เห็นยอดคนเม็นต์แล้วชื่นใจ เลยรีบปั่นมาให้อ่านครับ
งานอาจะเผาๆ ไปนิดเพราะคิดอะไรได้ก็ใส่ไปไว้ก่อน ยังไงผมจะเกลาและลงอีกครั้งในช่องทางสนับสนุนครับ
ลองมาเดากันว่า "ครูสาวของเราจะทำยังไงเมื่อตัวเอกรู้ความจริง" กันครับ
หลังจากนี้อาจะพักนิดหน่อยแล้วไปต่อผู้คุมจิตนะครับ
อยากจะลงอีกสักตอนสองตอนเพราะกำลังจะไปเที่ยวปลายเดือนครับ ฮ่าๆ
ตอนนี้ซ่อนช่วงท้าย สามารถอ่านแล้วแสดงความเห็นเพื่ออ่านต่อได้เลยครับ
อ่านตอนก่อนหน้า หรือผลงานเรื่องอื่นๆ ได้ที่ แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
ของผมครับ
สนับสนุนให้กำลังใจเพิ่มเติมและอ่านตอนใหม่ได้ตามช่องทางดังนี้ครับแสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
อย่าลืมเข้าไปพูดคุยกันได้ที่เพจนะครับ แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
เมื่อผมไปถึงห้องเรียน ก็พบว่านักเรียนเกือบครึ่งห้องยังมาไม่ถึง
โรงเรียนของเราไม่มีกิจกรรมหน้าเสาธง และเพราะวันนี้เป็นวันรับสมัครชมรม
ครูอารียาของเราจึงยอมผ่อนปรนให้กับพวกที่มาสายได้อยู่บ้าง
ระหว่างรอ ครูสาวก็นั่งอ่านอะไรบางอย่างอยู่ที่โต๊ะของเธอหน้าห้อง
ผมมองไม่เห็นว่าหนังสือเล่มนั้นเกี่ยวกับอะไรเพราะที่นั่งของผมอยู่ห่างเกินไป
และด้วยเหตุนี้ ผมจึงลุกขึ้นและค่อยๆ เดินไปหาเธอช้าๆ
ผมต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถเริ่มต้นกับครูของเราได้ทันทีหลังจากที่ผมได้ลิ้มรสพี่เอมเรียบร้อยแล้ว
เจ้าของแหวนที่นิ้วนางของเธอจะเป็นใครสักคนในโรงเรียนของเราหรือเปล่านะ?
เธอเพิ่งจะเรียนจบและได้รับใบอนุญาตในการสอน ดังนั้น เธอควรจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโรงเรียนนี้มากนัก
แต่หากให้ผมเดา เธออาจจะเป็นศิษย์เก่าของที่นี่มาก่อน เพราะครูส่วนใหญ่มักต้องการกลับเริ่มอาชีพการสอนโรงเรียนเดิมของพวกเขา
“ครู..เอ่อ…กำลังอ่านอะไรอยู่เหรอครับ?” ผมถามอ้อมแอ้มเมื่อไปถึงโต๊ะของเธอ
เมื่อมองดูใกล้ๆ ดูเหมือนว่าปกของหนังสือจะถูกห่อด้วยผ้าและมัดไว้อย่างแน่นหนา
น่ากลัวว่าปกจะต้องเสียรูปไปแล้วเรียบร้อย ทำไมเธอต้องพยายามซ่อนปกหนังสือด้วยนะ หรือมันจะเป็นหนังสือโป๊?
ครูอารียาสะดุ้งสุดตัวหลังได้ยินคำถามของผม เธอรีบประกบปิดหนังสือเล่มนั้นทันทีก่อนที่ผมจะเห็นเนื้อหาภายในได้
แต่ความตาไวของผมก็ทำให้ผมเห็นบางอย่างเข้า ผมจึงพอที่จะเดาได้ว่าเธอกำลังอ่านหนังสือประเภทไหนอยู่
หน้านั้นเป็นหน้าภาพประกอบที่เห็นได้ทั่วไปในนิยาย และนั่นอธิบายว่าทำไมเธอถึงซ่อนมันไว้
ครูของเราคงไม่อยากให้นักเรียนรู้จักงานอดิเรกของเธอ ดูเหมือนเธอจะจดจ่ออยู่กับการอ่านมันอย่างมากถึงกับไม่ทันสังเกตว่าผมเดินไปที่โต๊ะของเธอ
ถ้าผมไม่พูดขึ้น สงสัยตอนนี้เธอคงจะอ่านมันต่อ
“อ-อะไรนะ? เธอ..เอ่อ..กันตภณ! มีมารยาทบางไหมถึงได้ไม่ขออนุญาตครูก่อน!”
แม้จะดูลนลานในแวบแรก แต่เช่นเดียวกับวันแรกของเทอม ครูอารียาเปลี่ยนกลับมาเคร่งขรึมได้ในทันที
อาา…บางที นี่อาจจะเป็นโอกาสที่ผมกำลังมองหา
“ผมขอโทษครับครู ผมเห็นครูมีสมาธิกับมันมาก ผมก็เลยอดไม่ได้ที่จะอยากรู้ว่าครูอ่านอะไรครับ”
ผมแก้ตัวและเห็นร่างเธอสั่นเล็กน้อย ครูสาวคงกำลังสงสัยว่าผมรู้ความลับของเธอหรือไม่
เธอกระแอมเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับ "ไม่มีอะไรหรอก ครูแค่กำลังทบทวนแผนการสอนเฉยๆ"
“ผมเข้าใจดีครับ นิยายบางเรื่องใช้เป็นแรงบันดาลใจในการสอนได้” ผมลดเสียงลงเพราะต้องการให้เธอได้ยินเพียงคนเดียว
"ธ-เธอ!"
ครูอารียายืนขึ้นและกระแทกแฟ้มลงบนโต๊ะของเธอ และเพราะเสียงนั้น ทุกคนจึงหันมาสนใจเธอในทันที
ก่อนที่ครูสาวจะได้พูดอะไรอีก เพื่อหลีกเลี่ยงความสนใจที่เธอรวบรวมมา ผมจึงกลับมานั่งยังที่ของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
และด้วยเหตุนี้ ครูอารียาจึงเป็นคนเดียวที่ได้รับความสนใจจากทุกคนในห้อง
เมื่อสังเกตเห็นสายตาจากทุกคน ครูคนสวยก็อดที่จะแสดงสีหน้าหงุดหงิดไม่ได้
เพราะนอกจากจะกลายเป็นจุดสนใจโดยไม่ยินยอมแล้ว ความลับของเธอกลับต้องมารั่วไหลไปอีก
และที่แย่กว่านั้น คนที่รู้ความลับนั้นดันเป็นนักเรียนของเธอเอง
ครูอารียาเก็บของและเดินออกจากห้องทันที แต่ก่อนที่เธอจะจากไป ครูสาวก็มองกลับมาที่ผม
"กันตภณ! มาหาครูที่ห้องพักครูตอนพักด้วย!"
โอ๊ย! ผมไม่คิดว่ามันจะเลยเถิดไปขนาดนี้ กลายเป็นว่าตอนนี้ความสนใจจากนักเรียนคนอื่นๆ ก็ตกมาที่ผมเช่นกัน
เพื่อนร่วมชั้น ก. ไม่ควรได้รับความสนใจมากขนาดนี้…
เพราะก่อนหน้านี้ แต่ละคนต่างมีโลกของตัวเอง พวกเขาจึงไม่ได้สังเกตว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างผมกับครูอารียา
ในทันทีที่ครูของเราพ้นออกประตูห้องไป หยกที่นั่งข้างๆ ผมก็ไม่สามารถเอาชนะความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองได้อีก
และแน่นอนว่าไม่ใช่แค่เธอเท่านั้น ทุกคนในห้องต่างรอคอยคำตอบ
“ภูมิ แกไปทำอะไรให้ครูโกรธเนี่ย?”
“เรา เอ่อ.. เราไม่ได้ทำอะไรเลย แค่ถามคำถามเอง นี่เรายังงงอยู่เลยว่าทำไมครูถึงเป็นแบบนั้น หยกรู้ไหมล่ะ?”
“เอ้า! แล้วมาถามชั้นทำไมก่อน! แต่ยังไงก็ดีใจด้วยนะ สำหรับคนแรกในมอสี่ที่ได้ไปเยือนห้องพักครู! ” หยกแซวผมพร้อมกับยิ้มร่าซึ่งก็รวบรวมเสียงหัวเราะได้จากทุกคน
ใช่! ทุกคน! แล้วแบบนี้ผมจะยังเป็นเพื่อนร่วมชั้น ก. ต่อได้ยังไง ผมต้องไม่ทำพลาดแบบนี้อีก
“เราไม่ได้อยากจะไปซะหน่อย นายอยากจะได้รับเกียรตินี้ไหมล่ะเติ้ล?”
เพื่อส่งความสนใจไปที่อื่น ผมหันไปเพื่อนชายที่อยู่ข้างหลังซึ่งกำลังหัวเราะเหมือนคนอื่นๆ
“เราไม่ได้ชื่อกันตภณสักกะหน่อย” เติ้ลตอบแกมขำ
“เฮ้อ! งั้นผู้เสียสละก็ต้องเป็นเราสินะ โอเคๆ” ผมแสดงอาการท้อแท้ซึ่งกลายเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่พวกเขาหัวเราะ
ขนาดกอหญ้าผู้เงียบงันก็ยังหัวเราะคิกคักอยู่ทางด้านซ้ายของผม
แม้คนอื่นอาจจะมองว่าเธอดูเฉื่อยชาจากการแสดงออกและผมหน้าม้าที่ปรกตา
แต่ผมรู้ดีว่าจริงๆ แล้วเธอน่ารักขนาดไหน
หลังจากเหตุการณ์นั้น นักเรียนที่เหลือก็ทยอยเข้าห้องมา ส่วนใหญ่พวกเขาถูกดักและลากไปตามชมรมต่างๆ โดยรุ่นพี่พวกนั้น
และผมก็ได้รับความสนใจอีกครั้งเมื่อเหล่าผู้มาสายได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ผ่านไปครู่หนึ่ง คุณครูสาวก็กลับมาและเริ่มคาบเรียนด้วยเวลาที่เหลือ
ผมไม่เห็นหนังสือเล่มนั้นจากข้าวของของเธอเลย เธอคงเขินอายเกินกว่าจะหยิบมันออกมาอีกครั้งและเอาไปซ่อนเรียบร้อยแล้ว
เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้น ครูอารียาจึงจ้องมองมาที่ผมตลอดคาบ อีกทั้งยังเรียกผมเพื่อตอบคำถามถึงสามครั้งตลอดการสอน
ผู้หญิงคนนี้... เธอคิดว่าผมจะแฉงานอดิเรกของเธองั้นเหรอ?
เหล่าเพื่อนร่วมชั้นต่างก็ยิ้มเมื่อเห็นว่าผมตกเป็นเป้าของเธอ
ดูเหมือนจะมีคนอิจฉาผมอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะพวกที่อยากจะเป็นจุดสนใจของครูคนสวย
แม้จะหวั่นไหวอยู่บ้าง แต่ผมก็พยายามทำตัวปกติและตอบคำถามเสมอเมื่อถูกเธอเรียก
ผมไม่ต้องการตกเป็นเป้าของความสนใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว
ในที่สุด ผมก็มีโอกาสได้พักหายใจเมื่อคาบแรกอันแสนอึดอัดนั้นสิ้นสุดลง
พอถึงเวลาพักกลางวัน ผมก็รีบออกไปที่โรงอาหารเพื่อหาซื้ออะไรกินก่อนไปหาครูสาว
แต่แล้ว ระหว่างทางไปโรงอาหาร ผมก็สวนกับใครบางคนเข้า
หัวหน้าห้องของผม พลอย ณัฏฐ์นรี
แม้ว่าเราแทบจะไม่เคยคุยอะไรกันเลยตั้งแต่วันแรก แต่เธอก็พยักหน้าให้ผมอย่างน่าประหลาดใจและเดินผ่านไป
"ช่วยดูข้อความของนายด้วย"
ห่ะ? อะไรนะ? เธอพูดกับผมเหรอ?
ผมมองไปรอบ ๆ และพบว่ารอบข้างไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ เลย นี่เธอพูดกับผมจริงๆ เหรอเนี่ย?
ผมเหลือบมองพลอยที่กำลังจะจากไป เธอไม่ได้สนใจผมอีกและเดินกลับไปที่ห้องเรียนของเราต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ข้อความงั้นเหรอ? ผมไม่ได้ดูแชทห้องเลย ผมปิดการแจ้งเตือนทั้งหมดในโทรศัพท์ไว้เพราะกำลังยุ่งอยู่กับพี่เอม
แต่กระนั้น ผมก็เลือกที่จะดูมันในภายหลัง ตอนนี้ผมหิวเกินกว่าจะทำอย่างอื่นได้อีกแล้ว
เมื่อไปถึงโรงอาหาร ผมเลือกที่จะซื้อขนมปังแบบเดียวกับเมื่อวานเพื่อความสะดวกก่อนจะหามุมเพื่อนั่งกินมัน
เช่นเดียวกับครั้งอยู่โรงเรียนเก่า ผมใช้เวลาในระหว่างกินอาหารเพื่อสำรวจหาเป้าหมายใหม่ไปด้วย
และตามที่คาดไว้ ผมเห็นคู่รักสองสามคู่กำลังกินข้าวด้วยกันแม้จะเพิ่งหันมองได้นิดเดียว
ผมใฝ่ฝันว่าจะได้ขโมยพวกเธอถ้วนทุกคน ผมจะเรียกพวกเธอทีละคนในขณะที่กำลังกินข้าวด้วยกันกับแฟน พวกเธอจะทิ้งพวกเขาโดยไม่มีทางเลือก
และบรรดาแฟนหนุ่มเหล่านั้นก็จะไม่มีทางรู้ได้เลยว่า ผมกำลังลิ้มรสแฟนสาวแทนพวกเขา และนั่นจะกลายเป็นมื้อกลางวันยอดเยี่ยมที่สุด
แต่กระนั้น ผมจำต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้ตัวเองโดดเด่น ผมจึงต้องพับความฝันนั้นเก็บเอาไว้ก่อน
แต่ทว่า เมื่อผมสังเกตเห็นพี่เอมกับแฟนหนุ่มของเธออยู่ด้วยกันที่มุมหนึ่งของโรงอาหาร ผมก็อาจจะสัมผัสบางส่วนของฝันนั้นได้ในตอนนี้
พี่เอมยิ้มอย่างมีความสุขขณะกำลังกินข้าวกับพี่บิ๊กอย่างออกรส ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นเปิดดูหนึ่งในรูปที่ผมถ่ายไว้
มันเป็นรูปซึ่งริมฝีปากของเราแนบชิดกัน ผมมองดูใบหน้าของรุ่นพี่สาวขณะลิ้มรสจูบอันเร่าร้อนของเราในรูปถ่ายซ้อนทับกับใบหน้าในขณะนี้ของเธอ
อาาา… มันทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นอีกครั้ง
ผมส่งรูปเดียวกันกับที่ผมเพิ่งดูให้เธอไปทางแชท และไม่กี่วินาทีต่อมา ผมก็เห็นเธอหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเสื้อ
แล้วผมก็ได้เห็นท่าทีที่เธอแสดงออกเมื่อเห็นรูปนั้น มันเต็มไปด้วยความละอาย ความเขินอาย และความรู้สึกผิดปนเปกันไป
ตอนนี้เธอกำลังกินข้าวกับพี่บิ๊ก และต้องมาเห็นรูปเธอกำลังจูบกับชายอื่น เธอไม่กล้าที่จะมองดูแฟนหนุ่มของเธออีก
[ไอ้โรคจิต ลบทิ้งไปเลยนะ] คำตอบของเธอมาถึงหลังจากนั้นไม่นาน
จากที่ที่ผมนั่ง ผมเห็นเธอมองไปทางซ้ายและขวา
แม้จะอยู่ห่างไกลกันแต่ผมก็พอจะเดาได้ แฟนหนุ่มของเธอคงกำลังถามเธอว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่และเธอก็จะตอบเขาด้วยการส่ายหัว
พี่เอมยังน่ารักเกินไปอยู่เสมอ แต่ผมจะยังไม่ทำอะไรไปมากกว่านี้เพราะมันจะน่าสงสัยเกินไป
แทนที่จะทำเช่นนั้น ผมจะแกล้งเธอมากขึ้นแทน
[นี่เป็นความทรงจำของเรา ภูมิจะเก็บมันไว้] ทันทีที่ส่งไป ผมก็กินขนมปังเสร็จพอดี
แล้วโทรศัพท์ผมก็สั่นอีกครั้ง พี่เอมมักจะตอบเร็วเสมอ ผมต้องจำเอาไว้หน่อย
[ทีหลังได้ไหม ไม่ใช่ตอนนี้]
ดูเธอคนนี้สิ... แม้ว่าเธอจะเขินอายและรู้สึกผิดต่อหน้าแฟนของเธอ
แต่วิธีที่เธอตอบผมก็เพียงพอแล้วที่จะจุดประกายความปรารถนาของผมที่มีต่อเธอ
[OK กินข้าวกับพี่บิ๊กให้อร่อยล่ะ]
ผมกดส่งแล้วเก็บโทรศัพท์ทันที ถึงเวลาที่ผมต้องไปห้องพักครูแล้ว
ผมสงสัยว่า... หากผมโชคดี นี่อาจเป็นโอกาสที่จะได้บางอย่างจากครูคนสวยของเรา
นิยายเล่มนั้นให้โอกาสผม แม้ว่าผมจะไม่สามารถเรียกตัวเองว่าเป็นนักอ่านตัวยง
แต่ผมก็พอที่จะมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่บ้าง และผมจะใช้นิยายนั่นให้เป็นสะพานเชื่อมถึงเธอ
ซ่อนตรงนี้ครับ  
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน