ช่วงนี้เหนื่อยล้ามากครับ อารมณ์ไม่ค่อยมีจะปั้นจะเขียนอะไรมีพอแต่เรื่องนี้แต่เอาเรื่องเก่ามายำเลยง่ายหน่อยๆ
จะพยายามเรียกความฟิตกลับมานะครับ คาดว่าต้นปีอะไรๆลงตัวคงจะมีงานสู่ตลาดถี่ขึ้นครับ ----------------------------------------------------------
ตอนที่ 6
คมมีดจากลูกน้องทรยศพุ่งใส่ต้นคอผู้เป็นหัวหน้า เพื่อผู้หญิงคนนี้มันคุ้มค่าพอที่จะยอมเสี่ยง
บรึมมมมม!!
ก่อนคมมีดจะถึงเป้าหมาย เสียงระเบิดกึกก้องก็ทำให้ทอมมี่ชะงัก เป็นจังหวะเดียวกับที่หัวหน้าโจรหันกลับมาพอดี
"ทอมมี่...เจ้าทำอะไร?"
มันถามสมุนอย่างงุนงง ตามองมีดในมือจอมโกหกอย่างสงสัย
"หัวหน้า เราโดนบุกก"
โชคดีที่ลูกสมุนอีกคนวิ่งขึ้นมาแจ้งข่าว ทอมมี่จึงรีบตามน้ำทันใด
"ข้ามาแจ้งเรื่องนี้ ข้าว่าเราต้องรีบหนีแล้วครับ"
แม้จะยังสงสัยไอ้เด็กทอมมี่ แต่มันต้องสนใจเรื่องที่โดนบุกก่อน
"ใครบุกเข้ามาวะ"
หัวหน้าโจรรีบใส่เสื้อผ้าคว้าอาวุธเดินนำออกไป
"ข้าก็ไม่รู้ แต่น่าจะเป็นทหาร มันใช้ดาบใหญ่เกราะสีแดงเหมือนไฟ มาแค่คนเดียวแต่ไล่ฟันพวกเราจนตั้งตัวไม่ทันเลยครับ"
หัวหน้าโจรเป่าปากคิดตรึกตรองครู่นึง ก่อนตัดสินใจสู้ ถิ่นของมัน มันย่อมได้เปรียบแถมจำนวนคนก็มากกว่า มันไม่เชื่อว่าจะรุมแล้วไม่ชนะ โจรในสังกัดมันก็ไม่ใช่กระจอกแบบที่เอเลน่าเข้าใจ
"ไปเรียกทุกคนมาให้หมด ทอมมี่พานังนี่ไปหลบที่หลังค่าย"
มันสั่งการและวางแผนไปจัดการผู้บุกรุกที่ขัดความสุขของมัน เก่งแค่ไหนแต่ถ้ามาลำพังก็ไม่รอดเงื้อมือมันไปได้
ที่หน้าซุ้มโจร
พวกมันลายสิบคนมองเพื่อนร่วมค่ายที่นอนตายอย่างสับสนหวาดผวา ไอ้นักดาบนี่มันใครกัน
มันเดินตรงมาไม่พูดไม่จาแกว่งดาบเพลิงระเบิดแนวสิ่งกีดขวางทิ้งและไล่ฆ่าพวกมันทีละคนๆ ตอนนี้พวกมันต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครกล้าเข้าไปท้าทายนักรบเกราะแดงคนนี้อีก
โอเวอร์เดินไปหากลุ่มโจรช้าๆ แต่เมื่อมันไม่เข้ามาหาความตาย งั้นความตายก็เข้าไปหามันเองก็แล้วกัน จะสับให้เหี้ยนเลย
พวกมันสามคนหน้าสุดมองหน้ากันและตะโกนปลุกขวัญ วิ่งเฮเข้าใส่เขาพร้อมกัน โอเวอร์ยิ้มเหยียดที่มุมปากตวัดฟันแนวขวางฉับเดียว สามคนที่วิ่งเข้ามาล้วนขาดครึ่งท่อน โดยไม่มีใครมองดาบทัน ทั้งที่ดาบเล่มนั้นดูหนายาวเทอะทะแต่มันดูเบาเหมือนดาบไม้ในมือนักรบผู้นี้ พวกโจรเริ่มเข้าใจถึงความห่างชั้นของฝีมือแต่เสียงของหัวหน้าพวกมันก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
"ท่านนักรบ ข้าว่าข้าไม่รู้จักท่าน ใยท่านต้องมารบกวนเข้ากับลูกน้องด้วยเล่า ช่างไม่รู้จักหลบหลีกปัญหาเสียเลยนะ"
"คืนคนของข้ามาและวางอาวุธมอบตัว ข้าจะละเว้นโทษตายให้"
โอเวอร์พูดเสียงราบเรียบ ปักดาบยาวลงที่พื้นมองไอ้หัวหน้าโจรด้วยสายตาแข็งกร้าว
"โอ้ เจ้ามาทวงนางคืนนี่เอง ข้าเจ้าใจว่าทำไมเจ้าหวงนางนะ แม้จะเด็กแต่นางก็อวบอิ่มขนาดนั้น นมกลมดูดไม่มีเบื่อ ร่องรักก็ตอดสมกับเป็นสาวบริสุทธิ์ ข้าละน้ำแทบหมดตัว"
"ไอ้บัดซบเจ้า? เจ้าล่วงเกินนางไปแล้วเหรอ ตายซะไอ้ชั่ว!!!"
ง้างดาบขึ้นตั้งท่า ใบดาบใหญ่กว้างสองคืบเริ่มปลดปล่อยเปลวไฟออกมาคลื่นความร้อนแผ่พุ่งออกมาโดยรอบจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“เอาเถอะ ข้าสนุกกับนางแล้ว เดี๋ยวข้าจะพานางกลับมาให้ แต่เท่านอาจจะต้องเอานางเด็กนั้นไปอาบน้ำหน่อยนะ พอดีข้าทำเลอะไปไม่ใช่น้อยๆ”
แม่ทัพหนุ่มด่ามันคำนึงก่อนจะโกรธจนลืมตัวกระโดดขึ้นยกดาบหมายผ่าหัวหน้าโจรให้ร่างแยก
แต่พอเขากระโดดขึ้นมากลางอากาศแบบนั้นก็เป็นตามแผนของมัน
ลูกธนู ลูกบอลเวทย์ไฟ น้ำแข็ง ลมถูกสารพัดเวทย์ยิงจากป่ารอบด้านพร้อมๆกันใส่โอเวอร์ที่เป็นเป้านิ่งที่อยู่กลางอากาศจังๆ
ตูมมมๆๆๆ
เสียงระเบิดกึกก้องป่า
เจ้าโจรร้านแสยะยิ้ม ต่อให้มีพลังแค่ไหนเจอลอบโจมตีแบบนี้ก็เรียบร้อย ต่อให้ไม่ตายทันทีก็หมดสภาพนอนรอให้เชือด
แต่พอฝุ่นควันจางลงชายคนเดิมกลับยืนอยู่อย่างไร้รอยขีดข่วน แม้คราบเขม่าบนตัวยังไม่มีให้เห็น โอเวอร์เอาดาบฟาดไหล่พยักหน้าเบาๆเมื่อข้อสงสัยในหัวตนถูกคลี่คลาย
"เคยเป็นทหาร นักล่าค่าหัวหรือต้องเคยผ่านการฝึกมาสินะ เจ้าน่ะรู้จักใช้กลยุทธ์แบบนี้ไม่ใช่ชาวบ้านแน่"
โอเวอร์เอ่ยถามหัวหน้าโจรเสมือนการลอบโจมตีเมื่อกี๊ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนใดๆเขาเลย
ฝั่งหัวโจกไม่ตอบ มันสัมผัสได้ถึงความอันตรายของอีกฝ่ายอย่างชัดเจนมันรู้แผนของเขาล่วงหน้าอยู่แล้ว แสดงว่ามันร้ายกว่าที่คาดหารณ์หลายเท่า ไม่ใช่โอเวอร์ติดกับของมัน มันต่างหากที่เดินตามแผนเขาทุกอย่าง
"ใครฆ่ามันได้ ข้าให้ทองสิบถุงและนางเด็กนั้นไปทำเมีย พวกเราบุกกก"
แม้จำนวนที่มีมากกว่าถือว่าข้อได้เปรียบ แต่การเอาไข่ปาใส่หินสิ่งที่แหลกก็ย่อมเป็นไข่วันยังค่ำ โอเวอร์ใช้เพียงแขนเดียวตวัดดาบทั้งฟันและปัดป้องเวทย์และลูกธนูที่ลอบยิงออกมาจากป่าไปพร้อมกันมือซ้ายร่ายเวทย์สะบัดมือยิงเวทย์ไฟยิงสวนเข้าไปในป่าเป็นชุดๆ เหล่าผู้ลอบโจมตีวิ่งหนีระเบิดไฟกันอย่างอลหม่าน
ถึงเป็นเวทย์ระดับล่างแต่พอใช้โดยผู้ชำนาญธาตุไฟระดับสูงเช่นโอเวอร์อานุภาพจึงแตกต่างจากคนทั่วไปหลายเท่าสองขาก็ไม่ได้หยุดนิ่งเดินเข้าไปฟาดฟันเหล่าโจรที่พุ่งตรงใส่อย่างไม่กลัวตาย
ไม่ถึงสิบนาทีตรงนั้นก็มีเพียงซากศพพวกมันโจรที่เหลือไม่กี่คนวางอาวุธคุกเข่าขอชีวิตกับโอเวอร์ กลุ่มโจรมากกว่าสามสิบคนตอนนี้เหลือเพียงสามคน โอเวอร์ซัดพวกมันที่เหลือจนสลบและมัดไว้อย่างแน่นหนา ก่อนจะค้นหาศพคนที่เป็นหัวหน้าซึ่งไม่พบตัว
"หนีไปแล้วสินะ หึ มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก"
เขาคาดไว้แล้วว่าพวกตัวหน้ามันต้องหนี เขาเลยให้หน่วยรบที่มาด้วยกันขี่ม้ามาอ้อมไปตีขนาบมันตัดทางหนีเรียบร้อย
ทหารม้าสิบนายควบม้าผ่านป่าอย่างว่องไวกลุ่มโจรแม้จะเจนพื้นที่แต่พอมาเจอทหารม้าที่ฝึกมาอย่างดีก็เอาตัวไม่รอด
“มันอยู่ตรงนั้น เอาตัวมันมาให้ท่านแม่ทัพ”
เขตป่าทึบที่ม้าจะวิ่งไม่ได้อยู่ไกลแต่เห็นได้ชัดว่าพวกมันคงตายหมดสิ้นก่อนจะถึงเป็นแน่ คิดถูกจริงๆที่ไม่พาเด็กสาวนั้นมาด้วยไม่งั้นป่านนี้คงตายกันหมดนานแล้ว
ต้องใช้วิธีสุดท้ายแล้ว
"แยกกันหนี เร็วเข้าวิ่งอย่างเดียวแยกกันไปคนละทาง"
พอได้รับคำสั่งพวกมันก็เลิกป้องกันตัวโกยแนบสุดฝีเท้า
เด็กหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าทหารสั่งชี้หอกในมือสั่งให้กระจายกำลังไล่ล่าไม่ลดละตัวเขาเร่งม้าไล่กวดหัวหน้าโจรเป็นเป้าหมายหลัก หอกควงสะบัดปัดป้องเวทย์ที่โจมตีเข้ามา ในบางจังหวะก็ร่ายเวทย์ยิงสวนกลับไป ด้วยความแตกต่างของฝีมือและความว่องไวจากอาชาชั้นดีและการฝึกไม่กี่อึดใจคมหอกของเขาก็คงสังหารมันได้
ทว่าจอมโจรร้ายก็มีแผนการของมันเช่นกัน มันเริ่มร่ายเวทย์ไม้ตายของมันช้าๆ เวทย์มืดต้องห้ามที่มันขโมยมาจากราชวงศ์ที่มันเคยรับใช้
แต่มันจะร่ายเวทย์จบบทหรือตายด้วยคมหอกก่อนไม่มีใครคาดเดาได้
โอเวอร์เดินตรวจบ้านทีละหลังเพื่อหาเด็กน้อยเจ้าปัญหา ในที่สุดเขาก็เจอเบาะแส ในบ้านหลังเล็กมีเศษผ้าตกอยู่ กวาดสายตาดูพบเสื้อที่ขาดบอกได้เลยว่าเป็นของเอเลน่าแน่นอน
โอเวอร์กัดฟันกรอดเมื่อเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กน้อยของเขา เขาพยายามมองหาร่องรอยต่อ ไม่นานก็พบร่อยลากไปทางมุมหนึ่งแม่ทัพเพลิงรีบตามรอยนั้นไปทันที
ไม่นานนักหลังจากโอเวอร์จากไป แผ่นไม้ที่พื้นก็เปิดออกทอมมี่ลากร่างเอเลน่าที่ถูกมัดมือเท้าอุดปากอย่างพร้อมสรรพออกจากช่องลับเล็กๆ ทอมมี่มองร่างขาวโพลนที่พื้นและเลียปากที่มันต้องทำต่อจากนี้ก็แค่กลับไปที่ม้าที่นางขี่มา จากนั้นก็ไปหาที่เงียบเสวยสุขจากนางอย่างสุขสบายใจ เด็กน้อยมองเอเลน่าที่พยายามดิ้นรนก็แสยะยิ้มมันก้มลงไปบีบแก้มเธอ
“ไม่ต้องรีบไปนักหรอก ยังไงข้ากับเจ้าเราต้องได้สนุกกันทั้งคืนอยู่แล้ว”
มันกล่าวด้วยเสียงสั่นพร่า มันต้องค่อยต่อคิวใช้ของที่เหลือจากคนในกลุ่มมานาน ครั้งนี้มันจะได้เปิด ได้เป็นคนแรก รสชาติของรูคับๆจะยอดเยื่ยมเพียงใดมันแทบอดใจไว้ไม่ไหว
“ข้าอยากจับเจ้าทำเมียตั้งแต่ที่ค่ายทหารแล้ว คืนนี้ข้าจะทำให้เจ้าเป็นของข้า ฮะๆ”
มันเลียหน้านางและบอกนางถึงความคิดวิปริตในใจของมันเองก่อนจะหัวเราะอย่างพอใจ
“คงให้ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก”
ทอมมี่สะดุ้งสุดตัวหันไปทางต้นเสียงก่อนจะเจอกับหมัดที่ตรงเข้าเต็มหน้าส่งมันลอยไปติดกำแพง
โอเวอร์รู้อยู่แล้วว่าพวกมันอยู่แถวนี้ แต่แทนที่จะหาเองให้เหนื่อยเขาก็แสร้งว่าไปพ้นบริเวณแล้วก็รอมันโผล่ออกมาให้เชือดเอง
คิดไว้ไม่มีผิดไอ้เด็กเปรตนี้เป็นพวกโจรจริงๆ
โอเวอร์ก้มหน้าก็พบร่างขาวโพลนเปลือยอยู่ แม่ทัพหนุ่มถึงกับลอบกลืนน้ำลายก่อนจะกระชากเชือกที่มือเธอขาดออกให้
“ข้าเตือนเจ้าแล้ว เด็กโง่”
เขาลูบหัวเธอเบาๆ หลังจากเอ่ยปลอบนาง ก่อนที่เขาจะพูดอะไรต่อแต่ก็หลุดปากอุทานคำหยาบออกมาและใช้นิ้วยิงเปลวเพลิงใส่เงาเล็กๆที่พุ่งใส่รอบด้าน
อาวุธลับสามชิ้นไหม้ละลายลงโดยไม่ต้องใช้สายมอง โอเวอร์ยื่นมีดให้นางตัดเชือกที่เหลือเองและเอาผ้าห่มคลุมให้นางก่อนหันมามองไอ้เด็กเปรตที่ยืนตั้งท่าจ้องเขาอย่างโกรธแค้น โอเวอร์มองเศษโลหะที่ละลายบนพื้น
“ยาพิษ นี่เป็นเหตุผลที่เจ้าพลาดท่าสินะเอเลน่า”
ควันที่ลอยมาจากซากอาวุธลับมีสีแปลกๆปนอยู่ มุกอาวุธอาบยาพิษโจรนิยมใช้กันจะตายไปดูแวบด้วยก็รู้แล้ว ยิ่งถ้าเป็นโคม่าเพื่อนรักดูแค่ควันก็บอกประเภทยาพิษได้เลย
ทอมมี่กำอาวุธลับทั้งหมดจะซัดใส่แม่ทัพหนุ่ม แต่โอเวอร์แค่จ้องทอมมี่ก็สั่นสะท้าน พลังมหาศาลคล้ายทับมันจนไม่กล้าเคลื่อนไหว มันเริ่มลังเลว่าจะสู้หรือยอมแพ้ดี
“โอกาสสุดท้าย คิดดีๆไอ้หนู”
ทอมมี่กัดฟันข่มความกลัวสะบัดอาวุธลับใส่โอเวอร์รวดเดียวหมด แต่พริบตาที่อาวุธหลุดจากมือมันโอเวอร์ก็มาโผล่ที่ตรงหน้า ปลายเท้าแม่ทัพสุดแกร่งแตะอัดปลายคางจนมันลอยขึ้นไปกระแทกเพดานบ้านและร่วงลงมากระแทกพื้น
ปึกๆๆๆ โครมมม
อาวุธลับพึ่งจะถึงกำแพงด้านหลังพร้อมกับทอมมี่ร่วงกระแทกพื้น
โอเวอร์ไม่รอให้อีกฝ่ายลุกยกขากระทืบแขนมันจนหักเสียงกระดูกแตกดังลั่นพอๆเสียงโหยหวนของมัน
แม่ทัพเพลิงหาได้แยแส แตะอัดท้องจนมันกระเด็นติดกำแพง อวัยวะข้างในแทบจะแตกยับ มันถึงกับอ้วกออกมาเลอะไปทั่วพื้น
"อย่า ข้ายอมแพ้ ยอมแล้ว ที่จริงข้าถูกพวกมันบังคับ ข้าไม่ได้เต็มใจทำ…."
กร๊อบบบ
โอเวอร์เดินมากระทืบขาปนกระดูกมันอีกชิ้น เขาไม่คิดจะฟังคำแก้ตัวอยู่แล้ว เด็กนั่นเลือกจะทิ้งชีวิตไปเมื่อครู่ด้วยการโจมตีใส่เขา เมื่อคิดจะสู้ก็ต้องพร้อมตายนี่กฎในสนามรบ
"อ้ากกกก เจ็บบบบบ เอเลน่า พี่เอเลน่าช่วยผมด้วย ข้าขอโทษ ข้าถูกบังคับ"
สีหน้าเรียบเฉยของโอเวอร์เปลี่ยนเป็นสังเวช ก่อนที่เท้าเขาจะหวดเต็มสีข้างมันเต็มแรง
"จะทำตัวน่าสมเพชก็ให้มีขอบเขตหน่อยไอ้เด็กเปรต มีอะไรจะสั่งเสียก่อนไปหายมบาลมั้ย"
โอเวอร์เอาดาบพาดที่คอมัน เขาแค่ออกแรงอีกนิดเดียวคอไอ้หนูนี่ก็หลุดออกมา ง่ายดายราวพลิกผ่ามือ
"เดี๋ยวค่ะ ท่านโอเวอร์ข้าขอ"
เอเลน่าเดินมาข้างๆเกาะแขนปรามเขาไว้
ทอมมี่ยิ้มทั้งน้ำตา รอดแล้วมันรอดตายแล้วมันซาบซึ้งใจมากที่เอเลน่ายังช่วยมันอยู่
ติดอยู่อย่างเดียวคือมันคิดผิด
"ข้าขอ….จัดการมันด้วยมือข้าเอง"
เอเลน่ากุมมีดในมือแน่นก่อนจะเดินเข้าไปหาเด็กใจทราม ใช้มือปาดน้ำตาที่ยังเหลือบนหน้า ก่อนแววตานางจะแปรเปลี่ยนไปเป็นความเย็นชา
"ดะ..เดี๋ยว"
เอเลน่าไม่ให้โอกาสมันได้โกหกเธออีก มีดกรีดคอ มันกุมแผลไม่กี่วินาทีก็ล้มลงไปนอนแน่นิ่งตามคนอื่นๆไป
"ไปกันเถอะเด็กน้อย"
"ท่านออกไปรอข้าก่อนเถอะ"
โอเวอร์พลันนึกขึ้นได้ว่านางมีแค่ผ้าห่มคลุมกาย หน้าเขาเริ่มแดงเมื่อคิดถึงร่างเปลือยที่เห็นเมื่อครู่ ทำไมความจำดีขึ้นมาเชียวเรา
เขารีบจ้ำอ้าวออกไปจนแตะขอบประตู
ไม่นานนักเอเลน่าก็ตามออกมานางใช้ผ้าห่มปะชุดเดิมที่ขาด แม้จะไม่มิดชิดเท่าไหร่แต่ก็ดีกว่าผ้าห่มคลุมผืนเดียว
นางเดินมาตรงหน้าก่อนจะถอนสายบัวคำนับเขาอย่างสุภาพ กิริยาที่เปลี่ยนจากที่คุ้นเคยทำเอาโอเวอร์ยืนตาปริบๆทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที
"บุญคุณที่ท่านช่วย ข้าขอบคุณอย่างยิ่ง จากนี้ข้าจะช่วยเหลือท่านสุดความสามารถ แม้จะต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม"
โอเวอร์เกาแก้มตนแก้เขินหลุดมาดแม่ทัพหน้านิ่ง แลกทุกอย่างนี่นับเรื่องนั้นรึเปล่าวะ เขารีบโบกไม้โบกมือทำทีไม่ถือสาก่อนจะรีบเดินนำออกไปกลบเกลื่อนไม่ให้นางรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรไม่ดีอยู่ลึกๆ
เอเลน่ามองตามไปพร้อมกับอมยิ้มเล็กๆ
นางคิดวิธีแกล้งเขาได้แล้ว ลองทำตัวอ่อนหวานออดอ้อนส่งตาหวานให้ตานั้นบ่อยๆดีกว่า แกล้งแบบนี้ดูท่าคงจะสนุกก็ไม่เลว จะแกล้งให้เสียทรงกลับประเทศไม่ถูกเลย
โอเวอร์พานางเดินมาหน้าหมู่บ้าน จูงม้ามาสองตัว
“เจ้าไหวแน่นะ”
แม่ทัพหนุ่มถามด้วยความเป็นห่วง น้ำเสียงกริยาจริงใจซื่อๆทำเอาเอเลน่าไม่กล้าสบตาเพียงพยักหน้าให้
อย่าทำตัวแสนดีบ่อยๆสิเจ้าขุนนาง ใจคอหวั่นไหวเป็นนะโวย
“เราต้องไปให้เร็วถ้าอยากทันตอนพวกเราจับหัวหน้าพวกมัน ข้าใช้ไอ้หัวดำคิรินนำหน่วยย่อยไปดักมันไว้แล้ว รีบไปเถอะ”
ทั้งสองควบม้าผ่านป่า โดยโอเวอร์เหลือบมองนางแทบจะทุกห้านาที จะเป็นห่วงอะไรขนาดนั้นพ่อคุณเอเลน่าได้แต่นึกในใจที่พองโต ทั้งสองขี่ม้ามุ่งตรงไปโดยไม่รู้ว่ากำลังจะะเจอปัญหาใหม่เข้าให้
โอเวอร์ชะลอม้าสายตามองไปรอบด้านอย่างประหลาดใจ มันเงียบเกินไป ถ้าทหารของเขากำลังสู้ก็ต้องได้ยินเสียง หรือถ้าทหารของเขาควบคุมสถานการณ์ได้ อย่างน้อยก็ต้องมีม้าเร็วมาคอยรับ ไม่ทันจะใคร่ครวญความคิดเสร็จ ร่างหนึ่งทิ้งตัวพุ่งลงมาจากด้านบนพวกเขาด้วยความเร็วสูง
โอเวอร์สัมผัสได้ถึงจิตสังหาร เขารีบบังคับม้าหันไปด้านหลังโดดขวางป้องกันเอเลน่าก่อนทันที เขาเอาหลังบังคมหอกที่พุ่งมาโดยอาศัยใบดาบที่ที่สะพายแทนโล่ห์
เคร้งงงง!!
แรงปะทะทำโอเวอร์ปลิวกระแทกเอเลน่าตกม้าด้วยกันทั้งคู่ แต่ก่อนจะกระแทกพื้นโอเวอร์ก็ใช้มือเท้าพื้นอาศัยแรงส่งที่เหลือพลิกร่างกลับมาแขนหนาคว้าเด็กสาวกระโดดถอยหนีลอยทิ้งระยะห่างตั้งหลัก แต่ผู้ลอบโจมตีไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดรอดไปมันพุ่งตามมาติดๆ
“นี่มัน….ซวยละไงแบบนี้”
โอเวอร์มองร่างที่พุ่งมานั้นมันลูกน้องเขาเอง แถมยังเป็นไอ้หัวดำคิริน ทำไมมันโจมตีเขา? ไม่สิใคร หรืออะไรทำให้มันโจมตีเขา
แต่ไม่มีเวลาให้เขาได้หาคำตอบหอกเหล็กกล้าพุ่งมาเกือบจะถึงอก โอเวอร์ไม่มีเวลาพอจะชักดาบ เขาเหวี่ยงเอเลน่าไปอีกทางก็ใช้กำปันสองข้างต่อยประกบคีบใบหอกเอาไว้อย่างจวนตัว เกราะที่มือเสียดสีกับคมหอกประกายไฟแลบออกมา โอเวอร์โดนบีบให้ถอยไปอีกหลายเท่าก่อนจะตั้งหลักได้
วูบบบบ วูบบบบบบ
เงาอีกสองร่างกระโจนลงมาจากบนต้นไม้ ดาบสองเล่มฟันใส่ลำคอแม่ทัพที่สองมือสกัดหอกอยู่ โอเวอร์รีบเอนตัวลงไปด้านหลังแตะหอกให้เฉไปทางอื่นทิ้งตัวหลบดาบอย่างหวุดหวิด โอเวอร์ชะงักอีกครั้งเมื่อพบว่าสองร่างนั้นก็เป็นทหารของเขาเช่นกัน
วินาทีที่โอเวอร์ตื่นตะลึง คิรินที่รอโอกาสก็ขว้างหอกใส่แต่ศรน้ำแข็งก็ถูกยิงมาจากเอเลน่าสกัดจนหอกปลิวกลับไป โอเวอร์ได้โอกาสถอยออกมาตั้งหลัก แม่ทัพหนุ่มเป่าปากอย่างโล่งอก จังหวะชะงักเมื่อกี้ทำเอาเขาเกือบพลาดท่า
“นี่มันอะไร พวกเจ้าทำบ้าอะไรนี่ข้ากับท่านโอเวอร์ไง”
เอเลน่าตะโกนใส่ทหารสามคนด้านหน้า แต่โอเวอร์ก็ดึงนางถอยไปอยู่ด้านหลังดาบยักษ์ถูกนำออกมาใช้อย่างไม่ลังเล โอเวอร์บอกกับเด็กสาวเสียงเคร่งเครียดขึ้น
“พวกมันโดนเวทย์ควบคุม ไม่แบบสะกดจิตก็เวทย์ลวงตา”
โอเวอร์พยายามอ่านละลองเวทย์ที่แปลกๆออกมาจากทหารตน
ทักษะอ่านละอองเวทย์ซึ่งเป็นทักษะที่นักเวทย์ระดับกลางต้องมีหากคิดจะไต่เต้าเป็นนักเวทย์ระดับสูง ซึ่งสำหรับนักรบแบบเขามีทักษะนี้ก็ถือว่าค่อนข้างแปลก
คนใช้เวทย์คงอยู่ไม่ไกล แต่คงไปหาง่ายๆไม่ได้แน่
ทั้งสามพุ่งใส่คู่หนุ่มสาว โอเวอร์ตวัดดาบปัดป้องอย่างลำบาก นั่นเพราะเขาพยายามไม่ทำร้ายคนของเขาแถมยังต้องคุ้มกันเอเลน่าที่ไร้อาวุธ และดูเหมือนว่ามันจะรู้จุดนี้ดีเพราะมันจงใจโจมตีเอเลน่าเป็นหลัก แต่สาเหตุหลักๆที่ทำให้เขาลำบากก็มาจากคิริน มันคือผู้นำหน่วยรุ่นใหม่ที่เก่งที่สุดในภาวะที่เขาลงมือได้ ระดับแค่นี้เขาใช้เวลาไม่นานก็ชนะได้ แต่โอเวอร์ที่ดันไม่กล้าลงมือกับลูกน้องเหมือนถูกมัดมือมัดขาอยู่ แถมสองทหารที่เหลือก็ก่อกวนไม่ให้เขาใช้เวทย์พันธะนาการใส่คิรินได้
“โดนรีดข้อมูลไปแล้วสินะพวกเอ็ง”
ศัตรูมันจู่โจมทุกจุดอ่อนเขาขนาดนี้คนใช้คงให้พวกทหารบอกข้อมูลกับนิสัยเขาให้พวกมันฟังเรียบร้อย ต้องรีบไปจัดการผู้ใช้เวทย์แต่จะไปได้ไง (แก้)
“ท่านโอเวอร์ ท่านนี้กระจอกกว่าที่ข้าคิดนะเนี่ย”
เด็กสาวที่เขาปกป้องกับพูดดูถูกเขาซะงั้น นางดัดนิ้วมือสะบัดแขนขาแล้วจึงพูดต่อ
“ข้าไม่เก่งพอจะตามรอยเวทย์ แต่ข้าเก่งพอจะถ่วงเวลาเจ้าสามคนนี้ เลิกห่วงข้าแล้วไปจัดการเรื่องที่ต้องทำซะ ข้าไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ”
พูดจบก็ยิ้มให้แม่ทัพเพลิงก่อนจะพุ่งใส่ทหารอีกคนที่พุ่งเข้าใส่อย่างบ้าบิ่น มือขวากำแน่นอัดพลังเวทย์น้ำแข็งจนแน่นต่อยใส่ปลายหอก ปลายหอกพุ่งเฉียดเอวไปเป็นทางยาว เอเลน่าใช้โอกาสที่ทหารแทงพลาดถลามาหา อีกมืออัดเวทย์ลมอัดสวนใส่เต็มท้อง
แรงอัดจากเวทย์ลมทุบทหารจนเกราะยุบพร้อมส่งตัวทหารคนนั้นกระแทกกับต้นไม้แน่นิ่งไป ละอองเวทย์ปริศนาลอยออกมาจากร่างที่ล้มสลายหายไป
"จัดการให้ไวด้วยล่ะ ท่านขุนนาง"
เอเลน่ายักคิ้วให้แม่ทัพหนุ่มครั้งนึงก่อนหันมาหาศัตรูกระดิกนิ้วท้าทายอย่างไม่กังวล
โอเวอร์มองเอเลน่าอย่างเป็นกังวล แต่ในเมื่อนางตัดสินใจเด็ดขาดแล้วเขาก็คงได้แต่เชื่อใจนางเท่านั้น เขาต้องมองนางในฐานะทหาร มองในฐานะกำลังรบไม่ใช่เด็กสาว
โอเวอร์ตั้งสมาธิมองซ้ายมองขวาก่อนจะวิ่งไปอีกทิศ
หนึ่งนายกอง หนึ่งพลทหารขยับไปขวางแต่ศรเวทย์ลมและน้ำแข็งก็ถูกยิงมาขวางหน้าทั้งสองจำต้องกระโดดถอยหลังหลบ
“ไม่สนข้าเลย แบบนี้ข้าก็เสียความมั่นใจแย่สิพวกท่าน”
เอเลน่าเร่งเร้าพลังเวทย์ขึ้นจนลอยตัวเกิดลมพัดรอบตัว ผมสีน้ำตาลอมแดงสะบัดลอยเบาๆตามแรงลม
เอเลน่าตัดสินใจทุ่มพลังลุยถล่มเต็มที่ตั้งแต่ต้น นางตั้งใจจะไม่ออมพลังแบบตอนลุยค่ายโจรอีก
แหวนเวทย์ที่นิ้วชี้ข่างซ้ายเปล่งแสงจ้า มันเพิ่มพูนพลังเวทย์มนต์อย่างเต็มความสามารถของมัน
เอเลน่าต้องใช้เวทย์ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่นางมี สองคนตรงหน้านางอาจจะถ่วงเวลาได้นานนับชั่วโมงหากมีหอกในมือ แต่นาทีนี้ที่มีแค่พลังเวทย์ที่เธอยังไม่ชำนาญเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะฝืนสู้ได้นานแค่ไหน แต่ที่รู้คือใส่เต็มทุกเม็ดแน่
มือซ้ายมีผลึกน้ำแข็ง มือขวามีคลื่นอากาศวิ่งวน
เอเลน่าเหวี่ยงน้ำแข็งนำไปก่อนตามด้วยเวทย์ลม น้ำแข็งจากเวทย์เสกน้ำแข็งธรรมดาๆพอโดนคมมีดวายุด้านหลังหั่นเป็นก้อนเล็กๆก็กลายเป็นพายุลูกเห็บพุ่งเข้าถล่มสองคนตรงหน้า
นางทดแทนความต่ำเตี่ยของระดับเวทย์ด้วยการผสานธาตุ
แต่ศัตรูทั้งสองกลับไม่มีทีกังวล ทั้งคู้สะบัดอาวุธในมือปัดป้องได้ทั้งหมด ก่อนเซนติจะพุ่งเข้ามาหอกในมือแทงสาดกระจายใส่เธออย่างอำหมิต เอเลน่าไม่กล้าเสี่ยงรับตรงๆนางรีบกระโดดกลิ้งออกด้านข้าง ก่อนจะตั้งหลักรับมือกับนายกองหนุ่มที่ไล่เธอมาติดๆ
ตานี่มันเชี่ยวชาญหอกพอๆกับเธอเลย เจอคู่ต่อสู้ที่ฝีมือทัดเทียมตอนไม่มีหอกในมือแบบนี้แย่ชะมัด เอเลน่ายิงกระสุนน้ำแข็งขนาดกำปั่นติดๆกัยเพื่อชะลออีกฝ่าย แต่ก็รับรู้ได้ว่ามีการโจมตีจากด้านหลัง ลืมไปเลยว่ามีอีกคน
เอเลน่าตัดสินใจฉับพลัน ใช้เวทย์ลมที่หน่วงเอาไว้โจมตีอัดใส่พื้นโดดตีลังกาขึ้นหลบดาบที่ฟันขวางหมายตัดครึ่งทัน ปลายดาบกรีดชายผ้าเกือบได้ดื่มเลือดนาง เอเลน่ารีบร่ายเวทย์หมายถล่มลงไปด้านล่างเอาคืน แต่ก็พบว่าเซนติกระโดดขึ้นมารอเธอด้านบนเรียบร้อยแล้ว นางรีบหันตัวไปหามัจจุราชที่พุ่งหอกมาเต็มแรง
เปรี้ยงงงงง
เอเลน่าโดนหอกแทงใส่เต็มๆร่างปลิวไปติดต้นไม้โดยมีหอกปักคาอยู่ เซนติลงพื้นอย่างงดงามก่อนจะคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด เขาแทงนางได้ก็จริงแต่ก็ไม่ได้ชนะตามที่คาดหวังไว้ เอเลน่าหันยิงเวทย์น้ำแข็งออกมาทันเวลา แม้จะจวนตัวเอเลน่าก็รอดมาได้เพราะใช้ก้อนแข็งขวางคมหอกไว้ก่อนจะทะลุร่าง แถมเธอยังร่ายเวทย์ลมพุ่งถอยสลายแรงปะทะจนกระแทกต้นไม้
ที่สำคัญนางอาศัยจังหวะนี้กระชากหอกติดมือมาด้วย
แต่ก็แลกมาด้วยแผลที่หน้าท้อง หอกนั้นรุนแรงเกินกว่าจะรับได้โดยไร้บาดแผลเอเลน่าดึงหอกที่ทิ่มเข้าไปในร่างเกือบนิ้วออกมา พยุงร่างขึ้นกัดฟันใช้น้ำแข็งแช่ปากแผลไว้และบ่นในใจเรื่องตนไม่รู้จักเวทย์รักษาเลยซักบท เวทย์ที่มีก็ธรรมดาจนต้องยอมเจ็บตัวเพื่อชิงอาวุธมาใช้
ทหารถือดาบไม่รอให้เธอได้พักนานมันวิ่งใส่นางราวหมาร้ายกระหายเลือด
เอเลน่ายิ้มขึ้น หอกในมือควงหมุน เท้าพุ่งทะยานหาอีกฝ่ายดาบที่ฟันใส่โดนหอกแทงใส่ มือมันแทบจะถือดาบไม่อยู่วิถีดาบทหารเบี่ยงออก เอเลน่าหมุนปลายเท้าถลาออกด้านข้างคล้ายโดดระบำ แต่กลับไปอยู่ในตำแหน่งที่หอกได้เปรียบดาบเต็มประตูปลายด้ามหอกฟาดใส่ปลายคาง
อย่างจัง ถ้าไม่ต้องออมมือคงเป็นปลายหอกที่เฉือนคอไปแล้ว
แต่ทหารต้องมนต์ก็ถกทนสมเป็นทหารจากประเทศบ้าสงคราม มันผละถอยไปหลายก้าวก่อนจะพุ่งใส่น่างอีกครั้ง เอเลน่ายิ้มอีกครั้งปลายเท้าดีดตัวเคลื่อนไหว หอกในมือกรีดกรายราวเต้นระบำ ใบหน้าที่งดงามท่าร่างพลิ้วไหวหากมีจิตรกรคงได้ภาพวาดที่งดงาม
แต่ทหารตรงหน้ากลับเห็นเพียงพายุหอกมรณะ มันกัดฟันฟันดาบปะทะสุดกำลัง แม้หอกมาจากที่แขนดูบอบบางแต่แรงกระแทกที่ส่งมาก็ส่งผลให้แขนล้า ในที่สุดดาบยาวก็ปลิวออกจากมือโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
เอเลน่าเปลี่ยนจากท่าแทงเป็นฟาดใส่ ทหารแม้จะใส่เกราะและใช้แขนปิดจุดสำคัญก็ไม่อาจรอดเงื้อมมือนาง เอเลน่าเร่งกำลังจนเหมือนมันกำลังโดนคนสามคนรุมตีด้วยด้ามหอก
ไม่นานก็ล้มลงหมดสติไปอีกหนึ่งคน
แม้จะไม่มีฐานะสูงส่งแต่วิชาหอกที่ได้มาจากบิดาผู้ล่วงลับก็เป็นวิชาที่เลืองชื่อของขุนพลในราชสำนัก หอกประกายดาวและเท้าท่องดาวของขุนพลดาวเพชรฆาตเอเลน แม้ตอนนี้ฝีมือเธอจะทำได้เพียงหกหรือเจ็ดส่วนของบิดาแต่กับทหารคนนึงล้มได้สบายได้อยู่แล้ว
แต่แอบเหนื่อยอยู่เหมือนนะใช้วิชาหอกเต็มกำลังเนี่ย พ่อเธอเป็นปีศาจหรือไงนะ
เอเลน่าหันไปเจอกับศัตรูคนสุดท้ายที่ตึงมือที่สุด นายกองผู้ต้องมนต์หยิบแหวนออกมาปาลงพื้นแหวนกับกลายเป็นหอกสีเทาหม่นตลอดด้าม เซนติคว้ามันขึ้นมาและตั้งท่าขึ้น เอเลน่าไม่กล้าประมาทนางจรดหอกอย่างรัดกุม เซนติเองก็เป็นทายาทตระกูลขุนพลของเฮลวอริเออร์เช่นกันวิชาหอกพันชั่งของตระกูลเป็นยอดวิชาระดับที่ไม่ด้อยกว่าของเอเลน่าแน่นอน ยอดฝีมือวิชาหอกทั้งสองกำลังจะห่ำหั่นกัน
ส่วนอีกฝั่งนึงของป่าชัดเจนว่ามีผู้ล่าและคนหนี
โอเวอร์ยกดาบฟันต้นไม้หักโค่นก่อนจะเห็นเงากระโดดไปอีกทาง โอเวอร์รีบวิ่งตามไปทันที หัวหน้าโจรตอนนี้แทบจะหมดเรี่ยวแรง เวทย์บ้านั่นมันสูบพลังเวทย์ไปแทบสิ้นแถมไอ้บ้าดาบใหญ่ก็หามีนเจอแม้ว่ามีนซ่อนตัวดีแค่ไหนแถมมันยังแรงดีไม่มีตกด้วยตามไม่มีหยุดพักเลย มันกัดฟันโดดไปยังกิ่งไม้ของต้นข้างๆก่อนต้นไม้ที่ครู่นี้มันยืนจะล้มลงด้วยดาบใหญ่
คราวนี้มันหนีไปเจอต้นไม้ขนาดแปดคนโอบ ใหญ่ขนาดนี้ล้มไม่ไหว...แน่
ชิ้งงงงง ดาบใหญ่กรีดอากาศใส่โคนต้นไม้ก่อนที่ดาบจะถึงเปลวไฟก็อาบไปทั่วทั้งเล่มและต้นไม้ยักษ์ก็หักโค่นลง
"บะ...บ้าแล้ว ทำได้ไงวะ"
"สวะชายขอบแบบเจ้าจะไปรู้อะไร"
โอเวอร์มองโจรร้ายที่ยืนหอบอยู่บนต้นไม้ต้นข้างๆ
"เจ้าพูดดีไปเถอะ ข้าจะให้ทหารเจ้ามาปาดคอเจ้าคอยดู"
"ไม่ล่ะ เจ้าทำไม่ได้ด้วยเหตุผลสองข้อ"
โอเวอร์ปักดาบและยืนพิงดาบตนกอดอกสบายๆ
"ข้อแรก เอเลน่าสู้กับทหารได้ไม่ต่ำกว่าห้าคนพร้อมกัน เซนติเองก็ไม่อาจคว่ำนางได้ง่าย ข้ารู้จักเด็กนั้นและทหารของข้า
ส่วนอีกข้อคือเจ้าจะตายอยู่ตรงนี้"
หัวหน้าโจรหัวเราะขึ้นมาบ้าง มันตอกกลับแม่ทัพหนุ่มทันควัน
"ไอ้คนชักช้าอย่างเจ้าจะจับข้าได้ยังไง เจ้ามันดีแต่ลากดาบวิ่งวนไปมาตามข้า"
"แน่ใจจังเลย เอาล่ะยังไงก็เสร็จเรียบร้อยแล้วจัดการให้เสร็จไปเลยดีกว่า"
โอเวอร์ดีดนิ้วโคนต้นไม้ที่ถูกดาบเขาตัดก็มีไฟพุ่งออกมา และเป็นแบบเดียวกันทุกต้น เสาไฟพุ่งขึ้นตายตอไม้เป็นทรงกลมจากนั้นไฟก็พุ่งเข้าเชื่อมต่อกันเป็นกำแพงเพลิงขังทั้งสองไว้ด้านใน ต้องยิ่งวนอยู่นานเลยกว่าแอบสร้างเขตแดนสำเร็จ
"ถ้าข้ามีดีแค่แรงหรือดาบข้าคงเป็นแค่นายกองธรรมดาๆไปแล้ว"
หัวหน้าโจรร้ายมองโอเวอร์เหมือนกับเห็นปีศาจมันรีบหันไปอีกด้านและโดดหนีต่อ
"ช้าโวยยย"
มันหันไปตามเสียงที่ดังจากด้านข้างโอเวอร์ที่ยืนรอมันบนกิ่งไม้ข้างๆ
หัวหน้าโจรคว้ามีดแต่ดาบยักษ์ฟันฉับตัดแขนมันขาดไปเสียก่อน ความเจ็บปวดทำเอามันเสียการทรงตัวไถลตกต้นไม้ลงไปนอนกับพื้น
โอเวอร์ทิ้งตัวตามลงมาบนดิน
โอเวอร์ชี้ดาบที่ลุกท่วมด้วยไฟไปทางมันและเดินอืดๆเข้าไปหา โจรชั่วลืมความเจ็บมันตะกายตัวลุกวิ่งเป๋ไปมา
เขาจะบั่นคอมันทิ้งก็ทำได้เพียงแต่เขายังต้องให้มันตอบเขาถาม แขนขวาข้างเดียวก็คงพอแล้ว ไม่นานมันก็หมดสภาพนั่งหอบพิงต้นไม้หน้าซีดเซียวไร้กำลังจะหนี
โอเวอร์ส่ายหัวเซ็งๆ อุสาระวังตัวต้องนานเพราะกลัวมันมีลูกเล่นอะไรซ่อนอีก สุดท้ายก็แค่หนีหัวซุกหัวซุน
เวทย์ไฟที่แอบร่ายลอยอยู่ด้านบนนับสิบบทเตรียมปูพรมถล่มก็คงไม่ต้องใช้แล้วสินะ
เหมือนเตรียมกรงจับช้างแต่ดันจับหมาได้ตัวเดียว เสียของชิบ
"เจ้าทำอะไรนาง ตอบมาตามความจริง"
"ข้าแค่….แก้ผ้านาง โลมเลียกายนางจนนางเสร็จสมตัวสั่น พอนางเงี่ยนง่านเต็มที่ข้าก็ใช้ควยข้าช่วงชิงความบริสุทธิ์นางไป เจ้าน่าจะได้มาเห็น มันตอดรัดจนข้าต้องพ่นพิษใส่นางอยู่หลายรอบ ตอนข้าดูร่องที่ฉีกแหกท่วมด้วยน้ำควยข้านะโครตสะ…."
ไม่ทันจะพูดจบ หอกเงินก็พุ่งทะลุอกมันตรึงร่างกับต้นไม้ มันกระตุกพยายามดิ้นรนแต่ไม่กี่วิต่อมาก็ฟุบลงไปอย่างไม่มีทางตื่นขึ้นมาทำชั่วได้อีก
โอเวอร์ถอนหายด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน เขาหันไปหาหนูน้อยของเขา นางแอบตามอีกจนได้สินะ เขาเดินมาตรงหน้านางลูบหัวเบาๆ
"ฝันร้ายจบแล้วนะ อย่านึกถึงเรื่องวันนี้อีก ข้าขอโทษที่ข้ามาช้าเกิน…"
เอเลน่าร้องไห้เบาๆ ดีใจที่ไม่ทันเสียอะไปและปลื้มใจที่แม่ทัพแบบเขามาช่วยเธอเอง แน่ละเขาปลอบผู้หญิงไม่เป็นเขาเลยแค่โอบนางไว้และลูบหัวปลอบโยนด้วยความสงสารจับหัวใจที่นางต้องเสียความบริสุทธิ์ให้โจรร้ายแบบน่าเสียดาย แต่เขาจะไม่พูดถึงเรื่องนี้เพื่อความรู้สึกของเด็กสาวโดยที่เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองเข้าใจผิดไปไกลเสียแล้ว
พอได้สติเอเลน่าก็เล่าให้ฟังว่า นางสูสีกับเซนติมากทั้งสองรัวหอกใส่กันยับแต่หอกเหล็กธรรมดาของนางเจอหอกชั้นดีของเซนติฟาดจนหัก จากนั้นนางเลยได้แต่สับตีนแตกหนีอยู่ฝ่ายเดียวหวิดจะตายก็หลายที จนอยู่ดีๆก็ได้สติ
ทีนี้ก็เลยแยกกัน เซนติขอไปดูลูกน้องกับไปตามม้า นางแวบมาทางนี้พอเจอโจรก็อดใจไม่ไหวลงมือฆ่ามันทิ้งทันที
จากนั้นไม่นานโอเวอร์ก็พานางไปรวมกลุ่มกับทหารที่สักสะบอม โอเวอร์จึงตัดสินใจพักคืนในป่า
ทว่าเซนติพบธารน้ำใกล้ๆ พวกเขาจึงไปตั้งแคมป์กันตรงนั้น เอเลน่าจึงรับบทแม่ครัว นางใช้โอกาสที่เหล่าชายหนุ่มไป(เล่น)อาบน้ำเตรียมอาหารแถมยังอาสาเฝ้ายามให้คนแรก ด้วยอาการบาดเจ็บเหล่าทหารหาญของแม่ทัพเพลิงก็หลับอย่างรวดเร็วแม้จะยังไม่ค่ำ
ส่วนแม่ทัพหนุ่มก็นั่งเทศน์นายกองของตนที่โดนสั่งให้ทำท่าหัวปักพื้นอยู่นับชั่วโมง
เมื่อทุกคนเผลอเอเลน่าจึงแอบลุกออกไปที่ธารน้ำลำพัง
เด็กน้อยหามุมสงบเปลื้องผ้าและลงไปว่ายน้ำชำระกายอย่างมีความสุข
นางว่ายน้ำเล่นราวกับเป็นเด็กตัวน้อย พอสนุกจนพอใจก็ค่อยเริ่มอาบน้ำ
"เฮ้อออ สบายตัวจัง"
ข้าถอนหายใจและเริ่มถูตัวล้างตามปกติ
แต่ทว่าวันนี้มันแปลกออกไป พอลูบมือผ่านเต้านมวันนี้ข้ารู้สึกถึงอารมณ์ที่พึ่งพานพบมา แม้จะไม่เต็มใจแต่รสสัมผัสอันแปลกใหม่ก็ฝังลึกในกายแนบแน่น เก็กสาวลูบที่หน้าอกทรงกลมนูนเด่นอีกครั้ง สัมผัสจากมือข้าเองแฝงความรัญจวนยิ่ง มือทั้งสองถูเต้าสองข้างแรงขึ้นเรื่อยๆ
"ซี๊ดด"
ข้าร้องออกมา ไม่ได้ต้องพยายามไม่นึกถึงรสชาติของความเสียว แต่ใจข้าก็ไม่แข็งพอมือข้างเริ่มกดน้ำหนักลงบนเต้านมตัวเองมากขึ้น โดยไม่รู้ว่าร่างเปลือกและกิจกรรมอันแสนวาบวิวกำลังมีผู้ชมอยู่
โอเวอร์จ้องภาพเบื้องหน้าตาไม่กระพริบ เขารู้ว่ากำลังทำตัวเป็นนักถ้ำมองน่ารังเกียจ เป็นการที่เสื่อมเสียเกียรติของนักรบอย่างร้ายแรงแต่ภาพตรงหน้าก็ดึงดูดสายตาเกินกว่าจะตัด
ใจลง
แดดยามเย็นนุ่มนวลลอดแมกไม้สะท้อนผิวน้ำระยับระยิบงดงาม แต่แสงนั้นกระทบร่างเปลือยเปล่าขาวโพลนที่กำลังเล่นน้ำกลับงดงามยิ่งกว่า
ร่างอรชรครึ่งล่างจมอยู่ใต้ผิวน้ำ ท่อนบนที่เปลือยเปล่ามีหยาดน้ำเกาะพราวทั่วผิวกายโดยเฉพาะเวลากระทบแสงแสงแสงสะท้อนผิวน้ำ ธรรมชาติเหมือนสวยเสริมเติมแต่งให้เด็กยาวงดงามราวเทพธิดา
โอเวอร์เผลอบีบต้นไม้แน่นพร้อมกับใช้ดวงตาทำมิดีมิร้ายแถมเก็บรายละเอียดบนร่างไว้อย่างครบถ้วน
เต้าขาวกลมน่าสัมผัส เนื้อนางจะนิ่มนวลแค่ไหนเขาอดคิดไม่ได้ หากเขาได้บีบเต้าน้อยตรงหน้า เขาควรทะนุถนอมหรือบดขยี้ให้สาแก่ใจมากกว่ากัน จุดปลายสีสดใสก็ช่างยั่วเย้าขนาดอยู่ไกลยังสังเกตเห็นได้ ถ้าได้อยู่ในครอบครองก็คงจะสวรรค์บนดินเป็นแน่แท้ เขากวาดสายตาลงไปหน้าท้องแบนราบ เอวคอดโค้ง เสียดายส่วนนั้นของนางอยู่ใต้น้ำ
แม่ทัพผู้เรียบร้อยบัดนี้เผลอใช้อีกมือกุมเป้ากางเกง ท่อนเอ็นยักษ์ชูคอคล้ายอยากชมภาพตรงหน้าพร้อมเขา
เขาเคยใช้มันไม่กี่ครั้ง แต่ตอนเรียนเป็นขุนนาง วิชาเข้าสังคมของอาณาจักรบังคับให้ทุกคนต้องร่วมรักเป็น
คิดสภาพอาณาจักรยอดนักรบแต่ล่มปากอ่าวกันทุกคนดู ชื่อเสียงแม่ทัพคงโดนกลบด้วยข่าวไร้น้ำยาแทน แม่ทัพทุกคนจึงต้องไม่เพียงชำนาญเพลงอาวุธเพลงรบ แต่ต้องมียุทธวิธีบนเตียงด้วย อย่างน้อยๆก็ไว้เพื่อไม่ให้ขายขี้หน้า
แต่กว่าโอเวอร์จะผ่านการประเมินก็แทบแย่ แม้จะมีแท่งอาวุธใหญ่โตร้ายกาจเป็นลำดับต้นๆ แต่น้ำอดน้ำทนกลับน้อยนิด ผู้ฝึกยังบ่นอุบว่า เสียดายของกันแทบทุกรายและโอเวอร์ก็ไม่เคยควักมันมาใช้อีกหลังผ่านการฝึกมาได้แบบหวุดหวิด
แต่บัดนี้แม่ทัพผู้สุภาพเรียบร้อยถึงกับร้อนวิชาอยากใช้แท่งอาวุธกับเด็กสาวตรงหน้าเหลือเกิน
ระหว่างที่ชายหนุ่มกลัดมันกำลังสู้กับความดำมืดในจิตใจ เด็กสาวกลับเริ่มถูไถหน้าอกตนมากจนผิดสังเกตุ
จากนั้นนางก็เริ่มถูไถแต่เต้าทั้งสอง
ยิ่งนางรีบถูมันไวขึ้นอสรมณ์ที่วิ่งพล่านมันกลับยิ่งเกาะติดและทวีความรุนแรงจนตัวนางไม่อาจหยุดยั้งได้อีก อารมณ์ร่านกำลังเกาะแนบแน่นขึ้นอย่างช้าๆ แถมยิ่งต่อต้านมันยิ่งเพิ่มพูน
เอเลน่าเริ่มหน้าแดงมือที่ลูบเริ่มกดน้ำหนักเคล้นเต้าอวบตัวเองช้าๆ สัมผัสสวาทที่พานพบมาได้เปิดโลกให้สาวน้อยใสซื่อได้รู้จักรสความเสียว
ยิ่งนางโดนกระตุ้นไปขนาดนั้นรสชาติอันแสนลึกล้ำยิ่งล้อใจให้เด็กที่ถึงรู้จักอารมณ์อันแปลกอยากลิ้มชองมันอีก มือสองข้างของตนเลื่อนมาบีบคลึงหน้าอกนิ้วเขี่ยสะกิดยอดอกตนเอง
"รู้สึกดีจัง อูยยย"
เธอสนุกกับมันจนหลุดปากออกมา
พอมันแข็งชูชันนางบีบหัวนมตนเองอย่างรุนแรงความเสียวที่พุ่งพล่านทำให้เด็กสาวโหยหามันยิ่งขึ้นเธอค่อยๆถอยตัวมาพิงโขดหินมือละออกมาจากเต้านมตนเองเรียวขางามอ้าออกให้อุ้งมือสัมผัสกับเนินสวาท
"ซื้ดดด โอยยยยย"
นางกัดริมฝีปากและร้องออกมาอย่างรัญจวนใจมือปลายนิ้วถูไถผ่านติ่งน้อยๆแบะรูดไปตามร่อง
สิ่งนี้มันช่างดีเหลือเกิน
นางรู้ว่าร่างกายกำลังโหยหาความรู้สึกนี้อยู่ และต้องการมากขึ้นเรื่อยๆจนหยุดไม่ได้แล้ว
เอเลน่าสอดนิ้วชี้ใส่ในร่องของตนเบาๆ นางร้องอ๊าาาาและกางขาขึ้นอีกและกัดฟันต้านความเสียวกดนิ้วเข้าไปจนลึกสุดนิ้วและเริ่มขยับนิ้วเข้าออกเป็นจังหวะ
"เสียววว ซี๊ดดดด ดีเหลือเกินนน อ๊าาาาา เสียวจังเลย"
นางเพ้อออกมาและเริ่มขยับนิ้วถี่ขึ้น น้ำเมือกใสเยิ้มออกมาจนเห็นได้ชัดเจนมันชุ่มนิ้วเแทบจะเยิ้มไปทั้งมือเสียงเจ๊ะๆดังถี่ขึ้นทุกวินาที และก็ถี่ขึ้นเรื่อยๆ เอเลน่ากัดฟันแน่นถีบตัวมานั่งบนหินแหกขาออกสุด นางทุ่มเทพลังซอยนิ้วกับร่องตนเอง
"อ๊าาาาา ไม่ไหวแล้ว โอยยยยยย ซี๊ดดดดดดดด อะๆอ๊ายยยยยย"
เอเลน่าเด้วเอวสวนนิ้วตนเองหลายสิบที น้ำเมือกทะลักกระเซ็นเปรอะนิ้วและท่อนขาไปทั่ว บางส่วนก็พุ่งกระเด็นเปรอะหินด้วย
โอเวอร์ที่อยู่ไกลก็เห็นชัดถนัดตาว่าเด็กสาวน้ำแตกกระเซ็นเลอะไปครึ่งตัว
โอเวอร์เองก็หาได้ดีกว่า เขาปลดกางเกงลงรูดอาวุธยิกๆมาตั้งแต่นางขึ้นบนหินไม่นานน้ำก็พุ่งเลอะต้นไม้เป็นคราบยาวตามเอเลน่าไปติดๆ
พอได้สติเขาก็ลนลานเผาคราบน้ำด้วยไฟก่อนจะรีบชิ่งหนีก่อนจะมีใครมาพบ