ทดลองลงเรื่องใหม่นะครับ โดยเรื่องนี้จะเขียนเพื่อเน้นลงขายตามเว็บและอาจมี E-book ในอนาคตครับ
เป็นแนวพลังพิเศษเหมือนเดิม (ส่วนตัวชอบแนวนี้)
หากอยากให้กำลังใจก็สามารถทำได้ง่ายๆโดยคอมเม้นต์ติชมได้ตามสะดวกครับ
หรือจะเข้าไปพูดคุยกันได้ที่เพจแสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
และยังสนับสนุนให้กำลังใจเพิ่มเติมได้ตามช่องทางดังนี้ครับแสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
‘ ริท ’ ลืมตาตื่นขึ้นในเช้าวันเกิดครบรอบสิบหกปีของเขา หลังผ่านพ้นฤดูร้อนนี้ไป เด็กหนุ่มก็ต้องเริ่มเข้าเรียนชั้นมัธยมปลายแล้ว
แม้ที่ผ่านมาริทจะเคยต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวมาตลอด แต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจมันนัก
โชคร้ายที่พ่อแม่ของริทจากไปตั้งแต่เมื่อครั้งยังเยาว์วัย แต่เพียงไม่นาน เด็กหนุ่มก็ถูกรับอุปการะโดยครอบครัวใหม่อันแสนอบอุ่น
เว้นไว้เสียแต่ว่า ‘ รินรดา ’ จะปฏิบัติตัวกับเขาเหมือนคนใช้มากกว่าน้องชายบุญธรรม
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นริทก็ไม่ได้สนใจนัก เพราะมันหมายความว่า เขาจะสามารถจ้องมองร่างกายอันสุดแสนอวบอัดของเธอได้ตลอดเวลา
รินรดา หรือ ริน แก่กว่าริทเพียงหนึ่งปี แต่เธอกลับมีรูปร่างหน้าตาที่งดงามมาก
ผมดำสนิทยาวประบ่าตามฉบับสาวมัธยมปลาย ดูรับกันกับนัยน์ตากลมโตทรงเสน่ห์ที่คอยใช้จ้องมองเขาอย่างเหนือกว่าอยู่ตลอดเวลา
ต่ำลงมาคือริมฝีปากทรงกระจับสีแดงระเรื่อดูอวบอิ่มน่าลิ้มลอง ไหนจะหน้าอกหน้าใจอันใหญ่โตราวแตงโม
รวมกับเอวคอดกิ่วบนสะโพกแน่นกลมกลึงนั่นอีก ทั้งหมดนั้นทำให้เธอติดหนึ่งในสามเซ็กซี่สตาร์ของโรงเรียนแม้จะเพิ่งขึ้นมัธยมปลายมาได้เพียงสองปี
และริทก็ได้เจอเธอทุกวันแม้จะเป็นตอนที่ถูกใช้ให้ทำงานบ้านหรือไปซื้อของก็ตาม
อันที่จริงแล้ว เมื่อตอนที่เขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ตอนอายุเพียงสี่ขวบ
รินรดาก็ยังปฏิบัติต่อเขาดั่งที่พี่สาวทั่วไปพึ่งทำอยู่อย่างปกติ เธอทั้งปลอบโยนดูแลและเอาอกเอาใจริทราวกับน้องในไส้
แต่เมื่อเวลาผ่านไป มันก็กลายเป็นริทที่อยากดูแลเธอกลับคืน เขาจึงพยายามทำตามแต่ในสิ่งที่รินขอ
ความสวยของรินรดาไม่ได้มาจากโชคช่วย แต่มันสืบทอดมาจากแม่ของเธอ ‘โศภิตา’ ที่แม้จะอายุล่วงสามสิบเจ็ดปีแล้วแต่ก็ยังคงสวยไม่สร่าง
เธอมีผมดำขลับตากลมโตเฉกเช่นเดียวกันกับลูกสาว เปรียบได้ดั่งเป็นร่างอันโตเต็มวัยของรินรดาที่เพิ่มสวยเผ็ดมากขึ้นยิ่งกว่านั่นเอง
เพราะแม้รินรดาจะมีรูปร่างที่ดีมากอยู่แล้ว แต่เธอก็ยังสืบทอดมันมาจากผู้เป็นแม่ได้ไม่หมด
หน้าอกและสะโพกของโศภิตาทั้งใหญ่ ทั้งกลมกลึงกว่า อีกทั้งทุกส่วนสัดยังไร้ความอ่อนย้วยและไขมันส่วนเกินอย่างที่ควรจะเป็น
เหมือนดั่งกาลเวลาจะไม่สามารถแตะต้องเธอได้เลยสักนิด
แม้จะรู้ว่าผิดเพราะเป็นครอบเดียวกัน แต่เพราะไม่ได้เกี่ยวพันกันทางสายเลือด
ริทจึงมักจะใช้ความงามของพวกเธอเป็นตัวช่วยสำเร็จความใคร่ของตนเองอยู่เป็นประจำ
และยิ่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา พ่อของรินรดาและสามีของโศภิตาก็มาด่วนจากไปด้วยอุบัติเหตุ
ทำให้ริทเป็นผู้ชายคนเดียวที่ได้อาศัยร่วมชายคาอยู่กับสองสาวงามตามลำพัง เขาจึงกลายเป็นดั่งความฝันใฝ่ของชายทุกคน
แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาเองก็ทำได้เพียงแค่เฝ้ามองดูพวกเธอด้วยสายตาอันหื่นกระหายและได้ทำเพียงเรื่องลามกเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
แม้กระนั้นริทก็ยังพอใจอยู่ดี เพราะคงมีผู้ชายน้อยคนนักที่จะโชคดีแบบเขา
ด้วยธรรมชาติของเด็กหนุ่มวัยกลัดมันแบบเขา จึงไม่แปลกที่ริทจะแอบคิดเกินไปไกลกว่านั้นมาก
แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยสักนิด แม้ริทจะมั่นใจในขนาดความใหญ่โตของตัวเองและอย่างจะใช้มันทิ่มแทงพวกเธอให้หายอยาก
แต่เขากลับเป็นคนขี้อายเกินไป ขี้อายจนแม้แต่เพื่อนหรือแฟนยังไม่มี
แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปในวันครบรอบอายุสิบหกปีของเขา หลังจากที่โศภิตาอวยพรวันเกิดและฟังรินบ่นกระปอดกระแปดตามปกติ
เด็กหนุ่มก็ได้รับจดหมายแปลกๆมาฉบับหนึ่ง เป็นจดหมายซึ่งไม่ปรากฏชื่อที่อยู่ของผู้ที่ส่งมา
หลังกินมื้อเช้ากับสองสาวเรียบร้อย ริทก็กลับไปยังห้องของตนเพื่อเปิดอ่านจดหมาย
เท่าที่ริทรู้ ตอนนี้เขาไม่มีเพื่อนหรือญาติคนอื่นหลงเหลืออยู่อีกแล้ว เด็กหนุ่มจึงไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนส่งจดหมายถึงเขา
เมื่อเปิดจดหมายออกด้วยความตื่นเต้น เขาก็พบเข้ากับความตะลึงงันเพียงแค่เห็นประโยคแรก
‘ลูกชายที่รัก..’ ริทขมวดคิ้ว พ่อของเขาตายไปตั้งสิบกว่าปีแล้วทำไมถึงส่งจดหมายมาได้? แล้วเขาก็อ่านต่อ
‘ถ้าลูกได้อ่านจดหมายนี้ แปลว่าพ่อกับแม่ได้ตายไปแล้ว และพ่อก็จะไม่สามารถบอกเรื่องราวของตระกูลเราให้ลูกฟังด้วยตัวเองได้
ก่อนอื่นพ่อขออวยพรให้ลูกมีแต่ความสุขในวันเกิดปีที่สิบหกและหวังว่าตอนนี้ลูกจะมีชีวิตที่ดีนะลูกรัก
เอาล่ะ พ่อจะเล่าเรื่องตระกูลของเราให้ลูกได้รับรู้ไว้....’ ริททั้งตกตะลึงและงุนงงไปหมดหลังอ่านจดหมายฉบับนั้นจบ
สิ่งที่พ่อแท้ๆของเขากล่าวถึงไม่ใช่แค่การอวยพรวันเกิดและเล่าเรื่องราวของตระกูลให้ฟังธรรมดาๆ แต่มันยังมีเรื่องน่าเหลือเชื่อที่ไม่ควรจะเป็นความจริงอยู่ด้วย
ทีแรกริทคิดว่ารินรดากลั่นแกล้งเขา แต่มันก็ดูตลกจนเขาต้องปฏิเสธความคิดนั้นไป
เด็กหนุ่มพยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออก อีกทั้งเนื้อความในจดหมายฉบับนี้ก็ดูน่าเชื่อถืออย่างน่าประหลาด
อีกทั้งริทเองก็ยังแอบหวังให้มันเป็นความจริง
พ่อของเขาบอกเรื่องราวของตระกูลและความลับให้ริทรับรู้
นั่นก็คือการที่ลูกชายคนแรกทุกคนในตระกูลจะมีความสามารถในการสะกดจิต
ถึงอาจจะดูเหลือเชื่อ แต่ถ้านี่เป็นเรื่องจริง นั่นหมายความว่าริทจะสามารถสะกดจิตคนอื่นได้
และนั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด เพราะต้นเหตุของพลังสะกดจิตคือการที่เขาจะสามารถปลดล็อกศักยภาพของสมองได้มากขึ้น
แม้จะยังไม่เคยมีงานวิจัยจริงจังในเรื่องนี้หรือมีใครพิสูจน์ได้มาก่อน
แต่ริทก็มั่นใจว่า หากทั้งหมดเป็นเรื่องจริง เขาจะกลายเป็นคนที่ฉลาดมากกว่าคนทั่วไปหรืออาจได้รับความสามารถพิเศษอื่นๆเพิ่มมาอีกด้วย
ในจดหมายมีวิธีการบอกไว้อย่างละเอียด ซึ่งอันที่จริงแล้วมันก็ง่ายดายมากจนริทอยากจะลองทำเสียเดี๋ยวนี้ แต่ในส่วนท้ายยังคงมีคำเตือนเขียนเอาไว้
‘การปลดล็อกอาจจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก และไม่ควรหยุดชะงักหรือล้มเลิกลางคัน’เพื่อป้องกันการถูกรบกวน ริทจึงตัดสินใจที่จะไม่ลองทำมันที่บ้าน เขาปั่นจักรยานออกไปยังสถานที่อันห่างไกลผู้คนที่สุด
หลังหาที่ได้บริเวณโคนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ริทก็นั่งขัดสมาธิและพยายามทำจิตใจให้ว่าง
ในตอนแรกไม่มีอะไรเกิดขึ้น…
จนผ่านไปสิบห้านาทีก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น…
ริทเริ่มสงสัยว่ามันจะได้ผลอย่างที่จดหมายบอกหรือไม่ เขาจึงพยายามลองมันอีกครั้ง….
อีกสิบห้านาทีต่อมา ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น…
แต่ขณะนั้น ริทยังคงนั่งจดจ่ออยู่กับการปลดล็อกอย่างเต็มที่จนเริ่มเข้าภวังค์สมาธิโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นเอง เขาก็ได้คล้ายได้ยินเสียงอะไรแตกในหัว ก่อนที่ความเจ็บปวดอันเกินบรรยายจะแล่นเข้าสู่สมองอย่างรวดเร็ว
“
อ๊ากกกกกกกกกกกกก!!”
แม้จะพยายามแล้ว แต่ริทก็ยังคงล้มลงดิ้นพล่านราวถูกน้ำร้อนลวกในขณะที่ปากก็ส่งเสียงกรีดร้องไม่หยุด
เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ เขาทำได้เพียงพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดให้มากที่สุด
ผ่านไปหนึ่งนาทีที่ยาวนานราวชั่วโมงสำหรับเด็กหนุ่ม ความรู้สึกเจ็บปวดที่ได้รับก็เริ่มบรรเทาลงเรื่อยๆ
หลังจากนั้นไม่กี่นาที ริทก็ลืมตาขึ้น
ราวกับพบโลกใบใหม่ ไม่เพียงแต่สายตาของเขาจะเห็นได้ไกลขึ้น ชัดเจนมากขึ้น แต่ประสาทสัมผัสอื่นๆก็พัฒนาขึ้นมากเช่นกัน
เขาได้ยินเสียงไกลขึ้น ได้กลิ่นมากขึ้น ประสาทโต้ตอบรวดเร็วขึ้นจนรู้สึกได้
ริทแทบจะไม่เชื่อตัวเองว่าจะเกิดอะไรแบบนี้ได้เพียงแค่ปลดล็อกศักยภาพของสมอง
หากเขานำเรื่องนี้ออกป่าวประกาศสู่ชาวโลก คงไม่แคล้วที่เขาจะได้โด่งดังเป็นพลุแตกแน่ๆ
แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มมีเรื่องให้อยากรู้และอยากทดลองมากกว่านั้น
และแน่นอนว่าเป้าหมายอันสมบูรณ์แบบในการทดลองก็อาศัยอยู่ที่บ้านของเขาเอง
ถ้ามันได้ผลอย่างที่พ่อของเขาเขียนบอกไว้ในจดหมาย
ริทก็นึกไม่ออกเลยว่าชีวิตต่อจากนี้จะมีความสุขขนาดไหน
รอยยิ้มชั่วร้ายเล็กๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม
ก่อนเขาจะรีบปั่นจักรยานกลับบ้านด้วยความรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทุกท่านสามารถเข้าไปแนะนำติชมเพิ่มเติม หรืออ่านเรื่องอื่นๆได้ที่นี่แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น