พูดคุยก่อนอ่าน : มาเร็วดีไหมครับ 5555+
ผมอยากจะบอกว่า เขียนไปเขียนมา พวกฉากเนื้อเรื่อง ผมจะเหนื่อยน้อยกว่าฉากเลิฟซีน เซ็กส์ซีนซะงั้น เพราะไม่ต้องใช้พลังความคิดเยอะ ในการออกแบบท่าทาง กระบวนท่าต่าง ๆ ประหนึ่งว่าอยู่ชิดติดขอบเตียง ก็เลยสามารถเขียนฉากที่เน้นเนื้อเรื่องได้เร็วกว่านั่นเองแหละ
ตอนนี้และตอนต่อ ๆ ไป ผมจะให้ลูกขวัญมีบทบาทเด่นเป็นตัวละครหลัก (สักระยะ) นะครับ มาติดตามกันว่าชีวิตของเธอหลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อไป กับเส้นทางเดินใหม่ หลังจากเรียนจบ ม.6 และกำลังเตรียมตัวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ในฐานะนักศึกษาแพทย์ ณ วิทยาลัยแพทย์และพยาบาล ที่เดียวกับหมอพลอย และเหล่าบรรดาเด็กพยาบาลของลุงพล แล้วไหนจะประเด็นความขัดแย้งของบ้านหมอพลอยกับบ้านน้องลูกขวัญอีก ผมก็เขียนมาถึงตรงจุดนี้สักที โอ้ยยยย เหนื่อยจริง ๆ กับมหากาฬเรื่องนี้ ตอนนี้น่าจะเป็นช่วงกลางเรื่องของภาคสองละครับทุกคน
เอาเป็นว่าตอนนี้ ลูกขวัญคือนางเอกคนเดียว ที่เส้นเรื่องยังไม่ได้โคจรมาพบกับลุงพลอย่างจริงจัง แต่หลังจากนี้ละครับ จะเป็นเรื่องราวของนางเอกคนสุดท้ายที่ยังเหลือรอด กับโลลิถูกกฏหมายอย่างน้องลูกขวัญ
อ้อ!!! ตอนนี้มีตัวละครใหม่อย่างน้อง เทียมหอม ปวริศา ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของน้องลูกขวัญนะครับ ถามว่ามีบทบาทอะไรไหมในซีรีย์เกมรักฯ คำตอบคือ "ไม่มีครับ" แค่สร้างมาเป็นตัวประกอบเฉย ๆ ไว้เป็นเพื่อนรักเอาไว้ให้ลูกขวัญปรับทุกข์ ก็เท่านั้น
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
เช่นเดียวกัน ไอ้ลอยก็กลับมามีบทบาทอีกครั้ง หลังจากที่แยกทางกับน้องนัน ไอ้ลอยก็กำลังจะขับรถหนีขึ้นภาคเหนือเพื่อหนีการตามล่าจากลูกน้องของนายหัวภูชิต แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นนะซิครับ เพราะทุกอย่างถูกลิขิตไว้แล้ว ใช่ครับ ไอ้ลอย ไอ้นัน และน้องตาล กับฉาก 3P แก้ทอมซ่อมดี้ ฉากเด็ดของเรื่อง 5555+
ปล.ไม่มีฉากเซ็กส์ซีน ผมเขียนฉากเซ็กส์ซีนครูเบสท์กับลุงพลมาเยอะแล้ว เหนื่อยมาก ช่วงนี้ผมขอเน้นเนื้อเรื่องยาว ๆ เพื่อปูบทให้น้องลูกขวัญได้ลงเอยกับลุงพล ใช่ครับ ฉากเซ็กส์ซีนต่อไป คือฉากลุงพลเปิดซิงน้องลูกขวัญ ที่หลาย ๆ คน และผม รอคอยมานานแสนนานเหลือเกินปล2. ในตอนนี้ ผมจะจะตอบคำถามที่รีดเดอร์สงสัยนะครับ ใครสงสัยอะไรถามได้ ถ้าผมตอบได้ ผมจะ Edit ตอบครับ หมดเขตวันที่ 9 พฤศจิกายน ตอนเที่ยงคืนนะครับ!!!
###############
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
//two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=264463.0เช้าวันรุ่งขึ้น ณ โรงเรียนคอนแวนต์หญิงล้วนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ
“ทุกคน มาถ่ายรูปด้วยกันเร็ว!!” กลุ่มนักเรียนสาวชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 กำลังยืนถ่ายรูปกับซิสเตอร์ ที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาประจำชั้นไว้เป็นที่ระลึก โดยหนึ่งในนั้นก็คือ ลูกขวัญ ภาสินี ลูกสาวนักการเมืองใหญ่อย่างนายหัวภูชิต ที่กำลังยืนชูสองนิ้ว ยิ้มหวาน ท่ามกลางกลุ่มเพื่อน ๆ ที่ยืนจับกลุ่มกันถ่ายรูปหลังจากสอบเสร็จวิชาสุดท้าย
หลังจากถ่ายรูปเสร็จ ก็ถึงเวลาที่นักเรียน ม.6 ทุกคนจะต้องเจอ คือการเขียนสมุดเฟรนด์ชิพ และเขียนเสื้อเพื่อบอกลาเพื่อนร่วมชั้นรวมถึงเพื่อนต่างห้อง ก่อนที่สาวน้อยคอนแวนต์กลุ่มนี้ จะต้องแยกย้ายออกไปตามเส้นทางชีวิตใหม่ บางคนก็เลือกที่จะเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่นเดียวกับลูกขวัญ ที่ตอนนี้ เธอเองก็เพิ่งได้รับข่าวดี เมื่อวิทยาลัยแพทย์และพยาบาลได้ประกาศรายชื่อนักศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ในปีการศึกษาใหม่ ซึ่งกล่าวกันว่า สถาบันแห่งนี้ เป็นสถาบันที่นักเรียนสมัครสอบเข้ายากติดอันดับของประเทศ
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แต่ด้วยความสามารถของภาสินี เธอผ่านการสอบคัดเลือกเข้าเรียนคณะแพทย์ศาสตร์ได้อย่างไม่ยากเย็น ท่ามกลางความยินดีของครอบครัวถิ่นทวีพัฒนา ณ ภูเก็ต รวมไปถึงเหล่าบรรดาคณะอาจารย์และซิสเตอร์ในโรงเรียนคอนแวนต์แห่งนี้ ที่ภายหลังได้ประกาศรายชื่อนักเรียน ที่สอบติดมหาวิทยาลัยชั้นนำไว้บนกระดานไวท์บอร์ด เพื่อให้เพื่อน ๆ และรุ่นน้องได้ร่วมแสดงความยินดีไปด้วยกัน
“ลูกขวัญ!! ดีใจด้วยนะที่สอบติดหมอ” เทียนหอม ปวริศา เพื่อนสนิทของลูกขวัญแสดงความยินดีกับเพื่อนรัก ที่สามารถสอบติดคณะแพทย์ศาสตร์ได้สำเร็จ “ขอเขียนเสื้อเป็นที่ระลึกหน่อยดิ”
“ได้ซิ เทียน” ลูกขวัญในชุดนักเรียนคอนแวนต์ ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยลายเซ็นของเพื่อน ๆ และสติ๊กเกอร์รูปหัวใจเต็มเสื้อหันหลัง เพื่อให้เพื่อนรักคนนี้ได้เซ็นต์เพื่อเอ่ยคำอำลาในวันปัจฉิมนิเทศ
“ขอให้โชคดี สมหวังในเรื่องเรียน เรื่องความรัก และทุกเรื่องนะเพื่อนรัก รักเสมอ จากเทียนหอม” เทียนหอมใช้ปากกาเมจิกเขียนบนเสื้อตรงแผ่นหลังของลูกขวัญ “อ๊ะ!! ลูกขวัญเขียนให้เราบ้าง?”
“เขียนว่าไรอ่ะเทียน?” ลูกขวัญหันหน้ากลับไป พร้อมกับรับปากกาเมจิกจากเพื่อนรัก
“อยากรู้เอาไว้ไปดูที่บ้านก็แล้วกัน” ปวริศายิ้มที่มุมปาก ก่อนหันหลังให้ภาสินีเซ็นต์ชื่อเป็นที่ระลึกในวันสุดท้ายของชีวิตเด็ก ม.6
“ขอให้โชคดีนะเทียนหอม เทียนคือเพื่อนที่เรารักมากที่สุด ไว้กลับมาไทย อย่าลืมติดต่อเราบ้างนะ” ลูกขวัญเซ็นชื่อเป็นที่ระลึกบนแผ่นหลังของเพื่อนรักอย่าง ปวริศา ที่กำลังจะไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย และบางที หลังจากที่เรียนจบ เธออาจจะใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเลย เหตุเพราะคุณแม่ของเธอแต่งงานใหม่กับนักธุรกิจชาวออสเตรเลีย และวางแผนที่จะย้ายไปอยู่ที่นั่น โดยพาเทียนหอมลูกสาวเพียงคนเดียวไปด้วย
หลังจากเซ็นชื่อเป็นที่ระลึกเสร็จเรียบร้อย เหล่าบรรดานักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนคอนแวนต์ชื่อดังใจกลางกรุง ก็ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองวันอำลา โดยมีกลุ่มวงดนตรีที่เป็นนักเรียนหญิงล้วนขึ้นมาเล่นดนตรี พร้อมกับมีของกินทั้งคาวและหวานแจกจ่ายให้นักเรียนที่จบการศึกษาทุกคนได้กินกันอย่างเอร็ดอร่อย
“นี่ลูกขวัญ เทียนหอม เดี๋ยวพวกเราจะไปฉลองกันที่หอประชุม ไปกับพวกเราไหม?” กลุ่มเพื่อนร่วมชั้นเดินเข้ามาชวนลูกขวัญและเทียนหอมให้เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองวันจบการศึกษา
“ไปดิ๊!!” เทียนหอมตอบตกลง ก่อนหันไปจับมือลูกขวัญพร้อมกับเขย่าด้วยความตื่นเต้น “ไปหอประชุมกันนะลูกขวัญ ไปงานเลี้ยงอำลาของพวกเราไง? ไปด้วยกันนะ น๊า ลูกขวัญ น๊า!!!”
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
“เอ่อ…เราคงไปไม่ได้อ่ะ” แต่ว่า ไม่ใช่กับลูกขวัญ เหตุเพราะนายหัวภูชิต ได้สั่งให้คนขับรถมารับลูกสาวคนเล็กกลับบ้าน เนื่องจากเธอจะต้องรีบไปเรียนพิเศษที่สถาบันกวดวิชาที่เน้นแนวทางเรื่องการเรียนต่อในคณะแพทย์ทุกแขนง “เราต้องไปเรียนพิเศษต่อ”
“อะไรเนี่ยลูกขวัญ!!??” พอกลุ่มเพื่อนได้ยินแบบนี้ ก็ถึงกับตกใจ “นี่วันสุดท้ายในชีวิตเด็ก ม.6 ของพวกเรานะ!! จะรักการเรียนไปถึงไหนอ่ะ!!! ไม่เอาดิ๊!! ไปสนุกกับเพื่อน ๆ ก่อน!!”
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
“นั่นซิขวัญ” เทียนหอมพยักหน้า “โดดเรียนสักวันคงไม่เป็นไรมั้ง ขวัญก็โทรไปที่โรงเรียนสอนพิเศษบอกขอลาป่วย คงไม่เป็นไรหรอก”
“ไม่ได้อ่ะเทียน…” ภาสินีทำหน้าเศร้า “เราก็อยากไปสนุกกับเพื่อน ๆ ด้วยนะ แต่มันเป็นคำสั่งพ่อ เราขัดไม่ได้”
“เฮ้อ!!! เซ็งเลย!!!” พอได้ยินแบบนี้ กลุ่มเพื่อน ๆ ของภาสินีถึงกับส่ายหน้า และไม่คิดที่จะทัดทานเพื่อนสาวผู้รักเรียนคนนี้อีกต่อไป
สุดท้ายลูกขวัญก็โบกมือลาเพื่อนร่วมชั้น และเดินก้มหน้าถือกระเป๋าออกจากโรงเรียน ท่ามกลางกลุ่มนักเรียนชั้น ม.6 ที่กำลังยืนถ่ายรูปตามมุมเสาธง ม้านั่งหิน และมุมต่าง ๆ ในโรงเรียนเพื่อเป็นที่ระลึก บ้างก็มีรุ่นน้องมามอบช่อดอกไม้ให้กันรุ่นพี่ และขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก โดยไม่สนใจว่าตอนนี้ ท้องฟ้าเหนือกรุงเทพมหานครเริ่มมืดครึ้มอีกครั้ง หลังจากที่เมื่อวานได้มีพายุเคลื่อนผ่านจากทะเลจีนใต้ มุ่งตรงสู่ใจกลางประเทศเวียดนาม และบริเวณภาคกลางของประเทศไทยตามลำดับ
“ขวัญ!!! จะไปไหนอ่ะแก!!?? ไม่ไปสนุกกับเพื่อน ๆ ที่หอประชุมเหรอ?” เพื่อนต่างห้องของลูกขวัญ ที่กำลังยืนถ่ายรูปตรงม้านั่งหิน ตะโกนถามภาสินีที่กำลังเดินก้มหน้าถือประเป๋าออกจากโรงเรียน
“กลับบ้านน่ะ” ลูกขวัญตอบ “พอดีมีธุระนะ”
ภาสินีเลือกที่จะตอบแบบนั้น เพื่อตัดบทไม่ให้ใครมาชวนให้เธอไปสนุกในงานอำลา ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเธอเองก็อยากจะไปสนุกกับเพื่อน ๆ ในช่วงโมเมนต์สุดท้ายก่อนที่ชีวิตเด็ก ม.ปลาย จะจบลง
เด็กสาวเดินออกมารออยู่หน้าป้ายโรงเรียน ไม่นานนัก ก็มีรถตู้สีขาวรุ่น Toyota Hiace มาจอดเทียบท่าหน้าโรงเรียน ซึ่งนั่นก็คือรถที่นายหัวภูชิตผู้เป็นพ่อส่งมารับเธอไปเรียนพิเศษนั่นเอง
“สวัสดีครับคุณหนู” คนขับรถที่นายหัวภูชิตส่งมารับเอ่ยปากทักทายภาสินี ลูกสาวคนเล็กของบ้านถิ่นทวีพัฒนา ณ ภูเก็ต “รอนานไหมครับ?”
“ไม่ค่ะ” ลูกขวัญเขยิบตัวขึ้นมานั่งบนเบาะหลัง และไม่ลืมที่จะปิดประตู ก่อนที่รถแวนสีขาวคันนี้ จะแล่นผ่านโรงเรียนคอนแวนต์ มุ่งตรงสู่สถาบันกวดวิชาระดับแนวหน้าของประเทศ
“หลังจากที่เมื่อวาน ได้เกิดฝนตกทั่วกรุงเทพ เขตปริมณฑล และหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง สืบเนื่องมาจากพายุโมญ่า ที่มีต้นกำเนิดจากทะเลจีนใต้ ได้เคลื่อนตัวผ่านประเทศเวียดนาม จนมาถึงพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทยเมื่อช่วงบ่ายสองโมงของเมื่อวาน ก็มีรายงานนะครับว่าตอนนี้ มีหลายพื้นที่ ที่ประสบกับปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพตอนนี้ มีอยู่หลายพื้นที่เลยนะครับ ที่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วม ไม่ว่าจะเป็น เขตหลักสี่ เขตลาดพร้าว เขตบางเขน เขตประเวศ แล้วก็อีกหลาย ๆ เขต ซึ่งตอนนี้ทางกรุงเทพมหานครและกองทัพบก ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือประชาชน และทำการขุดลอกคูคลองเพื่อช่วยลำเลียงน้ำที่ท่วมขังให้แห้งได้เร็วที่สุด และแน่นอนครับ เมื่อมีปัญหาน้ำท่วม ปัญหารถติดก็ตามมา…”แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
“เฮ้อ!! ท่วมได้ท่วมดี!!” คนขับรถตู้ถอนหายใจ ก่อนหมุนคลื่นวิทยุไปหาช่องเพลงฟังเพื่อจรรโลงใจแทน
“มีเมียเด็กต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกาย ไม่ต้องนึกอาย เป็นลูกผู้ชายต้องกล้า อย่าไปตะแบงในเมื่อเรี่ยวแรงโรยรา ร่างกายไม่ไหวก็ต้องอาศัยโด๊บยา มีคู่นอนอ่อนกว่า ต้องหายาบำรุง…”
“เอ่อ...ลุงคะ?” แล้วทันใดนั้น ลูกขวัญที่นั่งเบาะหลังก็เอ่ยปากขึ้นมา
“ครับ? มีอะไรเหรอครับคุณหนู?” คนขับรถเงยหน้ามองลูกขวัญผ่านกระจกหน้ารถ
“เปลี่ยนเพลงได้ไหมคะ?” ลูกสาวนายหัวตอบ “เพลงสมัยไหนก็ไม่รู้ ขอเพลงที่หนูพอจะฟังด้วยได้ไหม?”
“ได้ครับ” แล้วลุงคนขับรถก็หมุนคลื่นวิทยุเพื่อหาสถานีเพลงช่องใหม่ ที่ลูกสาวคนเล็กของเจ้านายน่าจะชอบ “เดี๋ยวผมเปลี่ยนให้ครับ”
“เขาบอกให้ฉันนั้นคิดตัดใจ และบอกให้ฉันนั้นไปเริ่มต้นใหม่ กับใครก็ได้ที่จะไม่ใช่เธอ เขาบอกให้ฉันนั้นเลิกหลง เขาบอกให้ฉันนั้นหยุดลุ่มหลง หยุดความรัก ความสับสน ความพร่ำเพ้อ...”
“โอเคไหมครับคุณหนู?” ลุงคนขับรถถาม
“โอคะลุง” ภาสินีพยักหน้า พร้อมกับนั่งกอดอก และมองผ่านกระจกรถเพื่อดูวิวทิวทัศน์ด้านนอก “เพลงนี้แหละ”
เด็กสาวนั่งครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ นอกเหนือจากเรื่องเรียนต่อ ก็ยังมีเรื่องครอบครัวของหมอพลอย ที่กำลังมีประเด็นกับครอบครัวของเธอ จนในตอนนี้ได้กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วประเทศแล้ว
“ผมขอยืนยันอีกครั้งนะครับว่า ผมไม่ได้เป็นคนที่ถูกกล่าวหาในคลิปเสียงดังกล่าว ไอ้คนที่ชื่อลอยอะไรนั่นผมก็ไม่รู้จัก มันเป็นคลิปที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อดิสเครดิตผม และผมจะไม่ยอมให้ชื่อเสียงในฐานะนักการเมืองของผมถูกทำลายจนป่นปี้โดยผู้ไม่หวังดีแบบนี้อย่างเด็ดขาด!!!”
ลูกขวัญนึกถึงคำให้สัมภาษณ์ของนายหัวภูชิต ผู้เป็นพ่อ ที่ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ในกรณีที่มีคลิปเสียงที่กล่าวพาดพิงถึงนักการเมืองชื่อดังจากภาคใต้ ซึ่งก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็นนายหัวภูชิต ที่แอบติดต่อกับชายปริศนาที่ชื่อลอยศักดิ์ เพื่อแบล็คเมลล์นักการเมืองดังแห่งภาคตะวันออก จนกลายเป็นข่าวดังทั่วประเทศอยู่ในขณะนี้
“พี่พลอยนะพี่พลอย…” ภาสินีนั่งคิดในใจ “ไม่อยากแต่งงานกับพี่บอยก็พอเข้าใจได้ แต่ทำกันแบบนี้ มันแรงเกินไปไหมคะพี่?”
“เฮ้อ!!! ฝนตกอีกแล้ว!!” ระหว่างที่รถของเธอแล่นผ่านท้องถนนอยู่นั้น ห่าฝนเม็ดใหญ่ก็เทลงมา จนลุงคนขับรถต้องเปิดแผงหน้าปัดไล่ฝนเพื่อความสะดวกในการมองเห็นเส้นทาง
ภาสินี ที่นั่งกอดอกอยู่เบาะหลัง เหลือบมองคนขับรถครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหันหน้ากลับไปมองกระจกข้าง ที่ภายนอกเต็มไปด้วยหยาดฝนที่เทลงมา
“อ่าว? อะไรอีกเนี่ย!!” พอขับรถไปได้สักพัก ลุงคนขับรถก็เอ่ยปากพูดขึ้นมา เมื่อเห็นว่าถนนด้านหน้า มีรถกระบะจอดเสียอยู่กลางถนน “รถใครมันเสียอยู่กลางทางวะ? ไม่เข็นเข้าริมฟุตบาทเล่า!!”
พอได้ยินแบบนี้ ภาสินีเลยเหลือบมองกระจกหน้ารถ และภาพที่เธอเห็น คือภาพของรถกระบะคันหนึ่ง ที่กำลังจอดเสียอยู่กลางถนน ท่ามกลางเสียงแตรไล่จากรถยนต์จำนวนมาก ที่พยายามจะเปิดไฟเลี้ยวและเบี่ยงออกเลนขวาเพื่ออ้อมไป
และภาพที่ภาสินีเห็น คือภาพของชายหนุ่มวัยสามสิบต้น ๆ ที่กำลังวุ่นอยู่กับการตรวจเช็คสภาพล้อรถด้านหน้า ซึ่งดูเหมือนว่าล้อมันจะรั่ว โดยชายหนุ่มคนนั้นได้เดินกลับไปเปิดประตูรถ เพื่อเปิดไฟฉุกเฉิน และหมุนพวงมาลัยรถเข้าเลนซ้ายเพื่อจอดข้างทาง พร้อมกับวิ่งหน้าตั่งท่ามกลางเสียงแตรบีบไล่จากผู้ใช้รถใช้ถนนท่ามกลางสายฝนที่ดูไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
“รถเสียก็เลี้ยวชิดเลนซ้ายดิวะไอ้โง่!!!” คนขับรถ Toyota Yaris คันนั้นเปิดกระจกด่าชายหนุ่มที่กำลังหัวเสียกลางถนน
“บีบแตรหาพ่องมึงเหรอ!! ควย!!!” ชายหนุ่มคนนั้นตะโกนด่าคนขับรถ Toyota Yaris ที่กำลังเลี้ยงออกเลนขวาอย่างอยากลำบาก เพราะในเลนขวาสุดทางก็มีรถยนต์ติดเรียงแถวเป็นทางยาว “ยางรถกูรั่วเนี่ย!!! พวกมึงตาบอดหรือไง!! เย็ดแม่ง!!!”
ภาสินีที่แม้จะอยู่ภายในรถ แต่เธอก็พอจะได้ยินคำสบถจากด้านนอก ทำเอาเด็กสาวถึงกับสะอึก เพราะไม่คิดว่าพวกผู้ใหญ่จะด่ากันได้หยาบคายถึงขนาดนี้
และระหว่างที่รถตู้ของลูกขวัญกำลังแล่นเลี้ยวผ่านรถกระบะที่ยางรั่วกลางถนน เด็กสาวและชายหนุ่มคนนั้นก็ได้มองหน้ากัน
“นั่นมันคนที่มาเจอพ่อเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนิ!!” ลูกสาวนายหัวนึกขึ้นได้ว่า ชายหนุ่มที่กำลังหัวเสียเพราะรถกระบะยางรั่ว คือคน ๆ เดียวกับที่มาขอพบกับคุณพ่อเมื่อไม่กี่เดือนก่อน “หรือว่า!!!”
“ลูกขวัญ เดี๋ยวพ่อมีธุระต้องคุยกับลูกน้อง ลูกขึ้นไปข้างบนก่อนนะ จะอ่านหนังสือเรียนหรือเล่นเปียโนก็ได้ ขึ้นไปก่อนลูก”
“คุยธุระกับใครเหรอคะพ่อ?”
“ลูกขวัญ เรื่องบางเรื่องเป็นเรื่องของผู้ใหญ่นะ เชื่อฟังพ่อ แล้วขึ้นไปข้างบนซะ”
ในตอนนั้น ลูกขวัญก็นึกแปลกใจอยู่บ้าง ที่อยู่ดี ๆ นายหัวภูชิตก็ไล่ให้เธอขึ้นไปด้านบน แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เด็กสาวก็แอบชำเลืองมองผ่านระเบียงชั้นสอง และได้เห็นชายหนุ่มท่าทางไม่น่าไว้ใจเดินเข้ามาภายในห้องรับแขก พร้อมกับซองสีน้ำตาล และพนมมือไหว้นายหัวภูชิตด้วยท่าทางนอบน้อม
และในจังหวะนั้นเอง ที่ชายหนุ่มปริศนาคนนั้นแหงนมองชั้นบน ลูกขวัญที่แอบดูอยู่ก็ตกใจ เลยรีบวิ่งเข้าห้องไป ซึ่งเธอจำหน้าของชายคนนั้นได้เป็นอย่างดี ใช่แล้ว ผู้ชายคนนั้นก็คือไอ้ลอย หรือลอยศักดิ์ อดีตลูกน้องท่านวิทยา ที่หักหลังเจ้านายเก่า เพื่อเอาข้อมูลมาขายให้นายหัวภูชิตผู้เป็นพ่อของเธอนั่นเอง
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน