เริ่มเข้าสู่เนื้อหาหลักแล้วนะครับ
--------------------
พิษสวาทบ่วงบาศกามา ตอน 5
เช้าวันจันทร์ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ของเหล่ามนุษย์ออฟฟิศที่ได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มมาแล้วในช่วงสุดสัปดาห์ ถนนหนทางต่างคับคั่งไปด้วยรถราจำนวนมากที่พร้อมใจกันมุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางมหานคร พนักงานบริษัทที่ฝ่าฟันรถติดผ่านมาได้ ค่อย ๆ ทยอยมาถึงที่สำนักงานและเข้าประจำตำแหน่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง จนตอนนี้เวลาได้ล่วงเลยไปถึงเกือบสิบโมง ที่ทำงานจึงเนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่นั่งจดจ่อกับงานกันอยู่เต็มพื้นที่ หากแต่เวลานี้ยังไร้วี่แววของลลิดา จนชายหนุ่มหน้าติ๋มที่เฝ้าเทียวไล้เทียวขื่อซื้อน้ำซื้อขนมมาฝากเพื่อหวังทำคะแนนจากเธออยู่เป็นประจำ อดสงสัยไม่ได้ว่าหลิวหายไปไหน เพราะปกติเวลานี้เธอควรจะเดินทางมาถึงที่ทำงานเรียบร้อยแล้ว ความสงสัยผลักดันให้เขาเกิดความกล้าเดินเข้าไปถามเพื่อนร่วมงานของหลิวที่นั่งอยู่โต๊ะข้างเคียง เขาจึงรู้ข่าวว่าหลิวไม่สบาย ขอลางานไปจนถึงวันพรุ่งนี้ หนุ่มผู้น่าสงสารต้องเดินคอตกกลับที่นั่งของตนเองด้วยความสิ้นหวัง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเดินไปถึงไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นการปรากฎกายของหญิงสาวที่งามสง่าผู้หนึ่ง จนทำให้หัวใจเขาเต้นรุนแรงแทบจะพุ่งทะลุออกจากอก เขาจับจ้องมองทุกการก้าวเดินของเธออย่างไม่อาจละสายตาไปไหนได้ ทรวดทรงองค์เอวที่แสนสมบูรณ์แบบทำให้ทุกการเคลื่อนไหวงดงามจับจิต ชายหนุ่มลืมความผิดหวังก่อนหน้านี้ของตนเองไปเสียสนิท ยืนตะลึงงันจนถึงกับต้องเอี้ยวคอมองตามกระทั่งเธอเดินหายลับเข้าไปในห้องทำงานของเธอ
เธอผู้ที่ทำให้เหล่าผู้ชายในออฟฟิศต้องพร่ำเพ้อจะเป็นใครไปเสียไม่ได้นอกจาก มาย มนัสนันท์ หญิงสาวที่ทำให้ทุกคนหลงไหล แค่เพียงได้เห็นใบหน้าอันงดงามของเธอก็ทำให้ทั้งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ใจละลาย หลงละเมอเพ้อพบราวกับตนเองหลุดไปอยู่ในโลกความฝัน เธอเป็นดั่งนางฟ้าในคราบของมนุษย์เดินดิน หากหลิวนั้นเปรียบเป็นดั่งดอกฟ้า มายก็เปรียบได้กับบุปผาสวรรค์ที่หอมหวนชวนให้ผู้คนคลั่งไคล้ หากแต่เธอนั้นดูสูงส่งเกินกว่าที่คนธรรรมดาอย่างพวกเขาจะกล้าอาจเอื้อมเด็ดมาเชยชม
"มัวยืนอึ้งอะไรกัน กลับไปทำงานได้แล้ว" ในขณะที่หนุ่มหน้าติ๋มกำลังยืนเพ้ออยู่นั้น เสียงเอ็ดตะโรของสุขุมก็ปลุกให้ชายหนุ่มตื่นขึ้นจากภวังค์ ยกมือเกาหัวแก้เขินก่อนพุ่งตรงไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง สุขุมแม้จะเสแสร้งทำตัวให้ดูเหมือนเป็นปกติ แต่เบื้องลึกภายในจิตใจของเขาก็รู้สึกละเมอเพ้อถึงใบหน้าอันสวยหวานหยาดเยิ้มของมนัสนันท์ไม่ต่างอะไรจากผู้ชายคนอื่น เพียงแต่เขาสามารถเก็บอาการได้ดีกว่าเท่านั้นเอง ลึก ๆ แล้วสุขุมนั้นคลั่งไคล้เธอเป็นอย่างมาก มนัสนันท์ได้เข้ามาตั้งรกรากฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจเขามานานแสนนานแล้ว เธอเป็นดั่งแรงขับเคลื่อนที่ทำให้เขาอยากมาทำงานที่แสนน่าเบื่อในทุก ๆ วัน ขอเพียงแค่ได้เห็นใบหน้าที่งดงามและรอยยิ้มที่กระชากจิตใจของเธอ มันก็ทำให้หัวใจของเขานั้นแสนพองโต และมีพลังทำงานได้จนสิ้นสุดวัน แต่ในอีกด้านหนึ่งของจิตใจกลับเกิดความย้อนแย้งขึ้นเพราะสุขุมก็แอบรู้สึกขุ่นเคืองเธออยู่ไม่น้อย หญิงสาวที่ประสบการณ์ทำงานด้อยกว่าเขาเป็นทศวรรษแต่กลับได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไปเป็นหัวหน้าของเขา ทั้ง ๆ ที่ตอนเธอเข้ามาทำงานใหม่ ๆ เขาเป็นคนสอนงานให้เธออยู่แท้ ๆ หากด้วยความสาวความสวยของมนัสนันท์ทำให้เธอสามารถปิดดีลการซื้อขายจากลูกค้ารายใหญ่ได้บ่อยครั้ง จนมีผลงานเข้าตาผู้บริหารระดับสูง ในเวลาไม่นานเธอจึงได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไปอย่างก้าวกระโดด ต่างจากสุขุมที่ทำงานกับบริษัทมาอย่างยาวนานถึง 20 ปี แต่กลับได้เลื่อนขั้นมาเพียงหนึ่งระดับ เป็นผู้จัดการฝ่ายขายระดับภูมิภาค ความไม่ยุติธรรมตรงนี้ทำให้เขารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ก่อให้เกิดความขุ่นเคืองในตัวมนัสนันท์อยู่ในเวลาเดียวกัน
เพื่อที่จะยุติความคลั่งไคล้และขุ่นเคืองในตัวมนัสนันท์ที่ก่อเกิดอยู่ในจิตใจของเขาลงไปได้ เขาหมายมั่นที่จะจัดการให้เธอตกมาอยู่ใต้อาณัติของเขาให้ได้ นายพรานล่าสวาทมากประสบการณ์อย่างสุขุมเฝ้ารอโอกาสที่จะได้อยู่กับเธอตามลำพัง และหลอกล่อให้เธอติดกับดักของเขา แต่จนแล้วจนรอดโอกาสนั้นก็ยังไม่เคยผ่านมาเสียที เพราะเธอเป็นคนไม่ชอบเที่ยวกลางคืน แถมเวลาไปไหนก็มักจะไปกับเพื่อนฝูงและลูกน้องเป็นหมู่คณะ จนไม่เปิดช่องโหว่ให้นายพรานอย่างเขาได้ลงมือวางกับดักเลยสักครั้ง สุดท้ายเมื่อสุขมรู้ข่าวว่ามนัสนันท์มีคนคบหาดูใจแล้ว ความหวังของเขาที่จะพิชิตกายและใจของเธอจึงยิ่งริบหรี่ลง ได้แต่แอบมองเธออยู่ห่าง ๆ อย่างที่เขาเคยทำตลอดมา
ช่วงเวลาพักเที่ยง สุขุมเดินผ่านบริเวณโต๊ะทำงานของลลิดาก็ไม่เห็นแม้เงาหรือข้าวของของเธอ จึงทำทีสอบถามเพื่อนร่วมงานเธอที่อยู่แถวนั้น ก็ได้รับคำตอบว่าเธอป่วยเลยขอลาหยุด สุขุมแสดงท่าทางเหมือนแปลกใจ แล้วบอกคนอื่นออกไปว่าวันศุกร์ก็ยังเห็นอาการปกติดีอยู่เลย เสมือนว่าตัวเองนั้นไม่รู้สาเหตุการป่วยของหลิวในครั้งนี้เพื่อตบตาทุกคน ก่อนจะส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้ บอล ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ กับโต๊ะทำงานของหลิวอย่างเข้าใจกัน แล้วเดินจากไป
"ฮัลโหล ค่ะ" เสียงอ่อนหวานของมนัสนันท์ที่กำลังรับโทรศัพท์ดังขึ้นระหว่างที่สุขุมเดินผ่านหน้าห้องทำงานของเธอ จนเขาหยุดก้าวเดินและเงี่ยหูแอบฟังบทสนทนาของเธออย่างตั้งอกตั้งใจ
“มายกำลังจะลงไปหาอะไรทานค่ะ”
"จริงหรอคะ พี่มาแถวนี้หรอ นี่แกล้งหลอกกันหรือป่าวเนี่ย” น้ำเสียงของมนัสนันท์ที่ตอบกลับคนปลายสายไปนั้นดูประหลาดใจแต่ก็แฝงด้วยความดีอกดีใจจนคนที่แอบฟังอยู่รู้สึกเจ็บปวด
"ได้ค่ะ เดี๋ยวมายรีบลงไป เจอกันนะคะ" หลังสิ้นสุดประโยคสนทนา มนัสนันท์ก็หยิบเสื้อคลุมขึ้นมาสวม รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากห้องด้วยรอยยิ้ม เธอสวนกับสุขุมที่อยู่บริเวณหน้าห้องของเธอ ก่อนส่งยิ้มให้กับเขาเป็นการทักทาย แล้วรีบเดินผ่านไปโดยไม่มีการหยุดพูดคุยใด ๆ ให้เสียเวลา สุขุมเมื่อเห็นรอยยิ้มที่ปรากฎอยู่บนใบหน้าอันแสนอ่อนหวานของมนัสนันท์ก็พอจะเดาได้ว่าแฟนหนุ่มรูปหล่อของเธอคงมารับไปทานมื้อกลางวัน เขารู้สึกอิจฉาแฟนของเธอเสียไม่ได้ ที่เป็นผู้โชคดีได้ครอบครองร่างกายและหัวใจของเธออย่างที่เขาไม่เคยมีแม้แต่เศษเสี้ยวของโอกาสที่จะได้เป็น ความสดชื่นร่าเริงของสุขุมในวันนี้แทบพังทลายลงจนไม่อยากจะทำงานต่อ เดินก้มหน้าคอตกเพื่อไปหาอะไรรับประทานลงท้องอย่างโดดเดี่ยว
.
.
.
ในห้องอาหารสุดหรูที่อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานของมนัสนันท์ คู่หนุ่มสาวหน้าตาดีราวกับเป็นพระนางที่หลุดออกมาจากโลกภาพยนตร์กำลังนั่งเลือกอาหารอยู่ที่โต๊ะใจกลางร้าน หากแต่เหมือนมีลำแสงฉายส่องไปยังพวกเขาจนผู้คนรอบข้างต่างจับจ้องมองไปในทิศทางเดียวกัน อาจเพราะด้วยทั้งคู่นั้นมีรูปร่างหน้าตาที่ดึงดูดจนคนอื่นต่างแอบมองกันด้วยความอิจฉา
"แอบไปทำอะไรผิดมาหรือเปล่าคะเนี่ย? เมื่อวานก็เพิ่งเจอกัน วันนี้ก็ยังอุตส่าห์แวะมาหามายอีก" มนัสนันท์ถามแฟนหนุ่มด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง เพราะปกติเขาจะค่อนข้างยุ่งมากด้วยความที่เป็นนักธุรกิจที่ต้องติดต่อคุยงานกับหุ้นส่วนธุรกิจอยู่ตลอดเวลา
"ทำไมมองพี่แบบนั้นล่ะครับ พี่น้อยใจแย่" ชายหนุ่มแสร้งทำสีหน้าน้อยใจใส่
"แหม ก็ช่วงหลัง ๆ เสาร์อาทิตย์พี่ไม่ค่อยว่างมาหามายเลยนี่คะ" แม้วันเสาร์อาทิตย์แฟนของมนัสนันท์ก็ต้องบินไปเจรจาธุรกิจอยู่บ่อยครั้งในช่วงหลัง ๆ มานี้ ซึ่งเธอเองก็เข้าใจเขาเป็นอย่างดีเพียงแต่แกล้งพูดหยอกเขาเท่านั้น
"ก็พี่ติดงานนี่ครับ พอเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาว่าง ก็รีบตรงมาหามายเลยนะครับ พี่เองก็คิดถึงอยากเจอหน้ามายจะแย่อยู่แล้ว" แฟนหนุ่มตอบกลับด้วยคำพูดที่แสนออดอ้อน พลางส่งสายตาหวานซึ้งใส่ มนัสนันท์โดนแฟนหนุ่มหยอดใส่ด้วยคำพูดอ่อนหวานก็ยิ้มเขินหน้าแดง
"ปากหวานจังเลยนะคะ ไปพูดจาหว่านเสน่ห์แบบนี้ให้สาว ๆ คนอื่นด้วยหรือเปล่าคะ?"
"พูดแต่กับมายคนเดียวนี่แหละจ้า"
"แล้วไป อย่าให้รู้นะคะว่าแอบไปพูดให้คนอื่นด้วย" มนัสนันท์ยิ้มกรุ้มกริ่ม ส่งสายตาหวานให้ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้า ทั้งคู่นั้นดูเหมาะสมกันราวกิ่งทองกับใบหยก ใครต่อใครก็ต่างเชียร์ให้ทั้งคู่ได้ลงเอยกัน ผู้คนรอบข้างต่างจ้องมองสองหนุ่มสาวที่สวยหล่อจนหาที่ติไม่ได้ในความสวีทหวานของทั้งคู่อย่างอิจฉาตาร้อน พลางน้อยใจในโชคชะตาที่ไม่ได้เกิดมาหน้าตาดีอย่างพวกเขา
หลังจากมนัสนันท์และแฟนหนุ่มรับประทานอาหารกันจนเสร็จแล้ว เขาก็พาเธอกลับไปส่งยังที่ทำงานด้วยรถสปอร์ตคันหรูของเขาที่ไม่ว่าจะขับไปไหนก็สะดุดตาผู้ที่ได้พบเห็น
.
.
.
ช่วงเวลาบ่ายสองโมง มนัสนันท์ สุขุม และทีมงานการตลาดคนอื่น ๆ เดินเข้าห้องประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง วันจันทร์จะเป็นวันที่บรรดาทีมเซลล์จะเข้ามาที่ออฟฟิศเพื่อรายงานยอดขายและอัพเดทแผนงานที่จะดำเนินการต่อให้มนัสนันท์รับทราบก่อนที่พวกเขาจะออกตระเวนหาลูกค้าในวันอังคารถึงวันศุกร์
สุขุมรีบพุ่งตัวเข้าห้องประชุมไปจับจองที่นั่งประจำของตน เขานั้นจะต้องมานั่งตำแหน่งนี้ทุกครั้ง
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน