“ตื่นเถอะ หนูข้าว” เสียงของหนุงหนิงปลุกข้าวหอมให้ตื่นมาจากที่นอนหลับอยู่บนเบาะรถ หนุงหนิงเป็นผู้พิทักษ์อีกคนหนึ่ง อายุประมาณยี่สิบเจ็ด ใช้หอกกับโล่เป็นอาวุธประจำกาย ข้าวหอมบิดตัว ไล่ความเมื่อยล้า สองวันที่ผ่านมานั้นน่าเหนื่อยอ่อนยิ่งนัก เพราะมีแต่นั่งรถติดกันนานเป็นชั่วโมง แล้วก็ลงไปสู้ กลับขึ้นรถ แวะพักที่โรงแรม ก่อนจะออกไปขึ้นรถอีกครั้ง
“ถึงแล้วเหรอคะพี่หนุงหนิง” เธอถาม
“เกือบแล้ว” หนุงหนิงตอบ “เตรียมตัวด้วย เหลือศูนย์นี้เป็นศูนย์สุดท้ายแล้ว พวกมันที่เหลือรอดกำลังไปรวมตัวกันที่นั่น”
ข้าวหอมเรียกดาบและชุดเกราะออกมา
“สวยมากเลยนะ” หนุงหนิงบอก พลางมองที่ดาบเล่มบางยาวของข้าวหอม
“ค่ะ” ข้าวหอมตอบ
“เสร็จงานนี้ พี่ว่าผู้อาวุโสมงคลต้องแต่งตั้งหนูข้าวเป็นผู้พิทักษ์ระดับสูงแน่เลย” หนุงหนิงบอก
“เหรอคะ แต่หนูเพิ่งพ้นระดับเด็กฝึกหัดมาได้ไม่ถึงปีเลย”
“แต่หนูก็เก่งกว่าพวกผู้อาวุโสแล้วนะ” หนุงหนิงแย้ง “พี่ได้เห็นหนูสู้กับเสี่ยต้นวันนั้นที่ศูนย์ใหญ่ เสี่ยต้นฆ่าผู้อาวุโสไมเคิลไปแล้ว แล้วก็ฟันผู้อาวุโสมงคลจนบาดเจ็บ แต่พอเจอหนู มันถึงกับไปไม่เป็นเลย”
รถตู้ใหญ่คันหน้าชะลอและจอดลง เก่ง ผู้อาวุโสมงคล กับผู้พิทักษ์อีก 4 คนก้าวออกมา หนุงหนิงกับข้าวหอมพยักหน้าให้กัน และลงจากรถ รถคันที่สามที่ตามมาจอดตาม และปล่อยผู้พิทักษ์อีกสามคนลง
ไม่มีร่องรอยปิศาจให้เห็น แต่เครื่องตรวจจับพลังปิศาจพุ่งจนสุดเข็มทุกอัน
“ระวังตัวให้ดีนะ” ผู้อาวุโสมงคลร้องบอก “พวกมันรู้แล้วว่าเรามา อาจจะรอซุ่มโจมตีอยู่ก็ได้”
เก่งหันมามองข้าวหอมขวับหนึ่งแต่ก็รีบหันหน้าหนี เธอยังโกรธพี่ชายและสิ่งที่เขาพยายามบอกเธอเกี่ยวกับแฟนของเธออยู่ บนรถในวันแรกเธอได้ส่งข้อความคุยกับพี่นที และเขายืนยันมาว่าสภาจะไม่มีปัญหากับเขาหรอก หลังจากนั้นเมื่อวานมงคลก็มาเล่าให้เธอฟังว่าเก่งบอกเขาเรื่องที่เธอคบหากับผู้ใช้เวทมนตร์ที่อยู่นอกสภา ท่านผู้อาวุโสบอกว่าหากแฟนของเธอไม่ยอมเข้าร่วมกับสภาผู้พิทักษ์จริง ก็ต้องถูกหมายหัวเป็นศัตรู แต่เพื่อเห็นแก่ข้าวหอม เขาจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ อย่างน้อยก็จนกว่าจะปราบลัทธิปิศาจราคะได้
“ผมก็ไม่อยากจะหาเรื่องกับคนที่สร้างเทพอาวุธได้หรอก” มงคลบอก “แต่กฎของเราชัดเจน ไปบอกแฟนหนูด้วย เราไม่อาจเสี่ยงปล่อยบุคคลอันตรายอย่างนั้นให้เพ่นพ่านไปมาอย่างเสรีได้”
เหมือนว่าพี่นทีจะคิดผิด สภามีปัญหากับพี่นที
เสียงตะโกนขานรับคำสั่งดึงข้าวหอมกลับมาจากความโกรธขึ้งเรื่องที่สภาพยายามขวางระหว่างเธอกับพี่นที หนุงหนิงและผู้พิทักษ์ในชุดเกราะอีกคนกำลังเข้าไปขนาบสองข้างประตู ข้าวหอม และผู้พิทักษ์สายประชิดตัวคนอื่นรีบเข้าไปตั้งแถวล้อมประตูไว้ ขณะที่เก่งและผู้พิทักษ์สายระยะไกลตั้งขบวนอยู่ด้านหลัง ผู้อาวุโสมงคลใช้เวทมนตร์ผลักประตูเปิดออก แนวรับตั้งท่ากันตัวเกร็ง กลัวว่าจะมีปิศาจพุ่งพรวดออกมาเหมือนที่ศูนย์ภาคเหนือ แต่ก็ไม่มี แนวต่อสู้ระยะประชิดเคลื่อนขบวนเข้าไปพลางพยายามมองหารอบตัวว่ามีปิศาจซ่อนอยู่ไหน กลุ่มระยะไกลตามไป โดยมีหนุงหนิง ผู้พิทักษ์ในชุดเกราะ และมงคลปิดท้าย
คณะผู้พิทักษ์ค้นทั่วชั้นล่าง แต่ก็ไม่พบอะไร จนกระทั่งเริ่มเคลื่อนขบวนขึ้นชั้นสอง ข้าวหอมก็สัมผัสถึงพวกมันได้
“เพลิงขาวแห่งความพิสุทธิ์” เปลวไฟสีขาวพวยพุ่งขึ้นไปหาปิศาจที่แอบเกาะอยู่บนเพดาน จนพวกมันร่วงกราวลงมา
“อยากมีไอ้ช่องเก็บเวทย์อย่างนั้นบ้างจัง” ผู้พิทักษ์ที่ยืนอยู่หลังเธอบ่น “คาถานั้นวาดวงเวทย์ทีเป็นชั่วโมง”
“หนูก็ต้องเสียเวลาคืนละเป็นชั่วโมงวาดแหละค่ะ” ข้าวหอมบอก
ทันใดนั้น ประตูรอบตัวก็เปิดออก และฝูงปิศาจกรูกันออกมา แต่คณะผู้พิทักษ์พร้อมรับมือเต็มที่แล้ว ไม่ถึงสิบนาทีปิศาจทั้งหมดก็ตายไป โดยไม่มีผู้พิทักษ์สักคนที่ได้รับบาดเจ็บ
หลังจากที่ปราบปิศาจได้หมดแล้ว ผู้อาวุโสมงคลก็ไปทำพิธีชำระล้างหลักศิลา เหมือนที่ทำกับศูนย์ใหญ่อีก 2 ที่ ศูนย์ใหญ่แต่ละแห่งของสภาผู้พิทักษ์นั้นสร้างบนหลักศิลาโบราณที่สะกดการไหลเวียนของพลังปิศาจ หากปิศาจยึดและครอบงำพลังของหลักศิลาได้ พวกมันก็จะมีพลังเพิ่มพูนขึ้นมหาศาล ที่ผ่านมา ที่พวกมันเก่งขึ้นถึงขนาดนั้น ก็เป็นเพราะหลักศิลาที่ศูนย์ย่อยที่ถูกยึดไปได้
“ก็แปลกนะ” ข้าวหอมบอกกับพี่หนุงหนิง “หนูว่าตอนนั้นพวกมันก็ไม่ได้เก่งกว่าตอนก่อนยึดศูนย์ได้ด้วยซ้ำ”
“เหรอ” หนุงหนิงถาม “แล้ว หนูคิดว่าพวกมันเอาพลังไปทำอะไร”
ข้าวหอมนึกถึงผนึกที่กักขังพญาปิศาจไว้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ระหว่างที่พิธีชำระล้างดำเนินไป ข้าวหอมก็โทรหาพี่นทีและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แฟนหนุ่มฟัง พร้อมทั้งยืนยันว่าเธอปลอดภัยดี ข้าวหอมพยายามเตือนเขาเรื่องของสภา แต่นทีก็บอกอีกครั้งว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง แต่เขาจะไม่ไปรายงานตัวกับสภาแน่
หลังจากพิธีเสร็จ คณะก็เริ่มเดินทางกลับกรุงเทพ ด้วยจิตใจที่เริงร่า ยินดีกับชัยชนะที่ได้มา เนื่องจากไม่ต้องมีเรื่องให้ต้องสู้แล้ว จึงไม่ได้ขับกันให้เป็นขบวนเหมือนแต่ก่อน รถคันที่สามที่เร็วที่สุดวิ่งขึ้นหน้าไป ขณะที่รถใหญ่ของเก่งกับผู้อาวุโสมงคลที่นำหน้ามาตลอดตกไปอยู่ท้ายขบวน หนุงหนิงและข้าวหอมคุยกันอย่างสนุกสนานและ....
บึ๊มมมมมมมมมมมมมม รถคันหน้าสุดในขบวนระเบิดเป็นผุยผงโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า คนขับรถของข้าวหอมรีบกระทืบเบรกดังเอี๊ยดจนผู้พิทักษ์ทั้งสองคนหัวทิ่ม รถใหญ่เบรกไม่ทันชนท้ายรถของทั้งคู่ดังปัง
ที่บนถนนมีร่างสูงแต่ผอมจนผิดธรรมชาติยืนอยู่ ใบหน้าของมันเป็นเพียงหน้ากากขาวเปล่า ๆ ที่ไม่มีแม้แต่ช่องมอง
“ปิศาจเหรอ” หนุงหนิงถาม
ข้าวหอมตัวสั่นสะท้านเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังที่แผ่ออกมาจากปิศาจตนนั้น นี่ไม่ใช่ปิศาจระดับล่างแบบที่เธอได้สู้มาแน่นอน เธอรีบพยายามกระชากประตูรถเปิดออก และพุ่งตัวออกไป ดาบปรากฏขึ้นในมือพร้อมกับชุดเกราะ
“เพลิงขาวแห่งความพิสุทธิ์” ข้าวหอมดึงวงเวทย์ออกจากช่องเก็บแล้วร่ายใส่ปิศาจหน้ากากขาว มันยกมือขึ้น ดูดเปลวไฟเข้าไปจนหมดแล้วปล่อยกลับมาใส่เธอ ข้าวหอมเสกบาเรียร์แต่มันก็แตกสลายไปทันทีที่เปลวเพลิงสีขาวมาสัมผัส เธอรีบดึงวงเวทย์อีกวงออกมา
“เกราะพิทักษ์สมบูรณ์แบบ” เธอร่ายคาถาที่เตรียมไว้ และสร้างเกราะเวทมนตร์มาล้อมรอบป้องกันตัวเอง เกราะนี้แข็งแกร่งกว่าบาเรียร์มาก แต่กว่าเปลวเพลิงขาวจะหยุด พลังของมันก็เกือบจะหมดสิ้นไปแล้ว
ลำแสงตัดฟ้าพุ่งออกมาจากคทาของเก่งเข้าใส่ปิศาจหน้ากากขาว แต่มันแค่เหลียวไปมองลำแสงก็สลายหายไปแล้ว คณะผู้พิทักษ์ที่ออกมาตั้งขบวนแล้วมองด้วยความตื่นตะลึง
ปิศาจร่างสูงค่อย ๆ ย่างกราย เข้าไปหากลุ่มผู้พิทักษ์ มีคาถาพุ่งเข้าใส่มันอีกสองสามบท แต่ทุกอย่างก็สลายไปก่อนสัมผัสตัวมันได้ ลูกไฟ ลูกธนู ลำแสง ทุกอย่างล้วนแล้วแต่สลายเป็นผงไปเมื่อเข้าใกล้ตัวมัน
ข้าวหอมเป็นคนแรกที่พุ่งเข้าใส่ปิศาจหน้ากากขาว ตามติดโดยหนุงหนิง มงคล และผู้พิทักษ์อีกสองคน ข้าวหอมฟาดดาบใส่ปิศาจหน้ากากขาว แต่มันยกมือมากำดาบของเธอไว้มั่นโดยไม่แสดงท่าว่าเจ็บปวดแต่อย่างใด ขณะที่มืออีกข้างของมันนั้นแยกออกเป็นหนวดนับสิบพุ่งเข้าใส่กลุ่มผู้พิทักษ์ที่วิ่งตามเธอมา หนุงหนิงยกโล่ขึ้นกัน แต่หนวดเหล่านั้นทะลุโล่เข้าไปราวกับโล่เป็นกระดาษทิชชู่เปียก ก่อนจะทิ่มเข้าไปทั่วร่างของเธอ ร่างของเธอสั่นกระตุกไปครู่หนึ่ง ข้าวหอมประหลาดใจที่หน้าตาเธอดูเหมือนมีความสุขมาก ก่อนที่เธอจะล้มลงเสียชีวิต ผู้พิทักษ์อีกสองคนที่ตามมาก็เผชิญกับชะตากรรมเดียวกัน แต่มงคลสะบัดดาบอย่างรวดเร็วปัดป้องหนวดเหล่านั้นไปได้หมด แต่หนวดก็กลับมารวมกันเป็นแส้เส้นใหญ่ฟาดร่างผู้อาวุโสจนกระเด็นไป
ข้าวหอมพยายามสุดแรงเกิดที่จะดึงดาบออกจากกำมือของปิศาจ แต่มันไม่ขยับแม้แต่น้อย หน้ากากว่างเปล่าหันมาหาเธอและเคลื่อนเข้ามาจนเกือบชิดหน้าเธอ สมองของเธอเริ่มปั่นป่วน บางอย่างเกี่ยวกับปิศาจตนนี้ทำให้เธอคิดอะไรไม่ออก และรู้สึกเร่าร้อนไปทั้งตัว จนเมื่อหน้ากากของมันมาแตะจมูกเธอเธอจึงคิดได้แล้วปล่อยมือจากดาบก่อนจะกระโจนหนี เทพอาวุธหล่นกระแทกพื้นดังเคล้ง ไม่ได้มีประโยชน์มากไปกว่าเศษเหล็กอันหนึ่ง
ข้าวหอมเรียกดาบลำแสงออกมาจากข้อมือซ้ายและพยายามเรียกดาบกลับมาหาเธอ แต่ปิศาจยกเท้าขึ้นเหยียบมันไว้
“สวัสดี ข้าวหอม เจ้าเก่งกว่าที่ข้าคิดไว้นะ” ปิศาจหน้ากากขาวพูด
ผู้พิทักษ์ที่ยังเหลือรอดกันอยู่มองตากันปริบ ๆ ปิศาจพูดได้ด้วยเหรอ ไม่มีใครเคยเห็นปิศาจพูดภาษามนุษย์มาก่อน
“สมแล้ว กับที่ข้าเลือกเจ้า...เป็นเครื่องสังเวยชิ้นสุดท้าย มาหาข้าเถอะ”
เท้าของข้าวหอมก้าวเข้าไปหาปิศาจเอง เธอรู้สึกคล้ายกับเมื่อครั้งที่อยู่ในวงเวทย์ควบคุมของเสี่ยต้น แต่เต็มใจกว่า เธอรู้ว่านี่คือพลังของปิศาจตนนี้ที่สะกดจิตเธอ แต่ต่างจากครั้งนั้น เธอแทบไม่มีความอยากจะต่อต้านเลย
“นั่นแหละ ดีมาก เข้ามาอีก เข้ามาอีก”
แต่ทันทีที่เข้าใกล้ตัวของปิศาจข้าวหอมก็ฟาดมันด้วยดาบลำแสงทันที เธอไม่รู้เหมือนกันว่าจะฟาดไปเพื่ออะไร เมื่อดาบของเธอยังทำอะไรมันไม่ได้ และดาบลำแสงมันอ่อนด้อยกว่าดาบธรรมดาเสียอีก แต่หากเธอไม่สู้ จะเรียกตนเองว่าผู้พิทักษ์ได้อย่างไร
ดาบลำแสงตัดไปที่ตัวของปิศาจ ตามคาด มันไม่แม้แต่จะสะดุ้ง
ปิศาจเอื้อมมือมาที่คอหอยของข้าวหอม แต่เธอบังคับตนเองให้กระโดดหนีออกมาได้อีกครั้ง และดึงคาถาบทสุดท้ายออกจากข้อมือ
“เกราะพิทักษ์สมบูรณ์แบบ” หนวดจากตัวปิศาจที่พุ่งตามเธอเข้ามาชะงักเมื่อกระแทกเข้ากับเพราะพิทักษ์ แต่ไม่ช้าก็เจาะเข้ามาได้ แต่ชั่วอึดใจที่ปิศาจช้าลงนั้น ข้าวหอมก็ถอยหนีออกมาได้ไกลแล้ว
“เอาไงดี เจ๊” พี่เก่งถาม
บึ๊มมมม ปิศาจคงเห็นว่าพวกเธอเข้าใกล้รถเกินไปแล้ว จึงปล่อยพลังมาโดนรถทั้งสองคันจนระเบิดบึ้มไป
“นี่มันตัวอะไรว๊ะเนี่ย” ผู้พิทักษ์อีกคนถาม “จะฆ่ามันยังไง”
มงคลโซซัดโซเซกลับมาหาคนอื่น “พยายามโจมตีพร้อมกัน เข้าไปที่จุดเดียวกัน” ผู้อาวุโสบอก
ข้าวหอมพยายามเรียกดาบอีกครั้ง คราวนี้ เนื่องจากปิศาจก้าวออกมาจากจุดเดิมแล้ว ดาบจึงลอยขึ้นจากพื้นและพุ่งมาข้างหน้าได้ แต่ปิศาจก็คว้ามันได้กลางอากาศ
“ตรงหน้ากากมันแล้วกัน” เก่งร้องบอกคนอื่น ที่แต่ละคนร่ายลำแสงตัดฟ้ากันเสร็จแล้ว “เอาหล่ะ 1 2 3”
ลำแสงตัดฟ้าสี่เส้นพุ่งเข้าหาปิศาจ แต่ก็สูญสลายไปไม่ต่างจากเส้นเดียว
ปิศาจวาดดาบของข้าวหอมเป็นวงกลม แรงที่พุ่งเข้ามากระแทกพวกผู้พิทักษ์กระเด็นไปคนละทิศคนละทาง ตัวมันพุ่งพรวดเขามาใส่ข้าวหอมและคว้าคอของเธอไว้ได้ สติของเธอแทบหลุดไปจากความรู้สึกเสียวกระสันต์ที่สัมผัสของมันนำมาให้เธอ แต่กระนั้นเธอก็พยายามดิ้นรน ในสติที่กำลังจะหลุดไป ยังคงนึกถึงใบหน้าของพี่นทีของเธอ
“มาเป็นเครื่องสังเวยให้ข้าเถอะ” มันไม่ได้พูดเปล่า แต่แขนของมันที่คว้าคอเธออยู่ก็แยกออกเป็นหนวดเส้นเล็ก ๆ ค่อย ๆ แทรกเข้ามาตามรอยต่อของชุดเกราะ
“อื๊ออออออออออออออออออออ” ข้าวหอมกัดฟัน ขนลุกซู่ สัมผัสของหนวดเหล่านั้นบนผิวหนังของเธอทำให้เธอถึงจุดสุดยอดไม่รู้กี่ครั้งในสัมผัสเดียว
ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด
ตรวจพบการล่วงล้ำโดยไม่อนุญาต ปิดผนึกชุดเกราะโดยอัตโนมัติ หลังจากสัญญานแจ้งเตือน ชุดเกราะของข้าวหอมก็ปิดผนึกตนเอง โดยดันให้แผ่นเหล็กแต่ละแผ่นเข้าชิดกันมากขึ้นจนประสานเป็นแผ่นเดียว หนวดของปิศาจหน้ากากขาวนับสิบเส้นขาดกระจุย เมื่อถูกแผ่นเกราะหนีบเข้าไป มันกรีดร้องโหยหวนและปล่อยตัวเธอ ข้าวหอมหล่นปุลงไปกองกับพื้น แข็งทื่อเป็นรูปปั้น ขยับตัวไม่ได้แม้แต่น้อยเพราะชุดเกราะผสานเป็นชิ้นเดียวไปแล้ว ปิศาจหน้ากากขาวก้มตัวลงมาหาเธออีกครั้ง คว้าคอเธอ และยกตัวเธอลอยขึ้นไป
“ลูกเล่นเยอะนักนะ” มันคำราม “แต่มันก็ช่วยได้แค่ถ่วงเวลาเท่านั้นแหละ ไม่ช้า ก็เร็ว เจ้าจะต้องเป็นเครื่องสังเวยของข้า พรหมจรรย์ของเจ้าจะเบิกทางสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญาของชาวปิศาจ และเหล่าผู้ภักดี”
ที่ซ่อน คือ Sneak Peek ของตอยต่อไปนะครับ
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน