อย่างที่ผมได้เคยบอกไว้ในตอนที่ 9 ว่าในตอนจบของสางแค้นผมจะนำเรื่องย่อพร้อมโครงเรื่อง และบางส่วนของนิยายที่ผมแต่งไว้ทั้ง 2 เรื่อง มาให้อ่่านกันตอนท้ายและบทสรุปในตอนท้ายเรื่องครับ เรื่องย่อของตูนที่เป็นน้องสาวนพ ผมไม่ได้เรียงตามลำดับเรื่องแต่สรุปมาเป็นช่วงๆของบรรดาผู้ชายแต่ละคนที่มาตามจีบเธอครับ
ส่วนจะมีเรื่องเกี่ยวกับปฏิบัติการของแคนจะมีอีกหรือเปล่าผมขอเวลาสักหน่อยนะครับ
ขอบคุณครับ
twintower
____________________________________________________________________________
“แคนพอจะเล่าเรื่องที่เชียงรายให้พ่อฟังได้ไหมลูก”
แคนที่กำลังเช็ดโต๊ะ เงยหน้ามองพ่อที่วางหนังสือพิมพ์4-5 เล่มลงบนโต๊ะ และทุกฉบับจะพาดหัวเกี่ยวกับเรื่องกำนันน้อม แคนถอนหายใจก่อนจะนั่งลงซึ่งพ่อนั่งตาม ส่วนแม่ที่อยู่ไม่ห่างนั้นหันมามองด้วยความสนใจ แคนรู้ดีว่าพ่อจะถามเรื่องนี้ตั้งแต่เช้าแล้ว มันเป็นเช้าวันสิ้นปีช่วงหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ แคนที่ออกจากรุงเทพแต่เช้ามืด มาถึงหัวหินตั้งแต่ช่วงเช้า ได้มาช่วยพ่อกับแม่ขายก๋วยเตี๋ยวซึ่งเป็นวันที่มีลูกค้าเยอะตั้งแต่ร้านเปิดตอนสาย มีทั้งคนท้องถิ่นที่เป็นขาประจำและนักท่องเที่ยวเพราะอยู่ในช่วงวันหยุดยาว จนช่วงบ่ายหลังจากร้านปิด พ่อจึงมีโอกาสมาถามแคน แคนหยิบมาอ่านพาดหัว2-3 ฉบับ แสดงว่าพ่อนั้นตามข่าวมาตลอดและเก็บหนังสือพิมพ์ไว้ถามแคน เพราะที่ผ่านมาพ่อกับแม่ถ้าไม่จำเป็นจริงๆจะไม่โทรหาแคน และครั้งนี้พ่อคงจะพอเดาออกว่าเพราะอะไรถึงไม่โทรถามแคนเลย แคนยิ้มออกมาก่อนจะตอบพ่อ
“แคนก็อยู่ในชุด ป.ป.ส.ที่บุกเข้าไปในรีสอร์ทไอ้น้อมนะพ่อ เราได้ข่าวว่ามันขนยาบ้าเข้ามา ส่วนเรื่องจับลูกน้องมันคดีฆ่าคนตายนะเป็นข้ออ้าง แต่ไอ้น้อมมันหนีไปได้กับไอ้จิต ก็ตามข่าวที่ออกมันหนีไปฝั่งพม่า เข้าไปอยู่กับพวกว้าแต่แคนก็รู้จากผู้ใหญ่นะพ่อว่าหลังจากนั้นไม่นานโรงงานผลิตยาที่มันกับไอ้จิตไปหลบอยู่ก็ระเบิด ทางเราก็ไม่รู้ว่าสาเหตุจริงๆคืออะไร ได้แต่เดาว่า พวกว้ากลุ่มนี้มันไปมีปัญหากับทหารพม่าเลยโดนถล่มโรงงาน แต่เรายืนยันได้ว่ามันทั้ง 2 คน ตายคาโรงงาน พ่อสบายใจได้แล้ว”
แคนบอกพ่อทั้งๆที่รู้ว่าตนเองพูดความจริงไม่ได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่เห็นคือพ่อเอามือมาปิดหน้าก่อนจะร้องไห้ออกมาพร้อมเสียงปนสะอื้นที่บอกแคน
“ขอบใจ มากลูก ขอบใจมาก ที่ผ่านมาพ่ออดสูเหลือเกินที่ทำอะไรไม่ได้ต้องยอมให้มันกดขี่ แต่ตอนนี้มันทั้งคู่ได้ชดใช้กรรมแล้ว”
แม่ของแคนได้เดินเข้ามาจับบ่าพ่อเป็นการปลอบใจก่อนจะบอกแคน
“พรุ่งนี้วันปีใหม่ ก่อนร้านเปิดเราไปทำบุญให้ครอบครัวของลุงอู๊ดนะลูก”
แคนพยักหน้า พร้อมหวนนึกไปถึงวันนั้น หลังจากที่ขึ้นมาอยู่บนแบล็กฮอว์คแล้ว แคนหวนไปนึกถึงรายงานการจับกุมรีสอร์ทกำนันน้อมที่รองสุพจน์ส่งให้อ่าน ทำให้แคนเข้าใจได้ว่าความพินาศของอาณาจักรกำนันน้อมมันมาเร็วกว่าที่ทางตำรวจนั้นวางแผนไว้ มันมาจากตัวกำนันเองทั้งนั้น ถึงกำนันจะฉลาดละเอียด แต่กำนันดันไปมองข้ามเรื่องเล็กๆจนทำให้ตัวเองต้องพินาศเร็วกว่าที่คิด จากแผนการที่วางไว้แต่แรกคือ ทางตำรวจจะเริ่มเล่นงานกำนันจากกิจการอื่นๆที่กำนันเป็นเจ้าของก่อน เพื่อบีบให้กำนันขาดรายได้ แล้วหันมาขายยาเสพติดอย่างเดียวซึ่งมันต้องใช้เวลาเพราะตำรวจต้องการหลักฐานเล่นงานกำนันให้อยู่หมัดไม่เหมือนที่ผ่านๆมาที่กำนันหลุดรอดตลอด แต่แผนนั้นมันต้องเปลี่ยน จะถือว่าเป็นคราวเคราะห์ของกำนันที่เวรกรรมนั้นตามทัน มันเริ่มจากที่คำรณถูกลูกหลงที่คาราโอเกะของกำนัน ถ้าวันนั้นกำนันยอมให้ตำรวจเป็นคนจัดการเองความพินาศของกำนันจะไม่มาถึงเร็วขนาดนี้ แต่กำนันคิดว่าเป็นการหยามน้ำหน้ากำนันที่กล้ามีเรื่องในคาราโอเกะที่กำนันเป็นเจ้าของ จึงได้สั่งให้จิตจัดการ และเป็นจิตที่ไม่รอบคอบด้วย พอเหน่งรายงานว่าคนยิงคำรณแอบไปหลบอยู่กับลูกน้องเก่าของเหน่ง จิตสั่งให้เหน่งไปจัดการทั้งๆที่จิตน่าจะเฉลียวใจว่าเหน่งมีคดีติดตัวอยู่ ทั้งเรื่องปืนเถื่อนและที่มีเรื่องกับแคน ทางตำรวจต้องจับตาดูเหน่งอย่างแน่นอน ดังนั้นพอเหน่งก่อเรื่องมันไม่ยากที่ตำรวจจะรู้
จากตอนแรกที่ตำรวจไล่ตามดูกล้องวงจรปิดทำให้รู้ว่าคนที่ยิงคำรณนั้นหลบหนีไปทางไหน และเป็นเหน่งที่ย่ามใจนึกว่าไม่เกิดอะไรขึ้นหลังจากฆ่าทั้ง 2 คนแล้วนำศพไปฝังในป่าลึก แล้วสั่งให้ลูกน้องเก่าหลบตำรวจไปสัก2-3อาทิตย์ แล้วตนเองก็เข้าไปทำงานในรีสอร์ทของกำนันตามปกติ แต่เหน่งไม่รู้ว่าลูกน้องเก่าถูกตำรวจรวบตัวได้ทันก่อนจะหลบออกจากเชียงราย และลูกน้องเก่าของเหน่งนั้นสารภาพทันที ทำให้ตำรวจขอหมายจับเหน่งได้ แต่ทางรองสุพจน์ได้ระงับการเข้าจับกุมเหน่งไว้ก่อน
ส่วนอีกเรื่องที่กำนันพลาดคือเรื่องการขนยาบ้าและเฮโรอีน เพราะทางตำรวจก็คาดไม่ถึงว่ากำนันจะกล้าเสี่ยงขนาดนี้ ทั้งๆที่มี เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ไปแสดงตัวแถวๆรีสอร์ทเหมือนจะแหวกหญ้าให้งูตื่นและเป็นการเตือนกลายๆ แต่กำนันกลับไม่กลัวเลือกที่จะเสี่ยงตามคำแนะนำของสาธิต พอตำรวจรู้ข่าวเรื่องการขนยาบ้าและอาวุธสงครามจากตอนแรกที่จะทำการขับกุมอาวุธสงครามช่วงที่ทำการขนเข้ากรุงเทพ กำนันเลือกที่จะขนยาล็อตใหญ่ถึง 2ล็อต มันเป็นโอกาสของทางตำรวจที่รออยู่แล้ว จึงเปลี่ยนแผนในทันทีเพื่อจะได้จับตัวกำนัน แต่พอมีรายงานว่ายาบ้าล็อตนี้จะต้องเลื่อนการขนเข้ามาที่รีสอร์ทเพราะคนที่ทำหน้าที่ตรวจสอบถูกยิงบาดเจ็บสาหัส ทำให้แผนการเข้าจับกุมเหน่งนั้นต้องเลื่อนออกไปก่อน
และอีกเรื่องคือความย่ามใจจนเกินไปของกำนัน หลังจากที่ไปเจอรองพิชญ์ที่โรงพักทำให้กำนันไม่กล้าที่จะให้มีคนตามคุ้มกัน เพราะกลัวถูกจับตามองมากขึ้นและความย่ามใจที่คิดว่าตนเองคือผู้มีอิทธิพลไม่มีใครกล้าทำอะไร แต่กำนันหารู้ไม่ว่ามันเปิดโอกาสให้ตำรวจแอบสะกดรอยตามกำนันน้อมได้อย่างสะดวก และบ้านหลังใหญ่ของกำนันนั้น ด้วยความที่กำนันน้อมต้องการอวดบารมีความยิ่งใหญ่พร้อมต้องการโชว์บ้านที่หรูหราพร้อมกับทำให้เห็นตนเองนั้นโปร่งใส รั้วบ้านของกำนันจึงเป็นรั้วและประตูเป็นอัลลอย ที่สามารถมองเข้าไปเห็นในตัวบ้านได้สะดวก ทำให้ตำรวจสามารตรวจความเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวก คนเข้าออกบ้านกำนันนั้นถูกบันทึกภาพไว้ทุกคน และตอนที่พัดกับฝนไปที่บ้านของกำนัน ทั้งคู่ถูกบันทึกภาพไว้เช่นกันซึ่งหลังจากตรวจสอบแล้วทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ติดใจและส่งคนติดตามดูฝนกับพัด เพราะตามข้อมูลที่ตรวจสอบได้พัดคือหลานแท้ๆของเมียหลวงกำนัน ถึงฝนจะเป็นนักเคมีที่เคยตรวจสอบเฮโรอีนที่พึ่งถูกจับได้ แต่ดูแล้วเป็นการบังเอิญมากกว่าและพัดคงจะพาแฟนมาเยี่ยมป้า ตำรวจเพียงแต่เก็บไว้เป็นข้อมูลเท่านั้น
ส่วนเรื่องการเข้าจับกุมเหน่งนั้นจากที่เลื่อนแต่ต่อมาได้รับการยืนยันว่าจะเป็นวันเดิม แผนการเข้าจับกุมเหน่งบังหน้าในรีสอร์ทจึงดำเนินการต่อไปตามเดิม เพราะหลังจากที่กำนันแจ้งไปยังสาธิตว่าเลื่อนส่งยาบ้าแต่ต่อมาแจ้งไปว่าเป็นกำหนดตามเดิม ทำให้สาธิตที่แจ้งลูกน้องไปแล้วว่ายาบ้าจะเลื่อนการส่งออกไปอีกแต่ได้เรียกประชุมอีกครั้งว่าให้เตรียมพร้อมเพราะยาบ้าจะส่งมาตามกำหนดเดิมพร้อมบอกถึงสาเหตุที่เลื่อนไปมาหลังจากที่มีลูกน้องได้ถามว่าเพราะอะไรซึ่งสาธิตบอกตามที่ได้สอบถามกำนันน้อม ในเรื่องที่กำนันจับตัวแฟนของหลานชายที่เป็นนักเคมีให้ไปตรวจสอบคุณภาพยาบ้าแทนคนที่ถูกยิง ซึ่งข้อมูลนี้ได้ถูกส่งให้ตำรวจทันที ทำให้ตำรวจตรวจสอบได้ว่า คนที่ถูกจับน่าจะเป็นฝน และพอตรวจสอบทั้งทางอินสตาแกรมและเฟซบุ๊กของพัดกับฝนทันที ทำให้รู้ว่าทั้งคู่นั้นไม่ได้มีความเคลื่อนไหวอะไรเลยตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่มาถึงเชียงราย ทั้งๆที่ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ขึ้นเครื่องบิน และตามสถานที่ท่องเที่ยวทั้งคู่ต่างโพสต์ภาพตลอด แล้วจู่ๆก็หายไปไม่มีการโพสต์ภาพอะไรอีกเลย และนี่เป็นอีกจุดหนึ่งที่กำนันน้อมพลาด เพราะเรื่องรถเช่าของพัด กำนันลืมนึกไปว่ารถเช่านั้นติดจีพีเอส แทบทุกคัน ทำให้ตำรวจตามรอยไปเจอเครื่องจีพีเอสของรถที่พัดเช่าได้ว่าจอดที่รีสอร์ท ซึ่งมันตรงกับข้อมูลที่บอกว่าฝนถูกจับตัวไปที่โกดังเพียงคนเดียว
จึงมีแผนการชิงตัวฝนที่โกดังซึ่งสามารถทำลายยาเสพติดได้จำนวนมากและมือขวาของกำนันน้อมได้ตายไปด้วยแถมได้พยานปากสำคัญที่ยอมกลับใจคือจิ๋ว และการขนยาเสพบ้าของกำนันน้อมนั้นเป็นอย่างที่เทพสังหรณ์ใจ ทางเจ้าหน้าที่จับตาดูอยู่ตลอดทุกเส้นทางที่ขนยาเสพติดเข้ามาตั้งแต่ที่ด่านและปล่อยผ่านให้มาถึงรีสอร์ท ก่อนที่จะทำการเข้าจับกุม โดยใช้หมายจับตัวเหน่งเป็นเรื่องบังหน้า ซึ่งระหว่างที่เข้าจับกุม เหน่งนั้นไม่ยอมให้จับและยิงสวนเจ้าหน้าที่ก่อนจึงถูกจับตาย พร้อมกับการเข้าไปช่วยพัดที่อยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น และการตรวจเจอเป้าหมายหลักคือยาบ้าพร้อมอาวุธสงคราม ก่อนที่จะมีการตรวจค้นกิจการอื่นๆของกำนันทั้งหมด ทำให้ยึดเอกสารที่สามารถสาวไปถึงตัวกำนันและ คำสารภาพที่ละเอียดของเทพ นั่นเป็นข้อมูลที่แคนได้อ่านในคืนนั้น และในวันต่อมาจากข้อมูลเรื่องสำคัญจากปากของจิ๋ว จนเป็นที่มาของการทำลายโรงงานซึ่งสามารถสังหารแกนนำคนสำคัญของพวกว้าแดงไปหลายคนด้วย และการตายของกำนันด้วยฝีมือแคน เรื่องทั้งหมดอาจไม่สำเร็จถ้าไม่ใช่ข้อมูลที่ได้จาก ร.ต.อ.ธงรบที่ถือว่าเป็นคนที่ปิดทองหลังพระอย่างแท้จริงที่ส่งข้อมูลสำคัญๆให้รองสุพจน์ได้อย่างทันท่วงที จนสามารถถอนรากถอนโคนอาณาจักรที่ผิดกฎหมายของกำนันน้อมได้ ในตอนนั้นแคนนั้นนึกขอบคุณเพื่อนอย่างมากที่ช่วยให้ข้อมูลที่สำคัญจนทำให้แคนนั้นล้างแค้นได้โดยที่ธงไม่รู้ตัว ส่วนเรื่องกำนันน้อมนั้นในระหว่างที่รอคอยให้แบล็กฮอว์คมารับ ทางนายดาบตำรวจได้ใช้กล้องส่องทางไกล ตรวจตราบริเวณจุดปะทะอีกครั้งก่อนจะบอกแคนดูไปที่ซากศพของกำน้อมที่นอนแน่นิ่งดำเป็นตอตะโกอยู่ข้างทางพร้อมบอกกับแคน
“มันคงจะรู้ก่อนที่มันจะตายนะครับหมวดว่ามันทรมานขนาดไหนที่โดนไฟครอกก่อนตาย แต่ก็สมกับกรรมที่มันก่อขึ้นผมพอจะรู้ว่ามันเคยสั่งฆ่าคนแบบเผานั่งยางโดยที่เหยื่อยังไม่ตาย”
“ยังไงมันก็ตายอยู่แล้วดาบ กระสุนที่ผมยิงขามันคงไปโดนเส้นเลือดใหญ่เลือดมันออกมาขนาดนั้น แต่ผมเลือกที่จะให้มันตายแบบนี้มันทรมานมากกว่า ในเมื่อที่ผ่านมากฎหมายทำอะไรมันไม่ได้ มันก็ต้องตายแบบนอกกฎหมาย แต่ดาบก็รู้ว่าต่อไปก็จะมีคนแบบไอ้น้อมเกิดขึ้นมาอีก โรงงานผลิตยาก็จะมีขึ้นมาอีก เราก็ต้องไปตามปราบอย่างไม่มีวันหมดสิ้น”
และตอนที่เฮลิคอปเตอร์โจมตีอาปาเช่ถล่มพวกว้าเพราะมันเป็นพื้นที่บริเวณที่กำนันถูกฆ่า ศพของกำนันคงเละไม่เป็นชิ้นดีถ้ามันรอดมาได้ก็ยอดมนุษย์แล้ว หลังจากที่เฮลิคอปเตอร์ทั้ง 3 ลำร่อนลงจอดที่ค่ายทหารในเชียงใหม่เพื่อเติมน้ำมัน ก่อนที่อาปาเช่ทั้ง 2 ลำจะบินกลับไปที่โคราช ส่วนทีมซีลทุกคนที่มาปฏิบัติงานในครั้งนี้รวมถึงอุปกรณ์ทั้งหมดจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์กลับไปที่สัตหีบ เพื่อขึ้นเครื่อง C-17 ที่มาจอดรออยู่เพื่อกลับสหรัฐทันที เพราะยังมีอีกหลายคนที่เข้าใจว่าหน่วยซีลชุดนี้กำลังฝึกกับหน่วยซีลไทยอยู่ที่สัตหีบ จึงให้ C-17 ที่บินมาส่งหน่วยซีลจอดที่สัตหีบตลอดเวลา แคนได้อำลาทีมซีลทุกคน จนมาถึง พ.จ.ท.จิมมี่ ซึ่งก่อนหน้านั้นได้ทักทายกับ นายดาบ ต.ช.ด. พอมาถึงแคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างออกไป ทั้งคู่ต่างสัมผัสมือกันก่อนที่บราโว่ 2 จะยื่นกล้องมองกลางคืนแบบ 4ตาให้แคน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มอบให้นายดาบไปแล้ว
“นี่ของที่ระลึกนะน้องขาย ผมมอบให้คุณกับนายตำรวจคนนั้นเอาไว้ใช้ ไม่ต้องห่วงอะไรนะ ผมจะแจ้งหายเอง”
ทำเอาแคนหัวเราะออกมาทันทีก่อนจะตอบ บราโว่ 2
“ขอบคุณมากจิม แล้วเจอกัน”
ทั้งคู่ต่างจับมือกันก่อนที่บราโว่ 2 จะเดินไปยังเฮลิคอปเตอร์ ส่วนบราโว่ 1นั้นได้ดึงแคนเข้ามากอด พร้อมส่งสิ่งของที่อยู่ในอุ้งมือให้แคน พอแคนเห็นทำเอาแคนนั้นพูดไม่ออก เพราะสิ่งที่ พ.จ.อ.โจนาธานให้นั้นคือ เครื่องหมายสามง่ามสีทอง(SEAL Trident) มันคือเครื่องหมายหมายที่ประดับอยู่บนอกเสื้อของเจ้าหน้าที่หน่วยซีล พร้อมกับบอกมาที่แคนว่า
“มันเหมาะสมกับคุณน้องชาย”
แคนได้แต่พยักหน้าด้วยความตื้นตันก่อนจะกล่าวลาบราโว่ 1 ส่วนนาวาโทเลย์ตันได้บอกกับแคนก่อนจะเดินไปที่เฮลิคอปเตอร์
“พีช ถ้าคุณเปลี่ยนใจบอกผมได้ทันทีนะ เพราะทางผบ.ของเรานั้นชื่นชอบคุณมาก”
ชื่อที่ นาวาโทเลย์ตันเรียกคือชื่อของแคนที่พวกฝรั่งเรียกกัน แคนได้แต่ยิ้มรับก่อนจะกล่าวลา หลังจากนั้น เฮลิคอปเตอร์แบบแบล็กฮอว์ค จำนวน 3 ลำได้ยกตัวขึ้นโดยจุดหมายอยู่ที่สัตหีบ หลังจากนั้นแคนกับนายดาบ ต.ช.ด.ได้เข้าไปรายงานด้วยวาจากับรองสุพจน์และรองพิชญ์ ซึ่งแคนรายงานสั้นๆเกี่ยวกับกำนันน้อมว่ากำนันได้ตายไปแล้ว และมันก็เหมือนตอนที่บอกว่าจิตนั้นตายไปแล้ว เพราะท่านรองทั้งสองท่านต่างก็ไม่สนใจว่ากำนันตายเพราะอะไร เพียงแต่รองสุพจน์ได้บอกปิดท้ายว่า
“ถึงครั้งนี้จะสำเร็จไปด้วยดี แต่ต่อไปข้างหน้าจะอีก 5 ปี 10 ปี ก็จะมีคนแบบไอ้น้อมเกิดขึ้นมาอีก เราก็ต้องปราบกันต่อไปแต่ถึงตอนนั้นผมคงไม่ไหวต้องฝากให้หมวดคอยจัดการต่อ”
ภายหลังจากนั้น เริ่มมีข่าวลือโดยเริ่มจากชายแดนฝั่งพม่าออกมาว่าโรงงานผลิตยาเสพติดขนาดใหญ่ของพวกว้าแดงนั้นถูกทำลายไปแล้ว ซึ่งทางรัฐบาลพม่านั้นปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ ตามด้วยข่าวลือการตายของกำนันน้อมที่ลือกันว่าตายคาโรงงาน ซึ่งทางไทยบอกเพียงแต่ว่ากำลังตามจับกำนันน้อมกับจิตและพวกที่หลบหนีอยู่ และไม่ทราบว่ากำนันตายจริงหรือไม่ และตามด้วยข่าวการมอบตัวของจิ๋วและเทพซึ่งทั้งคู่ต่างบอกนักข่าวเหมือนกันว่าจะให้การในชั้นศาล ซึ่งในความจริงนั้นทั้งคู่ต่างรู้ว่ากำนันน้อมนั้นได้ตายไปแล้ว สิ่งที่ยืนยันได้ว่ากำนันน้อมนั้นตายจริงคือบรรดาทนายหลายๆคนที่กำนันน้อมเคยจ้างมาเพื่อเตรียมว่าความสู้คดีให้พวกที่โดนจับนั้นต่างถอนตัวกันไปหมดทั้งสิ้น ทางตำรวจจึงออกข่าวทั้งสองติดต่อขอเข้ามอบตัว
ส่วนจิ๋วนั้นได้มีการจ้างทนายเข้ามาต่อสู้คดีซึ่งเธอยืนยันเหมือนเดิมว่าเธอจะขอต่อสู้ชั้นศาล เพราะมันเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เธอปลอดภัยเพราะไม่มีใครรู้ว่าในอนาคตจะมีลูกน้องของกำนันคนไหนมาแก้แค้นถ้าจิ๋วนั้นไม่ทำเป็นต่อสู้คดี ส่วนเรื่องที่เหลือจิ๋วนั้นบอกกับตำรวจว่าอยู่ที่ศาลจะตัดสินเธอยังไงส่วนตัวเธอนั้นตั้งใจว่าหลังจากพ้นโทษแล้วเธอยังพอจะมีทรัพย์สินที่เหลืออยู่ในการใช้ชีวิต และเธอจะไปถือศีล 8 ที่วัดป่าหรือสำนักสงฆ์ที่บ้านเกิดเธอตลอดชีวิต เพราะเธอรู้ดีว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าเกินพอต่อไปนี้เธอตั้งใจจะใช้ชีวิตอย่างสงบทั้งไม่ว่าจะเป็นในเรือนจำหรือภายนอก เหมือนกับเทพที่ปฏิเสธไม่ขอเป็นพยานเพราะเหตุผลเดียวกับจิ๋วทางตำรวจจึงพยายามทำสำนวนให้อ่อนที่สุดเพื่อเป็นการช่วยเหลือให้เทพติดคุกน้อยที่สุด ส่วนเมียคนอื่นของกำนันมีหลายคนที่ตำรวจกันไว้เป็นพยานเพราะไม่รู้จริงๆว่าพวกตนเองนั้นเป็นหุ่นเชิดในการบริการกิจของกำนันเช่นจีน่า ที่หวาดกลัวอย่างมากและร้องไห้ตลอดเวลาที่โดนสอบสวนเพราะเธอไม่รู้เรื่องจริงๆ แต่หลายคนนั้นถูกดำเนินคดีเหมือนกับรุ้งที่ถูกดำเนินคดีเป็นนายหน้าค้าประเวณี อาณาจักรของกำนันน้อมนั้นล่มสลายไปเป็นที่เรียบร้อย
ส่วนฝนกับพัดนั้นหลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อย พอกลับถึงกรุงเทพฝนได้ขอเลิกกับพัดทันทีเพราะเธอโทษว่าเรื่องที่ถูกจับตัวนั้นพัดเป็นต้นเหตุที่พาเธอไปพบป้าและทำให้กำนันน้อมนั้นรู้ว่าเธอทำงานอะไรจนถูกจับตัว ถึงฝนจะได้รับการบอกจากตำรวจว่ากำนันน้อมนั้นตายไปแล้ว แต่เธอก็ต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวงต่อไปทั้งชีวิต จนทำให้เธอเป็นโรคซึมเศร้า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอในช่วงนั้นมันมีผลกระทบกับเธอมาก ทั้งเรื่องถูกจับตัว เรื่องสัมพันธ์สวาทของเธอกับกำนันน้อมและจิ๋วซึ่งเธอยอมรับว่าสร้างความเสียวให้กับเธอได้อย่างดี เรื่องเสียงปืนเสียงระเบิดที่ได้ยิน และเรื่องเงินก้อนใหญ่ที่ได้รับแต่สูญสลายโดยที่เธอไม่มีโอกาสได้ใช้ มันสร้างผลกระทบกับสภาพจิตใจให้กับเธออย่างยิ่ง ส่วนพัดนั้นถึงจะไม่รู้เรื่องลึกๆของแฟนกับลุงแต่ก็สร้างความเสียใจที่ต้องเลิกกับจิ๋วและมีปัญหากับป้าของตนเองถึงป้าและบรรดาลูกๆของกำนันต่างพากันมาขอโทษหลังจากที่รู้เรื่องว่าพัดถูกจับตัวเพราะคำสั่งของกำนัน แต่มันก็ทำให้พัดไม่สนิทใจกับทางป้าอีกต่อไป ส่วนอดีตผู้ใหญ่โพธิ์ ตำรวจได้เชิญตัวไปสอบเพราะเคยทำงานร่วมกับกำนันมาก่อน ถึงแคนจะสงสารเมื่อเห็นสภาพของลุงโพธิ์ตอนที่ให้ปากคำ ที่แกไม่กล้าสู้หน้าใครรวมถึงแคนด้วยที่แกหลบตาตลอด และดูเหมือนหลังจากนี้ลุงโพธิ์คงจะใช้ชีวิตอย่างไม่เป็นสุข
ส่วนแคนนั้นหลังจากที่กลับมาถึงกรุงเทพได้ไม่กี่วัน แคนได้เป็นคนบรรยายสรุปให้กับนายกรัฐมนตรีและบรรดาผู้นำเหล่าทัพรวมถึงทูตสหรัฐ เกี่ยวกับปฏิบัติการในครั้งนี้ ซึ่งถือว่าเป็นการสนธิกำลังของทุกเหล่าทัพในการที่จะสนับสนุนทางสหรัฐตั้งแต่การลอบเข้าไปถ่ายรูปโรงงานจนถึงการทำลายโกดัง ที่ต้องใช้ F-16 บินล่อเครื่อง MIG-29 รวมถึงครั้งล่าสุดที่ทุกเหล่าทัพต่างเตรียมกำลังไว้สนับสนุน ซึ่งแคนนั้นได้รับคำชมอย่างมากจากบรรดาผู้ใหญ่โดยเฉพาะจากทูตสหรัฐ สำหรับความแค้นของแคนนั้นมันจบลงไปหมดแล้ว แคนได้กระทำการแก้แค้นได้อย่างสมใจถึงจะเป็นความลับที่ติดตัวแคนตลอดไป และหลังจากปีใหม่ไม่กี่วันแคนถูกเชิญไปที่สถานทูตสหรัฐ เพื่อรับมอบเหรียญเนวี่ครอสส์จากผู้ช่วยทูตทหารเรือสหรัฐ ที่ทางนาวาโทเลย์ตันและพันจ่าเอกโจนาธานได้ทำเรื่องขอให้กับแคน เพราะวีรกรรมของแคนตั้งแต่ที่อัฟกานิสถานจนมาถึงในพม่านั้นมันเหมาะอย่างยิ่งที่แคนจะได้รับการตอบแทนให้สมเกียรติกับสิ่งที่แคนทำมา จนมาวันนี้แคนถูกเรียกให้เข้ามาพบรองสุพจน์ที่ห้องทำงาน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ จาก ป.ป.ส.อีก2-3 คน ทุกคนมีแฟ้มเอกสารอยู่ตรงหน้า และรองสุพจน์ได้พูดขึ้น
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน