พูดคุยก่อนอ่าน : ขอประชาสัมพันธ์สักนิดนะครับ ตอนนี้ 'ภารโรงเฟี้ยว...เกี้ยวเด็กพยาบาล' เล่ม 3 ได้วางจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
และก่อนอื่น ขอกราบขอโทษสำหรับคนที่ซื้อเล่ม 1,2 ไป สำหรับคำผิดและคำซ้ำ ซึ่งผมได้ไล่แก้และแจ้งไปกับทาง MEB แล้ว ใครที่ซื้อไปแล้วเดี๋ยว แอปของทาง MEB จะแจ้งอัพเดตเองนะครับ
สำหรับฉบับบนดิน ต้องบอกก่อนว่าเส้นเรื่องจะเปลี่ยนจากฉบับบนดินพอสมควร เน้นเรื่องราวมากขึ้น ฉากเลิฟซีนอาจไม่เผ็ดร้อนดุเดือดเหมือนฉบับใต้ดินสักเท่าไร และเส้นเรื่องของหมอพลอยและน้องอุ๊จะถูกดัดแปลงจากฉบับใต้ดินในระดับหนึ่ง (หมอพลอยจะดูหยิ่งและไว้ตัวมากขึ้นจากฉบับบนดิน)แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
ลิงค์อยู่ด่านล่างนะครับ
และขอขอบคุณสำหรับการอุดหนุน 'โฉมงามและตาเฉื่อย เล่ม 1' ผมดีใจมากที่ได้รับการต้อนรับอย่างล้นหลาม สำหรับเล่มสองผมจะวางจำหน่ายช่วงปลายเดือนธันวาคมนะครับกลับมาที่ 'แหวกกลีบสาวน้องแพรวคนสวย' นี่เป็นตอนพิเศษ เรียกได้ว่าเป็นส่วนต่อของบทสรุปเรื่องราวของน้องแพรวและลุงเกริก สำหรับผมแล้ว ผมเองก็มีโครงเรื่องที่อยากจะเขียนภาคสองของน้องแพรวเหมือนกัน แน่นอน ยังเป็นธีมสาวน้อยกับชายแก่เช่นเดิม ผมเน้นเอาใจนักอ่าน สว. ครับผม แต่ผมยังอายุไม่มากหรอกนะ
ส่วนเกมรักภารโรงเฒ่า ขอให้ติดตาม ไม่เกินเสาร์อาทิตย์ ทุกคนจะได้อ่านตอนใหม่กันครับ ขอบคุณสำหรับการติดตามผมทั้งบนดินและใต้ดินครับ
ปล.มีโบนัสตัวอย่างบางส่วนของ 'เกมรักภารโรงเฒ่า ปี 2 ตอนที่ 11 : ท้องนภามิอาจมีดวงจันทราถึงสองดวง' ไว้เป็นน้ำจิ้มด้วยนะครับ สำหรับสาวกลุงพล เรียกน้ำย่อยกันไปก่อนนะ 555######################
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
//two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=211025.0 (ตอนที่ 1)
//two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=213437.0 (ตอนที่ 2)
//two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=218316.0 (ตอนที่ 3)
หนึ่งปีผ่านไป แพรวพรรณเดินทางกลับมาจากประเทศอังกฤษหลังจากเสร็จสิ้นการสอบไฟนอล ตอนนี้แพรวพรรณโตเป็นสาวและมีรูปร่างอวบอัดขึ้นมาจากอาหารการกินสไตล์ตะวันตก
ท่านวิทยาและคุณหญิงพนิดาส่งคนขับรถและสาวคนใช้ที่ไว้ใจได้ไปรับคุณหนูแพรวพรรณที่สนามบิน เพื่อเดินทางกลับมาพักผ่อนที่ชลบุรีเป็นเวลาสองอาทิตย์ ก่อนเดินทางกลับไปเรียนต่อภาคฤดูร้อนที่ประเทศอังกฤษอีกครั้ง
“คุณหนู ไปเรียนที่อังกฤษ เป็นยังไงบ้างคะ?” คนใช้สาวเอ่ยปากถามคุณหนูที่นั่งอยู่เบาะหลัง
“ก็เรื่อย ๆ ค่ะพี่ขวัญ” คุณหนูแพรวพรรณตอบแบบขอไปที หญิงสาวสนใจวิวทิวทัศน์ภายนอกที่เป็นท้องทุ่งเสียมากกว่า “อากาศหนาว เงียบสงบดี ไม่ค่อยวุ่นวายเท่าเมืองไทย”
“คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงคงดีใจแน่ ๆ ที่คุณหนูกลับมา” คนใช้สาวยิ้ม “ไม่แน่ใจว่าคุณหนูพลอยพรรณจะมาด้วยหรือเปล่า แต่ครอบครัว…”
“พี่ขวัญ ขอแพรวอยู่เงียบ ๆ หน่อยนะคะ แพรวไม่ค่อยสบายเท่าไร” แพรวพรรณกล่าวตัดบท เพราะรู้สึกอยากเป็นส่วนตัว
“ค่ะ…ขอโทษค่ะคุณหนู” พี่ขวัญ คนรับใช้ประจำบ้านจารุศิริการกุลทำหน้าจ๋อย จนคนขับรถอดยิ้มขำไม่ได้
แพรวพรรณหลับตา นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งปีก่อน ตอนที่เธอได้อยู่กับลุงเกริก และได้ขอให้ลุงเกริกสัญญาว่าจะอยู่รอเธอกลับมา แต่สุดท้ายชายชรากลับผิดสัญญา ด้วยการมาเสียชีวิตเพราะโรคหัวใจล้มเหลวเสียก่อน
แพรวพรรณทราบเรื่องหลังจากเดินทางไปถึงอังกฤษได้เพียงสองวันจากป้าแอนที่ทราบข่าวจากวิทยาน้องชายที่ประเทศไทย พอแพรวพรรณรู้ความจริงก็แทบไม่อยากจะทำอะไร อยากจะบินกลับไทยเสียให้ได้เดี๋ยวนี้
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับแพรวพรรณ ที่มารู้ตอนหลังว่าลุงเกริกเสียชีวิตแล้ว คุณหนูคนเล็กของบ้านจารุศิริการกุลต้องเข้มแข็งเบอร์ไหนกัน ถึงจะผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนี้ได้
แต่เธอก็ผ่านมันมาได้ เธอนับเวลารอคอยวันที่จะได้กลับไทย เพื่อกลับไปเยี่ยมหลุมฝังศพของตาเกริกคนรัก จนในที่สุด วันที่รอคอยก็มาถึงเสียที
############
แพรวพรรณในชุดเสื้อยืดแขนยาวคอเต่าสีเทา กางเกงยีนสีขาว สวมรองเท้าหุ้มส้นสีครีม เดินเข้ามาภายในบ้านจารุศิริการกุล ที่เรียกได้ว่าแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากตอนที่เธอจากมาเท่าไรนัก นับเวลาก็เพียงแค่ปีกว่าเท่านั้น
เหล่าบรรดาคนใช้ภายในบ้านต่างเข้ามาทักทายคุณหนูแพรวพรรณ ที่ดูโตเป็นสาวขึ้นเยอะกว่าแต่ก่อน จากอาหารการกิน วัฒนธรรมของชาวตะวันตก แตกต่างจากคุณหนูแพรวพรรณคนเดิมที่ออกแนวคุณหนูจอมแก่นเสียมากกว่า
แพรวพรรณในตอนนี้ดูเจ้าสำอางค์ มีน้ำมีนวลและดูสวยและมีออร่ามากขึ้น จนคนใช้ออกปากแซวว่าสวยกว่าคุณหญิงพนิดาสมัยเป็นสาวเสียอีก
แต่แพรวพรรณไม่สนใจคำชมเหล่านั้น หญิงสาวขอตัวเดินไปเยี่ยมชมสวนหลังบ้าน ทุกอย่างยังเหมือนเดิม สวนแห่งนี้เต็มไปด้วยดอกไม้หลากชนิด ที่พ่อของเธอนำมาให้ลุงเกริกสมัยที่ยังมีชีวิตได้ปลูก เพียงแต่ในวันนี้ ไม่มีเงาของชายสูงวัยสวมชุดตัดอ้อยที่เธอคุ้นเคยอีกต่อไป
“คุณหนู? มาทำอะไรที่นี่คะ?” คนใช้วัยกลางคนเอ่ยปากถามคุณหนูแพรวพรรณด้วยความเป็นห่วง เพราะคุณหนูยืนตากแดด ก็เลยกลัวว่าจะเป็นลมเป็นแล้งไปเสียก่อน
“แพรวแค่อยากมาดูสวนหลังบ้านน่ะคะ” แพรวพรรณตอบ “ป้าอิ่มคะ หลังจากลุงเกริกเสีย คุณพ่อให้ใครมาช่วยดูแลสวนเหรอคะ?”
“คุณผู้ชายจ้างคนสวนคนใหม่มาดูแลน่ะคะคุณหนู พอทำงานเสร็จก็กลับบ้าน ทำไมเหรอคะ?”
“ป้าอิ่มพอจะรู้ไหมคะ ว่ากระดูกของลุงเกริกเก็บไว้ที่ไหน?” แพรวพรรณถามด้วยความหวัง ที่อยากจะเจอลุงเกริกอีกครั้ง
ป้าอิ่มตอบไปตามมารยาท แต่ในใจก็นึกสงสัยว่าคุณหนูแพรวพรรณอยากรู้ไปทำไม แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร คงคิดแค่ว่าคุณหนูถามไปตามเรื่อง
แต่กับแพรวพรรณนั้นไม่ใช่ เธออยากไปหาลุงเกริก เพื่อทวงถามคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ว่าจะรอคอยกัน แต่ทำไมลุงเกริกถึงมาด่วนจากไปเสียก่อน
############
“ทำไม?เราอยากรู้เรื่องยัยกิ่งกับยัยแก้วไปทำไม?”พลอยพรรณเอ่ยปากถามน้องสาวที่โทรมาด้วยความสงสัย
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
(พี่พลอยและน้องแพรว สองพี่น้องตระกูลจารุศิริการกุล)
“แพรวแค่อยากรู้ว่าสองคนนั้นจะอยู่ยังไง ป้าจวงกับลุงเกริกเสียหมดแล้ว” แพรวพรรณถาม
“สองสาวก็อยู่กับญาติที่ต่างจังหวัด คุณพ่อกับคุณแม่ของเราก็ช่วยออกค่างานศพแล้วก็ยกค่าทำบุญบวกกับเงินสินน้ำใจให้สองคนนั้นไว้เป็นทุนการศึกษาแล้วก็เป็นทุนตั้งตัว แพรวไม่ต้องห่วงสองคนนั้นหรอก เห็นว่าใกล้จะเรียนจบแล้ว อีกหน่อยก็คงมีงานการดี ๆ ทำ”
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
พอได้ยินแบบนั้นก็เลยทำให้แพรวพรรณโล่งใจขึ้นมาหน่อย
“ว่าแต่เราถามอะไรแปลก ๆ นะแพรว”พลอยพรรณสงสัย “ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน?อยู่บ้านหรืออยู่ข้างนอก?”
“อยู่วัดค่ะพี่”แพรวพรรณเดินถือสังฆทานเข้ามาในวัดเพื่อทำบุญให้ตาเกริก แต่เธอจะไม่มีวันบอกความจริงพี่สาวของเธอแน่ว่าเธอมาทำอะไรที่วัด
“แปลกนะเรา?” พลอยพรรณถาม “ปกติเราไม่ค่อยอินกับศาสนาไม่ใช่เหรอแพรว?”
“ก็นั่นมันเมื่อก่อน” แพรวพรรณตอบ “พี่แพรว เดี๋ยวแพรวขอตัววางสายก่อนนะคะ แล้วเจอกันที่บ้านค่ะ”
หลังจากกดวางสาย แพรวพรรณก็เดินเข้าไปภายในวัดเพื่อถวายสังฆทานและทำบุญกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ตาเกริกและป้าจวงผู้ล่วงลับ หลังจากนั้น คุณหนูแพรวพรรณก็เดินเข้าไปเยี่ยมโกศเก็บกระดูกตาเกริกและป้าจวงที่ถูกจัดวางไว้คู่กัน โดยคุณพ่อและคุณแม่ของเธอเป็นคนจัดการให้ ตามคำขอของยัยกิ่งและยัยแก้ว ลูกสาวของทั้งคู่ ที่เคยบอกว่าพ่ออยากให้เก็บกระดูกไว้ข้างป้าจวง แพรวพรรณวางช่อดอกไม้และเครื่องเซ่นไว้หน้าโกศของตาเกริกน้ำตาคลอ
“สบายดีไหมคะลุงเกริก?”แพรวพรรณยิ้ม “ได้อยู่กับป้าจวงแล้วนะคะ”
แพรวพรรณนึกถึงภาพเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่วันที่ตาเกริกแอบขึ้นมาในห้องของเธอเพื่อขืนใจ จนทำให้เธอติดใจในกามารมณ์ที่ตาเกริกมอบให้จนกลายเป็นคนที่มีอารมณ์ทางเพศสูง และทั้งคู่ได้แอบลักลอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันในเวลาต่อมา
แพรวพรรณรู้ข่าวจากป้าแอน ที่บอกว่าลุงเกริกป่วยเป็นโรคหัวใจ เธอเชื่อว่าส่วนหนึ่งที่ลุงเกริกเสียชีวิตก็เพราะตัวเอง ที่ทำให้ตาเกริกต้องจากไปก่อนวัยอันควร
“วันนี้แพรวมาทำบุญให้ลุงเกริกกับป้าจวง แล้วก็ แพรวอยากจะขอให้เราอโหสิกรรมแต่เพียงเท่านี้นะคะลุงเกริก รวมถึงป้าจวงด้วย” แพรวพรรณกล่าวทั้งน้ำตา “อะไรที่เราเคยทำผิดต่อกัน ขอให้มันยุติแต่เพียงชาตินี้ อย่าได้จองเวรต่อไปในชาติหน้าเลยนะคะ”
แพรวพรรณมองภาพขาวดำของตาเกริกและป้าจวงหน้าโกศด้วยนัยน์ตาโศกเศร้า ก่อนที่จะหยิบแว่นดำขึ้นมาสวมใส่ แล้วลุกขึ้นเดินออกมาจากโกศของลุงเกริกและป้าจวงเพื่อเดินทางกลับบ้าน
หลังจากที่ทราบข่าวเรื่องลุงเกริกเสียชีวิต ก็ทำให้แพรวพรรณใจสลายและรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก เธอเชื่อว่าตัวเองเป็นคนทำให้ลุงเกริกตาย จนทำให้จิตใจฟุ้งซ่าน ยังโชคดีอยู่บ้างที่ป้าแอนเป็นคนเคร่งศาสนา เพราะเห็นหลานสาวซึมเศร้า ก็เลยแนะนำให้สวดมนต์และนั่งสมาธิ จนทำให้แพรวพรรณดูสงบลง
พอกลับมาถึงบ้าน แพรวพรรณก็อาบน้ำแต่งตัว รอกินข้าวมื้อเย็นกับท่านวิทยาและคุณหญิงพนิดา สามคนพ่อแม่ลูกกินอาหารเย็นโดยพร้อมเพรียง ยกเว้นพลอยพรรณที่ยังติดธุระอยู่กรุงเทพ
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
“กินเยอะ ๆ นะแพรว”ท่านวิทยาตักไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ใส่จานของลูกสาว “ของโปรดของลูกไง”
“ขอบคุณค่ะพ่อ” แพรวพรรณยิ้ม ก่อนกินอาหารมื้อค่ำด้วยท่าทางอ้อยอิง
“เราไม่สบายหรือเปล่าแพรว?”ท่านวิทยาถาม “ตั้งแต่กลับมาจากอังกฤษ ทำไมพ่อรู้สึกว่าเราดูเหนื่อย ๆ เพลีย ๆ ยังไงไม่รู้?”
“นั่นซิ” คุณหญิงพนิดาออกความเห็น “ไปหาหมอไหมลูก?”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณพ่อ คุณแม่”แพรวพรรณยิ้ม “แพรวแค่รู้สึกไม่ค่อยคุ้นเคยกับอากาศที่ไทยเท่าไร สงสัยอยู่เมืองหนาวมานาน พอกลับมาไทยเลยยังปรับตัวไม่ค่อยได้”
“งั้นเหรอ?”ท่านวิทยาและคุณหญิงพนิดาหันไปมองหน้าพร้อมกัน “งั้นก็ ถ้าไม่ไหวอะไรยังไง บอกพ่อกับแม่ได้นะลูก จะได้พาไปหาหมอ”
แพรวพรรณยิ้ม เธอกินอาหารเพียงแค่ครึ่งจาน ก่อนขอตัวขึ้นไปข้างบน ท่ามกลางความสงสัยของท่านวิทยาและคุณหญิงพนิดา
“ลูกเราแปลก ๆ นะคุณ”คุณหญิงพนิดาถามสามี
“นั่นซิ” ท่านวิทยาพยักหน้า “แต่คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง คงอย่างที่ลูกว่า ยังไม่คุ้นเคยกับอากาศที่เมืองไทย ลูกเลยดูเพลีย ๆ ไปหน่อย”
############
ในคืนนั้น แพรวพรรณนอนพักผ่อนภายในห้องของตัวเอง ก่อนที่จะฝันถึงเหตุการณ์ประหลาด
“ลุงเกริก? นั่นลุงเกริกหรือเปล่าคะ?” แพรวพรรณในชุดนักศึกษากำลังเดินอยู่ภายในสวนดอกไม้ที่แสนกว้างขวาง ณ ที่ไหนสักแห่ง สิ่งที่แพรวพรรณเห็นก็คือภาพแผ่นหลังของคนสวนที่เธอคุ้นเคยมาตลอดชีวิต“ลุงเกริก?”
คนสวนคนนั้นลุกขึ้น ก่อนหันมาเผชิญหน้ากับคุณหนูแพรวพรรณ อย่างที่คิดไว้ คนสวนคนนี้ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นลุงเกริกนั่นเอง
“คุณหนู?ในที่สุดก็กลับมาแล้วเหรอครับ?” ตาเกริกยิ้ม
“ลุงเกริก!!!”แพรวพรรณเดินเข้าไปกอดลุงเกริกด้วยความคิดถึง “ลุงรู้ไหมว่าหนูคิดถึงลุงมาก!!!”
“ลุงก็คิดถึงหนู แต่เรามีวาสนาต่อกันแค่นี้” ลุงเกริกพูดอะไรแปลก ๆ ขึ้นมา จนแพรวพรรณเงยหน้ามองด้วยความสงสัย “ลุงแค่จะมาลาคุณหนู ใกล้จะถึงเวลาที่ลุงต้องไปแล้วครับ”
“ลุงเกริกจะไปไหนคะ?”แพรวพรรณร่นคิ้วใส่ตาเกริก ที่ผละออกจากอ้อมกอดของเธอ “ลุงเกริก? ลุงเกริกจะไปไหนคะ?”
“นังจวงมาตามลุงแล้ว”ลุงเกริกหันไปยิ้มให้แพรวพรรณ ก่อนที่จะหันหลังกลับไป ลุงเกริกได้พูดอะไรบางอย่างกับแพรวพรรณเป็นครั้งสุดท้าย “ลุงขอโทษสำหรับทุกอย่างนะครับ ลุงไม่เคยโกรธคุณหนูหรอก คุณหนูต่างหาก ที่สมควรจะโกรธลุง”
“ลุงเกริก!!! เดี๋ยวซิคะ!!! กลับมาคุยกันก่อน!!!” แพรวพรรณพยายามเรียกให้ตาเกริกหันกลับมา หญิงสาวพยายามวิ่งเข้าไปหาตาเกริก แต่เหมือนเธอจะวิ่งยังไง ก็ไม่มีทางวิ่งทันอยู่ดี
“คุณหนูไม่จำเป็นต้องเก็บเรื่องของลุงมาเป็นทุกข์หรอกครับ ลืมเรื่องราวของเราสองคนไปซะนะ คุณหนูต้องอยู่ต่อไปเพื่อวันพรุ่งนี้ นอกจากนังจวงแล้ว ก็มีคุณหนูแพรวนี่แหละ ที่ลุงรักยิ่งกว่าใคร ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้เราได้เกิดเป็นคู่ผัวเมียกันจริง ๆ นะครับ อย่าให้เหมือนชาตินี้ ที่เราเกิดมากันคนละยุคสมัย เกิดมาต่างชั้นต่างวรรณะกัน ลาก่อนนะครับ คุณหนู ยอดดวงใจของไอ้เกริก”
เสียงของลุงเกริกดังกังวานในขณะที่แพรวพรรณพยายามเรียกชื่อชายสูงวัย พอรู้สึกตัวอีกที หญิงสาวก็เหมือนตกลงไปหลุมลึกเบื้องล่าง ก่อนสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ
“เฮือก!!!!”แพรวพรรณสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากเตียง พร้อมกับเสียงนาฬิกาปลุกตอนเจ็ดโมงเช้า คุณหนูคนเล็กของบ้านจารุศิริการกุลพยายามทบทวนสิ่งที่ตัวเองฝันเมื่อคืน
เมื่อทบทวนความฝันทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันชัดเจนว่าลุงเกริกไม่ได้ถือโทษโกรธแพรวพรรณเลยแม้แต่น้อย ทั้งหมดถูกกำหนดเอาไว้แล้ว
แล้วแพรวพรรณก็หลั่งน้ำตาออกมา ด้วยความรู้สึกโล่งใจ ราวกับว่าความทุกข์ที่เธอเก็บไว้มานานนับปีได้ถูกวางลงเสียที
“ขอบคุณนะคะ…ลุงเกริก” แพรวพรรณสะอื้นทั้งน้ำตา ก่อนลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่างเพื่อรับแสงแดดของวันใหม่ พร้อมกับเสียงนกร้องขับขานในช่วงเช้า เพื่อต้อนรับรุ่งอรุณแห่งความหวัง ชีวิตใหม่ของแพรวพรรณนั่นเอง
อวสาน
Bonus : ตัวอย่างบางส่วนของ 'เกมรักภารโรงเฒ่า ปี 2 ตอนที่ 11 : ท้องนภามิอาจมีดวงจันทราถึงสองดวง'
ในคืนนั้น หลังจากที่ลุงพลช่วยซ่อมรถให้ครูเบสท์ ลุงพลได้กลับไปที่บ้านอาบน้ำและเข้านอน แกได้ฝันเห็นอดีตชาติอีกครั้ง และคราวนี้ เป็นเรื่องราวของพลอยพรรณรายและภัคจิราวดี
“ท่านพี่พลอยพรรณราย!!! เหตุใดท่านถึงได้ไปกล่าวทำเท็จต่อท่านท้าวชุมพลศักดา!!!” ภัคจิราวดีผู้เป็นน้องเดินตามหลังพลอยพรรณรายผู้เป็นพี่เข้าไปในวิหารแห่งหนึ่ง
“มันเรื่องของข้า!!” พลอยพรรณรายตอบอย่างไม่ยีหระ “ท่านท้าวหน้าโง่อยากมาหลงใหลในเสน่ห์ของข้า ช่วยไม่ได้ดอกหนา”
ธิดาองค์โตแห่งเทพตุลาการสวรรค์ยิ้มอย่างพึงพอใจในความงดงามของตน พลอยพรรณรายคือเทพธิดาแห่งสรวลสวรรค์ผู้เพรียบพร้อมไปด้วยสติปัญญา ความงาม รวมไปถึงความหยิ่งผยอง
“ท่านพี่?” ภัคจิราวดีร่นคิ้วราวกับไม่อยากเชื่อสายตา “ท่านรู้ฤาไม่ว่าการกระทำของท่าน อาจทำให้แดนสวรรค์ของเราต้องเปิดฉากสงครามกับแดนปีศาจ”
“แล้วจะทำไม?” พลอยพรรณรายกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน “เดี๋ยวท่านท้าวชุมพลศักดาผู้เป็นจอมทัพสวรรค์ก็จักพิชิตศึกครานี้ได้ เจ้าอย่าได้กังวลไปเลย ภัคจิราวดี”
“แล้วท่านจะทำอย่างไรกับท่านท้าวชุมพลศักดา?” ภัคจิราวดีผู้เป็นน้องเอ่ยปากถาม “ท่านท้าวมีชื่อนั่งรออยู่นอกวิหารในสภาพอิดโรย ท่านจักใจไม้ไส้ระกำไม่ออกไปดูดำดูดีท่านท้าวหน่อยฤา?’
“บอกไปว่าข้าไม่อยู่” พลอยพรรณรายตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน “ข้าไปหาท่านพ่อ”
พอเอื้อนเอ่ยวาจาเสร็จ พลอยพรรณรายก็เดินจากไป ปล่อยให้ภัคจิราวดียืนนิ่งอยู่ภายในวิหารโบราณอยู่เพียงผู้เดียว ธิดาองค์รองแห่งองค์ตุลาการสวรรค์รู้สึกไม่สบายใจเลยแม้แต่น้อย กับการกระทำของพี่สาวของตน
“ท่านพี่? ท่านจักทำให้แดนสวรรค์ของเราต้องลุกเป็นไฟเพราะสงคราม” ภัคจิราวดีส่ายหน้า ก่อนเดินจากไป
“สองพี่น้องคู่นี้ดูแล้วไม่ค่อยถูกกันเท่าไรนะ?” ลุงพลแสดงความคิดเห็น ในขณะที่กำลังยืนดูเหตุการณ์ทั้งหมด ก่อนที่ภาพนิมิตแห่งความฝันจะถูกตัดไปเป็นภาพหน้าวิหารโบราณแห่งนั้น
ท่านท้าวชุมพลศักดานั่งพักในสภาพที่เต็มไปด้วยบาดแผล จากการตะลุยแดนปีศาจเพื่อนำหีบบรรจุสมบัติกลับคืนมา ระหว่างที่นั่งพักอยู่นั้น ภัคจิราวดี บุตรีคนรองแห่งองค์ตุลาการสวรรค์ได้ปรากฏตัวขึ้นมาในชุดขอมโบราณ
“ภัคจิราวดี?” ท่านท้าวมีชื่อเอ่ยปากเรียกน้องสาวคนรองของพลอยพรรณราย “มีอะไรให้ข้ารับใช้ฤา?”
“ไม่มีดอกท่านท้าว” ภัคจิราวดียิ้ม ก่อนยื่นขันทองที่บรรจุน้ำทิพย์ช่วยสมานแผลให้ท่านท้าวมีชื่อได้ดื่ม “ท่านดื่มน้ำทิพย์นี่เถิด…”
“ขอบน้ำใจท่านมาก” ท่านท้าวชุมพลศักดารับขันทองจากมือของภัคจิราวดี ในจังหวะที่รับขัน มือของท่านท้าวมีชื่อก็สัมผัสกับมือของธิดาองค์ของแห่งองค์ตุลาการสวรรค์
ภัคจิราวดีแอบยิ้มที่มุมปาก ในขณะที่ท่านท้าวมีชื่อกำลังดื่มน้ำทิพย์อย่างเอร็ดอร่อย
“สดชื่นเหลือเกิน!!! พละกำลังของข้ากลับมาแล้ว!!! ข้าพร้อมแล้วที่จะออกรบกับกองทัพปีศาจอีกครา!!!” จอมทัพสวรรค์ดูสดชื่นมากขึ้น บาดแผลตามตัวเริ่มจางหายทีละนิด “ขอบน้ำใจท่านมาก ท่านหญิงภัคจิราวดี”
“ท่านท้าวชุมพลศักดา ท่านต้องขอบน้ำใจพี่สาวข้า มิใช่ข้าดอก…” ภัคจิราวดีตอบด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ
“ท่านหญิงพลอยพรรณราย!!!” ท่านท้าวมีชื่อยิ้มอย่างมีความสุข เมื่อรู้ว่าน้ำทิพย์ที่ได้ดื่มสมานแผลและแก้กระหายถูกส่งมาโดยแม่หญิงพลอยพรรณรายผู้เป็นยอดดวงใจ
แน่นอน ลุงพลเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด น้ำทิพย์ที่ท่านท้าวมีชื่อ อดีตชาติของตนได้ดื่มนั้น เป็นน้ำทิพย์ที่ภัคจิราวดีนำมามอบให้ด้วยตัวเองต่างหาก แต่นางเลือกที่จะปิดบังความจริง
“ภัคจิราวดี ไม่ซิ ครูเบสท์…” ลุงพลเห็นภัคจิราวดีที่เหมือนจะทำหน้าเศร้าสร้อย กับการที่ตนเองไม่สามารถบอกความรู้สึกที่แท้จริงให้จอมทัพสวรรค์รับรู้ได้ ว่าตนเองก็มีใจรักท่านท้าวมีชื่อเช่นเดียวกัน
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
การที่ต้องแอบรักผู้ชายคนเดียวกับพี่สาว มันเป็นเรื่องที่ทรมานหัวใจเหลือเกิน? ท่านคิดเห็นเป็นเช่นไร? ท่านท้าวชุมพลศักดา
“เอ๋?” ลุงพลตกใจมาก เพราะอยู่ดี ๆ ภัคจิราวดีก็หันมามองลุงแกด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “ครูเบสท์เห็นผมด้วยเหรอ?”
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน