ภาพที่นุ่มนิ่มดูอยู่นั้น ถึงคนถ่ายจะไม่ได้โฟกัสไปที่แคนแต่มุมด้านซ้ายของรูปนั้นมีแคนที่บังเอิญติดอยู่ในภาพ ภาพนั้นเห็นใบหน้าของแคนค่อนข้างชัดถึงแคนจะสวมหมวกแก๊ปมีแว่นกันแดดคาดบนหมวก เป็นภาพถ่ายในอัฟกานิสถานตอนนี้แคนกับพวกทหารรับจ้างทำหน้าคุ้มกันขบวนขนส่ง แคนนั้นแต่งกายด้วยกางเกงผ้าที่เป็นกางเกงยุทธวิธีสีน้ำตาล เสื้อแขนยาวสวมเสื้อเกราะทับ ต้นขามีซองปืนสั้น บนหน้าอกเป็นปืนกลที่เธอไม่รู้จัก พร้อมกับข้อมูลที่ส่งมาจากนักสืบของเธอที่บอกว่าแคนเคยเข้าไปเป็นทหารรับจ้างในอัฟกานิสถาน พร้อมกับระบุช่วงเวลา ซึ่งมันตรงกับข้อมูลที่แคนไปอบรมกับทาง DEA ที่เธอมีอยู่ นุ่มนิ่มนั้นเผลอตัวเอามือมาจับแหวนของกำนันน้อมที่เธอห้อยคออยู่
เธอนั้นคิดไม่ออกว่าจะบอกเรื่องนี้กับประพาสดีหรือไม่ ตั้งแต่ได้ภาพและข้อมูลมา จนถึงตอนนี้ที่พึ่งวางสายไป เธอยังสองจิตสองใจอยู่ แคนเข้าไปเป็นทหารรับจ้างเพราะอะไร และมันเกี่ยวพันอะไรมาถึงพ่อเธอด้วยหรือไม่ รวมถึงตอนนี้ นุ่มนิ่มนั้นหวั่นใจขึ้นมาอย่าง เธอนั้นคิดไปต่างๆนาๆเพราะข้อมูลอันน้อยนิดที่ได้มาจากนักสืบที่เธอจ้าง เธอหยิบแฟ้มข้อมูลของแคนที่เธอเก็บไว้ขึ้นมาอ่านอีกครั้งทั้งๆที่เธอจำได้หมดทุกตัวอักษร นุ่มนิ่มอ่านเสร็จเธอเอามือทั้งสองข้างปิดไปที่หน้าแล้วร้องไห้ออกมา นี่เป็นอีกคืนที่เธอต้องร้องไห้ คำเตือนของเทพกับจิ๋วมันก้องอยู่ในหัวของเธอ แต่ถึงตอนนี้เธอคงถอนตัวยากเสียแล้ว เธอถลำลึกมามากเกินกว่าจะถอนตัวหรือย้อนกลับแล้ว ทั้งๆที่เธอรู้ดีว่ากี่ชีวิตต้องมาสูญเสียไปเพราะเธอ แต่ความแค้นที่พ่อของเธอต้องมาตายแบบอนาถทำให้เธอในตอนนั้นไม่สนใจอะไร ถึงจะมาสำนึกในตอนนี้มันสายเกินไปเสียแล้ว ยิ่งเจอมาตรการตอบโต้ที่ดุเดือดจากแคน ยิ่งทำให้เธอนั้นกลัวมากขึ้น ที่สำคัญเธอหวั่นใจว่าแคนนั้นคงรู้แล้วว่าเธอนั้นอยู่เบื้องหลังของขบวนการค้ายาเสพติดนี้
คืนนั้นเธอแทบจะนอนไม่หลับจนมาถึงตอนเช้า หลังจากใคร่ครวญมาหลายครั้งแล้วเธอตัดใจว่าควรจะทำอะไรสักอย่างเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของทางการ เพราะหลังจากใช้ความคิดทบทวนมาเกือบทั้งคืน เธอคิดว่าตอนนี้ประพาสนั้นถูกเปิดเผยแล้ว แต่ตัวเธอคงยังไม่มีใครรู้แผนที่เธอคิดนั้นอาจทำให้ทางการเบี่ยงเบนจากตัวประพาสไปได้สักระยะหนึ่งแต่เธอยังไม่บอกกับใครในเรื่องนี้ ส่วนเรื่องการขนยาครั้งต่อไป ประพาสได้ให้คำมั่นกับเธอว่าจะสำเร็จอย่างแน่นอน เพราะแผนนี้รู้ไม่กี่คน
หลังจากวันที่แคนเจอกับหมออ้อมได้ 2วัน ลุงพุดได้โทรมาหาแคน เพราะพรรคพวกของแกที่ระนองรู้เรื่องการขนยาจากฝั่งพม่ามาฝั่งโดยเส้นทางที่ขนนั้นจะลำเลียงผ่านทางแม่น้ำกระบุรีมาขึ้นฝั่งที่ระนองก่อนจะขนต่อไปยังภูเก็ตเพื่อรอนำส่งไปต่างประเทศ โดยระบุพื้นที่อย่างละเอียด ตอนแรกแคนได้สอบถามไปทางธงรบว่าเรื่องนี้ดาบณรงค์มีข้อมูลหรือไม่ แต่ทางดาบณรงค์บอกกับธงว่าไม่รู้เรื่องในการขนเฮโรอีนในครั้งนี้ ทำให้แคนนั้นได้ประชุมวางแผนกับทีมพิเศษทันที
“งานนี้เราต้องรอบคอบขึ้นกว่าทุกครั้ง และผมคิดไว้แล้วจะเล่นงานมันยังไง”
แคนบอกกับหมวดสิทธิชัยและดาบวีระหัวหน้าทีม A และ B งานครั้งนี้แคนให้หมวดสิทธิชัยนำทีมชุด A เข้าไปปฏิบัติการ โดยไปซุ่มรออยู่ในพื้นที่ฝั่งพม่าล่วงหน้า 1 วัน จนช่วงสายของวันต่อมา เป็นเวลาที่น้ำในแม่น้ำลดจนสามารถเดินข้ามไปมาได้ แคนที่กำลังซุ่มดูอยู่ฝั่งไทยพร้อมด้วยกำลังทหารได้ยินเสียงจากหมวดสิทธิชัยมาทางวิทยุ
“พิราบ 1จากพิราบ 2เตรียมตัวให้ดีพวกมันกำลังขนของข้ามฝั่ง ชุดคุ้มกันอยู่ห่างออกมาประมาณ 500 เมตร
พิราบ 2 ที่ซุ่มดูพวกมันทั้งคืนได้แจ้งวิทยุมาที่แคน การขนยาเสพติดครั้งนี้มีกองกำลังคุ้มกันมาด้วย หมวดสิทธิชัยเกาะติดขบวนขนยานี้ตั้งแต่ช่วงสายเมื่อวาน ทำให้ได้ข้อมูลมาพอสมควร ขบวนขนยานี้รวมคนคุ้มกันรวมแล้วมีอยู่20 คนและทีมคุ้มกันตอนนี้อยู่ไม่ห่างจากจุดที่หมวดสิทธิชัยซุ่มดูอยู่ ภารกิจครั้งนี้ไม่มี UAV หรือโดรนบินลาดตระเวนให้เนื่องจากสภาพท้องฟ้าที่ปิด
“ทราบ ทางนี้เริ่มเห็นการเคลือนไหวแล้ว”
ภาพที่แคนเห็นจากจุดที่ซุ่มอยู่มีรถกระบะสีขาวมีหลังคาที่กระบะกำลังวิ่งมาและจอดไม่ห่างจากริมน้ำไม่เท่าไหร่ มีคน 2 คน ลงจากรถและเดินไปที่ริมน้ำ ส่วนฝั่งพม่านั้นมีคนเดินข้ามฝั่งโดยช่วยกันแบกหีบห่อหลังจากได้รับสัญยาณจากฝั่งไทย แคนนับได้แล้วมี 12 คน
“พิราบ 2 คอยดูพวกคุ้มกันให้ดี”
“ทราบ”
แคนวิทยุบอกไปที่หมวดสิทธิชัย แล้วมองมาที่พวกที่กำลังเดินข้างฝั่งมา
“ไอ้ต้าที่เหลือของมึง ระวังด้วยนะโว้ยไม่แน่พวกมันอาจมีระเบิดติดมาด้วย ส่วนกูแค่มาสังเกตการณ์”
แคนบอกไปยังเพื่อนนายทหารยศพันตรีที่เรียนเตรียมทหารมารุ่นเดียวกัน
“ครับท่านผู้การ ไอ้เวรทีงานสำคัญๆ ไม่เรียกกู ที่แบบนี้จิกหัวใช้กู”
เพื่อนทหารของแคนตอบมาอย่างประชด ก่อนจะสั่งการไปที่ลูกน้อง
“รอพวกมันข้ามมาและขนของขึ้นรถก่อนค่อยจัดการ คอยระวังด้วยมันอาจเป็นแผนระเบิดพลีชีพ”
ทุกคนต่างเฝ้ารอจนพวกขนยาเดินข้ามฝั่งและขนของขึ้นรถกระบะจนเรียบร้อย ทางทหารที่ซุ่มอยู่จึงแสดงตัวเข้าทำการจับกุมทันที พวกที่ขนของมีบางคนทำท่าจะหนีแต่ถูกจับกุมไว้ได้ทั้งหมด ซึ่งระหว่างการตรวจสอบนั้นมีเสียงปืนดังขึ้นทางฝั่งพม่า ทหารนั้นสั่งให้พวกที่ถูกจับหมอบลงกับพื้น เช่นเดียวกับแคนที่พุ่งไปหมอบอยู่หลังต้นไม้ต้นใหญ่ แคนพยายามเรียกวิทยุไปยังหมวดสิทธิชัย แต่ไม่มีการตอบรับท่ามกลางเสียงปืนที่ดังมาเป็นระยะ ผ่านไปประมาณ 10 นาที เสียงปืนนั้นถึงสงบลง
“พิราบ 1 จากพิราบ 2”
เสียงของหมวดสิทธิชัยดังขึ้นมาทางวิทยุในมือแคน
“พิราบ 2 เกิดอะไรขึ้น”
“มันบังเอิญเห็นพวกเราครับ มันเลยยิงใส่ก่อน”
“รายงานความเสียหายด้วย”
“กำลังเข้าไปเคลียร์ครับแต่คาดว่า ไม่รอดทั้ง 8คน ส่วนพวกเรามีแค่พิราบ 8 ขนกระจุยไปเล็กน้อยเพราะกระสุนเฉี่ยวแขนขวาไม่ถึงปีกหัก ครับ”
“เคลียร์ให้เรียบร้อยแล้วรายงานผมอีกครั้ง”
“ทราบ”
อีกฝ่ายตอบรับแคนมาสั้นๆ ขณะเพื่อนทหารของแคนที่หลบอยู่อีกด้านได้เดินมาถาม
“แคนเกิดอะไรขึ้นวะ”
แคนบอกเพื่อนไปตามที่ได้รับรายงาน
“แล้วมึงจะทำยังไงต่อ”
เพื่อนถามมาที่แคน
“ถ้าทำอะไรเรียบร้อยแล้วมึงคุมตัวไอ้พวกนี้ไปก่อน ทางนี้กูรอรายงานก่อนแล้วจะสั่งถอนตัว มันผิดแผนไปเล็กน้อย”
“งั้นก็ตามนั้น แคนมึงระวังตัวด้วยแล้วกัน ถ้าสอบสวนเสร็จแล้วกูจะรีบบอกมึงทันที”
เพื่อนบอกมาที่แคนด้วยความเป็นห่วง ถึงจะรู้รายละเอียดอะไรไม่มากนักแต่ก็พอจะเดาออกหลังจากที่ผู้บังคับบัญชาแจ้งว่าจะมีการขนเฮโรอีนมาเส้นทางนี้ และจะมีเจ้าหน้าที่ ปปส. มาร่วมสังเกตการณ์ด้วยมันเป็นคำสั่งสั้นๆ แต่พอเห็นว่าเป็นแคนเพื่อนนักเรียนเตรียมทหารด้วยกัน เลยไม่สงสัยอะไรมากนัก และแคนบอกสั้นๆว่ามีอีกหน่วยที่แทรกซึมเข้าไปในฝั่งพม่าเพื่อคอยตรวจสอบเท่านั้น แต่การจับกุมให้เป็นเรื่องของทหารแล้วให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ถึงจะมีรายละเอียดไม่มากแต่ก็เข้าใจว่ามันคงเป็นงานในชั้นความลับที่แคนมีส่วนร่วม จึงทำตามที่แคนบอก ส่วนแคนนั้นยังรอรับรายงานอยู่ จนหมวดสิทธิชัยรายงานมาว่า ทุกอย่างเรียบร้อย หน่วยคุ้มกันตายทั้งหมด 8 คน แต่ตรวจไม่พบว่าพวกที่ตายไม่มีรอยสักที่ท้องแขน เหมือนกับพวกที่ขนยาเสพติด ไม่มีใครที่มีรอยสักคนและปริมาณเฮโรอีนที่จับได้นั้นมีเพียง 20 กิโลและเป็นแบบธรรมดาไม่ใช่สูตรพิเศษ ทำให้แคนนั้นครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนสั่งให้พิราบ 2 ถอนตัวออกจากพื้นที่โดยทิ้งศพทีมคุ้มกันไว้
ทันทีที่มีข่าวทหารจับยาเสพติดที่ได้ชายแดนไทยพม่าที่จังหวัดระนอง ประพาสที่ดูข่าวอยู่นั้นถึงกับหัวเราะออกมาอย่างสะใจ
“ครั้งนี้เสร็จกู พวกมันหลงเชื่องับข่าวที่เราปล่อยออกไป เก่งขนาดไหนพวกมันก็พลาดได้ ดันเปิดหน้าเล่นกับกู แล้วโดนกูตลบหลัง พวกมันคิดไม่ถึงแน่นอนว่ากูจะซ้อนแผนมัน”
ประพาสพูดไปหัวเราะไปโดยที่วิฑูรย์ที่นั่งอีกอีกด้านของโต๊ะนั้นหัวเราะตามด้วย เพราะงานนี้ประพาสทำอย่างลับที่สุด มีการปล่อยข่าวออกไปว่าจะขนยาเฮโฮรีนไปทางด้านจังหวัดระนอง และทำการจ้างคนให้ขนรวมถึงทีมคุ้มกันด้วยโดยไม่ใช้พวกในหมู่บ้านตะวันลับเลย ซึ่งมันเป็นไปตามที่ประพาสคาดการณ์ ขบวนขนยาถูกจับ และมีทีมคุ้มกันมีการปะทะกับกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ส่วนเฮโรอีนที่ขนจริงๆจำนวน 300 กิโลกรัมนั้น ประพาสใช้ขนทางประเทศลาวและลอบข้ามแม่น้ำโขงก่อนจะนำมาแปรรูปในโกดังที่กรุงเทพและตอนนี้กำลังเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา การขนส่งครั้งนี้เป็นไปอย่างง่ายดาย
“ผู้การแคนมันหลงงับเหยื่อที่กูวางไว้เต็มๆ พวกที่ตายก็ไม่ใช่คนของเรา บอกแล้วอย่ามาเล่นกับกูทำแบบนี้กูยิ่งระวังมากขึ้น มันทำให้เรารู้ทางพวกมันง่ายขึ้น และดีไม่ดีกูจะยืมมือทหารพม่าฆ่าพวกมันให้หมด ถ้ามันยังมาตอแยไม่เลิก”
“งานนี้เราผ่านไปด้วยดีแล้วงานหน้าละครับนาย ออเดอร์เข้ามาแล้ว”
วิฑูรย์ถามไปที่ประพาส
“รออุกฤษมันรายงานการผลิตมาก่อนละกัน เราค่อยให้คำตอบไปแล้วค่อยวางแผนขน รายงานเรื่องนี้ไปที่คุณนิ่มด้วย”
“ครับ”
วิฑูรย์รับคำสั่งก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ส่วนประพาสนั้นรู้สึกลำพองใจขึ้นมาเพราะแผนการครั้งนี้มันได้ผลอย่างดี ประพาสเดาออกว่าตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ทุ่มกำลังคนและสายข่าวไปทางฝั่งพม่ามากกว่าฝั่งลาว รวมถึงทีมปฏิบัติการพิเศษของแคนด้วยที่ ที่คอยเคลื่อนไหวฝังตัวในฝังพม่ามากกว่า ประพาสจึงย้อนรอบขนยาเสพติดมาทางฝั่งลาวและครั้งนี้ได้ผลอย่างดี ประพาสนั้นมีแผนที่จะตอบโต้แต่ทางนุ่มนิ่มให้ระงับไว้ก่อน
ฝ่ายแคนหลังจากที่กลับมายังกรุงเทพได้มาประมวลเหตุการณ์ทั้งหมด จากภาพถ่ายที่ได้จากทีมของหมวดสิทธิชัยและพวกที่ถูกจับได้ ทำให้รู้ว่าพวกนี้เป็นคนพม่าที่ถูกจ้างให้ขนเฮโรอีนมา รวมถึงพวกที่คุ้มกันเป็นพวกกะเหรี่ยง ไม่มีใครเกี่ยวข้องเป็นคนในหมู่บ้านตะวันลับ
“กูว่างานนี้เราโดนมันหลอกแล้ววะธง ไอ้ต้ามันบอกว่าไอ้พวกที่ขนมันรีบพูดทันทีเพราะพวกมันกลัว ของที่ยึดได้มันก็น้อยกว่าที่เราได้ข่าว ตอนแรกกูกะแค่จะให้ซุ่มดูเฉยๆ พวกมันเสือกเห็นคนของเราก่อน”
แผนการตอนแรกนั้นแคนวางแผนที่จะเก็บพวกค้ายาทั้งหมดเหมือนที่ผ่านๆมาๆ แต่ด้วยความสังหรณ์ใจในหลายๆเรื่อง เพราะหลังจากวันที่เจอประพาสนั้น ประพาสเหมือนจะดำดินหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย มีรายงานข่าวเข้ามาว่าประพาสกลับเข้ามาที่เมืองไทยเรียบร้อยแต่ทางทีมของธงรบหาตัวไม่เจอ รวมถึงดาบณรงค์เองก็ไม่รับการติดต่อจากประพาสเลย ประพาสเหมือนเป็นธาตุอากาศไร้ร่องรอยใดๆ ทำให้แคนฉุกคิดว่ามันจะต้องมีอะไรแปลกๆ ถึงข่าวที่ได้จากลุงพุดนั้นน่าเชื่อถือ แคนจึงเปลี่ยนแผนให้ทีมพิเศษที่เข้าไปนั้นซุ่มดูอยู่เงียบๆ ปล่อยให้ทางทหารไทยเป็นคนจับกุมแทน เพื่อจะให้ทางประพาสตายใจว่าทีมพิเศษของแคนไม่รู้เรื่องครั้งนี้ แต่มีความผิดพลาดเกิดขึ้นจนทำให้มีการปะทะกัน ประพาสต้องรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน
“กูก็คิดแบบนั้นดีไม่ดี มันขนยาไปอีกทาง มันหลอกเราได้อย่างสนิท”
ธงรบตอบเพื่อน ตอนนี้ทั้งคู่นั่งอยู่ในห้องทำงานของแคน
“สงสัยที่ไปป่วนพวกมัน ทำให้มันระวังตัวมากขึ้น”
“แคน มึงคิดจะทำอะไรต่อ”
“ไม่ต้องทำอะไร เพราะเราก็รู้กันดีว่าพวกมันแทบจะไม่เคลื่อนไหวอะไรอีกเลย รูปที่ถ่ายพวกมันมาก็ให้ข้อมูลอะไรเราไม่ค่อยได้ ไม่มีประวัติอะไรเลย ยกเว้นไอ้พงษ์ แต่ที่ไอ้ดาบณรงค์บอกกับมึงวันนั้นส่วนใหญ่ไม่ใช่คนไทยเป็นคนลาวกับพม่ามีคนไทยอยู่3-4คน ปล่อยมันไว้แบบนี้ ให้มันคิดว่าเรายังคลำอะไรไม่ถูก แต่เชื่อเถอะอีกไม่นานมันก็โผล่หางออกมาให้เห็น มันดำดินได้ไม่นาน”
ธงรบเห็นด้วยกับแคน เพราะตอนนี้ข่าวที่ดาบณรงค์ส่งมาให้นั้นไม่ค่อยมีความคืบหน้าอะไรมากนัก และประพาสเองก็ไม่ส่งข่าวโดยตรงมาให้ดาบณรงค์เหมือนที่ผ่านๆมีแต่ส่งผ่านลูกน้องมาถึงดาบณรงค์เท่านั้น ธงรู้ว่าประพาสนั้นระวังตัวมากขึ้น จึงเลี่ยงที่จะใช้โทรศัพท์มือถือในการติดต่อกับคนอื่นๆเพราะกลัวว่าจะดักจับสัญญาณโทรศัพท์ได้ แต่หลังจากนั้น 1 อาทิตย์ แคนได้รับข่าวจากทาง DEA สหรัฐว่าได้จับเฮโรอีนที่แฝงมากับอาหารแช่แข็งได้ 25 กิโล โดยซ่อนอยู่ใต้ลังสินค้าอาหารที่ออกแบบเป็นพิเศษทำเป็นช่องลับอยู่ใต้ลัง ทางสหรัฐรู้เพราะว่าลังนั้นหล่นมากระแทกพื้นจนแตก ทำให้เจอเฮโรอีนที่แอบซุกซ่อนมาด้วย ซึ่งเป็นเฮโรอีนแบบพิเศษตราพระจันทร์ครึ่งดวง
“มันหลุดไปได้จริงๆ นี่คงเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นถ้าลังที่ใส่ไม่หล่นลงมาแตก ไม่มีใครรู้โจฟบอกว่ามันทำเนียนมากดูแทบไม่รู้เลยว่ามันทำช่องพิเศษ เอ็กซ์เรย์ดูก็เจอแต่อาหารแช่แข็งและคิดว่าเฮโรอีนคงออกไปสู่ตลาดเรียบร้อยแล้ว เพราะไอ้ที่แตกนี่มันเป็นล็อตสุดท้ายที่ส่งจากไทย ดูแล้วน่าจะหลายร้อยกิโล”
แคนบอกกับธงหลังจากที่แคนได้รับรายงานนี้จึงมาปรึกษากับเพื่อนในเรื่องนี้
“มึงคิดว่ามันขนมาทางด้านไหน”
“อาจจะเป็นเส้นทางเดิมที่มันเคยขนเพราะมันออกข่าวหลอกเราให้ไปดูทางใต้ หรืออาจจะเปลี่ยนเส้นทางขนมาทางลาวก็ได้ เพราะไอ้ประพาสเองมันก็มีเส้นสายในลาวพอสมควร แล้วขนมาพักในกรุงเทพก่อนส่งไปสหรัฐ มันมีหลายทางวะธง อาณาเขตมันไม่ใช้เล็ก เราอุดไม่หมดหรอก แล้วมันทำแบบที่เราไม่ได้ข่าวเลย”
“ก็เป็นได้ เพราะสายข่าวของเราก็ไม่มีใครรู้ มันอาจลอบขนมาเส้นทางที่เราไม่คิดมาก่อนก็ได้ ดีไม่ดีก็ขนทางแม่น้ำโขง เพราะที่ผ่านๆมาเราไม่เคยตรวจเจอว่ามันขนมาทางนี้”
“ทางกูคิดว่าจะให้จ่าอำนาจเข้าไปตรวจสอบดูใกล้ๆหมู่บ้านวะ อาจจะได้ภาพหรือข่าวอะไรมาก็ได้ เพราะดูแล้วมันเงียบเกินไป”
ธงรู้ว่าจ่าสิบโทอำนาจนั้นสังกัดอยู่กองร้อยลาดตระเวน มีความสามารถในการแทรกซึมและหาข่าวอย่างมาก
“จะให้เข้าไปเมื่อไหร่”
“กะว่าเป็นอาทิตย์หน้า”
แคนตอบไปที่เพื่อน และในเย็นวันนั้น ที่ร้านกาแฟร้านหนึ่ง ขณะที่แคนนั่งลงบนโต๊ะไม่นานนัก นุ่มนิ่มที่แอบตามแคนมาได้เดินเข้ามาหาทันที
“ผู้การคะ นิ่มอยากจะรบกวนขอเวลาคุยกับผู้การหน่อยได้ไหมคะ”
แคนเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างไม่แปลกใจก่อนจะตอบ
“เชิญครับคุณนิ่ม”
หญิงสาวนั่งลงฝั่งตรงข้ามแคนพร้อมพูดขอบคุณ
“มีอะไรหรือครับ”
“คะผู้การ มันเป็นเรื่องสำคัญของนิ่ม นี่คะ”
เธอพูดพร้อมถอดสร้อยคอที่สวมอยู่ยื่นไปวางตรงหน้าแคน
“นี่เป็นแหวนของพ่อนิ่มคะ”
แคนมองไปสร้อยคอที่วางตรงหน้ามีแหวนทองที่หัวแหวนเป็นโกเมนคล้องสร้อยเส้นนั้นอยู่ แคนมองอย่างเดียวแต่ไม่หยิบสร้อยเส้นนั้นขึ้นมา
“ทำไมหรือครับ แหวนของกำนันคุณนิ่มอยากจะบอกอะไรผม”
“แหวนนี้นิ่มได้มากจากฝั่งพม่าคะเมื่อ4-5ปีก่อนคะ มีพวกกะเหรี่ยงเก็บแหวนนี้ไว้คะ เก็บได้จากศพของพ่อที่ถูกฆ่าตายอย่างอนาถในป่าฝั่งพม่าคะ นิ่มเข้าไปดูถึงที่ตรงจุดที่พบศพพ่อ ทำให้รู้อะไรมาหลายอย่างคะผู้การ”
เธอได้เล่าเรื่องที่ว่าเพราะอะไรเธอถึงได้ไปเจอกับแหวนวงนี้รวมถึงเรื่องที่พวกกะเหรี่ยงเห็นเหตุการณ์การโจมตีของเฮลิคอปเตอร์ เรื่องนี้แคนนั้นรู้จากที่ดาบณรงค์รับสารภาพแล้ว แต่แคนนั้นทำเฉยระหว่างที่นุ่มนิ่มเล่าเรื่องนี้ แคนฟังจนเธอเล่าจบ
“ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง คุณนุ่มนิ่มมาบอกผมเพื่ออะไรครับ”
“นิ่มอยากให้ผู้การได้รู้คะ ว่านิ่มรู้ความจริงเรื่องของพ่อแล้ว”
“สำหรับผม มันไม่มีประโยชน์อะไรครับ เพราะไม่มีอะไรยืนยันว่านายบุญส่งได้ตายแล้ว และผมยืนยันคำเดิมเรื่องที่เคยบอกคุณนิ่มไปเมื่อเราเจอกันครั้งที่แล้วครับ แต่ผมอยากจะบอกคุณนุ่มนิ่มสักอย่าง ถือเป็นการบอกกล่าวแล้วกันนะครับไม่ใช่การเตือน ถ้าเรื่องที่คุณนุ่มนิ่มบอกมาเป็นเรื่องจริง ผมอยากให้คุณใคร่ครวญให้ดีว่าจุดจบของพ่อคุณเป็นยังไง พ่อคุณทำความเลวร้ายให้กับคนอย่างมาก ยิ่งเรื่องค้ายาเสพติดที่ทำให้พ่อคุณร่ำรวย ส่งเสียคุณจนเรียนจบเมืองนอก แต่มันเป็นเงินที่มาจากอะไรละครับ ถ้าไม่ใช่น้ำตาและคราบเลือดของคนอื่น กี่ชีวิตกี่ครอบครัวที่ต้องสูญสิ้นไปเพราะพ่อของคุณและบริวาร แต่จุดจบมันเป็นยังไง มันมีผลสะท้อนกลับมาที่ครอบครัวของคุณได้ ผมคงไม่พูดนะครับว่าครอบครัวคุณได้รับผลอะไรบ้าง ผมอยากให้คุณคิดไตร่ตรองให้ดีๆว่าสิ่งที่พ่อคุณทำมันได้ไม่คุ้มเสีย เหมือนกับนายสาธิตที่ตายตามพ่อคุณไปติดๆกัน ถ้าใครคิดอยากจะอยากจะเลียนแบบ ผมว่าจุดจบมันคงไม่ต่างจาก 2 คนนี้ครับ ยิ่งพวกเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาแล้ว จบไม่ดีสักคนครับ”
“ผู้การหมายถึงอะไรคะนิ่มไม่เข้าใจคะ”
“ผมก็หมายถึงสิ่งที่ผมพูดนะครับคุณนิ่ม พวกนายทุนค้ายาบางคนอาจจะคิดว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นก็หนีไปอยู่ต่างประเทศก็สบายแล้ว แต่ผลที่ตามคือกลับประเทศบ้านเกิดไม่ได้ ไม่ได้เจอหน้าคนในครอบครัว แถมต้องใช้ชีวิตด้วยความหวาดระแวงไปชั่วชีวิต เพราะไม่รู้ว่าจะโดนจับหรือถูกอีกฝ่ายจะตามมาฆ่าล้างแค้นเมื่อไหร่ครับ”
แคนตอบไปที่หญิงสาว ที่อีกฝ่ายดูจะนิ่งไปชั่วขณะ จนเธอเอื้อมมือมาหยิบสร้อยขึ้นมาสวม
“ขอบคุณนะคะผู้การที่สละเวลา ที่นิ่มจะมาคุยกับผู้การก็เพราะเรื่องนี้ละคะ ขอตัวก่อนนะคะ”
เธอพูดทิ้งท้ายก่อนจะลุกเดินออกไป แคนนั้นยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบโดยไม่มองตามนุ่มนิ่ม ผ่านไป5 นาทีเสียงโทรศัพท์ของแคนดังขึ้นเป็นธงรบโทรที่มาหาแคน
“โอเค เรียบร้อยไม่มีใครอยู่แล้ว ขึ้นรถไปกันหมดแล้ว”
แคนวางสายโทรศัพท์แล้วยิ้มๆก่อนจะเดินออกจากร้าน แคนรู้ว่านุ่มนิ่มนั้นลงมาที่กรุงเทพหลายวันแล้วและวันนี้เธอนั้นขับรถตามแคนมาตั้งแต่แคนออกจากที่ทำงาน แคนเลยตัดสินใจทำทีเป็นแวะที่ร้านกาแฟเพื่ออยากจะรู้ว่านุ่มนิ่มสะกดรอยตามตนเองทำไม และนุ่มนิ่มนั้นยังไม่รู้ว่ามีตำรวจคอยตามดูอยู่ ทำให้แคนรู้ความเคลื่อนไหวเป็นอย่างดี วันนี้นุ่มนิ่มมากับมุกดาและวิฑูรย์ที่ทำหน้าที่ขับรถ ทั้ง 3 คนนั้นถูกแอบสะกดรอยตามตั้งแต่ออกจากบ้านพัก และมุกดากับวิฑูรย์นั้นคอยดูอยู่ห่างๆตอนที่นุ่มนิ่มเข้าไปคุยกับแคน ซึ่งทั้งคู่ไม่รู้ว่ามีตำรวจคอยตามดูอยู่ จนนุ่มนิ่มเดินออกมาจากร้านและพากันขึ้นรถออกไปโดยที่ตำรวจนั้นสะกดรอยตามต่อทันที
ภายในรถนุ่มนิ่มที่นั่งเบาะหลังนั้นนั่งเงียบไม่พูดจาอะไรกับใครเลย มือเธอกุมแหวนที่คล้องคออยู่ตลอด เธอยังแปลกใจว่าทำไมจู่ๆเธอถึงกล้าไปพูดกับแคนในเรื่องนี้ หลายวันที่ผ่านมาตั้งแต่นุ่มนิ่มได้ภาพของแคนตอนเป็นทหารรับจ้างมา เธอนั้นวิตกกังวลมาตลอดแต่ไม่กล้าที่จะบอกกับใคร เธอคิดไม่ตกในเรื่องนี้ ถึงแผนการครั้งนี้ของประพาสจะได้ผล แต่เธอกลับไม่รู้สึกอะไร แต่กลับวิตกเรื่องของแคนมากกว่า จนวันนี้เธอที่ไม่ได้วางแผนอะไรมาก่อนกลับตัดสินใจที่จะมาคุยกับแคน ตอนแรกเธอตั้งใจจะมาพบกับแคนที่ทำงานแต่รู้สึกว่ามันไม่เหมาะเธอจึงรอตอนเลิกงานและตั้งใจว่าถ้าแคนแวะซื้อของหรือทานข้าวที่ไหนเธอจะเข้าไปพบ ทั้งวิฑูรย์กลับมุกดานั้นก็ไม่กล้าห้ามปรามและไม่รู้ว่าเจ้านายทำไมถึงกล้ามาพบแคนอีกครั้ง
มันเป็นความคิดที่จู่ๆโผล่ขึ้นมาที่เธออยากจะเห็นว่าแคนมีปฏิกิริยาอะไรบ้างถ้ารู้ว่าเธอนั้นรู้ว่ากำนันน้อมได้ตายไปแล้วรวมถึงเรื่องที่เธอได้ฟังจากพวกกะเหรี่ยง แรงกระตุ้นคงมาจากข่าวที่แคนบุกไปใกล้ๆหมู่บ้านตะวันลับและข้อมูลที่เธอได้มา แต่เธอนั้นผิดหวังอยู่เหมือนกันที่แคนไม่มีปฏิกิริยาอะไรออกมาเลย ใบหน้านั้นเรียบเฉยมากเหมือนไม่มีความรู้สึกอะไร บางครั้งความฉลาดที่เธอมีมันไม่ช่วยเธอไปทุกเรื่อง ถึงตอนนี้เธอยอมรับว่าเธอขาดความรอบคอบเอาอารมณ์ความรู้สึกมาอยู่เหนือเหตุผล เธอคิดใคร่ครวญอีกครั้งเธอไม่ควรไปพบกับแคนและเล่าเรื่องพวกนี้ให้แคนฟัง จากที่เห็นปฏิกิริยาของแคน ทำให้นุ่มนิ่มรู้ว่าเธอนั้นห่างชั้นกับแคนมาก และถึงตรงนี้เธอมั่นใจแล้วว่าแคนนั้นรู้เรื่องของเธอแล้วจากคำพูดที่เธอฟังออกว่าแคนนั้นเตือนเธอ นุ่มนิ่มนั้นตัวสั่นขึ้นมาทันทีเพราะความกลัว มือเธอกำแหวนของกำนันน้อมแน่น เธอพยามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา จนถึงบ้านเธอเดินขึ้นไปบนห้องทันที โดยไม่สนใจกับใครแม้กระทั่งลิซ่า
ลิซ่ามองตามเจ้านายและคู่ขาด้วยความหงุดหงิด ระยะหลังๆนุ่มนิ่มมักจะนอนคนเดียวไม่เรียกหาเธอปล่อยให้เธอหาความสุขกับมุกดาแทน เธอไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไรที่นุ่มนิ่มเป็นแบบนี้ เพราะเมื่อก่อนจะเรียกหาเธอไม่ขาด แต่ช่วงนี้เจ้านายสาว กลับดูเคร่งเครียดอย่างมาก ลิซ่าได้แต่เก็บความขุ่นเคืองไว้ในใจ ส่วนนุ่มนิ่มทันทีที่เข้าห้องนอน เธอร้องไห้ออกมาทันที ความหวาดกลัว ความกังวล รวมถึงคำพูดของแคนที่มันถาโถมเข้าใส่เธอจนมันเกินกว่าที่เธอจะรับไหว เธอรู้มาตั้งนานแล้วว่าสิ่งที่เธอทำนั้นมันเกินตัว แต่เมื่อถึงขนาดนี้แล้วมันเกินกว่าที่เธอจะถอยออกมาหรือถอนตัว หลังจากที่เธอตั้งสติได้ นุ่มนิ่มเดินไปล้างหน้าที่ห้องน้ำพอออกมา เธอเดินมาที่โต๊ะทำงานแล้วหยิบสมุดที่ใช้เก็บนามบัตรขึ้นมา เธอเปิดมาหน้าแรก เธอดึงนามบัตรที่อยู่หน้าแรกขึ้นมาพร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ นุ่มนิ่มรอสายไม่นานนักพออีกฝ่ายรับสาย
“คุณธนานะคะ ดิฉันประภัสสรคะ ขอโทษนะคะที่โทรมารบกวนเวลานี้.....”
ส่วนชั้นล่างที่ห้องรับแขก ลิซ่าได้ถามไปที่มุกดากับวิฑูรย์ว่านุ่มนิ่มเป็นอะไร ทั้งคู่ต่างตอบไม่ได้แต่บอกว่านุ่มนิ่มไปพบกับแคนมาอีกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าคุยอะไรและนุ่มนิ่มนั้นไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังตลอดทางที่กลับ
“ไปพบมันทำไมไม่เข้าใจ”
ลิซ่าพูดออกมาอย่างขัดใจ เธอนั้นรู้สึกไม่ดีอะไรกับแคนหลายอย่างและดูออกว่านุ่มนิ่มนั้นให้ความสนใจแคนเกินกว่าเรื่องของงาน ทั้ง 3 คนต่างคุยกันเรื่องงานอยู่ครู๋ใหญ่และเป็นมุกกดาที่ขอตัวกลับไปที่บ้าน แต่ก่อนที่วิฑูรย์จะไปกินข้าว ลิซ่าได้บอกกับวิฑูรย์
“กินข้าวเสร็จฑูรย์ไปอาบน้ำให้เรียบร้อยแล้วไปหาที่ห้องนะ”
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน