สอง ครูสาวสดใหม่ที่เพิ่งจะเรียนจบมาหมาดๆ ยืนปาดเหงื่ออยู่หน้าตึกเรียนไม้แห่งหนึ่งพลางหันซ้ายหันขวาอย่างไร้จุดหมาย ฝุ่นแดงจากดินสนามบอลปลิวละล่องมาให้ต้องยกมือขึ้นปิดจมูกป้องกันความสกปรกไม่ให้ย่างกรายเข้าสู่ปอด
เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสาวเปรี้ยวหัวแข็งในเมืองหลวงที่มีแต่สิ่งอำนวยความสะดวกมาตลอดจะต้องมาตกระกำลำบากในโรงเรียนไกลปืนเที่ยงไร้ซึ่งความเจริญแบบนี้ หากว่าเธอไม่ได้ถูกส่งมาบรรจุที่นี่ล่ะก็ คงไม่มีวันมาเหยียบบ้านนอกแบบนี้เป็นแน่
แม้สองจะติดต่อกับ ผ.อ.โรงเรียนไว้ก่อนและท่านก็รับปากจะจัดที่พักไว้รอ แต่เธอก็ยังไม่รู้เลยว่าเมื่อมาถึงแล้วจะต้องทำยังไงต่อ
“เอ่อ...ครูญิชาใช่มั้ยครับ” ชายวัยกลางคนร่างผอมแกร็นสูงโย่งผิวกร้านแดดสีดำแดงเดินมาทักถามด้วยความสงสัย
“ค่ะ...”
“ผมชื่อปืนครับ เป็นภารโรงของโรงเรียนนี้ พอดีท่าน ผ.อ.วานให้มาพาครูไปที่พักน่ะครับ”
“สวัสดีค่ะลุงปืน” สาวสวยยิ้มรับพร้อมกับใส่สรรพนามให้เสร็จจากใบหน้าตอบย่นเต็มไปด้วยริ้วรอยที่บ่งบอกถึงอายุกับกลิ่นกายสาบคนแก่ของเขาที่แทบจะทำให้เธอก้าวถอย
“สวัสดีครับ มาครับ ผมช่วย” ภารโรงเฒ่าถือวิสาสะหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของครูสาวพาเดินผ่านตึกเรียนไม้ไปทางด้านหลัง ผ่านรั่วโรงเรียนไปยังกลุ่มบ้านไม้สี่หลังที่ปลูกห่างกันพอประมาณในบริเวณชายป่าเปลี่ยว
ครูสาวหน้าใหม่มองเห็นสภาพบ้านพักแต่ไกลก็อดหวาดๆ ไม่ได้ ด้วยสภาพที่บ่งบอกถึงอายุของบ้านไม้ชั้นเดียวและยังตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ แม้จะเป็นเวลาเที่ยงวันแต่มันก็ยังเงียบจนน่าใจหาย เสาไฟทางก็มีอยู่แค่ด้านหน้า ไม่ได้มีเข้าไปถึงในเขตบ้านทั้งสี่หลังแต่อย่างใด ดูแล้วหากถึงเวลามืดค่ำก็คงจะต้องอยู่แต่ในบ้านเป็นอย่างเดียวแน่ๆ
"ท่าน ผ.อ.บอกว่าครูมาจากในเมืองใช่มั้ยครับ"
“ใช่ค่ะลุง”
“ที่นี่คงไม่สะดวกเหมือนในเมืองเท่าไหร่แต่รับรองว่ามีน้ำมีไฟไว้ให้ครูได้ใช้ตามสะดวกเลยครับ แล้วไม่ต้องห่วงนะครับ หลังแรกนั่นบ้านครูอีกคน แต่ตอนนี้ออกไปข้างนอก ส่วนบ้านผมอยู่หลังสุดท้ายริมป่าโน่นเลย ถ้าครูมีอะไรก็เรียกได้เสมอครับ”
ชายสูงอายุเอ่ยด้วยรอยยิ้ม โชว์ฟันซี่โตที่เหลืออยู่ไม่กี่ซี่ในปากให้ครูสาวได้เห็นขณะหยุดยืนอยู่ที่หน้าบ้านหลังที่สองซึ่งติดกับบ้านของครูตามที่ภารโรงเฒ่าบอก
“ขอบคุณค่ะ หนูค่อยสบายใจหน่อย”
“กลัวเหรอครับ”
“...ก็...ค่ะ” สองตอบ นึกเอะใจแปลกๆ กับคำถามชวนคิดจากปากชายชรา
“เดี๋ยวก็ชินครับ รับรองถ้าครูได้ลองอยู่ที่นี่สักพักแล้วจะไม่อยากกลับเมืองเลย”
สองยิ้มให้ชายชรา เธอรู้สึกขนลุกแปลกๆ กับสิ่งที่เขาพูดแต่ก็เลือกจะไม่ใส่ใจมันแล้วหยิบกระเป๋าเดินเข้าบ้านไป
ภายในบ้านชั้นหนึ่งเป็นห้องโล่งๆ มีกลิ่นอับคล้ายไม่ได้ถูกใช้มานานแต่ก็สะอาดสะอ้านพร้อมกับลมเอื่อยๆ จากชายป่าพัดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดเอาไว้อยู่ อีกทั้งพื้นบ้านก็เป็นปูนขัดมันซึ่งเย็นสบายเท้ามากๆ สองจึงค่อยรู้สึกผ่อนคลายและนั่งลงพักเหนื่อยกับเก้าอี้ไม้ที่วางไว้พร้อมโต๊ะในมุมหนึ่งของห้อง
“ครูครับๆ มาเหนื่อยๆ ดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนนะครับ” เสียงชายชราดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเดินถือขันน้ำเข้ามาให้อย่างถือวิสาสะ
“ขอบคุณค่ะลุง” สองรับขันน้ำมาด้วยมารยาท พยายามกลั้นหายใจอดทนกับกลิ่นสาบกายคนแก่เอาไว้ไม่ให้เผลอทำท่าทางรังเกียจออกไป แต่ความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไกลอีกทั้งยังไม่มีตัวเลือกอื่น เธอจึงยกขันขึ้นจรดปากดื่มมันดับกระหาย
เพียงอึกแรก สองก็รู้สึกวูบวาบแปลกๆ ลงไปถึงในท้อง เธอไม่เคยดื่มน้ำที่เย็นชื่นใจได้ขนาดนี้มาก่อนจึงดื่มกินมันจนหมดขัน พลันจมูกก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นดอกมะลิหอมๆ กับกลิ่นธูปโชยมาอย่างไร้สาเหตุ
“ตลาดหน้าโรงเรียนมีวันเว้นวัน พรุ่งนี้ถึงจะมีตลาด ถ้ายังไงมาทานข้าวเย็นด้วยกันที่บ้านผมก็ได้นะครับครู”
“เกรงใจลุงปืนแย่เลย ขอบคุณนะคะ” สองเอ่ยพร้อมรอยยิ้มหวาน และมันก็น่าแปลกที่หลังจากดื่มน้ำนั่นเข้าไปแล้วเธอกลับไม่ได้กลิ่นสาบคนแก่จากลุงปืนอีกเลยราวกับว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงจินตนาการเท่านั้น
ตลอดช่วงบ่าย สองจัดแจงเก็บข้าวของทุกอย่างเข้าตู้ให้เรียบร้อยก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงที่ถูกปูเตรียมไว้ให้ด้วยผ้าสะอาดรออยู่ สายลมเย็นๆ กับความเหน็ดเหนื่อยทำให้หญิงสาวผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย
จิตใจเธอล่องลอยไปไกลแสนไกลสู่บ้านในเมืองหลวงที่แสนคิดถึง สู่สังคมอันขวักไขว่ไปด้วยผู้คนและความเจริญรุ่งเรือง แต่แล้วจู่ๆ ภาพเหล่านั้นมันก็อันตรธารหายไปราวกับหมอกควันและพลันลอยลิ่ว
“...เอ๊ะ!”
หญิงสาวตกใจนิดๆ ที่ภาพตรงหน้าคือร่างเธอที่กำลังนอนอยู่บนเตียงภายในบ้านพักครูอันแสนซอมซ่อ แต่ที่ชวนให้ผวากว่าคือไม่ใช่เพียงเธอที่มองร่างตัวเองอยู่ แต่มีหญิงสาวผมยาวกระเซิงในชุดยาวสีขาวมอมแมมกำลังยืนมองร่างไร้สติอย่างใกล้ชิด
หญิงสาวปริศนาคนนั้นค่อยๆ ยื่นแขนอันดำเมี่ยมติดกระดูกราวกับถูกเผาลงมาใกล้ร่างเธอขึ้นเรื่อยๆ ด้วยท่าทีคุกคาม
“นั่นจะทำอะไรน่ะ” สองทักด้วยความตื่นตระหนก พลันหญิงสาวคนนั้นก็หันใบหน้าดำเมี่ยมแห้งเกรียมเต็มไปด้วยน้ำเหลืองมาหาพร้อมรอยยิ้มที่ฉีกกว้างถึงหูให้ชวนสยองก่อนจะทำในสิ่งที่เธอไม่มีวันลืม
ร่างๆ นั้นก้มลงใกล้ร่างเธอที่ไร้สติอยู่บนเตียงพร้อมกับใช้มือในสภาพหนังติดกระดูกทั้งสองข้างนั้นจับขากรรไกรเธออ้ากว้างแล้วค่อยๆ ก้มหัวมุดเข้าไป
เธอแทบอ้วกกับสิ่งที่เห็น แต่เธอกลับไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหนได้ราวกับถูกพลังลึกลับตรึงเอาไว้ให้ได้แค่มองร่างผีเน่านั่นค่อยๆ มุดลงไปเรื่อยๆ กระทั่งฝ่าเท้าอันแสนสกปรกของมันหายลงไปเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอเห็น
“!!!” สองสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจขยะแขยง ลิ้นของเธอยังเหมือนมีรสของเถ้าถ่านเกาะอยู่ ทั้งยังรู้สึกแห้งผากเข้าไปถึงในลำคอราวกับฝันนั้นมันเกิดขึ้นมาจริงๆ หญิงสาวยันกายขึ้นมองไปรอบๆ ห้องที่เริ่มโรยตัวด้วยความมืดมิดของบรรยากาศใกล้ค่ำด้วยความหวาดระแวงก่อนจะส่ายหัวนึกขำกับตัวเองที่ดันกลัวความฝันเป็นตุเป็นตะซะได้
“ครูครับ ผมเอากับข้าวมาให้ครับ” เสียงภารโรงเฒ่าดังเรียกเธอจากนอกบ้าน พาเอาครูสาวสะดุ้งโหยงอีกครั้งก่อนจะรีบลุกออกไปตามเสียงเรียก
“คุณลุงใจดีจังเลยนะคะ หนูไม่รู้จะตอบแทนคุณลุงยังไงดีเลย” เธอเอ่ยเสียงหวาน รู้สึกหวิวแปลกๆ ในอกเมื่อได้เห็นใบหน้าตอบไร้เนื้อหนังของชายชรา
“คนบ้านใกล้กันมีอะไรก็ช่วยๆ กันครับครู ถ้ามีอะไรก็มาเรียกผมได้เลยนะครับ”
“ขอบคุณคุณลุงมากๆ เลยค่ะ มาทานข้าวด้วยกันมั้ยคะคุณลุง”
“ไม่เป็นไรครับครู ทานให้อร่อยเถอะครับ พอดีผมต้องไปตรวจความเรียบร้อยของโรงเรียนต่อ ไว้ครูทานเสร็จแล้วค่อยวางจานเอาไว้หน้าบ้านก็ได้ครับ เดี๋ยวผมเอาไปล้างเอง”
ยามดึกสงัดขณะที่ครูสาวหลับสนิทไปแล้วนั่นเอง ประตูบ้านพักครูก็ถูกไขเปิดแง้มออกพร้อมกับร่างเงาดำทะมึนผอมสูงที่ค่อยๆ ย่องเข้ามาอย่างเงียบเชียบ ตรงมายังร่างครูสาวที่หลับผล็อยด้วยความเหนื่อยอ่อนอยู่บนเตียง
“...”
แสงจันทร์ฉายลอดผ่านกรอบหน้าต่างลงมากระทบใบหน้าผ่ายผอมของภารโรงเฒ่าที่จ้องมองเรือนร่างครูสาวด้วยแววตาวาวโรจน์
เขาค่อยๆ ดึงขอบกางเกงยืดลงไปกองปลายเท้า จับลำเนื้อยาวใหญ่ออกมา มันเต็มไปด้วยปมตะปุ่มตะป่ำของสิ่งแปลกปลอมที่ถูกฝังเอาไว้ อีกทั้งในความดำมะเมี่ยมของมันนั้นยังมีรอยหมึกสักเป็นอักขระชวนสยองอยู่โดยรอบอีกด้วย
“ท่าทางจะมีของคุ้มหัวอยู่สินะ โดนยาสั่งกระดูกผีกูไปแล้วยังไม่ร้องหากูอีก ไหน ดูซิถ้ากูทำแบบนี้แล้วจะยังมีไอ้เทวดาตัวไหนมาคุ้มหัวมึงอีกได้บ้าง”
ภารโรงเฒ่ากระซิบเบาๆ นึกอยากลองวิชากับสาวเมืองหลวงที่ยังไม่ได้มีท่าทีตกอยู่ในห้วงสะกดสักนิดทั้งๆ ที่เขามั่นใจในวิชาอันแสนต่ำทรามนี้อย่างเต็มประดา
ว่าแล้วเขาก็ค่อยชักลำเนื้อยาวใหญ่ให้มันแข็งตระหง่านก่อนจะไหยิบเก้าอี้มาเป็นแท่นให้ยืนเสมอเตียงแล้วยกเท้าค้างเหนือใบหน้าสวยราวกับจะกระทืบลงไปได้ทุกเมื่อ
“เหวยๆ กูคือพระยมจะสั่งเปิดทวารทั้ง9ของมึง เทวดาอารักษ์เอ๋ย ร่างมันไม่ใช่ที่อยู่ของมึงอีกแล้ว ขวัญเอยขวัญจงหนีหาย จากนี้ไปมันคือของกู!”
เพียงแค่คำท่องบ่นพึมพำเบาก็ทำให้บรรยากาศรอบๆ เย็นวาบขึ้นมา สาวชาวเมืองเริ่มมีอาการกระสับกระส่ายน้อยๆ ก่อนที่เหงื่อเม็ดใหญ่จะค่อยๆ ผุดจากร่างจนเปียกชุ่มทั้งชุด
ภารโรงเฒ่ายิ้มอย่างพึงพอใจ ฝ่าเท้าอันแข็งด้านค่อยๆ เหยียบลงบนใบหน้าครูสาวราวกับจะตีตราจอง และมันช่างน่าประหลาดที่เธอไม่ได้ตื่นหรือรู้สึกตัวกับการกระทำอันแสนหยามหมิ่นต่ำทรามนี้เลย
“อีนี่ไม่เหลือของคุ้มหัวแล้ว พวกมึงเข้าไปอยู่แทนได้เลย”
พลันเงาดำมากมายที่ซ่อนอยู่ในความมืดก็ค่อยๆ ผุดขึ้นมาแล้วแทรกเข้าไปในร่างอันแสนอวบอิ่มอรชรเงาแล้วเงาเล่า
เช้าตรู่ สองลืมตาตื่นด้วยความเมื่อยล้าไปทั้งร่าง เธอแทบจะไม่มีแรงลุกราวกับว่าพลังงานความกระปรี้กระเปร่าถูกเตียงดูดไปจนหมดสิ้นอีกทั้งยังรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวคล้ายคนไม่สบาย
“อืมมมม เป็นอะไรเนี่ย มาถึงวันแรกก็เป็นไข้เลยเหรอ แค๊กๆ”
หญิงสาวบ่นพลางกอดอกลูบแขนตัวเองเพื่อสร้างความอบอุ่น แล้วจู่ๆ เธอก็พลันคิดถึงอ้อมแขนเก้งก้างของลุงภารโรงและสงสัยว่ามันจะอบอุ่นสักแค่ไหน
ความฝันกลางวันอันแสนวาบหวามมาพร้อมกับความคะนึงหาอย่างไม่อาจยับยั้งใจได้ และด้วยเพราะมันยังเป็นวันหยุดอีกหนึ่งวันก่อนเปิดเรียน เธอจึงตัดสินใจจะลองเตร่ไปหาลุงปืนดูโดยให้เหตุผลกับตัวเองอย่างเสร็จสรรพว่าเธอเพียงอยากตอบแทนที่ลุงช่วยอำนวยความสะดวกให้ในวันแรกเป็นอย่างดีเท่านั้น
เธอลุกจากเตียงทั้งสภาพชุดเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นเสมอโคนขา แทบจะเดินลิ่วออกจากบ้านไปยังบ้านหลังสุดท้ายบริเวณชายป่าราวกับจะลอยไป
“ลุงปืนขา ลุงปืนอยู่มั้ยคะ” เธอร้องเรียกพลางกอดอกสั่นสะท้านน้อยๆ จากพิษไข้ แม้จะเป็นช่วงฤดูร้อนแต่เธอกลับรู้สึกหนาวถึงกระดูกจนบอกไม่ถูก
“ลุงปืนคะ”
ไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้าของบ้านทำให้หญิงสาวอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้ เธออยากเจอภารโรงเฒ่าเหลือเกิน อยากเห็นหน้าเขาใจจะขาด และในตอนนั้นเองหูของเธอก็ได้ยินเสียงแว่วชวนขนลุกราวกับมีใครกระซิบอยู่ข้างๆ
“หลังบ้าน”
สองถึงกับขนลุกซู่ หันรีหันขวางอย่างคนขวัญหาย แต่เธอก็ไม่อาจเห็นว่าใครเป็นคนพูด แต่ในตอนนั้นเองเธอก็ได้ยินเสียงบางอย่างดึงดูดความสนใจให้มุ่งไปยังหลังบ้านของภารโรงเฒ่าอีกครั้ง
ซ่า! ซ่า! ซ่า!
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร หญิงสาวตรงรี่ไปยังเสียงนั้นทันทีด้วยหัวใจพองโต และเมื่อได้เห็นว่ามันเป็นเสียงที่ดังมาจากในห้องน้ำซึ่งถูกทำขึ้นง่ายๆ ด้วยสังกะสี เลือดสาวในกายก็พลันสูบฉีดด้วยใจปรารถนา
สองแทบไม่ต้องคิด เธอแทบทนไม่ไหวที่จะได้เห็นร่างกายของชายชรา ใบหน้าสวยจึงแนบเข้ากับรูตะปูบนสังกะสี สอดส่องดูภารโรงเฒ่าอาบน้ำราวกับคนโรคจิต
ซู่ว!!!
ลุงปืนกำลังราดน้ำล้างฟองยาสระผมโดยหันมาทางช่องที่ครูสาวมองอย่างเหมาะเหม็ง เธอจึงได้เห็นของดีประจำกายอันยาวใหญ่ของภารโรงเฒ่าเต็มสองตา
ภาพท่อนเนื้อดำเมี่ยมยาวห้อยราวกับมะเขือเผาตรึงสายตาสาวเปรี้ยวเอาไว้นิ่ง เธอเม้มปากรู้สึกสยิวกายราวกับเลือดสาวกำลังสูบฉีดวิ่งพล่าน อีกทั้งความรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวยังหายไปเป็นปลิดทิ้ง
ยิ่งได้เห็นความพิสดารของปุ่มเม็ดที่ถูกฝังไว้กับอักขระขอมโบราณที่สักไว้ทั่วทั้งแท่งก็ยิ่งพาให้อารมณ์สาวร้อนแรงขึ้นอีกจนน้ำเสียวเล็ดชุ่มเป้า
“ซี๊ดดด” หญิงสาวเผลอสูดปากครางออกมาเบาๆ แต่มันก็ดังมากพอจะให้คนในห้องน้ำได้ยิน
ลุงปืนลืมตาขึ้นมองแล้วอมยิ้มนิดๆ แกหยุดมือที่สาละวนอยู่กับคราบฟองของยาสระผมบนหัวมาจับลำเนื้อเหี่ยวกลางหว่างขาเริ่มต้นรูดโชว์ทันที
สึบ! สึบ! สึบ! สึบ!
“มานึกถึงครูคนใหม่ทำไมตอนนี้วะกู โถ่เอ้ย! ลำบากมืออีกแล้วไอ้ปืนเอ้ย”
แกสบถเบาๆ ให้ครูสาวได้รู้ว่ากำลังถูกพูดถึงอยู่พร้อมกับจงใจหันไปยังรูตะปูที่มีดวงตาใสแจ๋วแนบอยู่เพื่อรูดชักท่อนลำน่าเกลียดให้ได้เห็นชัดๆ และมันก็ได้ผล
สองขนลุกซู่ ลมสวาทตีกลับมาจุกอก ขณะเดียวกันร่างกายก็พลันเกิดอาการเสียวคล้ายถูกมือที่มองไม่เห็นนับสิบมาลูบคลำบีบเคล้น แต่แทนที่จะหวาดกลัว เธอกลับปล่อยให้มันเกิดขึ้นอย่างนั้นโดยยังคงจ้องเป๋งไปยังการละเล่นของภารโรงเฒ่า
“ถ้าได้เป็นเมียนะ กูจะเอาไม่ให้แห้งทั้งเช้า กลางวัน เย็นเลย ให้มันรู้ไปสิวะว่ากูยังเตะปี๊บดังอยู่”
พูดไปแกก็เดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งหญิงสาวได้เห็นชัดทุกรายละเอียดของเส้นเลือดอันปูดโปน หัวมนสีแดงก่ำอันบานเบ่งใหญ่โต และน้ำใสๆ เหนียวๆ ที่ผุดออกมาจากรูเล็กๆ บนยอด ซึ่งมันกระตุ้นอารมณ์เธอให้ยิ่งอยากจะลิ้มลองมันอย่างเต็มปากเต็มคำซะเหลือเกิน
ความเสียวสยองจากมือที่มองไม่เห็นมันค่อยๆ มารวมตัวกันขย้ำเนินอวบกลมตึงอย่างหนักหน่วง สายลมอ่อนๆ คล้ายถูกอะไรบางอย่างพ่นลมใส่ตามซอกคอและใบหูพาให้เธอร้อนรุ่นและเฉอะแฉะไปพร้อมๆ กัน
“ซี๊ดดดดด อ๊ะ!” สองอุทานเบาๆ ออกมาด้วยความเสียว อาการขาอ่อนอย่างกะทันหันทำให้เธอเซหัวคะมำชนสังกะสีจนเกิดเสียงดังจนภารโรงเฒ่าไม่อาจทำเป็นไม่รู้ไม่ได้อีก
“ใครวะ” ลุงปืนแกล้งร้องออกมาก่อนจะจงใจเปิดประตูมายังจุดที่ครูสาวแอบดูอยู่ด้วยชุดวัดเกิด ทำให้สายตาของเธอปะทะเข้ากับท่อนลำชูชันเป็นปุ่มปมน่าเกลียดอย่างจังโดยไม่มีแผ่นสังกะสีขวางกั้นอีกแล้ว
“ครูณิชา...มาทำอะไรตรงนี้ครับ”
“ค-คือหนู...”
“ครูมาหาผมเหรอครับ”
“...ค่ะ” เธอตอบ พยายามหันหน้าหนีจากภาพแสนอุจาดของภารโรงเฒ่า แต่น่าแปลกที่เธอไม่อาจถอนสายตาจากมันได้ และยังรู้สึกได้ว่าเหล่ามือที่มองไม่เห็นก็คอยแต่จะบดกระตุ้นซอกขาเธอจนมันเหนียวแฉะไปหมด
“อ๊ะ! ขอโทษครับครู ผมลืมตัวไปหน่อย” ชายชราเอ่ยคล้ายเพิ่งจะรู้ตัวก่อนจะรีบเข้าห้องน้ำไปจัดการล้างตัวก่อนจะนุ่งผ้าขาวม้าออกมา “มาหาผมแต่เช้า มีอะไรรึเปล่าครับ”
“ค-คือ...หนูเหมือนจะไม่สบายเลยว่าจะมาขอยาน่ะค่ะ” สองหาข้ออ้างก่อนจะเดินตามชายชราเข้าบ้านไปนั่งลงบนเตียงเก่าเหม็นสาบที่ลุงแกใช้นอน
“สงสัยจะผิดที่น่ะครับ แต่ผมมียาต้มนะครับ ไม่ได้มีเป็นยาเม็ดทันสมัยแบบในเมือง ครูจะดื่มได้รึเปล่า”
“ได้ค่ะ...” เธอตอบ สายตายังไม่อาจละจากผ้าขาวม้าที่ลุงปืนนุ่งได้ ท่อนลำที่เธอเห็นมันแข็งอยู่ก่อนหน้านี้มันส่ายแหวกชายผ้าออกมาให้เห็นหัววับๆ แวมๆ พาเอาจิตใจเธอหวั่นไหวสั่นรัว
“ดูดมันสิ”
เสียงหนึ่งดังก้องในหัวพร้อมกับความรู้สึกคอแห้งคล้ายมีขี้เถ้าป้ายอยู่บนลิ้น แต่ไหนเลยที่เธอจะกล้าของภารโรงเฒ่าตรงอย่างนั้น จะทำได้ก็แค่แอบจ้องมองมันด้วยความต้องการอยู่เงียบๆ
“ว่าแต่ครูไปอยู่ตรงนั้นนานรึยังครับ ได้ยินอะไรรึเปล่า”
“น-หนูเพิ่งเดินเข้าไปค่ะ พอดีลื่นซะก่อน” เธอตอบ ไม่กล้าบอกว่าตัวเองได้ยินทุกอย่างหมด
“อ่อ ระวังหน่อยนะครับ ตรงนั้นมีแต่โคลน แต่ต้องขอโทษอีกทีนะครับที่ผมเซ่อซ่าออกมาไม่นุ่งผ้าผ่อนแบบนั้น ครูเลยเห็นซะหมดเลย” ลุงปืนเอ่ยยิ้มๆ จงใจหันหน้ามาหาเพื่อให้เธอได้เห็นของสำคัญของเขาชัดๆ ซึ่งมันก็ทำให้เธอต้องกลืนน้ำลายลงคอเพื่อดับกระหาย
“หนู...”
“เอาล่ะ ผมไปเอายามาให้ครูดื่มดีกว่า รอเดี๋ยวนะครับ”
และเหมือนจังหวะนรก เมื่อมีเสียงฝีเท้าเดินมาแต่ไกลจนแกต้องรีบดึงร่างครูสาวมือใหม่ให้เข้าไปซ่อนในตู้เสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นและกลิ่นสาบคนแก่
“มีคนมา ผมอยู่ในสภาพนี้เดี๋ยวคนจะเข้าใจผิดแล้วเอาครูไปนินทา ซ่อนก่อนนะครับ”
“ลุงปืน!! ลุงปืน!! ครูคนใหม่เข้ามาอยู่ข้างบ้านผมแล้วเหรอ” ชายร่างสูงหน้าตาลูกครึ่งจีนดูหล่อเนี๊ยบเดินเข้ามาทับภารโรงเฒ่าด้วยความสนิทสนม
“ครับครูนพ!! ได้เจอกันรึยังครับ” แกตะโกนตอบไปพลางๆ ขณะลูบหัวครูสาวเพื่อปลอบก่อนจะปิดประตูตู้ไม้ให้พอแง้มๆ
“ยังเลย ผมตื่นมาเห็นประตูบ้านเปิดอยู่แต่ไม่รู้เจ้าตัวไปไหน ว่าแต่เป็นไงบ้างลุง...ครูคนนี้ผู้ชายหรือผู้หญิง”
“นั่นแหนะ! จะถามผมว่าสวยมั้ยงั้นสิครูนพ”
“โถ่ลุง ผมก็แค่อยากรู้เฉยๆ เอง”
“สวยสมใจครูนพเลยล่ะครับ ตัวเล็กๆ ขาวๆ ถ้าครูนพเห็นก็ต้องชอบแน่ๆ”
“นั่นใง ลุงก็มองใช่มั้ยล่ะ”
“ผมก็ผู้ชายนะครับ เจอสาวๆ สวยๆ มันก็ต้องคิดบ้างแหละครู”
ชายต่างวัยคุยกันอย่างสนิทสนมโดยที่ลุงเจ้าของบ้านก็ไม่ได้ปิดบังความรู้สึกต่อครูสาวที่ซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าแกเลยสักนิด
แต่แทนที่ครูสาวจะนึกรังเกียจที่ถูกชายชราพูดถึงราวกับเป็นวัตถุทางเพศ เธอกลับรู้สึกได้ว่าเกิดลมสวาทหวนกลับมาจุกอกให้ต้องหายใจหอบอีกครั้งและเกิดอาการเยิ้มจนหว่างขาลื่นแฉะไปหมด
มันเป็นเรื่องน่าแปลกมากจริงๆ ที่ร่างกายเธอตอบสนองต่อคำพูดของภารโรงเฒ่าอีกทั้งยังมีอารมณ์กับแกขนาดนี้ทั้งๆ ที่ตั้งแต่โตมาจนถึงวัยสาวสะพรั่งในปัจจุบันเธอจะเลือกคบแต่หนุ่มหล่อขาวตี๋แถมมีเงินเป็นฟ่อนๆ ไว้ดูแลเธอมาตลอด
และด้วยสภาพของลุงปืนแล้ว เรียกได้ว่าต่างจากสเป็คเธอราวฟ้ากับเหว ลุงแกทั้งผอมทั้งดำแถมยังจนอีก ดูยังไงก็เหมือนผีตายซากมากกว่าคน แต่เธอกลับไม่อาจสลัดภาพของแกกับท่อนลำแสนน่าเกลียดนั้นออกจากหัวได้เลยแม้เพียงเสี้ยววินาทีเดียว อีกทั้งในตอนนี้กลิ่นสาบกายของแกที่ติดตามชุดในตู้เสื้อผ้าก็เริ่มทำให้เลือดสาวเดือดพล่าน วิ่งลงไปยังเบื้องต่ำจนเหนอะหนะเปียกเต็มเป้ากางเกง
ไม่นานนักครูหนุ่มก็ลาภารโรงเฒ่ากลับ จึงเหลือเพียงเธอกับชายชราตามลำพัง
สองเปิดประตูตู้เสื้อผ้าออกมาด้วยใบหน้าแดงซ่าน เธอเดินหนีบขา สองมือกุมเป้ากางเกงเอาไว้ไม่ให้ชายชราเห็นว่าเธอได้เผลอเสร็จสมเรี่ยราดน่าอายออกมา
“นั่นครูนพที่อยู่ข้างบ้านของครูครับ...เอ้อ! หน้าแดงหมดแล้ว นอนพักก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมเอายาต้มมาให้กิน”
“ค่ะ”
หลังจากช่วงเช้า สองก็ได้พบกับครูนพตามที่ภารโรงเฒ่าได้แนะนำไว้ ชายหนุ่มดูเฟรนลี่แถมยังหล่อเหลาสูงโปร่งตรงสเป็คมากๆ แต่เธอกลับไม่รู้สึกพิสวาทอะไรเลยสักนิด ตรงกันข้าม เธอกลับนึกถึงภารโรงเฒ่าอยู่ทุกลมหายใจ และเมื่อกลับมาอยู่บ้านตัวเอง เธอก็เกิดอาการตัวรุมๆ ไข้ขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ จนสุดท้ายเมื่อถึงเวลาค่ำ ลับสายตาสอดรู้สอดเห็นจากคนอื่น เธอก็ไม่อาจทนความปรารถนาได้จนต้องแอบย่องไปหาแกอีก
“ลุงปืนคะ”
“ครับครู” ชายแก่ที่นุ่งเพียงผ้าขาวม้าขานรับขณะกำลังจะปิดประตูบ้าน
“คือว่า...”
“จะมาดื่มยาเหรอครับ”
“...หนูขอค้างกับลุงได้มั้ยคะ” เธอตัดสินใจพูดออกไปอย่างไม่อาจทนต่อความรู้สึกได้อีก
“แต่ว่าแบบนั้นมันจะไม่ดีนะครับ ผู้ชายผู้หญิงอยู่ด้วยกันสองคน ถึงผมจะแก่แล้วก็เถอะ”
“ให้หนูค้างด้วยเถอะนะคะ ไข้หนูยังไม่สร่างเลย ถ้าไม่มีคนช่วยดู หนูไม่รู้จะเป็นไงบ้าง” เธอรีบยกข้ออ้างมาตามมารยาหญิงที่เคยใช้กับผู้ชายมาเสมอ ซึ่งมันก็ได้ผล
“งั้นก็ได้ครับ พอดีเลย กับข้าวผมทำเผื่อครูเอาไว้ด้วย มาทานกันสิครับ”
“ลุงปืนใจดีกับหนูจังเลย” เธอเอ่ยเสียงออดอ้อน ทิ้งหางเสียงหวานขณะก้าวเข้าไปกอดแกให้สมอยาก
“ครูครับ เดี๋ยวใครมาเห็นนะ”
“งั้นลุงก็รีบปิดประตูสิคะ ลุงจะได้เห็นหนูคนเดียวไง”
ภารโรงเฒ่าแสยะยิ้มมุมปากกับความสำเร็จของแผน แกจัดการงับประตูปิดให้เรียบร้อยก่อนที่ครูสาวจะคลายกอดออกแล้วทำในสิ่งที่แกเฝ้ารอมานาน
สองถอดเสื้อรูดออกให้หลุดจากร่างเผยทรวงอกขาวสะอาดกลมตึงขนาดพอดีตัวในบราสีเนื้อตัวจี๋ว จากนั้นจึงจัดการกับกางเกงขาสั้นออกตามไปกระทั่งเหลือเพียงชุดชั้นในติดกาย
“หนูสวยมั้ยคะลุง”
“ครูครับ มันจะไม่ดีนะครับ” แกแสร้งทำเป็นคนดีต่อขณะที่สายตาจับจ้องไปที่ทรวงอกคู่นั้นไม่วางตา
“ลุงยังไม่ตอบหนูเลยนะคะ...หนูสวยรึเปล่า”
สองไม่ใช่สาวไร้เดียงสา เธอรู้ว่าภารโรงเฒ่าก็ชอบเธอ และในเมื่อต่างคนต่างก็ต้องการ เธอจึงไม่คิดจะหยุด มือทั้งสองค่อยๆ ปลดบราออกอวดจุกยอดชูชันสีชมพูอ่อนให้ภารโรงเฒ่าได้เห็น อีกทั้งยังกอบกุมทรวงถันทั้งสองข้างบีบยั่ว
“สวยครับ ครูสวยมากๆ เลย”
“ถ้าชอบก็มาจับสิคะลุง” เธอรุกต่อพร้อมกับจับมือแกมาประกบกุมเต้าด้วยตัวเอง
“อืมมมม เต็มมือจริงๆ เลยแม่คุณ ยั่วแบบนี้งั้นขอสักหน่อยเถอะวะอีหนูเอ้ย!”
ว่าแล้วภารโรงเฒ่าก็ขย้ำบีบถันกลมงามของเธอทั้งสองข้างอย่างเต็มที่จนเนื้ออวบนุ่มปลิ้นออกมาตามง่ามมือและก้มหน้าแลบลิ้นสากออกมาเลียจุกเนื้อยอดเต้าตวัดพันเกี่ยวไปทีละข้างจนน้ำลายเปียกเยิ้มเป็นมันวาวโดยที่เจ้าตัวได้แต่ส่งยิ้มและมองการกระทำนั้นด้วยเสน่หา มือนุ่มจับขยุ้มผมหงอกขาวของภารโรงเฒ่า กดป้อนเต้าสวยให้เขาดูดกินมันอย่างเต็มปากเต็มคำ
แต่ในระหว่างที่เธอกำลังเคลิบเคลิ้มกับลิ้นสากและกลิ่นสาบชายแก่ สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นกระจกเงาบานเล็กๆ ที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้อง และเมื่อจ้องมองไปที่มันภาพที่สะท้อนกลับมานั้นคือผู้หญิงตัวดำเกรียมคนนั้นจากในความฝัน
“ว้าย!!!” เธอหวีดร้องด้วยความตกใจกลัว จากอารมณ์สวาทหวามก็กลายเป็นเย็นเยียบขนลุกชูชันผผวากอดซบชายชราแน่น
“มีอะไรครับ”
“ม-มันอยู่ในกระจก มันอยู่ในกระจกค่ะลุง”
“...” ลุงปืนกอดกระชับร่างครูสาวเอาไว้ นึกขัดใจนิดๆ ที่ภูติพรายของแกมาขัดจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็ม
เหลือแค่เพียงใช้ท่อนลำลงอักขระท่อนนี้เสียบเข้าไปในตัวเธอพร้อมกับบริกรรมคาถาขอมผูกวิญญาณเธอไว้ เพียงเท่านั้นไม่ว่าเธอจะยังอยู่หรือตายก็จะไม่อาจไปจากเขาได้อีก
แต่ไม่เป็นไร ยังไงการจะได้หญิงสาวตรงหน้ามาเป็นเมียก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว
“ไม่เป็นไรนะครับ ผมว่าวันนี้เราหยุดกันแค่นี้ก่อนดีกว่า...ให้ผมไปส่งครูที่ห้องมั้ยครับ”
“ขอหนูนอนที่นี่ได้มั้ยคะลุง หนูเห็นอะไรแปลกๆ แบบนี้มาตั้งแต่มาที่นี่แล้ว หนูไม่กล้านอนคนเดียวค่ะ”
“ได้สิครับ อยู่กับผมจะปลอดภัย รับรองครับ”
บรรยากาศยามเช้าในโรงเรียนชนบทเป็นอะไรที่สาวเมืองกรุงอย่างสองไม่เคยได้เห็นมาก่อน กลิ่นอายของสายลมยามพัดผ่านต้นไม้ใบหญ้ามันช่างสดชื่นเย็นฉ่ำผิดกับกลิ่นควันจากท่อไอเสียเป็นอย่างมาก ยิ่งได้มีคนในใจด้วยแล้ว มันก็ยิ่งทำให้เธอหลงรักบรรยากาศชนบทของบ้านเกิดภารโรงเฒ่ามากๆ
ในวันแรกของการสอน ครูสาวได้ทำความรู้จักกับบรรดาครูทั้งหลายที่มีกันอยู่ไม่มากเท่าไรนัก และคนแรกที่เธอได้ทำความรู้จักเลยคือครูนพ
ครูนพเป็นครูสอนวิชาคณิตและเป็นครูประจำชั้น ป.1 ควบคู่กับ ป.2 ซึ่งเพิ่งจะเข้ามาบรรจุที่นี่ได้เพียงปีเดียวเท่านั้น แต่เธอก็พอจะรู้จักนิสัยใจคอครูหนุ่มตี๋มาบ้างจากการแอบซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าของลุงปืน เธอจึงไม่แปลกใจเท่าไหร่นักที่ถูกครูนพชวนคุยพยายามหยอดตั้งแต่เริ่มแรก
ครูคนที่สองชื่อครูยุพิน สอนวิชาพุทธศาสนากับสังคมศึกษาและประจำชั้น ป.5 กับ ป.6
ครูยุพินเป็นคนในหมู่บ้านที่เคยได้ไปเรียนในเมืองแล้วย้ายกลับมาทำงานในบ้านเกิด ซึ่งเธอก็อายุปาเข้าไปตั้ง 52 แล้ว และด้วยบุคลิกท่าทางอันเฉียบคมก็แทบจะไม่แปลกใจเลยว่าเห็นว่าเด็กๆ ต่างหวาดกลัวครูคนนี้มากๆ
และครูคนสุดท้ายของโรงเรียนไกลปืนเที่ยงแห่งนี้คงไม่ใช่ใครที่ไหน คนๆ นั้นคือ ผ.อ. ซึ่งแม้จะไม่ได้สอนหนังสือเด็กๆ แต่ก็ดูเป็นคนแก่ใจดีที่ชอบปลูกต้นไม้มากๆ
หากรวมครูสาวมือใหม่อย่างเธอไปด้วย โรงเรียนนี้ก็มีครูเพียง 4 คนเท่านั้น แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักเพราะมันเป็นเพียงโรงเรียนเล็กๆ ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีเพียงเด็กในหมู่บ้านมาเรียนกันเท่านั้น
ทุกคนดูน่ารักน่าคบ เด็กๆ ก็ซุกซนกันตามประสาเด็ก แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้สองอดสงสัยไม่ได้เลยคือตั้งแต่ที่เธอเข้าโรงเรียนมา ทั้งวันเธอกลับไม่เจอตัวภารโรงเฒ่าเลยสักครั้ง ซึ่งมันน่าแปลกมากจริงๆ ที่ภารโรงประจำโรงเรียนเหมือนไม่มีตัวตนอยู่อย่างนี้
“ครูขอถามหน่อยสิลูก เด็กๆ เคยเห็นภารโรงของที่นี่มั้ยจ๊ะ” ในระหว่างพักเที่ยง สองมาถามนักเรียนกลุ่มหนึ่งในชั้นของเธอด้วยความสงสัย หวั่นใจเหลือเกินว่าลุงภารโรงจะไม่ใช่คนเพราะในช่วงที่ผ่านมานี้ เธอเจอแต่เรื่องแปลกๆ มาตลอด
“ครูรู้จักลุงผีด้วยเหรอคะ” เด็กหญิงตัวน้อยถามกลับ
“ลุงผีเหรอ ทำไมเรียงลุงเขาอย่างนั้นล่ะคะ”
“ก็ลุงแกหน้าตาเหมือนผีนี่คะครู”
“ใช่ๆ น่ากลัวแถมหนูยังเคยได้ยินมาด้วยนะคะว่าบ้านลุงแกมีคนตายมาหลายคนแล้วด้วย เห็นว่าเป็น...”
“...นี่ ถ้าเจอลุงแกก็อย่าไปเรียกแบบนี้กับลุงเขานะรู้มั้ยเด็กๆ”
“ทำไมล่ะคะ ก็ใครๆ ก็เรียกแกว่าลุงผีทั้งนั้น”
“คิดถึงใจเขาใจเรานะ ถ้ามีคนมาเรียกพวกหนูว่าผีแล้วหนูจะโกรธมั้ย”
“โกรธค่ะ” เด็กน้อยทั้งกลุ่มตอบ
“ลุงเขาก็ต้องรู้สึกแบบหนูนี่แหละ แต่ลุงเขาก็ไม่เคยดุเคยว่าพวกหนูที่เรียกลุงแบบนั้นเลยใช่มั้ย มันแปลว่าอะไรรู้รึเปล่า”
“แปลว่าอะไรคะครู”
“ก็แปลว่าลุงเขารักพวกหนูไงถึงไม่เคยดุ เพราะงั้นพวกหนูก็ต้องรักลุงเขาเหมือนกันนะ”
“แต่ว่าลุงเขาน่ากลัวนะคะครู ตัวก็ผอมเหมือน...”
“แหน่ะ! ถ้าพวกหนูพูดแบบนี้จะไม่มีผู้ใหญ่รักนะรู้มั้ย หนูอยากมีแต่คนรักหรืออยากมีแต่คนเกลียดล่ะ”
“มีแต่คนรักค่ะครู”
“เพราะงั้นต้องทำตัวน่ารักๆ นะรู้มั้ย”
หญิงสาวสอนให้เด็กๆ รู้จักเคารพผู้ใหญ่และไม่ให้มองคนแค่เพียงภายนอกพลางนึกสงสารลุงปืนที่คงเพราะเหตุนี้เอง ลุงแกถึงไม่ยอมออกมาทำงานในตอนที่มีคนพลุกพล่านอย่างนี้
ตลอดทั้งวัน สองคอยสอนไปก็คิดถึงลุงปืนไปตลอด และเมื่อถึงเวลาเลิกเรียน เธอก็ได้เจอลุงแกมาจัดการกับเศษขยะเศษใบไม้อยู่ในอาคาร
“ลุงมาแล้วเหรอคะ” เธอลุกจากโต๊ะทำงานไปคุยกับภารโรงเฒ่าทันที
“ครับครู แล้วครูยังไม่กลับบ้านเหรอครับ พอเลิกเรียนครูคนอื่นเขากลับหมดแล้วนะ”
“พอดีหนูว่าจะเตรียมเอกสารไว้สอนเด็กๆ พรุ่งนี้น่ะค่ะ แล้วลุงล่ะคะ วันนี้ทั้งวันหนูไม่เห็นหน้าลุงเลย” เธอชวนคุยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม น้ำเสียงหวานหยดบ่งบอกถึงความรู้สึกที่มีต่อภารโรงเฒ่า
“ผมก็ไปโน่นมานี่เรื่อยแหละครับ เดี๋ยวผมต้องเก็บขยะกับกวาดลานอีก คงอีกสักพักเลยกว่าจะเสร็จเหมือนกัน งั้นผมอยู่เป็นเพื่อนนะครับ ครูจะได้ไม่เหงา”
“...” สองอมยิ้ม เอื้อมมือไปจับแขนลุงไว้ “มาอยู่เป็นเพื่อนหนูในห้องเลยได้มั้ยคะ แล้วพอทำงานเสร็จ หนูจะช่วยลุงทำงานด้วย”
“ไม่ได้ครับไม่ได้ จะให้ครูมาทำงานภารโรงได้ไงล่ะครับ ทำงานเสร็จแล้วก็กลับไปพักผ่อนดีกว่า จะได้มีแรงสอนเด็กๆ ในวันพรุ่งนี้อีก”
“นะคะ...เข้ามาเถอะ แป๊บเดียวก็ได้”
ด้วยน้ำเสียงออดอ้อนกับกิริยาเชื้อเชิญ ชายชราก็ยอมถูกดึงเข้าไปในห้องเรียนอย่างง่ายดาย
 
คุยกันหน่อย : เป็นกิจกรรม read A write หากสนใจเข้าไปอ่านเรื่องอื่นๆสามารถเข้าอ่านได้ทางช่องทาง read A write หรือ fictinlog ได้เลยครับหากสนใจเรื่องอื่นๆจิ้มที่รูปเลยจ้าแสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน