คุยกันก่อนอ่าน สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังไม่ได้เ็นเป็นสมาชิกเว็บอยากอ่านส่วนที่ซ่อนไว้ ในนั้นจะลงช้ากว่าที่เว็บนี้นะครับ
Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 29
ที่บ้านพักหลังคาเฟ่เกวลีแวะมาหาเจณิตาโดยไม่บอกล่วงหน้า หญิงสาวเข้ามาโดยไม่ผ่านตัวคาเฟ่เพราะเห็นว่าในร้านมีลูกค้าจึงไม่อยากรบกวน คิดว่าจะมานั่งรออยู่ที่บ้านก่อนเพราะแค่จะมาชวนไปทานมื้อเย็นด้วยกันเท่านั้น แต่เมื่อมาถึงประตูกับได้บินเสียงชายหญิงพูดคุยกันเสียงดังคล้ายกับกำลังมีปากเสียงกัน
หญิงสาวในชุดสูทสีน้ำตาลทะมัดทะแมงตามสไตล์สาวนักธุรกิจยืนขาแข็งหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม เมื่อได้ยินบทสนทนาของพ่อบังเกิดเกล้ากับเพื่อนรักของตัวเอง เนื้อใจความที่คนทั้งคู่คุยกัน บาดลึกเข้าไปในจิตใจราวกับถูกกรีดด้วยใบมีดที่ทั้งบางทั้งคม ซ้ำแล้วซ้ำอีกจนนับไม่ถ้วน
เกวลีที่ได้ยินเสียงโครมครามภายในบ้าน ด้วยความตกใจรีบวิ่งเข้าไปหลบที่กำแพงด้านข้างของบ้านใกล้กับต้นไม้ใหญ่ ดวงตาแดงที่มีสีแดงออ่นคล้ายกำลังจะร้องไห้มองร่างชายที่เดินออกมาจากบ้านด้วยความผิดหวัง เมื่อชายผู้ให้กำเนิดเธอเดินหายลับไป หญิงสาวก็ออกมาจากที่ซ่อน ในขณะที่เธอกำลังจะกลับออกไป เพื่อนรักของเธอก็เปิดประตูบ้านออกมา
“ปลา…” เจณิตายืนตัวแข็งหน้าซีด ไม่คิดว่าจะออกมาเจอเพื่อนรัก
“แกไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฉันไม่อยากฟัง” เกวลีโพล่งขึ้งมา แล้ววิ่งออกไปด้วยความเร็วที่เจ้าของบ้านตามไม่ทัร เมื่อขึ้นรถได้ก็ขับออกไปโดยไร้จุดหมาย
มารู้ตัวอีกทีก็ขับมาถึงจังหวัดติดทะเลที่อยู่ทางตอนล่างของภาคกลางเสียแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นความต้ังใจหรือความต้องการจากจิตใต้สำนึกที่พาเธอมายังสถานที่ที่พ่อของเธอเคยพามาเที่ยวในวัยเด็ก
แสงไฟสลัวมัวอากาศขมุกขมัวเสียงดนตรีบาดใจ เกวลีหลบเข้ามาพักใจอยู่ในผับหาเกาอี้ที่มุมเงียบมุมหนึ่ง เธอสั่งเครื่องดื่มแรงกว่าปกติ หวังว่าฤทธิ์จากเครื่องดื่มมึนเมาและความอึกอึกวุ่นวายช่วยกลบเรื่องราวชวนสับสนที่เกิดขึ้นในหัว พอเริ่มดึกแขกเที่ยวเริ่มหนาตา บรรยากาศเริ่มคึกคัก เครื่องเสียงชั้นดี นักร้องนักดนตรี ฝีมือฉกาจ เรียกความคึกคักกระชุมกระชวย แต่กับหญิงสาวที่อยู่ในมุมร้านเล็กๆ กลับไม่ช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นสักเท่าไหร่
เกวลีนั่งดื่มอยู่ได้ไม่นานยังไม่ทันที่แอลกอรฮอล์ยังไม่ทันได้ทำงานก็ตกเป็นเป้าสายตานักเที่ยววัยหนุ่มกลุ่มหนึ่งพอหันไปมอง พวกเขาชูแก้วทักทายโปรยรอยยิ้มทอดไมตรี หญิงสาวนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ไม่แน่ใจว่าจะอยู่กับตัวเองนั่งดื่มเครื่องดื่มฟังเพลง หรือว่าจะเปิดทางให้เพื่อนใหม่เข้ามาช่วยดึงความสนใจออกจากเรื่องที่คิดอยู่
ไม่นานผู้ชายกลุมนั้นก็ตัดสินใจแทน โดยส่งหนุมหน้าตาดีสุด ในกลุ่มมาเป็นสื่อเชื่อมสัมพันธ์
“มาคนเดียวหรือครับ” คําพูดเปิดประเด็น เหนือนนักเที่ยวชายทั่วๆ ไป
เกวลีพยักหนาเล็กๆ ปรายตามองแบบไม่ได้ใส่ใจมากนัก
“มาเที่ยวคนเดียวไม่เหงาบ้างเหรอ”
หญิงสาวไม่ตอบ แค่ยิ้มแลวจ้องเขาไปในดวงตาชายตรงหน้า นึกถึงชายหนุมอีกคน เขาอาจไม่ใช่หนุ่มหล่อสําอางเนี้ยบขนาดนี้ ที่สำคัญเขาไม่ค่อยมายุ่งมาตอแยกับเธอเสียด้วยซ้ำ แต่ในภาพชายคนนั้นที่เธอนึกถึงก็ยังมีภาพลางๆ ขอชายอีกคนที่ไม่รู้จักซ่อนทับอยู่อีกที
“ไปนั่งด้วยกันมั้ยครับ” ชายนักเที่ยวส่งเสียงนุ่มเชิญชวน
เกวลีคลึงแก้วในมือไม่ตอบคําถาม เธอกลับนึกเพื่อนรักที่เวลาไปเที่ยวด้วยกัน มักจะคอยช่วยกันชายแปลกหน้าออกจากเธอเป็นประจำ ยามนี้ปัญหาไมัได้อยูที่ไม่มีเพื่อนคอยดูแล แต่เป็นเธอที่ที่ไม่รู้จะจัดการความรู้สึกที่มีต่อเพื่อนคนนั้นอย่างไรดี
หนักเที่ยวหนุ่มเห็นหญิงสาวนิ่งไปนาน ก็นึกว่าคงจะแห้วเสียแล้ว ก็ถอยฉากเดินจากไปด้วยความผิหวัด แต่ไม่วายยังแอบเหลือบมองแล้วบ่นขึ้นมาเบาๆ “เล่นตัวหนักนะมึง นึกว่าสวยแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ”
……….……….……….……….……….
“ปัง!” เสียงดินปืนที่บรรจุเอาไว้ในปลอกกระสุนเกิดการเผาไหม้อย่างรวดเร็วจนเกิดการระเบิด ก่อนที่เสียงชนิดเดียวกันนั้นจะดังตามขึ้นมาอีกห้าครั้ง แล้วตามด้วยเสียงนกปืนสับตีลงมาที่จานท้ายกระสุนที่ถูกยิงออกไปแล้วอีกหลายครั้ง
ในสวนผลไม้ที่มีพื้นที่ส่วนหนึ่งถูกดัดแปลงไว้เป็นสนามยิงปืนแบบง่าย สำหรับให้พวกลูกน้องใช้ในการทำความคุ้นเคยกับอาวุธอันตราย เพื่อที่เวลาเกิดเหตุจำเป็นต้องใช้อาวุธชนิดนี้ขึ้นมาจะได้เกิดอาการตื่นเต้นจนทำให้การผิดพลาด
กำนันประเสริฐที่หลบมาระบายอารมณ์อยู่ที่นี่ได้เกือบชั่วโมง ขว้างปืนที่ยิงจนหมดลูกกระสุนแล้วลงพื้นอยย่างเกรี้ยวกราด แล้วพาร่างอวบบึกบึนเดินมานั่งนที่โต๊ะม้าหินอ่นแล้วยกแก้วเครื่องดื่มที่เต็มน้ำเมากรดกเทเข้าปาก แก้วใสทรงเตี้ยมีเพียงน้ำแข็งสองสามก้อนเหลืออยู่ลอยละลิ่ว ปลิวไปตามแรงแขนกระทบโคนต้นมะม่วงจนแตกกระจายเป็นเศษเล็กบ้างใหญ่บ้าง
“แม่งเอ้ย ไม่ได้ดั่งใจกูสักอย่าง ระยำ”
“เหล้าไม่อร่อยเหรอครับกำนัน ผมชงให้ใหม่นะครับ”
“เรื่องนี้เหล้าไม่เกี่ยว”
“แล้วเกี่ยวกับอะไรละครับ” ลูกน้องคนสนิทตีหน้าสงสัย
“กูไม่อยากพูด”
“เรื่องผู้หญิงสินะครับ” ลูกน้องคนสนิทรู้ได้โดยทันที่ บนโลกใบนี้มีเรื่องเดี๋ยวที่จอมอิทธิพลไม่ยอมปรึกษาใครก็คือเรื่องที่เขาเพิ่งจะพูดออกไป เพราะความทะนงตัวที่เป็นเสือผู้หญิงมาตั้งแต่วัยเริ่มมีขนขึ้นในที่ลับจนตอนนี้ขนนั่นอาจจะกำลังเปลี่ยนเป็นสีขาวแล้ว แล้วเรื่องนี้ก็มักจะเป็นเรื่องเดียวที่สร้างความชิบหายให้กับเจ้านายเขาได้ ซึ่งเขาก็เห็นเรื่องแบบนี้มาเป็นระยะๆ ตลอดชีวิตการทำงานรับใช้ใกล้ชิด จะดีขึ้นหน่อยก็ตรงที่ได้นายหญิคนสวยคนล่าสุดที่ทำให้เรื่องพวกนี้นั้นเพลาลงได้บ้าง แต่ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะอายุที่มากขึ้นด้วย
“กูไม่เข้าใจอยากได้อะไรกูก็หาให้ได้ทุกอย่าง แม่งจะเอาอะไรอีก”
“......” ไอ้รถถังจนใจไม่รู้จะพูดอะไร เพราะไม่ใช่เรื่องที่เจ้านายของเขาจะรับฟังอยู่แล้ว
“หรือว่า มีคนอื่นวะ” กำนันประเสริฐโพล่งออกมาหันไปมองหน้าลูกน้องคนสนิทเหมือนจะขอความเห็น
“ลองถามเด็กที่ร้านดูไหมครับ เราจ่ายเงินปิดปากมันไปตั้งเยอะ มันน่าจะตอบได้นะครับ”
ลูกคนสนิทออกความเห็นได้ถูกใจจนกำนันประเสริฐมีสีหน้าคลายความกังวลลงไปเล็กน้อย มืออวบหนารีบหยิบโทรศัพท์มือถือทำตามคำแนะนำทันที
……….……….……….……….……….
อดีตบ้านสวนยามค่ำคืนเงียบสงบลงหลังจากที่กลุ่มผู้อยู่อาศัยแยกย้ายกันเข้าไปใช่เวลาส่วนตัวหลังจากที่ออกไปจัดการเรื่องสำคัญตามคำขอของผู้ที่เป็นเหมือนหัวหน้าครอบครัว แต่ความเงียบสงบก็ดำรงอยู่ได้ไม่นานเมื่อหนุ่มร่างสูงเคลื่อนไหวเร่งรีบออกจากห้องจนเกิดเสียงดังโครมคราม
“อ๊อดจะไปไหนดึกๆ ดื่นๆ” เจษฎาออกจากห้องแล้วตะโกนถามไล่หลังตามร่างของอ๊อดที่วิ่งหน้าตั้งลงบันไดหน้าบ้านไป
“ผมไปธุระเดี๋ยวมา” อ๊ฮดตอบแบบรีบๆ ขนาดว่าไม่หันกลับไปมองผู้ถามด้วยซ้ำ
“ธุระอะไร สำคัญรึเปล่า ให้พี่ไปด้วยไหม”
“ไม่เป็นพี่” พูดจบชายร่างสูงก็ขึ้นไปนั่งบนรถ แล้วขับออกไปด้วยความเร็วชนิดที่หาดุได้ตามหนังแข่งรถเท่านั้น
“เฮ้ย...อ้าวไปซะแล้วอะไรจะรีบขนาด” เจษฎายืนงงไม่บ่อยครั้งที่อ๊อดจะไม่ตอบคำถามเขาด้วยความจริง แต่ครั้งกลับไปออกไปโดยไม่ได้ชี้แจงอะไรเลย
……….……….……….……….……….
ใต้ถุนสำนักอาคมอาจารย์เจษมีชาวบ้านหลายสิบมาชุมนุมพูดคุยโวกเวกโวยวายส่งเสียงดังตั้งแต่ยังไม่เคารพธงชาติ ท่าทีของชาวบ้านเร่งรีบเหมือนกำลังมีเรื่องทุกข์ร้อนต้องการความช่วยเหลือโดยด่วน
“จะปิดสำนักอีกแล้วเหรออาจารย์ สัปดาห์นี้สามวันแล้วนะครับ” ปิยะพงษ์ทำหน้าปั้นยากไม่รู้จะลงไปแก้ตัวยังไงกับชาวบ้าน เพราะแต่ละคนแสดงออกชัดเจนเลยว่าจะไม่ไปไหนถ้าไม่พบกับอาจารย์ผู้มีอาคมที่พวกเขานับถือศรัทธา
...จะให้เปิดได้ไงอ๊อดไม่อยู่… เจษคิดหนักเพราะคนสำคัญในการดำเนินงานของสำนักออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วยังไม่กลับ แถมยังติดต่อไม่ได้อีก
“ชาวบ้านเขาแห่มากันเต็มเลย น่าจะมีเรื่องร้ายแรง อาจารย์ก็ฟังเขาหน่อยเถอะ” ปิบะพงษ์พยายามตื้อเมื่อเห็นอาจารย์ของเขานิ่งเงียบอยู่นาน
ในที่สุดเจษฎาก็ต้องยอมเปิดสำนักให้ชาวบ้านเข้ามาร้องทุกข์อย่างช่วยไม่ได้ โดยหัวข้อทุกข์ชาวบ้านในวันนี้ก็ค่อยยังชั่วหน่อยที่ไม่ใช่เรื่องต้องใช้ความสามารถของอ๊อดในการช่วยเหลือ แต่กลับเป็นเรื่องประหลาดและไร้สาระจนเจษฎาแทบจะหลุดขำออกมากลางวงสนทนา
“นะครับอาจารย์ ช่วยพวกเราด้วย เสือสมิงมันอาละวาดหนักจริงๆ เมื่อสองคืนก่อนก็เล่นงานวัวที่คอกผม แผลงี้เหวอะเละเทะน่ากลัวมากเลย แล้วนี่ก็ไม่ใช่ตัวแรกด้วยนะครับ” ชายวัยกลางคนผู้เป็นเจ้าของวัวท่าทางเหมือนเป็นผู้นำของกลุ่มชาวบ้านยกมือไหว้ไปด้วยพูดไปด้วย มีสีหน้าจริงจัง แล้วตบท้ายด้วยการเปิดโทรศัพท์มือถือให้ดูภาพซากวัวที่ถูกเล่นงานให้อาจารย์ผู้มีอาคมได้ดู
“ผมก็ได้ยินข่าวนะอาจารย์ ครั้งก่อนๆ มันเล่นงานที่หมู่บ้านอื่น แต่คราวนี้มาที่หมู่บ้านเรา แสดงว่ามันไม่เกรงบารมีอาจารย์เลยนะ” ปิยะพงษ์เสริม
...ไอ้นี่หาเห่าใส่หัวกูซะแล้วไปไหมละ วัวยังเละขนาดนี้แล้วกูจะไปทำอะไรได้… เจษฎาบ่นอยู่ในใจ เมื่อเห็นสภาพวัวตัวเบ้อเร่อสภาพเหมือนถูกฉีกท้องจนไส้ทะลักออกมากอง และแผลเหวะหวะเต็มตัว
“ใช่ๆ อาจารย์อย่าไปยอมมัน มันลบหลู่อาจารย์ชัดๆ เลย” ชาวบ้านหลายคนพูดออกมาพร้อมๆ กันเหมือนนักร้องร้องประสานเสียง
“คือ…” เจษฎากลืนไม่เข้าคายไม่ออกไม่รู้จะทำยังไงดี
……….……….……….……….………
เกวลีงัวเงียตื่นขึ้นขยี้ท่ามกลางแสงสว่งจ้าจากแดดที่สาดเข้ามาห้อง สายตาเหลือบมองไปที่ผนังห้องดูไปที่นาฬิกาแขวนก็พบว่าเป็นเวลาสิบโมงกว่า ก่อนจะรู้สึกว่าร่างกายโล่งๆ เมื่อก้มลงมองก็พบตัวเองอยู่ในสภาพเปลื่อยกายล่อนจ้อนไม่ได้สวมเสื้อผ้า หันไปดูที่เตียงก็พบว่าสภาพผ้าปูที่นอนยับเยินยู่ยี่ บนพื้อนห้องมีเสื้อผ้าของเธอถอดทิ้งวางเกลื่อน ที่ห้องถัดออกไปบนโต๊รับแขกมีขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอร์วางอยู่เต็มโต๊ะ
สาวสวยร่างสูงโปร่งสำรวจเรือนร่างของตัวเองก็พบว่าปวดเมื่อยไปทั้งร่างเหมือนว่าก่อนนี้ไปใช้แรงออกกำลังกล้ามเนื้ออย่างหนัก มีรอยแดงตามตัว แต่นั้นยังไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่สุดเท่าที่เธอจะคิดได้ นิ้วเรียวสั่นเทาล้วงเข้าไปสัมผัสที่หว่างขา แล้วก็เป้นดังที่ที่เธอคาด ที่ของสงวนของเธอมีคราบแห้งเกรอะกรังที่เธอไม่อยากจะคิดแม้แต่นิดว่าก่อนหน้าที่มันจะแห้งนั้นมันคือน้ำอะไร
หญิงสาวมองสำรวจรอบห้องไม่พบว่ามีใครอื่นนอกจากเธอ เธอรีบเอาผ้าห่มห่อตัวแล้ววิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วปิดล็อคประตู ฝ่าชักโครกถูกหญิงสาวปิดลงแล้วใช้แทนเก้าอี้ ก่อนจะนั่งลงแล้วเค้นสมองนึกย้อนไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
……….……….……….……….………
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน