จากผู้เขียน สางแค้นตอนนี้ไม่มีบทเสียวนะครับ
twintower
------------------------------------------------------------------------------------------------------
แคนที่กำลังเดินจากงวงช้างเข้าสู่ตัวอาคารสนามบินที่ภูเก็ต หยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในซองข้างเอวขึ้นมาเปิดพอเครื่องเปิดมีเสียงแจ้งเตือนว่ามีข้อความส่งเข้ามาถึงตนเอง
“รออยู่ตรงหน้าประตูทางออก”
เป็นข้อความจากนพที่ส่งมาหา แคนเดินทางมาภูเก็ตเพราะคำแนะนำของท่านรองนายก หลังจากที่นำทีมปฏิบัติการพิเศษกลับที่ตั้ง ที่มาเพราะเรื่องที่ทหารเรือจับเฮโรอีนได้กลางทะเล ซึ่งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยรวมถึง DEA สหรัฐนั้นไม่ทราบข่าวมาก่อนเลยถือว่าโชดดีอย่างมากที่สกัดจับไว้ได้ก่อน และตรวจสอบแล้วผลที่ได้คือเป็นเฮโรอีนแบบพิเศษทั้งหมด ส่วนการตรวจจากตัวอย่างที่ทีมพิเศษของแคนนำมานั้นมีทั้งแบบพิเศษและแบบธรรมดา ส่วนยาแคปซูลสีฟ้าที่ยึดได้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่ธงรบมั่นใจว่าเป็นยาสูตรพิเศษชื่อแองเจิลอย่างแน่นอน ท่านรองนายกได้โทรหาแคนพร้อมบอกว่า
“แคนเรื่องที่ภูเก็ต แคนลองติดต่อนพนะลูก มีคนเก่าแก่ของตากับยายของนพชื่อ พุด แกทำงานกับตาของนพตั้งแต่สมัยสร้างตัว พี่พุดค่อนข้างกว้างขวางพอสมควรแกรู้จักคนเยอะตั้งแต่ชุมพรถึงภูเก็ต ลองไปคุยกับแกเผื่อแกจะช่วยได้”
ด้วยประโยคนี้ของคนที่แคนให้ความเคารพเหมือนพ่ออีกคน แคนจึงรีบโทรหาเพื่อนที่ทำงานอยู่ที่พังงาทันที นพคงพอจะรู้เรื่องจากพ่อแล้วจึงไม่แปลกใจ ตอนแรกนพบอกเพื่อนว่าจะให้ลุงพุดติดต่อไปหาแคน แต่แคนบอกเพื่อนว่าจะลงมาคุยเอง นพจึงบอกกับเพื่อน
“มึงจะมาวันไหนก็บอกกูแล้วกัน กูจะจัดการให้”
แคนจัดการจองตั๋วเครื่องบินและบินมาหาเพื่อนในช่วงบ่ายของวันนี้ พอเดินออกมานอกอาคาร แคนเห็นรถ BMW สีดำที่ลดกระจกด้านข้างคนขับจอดอยู่ แคนมองเห็นเพื่อนที่มองมาและกวักมือเรียก จึงเดินไปเปิดประตูขึ้นรถทันที นพนนั้นขับรถออกทันที โดยมีเจ้าหน้าที่ รปภ.ของการท่าคอยอำนวยความสะดวกให้
“ที่นี่รู้ใช่ไหมว่ามึงเป็นลูกรองนายก”
แคนถามไปยังเพื่อนเมื่อเห็นท่าทางของบรรดา รปภ.
“ไม่แน่ใจวะ แต่ที่เห็นนะมันมาจากบารมีของยายกับป้ากู ผอ.สนามบินนี้รุ่นน้องป้ากู พอเห็นทะเบียนรถ รปภ.ก็แทบจะยกรถเลย”
นพตอบมาด้วยเสียงเบื่อๆ ที่แคนรู้ดีว่าเพื่อนนั้นไม่ชอบเรื่องแบบนี้
“อ่อ แต่ขอบคุณมากนะโว้ยที่ขับรถมารับกู มีเรื่องรบกวนบ้านมึงตลอดเลย””
“ไม่เป็นไร อันไหนช่วยมึงได้ก็ช่วย พ่อโทรมาบอกแล้ว”
“ลุงพุดที่พ่อแนะนำเป็นคนยังไงวะ”
แคนเข้าเรื่องทันที
“แกเป็นคนเก่าแก่ มาทำงานกับตากูตั้งแต่ตอนที่ตาเริ่มตั้งตัวได้เรียกได้ว่าเป็นรุ่นแรกเลยและก็อยู่มาตลอด ไว้ใจได้เรื่องความซื่อสัตย์ตากับยายให้แกดูแลไร่กับสวนอยู่จนถึงทุกวันนี้ แกเป็นคนโคตรตรงลูกเมียแกก็ทำงานที่นี่ด้วย ”
“แกกว้างขวางมากหรือยังไงวะ เห็นพ่อบอกมา”
“ลุงแกนะเป็นนักเลง หมายถึงใจนะ แกรู้จักคนเยอะ ช่วยเหลือไปทั่ว แกเป็นคนดีจริงๆ ไม่เคยอวดเบ่งนะว่ารู้จักกับพ่อ แกให้ความเคารพนับถือพ่อมาตลอด”
“แล้วมึงจะพาไปที่สวนที่พังงาหรือที่บ้าน”
“ไปที่ทำงาน มันไม่ไกลมากและลุงพุดก็มารอมึงตั้งแต่เที่ยงแล้ว”
“แล้วงานที่ทำเป็นไงบ้างวะ”
“เหนื่อยวะ พอมาเป็นเจ้าของเองนี่โคตรเหนื่อยเลย”
“แสดงว่าต่อไปมึงก็จะอยู่ที่นี่ถาวร”
“ก็คงอย่างนั้น จะให้ทิ้งสิ่งที่ตากับยายสร้างมาก็ไม่ได้ ป้าก็ไม่ได้แต่งงานก็เหลือกูคนเดียวที่เป็นหลานแท้ๆต้องสานต่อดีที่ฐาช่วยได้เยอะทั้งๆที่เขาดูบริษัทเขาด้วย ส่วนเรื่องร้านเพชรก็ไม่ต้องห่วงอะไรตูนดูได้สบายๆ พี่ต้นก็ไปทางราชการเหมือนพ่อแล้ว”
แคนหัวเราะเบาๆ เพราะพอจะรู้ว่าตากับยายของนพนั้นเริ่มต้นตั้งแต่ศูนย์ แต่ก่อร่างสร้างตัวมาได้จนเป็นมหาเศรษฐีที่พังงา มีกิจการหลายอย่างที่ดูแล จนมีบารมีไปถึงกระบี่ ภูเก็ต เพราะคุณงามความดีที่สร้างไว้ แคนไม่เคยอิจฉาเพื่อนที่หยิบจับอะไรก็เป็นเงินทองออกจะดีใจและชื่นชมกับเพื่อนด้วยซ้ำ เพราะรู้ว่าต้นทุนไม่เหมือนกัน ตระกูลทางพ่อของนพนั้นมาจากขุนทางเก่าต้นตระกูลมีบรรดาศักดิ์เป็นถึงสมเด็จเจ้าพระยา ตระกูลนี้รับราชการมาตลอดปู่ของนพเป็นถึงผู้พิพากษาเกษียณในตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม ส่วนฝ่ายแม่แท้ๆถึงจะเป็นคนธรรมดาแต่ก็ร่ำรวยจากการค้าขายผลไม้และที่ดินจนมีกิจการหลายอย่างที่ตากับยายของนพสร้างขึ้นมา ทั้งๆที่เป็นคนที่เรียนไม่สูงทั้งคู่แต่ด้วยความอุตสาหะทำให้ร่ำรวย มีที่ดินในแถบนี้จำนวนมาก ส่วนแม่เลี้ยงก็ทำธุรกิจขายเพชร แต่เพื่อนกลับทำตัวธรรมดาไม่โอ้อวดอะไรจนถึงทุกวันนี้ แคนรู้ว่าบุญคุณที่ครอบครัวนี้ที่มีต่อตนเองยังไงก็ไม่มีวันทดแทนได้หมด จนนพขับรถมาถึงเส้นทางที่มุ่งหน้าไปจังหวัดพังงาไม่เท่าไหร่นัก นพได้เลี้ยวรถเข้ามาหน้าอาคาร3ชั้นที่สวยหรูรูปร่างทันสมัยแห่งหนึ่งบนเนื้อที่ประมาณ 5ไร่ ตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ รปภ.ที่อยู่หน้าประตูรีบลงมายกไม้กั้นให้ทันที
“เฮ้ยตึกสวยนี่หว่า ทำเลก็ดี”
แคนทักไปที่เพื่อน
“อยู่ห่างจากบ้านร่วม 30 กิโล แต่ขับรถ 20 กว่านาทีก็ถึง ถ้าเป็นกรุงเทพฯก็เป็นชั่วโมง ส่วนทำเลดีนะ ที่ตรงนี้ตากูซื้อไว้ตั้งนานแล้ว ตอนแรกตั้งใจจะทำปั๊มน้ำมันเพราะมีคนมาชวน แต่ปู่กับพ่อทัดทานไว้ เพราะรู้ว่าตาไม่ถนัดทำธุรกิจนี้ตาก็เชื่อเลยทิ้งร้างไว้นาน จนกูมาทำเลยปรึกษาป้าว่าจะรวมเอาธุรกิจที่ทำอยู่มารวมในตึกนี้ไม่ต้องกระจายไปหลายที่ เลยมาสร้างตึกตรงนี้ มันสะดวก วันไหนจะกลับบ้านก็ขับรถไปแป็บเดียวก็ถึงสนามบินแล้ว”
“แล้วเพราะอะไรตามึงถึงฟังปู่กับพ่อด้วย”
“ไม่มีอะไรมาก ตากับปู่คอเดียวกัน เซียนพระทั้งคู่เลยเป็นเพื่อสนิทกัน ทั้งๆที่พ่อแต่งงานใหม่กับคุณแม่ยังติดต่อไปมาสู่กันตลอด พอมีข้อสงสัยแกถามปู่ตลอด”
นพบอกขณะที่ลงจากรถหลังจากที่จอดรถเรียบร้อย แคนพยักหน้ารับรู้ก่อนจะถามต่อ
“แล้วคุณฐากับป้าละ”
“ไม่เห็นรถ เดี๋ยวคงมาไปซื้อของกันที่ภูเก็ตนะ”
นพพาแคนเดินเข้าไปในอาคาร ก่อนจะเข้าหน้าตึกแคนสังเกตเห็นตู้แดงมาติดอยู่ใกล้ประตูทางเข้า นพเห็นเพื่อนมองเลยบอกว่า
“เหมือนหน้าบ้านมึงเลย ผู้กำกับที่นี่เพื่อนพี่ต้น พี่คมไงมึงจำได้หรือเปล่า”
“เออจำได้ มือดีอีกคนหนึ่ง”
พอเข้าไปในอาคารเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ 2 คนรีบลุกขึ้นยกมือไหว้นพทันที นพรับไหว้แต่ก่อนทีจะพูดอะไรชายหนึ่งที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ อยู่บนโซฟาที่ไม่ห่างออกไปได้เดินเข้ามาหา นพจึงหันไปบอกเพื่อน
“เฮ้ย นี่ไงลุงพุด”
แคนรียยกมือไหว้ก่อนที่นพจะบอกไปชายสูงวัยคนนั้น
“ลุงนี่เพื่อนนพ พันตำรวจเอกพีรพล เจ้าหน้าที่ ปปส.”
อีกฝ่ายรีบรับไหว้แคนทันที แคนพิจารณาชายที่อยู่ตรงหน้า ที่แต่งกายสุภาพผมตัดผมเกรียนแต่สีขาวโพลนทั้งหัว รูปร่างนั้นสันทัด บึกบึน ผิวคล้ำแบบคนที่ทำงานกลางแจ้ง แต่ถ้าไม่รู้ว่าอายุ70ปีเศษตามที่เพื่อนบอก แคนคงนึกว่าลุงพุดน่าจะอยู่วัย 50-60 ปี แสดงว่าดูแลสุขภาพอย่างดี
“สวัสดีครับผู้การ”
“ลุงไม่ต้องเรียกผมแบบนั้นก็ได้ผมไม่ใช่ตำรวจแล้วเรียกผมว่าแคนดีกว่าครับ”
อีกฝ่ายยิ้มๆ ส่วนนพบอกกับทั้งคู่ว่า
“ไปคุยกันห้องข้างบนดีกว่า”
พร้อมเดินนำแคนกับลุงพุดไปที่บันได แคนมองไปรอบๆอาคาร ด้านหลังประชาสัมพันธ์เป็นกระจกกั้นห้องใหญ่ที่ภายในห้องเป็นส่วนออฟฟิตมีพนักงานนั่งทำงานอยู่หลายคน ส่วนการตกแต่งภายในอาคารนั้นงดงามมาก
“ข้างนอกว่าสวยแล้ว ข้างในสวยมากเลยวะนพ ให้บริษัทไหนออกแบบให้”
“บริษัทไหน ป้ากูทำเอง”
“ป้ามึงหรือ”
แคนทวนคำ
“มึงลืมไปแล้วหรือไง ป้ากูจบปริญญาโทด้านอินทีเรียจากอังกฤษ”
“เออหว่าลืมไป แต่มือไม่ตกเลยนะนี่”
แคนพูดด้วยความชื่นชมกับความสวยงาม นพได้บอกเพื่อนขณะเดินขึ้นบันได ชั้น 1กับ ชั้น 2 จะเป็นที่ทำงานส่วนชั้น 3 นั้นเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ โดยชั้น1นั้นมีห้องประชุมเล็กที่ใช้ทั้งรับแขกหรือประชุมของแผนก 2ห้องส่วนชั้น2มีห้องประชุมเล็กอีก1 ห้อง พอขึ้นมาที่ชั้น 2 นพพาเดินมาที่ห้องประชุมที่ไม่อยู่ห่างจากบันไดมากนัก มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนรออยู่หน้าห้องอยู่แล้ว นพได้แนะนำกับเพื่อน
“นี่คุณกัญญา เป็นเลขาของป้า คุณญาเพื่อนผม พันตำรวจเอกพีรพล”
เลขารียยกมือไหว้เพื่อนเจ้านายทันที ส่วนแคนบอกกับเพื่อนต่อ
“มึงคุยกับลุงพุดที่ห้องนี่แล้วกัน ชั้นนี้ไม่พลุกพล่านเหมือนชั้นล่าง เสร็จแล้วค่อยไปคุยกับกู แล้วมึงจะดื่มอะไรกาแฟหรือชา”
“เอาน้ำเปล่าแล้วกัน”
“ลุงพุดละ รับกาแฟอีกไหม”
กัญญาเป็นคนถามด้วยน้ำเสียงอย่างคุ้นเคย
“ลุงขอน้ำอุ่นดีกว่าญา ลุงกินกาแฟตอนนั่งอยู่ข้างล่างแล้ว”
นพพยักหน้าให้เพื่อนก่อนจะเดินออกไปโดยกัญญาเดินตามออกไปพร้อมปิดประตูให้เรียบร้อย ในห้องมีโต๊ะประชุมตัวยาวและเก้าอี้ประมาณ 10 ตัวแคนนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ใกล้ๆลุงพุดเดินไปนั่งอีกด้าน แคนนั้นหยับเอาสมุดโน้ตออกจากกระเป๋าที่สะพายติดตัวมาเปิดพร้อมหยิบปากกาจากกระเป๋าเสื้อแล้วพูดขึ้น
“พ่อคงบอกอะไรลุงมาบ้างแล้ว”
“ครับคุณแคน ท่านบอกกับผมคร่าวๆแล้ว”
แคนเงียบไปชั่วขณะที่แม่บ้านนำน้ำดื่มมาเสิร์ฟแล้วพูดต่อหลังจากที่ประตูปิดสนิทแล้วพูดต่อ
“ผมบอกลุงตรงๆนะครับ ว่าตอนนี้ทางผมเจอปัญหาใหญ่มาก กับขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่มันไปขายถึงต่างประเทศแล้ว ทางผมเจอปัญหามาเกือบปียิ่งจับมันยิ่งมีมากขึ้นและมันไม่กลัวกฎหมายบ้านเมืองเลย และมันก็ตอบโต้อย่างรุนแรง มันฆ่าตำรวจทหารตายไปหลายคนแล้ว อย่างล่าสุดที่ถูกทหารเรือจับลุงคงเห็นข่าวแล้ว”
“ครับ จุดหมายมันจะมาที่ภูเก็ต คุณแคนอยากให้ผมรับใช้เรื่องอะไรครับ”
“อย่าเรียกว่ารับใช้เลย ผมพอจะรู้มาว่าลุงรู้จักคนเยอะตั้งแต่ชุมพรถึงที่นี่ ผมอยากจะให้ลุงช่วยแนะนำคนที่พอจะรู้เรื่องลึกๆเกี่ยวกับคนพื้นที่ไอ้ขบวนการนี้มันติดต่อ ผมว่าถ้ามันไม่ให้คนพื้นที่ช่วยในการขนตอนขึ้นบกมันลำบากแน่นอนเพราะมันคงไม่รู้เส้นทาง ที่ผมบอกแบบนี้เพราะเรื่องทหารเรือจับเฮโรอีนนี่ละครับ สายข่าวของเราไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย ถือว่าโชคดีอย่างมากที่ทหารเรือจับได้ มันทำเอาเรานั่งไม่ติดเพราะที่ผ่านมา มันมาไม่เกินเมืองกาญฯ แต่นี่มันลงมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้ามันขนทางฝั่งพม่าได้สะดวกเรายิ่งลำบาก เราคงจับมันไม่ได้ทุกครั้ง ดีไม่ดีคราวหน้ามันขนขึ้นเรือที่นอกน่านน้ำเราก็ทำอะไรไม่ได้ครับ บางส่วนของทางภาคใต้อย่างที่ระนองมันขนข้ามแม่น้ำมาได้สบายๆครับ ผมเลยอยากให้ลุงช่วยตรงนี้ แต่ไม่ได้ให้ลุงลงไปทำเองนะครับมันอันตรายมากครับ แค่ลุงช่วยแนะนำให้ว่าควรจะไปคุยกับใครก็พอ แล้วพวกผมจะไปคุยเองครับ”
ลุงพุดยิ้มออกมาแล้วตอบแคน
“ไม่ต้องห่วงครับคุณแคน เรื่องแบบนี้ผมเองก็ช่วยท่านพิชญ์มาหลายครั้งตอนท่านเป็นตำรวจ เรื่องนี้ผมเข้าใจครับ ผมจะช่วยครับแต่ขอเวลาหาข้อมูลสัก3-4 วัน ก่อน ผมจะลองเริ่มหาจากแถวระนองก่อนแถวนั้นมีคนรู้จักผมหลายคน”
“แต่อย่าลืมนะครับลุง ลุงไม่ต้องลงไปทำเองมันอันตรายมาก ผมเจอมากับตัวเองแล้วพวกมันไม่กลัวตายด้วย”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะระวังตัวครับ”
ลุงพุดตอบน้ำเสียงสุภาพแต่แคนดูจากแววตาแล้ว เชื่อว่าแกคงไม่เกรงกลัวอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับลุงพุดที่สังเกตชายหนุ่มที่นั่งฝั่งตรงข้าม ที่ดูหน้าตาดีแต่จากที่รู้เรื่องของแคนมาคร่าวๆจากท่านรองนายกกับนพแล้ว ลุงพุดเดาว่าผู้ชายคนนี้คงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ถึงใบหน้าจะยิ้มแต่แววตานั้นไม่ยิ้ม อายุแค่นี้แต่ได้ยศถึงพันตำรวจเอกคงไม่ใช่เรื่องทั่วๆไปแน่ที่จู่ๆได้ยศแบบก้าวกระโดดมา แถมไม่ได้เป็นตำรวจแล้วด้วย ทั้งคู่ต่างคุยเรื่องรายละเอียดกันร่วม 20 นาทีซึ่งแคนนั้นมีจดบันทึกข้อความที่น่าสนใจไว้ด้วย ก่อนที่แคนจะปิดท้าย
“ลุงพุดครับ นี่นามบัตรผม ถ้าลุงได้รายละเอียดมาแล้วโทรหาผมได้ทันที ถ้าติดต่อไม่ได้ให้ฝากข้อความไว้แล้วผมจะรีบโทรกลับครับ ขอบพระคุณลุงมากครับ”
แคนพูดพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณอีกฝ่ายนั้นรับไหว้ทันที พอออกจากห้อง ซึ่งกัญญาที่นั่งทำงานอยู่หน้าห้องทำงานขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ห่างออกไปนักรีบเดินเข้ามาหาทันที
“คุณนพสั่งว่าถ้าคุยกันเรียบร้อยเชิญไปที่ห้องทำงานคุณนพคะ”
เลขาของป้านพบอกแล้วเดินนำไปอีกห้องที่อยู่เยื้องออกไปไม่ห่างนัก แคนมองดูไปรอบๆตามนิสัยที่ถูกฝึกมา ชั้น2นี้ดูมีพื้นที่เยอะมาก น่าจะมาจากการออกแบบ อีกฝั่งนั้นเป็นห้องกระจกขนาดใหญ่ที่มีพนักงานนั่งทำงานอยู่ประมาณ20 คน ฝั่งที่ตนเองอยู่จะแบ่งเป็นห้องทำงานอยู่ 6-7 ห้องยังไม่รวมห้องประชุมที่ตนเองพึ่งออกมา แคนเห็นมีพนักงานหลายคนหันมามองจากห้องทำงาน กัญญาเดินนำไปเคาะประตูกระจกพร้อมเปิดประตูให้แคนกับลุงพุดเข้าไปส่วนตัวเองเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานเหมือนเดิม ในห้องทำงานที่ตกแต่งแบบเรียบง่ายตามนิสัยของเจ้าของห้องที่เงยหน้าขึ้นแล้วทักว่า
“คุยเรียบร้อยแล้วนะ”
“เออเรียบร้อยแล้ว ลุงพุดช่วยได้มาก”
“งั้น ลุงพุดอยู่กินอะไรก่อนไหมครับ นี่ก็บ่ายแล้ว”
“ไม่ละนพลุงขอตัวก่อนจะรีบกลับไปดูด้วยว่า พวกนั้นมันทำโป่งเทียมเสร็จหรือยัง”
“งั้นก็ตามสบายครับ ขอบคุณมากครับ”
นพบอกไปที่ผู้สูงวัยส่วนลุงพุดหันมาบอกแคน
“ผมไปนะครับคุณแคน ถ้าคืบหน้าแล้วจะรีบแจ้งทันที”
แคนรีบยกมือไหว้ลุงพุดอีกครั้ง แม้จะสะดุดหูกับคำว่าโป่งเทียม หลังจากลุงพุดเดินออกไปแล้ว แคนเดินมานั่งเก้าอี้หน้าโต๊ะเพื่อน หลังโต๊ะทำงานเป็นตู้เอกสารสูงขนาดเอวมีรูป ตั้งอยู่บนโต๊ะ2-3รูป รูปแรกเป็นรูปเจมส์กับลิลลี่นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าสระว่ายน้ำรายล้อมด้วยสุนัขพันธุ์ไซบีเรี่ยนกับโกลเด้น พอเห็นสระว่ายน้ำแคนจำได้ทันทีว่าเป็นบ้านที่กรุงเทพ ส่วนอีกรูปเป็นรูปฐาที่อุ้มลิลลี่นั่งอยู่เก้าอี้ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่มีสุนัขพันธ์โกลเด้น7-8 ตัว นั่งๆนอนๆ อยู่ด้านหน้ารูปนี้คงจะถ่ายที่บ้านที่พังงา ส่วนอีกภาพเป็นภาพลิลลี่นั่งอยู่บนตักคุณย่าโดยมีคุณปู่นั่งอยู่ข้างๆ
“รูปพวกนี้ฝีมือมึงถ่ายหมดเลยสิ”
แคนถามไปที่เพื่อน
“เออใช่”
“ฝีมือมึงไม่ตกเลย ภาพคมมาก”
นพหัวเราะเบาๆแล้วถามเพื่อนกลับ
“ลุงพุดว่ายังไงบ้างวะ”
“แกก็บอกว่าจะคุยกับคนที่แกรู้จักให้”
“งานมันใหญ่มากหรือไงเห็นพ่อก็พูดเหมือนกัน”
“มากวะ กูบอกตรงๆ มันเป็นเครือข่ายที่ใหญ่กว่าที่กูคิด น่าหนักใจกว่าตอนนั้นอีก ก็ตามข่าวนะโรงงานผลิตมันอยู่แถวสามเหลี่ยมทองคำ เราทำอะไรไม่ได้มากนัก”
แคนบอกเพื่อนเท่าที่จะบอกได้ส่วนนพบอกเพื่อนพร้อมชี้ไปบนโต๊ะที่มีจานแก้วใบเล็กๆวางอยู่
“ลองกินดูสิ กล้วยกวนจากสวนที่ลุงพุดดูแลให้อยู่นะ”
แคนหยิบขึ้นมาแกะกิน 1 ชิ้นตามที่เพื่อนแนะนำ
“เอออร่อยวะ”
แคนหยิบกินมาแกะกินต่ออีก 1ชิ้น
“ตามสบาย เป็นไอเดียของฐากับตูน ป้าก็เห็นด้วย เอาผลไม้ที่ปลูกมาแปรรูป มีทั้งกล้วยกวน กล้วยอบ กล้วยฉาบ แล้วส่งขาย ที่หน้าสวนก็ทำร้านขายด้วย มีร้านมารับไปขายต่อเยอะ ผิงก็เอาทั้งกล้วยทั้งกาแฟไปขายที่ร้านกาแฟด้วย ร้านที่เปิดใกล้สตูดิโอนะ”
“ดีวะ ถูกปากมากไม่หวานจนเกินไป”
แคนตอบพร้อมหยิบขึ้นมากินต่อพร้อมคุยกับเพื่อนต่อ แต่หลังจากที่คุยกันไม่เท่าไหร่ประตูถูกเคาะและเปิดออกทันที หญิงสาวหน้าตาสวยโผล่หน้าเข้ามาแคนนั้นหันไปมอง
“สวัสดีคะพี่แคน คุยกับลุงพุดเรียบร้อยแล้วหรือคะ”
“อ้าวคุณฐาคุยเรียบร้อยแล้วครับ”
“งั้นเชิญคะพี่แคน ทานของว่างก่อนกลับ ป้ารออยู่ในห้องแล้ว”
“ไปโว้ยแคน ยังมีเวลาเหลือกินกาแฟกันก่อนกลับ”
นพพาเพื่อนออกไปยังห้องที่อยู่จากห้องทำงานตนเองโดยมีห้องทำงานอีกห้องหนึ่งคั่นอยู่
“ห้องทำงานของใครมั่งวะ มีตั้งหลายห้อง”
“โน่นห้องที่คุณญานั่งอยู่ข้างหน้า เป็นห้องทำงานของประธานบริษัทคือป้า ถัดมาเป็นห้องที่ปรึกษา 2ห้องคือห้องพ่อกับคุณแม่ กูทำเตรียมไว้ให้ ส่วนห้องที่อยู่ติดๆกับห้องประชุมเล็กเป็นห้องทำงานฐา ส่วนห้องที่กำลังเข้าไปเป็นห้องทานข้าว”
“แล้วห้องนี้ละ”
แคนถามเพื่อนพร้อมชี้ไปที่ห้องทำงานที่ติดกับห้องนพ พอได้ยินนพทำหน้าเบื่อๆ แต่ฐาหันมาตอบแทน
“ห้องที่ปรึกษาพิเศษคะ ไม่มีไม่ได้ เป็นห้องทำงานของตูน ทะเลาะกับพี่นพแทบตายจะต้องสร้างห้องให้เขาด้วย เพราะตอนแรกพี่นพไม่ยอมทำให้ แต่ป้ากับคุณพ่อบอกให้ทำให้ พี่นพก็เลยต้องสั่งให้แก้แบบทำห้องทำงานให้ตูนอีกห้อง”
ระหว่างที่คุยทั้งสามต่างดินเข้าไปในห้องที่ใช้ทานข้าว ซึ่งมีสุภาพสตรีสูงวัยกำลังนำเค้กใส่ลงบนจาน
“ป้าฐาทำให้ดีกว่าคะ”
“ไม่ต้องหรอกลูก ฐาไปเตรียมกาแฟดีกว่า”
ป้าของนพพูดและเงยหน้าขึ้น แคนนั้นยกมือไหว้ทันที ถึงภายนอกจะดูเป็นสุภาพสตรีสูงวัยที่ถือตัวและเคร่งขรึม แต่คนใกล้ชิดจะรู้กันว่า ป้าของนพนั้นเป็นคนที่ใจดีอย่างมากเหมือนกับยายของนพ แต่ด้วยภาระหน้าที่ ที่ต้องช่วยยายของนพดูแลกิจการตั้งแต่ตาของนพเสียไป ทำให้ต้องวางตัวเพื่อให้คนเคารพและเกรงกลัว
“เป็นไงลูก คุยกับตาพุดเรียบร้อยแล้วนะ”
“ครับป้า”
แคนพูดพร้อมกับนั่งลง ตามที่นพบอก ไม่นานนักกาแฟสดอันหอมกรุ่นพร้อมเค้กมะพร้าววางอยู่ตรงหน้าทุกคน
“พี่แคนเค้กเจ้าอร่อยนะคะ มาจากโรงแรม 6 ดาวของที่นี่ ส่วนกาแฟสดมาจากไร่คะ”
ฐาเป็นคนบอก แคนลองชิมตามคำเชิญซึ่งมันจริงตามคำบอก เค้านั้นนุ่มมากส่วนกาแฟนั้นรสเข้มข้นจริงๆ
“งานหนักไหมลูก ป้าเห็นข่าวที่ชิงตัวผู้ต้องหาแล้วดูน่ากลัวมาก”
ป้าของนพถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง เพราะรู้ว่าเพื่อนของหลานคนนี้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย
“พอสมควรครับป้า ดีที่รู้สึกแปลกๆเลยเตรียมตัวไว้ทัน ไม่อย่างนั้นแย่เหมือนกัน”
“แต่ยังอุตส่าห์นึกถึงร้านเพชรนะพ่อคุณ”
“กลัวใครจะมาหาจังหวะสวมรอยครับ ป้องกันไว้ก่อนจะดีที่สุด วันก่อนก็แวะไปเจอแม่กับตูนที่ร้าน เจอลิลลี่ด้วยครับ”
“คะคุณแม่กับตูนเล่าให้ฟังแล้ว แต่ฐายังแปลกใจอยู่ ปกติลิลลี่ไม่ค่อยจะให้ใครอุ้มง่ายๆแต่วันนั้นตูนบอกว่าลิลลี่กางแขนจะให้พี่แคนอุ้ม”
ฐาพูดต่อจากป้าด้วยสีหน้ายิ้มก่อนจะพูดต่อ
“เลยสงสัยว่าน่าจะมาจากวันที่ไปร้านพ่อกับแม่พี่แคนแล้วได้กินลูกชิ้นของโปรด เลยจำได้ดี ขนาดหมออ้อมเจอกันบ่อยๆตั้งนานกว่าจะยอมให้อุ้มนะคะ”
แคนหัวเราะเบาๆ
“มิน่าจ้องอยู่สักพักพอคุณแม่ถาม พยักหน้าทันที สงสัยชอบมาก”
“ชอบคะ แย่งกินกับพี่เจมส์ ป้อนกันแทบไม่ทัน”
จากการพูดคุย ทำให้รู้ว่าฐานั้นก็ห่วงลูกมากแต่ก็สบายใจที่คุณแม่ของนพดูแลอย่างดี เพราะเหตุผลเดียวกันที่ป้าของนพเห็นด้วยคือลิลี่นั้นเจอกับความดันของอากาศบนเครื่องบินทำให้หูอื้อ จนงอแงไม่หยุดเวลาเดินทางมาที่พังงา แต่เบาใจที่คุณแม่ของนพกับตูนช่วยกันเลี้ยง และนพบอกกับเพื่อนว่า
“ก็ต้องรอให้โตกว่านี้ก่อนนะถึงจะพามาอยู่ด้วยสงสารคุณแม่กับน้าปานเหมือนกันที่ต้องมาเหนื่อยอีก แต่เห็นเขามีความสุขกันดีที่ได้เลี้ยงเด็ก ลิลลี่ไม่เหมือนเจมส์รายนั้นชอบขึ้นเครื่องบิน แต่ก็เบาใจบางทีพี่ต้นกับพี่ใจเขาก็พาไปเที่ยวด้วย เวลาเดินเจมส์อาสาเข็นรถเข็นให้น้องทุกครั้ง แถมที่บ้านมีพี่ๆอีก 7ตัว ช่วยกันเลี้ยง ดูจากวงจรปิดบางทีหมากับคนนอนท่าเดียวกันเลยหมานอนแผ่คนก็นอนท่าเดียวกัน ลิลลี่ติดแตงโมมากกว่าเจมส์อีก ”
ทำเอาทุกคนหัวเราะออกมาแต่แคนถามไปที่นพต่อ
“เออเมื่อกี้เห็นลุงพุดบอกทำโป่งเทียมนี่มันอะไร เลี้ยงอะไรอยู่หรือไง”
นพนั้นยิ้มๆแต่ป้าของนพตอบแทน
“ทำเอาไว้เลี้ยงช้างป่านะ จะมีช้างป่าอยู่2-3 โขลง ปีหนึ่งจะแวะมาสักครั้ง ตั้งแต่สมัยตาของนพซื้อที่ตรงนั้นใหม่ๆแล้ว ตอนแรกชาวบ้านแถวนั้นก็เดือดร้อนเพราะช้างป่ามาบุกรุกไร่ สวนของพวกเขา ตาพุดแกก็เสนอให้เราสละที่สัก 2ไร่ ปลูกต้นกล้วยต้นอ้อยให้นะ ทำบ่อน้ำให้ด้วย เอาไว้เลี้ยงพวกนี้ ชาวบ้านจะได้ไม่เดือดร้อนตาของนพเห็นด้วยเลยทำกันมาถึงทุกวันนี้ ทำโป่งเทียมให้ด้วย มันก็ได้ผลพวกช้างก็ไม่ไปที่อื่นมุ่งหน้ามากินของที่เราปลูกให้ ทางกรมอุทยานเขาก็มาขอดูแลด้วยนะเวลาพวกช้างมา”
“แล้วทำทัวร์ให้คนมาดูด้วยหรือเปล่าครับป้า”
แคนถามเพราะเพื่อนมีธุรกิจที่โคกับบริษัททัวร์ที่สิงคโปร์ด้วย แต่นพเป็นคนตอบ
“ไม่ทำ ปล่อยให้พวกอยู่ตามธรรมชาตินะดีแล้ว คนมากก็ไปกวนเวลาเราไปดูก็ดูห่างๆ และลุงพุดกับคนงานก็คอยช่วยตรวจดูไม่ให้คนนอกแอบเข้ามา ตอนแรกก็มีติดต่อมาเหมือนกันแต่ปฏิเสธไป พวกที่จะแอบเข้ามาดูก็ไม่กล้ากลัวลุงพุด”
“เป็นแบบนี้เองแต่ตัวลุงท่าทางแกจะเป็นคนดุมาก”
“ไม่หรอกตาพุดแกนะใจนักเลง อยู่กับตาของนพตั้งแต่เริ่มทำอู่ซ่อมรถ ล้มลุกคุกคลานมาด้วยกัน อาศัยว่าแกรู้จักคนเยอะ เห็นแบบนี้ตาพุดแกเก่งหลายเรื่องนะ ซ่อมรถก็เป็น ทำสวนทำไร่ก็เป็น ครอบครัวแกก็ทำงานกับเรา เมียแกคอยดูเรื่องขายผลไม้รวมเรื่องเอาผลไม้จากสวนมาแปรรูปอย่างพวกกล้วยกวน กล้วยอบ ลูกสาวก็เป็นผู้จัดการร้านที่ขายของพวกนี้ร้านอยู่หน้าสวน เราก็มีกาแฟที่ปลูกเองจากไร่มาทำกาแฟสดขายด้วย ส่วนลูกชายแกก็ดูเรื่องจัดส่งของ ไว้ใจได้ทั้งครอบครัวซื่อสัตย์มากดูแลไร่ สวนอย่างดี ไม่มีใครกล้ามาขโมยเวลามีเด็กมาขโมยถ้าแกจับได้แกอบรมบอกว่าถ้าอยากกินให้มาบอกอย่าขโมยแล้วให้ไปกิน พ่อแม่รู้เข้าก็รีบมาขอโทษแกก็ไม่ว่าอะไร ตัวตาพุดเองก็ประหยัดเงินให้ทางเราทุกทาง ขนาดตอนที่จะซื้อรถกระบะกับรถ 6ล้อคันใหม่ให้ใช้ในสวน ก็ไม่ยอมบอกว่าของเก่าซ่อมได้พอดีตอนนั้นครบ100วัน ยายของนะพอดี พิชญ์เลยมาช่วยพุดให้เพราะคันเก่าที่มี4-5คันมันโทรมหมดแล้วซ่อมก็ไม่คุ้มเสีย แกเกรงใจพิชญ์เลยยอมให้ซื้อให้แต่มีต่อรองนะ คันที่แกใช้เอารุ่นธรรมดาที่สุดไม่ต้องติดอะไรมา เพราะแกบอกว่าขับแค่ไปรับส่งของที่บ้านกับที่สวนเท่านั้น เมื่อก่อนแกก็ช่วยพิชญ์หาข่าวหลายเรื่องสมัยที่พิชญ์เป็นตำรวจนะ แกทั้งนับถือทั้งเกรงใจพิชญ์มาตลอด”
ป้าของนพเป็นคนบอกกับแคน ถึงจะไม่รู้ว่าท่านรองนายกแนะนำให้แคนมาคุยกับลุงพุดเรื่องอะไรรแต่ก็พอจะเดาออกว่าต้องเกี่ยวกับเรื่องการจับเฮโรอีนเมื่อไม่นานนี้อย่างแน่นอน และที่แคนลงมาเองมันน่าจะสำคัญมากเช่นเดียวกัน ส่วนแคนนั้นดูจะผ่อนคลายสบายใจมากขึ้นเมือได้มาเจอเพื่อนหลังจากที่เคร่งเครียดกับภารกิจที่ผ่านมาพอสมควร ถึงภารกิจแรกจะสำเร็จไปด้วยดี แต่ทุกคนในทีมพิเศษต่างรู้ว่าถ้าพลาดนิดเดียว ความตายนั้นมาเยือนอย่างแน่นอน ทุกคนยังเป็นมนุษย์ย่อมมีความกลัว เช่นเดียวกับแคนที่มีทั้งความเครียดกับความกลัว ก่อนจะถามป้าของนพต่อ
“ป้าออกแบบอาคารได้สวยมากครับ ตอนแรกนึกว่านพมันอำเล่น ”
ทำเอาผู้อาวุโสหัวเราะ
“เรื้อไปนาน ต้องรื้อฟื้นกันพักใหญ่ นพนะเป็นคนอ้อนวอนให้ทำ”
“มีคนมาอ้อนวอนให้ออกแบบให้อีกด้วยนะพี่แคน”
“ฐานั้นเสริมขึ้นทันที
“ใครหรือครับ”
“เจ้าของโรงแรมที่เรากินเค้กอยู่นี่ไง เขามาขอที่ซื้อจากนพนะ”
แคนฟังป้าของนพเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนตาของนพชวนพ่อของนพซื้อที่ดินที่รกร้างไม่ห่างจากชายทะเลแห่งหนึ่ง ตาได้มา 10 ไร่ แบ่งกันคนละ 5 ไร่เพราะคิดจะซื้อมาเพื่อขายต่อ ต่อมามีการสร้างโรงแรมขึ้นมาใกล้ๆ ทางโรงแรมได้มาขอซื้อที่ต่อจากพ่อของนพ ส่วนของตานั้นยังไม่ขายก่อนที่ตาจะเสียได้ยกที่ให้นพพร้อมสั่งยายว่าให้นพตัดสินใจเอง จนยายเสียทางเจ้าของโรงแรมมาอ้อนวอนขอซื้อเพื่อจะขยายที่ นพจึงขายให้เลยสนิทกัน พอวันเปิดตึกหลังนี้ทางนพเชิญมาด้วย เจ้าของโรงแรมมาเห็นการตกแต่งและรู้ว่าป้าของนพเป็นคนออกแบบ จึงมาอ้อนวอนขอร้องให้ป้านพช่วยออกแบบภายในอาคารที่สร้างเป็นห้องอาหาร ป้าของนพทนคำอ้อนวอนไม่ได้เลยออกแบบให้ฟรีๆ ทางเจ้าของโรงแรมเลยตอบแทนให้ครอบครัวของนพพักโรงแรมในเครือได้ฟรี แถมส่งเค้กกับขนมมาให้ทานประจำ จนได้เวลาก่อนจะกลับนพได้เอากล้วยกวนกับกล้วยอบที่อยู่ในถุงขนาดใหญ่ให้แคน
“เอาไปกินเล่น”
นพบอกเพื่อนแต่แคนพอเห็นกล้วยอบที่ทำจากกล้วยเล็บมือนางได้กระซิบถามเพื่อน
“กูจะสั่งกล้วยอบ 50 กล่องนะ เท่าไหร่วะจะได้จ่ายเงินเลย”
นพนั้นไม่ถามเหตุผลว่าเพี่อนจะสั่งไปทำอะไรเพียงแต่บอกกลับไป
“เงินนะไม่ต้องหรอกกูจะให้คนไปส่งให้ ให้ไปที่ทำงานมึงนะ”
พอแคนพยักหน้า นพบอกเพื่อนต่อ
“แล้วกูจะโทรบอกมึง ว่าของจะไปถึงวันไหนแต่คงไม่เกิน 2วัน”
หลังจากนั้นแคนได้ลาป้าของนพกับฐา ก่อนจะเดินลงบันไดไปกับนพ ฐาได้เดินตามป้าสามีหรืออีกนัยหนึ่งคือประธานบริษัทได้เดินมาที่ห้องทำงานประธานบริษัท พอถึงโต๊ะของเลขา
“เป็นอะไรจ๊ะแม่ญา”
ป้าของนพถามไปที่เลขาเพราะเห็นมองตามแคนตลอด
“หล่อมากกกกกกกกกก คะท่านประธาน ขนาดว่าคุณต้นหล่อแล้ว เจอเพื่อนคุณนพนี่หล่อกว่า พวกสาวๆกรี๊ดกันใหญ่เลยคะท่าน ตอนมาถึงประชาสัมพันธ์รีบโทรมาบอกเลยว่าเพื่อนคุณนพหล่อมาก พวกสาวๆในออฟฟิตก็เหมือนกันชะเง้อดูกันใหญ่คะ”
“แหมแม่นี่เห็นคนหล่อๆไม่ได้เลยนะ”
“ทั้งสูงทั้งขาวเลยนี่คะดีไม่ใช่หน้าพิมพ์นิยมแบบเกาหลีไม่งั้นกรี๊ดกันมากกว่านี้ ญาเปลี่ยนใจแล้วคะ ไม่รอน้องเจมส์แล้วเพื่อนคุณนพนี่ละคะ ไม่รอเป็นสะใภ้สารวัตรต้นกับคุณใจแล้วคะ”
ประโยคนี้ทำเอาป้าของนพหัวเราะ เพราะตอนเจมส์มาที่นี่กัญญาบอกต้นกับใจว่าขอจองไว้ก่อน ส่วนฐานั้นได้พูดขึ้น
“พ่อพี่แคนเป็นคนเชียงรายคะถึงผิวขาวแบบคนเหนือ แต่เห็นหล่อๆแบบนี้โหดกว่าพี่ต้นนะคะ ตูนเรียกพี่แคนว่าแรมโบ้คะ ”
“อ้าวทำไมละคะคุณฐา”
“จำข่าวที่มีชิงตัวผู้ต้องหาค้ายาเสพติดกลางกรุงได้ไหมคะ”
“จำได้คะ”
“คุณพ่อบอกว่าถ้าไม่มีพี่แคนกับพวกนี่ ตำรวจอาจตายหมดนะคะ พวกผู้ร้ายที่ตายๆนะฝีมือพวกพี่แคนทั้งนั้นคะ”
พอได้ยินสิ่งที่ฐาบอกทำให้กัญญานั้นทำหน้าเหรอออกมา ทำให้ฐานั้นหัวเราะก่อนจะเดินตามป้าเข้าไปในห้องทำงาน ภายในห้องทำงานป้าของนพได้ถามฐา
“จริงอย่างที่ญาพูดว่าแคนนั้นหล่อสะดุดตาจริงๆ แต่ป้าสงสัยว่าทำไมไม่มีแฟนสักที”
“เดาจากที่พี่ธงเคยบอกไว้ น่าจะมาจากงานคะ ยิ่งช่วงหลังๆพี่แคนไปต่างประเทศบ่อยมาก”
“อาจเป็นไปได้”
แต่ฐากับนพนั้นรู้จากตูนและคุณแม่ว่า หมออ้อมนั้นให้ความสนใจใจตัวแคนอย่างมากถึงกับถามเรื่องของแคนเพิ่มเติมในวันที่เจอกันที่ร้านเพชร ฐาเองก็รู้จักกับหมออ้อมดีเพราะเป็น 1 ในลูกค้าประจำของคลีนิคหมออ้อมแต่เรื่องนี้ฐาไม่ได้บอกป้าสามี ส่วนแคนระหว่างทางที่ไปสนามบินแคนได้บอกกับนพด้วยน้ำเสียงที่ปกติ
“นพถ้ากูเป็นอะไรขึ้นมา ฝากดูแลพ่อกับแม่กูด้วยนะ”
นพนิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะถามกลับ
“ทำไมมึงพูดแบบนั้นวะ”
แคนถอนหายใจแล้วถึงตอบเพื่อน
“งานของกูมันอันตรายขึ้นทุกวัน กูกลัวว่ากูอาจจะพลาดก็ได้ พ่อกับแม่กูก็ไม่มีใครแล้ว กูก็เห็นมีแต่มึงเท่านั้นละที่จะดูแลพ่อกับแม่แทนกูได้หากกูไม่อยู่ในโลกนี้ ”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ กูรับปาก”
“ขอบใจมากเพื่อน”
แคนนั้นตื้นตันใจเพื่อนมาก ความมีน้ำใจของเพื่อนที่มีให้ต่อตนเองนั้นมันมีมากจนแคนไม่รู้จะตอบแทนยังไง เหมือนกับนพที่รู้ว่าเพื่อนเคยเจอกับอะไรมาบ้าง ความอยุติธรรมที่เคยได้รับมันสร้างบาดแผลในชีวิตให้กับเพื่อนมันกลายเป็นแรงกระตุ้นจนเพื่อนมาถึงวันนี้ นพนั้นพอจะเดาออกว่าเพราะอะไรที่เพื่อนถึงก้าวกระโดดในเรื่องการเลื่อนยศถึงพ่อจะไม่เคยพูดถึง แต่คนฉลาดอย่างนพที่รู้ความเป็นมาของแคนพอสมควรทำให้พอจะเดาออกว่า เพื่อนต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับข่าวลือการระเบิดโรงงานผลิตยาของว้าแดง จนทำให้อดีตกำนันผู้มีอิทธิพลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของครอบครัวลุงของแคนนั้นหายสาบสูญถึงทุกวันนี้อย่างแน่นอน แต่นพรู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ควรพูด และตอนนี้แคนต้องทำงานใหญ่ที่เป็นภารกิจลับอย่างแน่นอน พอนพส่งเพื่อนเรียบร้อย ระหว่างที่รอขึ้นเครื่องธงรบได้โทรมาแคน
“เรียบร้อยนะ”
“รอลุงพุดติดต่อกลับวะ”
“ก็ถือว่าคืบหน้า เราน่าจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม แต่พรุ่งนี้ต้องรบกวนทีมงานของมึงอีกงาน”
“อะไรวะ”
“ไอ้ทหารลาวที่มึงยิงมอเตอร์ไซด์มันนะ ตอนนี้มันอาการดีขึ้นมากแล้วกูเอามันออกจากโรงพยาบาลมาอยู่เซฟเฮ้าส์แต่มันไม่ยอมพูดอะไรเลย กูอยากให้พวกมึงช่วย”
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน