน้อยทั้งคู่ก็พากันกลับ
ระหว่างทางขณะนั่งอยู่ในรถโดยมีวรรณเป็นคนขับ
ไอ้ศักดิ์ในร่างวินก็ยังคงคิดวาดฝันอันสวยหรูจนต้องอมยิ้มอยู่ตลอด
จนเมื่อผู้เป็นแม่สังเกตุเห็นเข้า
แน่นอนว่าเธอต้องเข้าใจผิดเต็มประตูจนอดยิ้มตามไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"รู้สึกดีที่ยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหมวิน เห็นยิ้มมาตลอดตั้งแต่ที่โรงพยาบาลแล้ว จำความรู้สึกนี้ไว้นะจ๊ะ และไม่ว่าจะเกิดอะไร อย่ากลับไปอะไรทำแบบนั้นอีกนะ"
ไอ้ศักดิ์ได้ยินเสียงหวานๆก็หลุดจากภวังค์ พอตอบก็ตะกุกตะกักด้วยยังไม่คุ้นสรรพนาม
"เออ เอ้ย! ครับ….แม่ ผมยังนึกไม่ออกเลยครับ ว่าทำไปทำไม ไม่รู้ว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่ ถ้าตายไปล่ะเสียดายแย่ หึหึ"
"ดีแล้วจ้ะวิน ปล่อยมันไปเถอะ อย่าไปจำเรื่องพรรณ์นั้นเลยรกสมองลูกเปล่าๆ”
วรรณยิ้มแก้มปริเมื่อได้ยินคำตอบ แล้วก็พลันนึกอะไรได้
”อ้อ! มือถือวินอยู่ในถุงผ้าหลังรถนะจ๊ะ โชคดีที่วินตั้งสแกนนิ้วไว้ ไม่งั้นแม่ก็ไม่รู้จะช่วยวินนึกรหัสผ่านได้ยังไง ลองเอามาเล่นดูนะเผื่อจะจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง"
ฟังจบไอ้ศักดิ์ก็หันไปดูที่เบาะหลัง บนนั้นมีถุงผ้าขนาดพอเหมาะวางอยู่ก่อนมันจะเอื้อมไปหยิบมาดู
ภายในมีกระเป๋าสตางค์ มือถือ และสมุดหรือหนังสืออีกสองเล่มใส่เอาไว้ข้างใน
"นี่ของผมทั้งหมดเลยเหรอครับ"
"ใช่จ้ะ ไว้เดี๋ยวถึงบ้านลองเปิดดูด้วยกันอีกทีนะจ๊ะ แม่จะพยายามช่วยฟื้นความจำให้วินเอง เราจะผ่านมันไปด้วยกันนะ", วรรณตอบกลับด้วยเสียงเศร้าๆ
ใช่แล้ว ไอ้ศักดิ์แกล้งทำเป็นความจำเสื่อม
โชคดีที่บังเอิญมีโรคเกี่ยวกับอาการขาดเลือดทางสมองจนอาจเป็นภาวะความจำเสื่อมได้อยู่จริงๆ
อีกทั้งหมอนนท์ก็เป็นคนยืนยันเรื่องนี้มาด้วยตัวเอง
จึงไม่ยากเท่าไหร่นักที่ไอ้ศักดิ์จะใช้เรื่องนี้ในการปิดบังตัวตนของมัน
“อีกสักพักก็จะถึงบ้านเราแล้ว วินหิวไหม ข้างหน้ามีร้านสะดวกซื้อ เดี๋ยวแม่ลงไปซื้อให้”
วรรณเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใยในตัวลูกชายคนเดียวของเธอ
แต่เธอไม่ได้รู้เลยว่า
แม้ร่างกายภายนอกจะยังคงเป็นวินลูกชายสุดที่รัก แต่ภายในตอนนี้นั้นกลับกลายเป็นคนอื่นไปเสียแล้ว
“นิดหน่อยครับ อืมมม...แต่วินว่าวินอยากกินอะไรอร่อยๆมากกว่า กินแต่อาหารโรงบาล จืดจะแย่ รบกวนแม่หน่อยนะครับ”
วินตอบยิ้มๆใบหน้าซุกซ่อนจุดประสงค์บางอย่างเอาไว้
วรรณพยักหน้ารับก่อนจะเลี้ยวรถลงไปจอดหน้าร้านสะดวกซื้อ
“เดี๋ยวแม่ดูให้นะ แป๊บเดียวเดี๋ยวกลับมาจ้าาา”
แล้ววรรณก็ลงรถเดินเข้าร้านสะดวกซื้อไป
ระหว่างรอ ไอ้ศักดิ์ก็หยิบกระเป๋าสตางค์มาเปิดดู
ภายในไม่มีอะไรพิเศษมากนัก มีเพียงบัตรประชาชน บัตรประกัน และธนบัตรอีกสองสามใบ
มือถือของวินเองก็เช่นกัน เป็นเพียงโทรศัพท์รุ่นกลางๆไม่แพงมากนัก
ไอ้ศักดิ์ลองเลื่อนดูคร่าวๆก็ไม่พบแอพหรืออะไรหวือหวาเลย
มันจึงปิดไปก่อนและหยิบบัตรประชาชนของวินขึ้นมาดู
“อายุสิบแปด ชื่อนายปิยพัทธ์ ชื่อดีใช้ได้ แต่นามสกุลนี่….. ทำไมถึงคุ้นๆจัง”
ไอ้ศักดิ์พยายามนึก แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
แล้วภาพหนึ่งก็แว่บเข้ามาในมโนคิด
มันเป็นภาพจำอันแสนเลือนรางของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ภายใต้แสงสว่างจ้า
จ้าจนไม่สามารถมองเห็นใบหน้าหรือสังเกตุเห็นลักษณะอื่นใดได้ชัดเจน
เธอคนนั้นกำลังกางแขนอ้าออกกว้างด้วยทีท่าอันอบอุ่นเอื้ออารีราวเทพธิดา
แต่ก่อนที่มันจะนึกอะไรได่
ภาพเลือนลางนั้น ก็กลับถูกซ้อนทับด้วยร่างของวรรณที่กำลังถือของพะรุงพะรังออกจากร้านสะดวกซื้อตรงหน้าเข้าเสียก่อน
“เอ้า! เกือบลืมไปเลย”
ไอ้ศักดิ์ร้องก่อนจะรีบเปิดประตูรถเดินออกไปหาวรรณ
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลยครับเนี่ย เดี๋ยววินช่วยถือ”
“ขอบใจมากจ๊ะ สงสัยกลัวลูกจะรอนาน แม่เลยรีบจนลืมเอาถุงผ้าเข้าไปด้วยเลย แย่จริงๆ"
วรรณตอบกลับพลางถ่ายของที่ถือให้วิน
และช่วงนั้นเองที่ไอ้ศักดิ์จะดำเนินแผนที่มันวางไว้ ไ
อ้ศักดิ์ฉวยโอกาสตอนที่วรรณไม่ระวัง แอบจี้จุดเบาๆไปสองจุด
แล้วมันในร่างวินก็ช่วยถือของกลับเข้ารถตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แอบนึกยิ้มในใจรอเพียงผลของการกดจุดจะค่อยๆเริ่มสำแดงฤทธิ์เท่านั้น
ไม่นานนักหลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับมาถึงบ้าน
มันเป็นเพียงบ้านไม้หลังเล็กสองชั้นซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่อันจำกัดภายในซอยเล็กๆกลางกรุง
ตัวบ้านมีสภาพกลางเก่ากลางใหม่
รายล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพรรณทั้งไม้ดอกไม้ประดับจนดูคล้ายป่าย่อมๆ
พวกมันถูกปลูกเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยดูสวยงามสบายตา
บ่งบอกได้ถึงความเอาใจใส่ดูแลของผู้พักอาศัยได้เป็นอย่างดี "
ถะ ถึงแล้วจ๊ะ อูยยย…"
วรรณเอ่ยหน้าแดงก่ำหายใจลึกถี่จนหน้าอกกระเพื่อม
ตั้งแต่ขับรถออกจากร้านสะดวกซื้อ
จู่ๆร่างกายของเธอก็เริ่มรู้สึกแปลกๆคล้ายจะเป็นไข้
มันเริ่มร้อนผ่าวและไวต่อสัมผัสขึ้นมาเรื่อยๆโดยไม่มีสาเหตุ
แรกๆก็จั๊กจี้เล็กๆ ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกเสียว
และยิ่งทุกครั้งที่เธอขยับตัวจนผิวหนังเสียดสีกับเสื้อผ้า
มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเสียวมากยิ่งขึ้นจนทนแทบไม่ไหว
จนหลายครั้งแล้วที่เธอเกือบจะหลุดปากเผลอครางออกมาดังๆ
แต่ก็จนใจที่มีลูกชายนั่งอยู่ข้างๆ
ได้แต่กัดฟันรีบขับรถกลับบ้านให้ไวที่สุดเพื่อหาทางแก้ไขอาการประหลาดที่ไม่มีที่มานี้