เห็นปล่อยของกันตูมๆไอ้เราก็แต่งได้ทีละนิดๆ อืมมมม....ไหนๆก็ไหน...เปิดประเด็นสักเรื่องทิ้งไว้แล้วกัน แต่ยังไม่ได้อ่านเต็มๆกันตอนนี้หรอก น่าจะอีกหลายวัน หรืออาจจะ หลายอาทิตย์ เพราะตัวผมมีเวลาน้อย ทำงานบ่ายสาม เลิก23:00 กว่าจะนอนบางทีก็ตี1-2 ตื่นอีกทีก็เกือบเที่ยงหรือบ่าย แต่ก็ 🙏🙏🙏🙏🙏ขอบคุณ ทุกๆท่านที่ติดตามสนับสนุบขอรับ
ในช่วงที่บ้านเมืองเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจทั้งประเทศย่ำแย่ ทำให้การเงินของคนเกือบทั้งประเทศติดลบ จนหลายๆองกรณ์เริ่มมีการแบ่งชนชั้นเพียงเพราะอำนาจของเงินที่จะช่วยให้อยู่รอดต่อไป แม้ว่าจะอยู่ในช่วงที่การเงินทั้งประเทศติดขัด แต่การที่หลายองกรณ์จเลือกที่จะใส่ใจเฉพาะผู้ที่มีอำนาจและเงินตราก่อนนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะในยุคที่ทุกอย่างย่ำแย่สิ่งที่ดีที่สุดคือการที่จะทำยังไงถึงจะอยู่รอดต่อไปได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งสถานศึกษาอย่างมหาลัย! ที่บันดาลูกท่านๆผู้มีเงินมีอำนาจทั้งหลายต่างได้รับอภิสิทธิ์พิเศษ ที่สามารถออกกฏความคุมเหล่านักศึกษาด้วยกันได้ และสิ่งนึงที่เกิดขึ้นมาหลังบันดาลูกผู้มีอำนาจได้รับสิทธิ์พิเศษคือ การรับน้องที่แทบจะไม่มีกฏข้อห้ามที่บันดาลูกๆผู้มีอำนาจสามารถเลือกที่จะกำหนดได้ว่าจะเป็นอะไรฯ
ณ.มหาลัยแห่งนึงที่ช่วงนี้เป็นช่วงเปิดรับนักศึกษาใหม่เข้ามา ที่ทางเดินหน้าอาคารๆนึงบรรดาครูและเหล่านักศึกษาชายไม่ว่าจะปีไหนๆ ต่างก็พากันยืนมองไปทางเดียวกัน สายตาทุกๆคู่ได้จับจ่องไปที่หญิงสาวคนนึง ที่วันนี้เธอนั้นได้เข้ามาสมัคเป็นนักศึกษาใหม่
เธอคนนั้นชื่อว่า จิว สาวสวยหน้าเรียวเล็ก ปากกระจับชมพูอ่อน ผมสีดำน้ำตาลตัดกับผิวสีขาวนวลอมชมพูสว่าง ตัวเล็ก สูงแค่160 แต่ทรวดทรงของร่างกายกลับไม่ได้เล็กตามตัวเลย ด้วยท่อนบนที่เธอได้จากแม่มาถึง36c หลายๆคนคงบอกว่า 36 เป็นขนาดที่ไม่ใหญ่มาก แต่ด้วยความที่เธอเป็นคนตัวเล็กผอมบาง จึงทำให้ขนาด36สำหรับเธอนั้นเป็นหน้าอกที่มีขนาดใหญ่พอสมควร

จิว เป็นสาวซื่อๆเรียบร้อย ขี้เล่น เธอเรียนเก่งพอประมานและเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของบ้าน เป็นดั่งแก้วแหวนดวงใจและเป็นความหวังของครอบครัว!
จิว เป็นหญิงสาววัย23ที่พึ่งจะยื่นชื่อเข้าเรียนปีหนึ่งที่มหาลัยแห่งหนึ่ง ด้วยความที่ตอนเรียนจบมอปลายครอบครัวเธอได้เป็นหนึ่งในผู้ที่ประสบปัญหาด้านการเงินถึงขั้นที่เกือบจะติดลบ เธอจึงต้องใช้เวลากว่า3-4ปีคอยทำงานช่วยครอบครัวให้พ้นยุคย่ำแย่ จนเมื่อทุกๆอย่างค่อยๆเริ่มดีขึ้น จิวถึงได้มีโอกาสกลับมาเรียนต่อ พร้อมกับแฟนหนุ่มของเธอที่ชื่อ ที เธอกับที คบกันมาตั่งแต่เรียนอยู่ ม.3 เป็นรักแรกของกันและกัน โดยที่ทางแม่ของจิวและครอบครัวของทีก็เห็นดีเห็นงามให้ทั้งสองคบกัน แต่สิ่งนึงที่ฝั่งผู้ใหญ่ขอคือการที่ที'อย่าทำให้จิวท้องก่อนเรียนจบ และทีก็เป็นคนดีรักษาสัญญาโดยตลอดระยะเวลาตั้งแต่คบกับจิวตอนม.3 ทีก็ไม่เคยล้วงเกินจิวเลยสักครั้งเดียว และทั้งคู่ก็อยู่ด้วยกันฉันคนรักโดยไม่มีปัญหามาแผ้วพาลให้เคืองใจ จนเมื่อเรียนจบมอปลายจิวก็ยอมให้ทีร่วมรักด้วยความยินยอม ด้านทีก็เป็นสุภาพบุรุษรักษาสัญญาแม้ว่าช่วงนั้นทั้งสองคนจะไม่รู้ว่าจะได้เรียนต่อมหาลัยหรือไม่ แต่ทีก็มักจะใส่ถุงยางทุกครั้งที่มีอะไรกับจิว และนอกจากนี้ทียังเป็นสุภาพบุรุษกับทุกคนรอบข้าง เขาเป็นคนซื่อสัตย์จิตใจดี นั้นจึงเป็นหนึ่งในหลายเหตุผลที่ทำให้จิวหลงรักที ถึงแม้ว่าหน้าตาของทีนั้นไม่ได้หล่อเหลาอะไรมากมายก็ตาม
"เฮ้ย....นั้นเด็กใหม่หรอวะ...
เสียงจากชายคนนึงที่ยืนมองจิวอยู่หน้าห้องๆหนึ่งที่เอ่ยถามเพื่อน ก่อนที่เพื่อนของชายคนนั้นที่ยืนอยู่ข้างๆจะเอ่ยกล่าวตอบกลับ!
"อืมม...ดูทรงผมว่าใช่...พี่ดูผู้หญิงสิ...แม้งหุ่นดีฉิบหาย...
เสียงตอบจากเพื่อนชายคนที่ถูกถาม ก่อนที่ชายคนนั้นจะเอ่ยบอกให้เพื่อนคนที่ถามมองมายังสาวสวยในชุดนักศึกษาหรือจิวที่เดินมากับที
"เออ...ทั้งนมทั้งเอว...แม่พันธุ์ชั้นดีเลยวะ..
เสียงเอ่ยตอบของชายที่เอ่ยถามในทีแรก ก่อนจะเอ่ยวิจารณ์ตัวของจิวหลังจ่องมองดูจิวตามที่เพื่อนบอก
ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นแค่วันที่เธอมายื่นชื่อเข้าเรียน แต่ด้วยข้อบังคับให้ใส่ชุดนักศึกษามา จิวจึงต้องใส่ชุดนักศึกษาไซส์mตามขนาดตัวเธอ แต่ด้วยหน้าอกที่ใหญ่เกินกว่าตัว มันจึงทำให้เสื้อของเธอปริจนเหมือนว่ากระดุมสักเม็ดจะหลุดกระเด็นออกมาเป็นแน่ และการที่เธอไม่ได้ใส่เสื้อซับในมาด้วย มันจึงทำให้ชุดชั้นในของเธอนั้นดันเสื้อออกมาเป็นเห็นเคล้าโครรูปร่างและสีลางๆ จนบรรดาหนุ่มๆทั้งหลายต่างจ่องตาเป็นมัน ส่วนกระโปรงของเธอที่ใส่มาก็ดันมีแค่ทรงA สั้นเลยเข่าขึ้นมานิดเดียว จิวรีบเร่งเดินไปให้ถึงห้องรับสมัคไวๆเพราะเริ่มรู้สึกไม่ไหวกับทุกๆสายตาที่ต่างจ่องมองมาที่เธอ จิวจึงก้มหน้ายื่นมือไปจับแขนของทีแล้วรีบจ้ำเท้าเดินโดยเอาเอกสารขึ้นมาถือกอดปิดหน้าอกเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น!
"อืมมม...รีบไปไหนครับ...น้อง...
ที่จากชายคนนึงที่เอ่ยขึ้นหลังจากที่จิวและทีได้เดินมาถึงตรงที่เขายืนอยู่ จนทำให้จิวและทีต้องหันมองไปยังชายคนนั้น ก่อนจะพบว่าเป็นนักศึกษาที่ยื่นอยู่ข้างบอร์ดรายชื่อผู้สนับสนุนด้านการเงินของมหาลัย เป็นชายตัวสูงผิวคล้ำน้ำตาลแดง หน้าตาดูโหดๆอย่างกะกรรมกรก่อสร้าง ในขณะนั้นชายคนดังกล่าวที่เอ่ยถามก็ใช้สายตามองสแกนตัวของจิว ตั่งแต่เท้าขึ้นมาที่ขาและไล่ขึ้นมาที่หน้าอกอย่างช้าๆก่อนจะขึ้นมามองหน้าของจิว!
"ไปห้องรับสมัคนักศึกษา...ครับ
เสียงที'ที่ยืนอยู่ข้างๆจิวเป็นคนตอบกลับชายคนดัั่งกล่าว ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะ ยื่นมือมาทางจิวพร้อมกับเอ่ยกล่าวขอดูเอกสารที่จิวถือกอดด้วยแขนข้างนึงปิดหน้าอกไว้อยู่
"อืมม...ไหน...พี่ขอดูเอกสารน้องคนนี้หน่อย...
จิว'มองจ่องหน้าของชายคนดั่งกล่าว หลังจากที่เขาได้เอ่ยขอดูเอกสาร และในตอนนี้เองที่สายตาของเธอได้แว๊บไปเห็นรูปภาพที่ติดอยู่ในบอร์ดรายชื่อซึ่งคล้ายกับชายที่ยืนพูดกับเธอตรงหน้า และทันใดนั้นเองก็มีเสียงจากชายอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของชายคนที่เอ่ยถามจิวพูดขึ้นมา!
"เอา...ได้ยินไหมน่ะ..น้อง...รู้ไหมว่าคนที่ขอน้องดูเอกสารเป็นไครน่ะ...นี่พี่อัด...พี่ปี4ตำแหน่งผู้สนับสนุนสูงสุดของมหาลัยนะ....พี่เขาขอดูก็ให้เขาสิ...
เสียงกล่าวบอกจากชายที่ยืนอยู่ข้างหลังชายตัวสูงพร้อมกับการเดินมาชี้ให้จิวดูภาพที่บอร์ดรายชื่อ
"เฮ๊ยย...ไม..มึง..ไปพูดกับน้องเขาอย่างนั้นวะ...ไอ้ต่อ...
เสียงเอ่ยกล่าวพรางดุ'ออกจากปากของชายที่ชื่ออัด พร้อมกับการหันหน้าไปเอ่ยดึชายที่ชื่อต่อ ที่พึ่งจะอวดโอ้ฐานะไปของตนไปตะกี้
"ขอโทษครับพี่....
เมื่อโดนอัดที่ดูเหมือนจะเป็นลูกพี่ดุ เจ้าต่อก็ก้มหน้าหลบ'พร้อมกับถอยไปยืนข้างหลัง แน่นอนว่าเพราะเจ้าคนที่ชื่ออัดนั้นเรียนอยู่ปี4ชั้นเดียวกับเจ้าต่อ แต่อายุอานามของเจ้าอัดนั้นก็มากกว่าเจ้าต่อที่พึ่งจะ25ส่วนเจ้าอัดนั้น29 เหตุเพราะเจ้าอัดเลือกที่จะซ้ำชั้นมากว่า4-5-ปีทั้งที่ควรจะเรียนจบแล้ว! และหลังเจ้าต่อถอยไปยืนอยู่ข้างหลัง ชายหน้าโหดที่อย่างเจ้าอัดก็หันมาเอ่ยกล่าวกับจิว!
"อืมม..ขอโทษแทนลูกน้องพี่ด้วยนะน้อง...อืมม..แต่พี่ขอดูเอกสารเราหน่อยนะ...
เจ้าอัด'นอกจากจะเอ่ยกล่าวขอดูเอกสารของจิวแล้ว เจ้าตัวยังยื่นมือมาดึงเอกสารไปจากจิวดื้อๆถึงแม้ว่าจิวจะถือกอดมันอยู่ เป็นเหตุให้หลังมือของเจ้าอัดได้ถูสัมผัสกับหน้าอกของจิว ถึงแม้ว่าจะมีเสื้อในกั้นอยู่ก็ตาม
"เฮ้ยพี่....
เสียงร้องตกใจของที ที่เอ่ยร้องเมื่อเห็นว่าเจ้าอัดได้ดึงเองเอกสารไปจากจิว
"ใจเย็นไอ้น้อง...พี่แค่ขอดูเท่านั้น...
เสียงตอบจากเจ้าอัดพร้อมกับมือของมันที่ยื่นมาจับที่หัวไหล่ของทีเหมือนเป็นการปลอบให้ทีใจเย็นลง
"อือ....อืมม...จิรารัตน์...หรอ...อืมมม...คะแนนเรียนดีนิ...
เสียงเอ่ยกล่าวจากเจ้าอัดที่หลังจากดึงเอกสารไปจาก้อมกอดของจิว ก็ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งๆที่ตอนดึง หลังมือของมันได้ถูกดเสื้อในของจิวยุบไปหน่อยนึง
"อืมม...น้อง...พี่ว่า...ชุดเรามัน..
หลังจากดูเอกสารเจ้าอัดก็หังมองจ่องมาที่ตัวของจิวพร้อมกับเอ่ยกล่าวถึงชุดของเธอ และไม่พอตัวเจ้าอัดยังยื่นมือมาจับที่แขนเสื้อของจิวพร้อมกับเอ่ยแนะนำ
"พี่ว่าชุดน้องมันรัดไปนะ...ดูไม่เหมาะสมเลย...อือ...แล้วก็...บาง...อีกด้วย..
ในขณะที่เอ่ยพูดบอกจิวสายตาของเจ้าอัดก็เพ่งจับจ่องที่ใบหน้าของจิว ก่อนจะไล่ต่ำลงมาที่หน้าอกที่ตอนนี้ไม่มีเอกสารปิดบัง จึงทำให้เจ้าอัดมองเห็นเคล้าโครงรูปร่างของเสื้อในที่จิวใสลางๆ
"อืมม...คราวหน้าหาซื้อชุดใหม่ด้วยนะ...หรือถ้าไม่มีเงินพอซื้อหลายชุดก็บอกพี่ได้...
เจ้าอัดเอ่ยกล่าวอีกครั้งพร้อมกับยื่นเอกสารคืนให้จิวและขยับถอยหลังเปิดทางให้ทีและจิวเดินไปต่อ
"ตรงทะลุไปอีกตึกนะครับน้อง...แล้วเดียวจะเจอป้ายหน้าห้องเขียนว่า....รับนักศึกษา...ห้องนั้นละ..
พอเจ้าอัดหลีกทางให้จิวกับทีก็เดินไปต่อ และพอทั้งสองเดินพ้นเจ้าต่อและเจ้าอัดมาเพียงไม่กี่ก้าว จิวที่หูดีก็แว้วได้ยินคำพูดคุยกระซิบของเจ้าอัดและเจ้าต่อ จนทำให้เธอเดินก้มหน้ากอดเอกสารเอาไว้แน่น
"ว่าไงพี่...เมื่อกี้..
"อืม...ใส่สีดำวะ...แม้งทะลุเสื้อเลยฉิบหาย..
จิวและทีเดินมาตามที่เจ้าอัดบอกจนทะลุข้ามมาอีกตึกก็พบห้องที่มีป้ายตามที่เจ้าอัดบอก ก่อนที่จิวแะทีจะเข้าไปข้างในห้องเพื่อยื่นเอกสาร ซึ่งบุคคลากรที่ทำหน้าที่รับเอกสารก็บอกกับจิวและทีถึงกฎเกณฑ์การรับแบบใหม่ที่ทางมหาลัยเกือบทุกแห่งได้เปลียนใหม่ให้จิวและทีฟัง ซึ่งทั้งสองคนนั้นมีคะแนนการเรียนทีดีทั้งคู่จึงผ่านการเกณฑ์ที่มหาลัยกำหนด แต่ทั้งสองยังรอผลอีกทีว่าจะไดเข้าเรียนหรือไม่และถ้าได้เข้าเรียนทั้งสองยังต้องเก็บชั่วโมงพิเศษที่เรียกว่าชั่วโมงรับน้อง อีก168ชั่วโมงหรือ7วันให้ครบ เพื่อที่จะผ่านเข้ามาเป็นนักศึกษาปีหนึ่งอย่างสมบูรณ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่รับเอกสารยังบอกอธิบายอีกว่า เดิมทีแล้วกฎข้อนี้นั้นไม่มี'แต่เนื่องด้วยมหาลัยต้องการทุนสนับสนุนจากผู้ปกครองของนักศึกษา จึงได้อนุญาตให้มีกฎข้อนี้ในการรับนักศึกษาใหม่!
ด้านจิวและทีก็นั่งมองหน้ากันอย่างสงสัยแต่ก็ยอมลงชื่อเรียนทั้งที่รู้สึกว่ากฎการเก็บชั่วโมงรับน้องนั้นดูไม่เข้าท่า แต่เพื่อวุติการศึกษาและใบรับรองความสำเร็จที่จะสามารถนำไปต่อยอดทำธุระกิจในอนาคต อีกทั้งยังต้องแข่งกับคนเป็นหมื่นเพื่อลุ้นว่าจะได้เป็นหนึ่งใน1000รายชื่อที่มหาลัยเปิดรับเข้ามาเรียนหรือไม่อีก ทั้งสองคนจึงตัดสินใจที่จะเรียนต่อโดยไม่กลัวข้อแม้ใดๆและรอวันที่ผลการยื่นรายชื่อประกาศออกมา!
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน