ต่อจากตอนที่แล้ว ยายของโทนมา ในขณะที่ทุกคนจุดธูป เพื่อจะบอกกล่าวและขออนุญาตทำการแสดง ลมก็พัดมา หลังจากเหตุการณ์ลมพัดผ่านไป และทุกอย่างเริ่มสงบพวกลูกคณะ พวกทีมงานก็มาไหว้แม่ทิพย์ มากอดแม่ทิพย์กันหมดเลย พี่ทิพย์สวัสดี นู่นนี่นั่น แม่ทิพย์ก็ยิ้มไม่หุบเลยตอนนั้น แปปนึงไอ้ลิงบ้าก็วิ่งมาจากไหนก็ไม่รู้ คนบ้าอะไรวิ่งในพื้นที่ต่างระดับ วิ่งบนพื้นดิน ได้เร็วเหมือนวิ่งบนพื้นเรียบๆไอ้ลิงบ้าเอ๊ย ไอ้ลิงวิ่งมาเบรกเอี๊ยดตรงหน้าพี่แมนแล้วหอบแฮ่ก ๆ ๆ ๆ ๆ พี่แมนบอกเห้ยๆ ๆ ๆ ไปไหนมาเนี่ย มันใช่เวลามาออกกำลังกายไหม ไอ้ลิงบ้ามองเข้าไปในสวนเลยนะ ไอ้ลิงบ้าหอบแฮ่ก ๆ ๆ ๆ ๆ แล้วบอกโดนวิ่งไล่มา พี่แมนถามว่าเดี๋ยวๆใครจะวิ่งไล่เอ็งทันวะ แล้วพี่แมนเหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้แล้วก็หันมามองเรา แล้วหันไปมองปู่เทียน จำได้ไหมว่าเมื่อกี้ปู่เทียนพูดว่าเดี๋ยวก็วิ่งกลับมา ง้ะ ! คืออะไรอีกเนี่ย
แล้วตอนนั้นแหละยายของโทนก็พูดว่าไอ้ตัวแสบมานี่ โทนจากที่หอบๆอยู่ก็เหมือนชะงักเลย อาการแบบนี้เหมือนตอนเจอย่าหอมเลย จากที่หายใจแฮ่ก ๆ ๆ ไอ้ลิงบ้าก็สูดหายใจเข้าแบบเต็มปอด เรียกว่าเต็มปาด แล้วปล่อยออก เสียงดัง ฮ่อววววววววว แล้วจากที่หายใจเหนื่อยๆ คือหายเลย นี่แหละมั้งที่พี่รุจน์เคยบอกว่า ไอ้ลิงบ้ามีร่างกายที่ดีมากๆ เหนื่อยยาก แล้วก็หายเหนื่อยได้ไว โห พี่รุจน์จะไม่ดีได้ยังไง ดูแต่ละอย่างที่ทำดิ่เนี่ย แล้วไอ้ลิงบ้าก็เดิน ๆ ๆ ๆ ไปทางยายอ่ะ แล้วก็นั่งลงชันเข่าแล้วกราบลงเลยแล้วพูด สวัสดีจ้ะยาย ตอนนั้นลูกศิษย์ของยายก็พากันมองเลยนะ ยายถามว่าไปทำอีท่าไหนถึงได้ล้มหมอนนอนเสื่อเป็นอาทิตย์ล่ะ โทนก็บอกสงสัยตากแดดจ้ะยาย แหวะ ๆ ๆ ๆ ทำตัวน่ารักขึ้นมาเชียวไอ้ลิงบ้าเอ๊ย หมั่นใส้
แล้วอยู่ดีๆไอ้ลิงบ้าก็หันไปมองทางรถที่ขนของอ่ะทุกคน มองอยู่แบบนั้นอ่ะ จนยายถามว่าไอ้ตัวแสบมองอะไร แล้วอยู่ดีๆไอ้ลิงก็พูดขึ้นมาว่า ยายตรงนั้นดินมันไม่เสมอกัน แล้วอยู่ดีๆไอ้ลิงบ้าก็ลุกพรวดและวิ่งไปเลย เราก็ตกใจ ทุกคนก็ตกใจอ่ะ คือรถบรรทุกอ่ะเปิดท้ายใช่มะ คนก็กำลังยกลำโพงตัวใหญ่ๆลงมา ไอ้ลิงวิ่งเข้าไปเลย ลำโพงสี่เหลี่ยมตัวใหญ่ๆ มันมีคนแบกอยู่นะ แต่ว่าคนๆนั้นอ่ะอยู่ดีๆก็ทรุดลงเลย คนก็ร้องเห้ย ! อันนี้คือโคตรเว่อร์อ่ะ ไอ้ลิงบ้าไปรับลำโพงตัวใหญ่นั่นรับ รับแล้วแบกขึ้นบ่าเลย แต่คนที่ทรุดไปก็ล้มลงไปบนพื้นดิน พื้นหญ้านั่นแหละ ไม่ได้รับอันตรายอะไร แต่เราไม่อยากคิดเลยว่าถ้าลำโพงนั้นหล่นมาทับจะเจ็บขนาดไหน ไอ้ลิงก็แบกลำโพงแล้วหันมองรอบๆ แล้วถามเป็นไงมั่งพี่เป็นไงมั่ง คนๆนั้นเหมือนทิ้งตัวนอนเลยอ่ะ เหมือนเป็นลม
ตอนนั้นฝั่งพวกเราที่กันอยู่คือนิ่งเลย ปู่เทียนก็ถอนหายใจเห้อดีแล้วที่ไม่มีใครบาดเจ็บนะ ตอนนั้นป้าของโทนก็พูดว่า แม่ลำโพงนั้นมันกี่กิโลน่ะแม่ แม่บอกมันสองดอกคู่ ก็ร้อยกว่ากิโลน่ะตัวนั้น ป้าบอกว่าไม่ผิดแน่นะแม่ ยายก็บอกว่าไม่ผิด ไม่ผิด แล้วคนในคณะคนนึงก็บอกว่า ชั่งน้ำหนักคราวก่อนตัวดอกคู่นั่น 110 โลจ้ะแม่ครู ห๊ะ!!!!!! โอ๊ยยยย 110 กิโลกรัม แบกเข้าไปได้ยังไง หรือว่าเป็นพลังยามวิกฤตเหมือนตอนไฟไหม้แล้วยกโอ่งได้กัน เอาตรงๆนะ ถ้าไม่เคยเห็นว่าแบกกระสอบปุ๋ย 100 กิโลกรัมมาก่อน เราก็คงตกใจอ่ะ.. ไอ้การที่วิ่งไปก่อนนี่ซิ่มันคืออะไรกันนะ รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าก็คงเป็นไปไม่ได้ โอเคยอมรับเรื่องนึงว่า ไอ้ลิงบ้าน่ะ สู้เก่ง ทักษะต่อสู้ดี สมรรถภาพร่างกายก็ไม่ต้องสืบ แต่เรื่องที่มันเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งมันคืออะไรกันแน่นะ ยายหันมาถามพ่อทศว่า นี่คงไม่ได้ให้ลูกทำอะไรเพี้ยนๆใช่ไหม พ่อทศบอกก็ไอ้ลูกหมามันแค่ช่วยงานทั่วไปในสวนนั้นแหละจ้ะครู
ตักน้ำ ยกปุ๋ย พรวนดิน ผ่าฟืน แค่นั้นเองจ้ะครู แล้วพวกชุดยูโดของมัน ฉันก็ให้มันใช้แปรงซักให้ซักมือเอา ยายถามว่าชุดกีฬาสีขาวๆนั่นน่ะเหรอ พ่อทศบอกจ้ะครู ยายถอนหายใจเลยนะทุกคน ยายบอกว่าชุดกีฬานั้นมันหนักเป็นกิโล กิโล แล้วยิ่งเปียกน้ำ มันไม่เท่ากับยกน้ำหนักเลยเหรอไง พ่อทศก็บอกจ้ะครูให้ไอ้ลูกหมามันออกแรงนิดๆหน่อยๆเอง ยายถอนหายใจแล้วบอกเอ็งนี่นะ แล้วก็หันไปเรียกโทน ไอ้ตัวแสบมานี่ โทนรีบเดินมาเลยอ่ะเดินมาทั้งๆที่แบกลำโพง จนยายต้องบอกเอาลำโพงไปวางไว้ก่อน โอ๊ยย ไอ้ลิงบ้าจะแบกมาทำไม ไอ้ลิงบ้าก็เดินไปทางเดิม แล้วพวกคนยกของ 2คน ย้ำว่า 2 คนนะต้องมาช่วยยกลงน่ะ แล้วไอ้ลิงบ้าก็รีบเดินมาหาแล้วพูดครับยาย ยายถามโทนนะว่าหายไข้มา ได้กินกุ้ยช่ายผัดตับบ้างไหม โทนบอกครับกินครับ ยายบอกกินไปอีกสักวันสองวันนะ โทนทำหน้านิ่งเลย ยายก็พูดทันทีว่าทำหน้าอย่างนี้ ไม่อยากกินงั้นรึ แต่ต้องกิน โทนตอบแค่ครับอย่างเดียวเลยอ่ะทุกคน แม่ทิพย์บอก แม่ๆ มาเหนื่อยไปนั่งพักก่อนเถอะ
ยายเขาหันไปยิ้มให้แม่ทิพย์ ลูบแขนเบาๆแล้วบอกป่ะๆ ปู่เทียนก็ขยับหลีกทางให้และผายมือให้ อย่างนึงที่เห็นได้ชัดเลยคือท่าทางของปู่เทียน ท่านดูสุภาพ สง่า สุขุม มากๆเลยนะ แต่ที่สังเกตได้คือ ปู่เทียนจะไม่เข้าไปในตัวบ้านเลยนะ เราเองก็สงสัยตั้งแต่วันก่อนๆนู่นแล้วที่พ่อทศพูดว่า มากระทันหันไม่ได้เตรียมที่นอน มันก็น่าแปลกป่ะล่ะ แต่คิดอีกที ก็คงไม่แปลกอะไรหรอก พื้นที่จำกัดคงไม่สะดวกในการให้มานอนในย้ายหลายคน เพราะในบ้านก็มีแค่ สองห้องเอง นี่อาจจะเป็นอีกเหตุผลที่ย่าหอม ไปพักที่บ้านของพ่อเจมส์ด้วย แล้วตอนนั้นก็มีรถกะบะ 4 ประตู มาจอดนะ พ่อทศด้วยความที่เป็นเจ้าบ้านก็ลุกเดินมาก่อนเลย ตอนที่เดินผ่านเรา เราได้ยินเสียงพ่อทศพึมพำว่ามาทำไม
ตอนนั้นอีเจมส์กับพี่แมนก็เดินมาประชิดตัวพ่อทศทันทีเลยแล้วพูดว่า พ่อทศครับเดี๋ยวผมพาไอ้โทนออกไปก่อนไหมครับ พ่อทศบอกอื้มๆ วานหน่อยนะ แล้วทั้งสองคนก็เรียกเห้ยโทนมานี่แปป ไอ้ลิงบ้าหันมองยายแล้วก็เดินไปทางที่พี่แมนกับอีเจมส์เดินไป พ่อทศก็เดินไปที่รถคันนั้นพอคนขับกับคนนั่งมาข้างๆ ลงมาจากรถ เขารีบยกมือไหว้พ่อทศเลย พ่อทศก็รับไหว้ตบไหล่ ตบๆๆ แล้วพ่อทศก็ชี้มาในบ้านพวกนั้นหน้าตาตื่นรีบวิ่งมาเลยนะ มาถึงก็นั่งลงชันเข่ายกมือไหว้ และก้มกราบยายของโทนแล้วพูดพร้อมกันสวัสดีครับแม่ครู ยายมองแล้วบอกเดี๋ยวๆ พวกเอ็งชื่ออะไรนะ พวกนั้นก็บอกชื่อ ยายก็บอกอ้อไอ้สองคนนี้ตอนหนุ่มๆ ชอบมาเทียวไล้เทียวขื่อ พวกเด็กที่มาเรียนรำนี่เอง พ่อทศที่กำลังเดินมา แม่ทิพย์ กับ พี่ชายเสี่ยก็หัวเราะเลยตอนนั้น หนึ่งในสองคนนั้นก็ยังพนมมืออยู่นะแล้วบอก พี่ทิพย์ พี่ทศ อย่าหัวเราะชั้นสิ่
นั่นมันตอนหนุ่มๆ แต่ตอนนี้ชั้นก็ไปขอกับพ่อแม่เขาแล้ว แต่งงานกันแล้วนะ พ่อทศบอกคนไหนวะ ข้าเห็นเอ็งไปเกี้ยวตั้งหลายคน เท่านั้นแหละเสียงก็ดังลั่นมาอีกอ่ะทุกคน แม่ทิพย์ก็ถามนะว่าตกลงมานี่มีอะไรหรือเปล่า พ่อให้มาเหรอ คือยังไงดีอ่ะ บรรยากาศมันแปลกๆอ่ะ แต่แปลกในที่นี่คือแปลกตานะ ตอนนี้ในบ้านอ่ะ ทุกคนลองนับตามเรานะ
ฝั่งบ้านสวน - ปู่เทียน ยายโทน พ่อทศ แม่ทิพย์ พี่ชายเสี่ย คนสนิทเสี่ย ไอ้ลิงบ้า
ฝั่งบ้านเรา - พ่อ แม่ พี่แมน เรา อาพุฒ พี่จวบ พี่แจ๋ว
ฝั่งคณะลิเก – 8 – 9 คน
คนที่เพิ่งมา – 2
เนี่ยตอนนี้คือคนเยอะมากๆ เราก็เคยไปงานที่คนเยอะๆแบบนี้นะ ก็จับกลุ่มคุยกันแบบนี้แหละ แยกกลุ่มตามความสนิทกันไป แต่ไม่รู้อ่ะ มันอธิบายไม่ถูก เรารู้สึกว่าบรรยากาศแบบนี้ ที่มันไม่ได้ดูเลิศหรู คนไม่ได้แต่งตัวสวย ทำไมเรารู้สึกว่าบรรยากาศที่อ่ะดีมากๆเลย เหมือนนั่งอยู่กลางทุ่งแล้วลมเย็นๆมันพัดมาเอื่อยๆ เรื่อยๆ พวกนั้นสองคนก็โดนแซวใหญ่เลย แม่ทิพย์บอกว่าพ่อให้มา แล้วเรียกยายว่าครู ก็แสดงว่าอยู่ในค่ายมวยมาก่อนแน่ๆ พ่อทศบอกลุกก่อนๆ หินทิ่มเข่าหมดแล้วว่าแต่พวกเอ็งมานี่มีอะไร
สองคนนั้นยืนขึ้นนะแล้วบอกว่า พ่อครูให้พวกผมมาดูน่ะพี่ทศว่ามีอะไรขาดตกบกพร่องไหม แล้วก็ให้ไปแจ้งกับพ่อ พ่อทศบอกว่าเห้ย ๆ ๆ แค่นี้ก็เยอะพอแล้ว ตอนแรกพ่อข้าจะตั้งใจจัดแค่ในบ้านด้วยซ้ำ แค่ยกพวกตู้ โต๊ะในบ้านออกมาแล้วจัดในบ้านแค่นั้นแหละ เราฟังพ่อทศแล้วก็มองไปรอบๆอ่ะ คือมันเกินสเกลงานบ้านไปเยอะเลยอ่ะทุกคน มีทั้งซุ้มพิธี ไหนจะเวทีลิเกอีกอ่ะ จะบอกว่าเป็นงานวัดแบบย่อมๆก็ได้อ่ะ พวกนั้นสองคนก็ทำหน้าลำบากใจนะ พ่อทศบอกเห้ยๆไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น
สองคนนั้นก็บอกว่า พวกผมลำบากใจหน่าพี่ทศถ้าไม่มีอะไรสักอย่างไปบอกพ่อครูน่ะ พ่อทศก็มอง ๆ ๆ แล้วบอกว่างั้นพวกเอ็งไปเดินดูรอบๆบ้านสักรอบไปแล้วค่อยคิดว่าอะไรควรเอามา คำๆแรกที่ดังขึ้นมาเป็นเสียงประสานคือ
‘ ไม่ ‘
พ่อทศหัวเราะเลยเหมือนเขารู้ว่าพวกนั้นจะตอบว่าแบบนี้ 2 คนนั้นบอกหัวเด็ดตีนขาดพวกผมก็ไม่เดินรอบบ้านพี่เด็ดขาด ยายของโทนก็หัวเราะเลย อือออ ขอใช้ชื่อว่ายายอุษานะ พ่อทศก็ถามนะว่าพรุ่งนี้ครูเขาจะมากี่โมงล่ะ คนที่มาก็บอกว่าเช้าๆเลยพี่ทศ พี่ก็รู้พ่อครูไม่ชอบอากาศในกรุงเทพฯเท่าไร คงจะมางานที่นี่จบแล้วก็คงกลับบ้านพ่อครูเลย พ่อทศบอกอื้มนั้นซิ่นะ งั้นเอางี้ข้ารบกวนอาหารของคณะลิเกแล้วกันนะ เพราะว่าพวกเขาจะรอไม่ได้ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้ง เห้ยพรุ่งนี้เหล้าทุกชนิดงดนะ
สองคนนั้นมองหน้ากันเลยแล้วบอกครับพี่ทศ พวกนั้นสองคนยกมือไหว้ย่าอุษาแล้วพูดว่า แม่ครูจะกลับพร้อมพ่อครูไหมครับ ยายอุษาบอกว่ายังๆ เดี๋ยวต้องรอส่งไอ้ตัวแสบกลับไปหมู่บ้านก่อน สองคนนั้นหันไปมองไอ้ลิงบ้า ที่ตอนนี้กำลังคุยอะไรไม่รู้กับพี่แมนกับอีเจมส์อยู่ เหมือนกำลังจะหัวเราะอะไรกันอยู่สักอย่างนะตอนนั้น เขาหันมาพูดว่า หลานมันเหมือนพี่ทศจริงๆนะครับแม่ครู แต่นิสัยใจร้อนนี่จะได้จากพี่ทิพย์ซะล่ะมั้ง กระทืบคนของเสี่ยซะยับแบบนั้นเลย ผมล่ะคิดถึงสมัยก่อนที่พี่ทิพย์อาละวาดจนพวกเสี่ยๆวิ่งหนีกระเจิงกันหมดเลย
ตอนนั้นแม่ทิพย์กระแอมนะ แล้วพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่เย็นเฉียบ คือมันเย็นจนน่ากลัวอ่ะทุกคน แม่ทิพย์พูดว่า พอคนเราเริ่มอายุเยอะขึ้นก็ชอบพูดเรื่องเก่าๆ เล่าเรื่องในอดีตนั่นที่ไม่ควรพูดนั่นแหละนะ . . . แล้วที่พูดมานี่...อยากได้แผลกลับไปฝากพ่อกันใช่ไหม สองคนนั้นสะดุ้งเลยทุกคนแล้วบอกไม่ ๆ ๆ ๆ แล้วก็ยกมือไหว้ยายอุษาแล้วบอกว่างั้นพวกผมสองคนขอตัวกลับก่อนนะครับแม่ครู
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน