ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_magna67t

แปดปียี่สิบสี่คน ภาค 6 เฟรชชี่ปีหนึ่ง 12 บังเอิญ

เริ่มโดย magna67t, กุมภาพันธ์ 08, 2023, 10:12:06 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

louis_m













Im k


TopP

อ้างจาก: magna67t เมื่อ กุมภาพันธ์ 08, 2023, 10:12:06 หลังเที่ยงแปดปียี่สิบสี่คน ภาค 6 เฟรชชี่ปีหนึ่ง 12 บังเอิญ

แปดปียี่สิบสี่คน ภาค 1 THE ORIGINAL    //two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=229016.0
แปดปียี่สิบสี่คน ภาค 2 วัยแห่งความรัก    //two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=236192.0
แปดปียี่สิบสี่คน ภาค 3 เพื่อนคุย        //two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=228587.0
แปดปียี่สิบสี่คน ภาค 4 โกอินเตอร์        //two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=231757.0
แปดปียี่สิบสี่คน ภาค 5 ส่งท้ายวัยมัธยม    //two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=249713.0
--------------------------------------------------------------------------------------------   

        โนะหลับไปแล้ว หรืออาจสลบไปจากการสูญเสียความบริสุทธิ์ให้กับผม 

    ถ้ามันไม่ยากแบบนี้..ผมคงทำอะไรกับเธอต่อ  แต่ตอนนี้ผมคิดว่าอาจต้องห้ามเลือดเธอก่อน  ผมปลุกโนะในอีกครึ่งชั่วโมง  และให้เงินเด็กสาวไปห้าร้อย  ก่อนจะลงไปซื้อยาและผ้าอนามัยมาให้  และพาเด็กสาวลงไปส่ง  ผมพยายามถามเรื่องโนะจากไอ้แจ๊บ  แต่ไอ้แจ็บบอกว่าไม่เคยเห็น ไม่มี  ไม่รู้จัก  ผมไม่เล่าเรื่องนี้ให้ไอ้แจ๊บฟัง  ผมคิดว่าเธอคงไม่กล้ามาหอนั่นอีกต่อไป  ไอ้แจ๊บบอกแค่ว่าคนที่มาทำความสะอาดเป็นผู้ชาย  ไม่ใช่ผู้หญิง  คงไม่ใช่โนะแล้ว...
..................................................................

    ผมสอบปี 1 เทอมแรกด้วยความยากลำบาก  สงสัยจัง...เวลาเรียนมหาลัย ทำไมมันเรียนง่ายแต่สอบยากนัก    แน่นอน...พอปิดเทอมมาถึง  ผมก็ไปญี่ปุ่นทันที  นี่ก็เป็นปีที่สองแล้วที่ผมได้รู้จักกับสามพี่น้องซาย่า เอมี่ และมิซ่า  ผมยังหลงใหลซาย่าอยู่เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง  ตอนนี้..ซาย่าคือคนที่ใช่สำหรับผมมากที่สุด 

    "ซาย่า ถ้าเราแต่งงานกันแล้ว เอมี่ กะมิซ่าจะทำยังไง"
    แฟนของผมยิ้มและจูบผมครั้งนึงก่อนตอบ
    "ก้องคุงต้องถามเอมี่กะมิซ่าเองนะ  ซาย่าว่าเอมี่และมิซ่าก็คงรักก้องคุงเหมือนกัน  ซาย่าไม่ว่าอะไรถ้าก้องคุงอยากมีเอมี่กะมิซ่าเป็นภรรยาด้วย  แต่ซาย่าว่าพ่อแม่ของพวกเราไม่น่าจะยินดี"

    แค่คำตอบก็กินขาดแล้วครับ  ซาย่าไม่ได้หึงหวงผมเลย  เธอยินดีให้ผมมีภรรยาได้ 3 คน แค่กลัวว่าพ่อแม่ของทั้งสองบ้านจะไม่พอใจ  แบบเนี้ย...หาได้ที่ไหนอีก  ส่วนเอมี่และมิซ่าก็มีโอกาสมาคุยกะผมในหลายคืนในครั้งนี้  แค่ 10 วันเท่านั้น ผมมีสัมพันธ์กะสามสาวมากกว่าที่ผมใช้เวลากะหญิงอื่นทั้งเทอม  ซาย่าเปรยๆมาว่า ใกล้จะเรียนจบแล้ว  อยากต่อโทเมืองไทย  ให้ผมลองหาที่ดู  ถ้าโอเค  เธอจะขอพ่อแม่มาเรียนที่เมืองไทย...  นั่นนับเป็นข่าวดีที่เกินความคาดหมายของผมอย่างมาก  ผมลาสามสาวกลับเมืองไทยด้วยความอาลัยอาวรณ์ทุกครั้ง....
...............................................................................................

    ผมขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพด้วยความเซ็งสุดๆ  ครั้งนี้ก็เหมือนกัน  ยิ่งรอบนี้ผมมาเช็คอินช้าเพราะมัวแต่อาลัยอาวรณ์ซาย่าและน้องๆ  ผมได้ที่นั่ง 38C ริมทางเดิน  เครื่องจะออกจากโอซาก้าตอนเที่ยงคืนครึ่ง  ผมนั่งประจำที่เรียบร้อย  สักครู่ก็มีสาววัยรุ่นหน้าตาดีเชียว ตัวเล็กหน่อย อายุอานามน่าจะประมาณผม  เดินทางมาคนเดียว  กับ handbag ที่ไม่น่าจะเรียกว่า handbag เท่าไหร่  มันใหญ่จัง  เธอเดินเข้ามาเป็นคนท้ายๆแล้ว  ท่าทางเธอดูเงอะงะ  จนเธอเจอที่นั่งของเธอ 37D เยื้องผมไปข้างหน้า 1 ที่ ริมทางเดินเหมือนกัน  สาวคนนั้นพยายามเอากระเป๋าขึ้นไปวางข้างบนแต่มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน  ผมมองด้วยตาแล้วมันต้องหล่นลงมาใส่หัวใครแน่ๆ  ด้วยความเป็นมนุษย์นิสัยดี  ผมลุกขึ้น

    "May I help you?" (ผมช่วยนะ)

    เธอบอกขอบคุณผมเป็นภาษาอังกฤษ  ผมยกขึ้นใส่ช่องให้เธอ  มันหนักจริงๆ  เค้าให้ 7 โล ผมว่าต้องมีราวๆ 10 โล  แต่เอาเหอะ  เธอหันหน้ามายิ้มให้ผมอีกครั้ง  ก่อนลงไปนั่งที่ 37D  ระหว่างเดินทางผมพยายามสังเกตว่าเธอเป็นญี่ปุ่นหรือคนไทย  ผมว่าเธอน่าจะเป็นคนไทย ไม่น่าเป็นญี่ปุ่นเพราะตอนแอร์ญี่ปุ่นมาถามเครื่องดื่มเป็นภาษาญี่ปุ่น  เธอตอบไปเป็นภาษาอังกฤษ  ไม่ได้ใช้ภาษาญี่ปุ่น  แต่มันก็ยังไม่ได้หมายความว่าเธอจะเป็นคนไทย  ผมกินยาช่วยให้หลับง่ายที่ซาย่าที่รักให้ผมมา  แล้วผมก็ไม่ทำอะไรอีกนอกจาก....นอน

    ผมตื่นเนื่องจากแอร์เปิดไฟปลุกพร้อมเสิร์ฟอาหารเช้า  อย่างแรกเลยคือมองไปที่เก้าอี้ 37D  สาวคนนั้นตื่นแล้ว  แต่ดูท่าทางเธออิดโรยจัง  แอร์เริ่มเสิร์ฟอาหารแต่เธอไม่กิน  สักครู่เธอลุกจากโต๊ะพรวดพราดไปที่ห้องน้ำพร้อมถุงอ้วก  และเธอก็อ้วกเป็นการใหญ่  แอร์ญี่ปุ่นมาช่วยกันเอาน้ำเอาผ้ามาให้เช็ดหน้า  สงสัยคงจะเมาเครื่องบิน  ผมจัดการอาหารเข้าเสร็จก็เดินไปห้องน้ำและแวะไปถาม
    "Are you OK?" (สบายดีมั๊ย)
    "อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ เอ้อ  I am OK"
    "ผมคนไทยครับ เมาเครื่องเหรอครับ"
    "เมาเครื่องเสมอค่ะ หายใจไม่ค่อยออกค่ะ  แต่โอเคแล้วค่ะตอนนี้"
    "เค้าว่ากินขนมปังกรอบจะช่วยได้นะครับ  เอามั๊ยครับเดี๋ยวเอามาให้"

    เธอพยักหน้า  ผมเลยไปหยิบเป้เอาขนมปังกรอบที่ซาย่าใส่มาไปให้เธอ  เธอรับไว้แล้วขอบคุณผม  ยังไม่ทันที่ผมจะได้เริ่มบทสนทนาอีก  สัญญาณรัดเข็มขัดก็ติดขึ้น และขอให้เตรียมตัว  กำลังจะถึงกรุงเทพแล้ว  ผมนั่งดูเธอจากที่นั่งผม  เธอกินอย่างหิว  ผมเข้าใจว่าเธอคงอาเจียนจนหมดสิ้นทุกอย่างและอ่อนเพลียมาก  พอเครื่องจอด  ผมยกกระเป๋าลงมาให้เธอก่อน  ส่วนแอร์ก็พยายามให้สาวน้อยคนนี้ออกไปก่อนใครๆ  เพื่อไปห้องปฐมพยาบาล

    แล้วผมก็ลืมถามชื่อเธอ...  เธอก็คงเป็นเพื่อนเดินทางอีกคนของผมที่เราคงไม่ได้เจอกันอีก....
...........................................................

    ไอ้โก๋กะเก๋มารับผมที่สนามบินตามคำบัญชาของผม  แต่พอสองเท้าผมแตะประตูบ้านที่ชลบุรี  ป๊ากับแม่ก็เข้าปราดมาหาทันที

    "ก้องเร็วๆ  โอ๊ย...ยังลุ้นเนี่ยจะมาทันหรือเปล่า  ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเก็บเสื้อผ้าไปกะป๊ากะแม่นะ  มีสัมมนาสมาคมค้าวัสดุที่หัวหิน  ป๊าขี้เกียจขับรถไป  ก้องขับให้ป๊ากะแม่นะ  ไปเลยวันนี้ ออกสิบโมงเลยนะ...เดินทาง"

    ผมไม่มีเวลาพัก...มาถึงก็ไปเลย  ผมนึกถึงความเซ็งที่จะเกิดขึ้นในสามวันสามคืนข้างหน้า  กะว่าจะมาหาเก๋ซะหน่อย..แต่คงไม่มีโอกาสแล้ว  สิบโมงผมขับบีเอ็มซีรีส์ 5 คันใหม่ของแม่ไป  เรามาถึงหัวหินก็เข้าโรงแรมเครือต่างประเทศอย่างแพงตอนเกือบบ่ายสอง  ผมมีหน้าที่ทำทุกอย่าง ตั้งแต่ยกกระเป๋าจนถึงเดินไปเช็คอิน  ป๊ากะแม่นั่งดื่มเวลคัมดริ๊งค์อย่างสบายใจ  ปล่อยให้ลูกชายคนเดียวจัดการไป  ระหว่างรอเวลาเช็คอินนั้น สายตาผมก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงที่คล้ายกับน้องที่อยู่ที่นั่ง 37D  เธอนั่งเล่นมือถืออยู่ที่ล้อบบี้  ผมถึงกับเพ่งดูอย่างช้าๆ ว่าเป็นเธอหรือว่าผมจำผิด  เป็นเธอจริงๆด้วย  เธอนั่งเล่นมือถือก็เลยยังไม่เห็นผม  ผมดูอีกทีให้ชัดๆ  ใช่แน่ๆ อย่างน้อยเป้ที่เธอสะพายและตุ๊กตา HELLO KITTY ที่เป้ของเธอไม่ผิดแน่นอน 

    ไม่นานนักเจ้าหน้าที่โรงแรมเช็คอินให้เรียบร้อยแล้ว
    "ขอคืนบัตรประชาชนนะคะ"
    "เอ่อ....พี่ครับ  เป็นไปได้มั๊ยครับที่จะขอห้องห่างๆ พ่อแม่ผมหน่อย  อยู่ใกล้พ่อแม่ ผมต้องโดนใช้งานทั้งวันแน่ๆเลยครับ  ผมจะนอนเงียบๆคับ"
    พี่ที่เช็คอินยิ้มให้ผม...
    "ได้คะ  เอาคนละชั้นนะคะ  สักครู่นะคะ....  นี่นะคะ  ของคุณพ่อ...พูลวิลล่าซีวิวนะคะ ห้อง 6104 ส่วนของคุณตึกเดียวกันเดินขึ้นมานะคะ 6205 นะคะ เดี๋ยวให้เจ้าหน้าที่มาช่วยยกกระเป๋าไปส่งนะคะ"
    "เอ่อออ...พี่ครับ ครอบครัวนั้น อยู่ห้องไหนอ่ะครับ"  ผมชี้ไปที่น้อง 37D คนนั้น  เจ้าหน้าที่ยิ้มและตอบผมว่า
    "ต้องขอโทษนะคะ  ทางโรงแรมให้ข้อมูลห้องพักแขกอื่นไม่ได้ค่ะ  แต่ทราบแค่ว่ามางานสมาคมค้าวัสดุเหมือนกันค่ะ"
   
    ผมพยักหน้าเข้าใจ  และถือกุญแจเดินออกมา  พาพ่อและแม่ไปเข้าห้อง  ส่วนผมก็กำลังจะเดินไปห้องของผม  ป๊าผมโวยวายมากเนื่องจากผมกระเด็นไปอยู่อีกชั้นนึงได้ยังไง ทั้งที่ป๊าจองให้มาอยู่ติดกัน  ผมกะแม่บอกว่าไม่เป็นไร  แม่ถามเบอร์ห้องแล้วก็ขอกุญแจรถ  ส่วนผมจะไปทำไรไปเลย  ผมเดินขึ้นมาบนห้องและก็เห็นน้องคนนั้นก็เดินลากกระเป๋าขึ้นมาที่ชั้นผมเพียงคนเดียว  ผมยืนดูเธอ  เธอยังไม่สังเกตผมเพราะก้มหน้าดูแต่มือถือ  เธอล้วงกระเป๋าหยิบการ์ดแล้ว เข้าห้องเพียงคนเดียว  แต่ว่า....ห้องเธอติดกะผมเลย  เธออยู่ 6206 ผมยิ้มด้วยความดีใจ
   
    "สวัสดีครับ  ผมก้องครับ"  ผมโทรไปห้อง 6206  ปลายทางคงช้อคและงงว่าผมคือใคร
    "เอ่ออ  ขอโทษค่ะ นี่ห้อง 6206 ค่ะ"
    "ใช่ครับ  ผมถึงโทรมาครับ  ผมก้องนะครับ  หายเมาเครื่องบินหรือยังครับ"
    "อ้า... เอ่อ.. คุณคือ....??"
    "ใช่ครับ ผมคือคนนั้นแหละครับ  เดี๋ยวผมเดินไปหานะครับ"

    ผมสำรวจห้องแล้วก็เห็นว่าห้องผมเป็นห้องที่เชื่อมต่อกับ 6206 ด้วย  อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น  ผมเข้าห้องน้ำเรียบร้อยก็เดินออกไปเคาะประตูห้องข้างๆ  และยืนรอที่หน้าห้อง  ไม่นานนักเจ้าของห้องก็เปิดประตูแง้มๆมาดูหน้าผม

    "สวัสดีครับ  ผมก้องครับ"
    เธอเปิดประตูออก  และเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเธอในแสงสว่างสดใส  สาวน้อยเป็นคนน่ารักทีเดียว  วันนั้นน่าจะเหนื่อยหรือเวียนหัวหรือเมาเครื่องบิน  หน้าตาไม่สดใสเท่าตอนนี้  เธอรวบผมไว้ด้านหลังเพราะวันนี้ร้อนเหลือเกิน  โชว์ลำคอสะอาดสวยงาม  เธอใส่กางเกงขาสั้นสีแดงและเสื้อยืดสีขาว  ผมว่าเธอเรียนอย่างมากสุดก็ ม 6 หรือ ปี 1 แบบผม 

    "อ๋อ...นึกออกแล้ว  พี่คนนั้นน่ะเอง  สวัสดีค่ะ  หนูชื่อแพมค่ะ"
    "ไม่มีอะไรครับ  ผมมาทักทายครับ  พอดีตอนเช็คอินเห็นแพมนั่งอยู่  แล้วบังเอิญที่ห้องเราอยู่ติดกันด้วยครับ"
    "ค่ะ  พอดีคุณพ่อพามาค่ะ  มาประชุมสมาคมอะไรเนี่ยค่ะ  แพมไม่อยากมาหรอก...เหนื่อย  เพิ่งลงมาจากเครื่องบิน"
    "ไปทานกาแฟมั๊ย  ได้คุยกัน  ลงไปล้อบบี้นะ"
   
    น้องแพม (น้องหรือเปล่าวะ) เดินลงมาพร้อมกันกับผม  ตัวเธอไซร์เดียวกะกอหญ้าเลย  แพมตั้งใจจะเลี้ยงน้ำผมที่ช่วยดูแลให้ช่วงที่เธออยู่บนเครื่องบิน  เรามาที่พูลบาร์แทน  แพมเล่าว่า เธอเรียน ม 6 ไปเยี่ยมพี่สาวเรียนสถาปัตย์ที่ญี่ปุ่น  พี่สาวได้ทุนญี่ปุ่นไปเรียน  และเธอก็เมาเครื่องบินประจำ  แล้วแพมก็หยิบเอาขนมปังกรอบที่ผมให้ไว้ออกมาโชว์ว่า มันช่วยชีวิตเธอไว้  ผมเองก็เล่าประวัติอันสั้นว่าผมไปญี่ปุ่นหาเพื่อน... สักครู่พ่อแม่แพมเดินลงมา และแวะเข้ามาทักทายลูก  ผมเจอหน้าก็จำได้เลยคือลุงเดชนั่นเอง  ลุงเดชเป็นเพื่อนป๊า  อยู่ระยอง  แต่ผมไม่เคยเจอครอบครัวลุงเดชเลย
    "อ้าว....นายก้องนี่ มากันแล้วเหรอ  โสภณไม่เห็นโทรมาบอกเลย"
    "ป๊านอนมั๊งครับ  เห็นบอกเหนื่อยๆ"
    "นอนบ้าอะไรวะ  ยังไม่แก่เลย  ไหนๆ ห้องไหน เดี๋ยวลุงโทรไปปลุก  อ้าวนี่...รู้จักยัยแพมได้ไงเนี่ย"
    "กลับเครื่องบินลำเดียวกันครับ"

    อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้วะเนี่ย....

    ตอนนี้บ่ายสามแล้ว  แดดร้อนแสนสาหัส  น้องแพมก็ขอตัวขึ้นไปข้างบนห้อง  ผมเองก็นอนพักงีบเอาแรงสักหน่อย  แต่งีบของผมมันยาวมาก  เกือบหกโมงครึ่งแม่ก็โทรมาตามให้ไปกินข้าว  ซึ่งแน่นอน  ผมต้องขับรถไปให้  เย็นนี้ผมได้ร่วมโต๊ะกะลุงเดชและน้องแพม  ผู้ใหญ่สี่คนคุยกันปล่อยผมกะแพมนั่งเซ็ง  ดีที่แพมเป็นเด็กน่ารักคุยเก่ง  ข้าวเย็นวันนั้นก็เลิกเกือบสองทุ่มครึ่ง  ผมยังต้องพาแม่ไปช้อปปิ้งที่ตลาดอีก  ป๊ากะแม่ไม่ค่อยได้มาเที่ยวเท่าไหร่  พอมีโอกาสซื้อของจนผมคิดว่าถ้าผมกินคนเดียวคงตายแน่นอน  แม่ให้เอาน้ำเสาวรสไปให้น้องแพมด้วย  แล้วผมก็ชวนเธอลงไปนั่งคุยริมทะเล  ผมนั่งคุยกะแพมยาวมากจนถึงเกือบเที่ยงคืน  เธอน่ารักมากขึ้นเรื่อยๆ  แพมน่ารักจัง  ยิ่งรู้จักเธอก็น่ารักมากขึ้น 
.................................................................

    คืนนั้น ผมหลับแบบโคตรหลับ อาจจะเป็นความเหนื่อยล้าสะสม เพราะที่ญี่ปุ่นผมนอนน้อยมาก  เนื่องจากภารกิจติดพันกะสามพี่น้อง  ผมตื่นอย่างไม่อยากตื่นด้วยเสียงโทรศัพท์จากแม่  แม่กะป๊าโทรมาปลุกให้ไปกินอาหารเช้า  ผมดูนาฬิกา  เฮ้ย..ไรเนี่ย 8 โมงแล้ว  ผมเลยต้องลงไปกินข้าวคนเดียว ป๊าไปตีกอล์ฟกะลุงเดชแล้ว  ส่วนแม่ไปช้อปปิ้ง  ทิ้งผมโดยไม่สนใจว่าผมจะทำอะไร  แต่วันนี้คงไม่น่าเบื่อนัก  แพมมาชวนผมไปเที่ยว  ด้วยความช่วยเหลือของพี่ที่เค้าท์เตอร์  ผมก็เช่ามอไซด์ได้คันนึง  แพมนั่งหลังผม  เราไปค่ายพระรามหกเที่ยวพระราชนิเวศน์กัน  แดดวันนี้อย่างร้อนเลย  ผมเดินไปก็คุยไป  ผมก็สันดานไม่ดี...เวลาเดินกะผู้หญิงสองต่อสองแล้วมันอิน  ผมก็กึ่งคุยกึ่งจีบแพมไปเรื่อย 

    "ยังไม่มีแฟนเหรอเนี่ย....แพมก็น่ารักออก  ทำไมอ่ะ  เอาแต่เรียนหนังสือเหรอ..."
    "ไม่มีใครสนใจแพมหรอกค่ะ  แพมขี้โรค..."
    "ขี้โรค...โรคไร  ก็เห็นปกติดีนี่นา"
    "ไม่หรอกค่ะพี่  แพมไม่ค่อยสบายจริงๆ"

    ผมยังงงว่าโรคอะไร  ที่ผมเห็นเธอป่วยก็คงจะเพียงเมาเครื่องบิน  แต่พอเที่ยวเสร็จกำลังจะออกมา  แพมเกิดอาการอยากอาเจียนอีกแล้ว  ผมพาเธอไปโคนต้นไม้แล้วก็อาเจียนออกมานิดหน่อย  ผมตกใจมาก  เมื่อเช้ายังสดใสไม่มีอาการอะไรเลย  สงสัยเธอป่วยแน่ๆ แต่ก็ยังให้ผมพามาเที่ยว  แพมเดินไปที่รถขายน้ำ ซื้อน้ำดื่มมา 1 ขวดและซื้อโค้กมาให้ผม 1 กระป๋อง  ผมหาต้นไม้ร่มๆ นั่งลง แพมดื่มน้ำและผมเองก็เปิดกระป๋องเทโค้กใส่ปาก  โคตรร้อนขนาดนี้ได้น้ำซ่าก็กระชุ่มกระชวยขึ้นมา  ผมหันมาทางแพม  เธอเหงื่อแตกแต็มหน้า  ผมล้วงไปเอาผ้าในเป้ผมมาเช็ดหน้าให้

    "พี่ก้อง...เอ่อ..แพมขอกินด้วยได้มั๊ย..."
    "เฮ้ย จะดีเหรอ  พี่กินไปแล้วอ่ะ  เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้ใหม่ดีกว่า"
    "ไม่เอาอ่ะคะ  แพมกินไม่หมด  นะๆ  ขออึกนึง"

    ผมเอาผ้าเช็ดๆปากกระป๋องก่อนยื่นให้ แพมกรอกมันเข้าปากไม่ยั้ง  และไม่นานนักมันก็หมด  น้ำตาลมากมายในน้ำดำทำให้เธอหายเป็นปลิดทิ้ง  หลังจากได้นั่งพักสักแป๊บ...
    "เอ้า..ไปต่อยัง"
    ผมลุกขึ้นยืนและยื่นมือให้เธอจับเพื่อดึงขึ้นมา  แพมไม่ได้คิดอะไรมากมายเธอจับมือผมและโหนตัวยืนขึ้นมา  แต่ผมกลับไม่ได้ปล่อยมือเธอ  แพมพยายามดึงมือกลับผมถึงปล่อยมือ  ผมพาแพมขึ้นเขาหินเหล็กไฟก่อน และลงมากินก๋วยเตี๋ยวก่อนพากลับไปโรงแรม 
   
    "เหนื่อยป่ะ คนเก่ง  ดูหน้าอิดโรยจัง เดินไหวเป่าเนี่ย  อยากอ้วกอีกมั๊ย"
    "เดี๋ยวแพมนอนพักแป๊บนะ  เย็นนี้ไปเล่นน้ำกัน"
    "ให้พี่อยู่เป็นเพื่อนนะ  เดี๋ยวเกิดอาการขึ้นมาอีก"
    "คงไม่แล้ว  แต่ถ้าพี่อยากอยู่ก็ได้  พี่เปิดประตูระหว่างห้องเอาแล้วกันนะ"

    แล้วสาวน้อยก็ขึ้นเตียงนอน  ผมกลับมาดูทีวีที่ห้อง  สักครู่ผมกลับไปดู  แพมหลับไปแล้ว  เวลาผู้หญิงหลับเนี่ย...น่ารักทุกคน  แพมน่ารักมากๆตอนนี้  จนผมอดใจไม่ได้ ก้มลงไปเอามือลูบหัวและแอบหอมแก้มเธอครั้งนึง  ก่อนจะกลับไปดูหนัง  และผมก็หลับไป  นานแค่ไหนไม่รู้ ผมรู้สึกว่ามีคนมานั่งที่เตียงผมแล้วเอามือมาเล่นที่จมูกผม  เล่นคิ้วผม  และลงมาจูบที่หน้าผากผม  และสุดท้ายก็จับตัวผมเขย่า
    "ตื่นได้แล้วพี่ก้อง  สี่โมงแล้ว เดี๋ยวไม่ได้เล่นน้ำกัน"
    "อ้าว ตื่นนานแล้วเหรอ  เอาสิ..แพมไปเปลี่ยนชุดนะ"

แพมวิ่งกลับไปห้อง ส่วนผมยังบิดตัวอยู่บนเตียงอีกก่อนลุกไปเข้าห้องน้ำ  และจะเปลี่ยนเป็นกางเกงว่ายน้ำ  ผมถอดกางเกงออกตามประสาเคยตัวที่อยู่คนเดียวเสมอ  แต่ลืมไปว่าประตูระหว่างห้องเราสองคนเปิดอยู่  แพมเดินเข้ามาเมื่อไหร่ไม่รู้  เธอเห็นผมเปลือยเหลือแต่กางเกงในกับเสื้อกล้ามสีดำ  ผมหันมาถึงกับผงะ  และนึกได้ว่าผมเปลือยอยู่  แพมก็รีบวิ่งกลับไปห้อง  ผมรีบแต่งตัวและรีบไปเคาะห้อง  สาวน้อยแง้มประตูออกมา  ผมยิ้ม...

"ขอโทษที พี่....เอ่อ  คิดว่าอยู่คนเดียว..."
"เห็นหมดเลย 5555 ใส่กางเกงใน.....สีขาวด้วย"
"โทษๆๆๆ  ไปๆ ลงๆ"

เย็นวันนั้นผมว่ายน้ำในสระ  แพมอยุ่ในชุดว่ายน้ำสีชมพู  แม้เป็นชิ้นเดียว แต่ก็เห็นสัดส่วนของเธอได้ดี  ผมสังเกตว่าแพมแอบดูเป้าผมบ่อยๆ  ผมเลยลงน้ำไปอย่างรวดเร็ว  แพมถึงกับช้อคเมื่อเห็นผมว่ายน้ำแบบตัวโรงเรียน  เธอว่ายได้ แต่ไม่ได้เก่งมากมาย  ผมเลยว่ายใกล้ๆเป็นเพื่อนคุยไป 

"พี่ดำน้ำได้นานมั๊ยอ่ะ"
"ก็พอได้  ไม่รู้สิ  ไม่ได้ดำนานแล้วอ่ะ"
"วันนี้พี่ดำนานแน่นอน  แพมทำสร้อยข้อมือหลุดตกลงไปอ่ะ"
"อ้าวเหรอ  สีไรอ่ะ....สีฟ้าๆหรือเปล่า  ตรงไหนอ่ะ  โห....สีฟ้าด้วย จะหาเจอมั๊ยเนี่ย"
"พี่  ไม่รู้สิ  แม่ให้มา  มันไพลินอ่ะพี่  แพงด้วย  เดี๋ยวแพมช่วยหานะ"

จากนั้นกลายเป็นเรื่องทันที  ผมดำน้ำขึ้นลงในส่วนน้ำลึกสุด  ส่วนแพมดูแถวน้ำตื้น  นานเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วผมเจอมันอยู่กลางสระ  กลางจริงๆ  ผมเอาสร้อยไปใส่ให้แพม  เธอยื่นมือมาให้  แต่ผมบอกให้เธอหันหลังมาให้  แล้วผมเดินเข้าไปประกบด้านหลัง  และเอามือโอบรอบตัวเธอไปใส่สร้อยมือให้  แน่นอน...ส่วนล่างของผมได้ทักทายกับเนื้อตัวส่วนล่างของแพมแล้ว  พอใส่เสร็จ  เธอก็หันกลับมาผลักผม แล้วรีบว่ายน้ำหนีไป

"พี่ก้องอ่ะ  แกล้งแพมนะ"
"หนีให้ได้นะ  ไม่งั้นจะจับอีก"
แล้วผมก็จับเธอได้อีกจริงๆ  ผมเอามือจับเข้าที่เอว  สาวน้อยบ้าจี้ดิ้นไปมาในน้ำ  ยิ่งดิ้นผมยิ่งรัดแน่น และเมื่อผมรัด เธอไม่มีทางหนีกล้ามแขนได้แลย ระหว่างที่เราเล่นกันนั้น ส่วนล่างของผมถูกตัวเธอหลายครั้ง 
"พี่พอเหอะ...ขึ้นห้องกัน"

ทันทีที่กลับขึ้นมา แม่มีกระดาษมาแปะหน้าห้อง
"กินข้าวเองนะ  วันนี้สมาคมเลี้ยงต้อนรับ  ดูแลน้องแพมด้วย"
   
"เอาไง..คนดี"
"ไม่รู้สิ  กินในนี้แพงอ่ะ  ไปตลาดหัวหินกัน"

ผมใช้เวลากินข้าวในตลาดไม่นานนักและก็เลยพาเธอขึ้นไปเขาพระตำหนักอีกที  ดูวิวเมืองหัวหินยามค่ำ  ผมจูงมือแพมเดินโดยอ้างว่าจับมือไว้ เดี๋ยวหกล้ม  แพมยอมให้ผมจับมือ  มือเธอนิ่มมากๆเลย  แพมจับมือผมแน่นเพราะเธอกลัวความมืดพอสมควร  แต่แค่จับมือเท่านั้น...ใจผมคิดไปไกลถึงแพมตอนถอดเสื้อผ้าแล้ว  เรากลับมาที่รถก่อนผมจะขี่กลับลงมา  แพมนั่งซ้อนท้ายเอามือโอบเอวผมแน่นและเอาหัวมาพิงที่หลังผม  ผมรู้สึกดีจัง  ลมยามเย็นก็ไม่ทำให้เราแย่นัก  ผมขับรถไม่เร็วนักเพื่อซึมซับโอกาสดีๆแบบนี้ไปนานๆ  แต่อย่างว่าแหละครับ เวลาแห่งความสุขหมดเร็วเสมอ  แค่สิบห้านาทีเราก็มาถึงโรงแรมแล้ว  ผมดูนาฬิกามันสามทุ่มแล้ว  ผมพาแพมแวะเดินไปห้องจัดเลี้ยงและเห็นว่าชาวสมาคมยังคงสนุนสนานกะเกมส์บิงโก  ป๊ากะแม่ไม่ต้องพูดถึง  นานทีปีหนจะได้มาเฮฮากะเพื่อน  เค้าเลยไม่สนใจผมเลย  แต่สำหรับแพมแล้ว
"ค่ะแม่  ค่ะ  ค่ะ  พี่ก้องอยู่ค่ะ  เนี่ย ยืนกันหน้าห้องค่ะ  ค่ะ ค่ะ  ไม่กวนพี่เค้าหรอกค่ะ  ค่ะๆ  พรุ่งนี้เจอกันค่ะ"
"แม่ว่าไง"
"แม่บอกอย่ากวนพี่เค้านะ"

    ผมยิ้ม  และยื่นมือไปให้เธอจับ  แม้ว่าไฟจะสว่างแล้ว  แต่แพมจับมือผมเดินกลับมา แต่ผมพาเธอเดินไปที่ชายทะเล นั่งที่เก้าอี้ชายหาด 
    "แพม  พี่ถามจริง  ไม่มีแฟนเหรอ"
    "แหมพี่  มีสิ  ก็เพื่อนที่โรงเรียนแหละ  แต่ว่า...ใกล้เลิกแล้วหละ"
    "อ้าว....ไมอ่ะ ... คนน่ารักแบบแพม...จะทิ้งไปได้ไง"
    "เค้าว่า แพม ยืดยาด  ทำไรช้า บ่นแพมทุกทีเลย"
    "เฮ้ย...ไม่ช้าหรอก  ก็ปกตินี่นา  มีก็ว่ายน้ำนี่แหละ ช้ามากกกก 5555"

    แพมเอามือมาตีไหล่ผม  ระหว่างที่เราคุยกันนั้น ผมไม่ได้ปล่อยมือของสาวน้อยเลย  ผมนั่งชวนคุยเรื่อยเปื่อย  เธอถามถึงเพื่อนผมที่มาส่งที่ญี่ปุ่น  เธอเห็นผมกะซาย่า  ผมบอกว่าเป็นเพื่อนรักกันสนิทกัน  แต่ผมไม่เล่าว่าเราเป็นอะไรกัน  บางเรื่องก็ขอเก็บไว้เพื่อบรรยากาศที่ดีต่อกันแบบนี้  ไม่นานนักเธอก็บอกว่าอยากกลับห้องแล้ว 

    "ตัวเหนียวเลยอ่ะพี่ก้อง  ไปนั่งชายหาดมาแป๊บเดียว"
    "อืมม ให้อาบน้ำให้มั๊ยล่ะ 555" 

::Reader::