เอ่อ.... ถ้าถามว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นช่วง TimeLine ไหน
เป็นช่วงตอน ม.5 ครับ ช่วงทำงานกีฬาสี
แค่นั้นแหละครับ ........
ปล. ขออนุญาตซ่อนข้อความเพื่อเช็คเด็ก 90
....
ปล.2 เนื้อเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ TimeLine หลักครับ เขียนให้อ่านกันรอ ร้านเกะสาขาเชียงใหม่กับเทพวายุ
ความเดิมตอนที่แล้ว
เอ่อ... ผมลงรถเมล์ผิดป้ายครับไปลงที่แถวๆบ้านดรีม
หลังจากซื้อสแตปพันข้อมือแล้วก็จะกลับครับ
แต่ก็มิวายโดนคุณเธอแซวเรื่องลงรถผิดป้าย
......................
ฮึ่ย !!! ผมนี่คิดในใจแซวกรูเข้าป๊าย แค่ลงรถเมล์ผิดป้ายเอง ฮึ่ยย ซึ่งคอนที่ผมกำลังจะเดินไปขึ้นรถเมล์ครับ
น้องดรีมก็ถามนะว่าทำไมมาซื้อซะไกลเลย ผมก็บอกไม่ได้ไกลหรอก นั่งรถไป2 กิโลฯเอง ดรีมก็กอด อก แล้วพยักหน้า
อื้มๆ เซ่อซ่าจริงๆด้วย นั่งรถเลยมา 2 กิโลกว่า ผมนี่ฮึ่มมม กวนตีนเหรอดรีม อันนี้คิดในใจนะไม่ได้พูดออกไป ผมเดินฉีกตัวออกมาเลย เอ้อลืมๆ
ผมหันกลับไปบอกอีกทีว่ากลับบ้านดีๆล่ะดรีมก็ถามว่าผมไปจะไปไหนนั่น ซึ่งพอบอกจะไปป้ายรถเมล์ ดรีมก็พูดขึ้นมาว่าตรงนี้ไง ป้ายรถเมล์
[ ผม ] : ...... เอ่อ.....
แล้วผมก็เงียบกริบด้วยความอาย พร้อมกับยืนรอรถเมล์ตรงนั้น โอยหลายดอกเลยวันนี้ ทำไมผมเอ๋อแบบงี้วะ
แต่เหนือสิ่งอื่นใด คันว่ะ คันตรงผื่นที่แพ้กาวสแตป ไหวมั้ยเนี่ย น้องดรีมเอ่ยถามขึ้นมา ผมก็ตอบว่าไม่เป็นไม่ค่อยคัน
แต่น้องดรีมก็พูดว่า ตัวพี่อ่ะไหวมั้ยเซ่อซ่าจริงเชียว อื้อหือบอกเลยว่านี่คือนางมารชัดๆความกวนตีนนี่ตรงข้ามกับหน้าตามากๆ
ผมไม่ตอบอะไร แต่โดดขึ้นรถเมล์เลย มาพอดี ผมกลับมาบ้านก็นะ คือด้วยความคิดถึงสแตปยี่ห้อนี้ไงเลย ดึง ฟรืดด แปะคืน ดึงฟรืดแปะคืน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะดึงทำไม
วันนั้นนอนหลับไวครับ เพราะปวดคิ้วมาก ไอ้พวกเพื่อนห่านั่นทำผมเจ็บตัวแท้ๆ แม่เองก็บ่นครับว่าไม่ระวังตัว แหม่ แม่ครับ ถ้าผมไวขนาดที่จะสามารถหลบได้
ผมก็น้องชายแบรี่ อัลเลนแล้วครับ เช้าวันต่อมาผมก็โอยปวดชิบหัยเลย สมัยก่อนผมยังไม่รู้ไทลิน่อง แป๋งนึง ผมก็อาศัยยาพาราเม็ดขาวๆนั่นแหละครับบรรเทาอาการไป
คราวนี้ผมแม่งก็ยิ่งเหมือนพวกนักเลงเลย มีพลาสเตอร์แปะคิ้วด้วย อู้วหูวนี่มัน 18 ฝนคนอันตรายชัดๆ วันนั้นเรียนไม่รู้เรื่องเลยครับช่วงเช้า
พอพักกลางวันต้องรีบลงมาหายากิน เฮ้อ บางทีผมก็สงสัยว่าน้องดรีมนี่สิงห้องพยาบาลหรือเปล่า เพราะลงมาก็เจอตลอด ผมเดินเลี่ยงๆ
ยังอายเรื่องเมื่อวานอยู่ แล้วด้วยความเป็นนักกีฬาโรงเรียนครับ และด้วยความที่นักกีฬากับห้องพยาบาลเป็นของคู่กัน
อาจารย์ห้องพยาบาลจึงรู้จักนักกีฬาแบบพงกผมเป็นอย่างดี เขาจำชื่อได้ทุกคน เอ้า !!! ( ชื่อจริงผม ) มาทำไร
ผมนี่สะดุ้งเลย แผนการแทรกซึมล้มเหลวแม่จ้าว ผมก็เอ่อ อาจารย์ครับขอพาราหน่อยครับ อาจารย์ก็หืมเป็นไร มีไข้เหรอ
ผมก็บอกตามตรงแหละว่าปวดตุ้บๆที่แผล อาจารย์ก็จัดให้นะ แต่ว่า...
[ อาจารย์ ] : ( ชื่อจริงน้องดรีม ) หยิบยาพาราให้ครูหน่อย
ถ้ามันเป็นแก๊ก หรือ การ์ตูน ผมก็คงแบบตบหน้าผากตัวเองดังเผี๊ยะอ่ะครับ โอ้โหย !!! จ๊ารย์ ไรเนี่ย นั่นไง ยากระปุกสีขาว มาเป็นขวด
วางปุ้กตรงหน้า แล้วก็เดินไปจัดกระปุกยาต่อ ฟู่ววว เอาว่ะเขาไม่ได้สนใจอะไร หลังจากกินยาผมก็ไปกินข้าวกลางวันครับ เฮ้ยเจ็บแผลแล้วไง
ไม่สน กรูจะเตะบอล เฮ้ยเล่นด้วย ผมวิ่งไปยกมือบอกไอ้พวกที่กำลังจัดทีมอยู่ คำตอบคือเต็มว่ะ เฮ้ยๆๆ สนามตั้งกว้างเล่นด้วยดิ่
พวกมันก็บอกว่าไม่ได้ครับ ซ้อมแข่งฟุตซอลอยู่ โอ่ย ไอ้พวกใจดำ ไอ้สาด รันทดโว๊ย !!! เออไปนอนก็ได้ หลังจากพักกลางวัน
มันเป็นคาบดนตรีไทยนี่หว่า อืมมม ไปนอนที่นั่นแล้วกัน ผมก็เดินกลับห้องเรียน ไปหยิบสมุดจนโน๊ต ขลุ่ย ใช่ครับ คาบดนตรีไทย ผมเลือกเรียนขลุ่ย
จริงๆแล้วก็มีหลายอย่างนะครับ ขลุ่ย ระนาดเอก ระนาดโท ฆ้องวง จะเข้ ซ้อด้วง ซออู้ แต่ผมเลือกเรียนขลุ่ยนี่แหละ
ถึงจะต้องเสียเงินซื้อขลุ่ยก็ตามเถอะมาตรฐานหน่อย สีขาวๆนวลๆ ก็ 20-30 บาท แต่แบบเฮ้ย !!! ขลุ่ยสีน้ำตาลมันดูเด่น ดูยูนี๊ค จบเลยกรูควัก 40 บาทแบบไร้เหตุผลตกเป็นทาส Product ซะงั้น อ่อขลุ่ยที่ใช้เรียนเป็นขลุ่ยพลาสติกครับ ผมเดินไปที่ห้องดนตรีไทยก็ยกมือไหว้ ป๋าดีครับ
คืออาจารย์ดนตรีไทยเขาจะเป็นกันเองกับเด็กนักเรียนมากครับ ผมพวกผู้ชายก็จะสนิทกับเขาเป็นพิเศษ สนิทแค่ไหนก็ขนาดเพื่อนผม
เอาเครื่องเกมส์ Play 2 มาเสียบเล่นตอนพักกลางวันอ่ะ แล้วสมัยก่อนเครื่อง Play2 แม่งอันบะเริ่ม อ่ะพอผมเดินเข้ามายกมือไหว้
ป๋าเขาก็ เอ้า ไปกัดกับหมาที่ไหนมา คิ้วเป็นแบบนั้น ผมก็เล่าๆๆๆ ทั้งหมดไปแล้วก็บอกป๋า ผมขอนอนหน่อยนะ เขาก็บอก เอ้อ เลือกมุมนอนเลย
ผมไปนอนมุมห้องเลยครับ ตรงนั้นเป็นมุมเก็บพวกเสื้อผ้าของพวกทีมตีกลองยาว แล้วตอนนั้นเพื่อนผมมันก็เรียกครับ บอกเฮ้ยๆ ตอนบ่ายมีสอบเป่าขลุ่ยนะ
ผมก็หันไปถามมันครับ อือมีเพลงไรมั่ง มันก็บอกว่ามีเพลงอิสระเพลงนึง กับอีกเพลง แบทแมนกินกล้วย...
ผมนี่ ฮึ๊ !!! เชี่ยไรวะแบทแมนกินกล้วย
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน