พูดคุยก่อนอ่าน : มาแล้ว ๆ สำหรับจุดเริ่มต้นฉากพิมมี่ x แนนนี่ นะครับ โดยตอนนี้อย่างที่ผมบอกไป มีสามตอน โดนในตอนแรกจะเป็นการเกริ่นนำเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างสองสาว ตอนนี้ยังไม่มีฉากเลิฟซีนหญิงรักหญิงอะไรหรอกนะ ของจริงเริ่มในตอนหน้าครับ ซึ่งบอกไว้เลยว่าจะเป็นเรื่องราวของสองสาวโดยเฉพาะ สำหรับใครที่รอคอยพิมมี่ ก็น่าจะสมหวังละ เธอกลับมามีบทแล้ว เช่นเดียวกับแนนนี่ ก็มาลุ้นกันว่าสองสาวจะไปเกี่ยวโยงกับลุงพลยังไง
ถ้าใครคิดตามเรื่องนี้มา ก็น่าจะพอเดาได้ละว่าสุดท้าย ลุงพลจะกลับมารียูเนียนกับพิมมี่ และเจอแนนนี่ยังไง คุณจะได้เห็นฉาก 3P ระหว่างลุงพล x พิมมี่ x แนนนี่ แน่นอนครับ แต่ตอนนี้ คงต้องให้พิมมี่สอนงานแนนนี่ไปก่อนเจอของจริงละนะ 55555
เอาละ ผมมีช้อยให้คุณเลือก ว่าหลังจากเสร็จเควสดนตรีไทยระหว่างพิมมี่และแนนนี่ คุณอยากให้ลุงพลกลับไปย้ำรอยรักใครอีก ได้แก่ 1.สาวอีฟ 2.สาวหมวย 3.นังทราย ยังไม่มีครูเบสท์นะครับรอบนี้ ให้เธอพักก่อน เธอโดนลุงพลจัดเต็มซะขนาดนั้น คงไม่ไหว ส่วนลูกขวัญ ผมบอกเลยแล้วกัน หลังฉาก 3P ลุงพล x พิมมี่ x แนนนี่ คุณจะได้เจอฉากเปิดซิงน้องลูกขวัญ ซึ่งฉากนี้เป็นฉากที่ผมโคตรภูมิใจนำเสนอมากเลยทีเดียว ฮ่า...#######################
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
//two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=240435.0ไม่กี่วันต่อมา วันนี้ที่มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านวิภาวดี กลุ่มนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจกำลังมีโปรเจครายงานกลุ่มหน้าชั้นเรียน เพื่อเก็บคะแนนในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนสอบไฟนอล
แนนนี่ นริศราในชุดนักศึกษายืนรออยู่หน้าคลาสเรียน แล้วทันใดนั้น พิมมี่และเพื่อน ๆ ในกลุ่มก็เดินออกมาจากลิฟต์ พอสองสาวเจอหน้ากันก็ทักทายกันตามปกติ
“โทษที!!! วันนี้รถติดมาก แนนมารอนานยัง?” พิมมี่เอ่ยปากถามแนนนี่ที่มายืนรออยู่หน้าคลาสเรียนก่อนแล้ว
“เราก็พึ่งมา…” พริตตี้สาวยิ้ม ก่อนยื่นมือรับถุงใส่ฟิวเจอร์บอร์ดที่แปะเนื้อหาเพื่อเตรียมพรีเซนต์งานจากมือของพิมมี่
“โอ้ยยย!!! ร้อน!!” พิมมี่หยิบเอาขวดน้ำจากกระเป๋าสะพายขึ้นมาดื่ม ก่อนเหลือบมองเพื่อน ๆ ร่วมคณะที่เริ่มมากันหนาตามากขึ้น พิมมี่แวะทักทายเพื่อนร่วมคณะคนอื่น ๆ ระหว่างรออาจารย์เดินทางมาถึง
“โอ้ยยย!!!! ทั้งร้อนทั้งรถติด!!!” และแล้วอาจารย์ประจำภาควิชาก็เดินออกมาจากลิฟต์ “ขอโทษด้วยนะคะนักศึกษา วันนี้อาจารย์มาสาย”
พออาจารย์ประจำวิชาเดินทางมาถึง เหล่าบรรดานักศึกษาคณะบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งนี้ต่างโล่งอก เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย กลุ่มนักศึกษากลุ่มแรกที่ถูกเลือกได้เดินเข้าไปในห้องเพื่อพรีเซนต์งานกับอาจารย์ก่อน
“ขอบใจนะแนน ที่ช่วยพิม” ระหว่างที่ยืนรอ พิมมี่เอ่ยปากขอบคุณแนนนี่ พริตตี้สาวคนสวยที่ภายหลังได้สงบศึกชั่วคราวเพื่อทำงานกลุ่ม ซึ่งความจริงแล้วพิมมี่เองก็ไม่ได้คิดอยากช่วยอะไรแนนนี่นักหรอกนะ แต่เพราะอาจารย์ประจำวิชาขอเอาไว้ เธอเลยต้องช่วย แต่ภายหลัง แนนนี่ได้แสดงน้ำใจช่วยเธอจากการถูกไอ้บิ๊กตามรังควาน เลยทำให้สองสาวเริ่มเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ที่ไอ้บิ๊กตามมารังควานพิมมี่ถึงมหาวิทยาลัย แนนนี่ได้เข้ามาช่วยและพาเธอไปส่งที่หอพัก แต่หลังจากนั้นไม่นาน ไอ้บิ๊กก็เล่นตามไปถึงหน้าหอพร้อมกับเพื่อนมันสองคนอย่างไอ้สองและไอ้เหน่ง แต่โชคดีที่พิมมี่ไหวตัวทัน เลยแอบซ่อนรอจนกว่าไอ้มนุษย์ตัวผู้สามคนนี้กลับออกไป เธอจึงค่อยเดินกลับเข้าไปภายในหอพัก
พิมพาภรณ์พยายามทำตัวตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอหวังจะพึ่งลุงพล พิมมี่ก็นึกน้อยใจที่พักหลังมานี่ลุงพลไม่ค่อยแวะมาหาเธอเท่าไร แต่พิมมี่ก็เข้าใจว่าลุงพลช่วยเธอมาเยอะแล้ว ก็เลยไม่ได้อยากจะเก็บเอามาคิดมาก
ในอีกไม่กี่วันต่อมา พิมมี่ต้องเข้ามาเรียนในคาบวิชาสถิติเพื่อการวิจัยเป็นคาบสุดท้ายในช่วงวันศุกร์ โดยมีแนนนี่ที่อยู่ร่วมกลุ่มเดียวกันเข้ามาด้วย โดยภายในคาบนี้ทุกกลุ่มจะต้องออกมานำเสนองานวิจัยของตนเองหน้าห้องให้เพื่อนร่วมชั้นและอาจารย์ประจำวิชาได้ฟังและถามตอบเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน
“แนนต้องขอบคุณพิมต่างหาก!!! นี่ถ้าไม่ได้พิมช่วย!!! แนนแย่แน่!!” นริศราตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เรียกได้ว่ามิตรภาพดี ๆ เริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างสองสาวที่เคยเป็นคู่ปรับมาก่อนหน้า
“พิมพาภรณ์!!! กลุ่มของพิมพาภรณ์!! เชิญคะ!!!” กลุ่มนักศึกษาที่พรีเซนต์งานเสร็จเดินเปิดประตูห้องออกมา พร้อมกับเสียงผ่านไมค์โครโฟนของอาจารย์ประจำวิชา พิมมี่ แนนนี่ และเพื่อน ๆ อีกสามคนเลยเดินเข้าไปภายในห้องพร้อมกับถุงใส่ฟิวเจอร์บอร์ดเพื่อเตรียมพรีเซนต์งานให้อาจารย์ประจำวิชา
แน่นอนว่ากลุ่มของพิมมี่และแนนนี่พรีเซนต์งานได้ดี เพราะได้มีการเตรียมการวางแผนและแจกจ่ายงานให้เพื่อนสมาชิกทุกคนได้มีส่วนร่วมอย่างเป็นระบบ จนทำให้สามารถโต้ตอบกับอาจารย์ประจำวิชาได้ทุกคน พิมมี่ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มดูมีความสุขมาก เพราะคาดหวังว่าจะได้เกรดสวย ๆ จากวิชานี้ที่เป็นวิชาหลัก ส่วนแนนนี่ก็โล่งอก เพราะเธอสามารถเก็บหน่วยกิตวิชายาก ๆ ได้เพิ่มอีกหนึ่งวิชา
หลังจากพรีเซนต์งานจบในช่วงใกล้เที่ยง กลุ่มนักศึกษาทั้งชายและหญิงต่างเดินออกมาหน้าห้อง แนนนี่เดินแยกตัวออกมาเพื่อคุยธุระกับพี่เอก ที่เป็นคนคอยดีลงานถ่ายแบบให้
“เงินค่าตัวพี่โอนให้เราทางบัญชีแล้วนะแนน เห็นหรือยัง?”
“เห็นแล้วค่ะพี่เอก…” แนนนี่เห็นข้อความแจ้งเตือนเด้งขึ้นมา “ขอบคุณมากนะคะ”
“ไม่เป็นไรจ๊ะ” พี่เอกตอบ “ไว้ถ้ามีงานถ่ายแบบหรืองานเอ็มซีอะไรที่น่าสนใจ เดี๋ยวพี่ติดต่อกลับไปนะจ๊ะแนน”
“ค่ะพี่เอก…” แนนนี่ นริศราในชุดนักศึกษารัดรูปเริ่มยิ้มออกได้บ้าง เมื่อเธอสามารถรวบรวมเงินได้อีกหลายหมื่นบาท โดยพริตตี้สาวสู้ชีวิตคนนี้ตั้งใจว่าจะนำเงินที่หาไม่ได้ส่งไปช่วยพ่อกับแม่ที่ต่างจังหวัดเพื่อปลดเปลื้องหนี้สินนอกระบบ
“แนน…” หลังจากกดวางสาย พิมพาภรณ์ในชุดนักศึกษาสถาบันเดียวกันก็เดินออกมาจากห้องประชุม คนสวยจากเมืองโคราชยิ้มให้พริตตี้สาวเพื่อนร่วมกลุ่มอย่างเป็นกันเอง “เดี๋ยวไปกินข้าวเที่ยวด้วยกันไหม?”
“โทษที พอดีแนนมีเรียนต่อนะ…” นริศราปฏิเสธอย่างสุภาพ
“แย่จัง…” พิมมี่ดูเสียดายไม่น้อย “เออ!!! แนน เย็นนี้ว่างไหม? พอดีว่าเราจะชวนไปกินเหล้าฉลองหลังพรีเซนต์งานเสร็จกับเพื่อน ๆ น่ะ…”
“เอ่อ…” นริศรานึกอยากปฏิเสธ เพราะเธออยากเก็บเงินเอาไว้ส่งให้พ่อกับแม่ที่ขอนแก่นเพื่อปลดหนี้ ไม่ค่อยอยากออกไปเที่ยวเท่าไร แต่เหมือนต้องมนต์สะกดนัยน์ตาโศกของอดีตคู่ปรับจากเมืองโคราช และคิดว่าแค่ไปนั่งกินเหล้าแก้เซ็ง คงไม่เป็นอะไรมาก เลยทำให้พริตตี้สาวตอบตกลงอย่างง่ายดาย “ก็ได้ ว่าแต่จะไปร้านไหนเหรอ?”
“แถวรัชดาเนี่ยแหละ!!!” พิมมี่ตอบ “เจอกันที่ร้าน Pub 69 นะ โอเคไหม!!!”
“ได้ แล้วเจอกันที่นั่นนะ” แนนนี่ตอบ “ใครไปถึงก่อนก็จองโต๊ะก่อนแล้วกัน”
หลังจากพิมมี่และเพื่อน ๆ เดินจากไป คราวนี้แนนนี่ก็เลยเดินแยกตัวไปเข้าเรียนในคลาสต่อไป ที่สำคัญไม่แพ้กัน
………………………..
ในช่วงเย็นวันเดียวกัน พิมมี่มาถึงที่ร้าน Pub 69 ก่อน พร้อมกับเพื่อน ๆ ในกลุ่มอีกสามคน ภายหลังแนนนี่ได้ตามมาสมทบ กลุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง ต่างเปลี่ยนชุดเป็นชุดลำลองสบาย ๆ มาเพื่อนั่งดื่มและพูดคุยหลังพรีเซนต์งานวิชาสำคัญในช่วงปลายภาคเพื่อผ่อนคลาย
“ไม่คิดมาก่อนเลยว่าพิมกับแนนจะดีกันแล้ว?”
“เกิดอะไรขึ้นกับสองสาวเหรอ? เคลียร์ใจกันแล้วใช่ป่ะ?”
“วันก่อนชั้นเห็นไอ้บิ๊กด้วยพิม ถามจริง ๆ ไอ้บิ๊กมันทำอะไรแกป่ะ?”
“เปล่า…ไอ้บิ๊กไม่ได้ทำอะไร” พิมมี่ตอบ ก่อนเอื้อมมือหยิบซองบุหรี่ขึ้นมา แต่ปรากฏว่าบุหรี่หมด “อ่าว…บุหรี่หมด”
“อ่ะ…” แนนนี่ยื่นซองบุหรี่ให้อดีตโจทย์เก่า “แนนดูดเขียวนะ ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ได้หมดจ๊ะแนน…” พิมมี่ยิ้มให้แนนนี่ ก่อนหยิบบุหรี่จากขึ้นมาจุดและสูบ สาวสวยจากเมืองโคราชใช้มือคาบบุหรี่พลางเหลือบมองไปที่เคานเตอร์บาร์ก่อนโบกมือเรียกเพื่อขอเพิ่มน้ำแข็งและโซดา
นริศรายิ้ม ก่อนหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบบ้าง พริตตี้สาวพ่นควันสีขาวออกมาจากจมูกและปาก นัยน์ตาโศกขงเธอเหลือบมองควันสีสาวที่ลอยอ้อยอิงอยู่กลางอากาศ นี่โชคดีที่พวกเธอนั่งอยู่นอกร้านที่สามารถสูบบุหรี่ได้ นี่ถ้าหากนั่งข้างในร้านมีหวังโดนไล่ออกมาอย่างแน่นอน
“เฮ้ย!!! เดี๋ยวชั้นกลับก่อนนะเว้ย พรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้า!!”
“พิม แนน เราขอตัวกลับก่อนนะ”
“ได้ แล้วเจอกันนะ” พิมมี่และแนนนี่เอ่ยปากร่ำลาพรรคพวกที่ขอตัวกลับคนแล้วคนเล่า
หลังจากดื่มและพูดคุยกันด้วยเรื่องรอบรั้วมหาวิทยาลัย กลุ่มเพื่อน ๆ ของพิมมี่ก็เริ่มทยอยขอลากลับบ้านไปทีละคนสองคน จนเหลือเพียงแค่พิมมี่และแนนนี่ ที่ต่างฝ่ายต่างหน้าแดงก่ำจากฤทธิ์แอลกอฮอลล์
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
“เหลือแค่เราสองคนแล้วแหะ…” พิมมี่ยิ้มตาแดงก่ำ
“นั่นดิ…” แนนนี่ตอบ ก่อนหยิบบุหรี่ที่สั่งซื้อจากทางร้านขึ้นมาจุดสูบแก้เซ็ง พลางเหลือบไปเห็นพิมมี่หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมารับสาย แต่ไม่ทันไร พิมมี่ก็รีบกดวางสายทันที
“ไอ้บ้าเอ้ย!!!” พิมพาภรณ์สบถออกมา “นี่จะตามจองเวรไปถึงไหนเนี่ย!!”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอพิม?” นริศรานั่งไขว่ห้าง ปากพ่นควันสีขาวออกมา มือก็คาบบุหรี่ไป
“ไอ้บิ๊กมันโทรมา…” พิมมี่ตอบ “ตามตื้อไม่เลิกเลย ไอ้ลูกแหง่นี่!!!”
“ไปทำอะไรถึงทำให้ไอ้บิ๊กมันตื้อขนาดนี้เหรอพิม?” แนนนี่ถาม “แต่บอกไว้ก่อนนะ แนนไม่เกี่ยวด้วยนะ แนนไม่ได้คิดอะไรกับไอ้บิ๊กเลยนะ”
“เรื่องนั้นพิมรู้แล้ว…” ร่างอวบจากโคราชเชื่อสนิทใจแล้วว่าแนนนี่ อดีตคู่ปรับเก่าของเธอไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไรกับไอ้บิ๊กเลยแม้แต่น้อย “เฮ้อ!! ตามตื้อไม่เลิกเลย!!!”
แนนนี่นั่งมองพิมมี่หยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นมาปิดเครื่อง ก่อนนำกลับไปวางไว้บนโต๊ะตามเดิม
“ไอ้บิ๊กใช่ไหม?” แนนนี่ถาม
“ใช่…” พิมมี่ตอบ ก่อนหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ “มันติดคุกมาสามรอบแล้ว นี่รอบที่สาม ไม่รู้มันออกมาได้ยังไง แล้วทุก ๆ ครั้งที่ไอ้บิ๊กมันออกมา มันก็จะมาตามราวีพิมอยู่ตลอด จนพิมจะประสาทเสียกับมันอยู่แล้วเนี่ย!!!”
“ทำไมไม่โทรบอกตำรวจละ?” พริตตี้สาวจากขอนแก่นแสดงความเห็น
“ก็ทุก ๆ ครั้งมันก็ถูกตำรวจลากตัวไปติดคุกนั่นแหละแนน…” พิมมี่ตอบแบบเลี่ยง ๆ เพราะความเป็นมาของความขัดแย้งระหว่างเธอและไอ้บิ๊กมันมีตัวละครคนสำคัญอีกคนอย่างลุงพล ซึ่งแนนนี่ไม่รู้จักแน่นอน “ครอบครัวไอ้บิ๊กมันมีอิทธิพลมาก ทุกครั้งที่ถูกจับ ไม่นานนักก็จะมีคนไปช่วยประกันตัวมันออกมาจนได้”
“ฟังดูแล้ววีรกรรมของไอ้บิ๊กคงแย่เกินเยียวยาเลยใช่ป่ะพิม…” แนนนี่เริ่มเห็นอกเห็นใจพิมมี่มากขึ้น “ยังไงก็ขอให้ผ่านไปได้นะ”
“ตู๊ดดดดด!!!” ทันใดนั้น หน้าจอสมาร์ทโฟนของนริศราที่วางบนโต๊ะก็สว่างจ้าและสั่น พริตตี้สาวหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา ก็พบว่าเป็นแม่ของเธอที่ขอนแก่นโทรมา
“เอ่อ…” นริศรารู้ว่าแม่ของเธอโทรมาเพราะเรื่องเงิน พริตตี้สาวเลยหยิบสมาร์ทโฟนลุกขึ้นไปหามุมสงบเพื่อคุยโทรศัพท์กับแม่ “พิม นั่งรอก่อนนะ เดี๋ยวขอแนนไปคุยโทรศัพท์ก่อน แม่โทรมา…”
“อือ…” พิมมี่พยักหน้า ก่อนหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มย้อมใจ ระหว่างรอแนนนี่คุยโทรศัพท์กับแม่
………………………..
“ฮัลโหลแม่? มีอะไรเหรอ?” แนนนี่เดินออกมายืนคุยโทรศัพท์ที่ฝั่งตรงข้ามของผับ มือขวาก็ถือสมาร์ทโฟนแนบหูไป มือซ้ายก็เขี่ยก้นบุหรี่ลงถนน
“แนน!!! มึงมีเงินสัก 10,000 นึงไหม?” ประโยคแรกที่แม่ของแนนนี่เอ่ยปาก ไม่ใช่ประโยคถามสุขภาพเหมือนแม่คนอื่นเวลาโทรถามหาลูก
“หมืนนึง!!! แม่จะเอาไปทำอะไรอ่ะ!!” พอรู้ว่าจะต้องเสียตังค์ แนนนี่ก็เริ่มทำหน้าเสีย คราวก่อนก็โอนเงินช่วยพ่อกับแม่ไปแล้วหกหมื่นบาท เงินหายไปไหนหมด!!”
“มันคนละส่วนปะวะอีแนน!!!” แม่บังเกิดเกล้าของนริศราตอบ “หกหมื่นนั่นพ่อกับแม่จะเอาไปใช้หนี้ แล้วตอนนี้พ่อมึงกับแม่มึงก็ไม่มีเงินติดตัวเลย ทำไม!! กูขอแค่หมื่นเดียวให้ไม่ได้เหรอ?”
“แม่…” นริศราถอนหายใจยาว เหมือนคนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต “แล้วแม่ไม่คิดว่าหนูต้องมีภาระใช้เงินบ้างเหรอ? ไหนจะค่าน้ำค่าไฟ ค่ากิน ค่าคอนโด ไหนจะค่าผ่อนรถหนูอีก?”
“มึงก็เอารถไปขายก่อนซิ!!!” แม่ของแนนนี่ตอบแบบไม่ต้องคิด “เป็นลูกก็ต้องกตัญญูกับพ่อกับแม่ซิวะถึงจะเจริญ!!!!”
พอได้ยินแบบนี้ นริศราถึงกับเอามือปิดหน้าปิดจมูก เหมือนอยากจะร้องไห้ เพราะเธอต้องเก็บหอมรอมริบเงินทองจากการทำงานจนสามารถนำไปดาวน์รถยนต์มาเป็นของตัวเองได้ แต่ตอนนี้แม่ของเธอกำลังสั่งให้เธอเอารถไปขายโดยไม่คิดถึงจิตใจลูก
“ไม่รู้ละโว้ย!! หาเงินมาให้พ่อกับแม่มึงด้วยหมื่นนึง ถ้าพรุ่งนี้ 9 โมงเช้า เงินยังไม่ได้โอนเข้าบัญชี เราเห็นดีกันแน่อีแนน!!!”
แม่ของแนนนี่กดวางสาย โดยไม่ได้สนใจเลยว่าคำพูดของตนเองได้ทำร้ายจิตใจนริศราไปมากมายเพียงใด ตอนนี้พริตตี้สาวถึงกับยืนนิ่งน้ำตาซึมเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ความจริงเธอเองก็มีเงินติดตัวอยู่บ้างจากการทำงาน เธอตั้งใจจะใช้สอยเงินก้อนนี้อย่างประหยัด และเก็บเงินเพื่อใช้หนี้นอกระบบให้พ่อกับแม่ที่ต่างจังหวัด แต่พอมาเจออะไรแบบนี้เข้า พริตตี้สาวสู้ชีวิตอย่างนริศราก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน
“เป็นอะไรของเค้านะ…” พิมมี่เหลือบมองแนนนี่ที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ฝั่งตรงข้ามก็นึกสงสัย เพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจจนทรุดตัวลงไปนั่งยอง ๆ ริมทางเท้า “ร้องไห้เลยเหรอ!!!”
ในตอนนั้นพิมมี่คิดว่าแนนนี่คงมีปัญหาบางอย่างกับทางบ้าน คงเป็นปัญหาหนักอกหนักใจแน่ คนสวยจากโคราชเลยคิดว่าในช่วงเวลานี้ เธอและแนนนี่มีอะไรคล้าย ๆ กันไม่น้อยเลยทีเดียว
“ไม่ดิวะแนน…ไม่ร้องดิวะ!!” ตัดมาที่ฝั่งของนริศรา พริตตี้สาวพยายามรวบรวมสติเพื่อเผชิญหน้ากับปัญหา “ปัญหาแค่นี้ทำอะไรคนอย่างนริศราไม่ได้หรอกเว้ย!!!”
แนนนี่ลุกขึ้น สูดอากาศเข้าไปเต็มปอด เธอคิดว่าอย่างน้อยเธอก็ยังมีเงินมากพอที่จะส่งให้พ่อกับแม่ที่ต่างจังหวัด เพราะเดี๋ยวอีกไม่นานพี่เอกก็จะป้อนงานให้เธอทำอีก ไม่เป็นไร ยังไงเราก็เป็นลูก เราต้องตอบแทนบุญคุญพ่อกับแม่ พริตตี้สาวสู้ชีวิตคิดแบบนี้
พอรู้สึกว่าสบายใจแล้ว แนนนี่ก็เดินข้ามถนนกลับมานั่งที่โต๊ะหน้าผับ พิมมี่ยิ้มให้ก่อนเอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วง
“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า?”
“นิดหน่อยน่ะ…” แนนนี่ตอบ ก่อนหย่อนตัวนั่งบนโต๊ะ “นี่ก็ดึกแล้ว เราจะกลับกันหรือยัง?”
“อือ…” พิมมี่พยักหน้า “งั้นเรียกเก็บตังค์เลยแล้วกัน”
“เก็บเงินคะ!!!” แนนนี่โบกมือเรียกพนักงานต้อนรับ ให้มาเก็บเงิน ที่เพื่อน ๆ ที่มาก่อนได้ได้ช่วยลงขันกันก่อนเดินทางกลับไปก่อนล่วงหน้าแล้ว
“ว่าแต่แนนมายังไงเนี่ย?” พิมมี่เอ่ยปากถามพริตตี้สาวเพื่อนร่วมคณะ
“แนนขับรถมาเอง…” แนนนี่ตอบ “พิมละ?”
“เราโบกรถแท็กซี่มาเอง…” ร่างอวบตอบ รีบเอามือปิดปากจากอาการสะอึก
“ให้แนนพาไปส่งไหม?” แนนนี่ตอบ
“ไม่เป็นไรเกรงใจ…” พิมพาภรณ์ปฏิเสธอย่างสุภาพ “อือออ…”
“สภาพแบบนี้โบกแท็กซี่คนเดียวไม่ปลอดภัยนะพิม…” นริศราเอ่ยปากเตือนด้วยความเป็นห่วง “ให้แนนขับรถพาพิมไปส่งเถอะ…”
“บิลมาแล้วครับ…” แล้วบริกรก็เอาบิลมาวางไว้บนโต๊ะ พิมมี่เป็นคนหยิบเงินทั้งหมดออกมาจ่าย โดยสองสาวตกลงกันว่าเงินทอนที่เหลือยกให้เป็นทิปทางร้านไป ก่อนที่แนนนี่จะขับรถพาพิมมี่ไปส่งที่หอพัก
………………………..
“โอ้ยยย….” พิมมี่ที่นั่งอยู่เบาะหน้ารถหยิบเอายาดมขึ้นมาดม จนแนนนี่ที่เป็นคนขับหันไปยิ้ม
“ถึงกับดมยาดมเลยเหรอ?” แนนนี่ถาม มือของพริตตี้สาวจับพวงมาลัยแน่น ส่วนเท้าก็เหยียบคันเร่งไป
“พิมไม่ได้กินเหล้ามาสักพักใหญ่ละ…” คนสวยจากโคราชตอบ “เพราะพักหลัง ๆ พิมออกกำลังกายไง อยากทำตัวคลีน ๆ รักษาสุขภาพ แต่วันนี้แบบเป็นกรณีพิเศษ ก็เลยอยากฉลอง ให้รางวัลตัวเองสักหน่อย”
“แนนดูทรงแล้ว เหมือนพาตัวเองมาทรมานมากกว่าให้รางวัลนะ…” แนนนี่กล่าวติดตลก ระหว่างขับรถพาพิมมี่ไปส่งที่หอพัก
“ซอยตรงหน้าเนี่ยแหละแนน…” พิมมี่ชี้ตำแหน่งซอยหน้าทางเข้าหอพักของเธอ “เลี้ยวเข้าไปเลย”
“โอเค…” แนนนี่หมุนพวงมาลัยรถเข้าซอยอย่างคล่องแคล่ว “จะแวะซื้ออะไรที่เซเว่นไหม?”
“ไมละ ตรงยาวไปเลย…” พิมมี่ตอบ ก่อนหยิบยาหยิบเก็บใส่กระเป๋าสะพาย “เดี๋ยวเลี้ยวขวาข้างหน้า ตรงไปอีกนิด ก็จะเจอหอของพิมแล้ว”
“โอเค…เดี๋ยวนะ!!! นั่นมันไอ้บิ๊กนี่หว่า!!” ในขณะที่นริศรากำลังเลี้ยวรถเตรียมจอดหน้าหอพักของพิมมี่ สองสาวก็เห็นไอ้บิ๊กในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงยีนส์ปรากฏตัวอยู่ด้านหน้ากลางดึก
“รีบขับออกไปเลยแนน เร็วเข้า!!!” พิมมี่พอเห็นแฟนเก่าอย่างไอ้บิ๊กก็สร่างเมา เลยเรียกให้แนนนี่รีบขับรถหนีออกไป ส่วนไอ้บิ๊กที่ยืนอยู่หน้าหอ พอโดนแสงไฟจากหน้ารถส่องมา ก็เลยหันกลับไป พอเห็นรถของสองสาว ก็รีบวิ่งเพื่อเข้าไปขวาง แต่ก็ไม่ทัน เพราะแนนนี่เหยียบคันเร่งหนีไปได้ทันเวลา
“แนน!!! พิม!!! เห้ย!!! จะไปไหน!!! รอก่อน!!! เห้ย!!!” ไอ้บิ๊กตะโกนเรียกสองสาวที่รีบซิ่งรถหนีออกถนนใหญ่ “โธเว้ย!!!!”
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
ไอ้บิ๊กตั้งใจว่าจะมาคุยกับพิมมี่เพื่อหวังปรับความเข้าใจเหมือนอย่างที่เคย อุตส่าห์ลงทุนโกหกทางบ้านและพี่พลอยเอาไว้เป็นอย่างดีว่านับจากนี้ไปจะไม่ไปวุ่นวายกับชีวิตของพิมมี่อีก แต่ให้ทำไงได้ ไอ้บิ๊กมันรักพิมมี่ มันไม่อยากเสียผู้หญิงดี ๆ อย่างพิมมี่ไปให้ใคร โดยเฉพาะกับตาเฒ่าอย่างลุงพล ถึงแม้ว่าจะต้องสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้กับฝ่ายหญิงหรือแม้กระทั่งญาติผู้ใหญ่ฝ่ายตนที่คอยช่วยเหลือตนเองเรื่องคดีความครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตาม
………………………..
“มันจะตามจองเวรไปถึงไหนวะ!!!” พิมมี่บ่นอย่างหัวเสีย “ชาติก่อนไปทำอะไรให้ ถึงได้ตามติดเป็นเจ้ากรรมนายเวรขนาดนี้!!!”
“ใจเย็น ๆ ก่อนพิม…” แนนนี่พยายามเตือนสติพิมมี่ ขณะกำลังขับรถออกมาจากหน้าปากซอยหอพักของพิมมี่
“แล้วคืนนี้จะนอนไหนเนี่ย…” พิมพาภรณ์เอามือกุมขมับ “โอ้ยยย ตาย ๆ ๆ ๆ นี่สงสัยต้องเปลี่ยนหอพักหนีไอ้บิ๊กอีกแล้วเหรอ?”
“มานอนที่คอนโดของแนนก่อนไหมพิม?” พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทางไป ด้วยความมีน้ำใจ แนนนี่เลยเสนอตัวช่วย
“จะดีเหรอแนน?” พิมมี่เอ่ยปากถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ไม่รบกวนแนนแย่เหรอ?”
“ไม่เป็นไรหรอก แนนอยู่คนเดียว” นริศรายิ้ม ก่อนหันพวงมาลัยเลี้ยวกลับสู่ถนนใหญ่
มันอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด นริศราเลยเสนอให้พิมพาภรณ์มานอนค้างที่คอนโดของเธอก่อนสักพัก โดยพริตตี้สาวเสนอให้อดีตคู่ปรับเก่าจากเมืองโคราชสามารถใส่ชุดนักศึกษาหรือชุดลำลองของเธอไปก่อนระหว่างที่พักอยู่ที่นี่ได้
………………………..
แนนนี่ใช้เวลาขับรถประมาณยี่สิบนาที ก็มาถึงคอนโดของตัวเอง ในฐานะเจ้าบ้าน แนนนี่เดินพาพิมมี่เข้าไปในคอนโด พริตตี้สาวยื่นคีย์การ์ดปลดล็อคประตูทางเข้าคอนโด พอสองสาวขึ้นลิฟต์และเดินทางมาถึงห้องพักของแนนนี่ พิมพาภรณ์ก็รู้สึกโล่งอกที่อย่างน้อยในคืนนี้ เธอก็มีที่ซุกหัวนอนแล้ว
“ห้องมันจะเล็ก ๆ หน่อยนะพิม…” แนนนี่เอ่ยปากขณะกำลังหยิบสเปรย์ปรับอากาศฉีดใส่รอบห้อง ก่อนเปิดสวิตซ์รีโมตแอร์
“ห้องแนนน่าอยู่มากเลยอ่ะ!!” พิมมี่เอ่ยปากชมเป็นการใหญ่ เมื่อเห็นห้องพักของแนนนี่ “นี่แนนนี่ซื้อคอนโดนี่เองเหรอ?”
“ผ่อนจ่ายน่ะ…” พอพูดถึงเรื่องเงิน เหมือนไปกระตุกต่อมสะเทือนใจของนริศรา เพราะเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา เธอพึ่งโดนแม่ที่ขอนแก่นโทรมาขอเงินอีกหนึ่งหมื่นบาท
“แนนเก่งมากเลยรู้ตัวไหม? ทำงานหาเงินสร้างตัวเองได้ขนาดนี้” พิมมี่วางกระเป๋าสะพายไว้ที่โต๊ะรับแขก “พิมเองก็อยากมีคอนโดแบบนี้เหมือนกัน แต่ไม่มีตังค์ แหะๆๆ”
“พ่อแม่ของพิมก็รวยไม่ใช่เหรอ? จะซื้อคอนโดสักที่คงไม่ยากหรอกมั้ง?” แนนนี่แสดงความเห็น เพราะก่อนหน้านี้เธอเคยได้ยินมาว่าพ่อกับแม่ของพิมมี่ที่โคราชก็จัดว่ามีฐานะพอตัว
“พ่อกับแม่พิมไม่มีทางซื้อให้หรอก…” ร่างอวบตอบ “พ่อกับแม่พิมอยากให้พิมกลับไปอยู่บ้านช่วยกิจการพ่อแม่ที่โคราชมากกว่า”
“อือ…ก็ดีแล้ว” นริศราก้มตัวเปิดตู้เย็นหยิบเอาน้ำเย็นสองขวด ขวดแรกสำหรับตัวเอง ส่วนอีกขวดสำหรับพิมมี่ “อ่ะ…น้ำ”
“ขอบใจมากนะแนน…” พิมมี่รับขวดน้ำเย็นจากมือของแนนนี่ พร้อมกับเอ่ยปากขอบคุณแนนนี่ทั้งน้ำตา “ถ้าไม่ได้แนน พิมแย่แน่ ๆ”
“ไม่เป็นไร…” แนนนี่ตอบ “ไอ้บิ๊กมันก็ทำกันเกินไป ผู้หญิงไม่รักแล้วยังจะตามตอแยอีก!!!”
“ฮือ…” พอได้ยินแนนนี่พูดแบบนี้ เลยทำให้ร่างอวบปล่อยโฮออกมา ทำเอานริศราตกอกตกใจ เพราะนึกว่าไปพูดอะไรทิ่มแทงใจพิมมี่หรือเปล่า
“พิม? พิมร้องเหรอ? เราขอโทษ!! เราไม่น่าพูดแบบนั้นเลย…” พริตตี้สาวเอื้อมมือจับต้นแขนของพิมมี่เพื่อปลอบใจ
“อือออ…” พิมมี่จ้องมองแนนนี่ตาแดงก่ำ ความจริงทั้งสองสาวก็เมาได้ที่ ไม่แน่ใจว่าเพราะความเหงา หรือเพราะก่อนหน้านั้นต่างฝ่ายต่างพบเจอกับเรื่องหนักใจ เลยทำให้สองสาวเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้นหรือเปล่า จนทำให้…
“แนน…” ทันใดนั้น พิมมี่ก็โน้มตัวมาจูบแนนนี่ที่ยืนตัวแข็งด้วยความตกใจ
“พิม…” นริศรายืนตัวแข็งด้วยความตกใจ “นี่จะทำอะไร?”
“เราแค่รู้สึกว่าวันนี้แนนน่ารักกว่าทุกวัน…” พิมมี่ตอบพร้อมทั้งรอยน้ำตาที่อาบแก้ม ก่อนโน้มตัวจูบพริตตี้สาวอีกรอบโดยไม่รอฟังความรู้สึกใด ๆ จากอีกฝ่ายว่าจะยอมรับหรือปฏิเสธ
 
โปรดติดตามตอนต่อไป...
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน