สวัสดีครับ สวัสดีชาวเลทั้งหลาย ทะเลเปิดกันอีกครั้งแล้วครับ
...
ขออนุญาตแนะนำหน่อยครับ
เหมียว เพื่อนร่วมงานที่เมื่อ 1 ปีก่อนที่จะเข้าช่วง
ไทม์ไลน์ร้านคาราโอเกะ ผมได้แอบชอบเธอครับ
แต่ก็นั่นแหละครับ แห้วแดก เข้า Friend Zone
เนื้อเรื่องของทะเลนี้ จะเกิดขึ้นช่วงระหว่างตอนที่
28 - 29 ในเนื้อเรื่องคาราโอเกะครับ
เหมียว อย่างที่บอกกันครับว่าเธอเป็นสาว HOT ของออฟฟิศ
เหมียวก็พูดตรงๆคือคนที่ หุ่นดี หุ่นสวย
แต่หน้าอก ก็มีพอดีๆ ราวๆ 32 33 แต่สิ่งที่ทำให้เธอ
SO HOT เพราะความสวย น่ารัก วางตัวดี แล้วก็
เพราะสะโพกและก้นที่ฟิตเปรี๊ยะได้รูปเลยล่ะ
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
ให้พวกท่านทั้งหลาย อิมเมจภาพถึงดารา AV
Suzu Honjo ลองคิดภาพสิ่ครับว่าตอนที่จับเธอ
เข้าท่า DOGGY ก้นของเธอจะเด้งแค่ไหนน
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
....................................ความเดิมตอนที่แล้วเหมือนพี่เท่ส์มันจะหงุดหงิดครับที่ผมขวางไม่ให้คุยกับเหมียว
มันก็พูดก็เหน็บไปเรื่อย เอาซะจนผมฟิวส์หันไปง้างใส่เต็มๆ 1 หมัด
แต่ว่าดันไปโดนบอร์ดไม้ก๊อก จนทะลุ ถ้าโดนผมว่าคงหลับแหละ
แต่ว่าตอนนั้นอยู่ดีๆก็มีผู้หญิงคนนึงเดินมาเลยครับ
ไอ้แบนก็ทักว่า " เฮ้ย เมียไอ้เท่ส์ "
หรือถ้าใครอยากอ่านย้อนหลังแบบเต็มๆ คลิกที่ภาพได้เลย
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
...........................
ฮึ๊ !!!??? เมียไอ้พี่เท่ส์เหรอ ไม่นะ ไม่เอานะแบบในละครหลังข่าวอ่ะ ถึงผมจะเคืองเหมียวเรื่องเก่าๆยังไง แต่ไอ้แบบเมียหลวงจับได้ว่าผัวแอบไปหาเล็กหาน้อยนอกบ้าน แล้วจะมาพาลใส่ตัวผู้หญิงฝ่ายเดียวแบบนั้นไม่เอานะเว้ย เมียไอ้พี่เท่ส์มาถึงก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอ แล้วมาทำอะไรกันเยอะแยะ
อื้อหือ มาแว๊ปแรกผมไม่ชอบขี้หน้าขึ้นมาทันทีครับ ไม่สิ่ต้องบอกว่าผมไม่ชอบการวางท่าทางใหญ่โตแบบนี้เลย อาจจะเพราะว่าผมรู้จักคนที่ใหญ่โตจริงๆ ซึ่งผมบอกเลยว่าคนที่เขาอยู่บนจุดสูงๆจริงๆ และเข้าใจสัจธรรมต่างๆ เขาจะไม่ว่างท่าใหญ่โตแบบนี้ พี่แมนเคยบอกผมว่าเฮ้ยไอ้โทน คนเรามันก็เหมือนต้นข้าวนะ
ก็จริงอยู่ที่ตอนพึ่งเกิด ตอนกำลังโต กำลังไต่เต้า เราอาจจะแรงบ้าง อาจจะวางท่าบ้าง แต่ถ้าวันนึงขึ้นไปที่สูงๆ ได้สั่งสมประสบการณ์ได้เรียนรู้อะไรมากมายแล้ว คนเราจะเหมือนต้นข้าวที่โน้มลงมาแทบจะติดดิน ต้องนอบน้อมเข้าไว้ เพราะเมื่อไปสูงๆแล้ว แค่พาวเวอร์อย่างเดียวมันคุมคนไม่ได้ มันต้องมีความนอบน้อมด้วย และคุณท่านทั้งสองเองก็เป็นแบบนั้นครับ
พวกท่านเหมือนต้นข้าวที่โน้มลงมาจนแทบจะติดดิน ต่างจากคนๆนี้ที่กำลังวางท่ากร่างแบบโอ้โห ใหญ่ซะเต็มประดา เขาก็เดินไปหาไอ้พี่เท่ส์แล้วถามว่าสนุกมั้ยสัมมนา พี่เท่ส์ก็บอกมีปัญหานิดหน่อยแหละ ปัจจัยนึงที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ดูกร่างๆ อาจจะเพราะมีผู้ชายอีกคนเดินมาด้วยครับ ก็เหมือนคนคอยคุ้มครองแหละ ผมก็เริ่มสงสัยว่าเอามาทำไมไม่เข้าใจ ผู้หญิงคนนั้นก็กวาดสายตามองแบบ สายตานี่เย่อหยิ่งสัดๆเลยครับผม
แล้วก็ทักทายหัวหน้าผมแล้วถามว่า โทรคุยกันเมื่อกี้นี่ยังไง ถามเรื่องเท่ส์ทำไม หัวหน้าผมก็บอกเปล๊า แค่อยากถามอะไรนิดๆหน่อยๆ ไม่เห็นต้องมาถึงที่นี่เลย ผมกุมหัวเลหัวหน้าผมต่อสายคุยจริงๆเหรอวะน่ะ ไอ้แบนมี่ยืนข้างๆผมก็สะกิดแล้ววบอก เฮ้ยๆ เมียไอ้เท่ส์มันทำงานคนละบริษัทกับเรานะ ผมก็ถามว่าอ้าวแล้วมาทำไมวะถ้าคนละบริษัท
ไอ้แบนบอกกูก็ไม่แน่ใจว่ามาทำไม แต่ได้ข่าวว่าใหญ่พอตัวเลยนะ ผมเลยบอกว่ากูว่าไม่น่าจะใหญ่โตอะไรขนาดนั้น แต่ถ้าบอกว่าตำแหน่งสูงก็อาจจะเป็นไปได้ ไอ้แบนมันบอกว่า ไม่รู้ไอ่เท่ส์ไปทำยังไง ได้เป็นเมียเฉย ผมก็มองๆ ซึ่งก็พอเดาได้ว่า ไปได้กันได้ยังไง เพราะผู้หญิงดูค่อนข้างมีอายุหรือเปล่านะ เพราะเท่าที่มองคืออายุน่าจะพอๆกับหัวหน้า ส่วนไอ้พี่เท่ส์น่าจะไม่เกิน 30 อ่าส์กินหญ้าอ่อนสิ่นะ แต่ช่างเถอะมันไม่ใช่เรื่องของผมนี่หว่า
ไอ้แบนบอกว่า แต่หึงชิบหายเลยนะ อย่างว่าอ่ะแฟนเด็กกว่าแถมหล่อด้วย อืมม ที่ไอ้แบนพูดมันก็ถูก เอาจริงๆนะถึงผมจะไม่ค่อยชอบขี้หน้า แต่ก็ต้องยอมรับแหละว่าพี่เท่ส์แม่งหล่อจริง แล้วพอพี่เท่ส์เห็นก็ถลาเข้าไปหาเลย แล้วด้วยความที่พี่เท่ส์มันมีรอยฟกช้ำนิดๆหน่อยไง เมียพี่แกโวยวายเลยว่าใครทำอะไร
แล้วจังหวะนั้นเว้ย ไม่รู้เทวดาแกล้ง หรือ ซาตานถีบ เมียไอ้พี่เท่ส์แม่งเห็นเหมียว พอเห็นแล้วก็หันไปมองพี่เท่ส์ตาขวางเลยนะ ตอนนี้ผมรู้สึกเริ่มจะไม่ดีล่ะ เมียพี่เท่ส์พูด อ๋อออ อ้างว่ามาสัมมนาเหรอ เฮ้ยนั่นไง จะมาแบบพล็อตละครไม่ได้นา ไม่ต้องเดาเลย ผมว่าเมียพี่เท่ส์ อาจจะแบบเซ๊นส์แรง แบบว่าพอเห็นเหมียวก็พอเดาได้ เพราะเขาก็คงรู้นิสัยไอ้พี่เท่ส์แหละ
เอาล่ะบรรยากาศแม่งไม่ดีละ ผมคิดในใจนะว่าจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปดีมั้ยนะ เพราะเอาจริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องของผม มันเป็นเรื่องที่เหมียวกับพี่เท่ส์ทำกันขึ้นมาเอง ถ้าผมปล่อยให้บางอย่างเกิดขึ้นตอนนี้มันอาจจะสะใจผมก็ได้ แล้วค่อยมาปลอบใจตัวเองว่า นี่ไงล่ะเพราะไม่เลือกเรา มันเลยเกิดเรื่องแบบนี้
แต่มันจะดีจริงๆเรอะ เฮ้อเบื่อจริงๆที่เกิดมาแล้วต้องสงสารคนอื่น ตอนนั้นพี่เท่ส์มันบอกว่าเปล่าๆ แล้วทำพูดโอ๊ย แล้วจับหน้าตัวเอง เมียพี่เท่ส์แม่งก็ชะงัก แล้วถามว่าเป็นอะไรมากมั้ย พี่เท่ส์ก็ทำสำออยจับหน้าตัวเอง แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ถามใครทำแฟนชั้น นั่นไงไอ้ชิบหายวางสนุ๊กกูแล้วไง พี่เท่ส์มันก็มองมาทางผม ผมกับไอ้แบนก็หันไปมองข้ามไหล่ตัวเอง เอ๊ะใครวะ แล้วอันนี้ฮาจริง ผมถามไอ้แบนว่าใครวะ ไอ้แบนก็บอกว่ามึงเปล่าวะ
ผมก็บอกว่าแต่กูยังไม่ได้หวดซักหมัดเลยนะ ไอ้แบนก็บอกเออมั้ง ต้องบอกก่อนนะครับ ผมกับไอ้แบนตอนที่เล่นยูโดช่วงมัธยม แข่งรุ่นเดียวกัน เจอกันตลอด แต่อาจจะเพราะผมซ้อมหนักกว่าเลยชนะได้บ่อยกว่า แต่นั่นมันก็เรื่องบนสนามแข่งครับ ลงมาก็แบบนี้แหละ มาต่อครับมาต่อ หลังจากที่รับกันโบ๊ะบ๊ะไปแล้ว
มันก็ถามเฮ้ยๆ ถึงจะคนบริษัทแต่ก็มีเส้นสายนะ มึงจะไม่เป็นไรเหรอวะ เออว่ะพอมันพูดมาแบบนี้ผมเริ่มระแวงละ ผมมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น จะว่าไปก็หน้าคุ้นๆแต่ช่างเถอะ ถ้าบอกว่าเส้นสายเยอะ มันอาจจะทำให้หน้าที่การงานของผมมีปัญหาหรือเปล่าวะ แต่ว่ายังไงคนๆนี้ก็ไม่ใช่คนในบริษัทผมแน่ๆ
เห็นอย่างนี้ก็เถอะ แต่ผมจำหน้าผู้บริหารบริษัทได้ทุกคนนะเฮ้ยทำเป็นเล่นไป ยังไงผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ใช่คนในบริษัทผมแน่ๆล่ะครับ แต่ว่าแทบทุกคนที่มาร่วมสัมมนาคือเงียบกันหมดเลยครับ นี่แหละครับระบบการทำงาน ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แค่รู้ว่าเส้นใหญ่ แค่นี้ก็พากันเงียบแล้ว แต่ผมก็เฉยๆนะไม่ได้สนใจอะไรหรอก ยังไงซะผมก็มีหน้าที่รับผิดชอบในฐานะหัวหน้าทีมจัดงานสัมมนา
ถ้ามาหัวหดด้วยเรื่องแค่นี้ผมจะดู คนในงานสัมมนาได้ยังไงล่ะ แล้วผมก็ตบมือ แปะ ๆ ๆ แล้วบอกว่าเอ้าทุกคนครับ แยกย้ายไปพักผ่อนครับ เรามีกิจกรรมตอนเย็นอีกนะครับ แล้วอยู่ดีๆ เมียพี่เท่ส์แกก็วีนแตกครับ คงปักใจเชื่อแล้วล่ะว่าผมทำร้ายไอ้พี่เท่ส์ แล้วตามสเตปคลาสสิคครับ โมโหแล้วตวาดว่าห้ามใครไปจากที่นี่ แล้วไอ้ผู้ชายที่มากับเขาด้วยก็เดินมาหาผมครับ
แล้วบอกว่ามาคุยกันหน่อย แล้วจะยื่นมือเข้ามา ผมก็ยื่นมือไปเชคแฮนด์แล้วบอกว่า สวัสดีครับ ยกมือขึ้นลง ขึ้นลง ผมเป็นคนที่เข้าหาง่ายครับ พร้อมทำความรู้จักกับทุกคน แต่ว่าคนๆนี้เขาดูไม่ค่อยเป็นมิตรเลย ท่าทางเขาดูอายุมากกว่าผมนะ อีกมือนึงเขาจะเอื้อมมาจับ ผมก็คว้ามั่บแล้วบิดย้อนเข้าหาที่หลัง แล้วถีบเข้าที่ขาพับให้เขาทรุดลงไปนั่นแหละ
ทุกคนคือตกใจกันหมดเลย ไอ้แบนก็บอกเฮ้ยไอ้โทนใจเย็นๆ ๆ นั่นการ์ดของ - ชื่อบริษัท - นะเฮ้ย เอ้าาาา !!! จบเลยครับแบบนี้ บริษัทพี่แมนนี่หว่า ผมก็พูดเลยว่าอ้าว นี่พี่รุจน์เขาอนุญาตให้รับงานนอกด้วยเหรอครับพึ่งรู้นะเนี่ย แล้วผมก็ปล่อยเขาครับ ก็นะยังไงซะก็เหมือนพี่น้องแหละถ้าอยู่ทีมพี่รุจน์ คนนั้นลุกขึ้นมาหน้าเลิ่กลั่กเลย แล้วถามว่ารู้จักหัวหน้าได้ยังไง ตอนนั้นผมก็มองแล้วก็พูดเบอร์โทรพี่รุจน์ขึ้นมา แล้วเว้นไว้สองตัวหลัง
แต่คนนั้นพูดขึ้นมาว่าไม่ใช่ นี่มันเบอร์รองหัวหน้า ผมก็ถามว่าเอ้ารู้จักเบอร์พี่รัชน์แบบนี้ แสดงว่าเป็นคนในทีมจริงๆสิ่นะครับ งั้นบอกผมหน่อยว่าทำไมถึงมารับงานนอกล่ะครับ ทีมการ์ดมีไว้เพื่อดูแลคนในบริษัทไม่ใช่เหรอ เฮ้ยเดี๋ยวก่อนนะ พอพูดมาตรงนี้ ผมรู้สึกสะกิดใจอย่างนึง ดูแลคนในบริษัท ดูแลคนในบริษัท
ผมหันควั่บไปที่เมียไอ้เท่ส์ที่ตอนนี้ยืนทำหน้า งงๆอยู่ อ้อ !!! รู้แล้วว่าใคร ผมถอนหายใจ เฮ้อออ แล้วเดินไปข้างหน้าเลยครับ พอป้าแกเห็นผมแบบชัดๆ ป้าแกก็ตกใจแล้วถามว่าทำไมแกมาอยู่ที่นี่ ผมเดินไปคล้องคอเหมียว ตั้งใจคล้องคอเลยนะ เหมียวเองก็ตกใจมองเลิ่กลั่ก โดยเฉพาะพี่ๆที่ทำงานก็ตกใจ ผมก็ถามว่า แล้วทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้ล่ะ อ้อ หรือว่ามีคนตามมา
ไม่ต้องแปลกใจครับ ว่าทำไมผมถึงกล้าต่อปากต่อคำ เพราะคนๆนี้ ทำงานในบริษัทของพี่แมน อยู่ฝ่ายบุคคลครับ เป็นรองหัวหน้าแผนก ก็ถือว่าใหญ่นะ และเหตุผลที่เขาเรียกผมว่าแก เพราะเขาเองก็ไม่ยอมรับเรื่องที่ผมเข้านอก ออกใน ได้เหมือนบ้านตัวเอง ทั้งๆที่เขาทำไม่ได้และผมก็เคยทำอะไรบางอย่างที่หักหน้าป้าแกไว้ด้วย แต่บอกก่อนผมเองไม่ได้มีนิสัยชอบหักหน้าใครนะ แต่สิ่งที่ป้าแกทำน่ะมันเกินไป
ผมก็แค่เข้าไปแก้ไขสถานการณ์เท่านั้นเอง และด้วยเหตุการณ์นั้นสถานการณ์ของป้าแกก็เริ่มเปลี่ยนไปครับ คือผมว่าคุณผู้อ่านทั้งหลายก็น่าจะรู้ ว่าบริษัทหรือองค์กรใดๆก็ตามไม่ได้มีใครรักเรา 100 % และก็ไม่ได้มีใครเหม็นขี้หน้าเรา 100 % ใครพลาดก็พร้อมจะโดนเตะตัดขา แค่เดินผ่านลับหลังคำนินทาก็มาแล้ว และอย่างที่ผมบอกครับ
เพราะป้าคนนี้แกทำพลาด แล้วแผลเล็กๆนั่นมันก็ทำให้คนเอาไปพูดกันแบบลับๆ แต่อย่างที่รู้ๆกันความลับไม่มรในโลก เรื่องก็ไปเข้าหูป้าแก แต่ป้าแกก็ทำอะไรไม่ได้ อ้อเดี๋ยวก่อนถึงจะเรียกว่าป้า แต่เอาจริงๆก็ไม่เกิน 40 นะ ตอนนั้นก็ ราวๆ 37-38 ป้าแกก็เหม็นขี้หน้าผมนั่นแหละครับ แต่ก็ทำอะไรผมไม่ได้ครับ เพราะตอนนั้นผมทำผลงานไว้บางอย่าง มันทำให้เหมือนว่าผมมีเกราะที่เรียกว่าผลงานปกป้องอยู่
แล้วอีกอย่างคุณท่านทั้งสองเองก็เรียกผมว่าลูก พี่แมนก็เรียกน้องชาย เอ่อ... เด็กเส้นชัดๆเลยนี่หว่า ช่างเถอะๆ ป้าแกมองผมตาขวางเลยครับ ผมถามว่าอืมม เมื่อกี้ทำไมตาขวางๆล่ะครับเอายาพาราหน่อยมั้ย ตอนนี้จากที่ไอ้พี่เท่ส์กระหยิ่มยิ้มย่อง ตอนนี้ก็เงียบแล้ว ป้าแกก็มองหน้าผมตาขวางเลยครับ ผมก็มองแล้วถามว่านี่ลงทุนนั่งรถมาขนาดนี้ ขอคนจากทีมการ์ดมาขนาดนี้ เพื่ออะไรครับ แล้วผมก็ผมก็มองไปการ์ดคนนั้น
ผมมองๆแล้ว ผมว่าอาจจะไม่ได้มาแบบเป็นทางการ ถ้าระยะเวลาแค่แปปเดียวที่เกิดเรื่อง แล้วมากันแบบนี้ อย่างแรกที่ผมคิดคือการ์ดกับแฟนไอ้เท่ส์คงอยู่ใกล้ๆกันครับ หรือไม่ก็อาจอยู่ด้วยกัน ป้าแกยังพูดกับพี่เท่ส์นะว่า มีอะไรก็บอกได้นะ เดี๋ยวจัดการให้ ผมก็พูดตัดบทไปว่า ตั้งใจจะมาก่อกวนการทำงานของผมเหรอครับ นิสัยเสียจังเลยนะครับ แล้วป้าแกก็ทำหน้าโมโห แล้วบอกว่า แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร แหม่ ผมจะบอกว่าเป็นแค่ไรเดอร์ที่ผ่านทางมาก็กลัวจะกวนตีนไปครับ
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
ผมก็เลยบอกว่า ผมเป็นหัวหน้าทีมนันทนาการ รับผิดชอบดูแลสวัสดิภาพของพนักงานบริษัท ( ชื่อบริษัท ) ที่มาเข้าร่วมสัมมนานี้ครับ ป้าแกก็มองแล้วบอก ตลกตายล่ะอายุแค่นี้เนี่ยนะหัวหน้า ผมก็เลยบอกว่า คงลืมไปแล้วสิ่นะครับ ว่าตอนนั้นเด็กอายุ 20 คนนึงก็ช่วยแก้ไขอะไรบางอย่างที่คนหน้าใหญ่รับหน้าที่จัดการแล้วมันผิดพลาดน่ะ
พอผมพูดไปแบบนี้ป้าแกก็เงียบเลย เหมียวก็บอกโทนพอเถอะ โทนพอเถอะ ป้าแกบอกนะว่าเก่งไปให้ได้ตลอดเถอะ ผมก็ถามว่างั้นเหรอครับ... ผมคิดในใจก็เอาสิ่ การที่อยู่คนละบริษัทแต่มาวางท่าข่มใส่กันแบบนี้มันก็เกินไป ผมก็ตบมือแปะๆ ๆ ๆ แล้วบอกอีกครั้งว่าทุกคนคร๊าบ แยกย้ายกันไปพักผ่อนคร๊าบบบ ตอนเย็นเรายังมีพาร์ทวิชาการอีกนิดนึงนะครับแล้วปาร์ตี้จะเริ่มหลังจากนั้น แยกย้ายครับแยกยาย แล้วเมียพี่เท่ส์ก็แยกเขี้ยวเลยแล้วพูดว่า แกจะมากเกินไปแล้วนะ ตอนนั้นผมก็มองแล้วพูดว่า
ต้องขออภัยอย่างสูงนะครับ บริเวณนี้เป็นการจัดสัมมนาของบริษัท ( ชื่อบริษัท ) รบกวนคนที่ไม่เกี่ยวข้องช่วยออกไปจากสถานที่จัดกิจกรรมด้วยครับ ผมผายมือออกมาแล้วเชิญเลย ผมไม่มีเหตุผลอะไรต้องกลัวเขานะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นๆเลย แค่การที่คุณมาแทรกแซงกิจกรรมของบริษัทที่ไม่ใช่บริษัทของคุณ ผมก็สามารถฟ้องร้องได้อยู่แล้วจริงมั้ย เขาก็มองหน้าแล้วบอกว่าเก่งให้ได้ตลอดนะ บริษัทเล็กๆถ้าถูกควบรวมหุ้น อำนาจมันก็จะขึ้นอยู่กับฝ่ายที่ถือหุ้นรายใหญ่
ตอนนี้ผมเริ่มหงุดหงิดละ ผมก็ถามไปเลยว่า นี่ผมกำลังโดนฝ่าย HR จากอีกบริษัทข่มขู่เหรอครับเนี่ย นี่ผมต้องกลัวเลยหรือเปล่าครับ ผมบอกก็เอาสิ้ !!! ให้มันรู้กันไปเลยว่ามันจะเหมือนหนัง เหมือนละครหลังข่าว ที่จะมีผู้บริหารหน้าโง่ที่ไหน เชื่อในสิ่งที่ตัวเองไม่เห็น จะให้ผมต่อสายตรงเลยมั้ย ผมจะได้รายงานว่า คุณ ( ชื่อจริง นามสกุล จริงของเมียพี่เท่ส์ ) รองหัวหน้าฝ่ายบุคคล มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม หลักฐานก็มี พยานก็มี แล้วต่อให้อนาคตมีการถือหุ้นร่วมกันจริงๆก็ตาม แล้วมันจะทำไมเหรอ ฝ่ายบุคคลสามารถทำงานข้ามบริษัทได้เหรอ ถ้าทำได้แบบนั้น ผมก็คงอยู่เฉยไม่ได้นะครับป้า อุ๊ย ผมทำท่าตกใจแล้วพูดว่าขอโทษครับ ผมคงใช้สรรพนามผิด
ไอ้พี่เท่ส์ ฮึดฮัดเลยครับ ทำเป็นจะเอาเรื่อง ผมก็มองแบบตาขวางเลย มันก็ชะงักไปแว๊ปนึง มันก็งงว่าทำไมผมกล้าต่อปากต่อคำกับเมียเขา ตอนนั้นเมียพี่เท่ส์มองมาที่ผม มองมาที่เหมียวตาขวางเลยนะ ผมก็โอบไหล่เหมียวแล้วพูดว่า ถ้าอยากจะมีเรื่องก็ว่ามาครับ แต่คงเข้าใจนะว่าถ้าหาเรื่องข้ามบริษัทกันแบบนี้ผมอาจจะไปเยี่ยมถึงที่ทำงานนะ เพราะผมเองก็ต้องปกป้องทีมงานสัมมนาของผมด้วย
ผมมองจากพฤติกรรมและภาษากายแล้ว ผมเชื่อสนิทใจเลยตอนนี้ว่าเมียของพี่เท่ส์ คงรู้เรื่องที่มันแอบมาคั่ว มาควง กับเหมียวบ้างแล้วล่ะ ก็นะแววตาออกแนวจะฆ่ากันแบบนี้คงคิดไปแบบอื่นไม่ได้ แต่อย่างว่าครับไอ้พี่เท่ส์มันคงตอหลดตอแหล จนรอดตัวไปนั่นแหละ อีกอย่างอาจจะเพราะหลงผัวเด็กด้วยป้าแกเลยยอมฟัง แล้วคราวนี้พอเห็นเหมียวอยู่ที่เดียวกับพี่เท่ส์ ต่อมหึงคงทำงานแหละ
ผมก็เลยบอกว่า อ้อ... อย่าคิดว่าแฟนตัวเองเป็นเทวดาไปนะครับ แล้วฝากช่วยล่ามโซ่ให้ดีๆ ถ้ายังวุ่นวายกับคนในทีมงานของผมอีก เอาไง จะเอาหลักฐานมั้ย ยุคนี้มีกล้องวงจรปิดนะครับ แล้วเมียไอ้เท่ส์ก็แบบฉุนขาดเลยท่าทาง แบบกัดฟันกรอด กรอดดดด แล้วผมก็พูดว่า อ้อ ฝากความคิดถึง ถึงลุง ( ชื่อหัวหน้าฝ่ายบุคคล ) ด้วยนะครับ ถ้าผมว่างๆผมจะเข้าไปเยี่ยม
จากที่เดือดๆ พอผมพูดถึงหัวหน้าฝ่ายบุคคล ป้าแกท่าทางเปลี่ยนเลย ก็คือยังมองผมตาขวางแหละครับ แต่ก็ท่าทางเบาลงเช่นกัน เขามองพี่เท่ส์แล้วบอกกลับแล้วดึงพี่เท่ส์ไปเลย ส่วนการ์ดคนนั้นก็มองผม ผมก็เลยพูดชื่อรหัสของผมไป พี่แกก็ตาเหลือกเลยครับ แล้วก็ผงกหัวงึ่กๆ ๆ แล้วเดินออกไป
คราวนี้เสียงเฮโล ก็ดังขึ้นมาเลย แบบวี๊ดวิ้ววววววววววว พอผมมั่นใจว่าคนนั้นเดินไปแล้ว ผมก็รีบเอามือออกจากไหล่ของเหมียวเลยครับ แล้วก็ทำท่าปัดๆ ๆ ๆ ให้มันสะอาด จริงๆมันอาจจะดูแย่ในสายตาเหมียวนะ แต่ผมทำแบบนั้นก็เพราะเธอนั่นแหละ การไปโอบไหล่แบบนั้น พี่ๆจะเอาไปเม๊ากันได้ ว่าเอ๊ สองคนนี้ยังไง อยู่แผนกเดียวกัน มาทำงานก็พักเชลเตอร์หลังเดียวกัน
แล้วนี่ยังมาออกตัวให้แบบนี้อีก เพราะงั้นการแสดงออกแบบนี้คงจะดีกับตัวเธอมากกว่า ให้คนอื่นคิดไปเลยว่าผมเองก็ไม่ได้อยากจะโอบไหล่เท่าไรหรอก หลังจากที่ปัดแขนออกไปแบบนั้นผมก็พูดกับทุกๆคนว่า พักผ่อนตามอัธยาศัยครับ แต่แทนที่ทุกคนจะแยกย้าย แต่พวกเขากลับเดินมาหาผม แล้วมีพี่คนนึงก็เอาหลังมือมาแตะหน้าผากแล้วถามว่า อีโทนนี่แกไม่สบายเปล่าเนี่ยทำไมกล้าเถียงแบบนั้น แล้วรู้มั้ยว่านั้นใคร
ผมก็บอกว่าก็แค่รองหัวหน้าแผนกบุคคลของบริษัท . . . . นั่นแหละครับ พวกเขาก็มองหน้าทำท่าตกใจ ผมก็บอกว่าถึงจะดูว่ามีอำนาจมากแต่ก็ไม่ได้มีอะไรหรอก อย่าไปสนใจเลย แต่พี่เขาก็ถามว่าอีโทน !!! แล้วแกรู้ได้ไง พวกพี่ไม่เคยเล่าให้แกฟังเลยนะ ผมก็ยิ้มแล้วบอกว่าผมก็พอมีข้อมูลบ้างแหละ
แล้วการมาก่อกวนที่นี่ แล้วถ้างานมันล่ม ผมนี่แหละจะซวยเพราะงั้นกลับไปนั่นแหละดีแล้ว ทุกคนก็ฮี๊ววว กันหมดเลยล่ะครับ ไอ้แบนก็เดินมากอดคอแล้วบอกเฮ้ยไม่เจอกันแค่ไม่กี่ปี เฟี้ยวขึ้นเยอะนี่หว่า ผมก็บอกว่าธรรมด๊า แล้วบอกไปๆๆ มึงน่ะไปเตรียมตัวเลยไป มันก็บอกว่าเฮ้ย กูไม่ได้เตรียมชุดอะไรมาเลยว่ะ
ผมก็ยื่นมือไปจับแล้วเชคแฮนด์รัวๆ แล้วพูดติดฮาว่า หัวอกเดียวกันสาดเอ๊ยยยย แล้วก็ฮากันเลยครับตอนนั้น ผมบอกเออๆ ไปพักเหอะมึงอ่ะ แล้วผมก็ตบไหล่มันปั้ป ๆ ๆ ๆ ๆ เอาล่ะในเมื่อทุกคนแยกไปพักแล้ว..... บราวด์นี่ บราวด์นี่จ๋า ผมอยากกินบราวด์นี่มากเลย ขอกินหน่อย แล้วผมก็เดินไปหยิบบราวด์นี่มากิน อื้มม อร่อยยย แต่แปปเดียวหัวหน้าก็มาตบไหล่ผมปั้ปปป
โอยไหล่แทบทรุด พี่เขาบอกว่าเฮ้ย !!! มึงมีอะไรที่ไม่ได้บอกกู มึงสารภาพบาปมาให้ดีๆ ผมก็ถามอะไรครับพี่ ว่าแต่พี่เถอะไปโทรคุยอะไรอ่ะ ป้าถึงมาแบบนี้ ลูกพี่ผมก็บอกว่านี่ไงมึงเรียกเขาป้าแบบนี้มึงต้องรู้จักมาก่อนแน่ๆ ผมก็บอกว่าเคยรู้จักน่ะ แต่ป้าแกไม่ค่อยชอบขี้หน้าผมเท่าไรหรอก ว่าแต่พี่เถอะไหนตอนแรกบอกว่า
เมียไอ้พี่เท่ส์มันทำงานในบริษัทเราแต่คนละแผนกไง แล้วไหงกลายเป็นอีกบริษัทได้ล่ะ หัวหน้าผมก็หัวเราะ 5 5 5 5 แล้วบอกว่าเออลืมไป มันย้ายไปได้ 5 ปีแล้ว ผมนี่กุมขมับเลย แต่นั้นก็พอเข้าใจได้ เพราะว่าหัวหน้าผมีเบอร์โทรส่วนตัว แสดงว่าเคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัวนั่นแหละครับ
หัวหน้าก็บอกเออๆ ไม่ถามละ มึงอยากเล่าเมื่อไรค่อยมาคุยกับพี่ ผมก็บอกครับๆ งั้นผมขอกลับที่พักละนะ พี่เขาบอกเออตามสบายอีก 40 นาทีเจอกัน ผมก็เดินกลับไปพักเลยครับ ระหว่างนั้นพี่จักรก็เดินมาดักหน้าแล้วบอกว่า เฮ้ย !!! ทำไมมันกลัวมึงจังวะโทน ผมก็เหล่ หัวหน้าเองก็เดินตามมา จะบอกว่าตามมาก็ไม่ได้ครับ เพราะที่พักของพี่แกก็อยู่ใกล้ๆกัน
แล้วผมก็ถามหัวหน้าว่าพี่ พี่เรียกมาใช่ป่ะ หัวหน้าผมก็ส่ายหัวแล้วบอกว่าหึ่ พี่ไม่ได้เรียกนะเว้ย ก็อย่างที่พี่บอกว่าพี่แค่เกริ่นๆเรื่องไอ้เท่ส์กับมันเท่านั้นเอง เพราะจำได้คร่าวๆว่า มัน ( ผู้หญิงคนนั้น ) เคยโชว์ เคยอวดผัว แล้วพี่เห็นว่าผัวมันคือไอ้เท่ส์ ตอนแรกคิดว่าแค่กิ๊กๆกัน นี่เอาจริงเลยนี่หว่า ผมก็มองแล้วถามว่าพี่เท่ส์ทำไมไปคว้าป้าแกมาวะน่ะ 30 จะ 40 แล้วมั้งน่ะ
หัวหน้าก็บอกว่า แหมไอ้เท่ส์มันมีของดีก็ต้องใช้แบบนี้แหละ มีเงินให้ใช้สบายๆ ผมก็ถอนหายใจเฮ้อ คนเรา แต่ก็นะมันเป็นสิทธิ์ของเขานี่หว่าเนอะ แต่สิ่งที่ผมรู้สึกไม่ชอบอย่างนึง คือพี่เท่ส์มึงมีเมียอยู่แล้วไง มึงจะกลับมาเพื่ออะไร บริหารเสน่ห์ตัวเอง เพื่อระลึกความหลัง หรือ เพื่อคลายความอยาก แต่เอาจริงๆน้ำหน้าอย่างผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าอะไรพี่เท่ส์เขานะ เพราะว่าตัวผมเองก็ใช่ว่าจะดีนักนิ่ มีสามสาวแล้วยังจะมาทำอะไรแบบนี้กับเหมียวอีก เฮ้อ พูดไปก็เหมือนเข้าตัวเองว่ะ
พี่จักรบอกเดี๋ยวพี่ไปดูหลังเวทีอีกนิด เอ็งไปพักก่อนไปโทน ผมก็เดินมา เดิน เดิน บรรยากาศรอบๆนี่ดีจังเลยแฮะ ผมเองก็เริ่มคิด คิด คิดว่าผมเองก็คงไม่ต่างจากไอ้พี่เท่ส์เท่าไรนักหรอก มันให้เมียมาออกหน้าให้ คงคิดจะอาศัยเมียที่อยู่บริษัทใหญ่ๆ อาศัยเมียที่มีคอนเนคชั่นสูงๆมาเล่นงานผม แต่กลับกลายเป็นว่าผมดันเป็นตอชิ้นใหญ่ที่ทำให้ป้าแก โชว์พาวออกมาไม่ได้
จริงๆ แล้วสิ่งที่ผมทำไปเมื่อกี้ การอวดอ้างชื่อพี่รุจน์ การเอาผลงานเก่าๆตัวเองมาอวด ถึงเมื่อกี้จะไม่ได้พูดชื่อตรงๆ แต่การที่ผมบอกว่าให้ต่อสายตรงมั้ย มันก็เหมือนผมอ้างถึงคุณท่านกับพี่แมนเต็มๆเลยครับ น่าสมเพสตัวเอง บอกว่าเกลียดพวกใช้อำนาจ แต่ตัวเองก็แทบไม่ต่างกัน เด็กเส้นๆชัดๆ
มันผิดที่ใครกันนะที่ทำให้เกิดเรื่อง ผิดที่พี่เท่ส์ที่อยากได้เหมียวคืน หรือผิดที่ผมที่เอาคุณท่านมาอ้าง โดยการอ้างว่าปกป้องทีมงานและผู้ร่วมสัมมนา เฮ้อออออ แม่งเอ๊ยย ไม่อยากจะโทษตัวเองกลัวดาวน์จนงานเสีย . . . . เอาวะให้กำลังใจตัวเองหน่อย ผมไม่ผิด ผมไม่ผิด ผมไม่ผิด มันเป็นความผิดของดีเคด
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน