พูดคุยก่อนอ่าน : เอ่อ...ต้องขอโทษด้วยนะครับที่หายไปนาน พอดีว่าช่วงที่ผ่านมาผมวุ่น ๆ อยู่กับงาน ก็เลยไม่ค่อยมีเวลามาปั่นนิยายกัน ตอนนี้ก็เริ่มมีเวลาละ ก็เลยมาสานต่อ ก็ยังเขียนอยู่นะครับ ทั้งฉบับใต้ดินและฉบับบนดิน โดยเฉพาะฉบับบนดินที่ผมเองก็เร่ง ๆ งานอยู่ โดยเฉพาะคุณหนูแพรวพรรณ ภาค 2 และภารโรงเฟี้ยวฯ เล่ม 4
ตอนนี้เป็นตอนที่ยาวมาก เพราะรายละเอียดเยอะ ตัวละครเยอะ เส้นเรื่องเยอะ แต่หลัก ๆ จะเป็นเส้นเรื่องของน้องอีฟ มันจะเป็นการเฉลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ที่ทำให้เธอคิดสั้นแบบนี้
ส่วนหนึ่งมาจากการที่เธอกับยัยหมวยเพื่อนรักทะเลาะกัน แล้วมาเจอพี่กรกับหมอพลอยพูดคุยกัน มันเลยทำให้เธอรู้สึกดาวน์ลงกว่าเดิม จนเผลอคิดสั้น
พอพูดถึงพี่กรและหมอพลอย ในฉากนี้จะเป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นที่ทำให้หมอพลอยเริ่มเข้าสู่ด้านมืดแบบเต็มตัวละครับ 555555+
ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะมีแค่ 3 Part แต่มาถึงตอนนี้คงไม่พอละ อาจต้องขยายตอนเพิ่ม เพื่อให้ทุกคนได้ดื่มด่ำกับความน่ารักอ่อนหวานของน้องอีฟแบบเต็มสตรีม ซึ่งในพาร์ทต่อไป ผมจะมาอัพให้ทุกคนได้อ่านไม่เกินวันอาทิตย์นะครับ ก็ขอเตือนครั้งสุดท้ายว่า ตุนทิชชู่ให้เยอะ ๆ ครับ คุณได้ใช้มันเอาไว้ทำความสะอาดหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือโต๊ะคอมแน่ เผื่อคุณกินขนมหรือกินข้าวอยู่อ่ะนะ 55555+
แล้วคุณจะเข้าใจเองว่าทำไมผมถึงจั่วหัวว่า อดัมส์ ไม่ได้คู่กับอีฟ อย่างที่คิดหรอกนะ....#############
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
//two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=251384.0ย้อนกลับไปในเหตุการณ์ช่วงบ่ายวันอาทิตย์ อรัญญานั่งอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบไฟนอลอย่างตั้งอกตั้งใจ เช่นเดียวกับเดือนดาราที่กำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่เช่นกัน สองสาวนั่งทบทวนตำราเรียน จนกระทั่งถึงช่วงเย็น
“อีฟ ไปกินข้าวเย็นกันป่ะ?” ยัยหมวยเปิดประเด็นก่อน “เราหิวแล้วอ่ะ”
“อือ ได้ซิ” สาวอีฟตอบตกลง ก่อนที่เธอจะถอดแว่นสายตาแล้วใช้มือบีบนวดขมับเพื่อลดอาการเมื่อยล้าจากการอ่านหนังสือ แล้วสองสาวที่อยู่ในชุดลำลองก็พากันเดินออกไปจากห้อง เพื่อลงไปชั้นล่างแล้วเดินข้ามสะพานลอยไปหาข้าวเย็นกินจากร้านที่เปิดในซอยฝั่งตรงข้าม
“เอ่อ…” ระหว่างที่กำลังยืนรอลิฟต์ อรัญญาก็นึกภาพที่เพื่อนรักของเธออย่างเดือนดาราละเมอออกมาเมื่อไม่นานมานี้ จนทำให้อีกฝ่ายที่กำลังยืนเล่นมือถือหันมามองด้วยความสงสัย
“มองอะไรเราอีฟ?” ยัยหมวยร่นคิ้วใส่เพื่อนรัก
“หมวย…เราถามหน่อยซิ” นางงามมิตรภาพประจำวิทยาลัยพยาบาลทำหน้าจริงจังกับคำถามที่กำลังจะเอื้อนเอ่ยออกมา “เมื่อวันก่อน ที่หมวยกลับห้องดึก หมวยไปไหนมา?”
“ก็ไปธุระที่บ้านไง” เดือนดาราหันมากดเล่นเกมพัซเซิลเพชรบนสมาร์ทโฟนต่อ สาวน้อยเชื้อสายจีนจากนนทบุรีกระแทกนิ้วบนหน้าจออย่างมีความสุข
“แน่ใจเหรอ?” อรัญญาถามเพื่อความชัดเจนอีกครั้ง
“ก็แน่ซิ!!!” ยัยหมวยหันมาร่นคิ้วใส่เพื่อนรักอีก “ก็เราบอกอีฟไปแล้วไง? ทำไมอะ? มีอะไรเหรอ?”
“คือ…” อรัญญารวบรวมความกล้า ที่จะเอ่ยถามคำถามนั้นออกมา หมวยไปข้างนอกมากับลุงพลใช่ไหม? ไปทำอะไรมา? แล้วทำไมหมวยต้องครางออกมาว่าเจ็บก้นด้วย ลุงพลทำอะไรหมวย ลุงพลได้รังแกหมวยใช่ไหม?
“ปิ๊ง!!!” ก่อนที่อีฟจะพูดอะไรออกมา ประตูลิฟต์ก็เปิดซะก่อน จนทำให้สองสาวสะดุ้งด้วยความตกใจ
“ไปหาข้าวกินกันเถอะอีฟ…” สาวน้อยเชื้อสายจีนเอ่ยปากกับเพื่อนรัก ดวงตาของเธอเริ่มฉายแววความหวาดระแวงอีกฝ่ายขึ้นมาบ้าง เพราะกลัวว่าความลับสุดยอด ที่เธอและลุงพลไปพลอดรักกันข้างนอก จะล่วงรู้ถึงหูเพื่อนรักอย่างยัยอีฟ
แล้วสองสาวก็เดินออกมาจากหอพักหญิง แล้วข้ามสะพานลอยไปหาข้าวเย็นกินที่ร้านอาหารซอยฝั่งตรงข้าม เดือนดารานึกอยากกินสเต็ก เลยเอ่ยปากชวนเพื่อนรักที่เดินตามมาติด ๆ
“กินสเต็กกันไหม?” ยัยหมวยเอ่ยปากถามเพื่อนรัก
“อือ ก็ได้” อรัญญา ที่ปกติไม่ใช่คนเรื่องมากตอบตกลง
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
สองสาวเดินเข้าไปในร้านสเต็ก เพื่อสั่งอาหารมากิน ระหว่างที่กำลังรอ เสียงไลน์สมาร์ทโฟนของยัยหมวยก็ดังขึ้น
เดือนดาราหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา ก็พบว่าเป็นลุงพล ที่ไลน์มาทักทายเด็กสาว ยัยหมวยเผลอยิ้มที่มุมปากเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ โดยไม่ทันสังเกตเห็นว่าเพื่อนรักอย่างสาวอีฟกำลังเฝ้าดูพฤติกรรมของเธอโดยไม่ละสายตา
“มองอะไรอีฟ?” เดือนดาราเอ่ยปากถามเพื่อนรักที่นั่งจ้องมองเธออยู่
“คุยกับใครเหรอ?” อรัญญาเอ่ยปากถาม “พี่โทนี่หรือเปล่า?”
“เหอะ!!! ใครจะไปคุยกับไอ้อ้วนฮ่องกงคนนั้น!!!” สาวหมวยตอบ “เดี๋ยวมานะ ขอความเป็นส่วนตัวแป๊ปปปปปนึง”
ว่าแล้วเดือนดาราก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปคุยสมาร์ทโฟนกับลุงพลหน้าร้านสเต็ก เพื่อไม่ให้อรัญญาเพื่อนรักได้ยินในสิ่งที่ตนเองได้พูด
“ยิ่งนานวัน ยิ่งทำตัวผิดสังเกตขึ้นไปทุกทีละเพื่อนชั้น…” สาวอีฟได้แต่นั่งถอนหายใจแล้วส่ายหน้า ในใจก็คิดว่าคนอย่างลุงพลมีดีอะไร ที่ทำให้เหล่าบรรดาเพื่อน ๆ ละพี่ ๆ นักศึกษาพยาบาลต่างติดอกติดใจในตัวของอดีตภารโรงเฒ่าคนนี้นัก
“ออเดอร์ที่สั่งได้แล้วครับ” และแล้วพนักงานของร้านก็นำอาหารมาเสิร์ฟ เดือนดาราที่คุยโทรศัพท์กับลุงพลอยู่ พอเห็นก็ทำสัญญาณมือให้เพื่อนรักกินไปก่อน
“ขอบคุณค่ะ…” สาวอีฟยิ้มให้กับพนักงานของร้าน ก่อนหันไปทำหน้ามุ่ยใส่ยัยหมวย ที่กำลังคุยโทรศัพท์กับลุงพลอย่างเพลิดเพลิน
เดี๋ยวเหอะ!!! เดี๋ยวเราต้องคุยกันเรื่องนี้แล้วละยัยหมวย!! เพราะอะไรกันนะ ถึงทำให้เพื่อนของเธอคนนี้หลงเสน่ห์ตาเฒ่าอย่างลุงพลได้ขนาดนั้น
……………………..
หลังจากคุยโทรศัพท์กับลุงพลเสร็จ ยัยหมวยก็เดินเข้ามากินสเต็กที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยความหิว ส่วนสาวอีฟก็นั่งใช้มีดตักชิ้นเนื้อไก่ย่างแล้วใช้ส้อมจิ้มตักใส่ปาก พลางเหลือบมองเพื่อนรักด้วยความสงสัย
“หิว!!! หิว!!! หิว!!!” ยัยหมวยหยิบส้อมและมีดที่วางอยู่ข้างจานขึ้นมาเพื่อเตรียมปาดชิ้นสเต็กใส่ปาก “จะกินละนะ!!!”
“นึกว่าจะไม่กินซะแล้ว” สาวอีฟเอ่ยปากถาม “คุยโทรศัพท์กับใครตั้งนาน?”
“ก็มีธุระนิดหน่อยน่ะ…” เดือนดาราตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน “โอ้ยย!!! เราหิวแล้ว!!! ไม่คุยด้วยละ!!! ขอกินก่อนละ!!!”
ด้วยความที่ยังไม่อยากจะถามอะไรเซ้าซี้ เลยทำให้อรัญญาไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะรู้ว่าถ้าหากถามอะไรเกี่ยวกับลุงพลตอนนี้ มีหวังมื้อเย็นที่แสนอร่อยนี้คงจะกร่อยเป็นแน่ นางงามมิตรภาพประจำวิทยาลัยเลยเลือกที่จะกินมื้อเย็นให้เสร็จ ก่อนที่จะเอ่ยปากถามถึงเรื่องสำคัญต่อไป
“พี่คะ!!! คิดเงินค่ะ!!!” หลังจากกินเสต็กจนอิ่ม สองสาวก็เรียกพนักงานของร้านมาคิดเงิน หลังจากที่จ่ายเงินเสร็จและเดินออกมาจากร้าน สาวอีฟก็คิดได้ว่าถึงเวลาสำคัญที่ต้องพูดกับเพื่อนรักให้รู้เรื่องสักที
“หมวย เราถามหน่อยซิ” อรัญญาเอ่ยปากถามเพื่อนรัก
“ถามอะไรอ่ะ?” เดือนดารายิ้มให้เพื่อนรัก ก่อนหันไปมองรถเข็นขายผลไม้ข้างทาง “อยากกินสัปปะรดแหะ!!!”
“ที่หมวยไปธุระเมื่อวันก่อนน่ะ” อรัญญามองเพื่อนรักที่มัวแต่สนใจร้านรถเข็นผลไม้ข้างทาง “ใช่ธุระกับลุงพลหรือเปล่า?”
“อีฟ…” พอได้ยินชื่อของลุงพล ทำเอาเดือนดาราแทบหมดอารมณ์ในการกินอาหาร “อีฟพูดเรื่องอะไรของอีฟ? เรางงไปหมดแล้ว”
“เรารู้ความจริงทุกอย่างแล้ว…” นางงามมิตรภาพถอนหายใจ ก่อนเอ่ยปากพูดความจริงทุกอย่างออกมา “วันนั้นหมวยออกไปข้างนอกกับลุงพลใช่ไหม?”
“อีฟพูดเรื่องอะไร?” เดือนดาราถึงกับหน้าถอดสี เมื่อได้ยินความจริงจากปากของอรัญญาเพื่อนรัก “เราไม่เห็นจะรู้เรื่อง”
“มาถึงขั้นนี้ยังจะปิดบังกันอีกเหรอหมวย?” สาวอีฟถามด้วยสีหน้าจริงจัง “หมวยแอบออกไปข้างนอกกับลุงพลใช่ไหม? ไปทำอะไรมา? แล้วทำไมตอนกลับมาที่หอ หมวยถึงได้หมดสภาพถึงขนาดนั้น?”
“เรา…เราไม่ได้ไปข้างนอกกับลุงพลสักหน่อย!!!” เดือนดาราทำหน้าเลิกลั่กเหมือนกำลังโกหก “เราไม่คุยด้วยแล้ว!!!”
“หมวย!! ตอนที่หมวยกลับมาที่ห้อง หมวยรู้ตัวไหมว่าหมวยละเมอถึงลุงพลด้วย…” อรัญญาพูดต่อไป “หมวยละเมอว่าหมวยเจ็บก้น ถามจริง ๆ เถอะ ลุงพลทำเรื่องอย่างว่ากับหมวยใช่ไหม?”
“นี่!!! มันเรื่องส่วนตัวเราป่ะอีฟ!!!” พอโดนสาวอีฟไล่ต้อนจนหมดท่า เดือนดาราเลยโวยวายใส่เพื่อนรักเพื่อกลบเกลื่อนความจริงที่เกิดขึ้น “ก็เราบอกอีฟไปแล้วไงว่าเราไปทำธุระข้างนอก!!! อีฟจะมาอยากรู้เรื่อส่วนตัวอะไรเรานักหนา ห๊ะ!!! เริ่มทำตัวงี่เง่าเซ้าซี้แบบพี่อุ๊มากเกินไปแล้วนะ!!!”
“ม…หมวย…เดี๋ยวซิ!!” ว่าแล้วเดือนดาราก็เดินหน้ามุ่ยหนีเพื่อนรักโดยไม่ได้ซื้อผลไม้ข้างทาง ส่วนอรัญญาก็ถึงกับตกใจ เมื่อถูกเพื่อนรักโวยวายใส่ “ไม่ใช่แบบนั้น เราแค่เป็นห่วงหมวยนะ!!!”
สาวอีฟ รีบเดินตามเพื่อนรักที่กำลังเดินหนีไป เมื่อเข้าไปในระยะประชิด นางงามมิตรภาพประจำวิทยาลัยพยาบาลรีบคว้ามือเพื่อนรักเอาไว้
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
“ปล่อย!!! เราไม่อยากคุยกับอีฟอีก!!!” เดือนดาราสะบัดมือเพื่อนรักแบบไม่ลังเล และไม่สนใจว่าจะมีใครแถวนั้นกำลังมองพวกเธอทะเลาะกันอยู่
“หมวย…คือเรา…” อรัญญาเองก็รู้สึกแย่ แต่เธอไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายจิตใจเดือนดารา เธอแค่อยากเตือนเพื่อนรักคนนี้ของเธอ ว่าไม่ควรไปยุ่งกับคนอันตรายอย่างลุงพลอีก
“ไม่ต้องอะไรทั้งนั้น!!!” ยัยหมวยหรี่ตามองเพื่อนรัก เหมือนรู้จุดอ่อนของอรัญญาว่า อีกฝ่ายเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของคนอื่นมากกว่าตัวเอง ก็เลยแกล้งทำเป็นโวยวายเพื่อกลบเกลื่อนความจริง “ถ้ายังเห็นว่าเราเป็นเพื่อนกัน ก็ไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีก!! เราฝากไว้ให้คิด!!”
แล้วยัยหมวยก็เดินจากไป โดยไม่สนใจว่าสาวอีฟเพื่อนรักของเธอจะรู้สึกยังไง หลังจากนั้นเป็นต้นมาสองสาวก็ไม่ได้คุยกัน โดยเฉพาะเดือนดารา ที่ทำมึนไม่ยอมพูดจากกับเพื่อนรัก จนกระทั่งถึงเช้าวันจันทร์ วันสอบปลายภาควันแรก
.........................
“หมวย? เป็นยังไงบ้าง? ทำขอสอบได้ไหม?” อรัญญาที่อุตส่าห์นั่งรอเพื่อนรักทำข้อสอบอยู่หน้าห้องเอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วง แต่เดือนดารากลับทำไม่รู้ไม่ชี้ เดินผ่านเพื่อนรักไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“นี่ใจคอจะไม่ยอมคุยกันเลยใช่ไหม หมวย?” ยัยหมวยแสดงท่าทางบึ้งตึงใส่สาวอีฟเช่นเคย ทำเอานางงามมิตรภาพประจำวิทยาลัยพยาบาลเริ่มรู้สึกนอยด์ จนต้องรีบเดินไปคว้าแขนของเพื่อนรัก “หมวย!!! เรามาพูดกันให้รู้เรื่องก่อนได้ไหม!!”
“นี่!!! เป็นบ้าอะไรเนี่ยอีฟ!!!” เดือนดารารีบสะบัดมือของอรัญญา “เราไม่มีอะไรจะคุยกับอีฟ!!! จะไปไหนก็ไปเลยปะ!!!”
“หมวย?? ทำไมพูดกับเราแบบนี้?” นางงามมิตรภาพถึงกับหน้าเสีย เมื่อได้ยินคำพูดตัดรอนจากเพื่อนรัก
“ก็จะให้พูดยังไงละ?” ยัยหมวยถาม “เอาเป็นว่าตอนนี้เราอยากอยู่คนเดียวสักพัก ไม่ต้องมายุ่งกับเรา โอเคป่ะ? หวังว่าจะพูดภาษาคนรู้เรื่องนะ บาย!!!”
“หมวย!!! หมวย!!! เดี๋ยวซิ!!!” ไม่มีใครรู้ว่าเดือนดาราโกรธจริงหรือแกล้งโกรธอรัญญากันแน่ แต่ที่รู้คือ สาวอีฟผู้อ่อนหวานถึงกับน้ำตาซึม เมื่อถูกเพื่อนรักของเธอวีนใส่แบบนั้น
ความจริงอีฟเองก็คบกับยัยหมวยมานานมากพอ จนรู้นิสัยว่า ลึก ๆ แล้วเพื่อนของเธอคนนี้เป็นคนที่ค่อนข้างเอาแต่ใจ ซึ่งมันมาจากการที่เธอมาจากครอบครัวที่มีฐานะ และได้รับการเลี้ยงดูที่ค่อนข้างจะถูกสปอยมาตั้งแต่เล็ก ๆ เลยทำให้บางครั้ง ยัยหมวยเลยมีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์แบบที่เห็น
ส่วนอรัญญาที่ยืนหน้าเสีย ก็เป็นคนอ่อนไหวง่าย เธอคิดว่าบางทีเดือนดาราอาจจะโกรธเธอเรื่องที่รวมหัวกับเพื่อน ๆ พาเธอไปให้ลุงพลเฉือด ซึ่งภายหลังเธอได้ขอโทษแล้ว แต่ยัยหมวยก็ไม่เคยตอบรับคำขอโทษของเธอเลย
“อ้อ!!! จะบอกอีกเรื่อง!!!” เดือนดาราทำหน้าเชิดใส่เพื่อนรัก “เทอมหน้าเราจะไปนอนหอนอกแล้วนะ พอดีว่าพ่อกับแม่เราอนุญาตละ แล้วเราจะเอารถมาขับด้วย ยังไงก็ขอบคุณสำหรับทุก ๆ อย่างที่ผ่านมานะอีฟ”
“นี่อีฟทำอะไรผิด? หมวยถึงทำแบบนี้อ่ะ…” น้องอีฟผู้เปราะบางน้ำตาซึมถามเพื่อน
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
“ก็คิดเอาเองว่าทำอะไรลงไป…” ยัยหมวย บทจะเย็นชาร้ายกาจก็น่ากลัวใช่เล่น สาวน้อยเชื้อสายจีนจอมเอาแต่ใจหันหลังเดินจากไปแบบไร้เยื้อไยใด ๆ
นาถลดาที่สอบเสร็จก่อนหน้า แล้วแวะเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว พอได้ยินสองสาวทะเลาะกันก็เลยแอบฟังที่มุมตึก พอเห็นว่ายัยหมวยเดินจากไป สาวน้อยจากหาดใหญ่ก็ปรากฎตัวทันที
“อีฟ? อีฟเป็นอะไรหรือเปล่า?” แล้วทันใดนั้น สาวนุ้ยจากปักษ์ใต้ก็ปรากฏตัวขึ้นมาจากด้านหลังของอรัญญา ที่เผลอสะดุ้งด้วยความตกใจ
“ว้าย!!! ใครอ่ะ!!!” น้องอีฟผู้เปราะบางถึงกับสะดุ้ง “นาถ!!! ทำอะไรของนาถเนี่ย!!! เราตกใจหมด!!”
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
“อีฟทะเลาะกับหมวยเหรอ?” นาถลดาเอ่ยปากถามด้วยความหวังดี แต่นัยน์ตาของสายนุ้ยจอมปั่นจากหาดใหญ่กลับฉายแววเจ้าเล่ห์คล้ายลุงพล “บอกเราได้ไหม? อีฟกับหมวยทะเลาะกันเรื่องอะไร? มาระบายกับเราได้นะอีฟ?”
“หยุด!!! ไม่ต้องมายุ่งกับเรา!!!” อรัญญาปฏิเสธความหวังดีจากนาถลดา เพราะยังจดจำภาพที่เพื่อนตัวแสบคนนี้ปลุกปล้ำเธอที่ห้องเมื่อวันก่อนได้ นางงามมิตรภาพประจำวิทยาลัยพยาบาลรีบเดินหนีออกไปจากหน้าห้องสอบทันที
“ทำตัวน่าสงสัยจริง ๆ สองคนนี้?” ยัยนาถตัวแสบครุ่นคิด ยัยหมวยกับยัยอีฟต้องมีปัญหาอะไรสักอย่างแน่ ชักสงสัยแล้วละซิว่าสองคนนี้ที่ปกติสนิทสนมและไปไหนมาไหนด้วยกันมีปัญหาอะไรกันแน่
……………………….
“กริ๊ง!!!” เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก อรัญญาก็เดินน้ำตาซึมออกมา สาวน้อยจากปราจีนบุรีเดินก้มหน้าก้มตาเพื่อกลับไปที่ห้องพัก แล้วทันใดนั้นเอง เธอก็ได้พบกับกรวิทย์ที่กำลังยืนคุยอยู่กับหมอพลอย หน้าอาคารเรียน
“พี่กร!!! กับหมอพลอยนี่!!!” สาวอีฟอุทานออกมาด้วยความตกใจ ก่อนรีบหามุมเสาหลบเพื่อแอบฟังการสนทนาจากทั้งคู่
“เป็นยังไงบ้างคะพี่กร?” พลอยพรรณเอ่ยปากถามกรวิทย์ รุ่นพี่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย และอดีตคนรู้ใจที่เธอเคยพยายามคบหา แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอก “ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”
“พี่ก็สบายดีครับ…” เภสัชหนุ่มตอบ มือก็ถือสมาร์ทโฟนกับบุ๊คแบงค์ธนาคาร กรวิทย์ยิ้มแย้มเหมือนที่เคยเวลาได้เจอกับพลอยพรรณ เพียงแต่ครั้งนี้มันช่างเป็นรอยยิ้มที่ดูฝืนใจเหมือนกำลังรู้สึกพะอืดพะอมกับความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นภายในจิตใจของสุภาพบุรุษคนนี้ “แล้วพลอยละ? สบายดีไหม?”
“ก็เรื่อย ๆ ค่ะ” หมอพลอยตอบ “ยังโกรธพลอยเรื่องเมื่อวันก่อนหรือเปล่าคะ?”
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
“เรื่องวันนั้นเหรอ?” กรวิทย์นึกถึงวันที่เขานำกระเช้าดอกไม้เพื่อเข้าไปให้พลอยพรรณ “พี่ไม่มีเหตุผลต้องโกรธพลอยเลยนิครับ พี่ต้องถามพลอยมากกว่า ว่าพลอยยังโกรธพี่หรือเปล่า? เรื่องเมื่อวันนั้นน่ะ?”
“ไม่เลยค่ะ พลอยไม่เคยโกรธพี่กรเลย” หมอพลอยตอบด้วยใบหน้าที่เหมือนกำลังอมทุกข์
“อืม…” เภสัชหนุ่มพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่เหมือนฝืน ๆ “เดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ พอดีพี่นัดแฟนพี่เอาไว้น่ะ”
“แฟนพี่กรเหรอ!!??” เมื่อได้ยินคำนั้น ทำเอาพลอยพรรณถึงกับเบิกตาโพล่งด้วยความแปลกใจ “พี่กรไปมีแฟนตั้งแต่ตอนไหนคะ? ทำไมพลอยถึงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนละ!!!”
“กับน้องเค้กน่ะ…” กรวิทย์ตอบ “น้องเค้กที่เป็นสัตวแพทย์ เปิดคลีนิครักษาสัตว์ไม่ไกลจากวิทยาลัยพยาบาลเนี่ยแหละ”
“งั้นเหรอคะ…” พลอยพรรณทำหน้าเศร้าทันที เมื่อได้ยินเช่นนั้น
มันคือความจริง ที่บางครั้ง ผู้หญิงก็ไม่ได้รักผู้ชายที่เข้ามาในชีวิต ยิ่งถ้าเป็นผู้ชายที่มีหน้าที่การงานที่ดี เป็นสุภาพบุรุษแบบกรวิทย์ด้วยแล้ว ถึงไม่สามารถจะรักในฐานะคนรักได้ แต่อย่างน้อย กับการได้มีอิทธิพลต่อผู้ชายแบบนั้น มันก็คือความภาคภูมิใจของผู้หญิงอยู่ลึก ๆ เช่นเดียวกับพลอยพรรณ ที่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังสูญเสียของสำคัญบางอย่าง ที่แม้เธออาจไม่ต้องการ แต่เธอก็ไม่ได้อยากเสียมันไป
“โอ๊ะ!!! น้องเค้กโทรหาพี่พอดีเลย!!” แล้วทันใดนั้น เสียงไลน์สมาร์ทโฟนก็ดังขึ้น กรวิทย์ที่ถืออยู่รีบถือขึ้นมาดูหน้าจอ “เดี๋ยวพี่ขอตัวก่อนนะครับพลอย แล้วเจอกันนะ…”
กรวิทย์ยิ้มให้พลอยพรรณ มันเหมือนเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยชัยชนะเล็ก ๆ ของผู้ชายคนหนึ่ง ที่สามารถปลดพันธนาการหัวใจของตัวเอง ที่ไปหลงรักผู้หญิงที่ไม่เคยเห็นคุณค่าของตน
“พี่กรคะ? อยู่ไหนแล้วเอ่ย? เค้กมาหาพี่ที่ร้านขายยา ไม่เห็นพี่เลยน่ะคะ”
“พี่มาทำธุระที่ธนาคารในวิทยาลัยพยาบาลน่ะ เดี๋ยวพี่กำลังจะออกไปจ๊ะเค้ก” ชายหนุ่มเดินหันหลังไป พร้อมกับพูดคุยจ๊ะจ๋ากับน้องเค้กเหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลามัน ทำเอาหมอพลอยที่ยืนอยู่ถึงกับรู้สึกจุกอก กำหมัดแน่น ด้วยความโกรธ คำถามก็คือ เธอโกรธใคร? โกรธตัวเอง ที่ต้องเสียผู้ชายดี ๆ คนหนึ่งในชีวิตไป โกรธพี่กร? ที่ไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อเธอมากพอ แต่ถึงจะพูดแบบนี้ ระยะเวลากว่า 10 ปี มันมากเกินพอกับการพิสูจน์รักแท้จากผู้ชายสักคนที่มีต่อผู้หญิงสักคน
หรือบางที เธออาจจะโกรธลุงพล ตั้งแต่ที่ตาเฒ่าคนนี้เข้ามาในชีวิตเธอ มันก็มีแต่เรื่องวุ่นวาย ๆ เกิดขึ้นกับเธอ
“พี่กร…เห๊อะ!!!!” พลอยพรรณกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ “ผู้ชายนี่…มันแย่เหมือนกันทุกคนเลยใช่ไหม!!! ไม่มีผู้ชายดี ๆ สักคนบนโลกใบนี้เลยใช่ไหม!!!”
อรัญญาที่แอบฟังอยู่ด้านหลังเสาอาคารเรียน เองก็รู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย อย่าว่าแต่หมอพลอยเลย เด็กอย่างเธอไม่เคยอยู่ในสายตาพี่กรเลยแม้แต่น้อย พอนึกแบบนี้ น้ำตาของน้องอีฟก็ไหลออกมาเป็นสาย
“ไม่มีใครสนใจเราสักคน…ฮือออ” อรัญญาตัดพ้อกับตัวเอง ไหนจะผิดใจกับเพื่อน ไหนจะมาได้ยินการสนทนาระหว่างพี่กรและหมอพลอย มันยิ่งตอกย้ำว่าเด็กบ้านนอกซื่อ ๆ แบบเธอ ไม่มีความหมายเลยแม้แต่นิดเดียว
ด้วยเหตุนี้เอง เลยทำให้น้องอีฟตัดสินใจคิดสั้น ด้วยการแอบเดินไปที่สวนหลังอาคารเรียน เพื่อหวังคิดทบทวนตัวเอง แต่อาจเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ เลยทำให้เธอคิดสั้น หวังจะกระโดดคลองตายเพื่อประชดชีวิต
“ขอโทษนะคะคุณพ่อ ขอโทษนะคะคุณแม่ หนูมันเด็กโง่ ไม่มีวาสนาได้เรียนจบให้คุณพ่อกับคุณแม่ได้เห็นชุดครุยได้ ฮืออออ….” น้องอีฟพยายามปีนขอบสะพานเพื่อกระโดดน้ำปลิดชีพตัวเอง
“น้องอีฟ!!! จะทำอะไรน่ะ!!!!”
จนกระทั่งลุงพล ที่แอบสะกดรอยตามมาต้องรีบกระโดดน้ำไปช่วยนางงามมิตรภาพคนนี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
“ว้าย!!!!” ด้วยความตกใจที่เจอลุงพล เลยทำให้น้องอีฟเสียหลักตกลงไปในคลอง ซ้ำร้ายเธอยังว่ายน้ำไม่เป็น ก็เลยตะเกียกตะกายอยู่กลางคลองขอความช่วยเหลือ “ช่วยด้วยค๊า!!! ช่วยด้วย!!!!”
“เดี๋ยวลุงลงไปช่วยเดี๋ยวนี้แหละ!!!” เมื่อลุงพลเห็นแบบนี้เข้า จึงรีบกระโดดน้ำลงไปช่วยเด็กสาวโดยไม่ลังเลทันที
……………………….
 
โปรดติดตามตอนต่อไป... เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน