ความเดิมตอนที่แล้ว >>>
//two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=252474.0เลือดสีขุ่น (เวอร์ชั่นโหด) ตอนที่ 4
น้องก้องเกียรติ พบเจอกับความประหลาดหลายเรื่องนับแต่ป้าอ้อยและไอ้โอมย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเดี่ยวหลังงามแห่งนี้ ที่แน่ๆคือเขาเกลียดทุกเสี้ยววินาทีที่ต้องทนเห็นไอ้โอมกระเซ้ากระซี้กับคุณนายเกษรา แม่อันเป็นที่รักของเขา ซึ่งบัดนี้เธอช่างห่างเหินเขาเสียเหลือเกิน และเขายังต้องถูกฝึกฝนโดยป้าอ้อยและคุณแม่ให้เป็นทาสกามวิตถารด้วยวิธีการแสนเจ็บปวด เช้านี้เขายังคงสวมเครื่องแบบนักโทษลายตารางขาวดำ พร้อมโซ่ตรวนสายจูง และกุญแจมือ ป้าอ้อยจูงพาเขาคลานสี่ขาลงมาตามบันได จนถึงห้องรับประทานอาหาร ป้าอ้อยบอกว่าวันนี้มีเมนูพิเศษมาให้เขาทาน น้องก้องเอะใจเหลือเกินว่าจะเป็นอะไร
ก่อนหน้านี้เขาเคยกินอะไรแย่ๆอย่างอาหารนักโทษมาโดยตลอด มันเป็นก้อนเหลวๆสีดำมะเมื่อมคล้ายเยลลี่ รสชาติแสนร้ายกาจ เขาจินตนาการนึกถึงอาหารสำหรับผู้โดยสารระดับทาสในหนังเรื่อง ‘สโนว์เพียซเซอร์’ ซึ่งอาหารแท่งดำๆนั่นทำมาจากแมลงสาบ เขาสงสัยอยู่เหมือนกันว่าไอ้ก้อนเหลวสีดำที่เขาต้องทานทุกวันนั้นทำมาจากแมลงสาบเหมือนกันหรือเปล่า แต่ป้าอ้อยย้ำนักย้ำหนาว่ามันคือ ‘โปรตีนและวิตามินจำเป็น’
สภาพจิตใจของเด็กชายนั้นเรียกได้ว่า เข้าขั้นดีขึ้น หลังจากป้าอ้อยนำเซ็กส์ทอยอย่างห่วงยางไฟฟ้ารัดควยรัดพวงไข่เขาเอาไว้ โดยเชื่อมต่อกับรีโมทไร้สาย เมื่อใดก็ตามที่น้องก้องต้องเข้ารับการ ‘ฝึกฝน’ เช่น โดนคุณแม่และป้าอ้อยร่วมกันฟาดก้นคนละห้าสิบครั้ง รวมเป็นหนึ่งร้อยครั้ง แต่ละครั้งของการฟาด ป้าอ้อยจะกดปุ่มบนรีโมท เพื่อยิงกระแสไฟฟ้าเล็กน้อย จี้จุดกระตุ้นเสียวให้ทั้งสองแม่ลูก ทำให้เด็กชายอายุสิบสองอย่างน้องก้องเกียรติเริ่มเรียนรู้ที่จะเชื่อมโยงความเสียวเข้ากับความเจ็บปวด เด็กชายค่อนข้างมั่นใจว่าที่คุณแม่ยอมทำตามคำสั่งป้าอ้อยโดยไม่มีบิดพริ้วแม่จะเป็นการทำร้ายลูกตนเองก็ตามเพื่อแลกกับความเสียวนั้นเป็นกลเม็ดการฝึกฝนอันพิสดารของป้าอ้อย และเด็กชายก็ยอมรับว่าการถูกรัดพวงไข่และท่อนควยด้วยห่วงยางไฟฟ้าแม้จะอึดอัดบ้าง แต่เมื่อถูกกระตุ้นด้วยไฟฟ้า มันกลับสามารถสร้างความสุขเสียวได้อย่างเยี่ยมยอดทีเดียว
ครอบครัวคุณหมอเกษรา เจ้าของบ้านเดี่ยวหลังงามในหมู่บ้านสุดหรูย่านชานเมืองกรุงเทพมหานคร เป็นครอบครัวที่แปลกและแตกต่างไปจากครอบครัวอื่นในหมู่บ้านโดยสิ้นเชิงไปเสียแล้วตั้งแต่ป้าอ้อยเข้ามาทำงานเป็นคนรับใช้ และป้าอ้อยเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องก้องต้องทรมานสุดขีดในช่วงปิดเทอมใหญ่ ไอ้โอม เป็นหลานชายแท้ๆของป้าอ้อย และไอ้โอมก็ได้ย้ายเข้ามาในบ้านหลังนี้เรียบร้อย นั่นยิ่งทำให้น้องก้องอึดอัดเหลือเกิน เป็นเวลาหลายปีที่เขาถูกกดขี่ข่มเหงที่โรงเรียนโดยไอ้โอม และเขายังต้องมาโดนไอ้โอมแย่งคุณแม่ไปต่อหน้าต่อตาอีก หนำซ้ำป้าอ้อยยังสั่งเขาห้ามพูดคุยกับเพื่อนบ้านอีกด้วย (อันที่จริงคือห้ามน้องก้องเกียรติออกนอกบ้าน...) แน่ล่ะ น้องก้องถูกขังเป็นนักโทษในบ้านตนเองอยู่นานหลายสัปดาห์แล้ว และเขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ สายโทรศัพท์ในบ้านถูกตัดขาดอีกด้วย เรื่องของเรื่องเป็นเพราะเพื่อนร่วมชั้นที่โรงเรียนคนหนึ่งของเขาโทรศัพท์มาหาหลังปิดภาคเรียนไปได้สี่สัปดาห์ เพื่อนคนนั้นมีชื่อว่าน้องเจมส์ หนึ่งในเพื่อนสนิทน้องก้องเกียรติที่โรงเรียนเอกชนชั้นนำของประเทศไทย เจมส์มาจากครอบครัวที่มีฐานะเช่นเดียวกับก้อง แตกต่างจากไอ้โอมโดยสิ้นเชิง โชคร้ายอย่างที่สุดที่ป้าอ้อยเป็นคนรับสายในวันนั้น
น้องก้องไม่ทราบด้วยซ้ำว่าป้าอ้อยพูดอะไรกับเพื่อนสนิทของเขา เขารู้แค่ว่าเพื่อนชื่อเจมส์โทรมาหา และหลังจากนั้นป้าอ้อยก็ตัดสายโทรศัพท์ อีกทั้งยังยึดโทรศัพท์มือถือไปจากน้องก้องอีกด้วย ดังนั้นน้องก้องจึงไม่ได้ข่าวคราวจากเพื่อนๆเป็นเวลานานถึงห้าสัปดาห์ แถมยังไม่มีโอกาสได้บอกเรื่องราวอันน่าพิศวงภายในครอบครัวของเขาให้บุคคลภายนอกได้รับรู้ แน่ล่ะว่า ต่อให้เขาบอกจริงๆ ก็ย่อมไม่มีใครเชื่อสิ่งที่เขาพูด
‘คุณหมอเกษราทรมานลูกชายตนเองและป้าแม่บ้านเป็นนักฝึกฝนทางกามวิตถาร’ นั่นคงเป็นเรื่องบัดซบที่สุดที่ใครเคยได้ยิน พวกเขาไม่มีวันเชื่อสิ่งที่เด็กชายร่างผอมบางอายุสิบสองพูดแน่ๆ คุณแม่ของเขาเป็นที่นับหน้าถือตามากมายในแวดวงสังคมอีกทั้งยังเคยได้รับรางวัลคุณแม่ดีเด่นสองปีซ้อนจากทางโรงเรียนอีกด้วย หากเขาพูดไปแบบนั้น คงโดนเลิกคบเป็นแน่
มาในวันนี้เขานั่งลงบนพื้นหินอ่อนในท่าพับเพียบเรียบร้อยตามคำสั่งของป้าอ้อยอย่างเคร่งครัด (เพราะเขารู้ตัวดีว่าหากขืนยืนกรานใจกล้าเด็ดเดี่ยวล่ะก็ จะต้องเจอกับอะไร...) ป้าอ้อยดูเหมือนจะอารมณ์ดีและใจดีเป็นพิเศษ นางคนรับใช้จอมเจ้าเล่ห์ กล่าวทักทายคุณนายเกษราและหลานชายอย่างไอ้โอม ก่อนที่จะนำ ชามอาหารสุนัขมาวางไว้ตรงหน้าน้องก้องเกีียรติ แต่วันนี้ไม่มีอาหารอะไรเลย นั่นทำให้เด็กชายฉงนสงสัยยิ่งนัก ทว่าไม่นานนัก ความสงสัยก็เลือนหายไปเมื่อป้าอ้อยปลดผ้าถุง
“อาหารเช้าของแก กินซะ” หยาดน้ำสีเหลืองพรั่งพรูจากรูหีดำเมื่อมสกปรกของนางคนรับใช้ เติมเต็มพื้นที่ว่างในชามข้าวหมา ป้าอ้อยตั้งใจจะให้เขากินฉี่! เด็กชายถึงกับหน้าซีดเผือด
“อีเกษ แกก็มาตรงนี้ด้วย ถอดกางเกง แล้วเยี่ยวลงไป” ป้าอ้อยออกคำสั่ง
“ค่ะ นายท่าน” คุณเกษราลุกขึ้นจากเก้าอี้โต๊ะรับประทานอาหาร เธอเป็นผู้หญิงสวยที่สุดเท่าที่น้องก้องเกียรติเคยเจอมา ทั้งสูงโปร่งและมีผิวขาวนวลอมชมพูเปร่งปลั่ง ในวันนี้คุณแม่ก็ไม่ได้สวมกางเกงในอีกเช่นเคย อันที่จริงดูเหมือนจะเป็นคำสั่งโดยตรงจากป้าอ้อยที่ห้ามคุณนายเกษราสวมกางเกงใน
น้องก้องเกียรติแหงนศีรษะ มองเห็นพูหีขาวเนียนของคุณแม่ ท่อนเอ็นของเขาแข็งปั๋งขึ้นมาในทันตา จากนั้นสายน้ำเยี่ยวสีเหลืองอ๋อยก็ไหลรินจากร่องหีคุณแม่ ลงไปเพิ่มเติมเยี่ยวส่วนที่เหลือของป้าอ้อยในชามข้าวหมาจนเกือบล้น เสร็จแล้วป้าอ้อยจึงสั่งให้คุณเกษราสวมกางเกงแล้วเดินกลับไปนั่งที่เดิม พูดคุย เสวนากับไอ้โอม ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่เธอเพิ่งปัสสาวะรดลงไปในชามข้าวหมาของลูกชายตัวเอง น้องก้องได้กลิ่นเยี่ยวตีรดจมูกเข้าเต็มๆ มันเป็นน้ำสีเหลืองมีฟอง เขารู้สึกกระมิดกระเมี้ยนอยากหลบหนีไปจากตรงนั้น แต่ป้าอ้อยกระตุกโซ่ตรวนปลอกคอเอาไว้เสียก่อน จากนั้นป้าอ้อยจึงออกคำสั่งสุดพิสดารอย่างที่เด็กชายไม่คิดว่าป้าอ้อยจะสั่งเขาแบบนั้น ซึ่งนั่นก็คือการสั่งให้เขาดื่มเยี่ยว! เยี่ยวสดๆของป้าอ้อยและคุณแม่ เขาไม่เคยนึกฝันมาก่อนเลยว่าวันนึงจะต้องมาเจอกับเรื่องพิสดารอะไรกันถึงเพียงนี้ --
“กินเข้าไปซะสิ” ป้าอ้อยออกคำสั่งชัดเจน
“ตะ — แต่ว่า มันสกปรกนะครับ” เด็กชายพยายามคัดค้าน
“สกปรก? นี่แกรังเกียจเยี่ยวฉันกับแม่แกงั้นเหรอ?”
“เปล่าครับ แต่...”
“ไม่มีคำว่าแต่ค่ะ คุณหนูของป้า” ป้าอ้อยเปลี่ยนสรรพนาม ยิ้มเหี้ยมเกรียม น้องก้องรับรู้ถึงรังสีอำมหิต เขารู้ดีเลยว่าถ้าหากป้าอ้อยพูดจาสุภาพกับเขาล่ะก็แสดงว่าป้าอ้อยกำลังโกรธจัด ป้าอ้อยยื่นใบหน้าดำมะเมื่อมและน่ากลัวราวนางยักษ์ขมูขีเข้ามาใกล้น้องก้องแล้วกระซิบบอกว่า “กินเข้าไปค่ะ”
ด้วยความหวาดกลัว น้องก้องโน้มตัวลง ก้มหน้าเข้าไปหาชามสุนัข เขาสูดดมกลิ่นปัสสาวะสดๆของป้าอ้อยและคุณแม่ แค่นี้เขาก็อยากอาเจียนแล้ว คุณแม่สอนเขาเสมอเรื่องสุขอนามัย ตั้งแต่เล็กๆเรื่องสุขอนามัยเนี่ยถือว่าสำคัญมากในครอบครัวของน้องก้องและคุณหมอเกษรา เธอเคยพร่ำสอนอยู่เสมอว่าเวลาปัสสาวะเสร็จแล้วเนี่ยต้องกดชักโครกทันที เพราะว่าปัสสาวะน่ะมันสกปรก เป็นของเสียจากร่างกาย ทว่ามาในวันนี้คุณแม่กลับเป็นฝ่ายเยี่ยวลงในถ้วยชามให้เขาดื่ม ใจนึงน้องก้องก็แอบกลัวว่าดื่มเข้าไปแล้วจะเป็นพิษต่อร่างกายหรือเปล่า ทว่าอวัยวะเบื้องล่างกลับตอบสนองในอีกรูปแบบ ท่อนเอ็นแข็งตัวขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อถูกบังคับให้ต้องดื่มเยี่ยว กองหยาดน้ำสีเหลืองเข้มข้นพร้อมฟองละเอียดลอยเด่นอยู่ตรงหน้า เขาลองใช้ลิ้นแตะๆดูก่อนนิดนึง ปรากฎว่า --
“แค่กๆ ไม่ไหวครับป้า เหม็นมาก ขมมาก”
ป้าอ้อยกระตุกโซ่ตรวนอย่างแรง กระชากศีรษะเด็กชายขึ้นมาประชันกับใบหน้าอ้วนท้วนดำๆของมัน
“งั้นแกจะไม่กิน?”
“กินไม่ได้ครับป้า คุณแม่เคยสอนแล้วว่าปัสสาวะเป็นของเสียจากร่างกาย มันสกปรก และอาจป่วยได้ถ้ากินเข้าไปครับ”
“อ้อ! — คุณหมอหม่ามี้สอนมาดีนี่เอง” ป้าอ้อยแสยะยิ้ม
-- สิบนาทีถัดมา เด็กชายก็ถูกนำมามัดตรึงแน่นบนเตียงผ่าตัด ภายในห้องเชือด ตามที่ป้าอ้อยและคุณแม่ได้เคยใช้บริการทีมก่อสร้างจากเว็บไซต์เถื่อนให้มาสร้างสถานที่แห่งนี้โดยไม่มีใครรู้ ภายในห้องเชือดนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากห้องผ่าตัดในโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ มีทั้งเครื่องวัดความดัน เครื่องอ่านชีพจร และอุปกรณ์ทางการแพทย์มากมายครบถ้วน เว้นเสียแต่ว่ามีเซ็กส์ทอยหลากหลายชนิดร่วมด้วยเท่านั้นเอง มันจึงสมควรที่จะถูกเรียกว่า ‘ห้องเชือด’ มากกว่าที่จะเป็นห้องผ่าตัด
คราวนี้น้องก้องต้องนอนรออยู่ในห้องนั้นนานพอสมควร ประมาณสามสิบนาทีเห็นจะได้ บรรยากาศภายในห้องเชือดค่อนข้างเย็น ร่างกายผ่ายผอมของเขาโป๊เปลือย เครื่องปรับอากาศก็ทำงานที่ระดับยี่สิบสี่องศาเซลเซียส เขาฉงนสงสัยเหลือเกินว่าป้าอ้อยกับคุณแม่วางแผนจะทำอะไรกับเขาอีก -- อันที่จริงเขาหมายถึง ป้าอ้อย เพียงคนเดียว คุณแม่นั้นเปรียบเสมือนหุ่นกระบอกที่คอยทำตามคำสั่งวิตถารของป้าอ้อยเท่านั้น สักพักนึงบานประตูก็พลันเลื่อนเปิดออก คุณเกษราเดินเข้ามาพร้อมสิ่งที่ดูคล้ายกับถุงน้ำเกลือขนาดประมาณสองลิตร แต่ของเหลวที่บรรจุภายในนั้นไม่ใช่น้ำเกลือแน่ๆ เพราะมันทั้งขุ่นข้นไปด้วยน้ำสีเหลือง ผสมผสานไปกับน้ำสีน้ำตาลเข้ม ทั้งยังมีก้อน มีเศษเมือกสีน้ำตาลลอยเท้งเต้งอยู่ในนั้นด้วย
คุณหมอเกษราแขวนถุงน้ำประหลาดนั้นบนเสาเหล็กสำหรับแขวนน้ำเกลือข้างกายบุตรชาย ตอนนี้คุณเกษราสวมเครื่องแบบสีเขียว เสื้อคอวีแขนสั้นกับกางเกงขายาว ใบหน้าสวยหวานนั้นแน่นิ่งสนิทราวหุ่นยนต์ไร้ชีวิตชีวา เธอไม่พูดอะไรสักคำกับลูกชายตัวเอง ทั้งที่ในห้องเชือดนั้นมีอยู่กันแค่สองคน นั่นทำให้น้องก้องรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวหัวใจอย่างมาก นี่แม่ของเขาปฏิเสธความเป็นแม่ไปโดยสิ้นเชิงแล้วงั้นเหรอ? เรื่องนั้นเขาไม่ทราบ เขาเห็นคุณแม่เชื่อมต่อท่อสายยางยาวๆกับถุงน้ำประหลาดนั่น มันไม่ใช่แค่ท่อสายยางธรรมดา แต่เป็นท่อยางที่ติดตั้งพร้อมกับอุปกรณ์ง้างปากพร้อมสายหนังสำหรับรัดรอบศีรษะ น้องก้องเดาว่าคุณแม่กำลังจะบังคับให้เขาต้องดื่มของเหลวประหลาดสีเหลืองปนสีน้ำตาลนั่นแน่ๆ
“นั่นมันอะไรครับคุณแม่” เด็กชายเอ่ยถาม
แต่คุณเกษราไม่ตอบ เธอหน้านิ่ง เดินผ่านเขาไปอีกมุมนึงของห้องเชือด ทำราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงลูกชายตนเอง คุณเกษราคว้าชุดคลุมเครื่องแบบศัลยแพทย์สีเขียวขึ้นมาจากโต๊ะวางอุปกรณ์ เธอสวมใส่อีกครั้ง คราวนี้น้องก้องถึงขั้นผวา เขารู้ดีว่าถ้าหากแม่ของเขาใส่ชุดศัลยแพทย์พร้อมถุงมือยางเมื่อไหร่ล่ะก็แสดงว่าเขากำลังจะต้องโดนเล่นงานอย่างหนักแน่นอน
คุณหมอเกษราเดินกลับมาที่ข้างกายบุตรชายอีกครั้ง เธอตรวจสอบความเรียบร้อยของอุปกรณ์ ไม่ว่าจะสายยาง และความเข้มข้นของ ‘น้ำ’ ที่บรรจุอยู่ในถุงสองลิตรนั่น น้องก้องเกียรติลองพยายามเดาอย่างง่ายที่สุด เขาคิดว่ามันคือน้ำปัสสาวะของป้าอ้อย หรือไม่ก็ของคุณแม่ หรือแย่ไปกว่านั้นคือทั้งสองคนรวมกัน แต่เขาไม่มั่นใจว่าสัดส่วนน้ำสีน้ำตาลเข้มที่ผสมอยู่ด้วยนั้นคืออะไร? ไม่ใช่ช็อคโกแลตแน่ๆ -- เมื่อลองนึกถึงช็อคโกแลต เด็กชายถึงกับขนพองสยองเกล้าขึ้นมาทันใด ‘ขี้’ คำเดียวที่โผล่เข้ามาในหัวเด็กชาย และเขามั่นใจอย่างมากด้วยว่าของเหลวสีน้ำตาลนั่นคือขี้สดๆของป้าอ้อยและของคุณแม่สองคนรวมกัน เพราะสังเกตจากปริมาณกว่าสองลิตรแล้วใครคนใดคนหนึ่งคงไม่สามารถผลิตของเสียได้มากขนาดนั้นในเวลาอันสั้น และนั่นเองทำให้เด็กชายถึงกับตัวสั่นเครือ
“คุณแม่ครับ -- นั่นน้ำอะไรครับ?” เขาถามแม่ย้ำอีกครั้ง และหวังว่าคุณแม่จะกรุณาหันมาตอบคลายความแคลงใจ
“น้ำขี้เยี่ยวแม่กับป้าอ้อยผสมกันจ๊ะลูก” คุณเกษราตอบบุตรชาย น้ำเสียงอ่อนโยน ราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด! พอได้ยินดังนั้น น้องก้องก็กลืนน้ำลายดังเอือก พยายามดิ้นให้พ้นไปจากพันธนาการทันที นี่เขากำลังจะโดนให้กินของเสีย
“ไม่เอาครับคุณแม่ มันสกปรก!”
“เป็นคำสั่งจากนายท่านนะลูก” คุณเกษราใช้มือซ้ายลูบศีรษะและเรือนผมบุตรชายอย่างอ่อนโยน ขณะที่แววตาลูกชายของเธอเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
“ก้องต้องป่วยแน่ๆครับถ้าขืนกินเข้าไป!” เด็กชายไม่ย่อท้อ พยายามอ้อนวอนต่อไป โดยหวังว่าคุณแม่จะมีสติขึ้นมาบ้าง
“ป่วยแน่นอนจ๊ะลูก มันเป็นของเสียร้ายแรงนะ”
“คุณแม่รู้ แต่ก็ยังจะให้ก้องกินน้ำขี้น้ำเยี่ยวแม่อีกเหรอครับ? แม่ครับ ได้โปรดเถอะ” น้องก้องน้ำตาคลอเบ้า
“เป็นคำสั่งจากนายท่านนะลูก ยังไงแม่ก็ต้องบังคับให้ลูกกินเข้าไปให้ได้จ๊ะ” คุณเกษราตอบกลับอย่างไร้เยื่อใย
“คุณแม่...”
คุณหมอเกษรายื่นท่อยางพร้อมเหล็กง้างปากมาที่ลูกชาย “อ้าปากนะลูก อ้าโตๆเลยจ๊ะ”
พอคุณหมอเกษราติดตั้งอุปกรณ์เรียบร้อยแล้ว คราวนี้เธอก็บิดขันเกรียวที่ตรงส่วนด้านปลายของท่อยาง ของเหลวสีเหลืองปนน้ำตาลค่อยๆไหลมาตามท่ออย่างช้าๆ วินาทีนั้นเด็กชายเฝ้ามองสายน้ำขี้เยี่ยวตาแทบไม่กระพริบ เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่ารสชาติของมันจะเป็นอย่างไร และแล้วน้ำสกปรกโสโครกนั่นก็ไหลเข้ามาถึงปลายลิ้นเขาจนได้ เท่านั้นล่ะ เด็กชายสะดุ้งเฮือก แดดิ้นบนเตียงผ่าตัดทันที รสชาติของมันนั้นแสนร้ายกาจ ทั้งขม ทั้งฝาดเฝื่อน ทั้งเหม็นเน่า ไม่รู้จะอธิบายความโหดร้ายของรสชาติยังไงดีเลย เขาคิดแค่ว่าเขาย้อนเวลากลับไปได้ เขาคงเลือกซดน้ำเยี่ยวป้าอ้อยน่าจะดีกว่านี้ร้อยเท่า
“ชู่ววว ใจเย็นๆลูก แม่อยู่ตรงนี้จ๊ะ” คุณเกษรายืนประกบข้างกาย มือซ้ายที่สวมถุงมือยางคอยประคองสายท่อยาง ส่วนมือขวาก็ลูบไล้ศีรษะบุตรชายราวแม่กำลังปลอบโยนลูก ทั้งที่เธอเองนั่นล่ะกำลังบังคับป้อนน้ำขี้น้ำเยี่ยวให้ลูกชายตัวเองกินเข้าไป น้องก้องตาเหลือกลาน พยายามฝืนทนไม่กลืนมันลงคอ
ยามเมื่อสายธารน้ำของเสียไหลริน น้องก้องก็ยังคงตั้งมั่นไม่กลืน จนกระทั่งของเหลวทั้งหมดอัดแน่นอยู่ในโพรงปากน้องก้องเกียรติ คุณหมอเกษราสังเกตเห็นว่าท่อตัน จึงรู้ดีว่าลูกชายของเธอไม่ยืมกลืนลงคอนี่เอง เธอบอกให้เขากลืน แต่เขาปฏิเสธ เด็กชายส่ายหน้าและตั้งหน้าตั้งตาต่อต้านสุดขั้วหัวใจ เขาจะไม่กลืนลงไปแน่ เขายอมปล่อยให้ของเหลวคาคั่งอยู่ในปาก ยังจะดีกว่ากลืนลงท้อง เพราะยังเหลืออีกตั้งสองลิตร --
“กลืนสิลูก ท่อตันหมดแล้ว” คุณแม่ตบแก้มเขาเบาๆ
แต่เด็กชายยืนกราน ส่ายหน้า
“งั้นแม่ก็ไม่มีทางเลือกจ๊ะ”
คุณหมอเกษราเดินผ่านลูกชายไปที่โต๊ะอุปกรณ์เครื่องมือ ทางการแพทย์ ซึ่งเป็นโต๊ะเลื่อนเคลื่อนที่ได้ เธอเข็นมันมาทางด้านซ้ายมือของน้องก้องเกียรติ เด็กชายไม่รู้ว่าคุณแม่กำลังจะทำอะไรกับเขา เขารู้เพียงแค่ว่าจะไม่มีวันยอมให้น้ำขี้เยี่ยวของคุณแม่และป้าอ้อยผ่านลำคอเขาไปได้เด็ดขาด คุณหมอเกษราจัดแจง นั่งลงข้างบุตรชายตน เธอหยิบเข็มแหลมขึ้นมาหนึ่งเล่ม จากนั้นทิ่มลงไปยังพวงไข่ข้างขวาของลูกชายตนเอง เท่านั้นล่ะ น้องก้องถึงกับกรีดร้องลั่นสวนทางกับท่อสายยาง เขากลืนน้ำขี้เยี่ยวแม่ลงไปจนได้ รสชาติของมันนั้นแสนย่ำแย่ แล้วสายธารน้ำสีเหลืองปนน้ำตาลก็ทยอยไหลตามลงมาเรื่อยๆ หากว่าท่อตันเนื่องด้วยเด็กชายไม่ยอมกลืน คุณแม่ก็จะหยิบเข็มอีกเล่มขึ้นมาแล้วปักลงไปที่หัวควยของเขาทันที เหตุการณ์เป็นแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งน้องก้องกลืนกินเข้าไปได้จนหมดสองลิตร พร้อมด้วยท่อนควยและพวงไข่ที่เต็มไปด้วยเข็มแหลมทิ่มแทงคาเอาไว้นับได้กว่าห้าสิบเล่ม -- พอเธอแน่ใจแล้วว่าลูกชายจะไม่ขย้อนอ้วกออกมาเสียก่อน ใช้เวลานานพอตัวในห้องผ่าตัด ลูกชายของเธอนอนหายใจรวยริน เหงื่อกาฬแตกพลั่ก รู้สึกมวลท้องยังไงชอบกล รสชาติเหม็นเน่าและขมฝาดยังคงค้างคาอยู่ในปาก ขณะที่คุณแม่ค่อยๆถอนเอาอุปกรณ์ออกไป ปากของเขาได้รับอิสรภาพอีกครั้ง จะเหลือก็แต่อวัยวะเพศที่ทั้งแสบทั้งเจ็บจนไม่รู้จะอธิบายอย่างไร พอเขาแหงนศีรษะก้มลงมองดู เห็นเข็มแหลมจำนวนมากเสียบคาอวัยวะเพศ โดยเฉพาะตรงส่วนตัวควยนั้น ทำเอาเด็กชายใจหายวาบ คุณเกษราจัดการเคลียร์อุปกรณ์ป้อนน้ำขี้เยี่ยวเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเธอค่อยมานั่งถอนเข็มแหลมออกทีละเล่ม แต่ละครั้งที่ถอนเข็มออกไปนั้นน้องก้องก็จะกรีดร้องลั่น