ครั้งหนึ่ง ณ ทะเล ตอนที่ 5 ( เรื่องเล่าของนายโทนกับพี่เหมียว ) | two-hitchhikers.ru

ครั้งหนึ่ง ณ ทะเล ตอนที่ 5 ( เรื่องเล่าของนายโทนกับพี่เหมียว )

  • 705 ตอบ
  • 20158 อ่าน
*

ออฟไลน์ ΜoNoTΩИ∑ ★★★

  • Senior Member
  • ****
  • 744
  • 5544
    • ดูรายละเอียด
สวัสดีครับชาวเลทั้งหลาย งานเยอะนิดนึงครับเลยลงดึกอีกแล้ว

ยังไงซะก็ขอขอบคุณไว้นะที่นี้ ทั้งสมาชิกใหม่ๆ

และสมาชิกที่มาจากร้านเกะด้วยครับผม

เช่นเดิมครับตอนนี้มีการซ่อนข้อความ ท่านต้องแสดงความคิดเห็นก่อน

ซึ่งสำหรับผมนั้น Free Style ครับ ท่านจะคอมเมนต์อะไรก็ได้

และถ้าแสดงความคิดเห็นหลังอ่านจบด้วย จะสวยงามมากครับผม




ปล. อย่าลืมฟังเพลงตอนท้ายครับ



.....


ปล.1 รู้สึกจี๊ดเหมือนกันมั้ย


......


ปล.2 Link สำหรับย้อนไปอ่าน ตอนเก่าๆครับผม







.......



ปล.3 เหมียว หุ่นใกล้เคียงมากนะ อกอาจจะเล็ก แต่เอวเพรียว สะโพกแน่น ก้นแน่นมาก






...


ปล.4 ขอฝากอีกเรื่องเขียนแนว Relax ครับ เป็นเรื่องเล่าสมัย ม.5





.......



......

ความเดิมตอนที่แล้ว


ทางทีมงาน ให้เวลา 30 นาทีในการเก็บกระเป๋า

ผมจึงแจ้งให้ทุกท่านเอากระเป๋าไปเก็บ

ส่วนตัวผมก็จะไปนอนพักเหมือนกัน

แต่คิดไปคิดมาผมอาบน้ำดีกว่า

แต่ดูเหมือนว่าผมจะไม่ได้อาบดีๆละ เพราะเหมียว

เธอถอดเสื้อผ้าและเดินมาหาผมพร้อมกับถามว่า

ต่อมั้ยคะ


..............................


once upon a time at SEA - 5




หืมมผมถามว่าทำอะไรนะ ผมก็ไม่พูดเปล่านะ พูดแล้วก็เดินไปบีบก้นของเธอเต็มมือเลยล่ะ
เหมียวก็ซื๊ดมือไวจังเลย ส่วนผมก็ไม่ได้จับเปล่าๆ บีบเปล่าๆนะ
 
 
ผมบีบเนื้อก้นแบะออกและกดแท่งหรรษาลงไปที่ร่องตูดของเหมียวแล้วก็เริ่มซอยเอวเบาๆให้แท่งหรรษาของผมเสียดสีกับร่องตูดของเธอ
 
 
ซึ่งผมก็รู้แหละว่าเหมียวคงไม่ได้เสียวอะไรเพราะตรงนั้นก็ไม่ได้มีจุดที่ไวต่อการสัมผัสแต่ผมก็หวังว่าเธอจะมีอารมณ์ร่วมนะ เฮ้ยแล้วก็มีจริงๆว่ะ เหมียว ซื๊ดดด ออกมาเลยทีนี้
 
 
เธอแอ่นตูดโก้งโค้งมากกว่าเดิมจนผมต้องเดินถอยหลังเลยล่ะผมบีบตูดของเธอเต็มไม้เต็มเต็มมือเลยทีนี้ ผมโก้งตัวลงไปถามว่าอยากเหรอ เหมียวบอกอื้อเค้าอยากอ่ะ พูดเสร็จเธอก็เปลี่ยนใจมั้ง
 
 
เหมียวหันหน้ามาหาผมและเริ่มจูบกัน รสจูบภายใต้ฝักบัวนี่มันสุดยอดจริงๆนะครับ สายน้ำที่มันไหลลงมาช่วยทำให้สัมผัสในการจูบหลากหลายขึ้นมากเลยล่ะ


แล้วอื้มม ผมก็รู้สึกเสียวว่าบ ว่าบ ว่าบ ที่หนอนน้อยเฉยเลยจะไม่เสียวได้ไงล่ะเพราะนางแมวตัวน้อยๆกำลังดึงสโตกให้อยู่ หืมรุกก่อนเลยเหรอเนี่ย ผมถามว่าไปคึกอะไรมาหืม ถามแล้วก็จุ๊ป ถามแล้วก็จุ๊ป


เหมียวก็อ้อนๆแล้วบอกว่า งืมๆๆ รักเค้ามั้ย ผมก็หื๊มถามอะไรล่ะนั่น มาเล่นอะไรแบบนี้อีก เหมียวต้องการอะไร
 
 
ผมคิดนะว่าขนาด3 สาวที่ดีกับผมแบบนั้น ผมยังไม่กล้าจะบอกรักเลย แล้วนี่ไหง ผู้สร้างเฟรนด์โซนถึงมาพูดแบบนี้ล่ะ แต่ผมก็ตอบเธอไปนะว่าถ้าเมื่อปีก่อนได้คบกัน

ตอนนี้เราก็คงบอกว่ารักเหมียวได้เต็มปากแล้วล่ะ เหมียวก็บอกว่าไหนบอกว่าสองวันนี้ที่อยู่ด้วยกันเราเป็นคนรักกันไม่ใช่เหรองืม บอกรักเค้าหน่อยสิ่


ผมบอกหืมเป็นตอนไหนเหรอ เหมียวก็ตีผมแล้วบอกว่า ก็ตอนที่ทำกันเมื่อคืนไง ผมก็แบบจี๊ดเลยครับตอนนั้นผมคิดในใจนะว่านี่ผมฝันไปเปล่านะ ผมที่พยายามหลายอย่างให้เธอเห็นความดี แต่สุดท้ายก็แห้วไปแล้วไหงตอนนี้บอกว่าเป็นคนรักล่ะ หืม
 
 
[ เหมียว ]  :  โทนไม่รักเค้าเหรอ
 
 
เหมียวพูดไปก็สาวว่าวให้ผมไป ผมก็เสียวนะแต่ก็คิดว่าที่เหมียวพูดแบบนี้ต้องการอะไรกันล่ะ เล่นอะไรกับความรู้สึกของผมอีก คือท่านผู้อ่านก็น่าจะรู้แล้วเนอะ
 
 
ว่าตอนนี้ผมก็ยังชอบเธอเหมือนเดิมแต่ว่าความรู้สึกอยากได้เป็นแฟนแค่ลดลงไปน้อยมากๆ พูดไปก็อาจจะเหมือนเห็นแก่ตัว ว่าได้ล่อเธอ แล้วพูดแบบนี้เหรอ ซึ่งขออนุญาตบอกเลยว่าไม่ใช่ครับ
 
 
คือผมรู้สึกตงิดๆกับคำพูดของเธอจริงๆนะบอกตรงๆแต่เหมียวก็พูดขึ้นมาว่า อยากสบายใจ ผมก็หืมสบายใจอะไร เหมียวบอกว่าอย่างน้อยก็ยังได้ทำกับคนที่ชอบเธอจริงๆ แล้วก็ยังเป็นที่รักกันอีก


ผมถามหื๊ม อะไรนะ เหมียวตีเผี๊ยะเลยครับแล้วบอกว่า เมื่อคืนก็พูดแล้วนี่ว่าเราจะทำกันแค่ที่นี่ เหมียวก็บอกอีกครับว่าเมื่อคืนผมยังเรียกเธอว่าที่รักอยู่เลยนี่นา


ผมก็เออว่ะใช้ด้วย เมื่อคืนกูบอกฝันดีค่ะที่รักนี่หว่า ผมก็เลยก้มลงไปจูบแล้วถามว่า ทำไมที่รักยอมเค้าล่ะ เหมียวก็บอกครับว่าผมไม่ได้บังคับเธอ ยอมฟังคำขอ ยอมฟังว่าไม่อยากอมนี่นา


ผมถามว่าแค่เนี้ยเหรอที่ยอมให้น่ะ เหมียวส่ายหัวไม่ๆๆๆ แล้วบอกว่าก็ตอนนั้นที่บอกว่าเจ็บ ที่รักก็ยอมฟังและไม่ทำต่อนี่นา เค้ารู้สึกดีนี่นาที่ไม่ถูกบังคับ
 
 
ผมตอบจ้าๆ จูบเธอและก็ก้มลงไปไซ๊คอเธอนะไซ๊เลีย งับ แล้วถามว่าแล้วถ้าตอนนี้ขอทำอีกล่ะได้มั้ย เหมียวซื๊ด ซื๊ดดด
แล้วตอบผมกลับมาครับว่า ทั้งวันก็ได้ ทั้งคืนก็ได้ ผมก็เลยบอกไปว่า ได้เลย เดี๋ยวจะจัดซัก 2 โหล
 
 
เฮ้อ ผมปากดีไปแบบนั้นแหละครับผมแค่โหลเดียวก็ไม่น่าจะถึง หรือถึงแล้วก็คงลุกไม่ไหว หำถลอก บั้นเด้าอักเสบแน่นอน แต่เหมียวก็บอกนะ ว่าถ้ามีแรงก็ทำสิ่ เค้าไม่ได้ห้ามหรอก
 
 
อ่าส์รอดครับเลี่ยงการบอกรักไปได้อีกแล้ว ผมก็คงรู้สึกแย่นิดนึงนะว่าขนาด 3สาวยังไม่กล้าบอกรัก แล้วจะมาบอกรักเหมียวก่อนได้ไง แล้วเหมียวก็สร้างชอตเซอรไพรส์ครับ เธอนั่งลง
 
 
และชักๆๆๆ อาวุธคู่ของผมและอม ง่วบบ ลงไปเลยผมแบบซื๊ดดด ระวังฟันครูดนะ เหมียวก็อม งื้มม บ๊วบ บ๊วบ บ๊วบ  ผมก็ยืน ซื๊ดดด อ้าเสียวชิบเลย แล้วแบบเฮ้ยรู้สึกว่าเหมียวโม๊กได้นานขึ้นครับ
 
 
ผมก้มลงไปมองเธอก็มองสบตาพอดี เหยดเข้เอาเรื่องเลยครับตอนนี้ เหมียวอมบ๊วบ บ๊วบบ และก็ชักๆๆๆ
ซักพักก็บ๊วบต่อ อ๋อผมเข้าใจละ เธอก็บ๊วบได้นานเท่าเดิมแหละ



แต่เวลาเธอรู้สึกเหม็นคาว เธอก็ถอนปากออกมาและสาวว่าวอาศัยน้ำจากฝักบัวล้างน้ำ ล้างกลิ่นออกแล้วค่อยโม๊กต่อ โอ้ว อัจฉริยะ


ซักพักเธอคงเมื่อยปากล่ะ เธอจึงลุกขึ้นมาแล้วบอกพอแล้วนะ ฮึ่ย นิดนึงอ่ะอีกนิดนึงจะถึงจุดที่เรียกว่าซี๊ดแล้วเชียว เฮ้อ
ใครที่มีแฟนที่ไม่ชำนาญเรื่องบ๊วบก็คงเข้าใจอารมณ์ผมดีครับ อีกนิดเดียวเองเฮ้ออ แต่ก็ต้องเข้าใจครับว่าเธอไม่ชำนาญ
 
 
ผมจูบแล้วบอกว่า อยากทำจัง เหมียวก็ถามว่าไม่ทำเหรอคะพูดแบบนี้ ผมกอดเธอไว้แนบตัวเลย จนไอ้จ้อนผมแทบจะรวมร่างกับเหมียว ผมบอกว่าอยากทำสิ่ แต่คืนนี้มั้ย วันนี้เราต้องทำงานกันนะ


ถ้าทำตอนนี้กลัวว่าจะอดใจไม่ไหว ลากยาววววว น่ะสิ่ เหมียวก็ตีเผี๊ยะเลยครับ แล้วบอกไอ้บ้าจะหื่นไปไหน ผมก็กอดเธอไว้นะ เธอบอกว่างั้นคืนนี้เค้ามานอนที่ห้องนี้นะ


ผมก็จับคางของเธอแล้วพูดว่า แน่ใจเหรอว่ามาแล้วจะได้นอน เหมียวเธอมองตาผมไม่กระพริบเลยครับ เธอตอบผมกลับมาว่า ก็นอนนิ่งๆให้ทำตามใจไง


โอ๊ยยย ใจไม่ดีเลยโว๊ยยยยยยย เราสองคนอาบน้ำ อาบ อาบ อาบ แล้วก็พากันเดินออกมาข้างนอก อื้มหืม ก้นโคตรเด้งเลยครับ ฮึ๊ยยหมั่นเขี้ยวอยากตะตีซักเผี๊ยะ


อ้อขอนอกเรื่องแปปนะครับ ตอนมัธยมพวกเพื่อนๆผมแม่งมีความเชื่อแปลกๆว่าเวลาล่อกับแฟนต้องตีตูด
มันจะทำให้ตูดแน่น แล้วผมก็เชื่อมาตลอดนะครับ
 
 
จนกระทั่งแฟนคนนึงบอกว่ามันเจ็บนะเท่านั้นแหละผมก็เลิกเลย คิดแล้วก็กุมขมับกูเชื่อไปได้ยังไง ผมก็แกล้งบีบคลึงตูดของเหมียวครับ ตูดแน่นมากจริงๆครับ


 
[ เหมียว ]  :   โทนอย่าทำเค้าสิ่ เค้าต้องเป่าผมนะ
 
[ ผม ]  :  ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ อื้ม ไม่ทำหรอก เดี๋ยวหมดแรงทำงานกันพอดี
 
[ เหมียว ]  :  ชิ บ้ากาม
 
 
เหมียวพูดทั้งๆที่ตัวเองนุ่งแค่ผ้าขนหนูตัวเดียวอยู่ แหม่ๆๆ ดูแม่คุณเขาทำ ผมก็ผลัดกันแต่งตัวนะ ช่วยกันดูนู่น ดูนี่ให้เรียบร้อย พอหมดเวลาพักพวกผมก็เริ่มไปที่ห้องสัมมนาก่อนเลยครับ



เอาล่ะตอนนี้เหมือนทุกคนจะแต่งตัวสบายๆกันแล้วนะครับ แต่ก็ยังไม่จบนะ ยังต้องเข้าห้องสัมมนาด้านวิชาการกันต่อ
 
 
พวกเรานั่งประชุมไปโดยมีผู้บริหารหลายๆท่านมาทักทายและอบรมพวกเราในด้านต่างๆ ว่าทิศทางการทำงานของเราเป็นแบบไหน พวกเราต้องมี mindsetอย่างไรในการทำงาน
 
 
การตั้งเป้าหมายคืออะไรการทำงานให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดคืออะไร แล้วจากนั้นก็มีวิทยากรชื่อดัง
มาพูดปลุกพลังการทำงานของพวกเรากัน พูดตามตรงครับว่าประสิทธิภาพการทำงานของพวกเราใน 2 ไตรมาสแรก
 
 
ห่วยบัดซบเลย ทั้งๆที่แผนกอื่นติดท็อปในหลายๆด้านเลยนะส่วนแผนกผมก็ได้พี่จักร กับ รุ่นพี่อีก 2-3 คนคอยกู้หน้าให้ เด็กน้อยแบบผถึงทำงานดีไป ผู้หลักผู้ใหญ่เขาก็คงยังไม่เห็นหัวหรอกครับ
 
 
ชั่วโมงบินยังน้อยแถมผลงานที่เปรี้ยงป้างก็ยังไม่มี ที่มีก็ได้เพราะพี่ๆช่วยครับ ยังไม่เคยบินเดี่ยวสักครั้ง
เฮ้อก็นะ ๆ ๆ คนเรามันก็ต้องเรียนรู้กันไปแหละ
ผมเองก็พยายามทำตัวให้เหมือนแก้วเปล่าตลอดเวลานะ
 
 
ใครพูดอะไรมาสอนอะไรมา ผมก็ฟังหมด แต่ถ้าใครแม่งมาแนวเพ้อเจ้อยกตัวข่มท่าน
ผมก็ทำขอตัวไปเข้าห้องน้ำทันที มันมีจริงๆนะครับ คนประเภทนี้ คือรู้แหละว่าเก่ง
รู้ว่ามาก่อน รู้ว่าเก๋าเกมส์
 
 
แต่ก็ไม่จำเป็นต้องข่มป่ะวะเฮ้อปวดหัวเดี๋ยวพอลงไม้ลงมือก็ว่าไม่เคารพกันอีก
ตอนนั้นวิทยากรก็พูดเรื่องนึงขึ้นมาครับว่า
การสื่อสารในองค์กรเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก
 
 
เขาบอกว่าคนแรกนั้นต้องใส่พลังให้เต็มที่ในการสื่อสารเพราะถ้าใส่พลัง100 % คนที่รับสารต่อมาตามธรรมชาตินั้นก็จะรับได้แค่ 80 % เพราะงั้นเราต้องรักษาพลังงานการทำงาน
 
 
รักษาพลังงานการสื่อสารเอาไว้เพื่อที่ตัวงาน คุณภาพ จะได้สมบูรณ์แบบตลอดเวลา แต่ผมก็นึกถึงคำพูดของ
ท่านหัวหน้าหน่วยที่ 12 นะ คุโรซึจิ มายูริ ที่บอกว่า ความสมบูรณ์แบบคือความสิ้นหวัง
ผมเลยแอบคิดนะ
 
 
ว่างานที่สมบูรณ์แบบมันไม่มีหรอกมันมีแต่งานที่ถูกใช้ลูกค้ามากที่สุด อันนั้นเป็นความคิดของผมเมื่อตอนนั้นนะ
แต่ผมก็ไม่คิดจะเถียงอะไรนะ เพราะยังไงขึ้นชื่อว่าวิทยากรแล้ว
 
 
เขาต้องมีชั่วโมงบินสูงกว่าผมนับ10 เท่า ร้อยเท่า อยู่แล้วล่ะ ผมจึงเลือกที่จะฟังและจดในสิ่งที่ผมคิดว่า
สามารถเอามาปรับใช้กับตัวเองได้ครับ และกิจกรรมต่อมาก็เป็นกิจกรรมเหมือนว่า
แสดงถึงความสามัคคีและความไว้เนื้อเชื่อใจขององค์กร
 
 
ซึ่งคลิปนี้ท่านผู้อ่านสามารถหาดูได้ตามyoutube ครับเป็นเหมือนการนั่งเก้าอี้ต่อๆๆๆกันไป แต่เก้าอี้นั่นมันคือขาของเพื่อนร่วมงาน โดยที่จะให้ยืนกันเรียงๆๆเป็นวงกลม
 
 
เว้นห่างจากคนหน้าพอประมาณและให้นั่งลงบนหน้าขาของคนข้างหลังต่อๆๆกันเป็นวงกลม ตอนแรกก็วี๊ดว๊ายกันนะ แต่พอซักพักเริ่มเกร็ง เริ่มกลัวว่าทำไม่ได้บ้าง


ก็เริ่มมีเป๋ๆครับ ซึ่งแน่นอนแหละว่ามันล้มไม่เป็นท่าเลย พวกผมที่เป็น Staff ก็เข้าไปพยุงช่วยคนล้มถึงจะไม่เจ็บมาก แต่ก็ต้องเข้าไปดูแหละครับ และวิทยากรก็บอกว่า
 
 
การทำงานเป็นทีมต้องให้ใจและไว้ใจกันที่ล้มก็เพราะยังไม่ไว้ใจเพื่อนข้างหลัง อีกทั้งยังไม่มั่นใจในตัวเองว่าจะรับน้ำหนักคนข้างหน้าได้ด้วย


จำไว้ครับว่าการยืนเข้าแถววงกลม มันก็เหมือนวงจรการทำงานต้องมีเริ่มและมีจบ ซึ่งแต่ละขั้นตอน แต่ละฝ่ายต้องคอยช่วยเหลือกันและกัน ขาดใครคนใดคนนึงไปไม่ได้ มา มาลองกันใหม่ ครั้งนี้ก็ยังทุลักทุเลเล็กน้อยครับ
 
 
หัวหน้าผมก็เลยพูดว่า“ คิดซะว่านั่งเล่น“  เฮ้ยเชื่อป่ะทุกคนคือผ่อนคลายไม่เกร็งขาทิ้งตัวพอนั่งได้แล้วทุกคนปรบมือเฮกันลั่นเลยครับ แต่ว่าตอนนั้นเองหัวหน้าก็บอกว่า
 
 
เอาล่ะเมื่อทุกคนสามัคคีกันแล้วเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว ต่อไปเป็นการทดสอบสุดท้าย แล้วผมก็ถือไม้เบสบอลมาเลย แคร๊ง
แคร๊ง แคร๊ง แล้วผมก็ทำท่าหวดลม ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ
 
 
ตอนนี้ทุกคนเริ่มเกร็งละผมก็ถือไม้เบสบอล ตั้งเป็นท่าตีกอล์ฟและหวดฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ  จนเพื่อนคนนึงตะโกนขึ้นมาว่าอีโทนจะทำอะไรเนี่ย จะเอามีตีขาเหรอ ผมก็บอกเปล๊า !!!  ตีกอล์ฟนี่ไง
 
 
ผมก็หวดฟุ่บฟุ่บ ฟุ่บ ต่อ แล้วหัวหน้าก็บอก 5555 ล้อเล่น ซึ่งพอทุกคนลุกขึ้นได้ วิทยากรกล่าวชื่นชม พวกเขาก็โผกอดกันเลยครับ ทั้งหญิงทั้งชาย กอดกันกระโดดเหมือนว่าได้ทำอะไรบางอย่างสำเร็จ
 
 
 
มันเป็นสิ่งเล็กๆก็จริงนะแต่ว่าสำหรับพวกเขานั้นมันก็ถือว่าสำคัญเลยล่ะ ต่อมาเป็นกิจกรรมละลายพฤติกรรมครับ
ซึ่งส่วนนี้ต้องให้วิทยากรมืออาชีพครับ เขาจะมีทั้งประสบการณ์ จิตวิทยา ที่จะทำให้พนักงานที่ไม่เคยรู้จักเขามาก่อน เชื่อได้ง่ายๆเลย
 
 
คนที่ตั้งใจสัมมนาเขาจะเอ็นจอยกับกิจกรรมพวกนี้มากครับต่างจากพวกที่มามาให้มันจบ หรือ มาเพื่อเที่ยว
พวกนี้มองด้วยตาก็รู้เลยว่าเป็นคนประเภทไหน ต่อมาเป็นกิจกรรมละลายพฤติกรรมครับ
 
 

ผมจำรายละเอียดไม่ค่อยได้มากนะแต่เขาจะจับพวกเราแยกกลุ่มกัน ซึ่งแน่นอนแหละครับว่าพวกเราทีมจัดกิจกรรมนันทนาการก็ต้องเข้าร่วมด้วย
 
 
พวกเราแยกกันหมดเลยครับเขาจะแบ่งกันเป็น 7 กลุ่ม 7 สี ตามสีของวัน แหม่ !!!  ผมดันได้อยู่สีฟ้าสีโปรดตูเลย ผมได้อยู่คนเดียวแฮะ พวกพี่ๆที่มาด้วยกัน บางคนก็อยู่กลุ่มเดียวกัน


กิจกรรมนี้วิทยากรบอกว่าอยากให้ทุกคนได้ละลายพฤติกรรมและกล้าแสดงออกมากขึ้น เขาจะให้พวกเรา ทั้งหมด แสดงอารมณ์ทั้ง 4 อย่างคือ

1.กลัว

2.มีน้ำใจ

3.โลภ

4. SEXY


ไอ้3 อันผมก็ยังพอเข้าใจนะ แต่อันที่ 4 นี่มันยังไง เชื่อป่ะพอวิทยากรบอกว่า ทุกคนต้องแสดงท่าทางที่ SEXY พวกผู้หญิงนี่วี๊ดวิ่วใหญ่เลย งานมาและกูถอนตัวทันไหววะ


แต่ไม่ทันแล้วเพราะผมโดนเรียกออกไปหน้ากลุ่มคนแรกเลย คือเราจะแสดงกันแค่ในกลุ่มของพวกเรานะ โดยที่ทุกคนจะมีเวลาในการ แสดงอาการนั้นๆ อาการละ 1 นาที เหยดเข้ 60 วินาทีมันนานแท้ๆ พอครบ 60 วิปั๊ป วิทยากรจะให้สัญญาณ


พวกเราก็ต้องเปลี่ยนอารมณ์ทันที ชิบหายละใจแม่งตกลงไปปลายตีนตอน เป่าปี๊ด หมดเวลาข้อ 3 เหี้ยละไง เอาไงดีวะ SEXY หน้าแบบกูเนี่ยนะ จะเต้น SEXY ไม่เต้นก็ไม่ได้ โดนกดดันอีก

เอาวะ วิชาลับรื้อฟื้นความจำ จำ จำ จำ ที่ผ่านมาผมเจออะไร  SEXY มั่งวะ เอ่อใช่ เอาวะงัดสกิลเต้นมาใช้ก่อน ผมย่างซ้าย ย้ายขวา สะบัดเอวนิดนึง อื้อหือ ภาพจำในสายตาของพวกเพื่อนๆร่วมงาน

คือคนที่กวนส้นตีนได้ทุกคน รวมแม้แต่กระทั่งหัวหน้า แล้วดูผมตอนนี้ดีแม่งยังกับ หนุ่มโฮสต์เต้น อื้อหือเสียงกรี๊ดลั่นห้องเลย แล้วไงล่ะ ความบรรลัยก็มาสิ่ครับ เพราะทุกกลุ่มแม่งกันมามอง


เหี้ยละไง แล้วทำไมรอบนี้ 1 นาทีมันนานจังวะชิบหายละ โอยอายโว้ย แต่มันก็ต้องทำครับ จนจบ 1 นาที เหยดโด้ว รอดแล้ว ผมก็ออกมาจากวงกลม การแสดงเลยครับ


เพื่อนคนอื่นก็ก้าวไปทำกิจกรรมต่อครับ ผมก็ยืนเฮฮากับพวกเขาต่อ บางคนแสดงอาการโลภ ผมก็จะเอาแบงค์ 20 ไปล่อ นี่ไง นี่ไง นี่ไง แบบนี้ พอมันจะเข้ามาคว้า ผมก็เอาออก สนุกดีครับ


หลายคนได้แสดงในสิ่งที่ไม่เคยทำ หลายคนได้ทำท่า SEXY ได้ดีอย่างคาดไม่ถึงเลยครับ อย่างพี่แว่นที่อยู่อีกแผนก ก็เอวดีแท้ๆ ลีลาการสะบัดเส้นผม นี่แบบแดกขาดบอกเลย


พอจบจากกิจกรรมนี้ ท่านวิทยากรก็สรุปทั้งหมดว่า กิจกรรมนี้เขาต้องการจะสื่ออะไรออกมา เขาบอกนะว่า หลายคนมีความสามารถในการตีความ หลายคนมีความสามารถในสิ่งที่ตัวเองก็ยังไม่รู้


ว่าสามารถทำได้ดี เขาบอกว่าการทำงานทุกวันเหมือนว่าเราต้องเจอเรื่องเดิมๆ ปัญหาเดิมๆ มันจึงทำให้พวกเราติดอยู่ใน คอมฟอร์ตโซน นั่นคือที่ที่สบายของพวกเรานั่นเอง


เราแก้ไขปัญหาเดิมๆได้ เราก็ทำแบบนั้นต่อไป ไม่ต้องพยายามไม่ต้องขวนขวายอะไร มันเหมือนย่ำกับที่เดิม การที่จะทำให้บริษัท หรือ แผนกเติบโต เราต้องกล้าที่จะแสดงออกมา กล้าที่จะไปให้ไกลกว่านั้น


[ วิทยากร ]  :  เอ... เมื่อกี้ผมรู้สึกว่าจะมีเสียงกรี๊ดดังมากเลยครับ เกิดอะไรขึ้นเอ่ย


เฮือก !!! อยู่ดีๆ ทำไมรู้สึกขึ้นลุกซู่วววเลยวะ นี่ค่ะๆๆ คนนี้เต้นค่ะ ชิบหายละทำไมซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้วะ เพื่อนๆทั้งกลุ่มชี้มาเลยครับทีนี้ วิทยากรก็บ้าจี้ตามโอ้ววว อะไรนะครับ เต้นเหรอครับ


แล้วเขาก็เดินมาหาผม ผมแม่งก็แบบโอยย กูนั่งอยู่ดีๆเสือกมาเรียกกูทำไม ผมก็ลุกขึ้นแหละครับ เขาก็ถามผมว่า เต้นยังไงครับ ผมก็แบบขยับๆนิดๆ แล้วก็บอกเต้นธรรมดาๆครับ


แต่พอขยับพวกเพื่อนในกลุ่มก็กรี๊ดกันอีก แม่มเอ๊ย ใครเหยียบตีนพวกมึงวะ ยิ่งกรี๊ดคนแม่งก็ยิ่งมอง อายสัดๆ  วิทยากรเขาถามนะว่าทำไมผมกล้าเต้น ผมก็ตอบว่าไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรนี่ครับ ที่อายเพราะคิดว่ามันน่าอาย


ปัญหาอยู่ที่ตัวเรานั่นแหละ วิทยากรนิ่งและเดินขึ้นไปบนเวทีแล้วบอกว่า คำตอบนั้นดีมากนะครับ ผมก็นั่งลงกับพื้นต่อ เขาบอกว่าอยากให้ทุกคนแสดงออกมาว่าตคัวเองก็มีศักยภาพมากกว่าที่เห็น


ยังมีพลังที่ยังไม่ได้ปลดล็อค  ยังรอวันที่ตัวเองต้องตกผลึกด้านความคิด และการลงมือทำงาน ผมเองก็คิดนะ ผมเองก็ยังมีคอมฟอร์ตโซนของผมเหมือนกันแหละ  บางทีผมก็กลัวที่จะพรีเซนต์งานใหญ่ๆ


เอาจริงๆบางทีผมก็อยากมีโอกาสนะ แต่พอมาคิดแล้วไม่เอาดีกว่า บริษัทผมพวกผู้บริหารแม่งเขี้ยวตายห่า คือเงินดีนะ แต่ระเบียบงานนี่เข้มสุดๆกลัวจะพลาดอะไรต่อหน้าแล้วงานหยาบเลย


ตอนนั้นมีอีก 1 กิจกรรมครับ คือ กระดาษ ปากกา และ หัวใจ เขาแจกกระดาษรูปหัวใจสีชมพูให้ทุกคน ปากกาคนละด้าม ซึ่งมีกันอยู่แล้ว


[ วิทยากร ]  :  ผมอยากให้ทุกท่านในที่นี้ เขียนถึงใครบางคนในที่นี้ มีอะไรอยากจะพูดกับเขามั้ย มีอะไรอยากจะขอโทษเขามั้ย มีอะไรอยากจะขอบคุณเขามั้ย มีอะไรที่ไม่เคยพูดกับเขามั้ย เขียนลงไปเลยครับ ให้เวลา 2 นาที


เอาจริงๆป่ะ แค่พูดแค่นี้ ผมเชื่อเลยนะจุกอก ทุกคน เพราะว่าลึกๆแล้ว ทุกคนต้องรู้ตัวแหละครับว่าตลอดเวลาที่ทำงานด้วยกันมา ทำผิดอะไรกับใครไปบ้าง อยากขอบคุณใครบ้าง แต่อาจจะเพราะลืมไป หรืออาจจะเพราะไม่กล้าแสดงออก


บางคนก็เริ่มซื๊ดน้ำมูกแล้วครับ แล้วพอทางวิทยากรเปิดเพลงนี้เข้าไปอีก เหมือนเอากองฟางไปสุมกองไฟอ่ะครับ





ผมก็จะไม่เขียนนะ แต่ว่าถ้าไม่เขียน มันก็เหมือนผมไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้สิ่นะ แล้วผมจะเขียนถึงใครล่ะ ไม่ต้องคิดเลยครับ สองคนที่ผมจะเขียนถึง คือหัวหน้าของผม และพี่จักร



ผมอยากขอบคุณพี่จักรที่ดีกับผมตั้งแต่วันแรกที่ทำงานจนถึงตอนนี้วันนี้เวลานี้ รวมถึงหัวหน้าด้วยถึงจะดุยั๊งหมา แต่เขาก็ดุเพราะเขารักพนักงานใต้บังคับบัญชาทุกคน เขาอยากให้พวกเราทำงานดี เพื่อที่จะได้ผลประเมินสูงๆ


ผมก็อยากจะขอโทษนะ เพราะผมก็รู้ตัวแหละว่ามีบางครั้งเผลอทำตัวไม่เหมาะสม เผลอใส่อารมณ์เวลาทำงาน แถมยังกวนส้นตีนอีก จริงๆถ้าผมไม่มีพวกเขานี่ผมก็อาจจะยังนั่งพิมพ์เอกสารอยู่เลยก็ได้ครับ


แล้วเหมียวก็วิ่งดุ๊กๆๆมาหาผมครับ เหมียวบอกว่าจะไม่เขียนให้ผมหรอก ผมก็งงว่าเหมียวหมายความว่าไง เหมียวก็บอกจะบอกด้วยตัวเอง แล้วก็วิ่งดุ๊กๆๆไป อิหยังวะ


โอ้โห เพลงแม่งก็บิ๊วเหลือเกิน ตั้งแต่วันนั้น จนวันนี้ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เธอยังเหมือนเคย ยังแสนดี อยากบอกว่าซึ้งใจ อื้อหือเพลงก็เพราะไป๊บางที อั๊ซ เดอะสตาร์ นี่เสียงดีจริงๆนะครับ


พอครบ 2 นาที วิทยากรปิดเพลง และนี่แหละที่ผมคิดไม่ถึง เมื่อวิทยากรบอกว่า ให้ถือหัวใจนั้นเดินไปหาคนที่คุณเขียนถึงและพูดกับเขาเลยครับ หือ อิหยังนะ เวรละไง

เชื่อมั้ยว่าทุกคนเงียบ ทุกคนยังคงนั่งอยู่กับพื้น แต่ก็มีคนเปิดว่ะ เป็นพี่ผู้หญิงในแผนกนี่แหละ เขาเดินไปหาเพื่อนเขามั้ง แค่ยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย แค่ยืนถือกระดาษรูปหัวใจแล้วมองหน้ากัน


พวกเขาสองคนก็ร้องไห้ออกมาแล้วล่ะครับ ผมว่านะข้อความในกระดาษนั้น คงเป็นความในใจที่อยากจะบอกกันมากเลยล่ะครับ ทุกคำพูด พรั่งพรูออกมา ผ่านคำพูด แววตา และภาษากาย ผมจำได้อยู่คำนึง


พี่เขาพูดว่าขอบคุณที่ยังเป็นเพื่อนที่ดีเสมอมา น้ำตาก็มาเลยครับ พี่สองคนกอดกันกลม เหมือนว่าไม่ได้กอดกันแบบนี้มานานมากๆ คนอื่นๆก็เริ่มถือกระดาษรูปหัวใจไปหาคนที่ถูกเขียนถึง


เพลงก็ถูกเปิดคลอเบาๆ ผมเองก็อายนะเอาจริงๆ แต่ก็เอาวะลุย ผมเดินไปหาพี่จักรที่ตอนนี้มีน้องๆลุมหลายคน พอผมเดินไป พี่จักรก็เอ้า มีอะไรจะขอโทษพี่ล่ะไอ้น้อง นั่นไงล่ะรู้มากอีก


ผมก็อ่านตามที่เขียนนั่นแหละ ผมอยากขอบคุณพี่จักรครับ ตลอดเวลาพี่คอยดูแล ซัพพอร์ตข้างหลังผมตลอด ผมอยากขอโทษพี่ด้วยครับ ที่บางครั้งผมดื้อมากๆ ตอนแรกผมก็ไม่พอใจเท่าไรที่พี่คอยเบรกผม ที่พี่คอยห้ามผมไม่ให้ทำนั่นทำนี่ทั้งๆที่ผมมั่นใจมากๆ


แต่พอตอนนี้ผมก็รู้ครับว่า การที่พี่เบรกผมเพราะพี่หวังดีกับผม เพราะพี่ไม่อยากให้ผมผิดพลาดมากเกินจำเป็น ผมขอบคุณพี่มากๆครับ พี่จักรก็เข้ามากอดแล้วตบหลังปั้ปๆๆ เขาบอกไม่เป็นไรเอ็งก็เหมือนลูกชายพี่แหละ


ลูกดื้อคนเป็นพ่อก็ต้องคอยว่าคอยเตือน ผมน้ำตาไหลเลยครับตอนนั้น ผมว่าเป็นภาพที่หายากนะ ที่ผมจะทำแบบนี้ ผมอายนะเอาตรงๆ แต่ก็เถอะนี่มันเป็นสัมมนาที่เราต้องเอ็นจอยกับมันนี่ครับ


พอผมกอดพี่จักรแล้ว พวกพี่ๆเขาก็ลุมมาหาผมเลย แต่ไม่ได้ลุมมากอดนะ มาลุมถามผมว่า ทำไมไม่ขอโทษพวกเธอบ้าง ผมสร้างภาระให้พวกเขาเยอะเลยนะ ผมก็แบบเฮ้ย !!! ได้เหรอเนี่ย !!!


แล้วผมก็ขอโทษพวกพี่เขาเรียงคนเลยครับ กอดกัน กอดกัน กอดกัน แล้วพี่ๆคนที่เขียนถึงผม ก็ถือกระดาษรูปหัวใจมาหาผมนะ วันนั้นผมเสียน้ำตาไปหลายคนเลยนะ


ผมก็พึ่งรู้ว่าพี่ๆบางคนเขามีมุมมองกับผมแบบไหน แบบไหน เสียงร้อง เสียงสะอื้นก็ดังมาจากทั่วทุกมุมของห้องประชุมเลยล่ะครับ จนสุดท้ายเหมียวก็เดินมาหาครับ


ผมตั้งใจจะถามว่ามีอะไรเหรอ แต่เหมียวไม่พูดอะไรเลย อยู่ดีๆก็กอดเลยครับ เธอบอกขอบคุณที่ดูแลเธอมาตลอด ผมก็หืมทำไมพูดแบบนั้นล่ะ พวกพี่ๆก็แซวเลยครับกอดได้แค่ในกิจกรรมนี้นะ อย่าแอบไปกอดกันข้างนอกล่ะ


เหมียวก็ยิ้มฮี่ ฮี่ ฮี่เลย จากนั้นวิทยากรก็บอกว่านี่เป็นการปลดล็อคความรู้สึก ปลดล็อคสิ่งที่มันอยู่ในใจของใครหลายๆคน ขอบคุณ ขอโทษ ให้อภัย มันเป็นพื้นฐานของการทำงานร่วมกัน



หลังจากที่ร้องห่มร้องไห้กันไปยกใหญ่ละ มันก็ได้เวลากินข้าวเที่ยงครับ วิทยากรปล่อยพวกเราพัก 1 ชั่วโมง ก็ต้องไปกินข้าวล่ะคร๊าบ ผมบอกเลยว่ามาที่นี่นะ ผมกลายเป็นคนตะกละไปเลยล่ะ เพราะผมกินเยอะมากๆ
 
 
แต่อย่างว่าครับตอนนั้นพึ่ง 22-23 เอ่อ ผมขอเขียนว่า 23 แล้วกันนะ จะได้ไม่พิมพ์เยอะ ตอนนั้นอายุ 23 ระบบเผาผลาญในร่างกายยังดี แถมออกกำลังกายประจำ ทำให้ผมไม่กังวลเรื่องอ้วนเลยครับ
 
 
และอีกอย่างผมเสียโปรตีนในรูปแบบของเหลวไปเยอะ ก็คงต้องกินเนื้อเยอะๆหน่อยเพื่อบำรุงๆแหละครับ และที่สำคัญอาหารที่นี่อร่อยทุกอย่างเลยรีดเดอร์ท่านใดเคยไปก็คงรู้ว่าสุดจริง
 
 
แล้วตอนนั้นเองน้องๆ มีใครบางคนก็เรียกน้องๆ ผมก็แบบเป็นห่าไรไม่รู้นะ หันไปตามเสียงเฉย เคยป่ะ เคยแบบมีคน น้องๆ พี่ๆ เราก็เผลอหันไปตลอดเลย
 
 
ผมหันไปก็เจอ....เจอ.... ใครหว่า ?  ผมก็ไม่คุ้นหน้านะก็เลยคิดว่าคงไม่ได้เรียกกูแล้วล่ะผมก็จะลงไปนั่งกินข้าวต่อ ตอนนั้นคือยังไม่เจอทีมงานนะ ผมก็เลือกนั่งโต๊ะว่างๆเลย
 
 
 
ตอนนั้นเหมียวก็เดินมาพอดีเหมียวก็ตักข้าวมาเยอะพอดูนะ ผมก็นั่งกินและพนมมือปั้ป นึกในใจทานละจ้า
แล้วก็เริ่มกินเลยครับ เหมียวก็เดินมาแล้วบอกโหยไม่รอเราเลยอ่ะ
 
 
ผมก็หืมม งืมมมง่ำๆๆๆ ผมไม่ตอบครับผมหิว จนเหมียวก็เหยียบตีนเบาๆให้ผมหันไปมอง ซึ่งพอหันไปมองเนี่ย เหมียวก็บอกโหยไม่ตอบเลยเนี่ย ผมก็ถามหืม มีอะไรเหรอเหมียว
 
 
เหมียวก็ยิ้มแล้วถามว่าทำไมกินเยอะจังอ่ะผมก็บอกไปตามตรงแหละว่าก็ของที่นี่อร่อย แล้วอย่างที่ผมบอกครับว่าในไลน์บุฟเฟ่ต์นี้ข้าวจะหุงสุกมาเติมตลอดเวลา


ผมชอบขาวสวยตอนมันเพิ่งหุงสุกนี่แหละ กินกับอะไรก็อร่อยอูยยย ปูผัดผงกะหรี่ครับ ได้ข้าวสวยร้อยๆนี่รู้เรื่อง ไม่ต้องเนื้อปูหรอก แค่ผักที่เคลือบผงกะหรี่+กะทิ ก็อร่อยแล้ว อูยยย ไหนจะปีกไก่น้ำแดงอีก หมูย่าง น้ำตกหมู เยอะจนจำไม่หมดรู้แค่ว่าอร่อย
 
 
[ เหมียว ]  :  พึ่งรู้ว่ากินเยอะขนาดนี้
 
 
[ ผม ]  :  ก็เราหิวนี่นา ใช้พลังงานไปเยอะเลย
 
 
ผมพูดก็ไม่ได้คิดอะไรนะก็เหนื่อยจริง เมื่อกี้ก็สับตีนแตกเล่นเกมส์ในกลุ่ม แล้วไหนจะช่วงบ่ายอีกล่ะ ผมก็ต้องกินเผื่อไว้ แต่เหมียวก็ถามว่าพลังงานหมด ทำอะไรมาหรอ


ย้ำนะครับเหมียวพูดว่า หรอ ไม่เหรอ เหมียวถามว่าทำอะไรมาหรอผมก็แทบสำลักเลยเพราะรู้ว่าเธอหมายความว่าไง ผมนี่มองหน้าเหมือนจะรู้กันเลยครับว่าคืนนี้ โดนแน่


แล้วตอนนั้นเองก็ได้มีใครบางคนเดินเข้ามาทักทายเหมียวครับ นั่นคือคนที่เมื่อปีก่อน เหมียวได้ไปสารภาพว่าชอบครับ


ถ้าท่านผู้อ่านจำได้ ในตอนที่ 2 ตอนที่เหมียวเลิกกับนัทและชวนผมไปพารากอน เธอบอกว่าอก/หัก เพราะไปชอบรุ่นพี่ที่อีกแผนก


ซึ่งรุ่นพี่คนนั้นก็คือคนๆนี้ที่กำลังทักเธอนั่นแหละครับ เพราะตอนนั้นผมเองก็แอบไปสืยมาเหมือนกันว่าใครกันนะ ผู้ชายคนนั้นที่ทำให้เหมียวชอบ


โอ้โห พอเจอตัวจริง ไม่แปลกใจเลยครับว่าทำไมเหมียวชอบ พี่แก หล่อสูง หุ่นดี แถมดูเฟรนด์ลี่อีกต่างหาก สมมติว่าเขาชื่อเท่ส์ละกันนะครับ


[ พี่เท่ส์ ]  :  สวัสดีเหมียว


[ เหมียว ]  :  เอ้า !!! พี่เท่ส์ดีค่ะ มาด้วยเหรอคะเนี่ย


[ พี่เท่ส์ ]  :  ค่ะ ต้องมาสิ่คะ



นั่นแน่เป็นหนุ่มที่นุ่มนวล โรแมนติกซะด้วย พูดกับสาวๆใช้คำว่า " ค่ะ " คือมันเป็นบางช่วงชีวิตแหละครับ ที่พวกเราผู้ชาย


มักจะพูดกับสาวๆว่า คะ ค่ะ อย่างเช่น ฝันดีค่ะเหมียว ฝันหวานค่ะเตย กลับบ้านดีๆนะคะหมิว  เป็นห่วงนะคะ บลาๆๆ



ซึ่งผมก็ไม่ได้อะไรมากมายหรอกนะ ก็สิทธิ์ใครสิทธิ์มัน แต่ผมว่าผู้ชายที่พูดคะ พูดค่ะ แล้วทำให้สาวๆเคลิ้มเนี่ย คงไม่มีใครดาเมจแรงเท่า พี่ติ๊ก เจษฎา แน่นอนนอน



ส่วนตัวผมน่ะเหรอ ไม่เคยพูดคะ ค่ะ เลยครับ หน้าตาไม่ให้ มากสุดก็แค่ จ้า จ่ะ จ๋า แค่นั้น ฮ่า ฮ่า ฮ่า พ่อหนุ่มคนนั้นทักทายเหมียวจนเหมียวถึงกับยิ้มเลยล่ะ


แล้วสารพัดคำชมก็มาเลยครับ น่ารักจังนะคะวันนี้ แต่งตัวสวยมากๆเลยค่ะ ผมก็นั่งกินข้าวไปไม่ได้สนใจอะไรนะ เหมียวก็คุยกับแบบดูเขินๆเกร็งๆนะ


แปลกมะที่ทั้งๆที่พึ่งจะมีอะไรกันมาเมื่อเช้านี่เอง แต่ตอนนี้รู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน คือไม่ได้ถึงขั้นหึง นอยด์อะไรนะ แต่เคยเป็นไหมครับ เราสามารถรับรู้ได้โดยที่ไม่ต้องพูด


" ว่าตรงนี้ไม่ใช่ที่ของเรา "


อ่าส์ถ้าเป็นเมื่อปีก่อน ผมคงจะนอยด์จะดิ่งเลยล่ะครับ แต่ตอนนี้ผมเหมือนจะได้วัคซีนชั้นดี ที่เรียกว่า


" สามสาวโอเกะ "


มาแล้วล่ะครับ ผมรู้สึกแย่ ก็แค่กลับไปกอดพวกเธอ แต่อาจจะเพราะด้วยวัยยังเห่อหมอย อาจจะยังไม่มั่นคงด้านความรู้สึก


ถึงตัวผมจะบอกว่าตัวเอง เฮ้ย ไอ้โทนเพื่อนยาก มึงชอบเหมียวน้อยลงแล้ว ใช่ครับผมเห็นด้วยที่ผมบอกตัวเองชอบเหมีบวน้อยลงแล้ว


แต่พอได้มีอะไรกับเธอ แบบที่คาดไม่ถึง แม่งเหมือนผมจะรู้สึกดีกับเธอขึ้นจริงๆว่ะท่านผู้อ่าน ผมในตอนนั้นไม่ได้มีคสามหนักแน่นอะไรเลย


คือรู้นะว่าไม่ได้ชอบถึงขั้นเป็นแฟน แต่แบบเฮ้อพูดไม่ออก แต่ก็ดีอย่างนึง ที่ผมไม่ได้หึงเธอ เอ๊ะหรือผมหึงวะ ช่างเถอะ ถ้าให้พูดแบบเห็นแก่ตัวเลย


ก็คือยังไงซะผมก็กำไรแล้ว ได้ ย ส ต น ไปตั้งหลายดอกแล้วนี่ เหมียวจะมีแฟนใหม่ มันก็เรื่องของเธอจริงป่ะ เอาล่ะผมจะสะกดจิตตัวเองแบบนี้ล่ะ


กำไรแล้ว กำไรแล้ว กำไรแล้ว ผมก็ลุกขึ้นจะเก็บจานแหละครับ ผมกำลังจะลุกเอาจานไปเก็บที่รถเข็นเก็บจานครับตอนจะลุกนั้นพี่เท่ส์มันก็พูดขึ้นมานะว่า



“ เหมียวไปเดินเล่นด้วยกันไหม “



 
 


 



 

 


 
 
 







เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 25, 2020, 12:25:42 am โดย Monotone_Memory »

*

ออฟไลน์ game smith

  • Senior Member
  • ****
  • 746
  • 0
    • ดูรายละเอียด
อีกโหลนึงนะตามสัญญา
อย่าไปเดินเล่นนาน

*

ออฟไลน์ Angel_p

  • Senior Member
  • ****
  • 920
  • 2
    • ดูรายละเอียด
อ่าาาาา อะไรเนี่ย เหมียวจะเปิดเฟรนโซนอีกรึป่าว ว่าแล้วก็ปิดจบด้วยดราม่าเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 11, 2020, 01:33:04 am โดย Angel_p »

*

ออฟไลน์ elelle

  • Senior Member
  • ****
  • 909
  • 81
    • ดูรายละเอียด
แค่เดินเล่นเอง

*

ออฟไลน์ utsumaki

  • Junior Member
  • ***
  • 577
  • 0
    • ดูรายละเอียด
เดินเล่น ก็เก็บแรงไว้ด้วยละ

นายโทนเซ็งเลย

*

ออฟไลน์ 102030

  • Senior Member
  • ****
  • 879
  • 335
    • ดูรายละเอียด
อย่าปล่อยให้เค้าคาบเหมียวไปแหล่กนะ 555
โทนเอ้ยโทน สงสัยคืนนี้เหมียวง้อยันเช้าแน่ๆ

*

ออฟไลน์ mighty

  • Veteran Member
  • ******
  • 1775
  • 274
    • ดูรายละเอียด
ยังงัยมันคืออะไรทำไมถึงมีพี่เท่ห์

*

ออฟไลน์ robot 77

  • Senior Member
  • ****
  • 608
  • 0
    • ดูรายละเอียด
ก็แค่เดินเล่น จะสนใจทำไมอิอิ

*

ออฟไลน์ dectai

  • Junior Member
  • ***
  • 524
  • 74
    • ดูรายละเอียด
น่าว่าอด คืนนี้ เพื่อนเอาไปแล้ว

*

ออฟไลน์ Wheel of Fortune

  • Senior Member
  • ****
  • 705
  • 0
    • ดูรายละเอียด
อ่านก่อนนะครับ

....


มันคือเรื่องราวในชีวิตที่ทำให้เราเติบโตขึ้นนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 11, 2020, 02:12:27 am โดย Wheel of Fortune »

*

ออฟไลน์ Melviss

  • Junior Member
  • ***
  • 329
  • 0
    • ดูรายละเอียด
ดูทรงพี่เท่เอาไปหม่ำแหง

*

ออฟไลน์ bbblack

  • Senior Member
  • ****
  • 606
  • 54
    • ดูรายละเอียด
ท่องไว้2โหล2โหล

*

ออฟไลน์ acropobia899

  • Senior Member
  • ****
  • 744
  • 0
    • ดูรายละเอียด
อห ที่แปลว่าโอ้โห ครับ   ท่านโทนเล่าได้แบบทำให้อินตามไปด้วยมากๆ

ด้วยรู้สึกว่าวัยน่าจะใกล้ๆกันแหละ  ถ้าอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน

ก็คงทำไม่ต่างกันเท่าไหร่ สะใจที่ได้อัดไอ้พี่เท่ เสือกมากวนตีนดีนัก

แต่ก็จบตอน ได้ หน่วงๆ อารมณ์ อีกตอน

ปล รู้สึกตงิดๆ ตั้งแต่ ปล1  จี๊ด จริงๆแหละ

ปล2 กำไร เกินฝันไปเยอะจริงๆ  ถ้าเป็นผมคงไม่รู้จะทำตัวกันยังไงหลังกลับจากทะเล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 11, 2020, 02:21:14 am โดย acropobia899 »

*

ออฟไลน์ 1819

  • Ultimate Member
  • ********
  • 3077
  • 5
    • ดูรายละเอียด
 นั้นไง เหมียวเจอถ่านไฟเก่าพี่เท่ห์ เข้าไป  ถึงเทพโทนจะรู้สึดหน่วงน้อยลงบอกตัวเองว่า กำไรแล้ว
แต่เชื่ิอหัวไอ้เรืองได้ ไม่มีใครทำได้หรอกถ้ายังรู้สึกชอบอยู่ แต่ถ้าไม่มีมีอะไรแค่รู้สึกว่าแค่เป็นแต้มสะสมก็แล้วไป   ว่าแต่ พี่เท่ห์ชวนเหมียวออกไปเดินเล่น อย่าลืมคำพูดตัวเองนะ ว่่าระหว่างทริปทะเล เหมียวกับเทพโทนคือที่รักคนรักกัน ถ้ากลับแล้วก็ว่ากันอีกที
  ปล.คิดถึง3สาวเกะ   ที่พร้อมจะปลอบใจเทพโทนเสมอ

edit ง่ะ จบด้วยดราม่า แบบนี้  ดิ่งอีกแล้ว รออ่านต้อนต่อไป อาทิตย์ ชิมิครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 11, 2020, 02:25:32 am โดย 1819 »
กรุงเทพเป็นเมืองที่มีคนเหงา มากกว่าเสาไฟฟ้า

 

ช่องทางแจ้งข่าวเผื่อโดนปิด ติดตามไว้นะ