สวัสดีครับ สวัสดีพอดีไม่ได้ไปไหนครับ เลยนั่งเขียน
ไปๆมาๆครบตอนเฉยเลย ไหนๆแล้วก็ลงให้อ่านเลยดีกว่า
เพื่อจะมีใครนอนหลับด้วยความฟินกับความน่ารักของเจ้าหญิงน้ำแข็ง
ยินดีต้อนรับสมาชิกร้านเกะท่านใหม่ๆด้วย
แล้วก็ขอบคุณสำหรับลูกค้าผู้ที่มาเยี่ยมร้านเกะตั้งแต่ตอนที่ 1 จนถึงปัจจุบัน
รู้สึกขอบคุณมากๆเลยคร๊าบบบบบบ ขอบคุณทุกคอมเมนต์จริงๆครับ ผมอ่านทุกตอมเมนต์นะครับ สั้นยาวผมก็อ่านหมด
และขอบคุณทุก EDIT และแสดงความคิดเห็นเพิ่มหลังอ่านจบ มันเป็นกำลังใจอย่างดี
อย่างที่บอกครับกระทู้นี้ Free STYLE คอมเมนต์อะไรก็ได้ครับ เพื่อจะอ่านเนื้อหาที่ซ่อนไว้
ไม่จำเป็นต้อง EDIT ไม่ต้องกลัวผิดกฎใดๆ แต่ระวังกระทู้อื่นๆ หมวดอื่นๆด้วยนะครับ
เราต้องทำตามกฎของบอร์ดและกระทู้นั้นๆนะครับ เพราะเวลา MOD ลงดาบก็เด็ดขาดมา
★★★★★★★★★★★ปล. มิ้นต์ เจ้าหญิงน้ำแข็ง สายตาก็เย็นชา แต่ทำไมน่ารัก
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
★★★★★★★★★★★ปล.2 เอ่อ ผมจะเปิดให้โดเนท ผ่านทรูวอลเลต กันนะครับเพื่อสนับสนุนเล็กๆน้อยๆตามศรัทธาครับ
★★★★★★★★★★★ความเดิมตอนที่แล้วผมพามิ้นต์กลับมาที่ห้องครับ กลับมาเฉยๆเฮ้ย
เพราะมิ้นต์เธอไล่ให้ผมลงมานอนข้างล่างเตียงครับ
วันต่อมาผมก็พาเธอไปเที่ยวท้องฟ้าจำลองครับ
ซึ่งระหว่างนั้นเองพี่หมิวก็โทรมา โอเคผมรับสายครับ
แล้วก็ได้บอกไปว่าวันนี้ไม่ว่างนะ เพราะพามิ้นต์มาเที่ยว
พี่หมิวก็บอกอ้อๆไม่เป็นไร แต่ยังไงก็เตรียมตัวไว้ เพราะมีงานรออยู่
★★★★★★★★★★★ไดอารี่นายโทนตอนที่ 56
เดี๋ยว ๆ ๆ เจ๊หมิวหมายความว่าไงอ่ะบ้านผม ผมพูดออกมาจนมิ้นต์ตกใจ มิ้นต์แตะแขนผมแล้วบอกว่าใจเย็นๆอย่าพูดกับพี่หมิวแบบนั้นสิ่ ผมนี่หันควั่บเลยฮึ๊ !!! อะไรนะ นี่มิ้นต์กำลังบอกให้ผมอย่าดื้อกับพี่หมิวเหรอ
เดี๋ยวก่อนนะตั้งแต่ที่บอกว่าพี่หมิวเป็นคนโทรให้มาหาผมที่ห้องพักแล้วนะ สองคนนี่ยังไง เฮ้ยๆ ๆ เดี๋ยวๆเรื่องอื่นค่อยว่ากัน คุยกับพี่หมิวก่อน ผมถามไปอีกครั้งว่าทำไมต้องบ้านผมล่ะครับเจ๊หมิว พี่หมิวบอกว่าก็บ้านแกร่มรื่น แถมยังส่วนตัวด้วย
ผมก็พูดไปนะว่าเจ๊ คนระดับนั้นจะให้มาบ้านผมเนี่ยนะ นี่เจ๊คิดอะไรอยู่ถ้าเกิดเขาไม่ถูกใจอะไรขึ้นมาแล้วพาลไปถึงบริษัทจะทำไงอ่ะเจ๊หมิว เจ๊หมิวก็พูดสวนผมมาว่านี่ไปทำงานกับเขาเป็น 10 วัน นี่ยังไม่รู้จักนิสัยคุณเคย์เขาอีกเหรอ ผมก็เลยบอกไปว่า
เจ๊ครับ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้วคุณเคย์เขาเป็นคนแบบไหน ที่อารมณ์ดีเพราะบรรยากาศมันเป็นอย่างที่เขาชอบหรือเปล่าอันนี้ผมก็ไม่แน่ใจนะ เฮ้ยมันจริงๆนะเว้ยท่านผู้อ่าน บางคนพอได้เจอบรรยากาศที่ตัวเองชอบ อารมณ์ก็จะดีแบบดีใจหายเลย
แต่ถ้าเจอบรรยากาศที่ไม่ชอบเขาอาจจะกลายเป็นอีกตัวตนก็ได้บอกตามตรง พี่หมิวก็บอกนะว่าแต่ที่ที่ส่วนตัวก็นึกไม่ออกแล้วว่าจะไปที่ไหนดี ผมก็ถามว่าทำไมต้องส่วนตัวขนาดนั้นล่ะเจ๊หมิว คำตอบที่ผมได้รับกลับมาสั้นๆก็คือ
ก็เขาชอบแบบนี้
พี่หมิวยังพูดอีกว่าจริงๆแล้วนี่ก็เป็นความรับผิดชอบของโทนนะ ผมร้องฮ๊ะ !!! อะไรของเจ๊เนี่ย แล้วพี่หมิวก็บอกว่าเพราะผมดูแลคณะคุณเคย์ไงก็เลยต้องดูแลให้จบแล้ว
[ ผม ] : แต่งานมันจบไปแลเวนะครับเจ๊ที่เชียงใหม่อ่ะ
[ พี่หมิว ] : อื้มก็ได้ไม่ต้องก็ได้
อู๊ยย ผมอ่ะโคตรดีใจเลยที่พี่หมิวยอมเข้าใจผม พรุ่งนี้ผมจะได้นอนกอดมิ้นต์ทั้งวัน แต่มันก็เป็นแค่ฝันครับ เพราะพี่หมิวพูดมาว่า คำพูดของเจ๊มันคงไม่มีค่าพอเนอะตัวโต ถ้าคนที่พูดเป็นตัวเล็ก ตัวโตก็คงจะยอมทำตามหมด
แม่จ้าว !!! จบเลยแบบนี้ จบ คือเคยมั้ยครับแบบพอเจอคำพูดแค่คำเดียว คำว่าแพ้ ก็ลอยเข้ามาเต็มๆหน้าอ่ะ คือแบบอึ้ก !!! แล้วพี่หมิวก็พูดมาอีกว่า ตัวโตช่วยเจ๊หน่อยไม่ได้เหรอ หรือว่าต้องเป็นตัวเล็กคนเดียว ตัวโตถึงฟัง ผมนี่พูดได้คำเดียวเลยตอนนั้น
“ ครับ ได้ ครับ “
โอ้ยยยย ทำไมว๊า ทำไมพี่หมิวถึงวิวัฒนาการมาได้ไกลขนาดนี้เนี่ย การ์ดที่มีชื่อว่าตัวโตกับตัวเล็กที่พี่มีถืออยู่ พอหงายออกมามันทำให้ผมแพ้หมดหน้าตักเลย แล้วพี่หมิวก็ถามหามิ้นต์ผมก็ยื่นมือถือให้ มิ้นต์ก็รับไปแล้วพูดค่ะพี่หมิว ค่ะมาเที่ยวค่ะ
มิ้นต์ตอบค่ะ ค่ะ ค่ะ แล้ววางสายเลย ผมก็ถามนะว่าคุยอะไรกับเจ๊หมิว ซึ่งมิ้นต์ก็ตอบว่ายุ่งน่ะ โอยยย แต่ละคน แล้วตอนนั้นก็ได้เวลารอบแสดงครับ ผมก็พามิ้นต์เดินเข้าไปเลย เรานั่งหลังๆครับ เพราะอยากที่จะเห็นชัดๆ แต่เอาจริงๆมันก็ลำบากที่ต้องแหงนหน้ามองฝั่งเรา
เฮ้อ ไม่ได้มาตั้งนานเลยแฮะท้องฟ้าจำลอง แปลกมั้ยครับทั้งๆที่อยู่ไม่ไกลจากพระรามสามเลย ทั้งยังผ่านไปผ่านมาแต่ก็ไม่ได้เข้ามาเลย มันตลกดีนะชีวิตคนเรา คือจะพูดยังไงดี นี่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมมาดูดาวที่ท้องฟ้าจำลองหรอกครับ ตอนประถม โรงเรียนก็จัดทัศนศึกษาแล้วพามาที่นี่
แต่คุณรู้อะไรมั้ยที่เดิมๆ สิ่งๆเดิมๆ มันจะกลายเป็นคนละฟิลลิ่งเลยล่ะถ้าเราได้มากับใครสักคนที่มีผลต่อความรู้สึก เอาตรงๆไม่ต้องเป็นคนรักหรอก คนแปลกหน้า คนที่ไม่ชอบขี้หน้า คนที่พึ่งเจอกันโดยบังเอิญ แค่นี้มันก็ทำให้สิ่งเดิมๆไม่เหมือนเดิม
แล้วตอนนี้ข้างๆผมก็มีเจ้าหญิงน้ำแข็งผู้เย็นชานั่งอยู่ครับ ตั้งแต่เข้ามามืดๆมิ้นต์ก็จับมือผมแน่นตลอด อาจจะเพราะกลัวว่าจะโดนเตะขาเก้ากี้มั้ง เก้าอี้ที่นี่เป็นแบบเดียวกับเก้าอี้โรงหนังครับ เอาหลังมองได้สบายๆเลย ซึ่งระหว่างที่รอให้คนเข้ามาจนครบ เราก็คุยกันนะ
ผมถามว่าทำไมต้องซ้อมดูดาวล่ะ มิ้นต์ก็บอกว่าก็อยากมา ผมก็จ้าๆ แต่ของจริงจะสวยกว่าในนี้มากเลยนะ มิ้นต์ถามจริงเหรอ แล้วแบบเคยป่ะแม้เห็นไม่ชัดแต่รู้ได้เลยว่ามิ้นต์หน้าตาเธอดีใจมาก คือต้องบอกก่อนว่าไฟในนั้นสลัวๆครับ มองเห็นหน้ามิ้นต์ไม่ชัดแต่ก็รู้ได้เลย
ผมบอกมิ้นต์ว่าของจริงสวยกว่านี้นะ ถึงจะไม่ได้เห็นว่าตรงไหนเป็นดาวอะไร ราศีอะไร แต่แค่มองก็ยิ้มไม่หุบแล้ว มิ้นต์ถามผมว่าเคยไปดูดาวบ่อยๆเหรอ ผมบอกว่าก็ไม่บ่อยหรอก แต่จำได้เพราะตอนที่ไปเข้าค่ายที่เขาชนไก่ ตอนที่เข้าฐานฝึกตอนกลางคืนบนเขา
เราจะเห็นดาวชัดมากเลย แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้ชื่นชมอะไรมากหรอกเพราะต้องเข้าฐานฝึก มิ้นต์ถามผมนะว่าฝึกอะไรเหรอในป่า ผมก็บอกว่าอืมม ก็มีเข้าฐานฝึกต่างๆ เข้าโจมตีฐานตอนกลางคืน แล้วต้องนอนในป่าด้วย มิ้นต์ถามฮ๊ะ !!! นอนในป่า นอนยังไงอ่ะ
ผมก็บอกไปว่าก็กางเต๊นต์นอนแหละเต๊นต์สามเหลี่ยมนอนเบียดกันสองคน ผมก็พูดกันไม่ได้ดังมากนะ แล้วมิ้นต์ก็พูดว่า ชิร์ แค่ไปเรียน ร.ด. พูดเหมือนเคยไปดูดาวหลายที่ ผมก็บีบจมูกเจ้าหญิงน้ำแข็งเบาๆ แล้วบอกว่า ระยะทางจากบ้านป้าพี่ไปมอหินขาว พอๆกับนั่งรถจากที่นี่ไปคอนโดแก้มเองนะ
แล้วไม่คิดเหรอว่าเวลาพี่ไปบ้านป้าพี่จะไม่ไปมอหินขาวเลย มิ้นต์บอกปล่อยจมูกจิ่มิ้นต์เจ็บนะ ผมก็ปล่อยแล้วบอกว่าพี่ไม่ได้บีบแรงอะไรขนาดนั้นนะ มิ้นต์บอกก็เจ็บ เจ็บเข้าใจป่ะ ผมก็โอ๋ ๆ ลูบหัวเธอเบาๆ จับจมูกเธอทีนึงแล้วบอกว่า แน่ใจนะว่าจะไม่ไปที่อื่น
ถ้าไปบ้านป้าพี่นี่คือกลายเป็นชาวบ้านเลยนะ อยู่บนเขาแถมกว่าจะออกมาข้างนอกก็นั่งรถเป็นครึ่งชั่วโมง มิ้นต์บอกว่าจะไปแบบนั้นอ่ะทำไมไม่ให้ไปเหรอ ผมบอกว่าก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ คราวนี้มิ้นต์หยิกผมคืนแล้วหยิกแรงกว่าเดิมด้วย ฮึ่มม ร้ายกาจมาก
แล้วสักพักการฉายก็เริ่มขึ้นแสงไฟก็มืดดับลงเสียงบรรยายก็เริ่มขึ้น ภาพดวงดาวต่างๆก็ถูกฉายขึ้นมา จักรศีทั้ง 12 รวมถึงกลุ่มดาวใหญ่ๆก็ถูกฉายภาพขึ้นมา ผมว่ามันเป็นอะไรที่มหัศจรรย์นะ ที่เครื่องจักรและโดมทรงกลม สามารถทำให้เรามองเห็นอะไรที่งดงามขนาดนี้
คือทุกๆที่ก็มีดวงดาวแหละครับ แต่ในเมืองกรุงหรือในเมืองใหญ่ๆ แสงไฟมันสว่างเกินไปที่จะมองเห็นดวงดาว คนต่างจังหวัดโชคดีกว่าคนกรุงเทพเย๊อะ อากาศก็ดีกว่า ธรรมชาติก็สมบูรณ์กว่า อ่ะกลับมาต่อครับ ดวงดาวต่างๆก็ยังถูกฉายมาเรื่อยๆ
อย่างที่บอกว่าผมก็มีดูหลายครั้งแล้ว ก็พอจะจำได้ว่าอ้อต่อไป โอไรออน ต่อไปดาวเพกาซัส ต่อไปดาวM79 อันนี้ไม่ใช่ละ ตลอดเวลาที่นั่งดูคือมิ้นต์จะกอดแขนผมไว้ตลอดนะแล้วก็ซุกไหล่ดูตลอด มิ้นต์ถามผมว่าถ้าไปมอหินขาวจะได้เห็นแบบนี้มั้ย
ผมก็บอกมิ้นต์นะว่า ดาวน่ะได้เห็นแน่ๆ แต่ก็อาจจะไม่รู้ว่ากลุ่มดาวไหนคือตรงไหน คือบอกตามตรงนะผมไม่มีความรู้ด้านดวงดาวหรือดาราศาสตร์ซักกะนิด จะให้มาชี้บอกนั่นไงดาวนั้น นี่ไงดาวนี้บอกตามตรงมันคงจะเกินความสามารถ ดาวเดียวที่รู้จักคือ เพกาซัสสส หมัดดาวตก !!! เฮ้อ อันนี้ก็ไม่ใช่แล้ว
อ่ะกลับมาต่อครับ มิ้นต์บอกว่าก็แค่อยากดูดาวไม่อยากอยากจะดูนี่ว่าดาวไหนเรียกว่าอะไร ผมก็เลยลูบหัวของเธอแล้วบอกว่างั้นก็คงได้ดูทั้งคืนเลยล่ะ มิ้นต์บอกอื้อๆแล้วก็เงียบดูดาวต่อไป ผมชอบอย่างนึงนะคือพอการแสดงเริ่มจะจบ เขาจะมีฉายประมาณว่าเริ่มจะเช้า
ขอบโดมฝั่งตะวันออกก็จะเสมือนทิศตะวันออกดวงตะวันจะค่อยๆขึ้นจากตรงนั้น แล้วก็ค่อยๆสว่าง สว่าง สว่าง จนกระทั่งการแสดงดวงดาวจบลง ผมกับมิ้นต์ก็พากันเดินออกมาข้างนอก ตอนนั้นผมถามมิ้นต์นะว่าแล้วเราจะไปกางเตนต์กันมั้ย มิ้นต์มองหน้าแล้วพูดว่า
มิ้นต์ไปนอนตรงพื้นโล่งๆก็ได้ถ้าพี่ไม่กลางเต๊นต์อ่ะ อื้อหือ !!! กำหมัดเลยคร๊าบบบบ ผมก็บอกจ้าๆ สงสัยต้องหาซื้อเต๊นต์แล้วล่ะ มิ้นต์ก็ถามนะว่าแพงมั้ยถ้าแพงไม่ต้องซื้อ ผมก็บอกว่ามันก็น่าจะราคาประมาณนึงแหละ แต่มันก็ดีกว่าไปเช่า ถ้าเราซื้อมันก็จะเอาไว้ใช้ได้หลายครั้ง
มิ้นต์ก็อื้อไปซื้อด้วย แล้วจะไปซื้อที่ไหน คือต้องบอกท่านผู้อ่านก่อนนะครับว่าสมัยนั้นไม่มีเวปช็อปปิ้งเหมือนสมัยนี้ หรือ ไม่ก็เพราะผมไม่ใช่พวกที่ชอบช็อปปิ้งออนไลน์เลยไม่ค่อยรู้จัก แหล่งขายเต๊นต์เดียวที่ผมรู้จักก็คือ หลังกระทรวงกลาโหมครับ ก็เป็นที่ที่ไปเดินซื้อของสำหรับเข้าค่ายเขาชนไก่นั่นแหละ
คือในห้างมันก็มีแหละ แต่ผมว่ามันแพงไปหน่อยอ่ะ แต่ถ้าถึงเวลาจริงๆแล้วหลังกระทรวงไม่มีเต๊นท์ที่เหมาะกับความต้องการ ผมก็คงต้องไปซื้อในห้างแหละ ผมถามมิ้นต์นะว่าจะไปไหนต่อมั้ย มิ้นต์ก็บอกหิวข้าว..... โอเคเลยครับ ผมก็หิว
ตอนนั้นผมถามมิ้นต์ว่าอยากกินอะไรไหม แต่เจ้าหญิงน้ำแข็งก็บอกให้ผมเลือกหน่อย เพราะวันนี้เธอได้เที่ยวแล้วที่เหลือตามใจผม อ๊ายยยย น่าร๊ากคนอะไรน่ารักแบบนี้น๊อ ใช่ไหมครับ I P F
ผมก็ถามมิ้นต์นะว่างั้นอืมมม ไปยาโยอิได้มั้ย มิ้นต์บอกอื้มตามใจ ก็นั่นแหละครับเราก็นั่งรถกลับไปที่เซ็นทรัลพระราม 3 ผมได้เงินจากการทำงานที่เชียงใหม่มาจำนวนนึงทำให้การจ่ายมื้ออาหารที่อาจจะราวๆ 300-400 บาทนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลนัก
ซึ่งแน่นอนครับ เมนูเดียว เมนูโปรดของนายโทนคือ คัสสึโทจิ แบบเซ็ท แล้วเปลี่ยนจากข้าวขาวเป็นข้าวกระเทียม อื้ออ โออิชี่ ส่วนมิ้นต์เธอก็สั่งรู้สึกจะเป็นหมูกระทะร้อนมั้งครับ ตอนสั่งผมไม่ต้องดูเมนูเลยนะ มาถึงก็บอกพนักงาน ขอคัสสึโทจิ 1 เซ็ทครับ เปลี่ยนข้าวขาวเป็นข้าวกระเทียม ชาเขียวรีฟิล
เฮ้อ ผมคิดถึงร้านยาโยอิสมัยก่อนจังครับ มีพริก มีโชยุ มีอะไรๆ ให้ตักได้ตามสะดวก แต่พอมีวิกฤตโควิดมาแบบนี้ ทำให้พวกเครื่องปรุงนี้ถูกเก็บไปหมดเลย เวลาอยากได้ก็ต้องสั่งบางทีก็เกรงใจพนักงาน เพราะเวลาผมชอบกินแปลกๆคือเอาพริกมาโรยหน้าข้าวไว้ก่อน
แล้วก็จะต้องใช้จายอีกจานมาคีปหมูคัสสึจิออกไปพักไว้ เพราะถ้าเอาแช่น้ำไว้นานๆมันจะไม่อร่อย อันนี้ในความคิดผมนะ อ่ะกลับมาต่อครับ เราก็นั่งกินไปคุยกันไปนะ มิ้นต์ก็บ่นๆว่าพี่โทนเคี้ยวนานๆหน่อยดิ่ มันจะได้ย่อยง่ายๆ เดี๋ยวก็ปวดท้องอีก
อ่ะจ้าโดนบ่น บ่นเป็นแม่เลยวุ๊ย ผมก็ค่อยๆกินค่อยๆเคี้ยวไปนะ อร่อยวุ๊ย รสชาติเหมือนเดิมเลย หลังจากที่กินอะไรกันเสร็จหมดแล้ว ผมก็ถามว่าจะไปไหนต่อมั้ย . . . มิ้นต์ถามนะว่าแล้วพี่หมิวโทรมาเรื่องงาน ไม่รีบไปจะดีเหรอ
ผมก็บอกนะว่าช่างเถอะวันนี้พี่บอกจะพามิ้นต์เที่ยว เรื่องอื่นช่างเถอะ มิ้นต์ก็แอบยิ้มๆครับ แต่เธอก็บอกว่า ไม่ได้ดีใจหรอก อ่ะจ้ะไม่ได้ดีใจเลย เนี่ยดูดิ่ตอนนี้ยังน่ารักขนาดนี้ แล้วตอนไปชัยภูมิ คูณ10 ไปเลยคร๊าบบบบบ
อ่ะกลับมาต่อ พูดก็พูดนะห้างสมัยนี้เปลี่ยนไปมากจริงๆครับ ผมหมายถึงห้างอื่นๆด้วยนะ สมัยก่อนบางห้างจะมีรางรถทามิย่า มาให้ประลองความเร็ว มีร้านหนังสือการ์ตูนมากมาย ร้านเกมส์ ร้านขายแผ่นหนัง แต่พออะไรเปลี่ยนไป วัยคนเริ่มมากขึ้น
สิ่งที่มาทดแทนก็เป็นสถาบันเสริมความงาม คือไม่ได้บอกว่าผิดนะ ที่จะบอกคือโลกของเรามันหมุนไปเร็วจริงๆครับ แล้วธุรกิจต่างๆก็ต้องปรับตัวให้ทัน ผมพากันเดินเล่นจนมิ้นต์มาหยุดที่ร้านขายขนมร้านนึงเป็นร้านเธอบอกรอแปปนะมิ้นต์อยากกิน
แต่ถามว่ารอมั้ยก็ไม่รอครับเดินไปด้วยนั่นแหละ ร้านนี้เป็นร้านขนมแบรนด์ต่างประเทศครับ ขนมของเขาพันๆม้วนๆ เป็นเอกลักษณ์มาก ยี่ห้ออ่ะไรนะ อ่ามมม อ่ามมม เอ้อช่างเถอะ แต่สิ่งที่มิ้นต์ไม่รู้คือผมก็ชอบขนมร้านนี้เหมือนกัน มิ้นต์ก็บอกผมนะว่าไปนั่งรอสิ่มายืนทำไม
ผมก็บอกว่าอยากกินเหมือนกัน ผมก็สั่งไปเลยครับอัลมอนด์ 1 น้ำเลมอนเนท 1 มิ้นต์หันมาบ่นผมเลยว่าทำไมมาสั่งตัดหน้าเนี่ย ผมก็เลยบอกว่าเอ๋าช้าเอง มิ้นต์ก็เลยขอ ออริจินอล 1 น้ำเลมอนเนท 1 ครับ ขอชีสดิ๊ปด้วย ขออวยนิดนึงเถอะ ขนมแบรนด์นี้
ผมชอบรสชาติมันนะ ยิ่งถ้าได้กินตอนร้อนๆนี่หู้ยยย Very Good เพราะงั้นหลังจากสั่งมาแล้ว เราก็นั่งกินกันเลย มิ้นต์ดูชอบมากๆเลยนะ กินไปยิ้มไปก้มมองขนมไป ผมก็กินของผมไปแหละ มิ้นต์เธอมองหน้าผมแล้วบอกขี้ก๊อบ ผมก็ฮึ๊อะไรเนี่ย มิ้นต์บอกผมสั่งตามเธอ
ผมก็บอกอารายยย พี่สั่งก่อนนะ มิ้นต์นั่นแหละเลียนแบบพี่ มิ้นต์มองหน้าตาแข็งเลยแล้วบอกพี่แซงคิว ผมก็ทำหน้ากวนตีนเบาๆแล้วบอกกินเถอะ ๆ ๆเดี๋ยวจะเย็นก่อน มิ้นต์ก็หันมาแล้วยกนาฬิกามาแล้วบอกว่า นี่ไงเย็นแล้ว 4 โมงแล้ว
เอ่อ.... ใครไปสั่งไปสอนให้เล่นมุขนี้กันฟะ ผมนั่งหน้านิ่งเลยตอนนั้น มิ้นต์บอกเอ้อไม่เล่นก็ได้เห็นทำหน้าเครียดหรอก ผมก็โอ๋ ๆ ๆ ก็ไม่คิดว่ามิ้นต์จะเล่นแบบนี้นี่นา มิ้นต์ก็เชอะแล้วกินต่อ เฮ้ออออ นี่ตกลงเธอเป็นคนยังไงกันแน่เนี่ยหืม แต่ที่รู้ๆเลยคือ เป็นคนน่ารัก
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน