ขออนุญาติข้าม Ep13 กับ Ep14 ไปนะครับ เพราะเพิ่งลงแบบขายไป ถ้ามาลงในนี้เกรงว่าท่านที่ช่วยอุดหนุนไปจะรู้สึกไม่ยุติธรรม
ถึงจะอ่านในเว็บนี้ไปแล้ว แต่ถ้าใครสะดวกช่วยไปกดอ่านตามช่องทางอื่นที่สะดวกกันด้วยนะครับ ช่วยเพิ่มยอดคนอ่านให้ผมหน่อย ถือว่ารบกวนเล็กน้อย
ตอนนี้ตั้งเวลาลงไว้ 26/4 ช่วง 9.00น. ทุกช่องทางครับ
ผมนั่งดูกระแสผู้คุมจิตแล้วก็ชักหวั่น ๆ อยากกลับไปเขียนให้อ่านกันต่อจังเลยครับ
ส่วนตัวก็ชอบเรื่องนั้นเหมือนกันเพราะเขียนสนุกไปอีกแบบ จริงๆ ร่างไว้ถึง ep 25 แล้วด้วย
แต่ตอนนี้ขอเขียนเรื่องนี้ก่อน เพราะงั้นเรื่องนี้ EP 15 จะลงไม่เกินวันแรงงานนี้แน่ครับ
ปล. จริงๆ ผมมี2 นามปากกา วันนี้ลองเข้าไปดูงานที่เคยเขียนทิ้งไว้ ดูไปดูมาก็อยากไปเขียนให้อ่านต่ออีกเหมือนกันครับ ฮ่าๆ ใบ้ให้ว่ามี 9 ตอนแล้ว เป็นแนวเกิดใหม่ และตอนนึงจะสั้นมากครับ 1 หน้ากระดาษ ลองทายเล่นๆ กันได้ครับว่าเรื่องอะไร
อ่านตอนก่อนหน้า หรือผลงานเรื่องอื่นๆ ได้ที่ แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
ของผมครับ
และสามารถสนับสนุนให้กำลังใจในการเขียนงาน และอ่านตอนใหม่ ๆ ล่วงหน้าได้ตามช่องทางดังนี้ครับแสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
อย่าลืมเข้าไปพูดคุยกันได้ที่เพจนะครับ แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นตั้งแต่เช้ามืด รุ่นพี่สาวยังคงนอนทอดร่างนิ่งสงบอยู่ข้างกายผม คงเชื่อได้ยากว่าใบหน้าอันน่ารักนี้จะเคยเหยเกไปด้วยความสุขสมเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา
กว่าสองปีแล้วที่พี่เอมไม่เคยได้รับความเสียวสุขเช่นนี้ บางทีเธออาจจะไม่สนใจหรือพยายามเรียนรู้เลย แต่เมื่อพี่เอมตัดสินใจว่าจะเริ่มลิ้มลองเรื่องนี้กับพี่บิ๊ก ก็บังเอิญให้ผมเจอทั้งคู่และได้เลือกเธอเป็นเป้าหมายพอดี และยิ่งได้พบกับความรู้สึกแปลกใหม่อันเกิดจากความคิดที่ว่าเธอถูกชายอื่นซึ่งไม่ใช่คนรักมาครอบครอง จึงไม่แปลกเลยที่เธอจะยอมมอบความบริสุทธิ์ให้แก่ผมได้อย่างง่ายดาย
เพราะหากเย็นนั้นผมไม่ได้ไปพบเจอ ทั้งคู่คงจะพากันเสร็จสมอยู่ในห้องและความสัมพันธ์ของทั้งสองก็จะพัฒนาขึ้นกว่าที่เป็นอยู่แล้ว พี่บิ๊กเฝ้าอดทนจีบพี่เอมมาสองปีถึงชนะใจและทำให้เธอยอมได้สำเร็จ แต่คงเป็นโชคร้ายของเขาเองที่พาให้ผมไปโผล่อยู่ถูกที่ถูกเวลาก็เท่านั้น
เมื่อผมพยายามจะลุกขึ้น รุ่นพี่สาวก็ดึงฉุดผมไว้ไม่ให้ลุก ผมมองไปที่นาฬิกา ตอนนี้เพิ่งจะตีห้าเท่านั้น ถึงเช้านี้ผมจะมีหลายอย่างที่ต้องทำ แต่คงไม่เสียหายอะไรนักที่จะให้เวลากับเธอมากกว่านี้อีกหน่อย
ผมต้องตระเตรียมทั้งชุดนักเรียนและอาหารเช้าให้พี่เอม นี่เป็นอีกส่วนหนึ่งของความยากลำบากที่ผมได้รับทุกครั้งที่พาใครสักคนมาที่บ้าน แต่ผมต้องทำมันเพื่อให้แน่ใจอยู่เสมอว่าพวกเธอจะได้รับความสุขและกลับไปพร้อมกับความสบายใจ นี่คือสิ่งที่ผมคิดไว้ตั้งแต่เริ่มแรก แม้จะฟังดูเสแสร้งแต่ผมก็ปฏิบัติแบบนี้อยู่เสมอมา
ผมเฝ้ามองพี่เอมนอนหลับอย่างน่ารักกว่าสิบนาทีก่อนที่ผมจะดึงตัวเองออกจากอ้อมกอดของเธอ จูบหน้าผากเธอแล้วห่มผ้าให้เธอ
สำหรับตอนนี้ ผมต้องตรวจสอบการบันทึกก่อน
ใช่แล้ว ผมมีแอบติดตั้งกล้องไว้ในห้องของผมและทุกส่วนในบ้าน ผมกำลังสะสมความทรงจำเหล่านี้อยู่ บางครั้งผมย้อนดูพวกเธออีกครั้งและคอยรำลึกถึงว่าผมได้พวกเธอมายังไง
การทำแบบนี้จะช่วยเติมเต็มความต้องการของผมได้บ้าง แต่ทุกครั้งที่พ่อแม่กลับบ้านผมจะถอดกล้องพวกนี้ออกหมด เพราะคงไม่ดีเท่าไหร่หากพวกเขาจะพบว่ามีกล้องหลายตัวซ่อนอยู่ทั่วบ้าน
ทุกสิ่งที่เราทำเมื่อคืนถูกกล้องจับไว้ได้ทั้งหมด ผมใช้คอมพิวเตอร์ของผมครอบตัดและรวมเฉพาะฉากรักของพวกเราและใส่ไฟล์นั้นไว้ในฮาร์ดไดรฟ์ที่เก็บคอลเลกชันทั้งหมดของผมไว้อย่างปลอดภัย ผมยังจัดระเบียบไฟล์ด้วยการสร้างโฟลเดอร์สองโฟลเดอร์แบ่งสำหรับมัธยมต้นและมัธยมปลาย ก่อนจะย้ายไฟล์สำหรับทุกคนก่อนหน้าพี่เอมใส่ไว้ในโฟลเดอร์แรกทั้งหมด
ถึงผมจะหวังว่าโฟลเดอร์ที่สองคงจะเต็มในอีกไม่นาน แต่สำหรับตอนนี้ มีแค่ไฟล์ของพี่เอมอยู่คนเดียวที่นั่นเท่านั้น
ย้อนกลับไปสมัยมัธยมต้นที่ผมต้องใช้เทปบันทึกเสียงเหล่านี้ และใช่ แค่อัดเสียงผู้หญิงที่เป็นเป้าหมายไม่ได้แปลว่าผมจะประสบความสำเร็จเสมอไป บางครั้งพวกเธอก็กล้าที่จะกลับไปหาคนรักและกบฏต่อผมโดยไม่ตอบสนองต่อการเรียกหา ดังนั้นแล้ว ผมจึงต้องให้บทเรียนบ้างเพื่อให้พวกเธอกลับมาเชื่อฟังผมอย่างที่ควรจะเป็นอีกครั้ง
ผมปิดเครื่องคอมพิวเตอร์และออกจากห้องโดยทิ้งพี่เอมให้หลับใหลอยู่เพียงลำพัง จากนั้นก็ตรงไปหยิบชุดและชั้นในที่แห้งแล้วของเธอมาเตรียมรอไว้เพื่อจะรีดพวกมันในภายหลัง
ผมยังไปที่ห้องน้ำเพื่อเติมน้ำร้อนในอ่างให้เต็มไว้ด้วย เพราะเมื่อคืนนี้พวกเราหลับไปโดยไม่ได้อาบน้ำ ผมจึงวางแผนว่าจะอาบด้วยกันกับพี่เอมหลังกินมื้อเช้าเสร็จแล้ว ตอนนี้กลิ่นเหงื่อไคลอันหอมหวานของพี่เอมยังคงติดตามตัวผมอยู่เลย
ผมอาจจะจดจ่อกับเรือนร่างของรุ่นพี่สาวมากเกินไปหน่อยจึงไม่ได้แตะต้องโทรศัพท์เลย หยกน่าจะทักผมมาแล้ว หวังว่าเธอจะไม่โกรธจนทำให้ผมอดสนุกกับเรื่องที่เธอจะบอกนะ
ผมไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋านักเรียนเพื่อเปิดดูแอพแชท และเป็นอย่างที่คาดไว้ เมื่อคืนที่ผ่านมา หยก ธัญมล ได้ส่งข้อความมาหาผม
[โหล ๆ นายอยู่หรือเปล่า]
เธอส่งมาเมื่อคืนนี้ในช่วงเวลาอันเข้มข้นของผมกับพี่เอม ไม่มีทางใดเลยที่ผมจะสังเกตเห็นสิ่งนี้ได้ แต่ไม่เป็นไร นี่ก็เพิ่งสี่วันเองที่เราเริ่มเรียนมัธยมปลาย พวกเรายังมีเวลาเหลือกันอีกมาก
[โทษที เราเผลอหลับไป] ผมพิมพ์ตอบกลับ
จุดวงกลมบอกสถานะของหยกกลายเป็นสีเขียวทันทีเมื่อผมส่งไป นี่เธอกำลังออนไลน์?
อาาา… ตอนนี้ผมเห็นเครื่องหมายว่าเธอกำลังพิมพ์ตอบกลับแล้ว
[ฝันดีไหมล่ะ]
[นี่ภูมิปลุกหยกรึเปล่าเนี่ย?]
[ปลุก? ปกติเราออกวิ่งตอนเช้าอยู่แล้ว เราต่างหากที่ต้องถาม นายคนขี้เกียจ ทำไมนายตื่นเช้าจัง?]
นายคนขี้เกียจ… ดูเหมือนเธอจะย้อนผมจากที่คุยกันครั้งก่อนซะแล้ว
[เอ่อ… พอดีเราฝันว่าหยกกำลังเคี้ยวเราในปากเพราะเราลืมไปว่าเมื่อคืนหยกจะส่งข้อความมาหาน่ะ]
[ห่ะ? นั่นไม่ได้ตอบคำถามของเรานะ]
[เอ๊ะ ทำไมล่ะ เวลาฝันร้ายใครจะไม่ยอมตื่น]
[อ้อ.. เข้าใจแล้ว... นายคิดว่าเราเหมือนฝันร้ายงั้นเหรอ?]
หืมม… แม้จะไม่มีเครื่องหมายตกใจ ผมก็รู้ว่าเธอกำลังโกรธ
[หยกคิดไปเองต่างหาก ภูมิกำลังหมายถึงการถูกเคี้ยว]
[อ๊ากกก! ภูมิ! นายทำลายเช้าอันสดใสของเรา งั้นไว้ค่อยคุยกันใหม่ เรายังต้องการความช่วยเหลือจากนายอยู่]
[ได้ทุกเวลา]
[ห้ามหลับล่ะ!]
[แน่นอน!]
แล้วการสนทนาของเราก็สิ้นสุดลง
ตอนนี้ผมสามารถเข้าใจลักษณะนิสัยของหยกได้บ้างแล้ว ถ้าให้เดา เธอคงเป็นผู้หญิงประเภทบูชาความรัก จะเห็นได้ชัดเจนว่าเธอคือคนที่รักผู้ชายคนหนึ่งอย่างทุ่มเทที่สุด
ผมพนันได้เลยว่าเธอชอบนายเติ้ลจอมงี่เง่าคนนั้นมาตั้งแต่ปีแรกที่เรียนมัธยมต้นหรืออาจจะก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ แต่ผู้หญิงประเภทนี้มักจะขาดความกล้าที่จะบอกความรู้สึกให้อีกฝ่ายรับรู้ เว้นก็แต่พวกเธอจะสามารถรวบรวมความกล้าได้ด้วยตนเอง แต่ถึงจะทำได้ บางครั้งพวกเธอก็เลือกที่จะไม่สารภาพและทำเพียงแค่เฝ้าดูหรือรอคอยแทน ทั้งหมดนี่คือปัญหาหลัก ๆ ของพวกเธอ
แต่ก็นะ ผมคิดว่าผมยังสามารถจัดการได้ หยกคงต้องการให้ผมช่วยเธอให้รวบรวมความกล้าได้เพียงพอ ตอนนี้เราได้เริ่มต้นคุยกันบ้างแล้ว ผมจะคอยชี้นำเธอโดยให้แน่ใจว่าเธอจะทำได้สำเร็จ หรือบางทีผมอาจจำเป็นต้องผลักดันฝ่ายเติ้ลหรือขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ๆ เช่นกอหญ้าด้วย
กับหยกเองผมยังคงคิดแผนอะไรไม่ออกจนกว่าจะได้รู้รายละเอียดเพิ่มเติมจากเธอ
กับพี่เอมตอนนี้เรียกได้ว่าเกือบจะสมบูรณ์แล้ว
ส่วนครูอารียาผมอาจต้องให้เวลากับเธอมากกว่านี้ ครูสาวเป็นประเภทที่ชอบดื่มด่ำกับจินตนาการของตัวเองและบังเอิญทางออกที่เธอเลือกก็คือผม
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น การเปลี่ยนผู้หญิงที่แต่งงานแล้วอย่างครูอารียาก็ค่อนข้างยากอยู่ดี แถมนี่ยังเป็นครั้งแรกของผมสำหรับผู้หญิงแบบเธออีก แต่ผมไม่รีบหรอกนะ ค่อยเป็นค่อยไปอย่างที่เคยก็พอ
ตอนนี้ผมมาถึงห้องนั่งเล่นแล้ว โทรศัพท์ของพี่เอมยังคงวางอยู่ที่โต๊ะที่เธอวางมันลงเมื่อคืนนี้เช่นเดิม รุ่นพี่สาวดูจะใส่ใจกับสิ่งที่เราทำมากกว่าจนเธอรีบวางสายของพี่บิ๊กทันที
ผมดูที่โทรศัพท์ของเธอและเห็นการแจ้งเตือนมากมาย แฟนหนุ่มของเธอดูท่าจะเป็นห่วงเอามากแน่ ๆ
ผมหยิบกระเป๋าของพี่เอมที่วางอยู่บนพื้นมาวางไว้ข้าง ๆ โทรศัพท์ของเธอและหยิบกระเป๋าของผมวางไว้คู่กัน นี่จะทำให้เธอสามารถมองเห็นได้ง่ายเมื่อเธอตื่นขึ้น
ตอนนี้ผมจัดห้องนั่งเล่นเสร็จแล้ว เรามาทำงานถัดไปกันดีกว่า
พี่เอมน่าจะตื่นตอนหกโมงเช้า และเราต้องไปถึงโรงเรียนก่อนเจ็ดโมงครึ่ง เราจึงต้องออกจากที่นี่ก่อนเจ็ดโมงเช้าเพราะต้องเผื่อเวลาไว้สำหรับขึ้นรถไฟฟ้าอย่างน้อยสามสิบนาที
ผมตรงไปที่ครัวและเปิดตู้เย็น ที่นี่มีส่วนผสมและวัตถุดิบเก็บไว้ไม่มากนัก มาทำอะไรง่าย ๆ อย่างไข่เจียวและผัดทูน่ากระป๋องกันดีกว่า ผมยังหยิบขนมปังที่เก็บไว้ในตู้เย็นออกมาด้วยเพราะมีเครื่องปิ้งขนมปังตั้งอยู่ตรงหัวมุม ผมไม่รู้ว่าเธอจะอยากดื่มอะไรเป็นพิเศษไหม ชา? กาแฟ? อันนี้ไว้ผมค่อยถามเธอทีหลังแล้วกัน
ผมครอบฝาไว้บนอาหารทั้งหมดที่เตรียมไว้เพื่อให้มันยังคงความอุ่นอยู่จนถึงตอนที่จะกิน จากนั้นผมก็กลับไปที่ห้องนอนพร้อมด้วยชุดนักเรียนในมือและรีดพวกมันพร้อมกับมองดูรุ่นพี่สาวพลิกร่างไปมาบนเตียง หากต้องนอนบนเตียงที่ไม่คุ้นเคย ผมเองก็คงจะเป็นแบบเธอเช่นกัน
หลังจากทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ผมยังพอมีเวลาเหลือสำหรับการออกกำลังกายตอนเช้า ผมไปที่ห้องชั้นล่างซึ่งเป็นห้องสำหรับออกกำลังกายโดยเฉพาะ พ่อแม่ของผมซื้ออุปกรณ์มากมายใส่ไว้ในนัันจนเกือบจะกลายโรงยิมขนาดย่อม ๆ และเป็นเพราะความปรารถนาลับของผม ผมจึงละเลยการออกกำลังกายไม่ได้
มีอยู่บ้างที่ผมต้องใช้แรงมากกว่าสมองสำหรับแผนของผม แต่ผมไม่มีแผนที่จะเป็นนักกีฬาหรือนักเพาะกายหรอก เพียงแค่ออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงก็พอ แถมการออกกำลังกายยังช่วยเพิ่มสมรรถภาพบนเตียงของผมด้วย ตัวอย่างง่าย ๆ ก็เช่นเมื่อคืนที่ผมทำได้ตั้งสี่รอบ
และก็ราวกับตั้งนาฬิกาปลุกไว้ ผมได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆ ของพี่เอมขณะที่เธอก้าวเดินลงจากชั้นบนเมื่อผมออกกำลังกายเสร็จตอนหกโมงเช้าพอดี
"อรุณสวัสดิ์ หลับสบายไหมครับ"
ผมทักทายพี่เอมทั้ง ๆ ที่เปลือกตาของเธอยังคงปิดอยู่กึ่งหนึ่ง ชุดนอนที่เธอสวมค่อนข้างจะหลวมอยู่เล็กน้อย สัดส่วนอันงดงามของเธอจึงเผยให้เห็นได้เด่นชัด ผมแทบจะรอตอนที่เราอาบน้ำด้วยกันไม่ไหวแล้ว
"อืมม.มม.ม.. ภูมิ อ-อรุณสวัสดิ์"
เธอตื่นจากอาการงัวเงียเมื่อได้ยินเสียงผม หลังจากนั้นเธอก็หันมาหาผมและยิ้ม
“ภูมิเตรียมอาหารเช้าไว้แล้ว ไปนั่งสิ เดี๋ยวภูมิไปดูน้ำในห้องน้ำอีกนิดหน่อยเสร็จแล้วจะตามไปนะ”
รุ่นพี่สาวยิ้มกว้างขึ้นเมื่อได้ยินอย่างนั้น นี่เธอกำลังดีใจที่ผมเตรียมอาหารเช้าเหรอ? หรือที่เตรียมห้องน้ำ?
เอิ่ม… ผมไม่รู้เลยจริง ๆ แม้ว่าผมจะอ้างว่าผมเข้าใจความคิดของสาว ๆ แต่ก็มีบ้างบางครั้งที่ผมไม่เข้าใจพวกเธอเช่นครั้งนี้
พี่เอมรีบลงบันไดและวิ่งมาหาผม ก่อนเธอจะเป็นฝ่ายโผเข้าจูบผมก่อนด้วยความต้องการของเธอเอง ผมจึงตอบรับการกระทำของเธอด้วยการรับเธอไว้ในอ้อมแขนของผมอีกครั้ง
พี่เอมไม่ใช่คนแรกที่แสดงความเสน่หาต่อผมมากขนาดนี้หลังผ่านคืนค่ำแบบนั้น อย่างไรก็ตาม ผมก็สังเกตเห็นได้ถึงความแตกต่างทางความคิดระหว่างนักเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลายได้อย่างชัดเจน
สาวมัธยมต้นยังเป็นเด็กเกินไป พวกเธอจะยังไม่คิดอ่านอะไรไกลไปกว่าชีวิตประจำวันสักเท่าไหร่ ซึ่งไกลที่ว่าหมายถึงวัยผู้ใหญ่ที่กำลังจะมาถึง พวกเธอส่วนใหญ่จึงมักจะไร้ความกังวลในชีวิต แม้ในกระทั่งบางคนที่วางแผนอนาคตไว้แล้วก็ตาม ผมควรจะพูดยังไงดี? ประมาณว่าพวกเธอยังมีความเป็นเด็กอยู่เล็กน้อย
ต่างจากพี่เอมในตอนนี้ หลังจากเสียความบริสุทธิ์แล้ว ผมรู้สึกเหมือนว่าเธอเปลี่ยนไป ความไร้เดียงสาของเธอลดลงอย่างเห็นได้ชัด
พี่เอมเดินนำหน้าผมไปที่ห้องครัว เราต่างพากันกินอาหารเช้าที่ผมเตรียมไว้ สำหรับผมมันเป็นเรื่องปกติ แต่ดวงตาของพี่เอมกลับเป็นประกายทุกครั้งที่เธอตักอาหารเข้าปาก เรี่ยวแรงของเธอที่เคยถูกใช้ไปเมื่อคืนนี้เริ่มถูกเติมเต็มกลับคืนมาเรื่อยๆ
“เอมเพิ่งจะสังเกตเห็น นี่ภูมิไม่เหงาบ้างเหรอบ้านหลังเบ้อเริ่มขนาดนี้?”
พี่เอมถาม
"ไม่หรอก ภูมิชินแล้วล่ะ อีกอย่างตอนนี้ภูมิก็มีเอมอยู่ด้วยนี่"
"อาา… เอมชอบวิธีการพูดของภูมิจัง"
เธอหน้าแดงกับคำตอบของผม
“ปกติภูมิก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว เอมคิดว่าภูมิเป็นพวกปากหวานเหรอ?”
"ม-ไม่สิ เอมไม่ได้จะบอกแบบนั้น จะว่ายังไงดี ถ้ายึดตามมาตรฐานของงานวรรณกรรม เอมเดาว่าเอมสามารถเรียกมันว่า 'ประโยคสั้น ๆ แต่ทรงพลัง' ได้ ภูมิน่าจะเคยได้ยินบ้างใช่ไหมล่ะ คล้าย ๆ พวกแคปชั่นอะไรแบบนั้น"
พี่เอมพยายามอธิบาย ถึงผมจะไม่เข้าใจแต่ถ้าเธอคิดอย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ
เราคุยกันแบบนั้นตลอดมื้อเช้า บรรยากาศช่างแตกต่างจากเมื่อคืนที่แค่ขยับทีนึงก็จะเร้าอารมณ์ราวฟ้ากับเหว
“ทิ้งจานไว้ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวจะไม่ทัน ไว้ภูมิค่อยกลับมาจัดการหลังเลิกเรียน”
ผมบอกพี่เอมเมื่อเห็นเธอทำท่าจะหยิบจานทั้งหมดไปล้างอีกครั้ง
แม้รุ่นพี่สาวจะพยักหน้ารับ แต่ก็ดูเหมือนไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก
เวลาของพวกเราใกล้จะหมดลงแล้วจริง ๆ ผมเลยลากเธอไปอาบน้ำกับผม ได้เวลาที่จะมีความสุขกันอีกครั้งในอ่างอาบน้ำแล้ว
พี่เอมแทบจะไม่ต่อต้านความคิดนี้เลย บางทีเธออาจจะรู้ว่าถึงเธอจะปฏิเสธผมก็จะยืนกรานทำมันอยู่ดี
เราผลัดกันอาบน้ำล้างตัวให้แก่กันและกัน และด้วยความที่พี่เอมยังคงเป็นหญิงสาวที่นิสัยน่ารักและขี้อาย การที่เธอช่วยล้างท่อนเนิ้อที่เคยอยู่ลึกเข้าไปในตัวเธอเมื่อคืนนี้จึงมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผมเป็นอย่างมาก แถมรุ่นพี่สาวยังใช้ลิ้นและริมฝีปากอันจิ้มลิ้มของเธอเพื่อทำความสะอาดมันอย่างละเอียดโดยที่ผมเองก็ทำเช่นเดียวกันกับเธอด้วย
ในที่สุด เราทั้งคู่ก็ตื่นเต้นเกินไป ผมจึงจัดการเธออีกเป็นครั้งที่ห้า
คราวนี้ผมให้พี่เอมนั่งทับผมในอ่างและให้เธอเป็นคนใส่ด้วยตัวเอง ผมมองมืออันเงอะงะของเธอด้วยความเอ็นดูยามเธอจับท่อนลำของผมเล็งไปยังทางเข้าของเธอ อุณหภูมิแสนอุ่นสบายของน้ำในอ่างค่อยโอบอุ้มอยู่รอบร่างกายภายนอกของพวกเราไว้ ก่อนที่ความอบอุ่นภายในของรุ่นพี่สาวร่วมประสานเป็นเนื้อเดียวกันกับแท่งเนื้ออันร้อนผ่าวของผม
อีกครั้งที่เราต่างพากันสุขสมท่ามกลางเสียงครวญครางและตะโกนเรียกชื่อผมของเธอ และเมื่อพี่เอมเริ่มบดเอวใส่แท่งลำของผมเพื่อควานหาจุดเสียวด้วยตัวเธอเอง ผมจึงแน่ใจว่าการร่วมรักของพวกเราคงกลายเป็นอีกสิ่งที่เธอชื่นชอบแล้ว
เราทำกันสองครั้งแทนที่จะเป็นหนึ่ง และเนื่องจากพี่เอมได้ทำงานหนักไปแล้วในรอบแรก จึงเป็นหน้าที่ของผมที่จะตอบแทนเธอในรอบที่สอง
ผมให้เธอยืนพิงผนังใต้ฝักบัวพร้อมกับยกขาข้างหนึ่งไว้แล้วจับเธอกระแทกไปทั้งแบบนั้น ด้วยเหตุนี้ เราจึงใช้เวลานานกว่าที่ผมคาดไว้ กว่าจะเตรียมตัวไปโรงเรียนกันเสร็จก็ปาเข้าไปเจ็ดโมงสิบนาทีแล้ว
พอออกจากบ้านเราก็เจอเข้ากับโมเมอีกครั้ง เธอเองก็สวมชุดนักเรียนอยู่เหมือนกัน โรงเรียนของเธออยู่ไม่ห่างจากแถวนี้นัก ต่างจากผมที่ต้องนั่งรถไฟฟ้าออกไปอีกสี่สถานี
"อ๊ะ! พอดีเลยไอ้โรคจิต! เมื่อวานฉันลืมบอกอะไรนายไปอย่าง"
ยัยตัวแสบเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการตะโกนใส่ผม แถมเธอยังมองจ้องไปยังพี่เอมที่ยืนอยู่ข้างผมจนเธอต้องกระเถิบถอยมาแอบอยู่หลังผม
“เธอจะเสียงดังทำไมเนี่ย? เบา ๆ หน่อยก็ได้ นี่ยังเช้าอยู่เลยนะ”
“หึ! นายก็เป็นซะแบบนี้ตลอด ฉันล่ะยอมเลยจริง ๆ แต่ช่างเถอะ สิ่งที่ฉันอยากจะบอกนายก็คือ…”
"คือ? "
โมเมเงียบไปสักพักคล้ายกำลังจัดเรียงคำในหัว
“ผู้หญิงพวกนั้น พอพวกเธอรู้ว่านายไม่ได้เรียนต่อที่เดิมก็คอยมากวนฉันตั้งแต่เปิดเทอมวันแรกเลย หยุดเมินพวกเธอซะ ไม่อย่างนั้นพวกเธออาจจะไปหานายที่โรงเรียนก่อนที่นายจะได้ทันตั้งตัว”
อาาา… นั่นหมายถึงผมขาดการควบคุมดูแล ผมไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้ที่พวกเธอจะทำอย่างนั้นเลย ผมอาจต้องตอบกลับพวกเธอบ้างสักครั้ง เพราะพวกเธอส่วนใหญ่หน้าตาดี หากพวกเธอเริ่มมาถามหาผมที่โรงเรียนใหม่ สถานะเพื่อนร่วมชั้น ก. ของผมคงจะต้องสั่นคลอนเป็นแน่
"เข้าใจแล้ว ขอบคุณที่บอกนะ"
"เธอเองก็ได้ยินแล้วนี่นะ เธอควรจะเลิกกับหมอนี่ก่อนที่เธอจะแย่ซะเอง"
นั่นคือคำพูดสุดท้ายของโมเมก่อนที่เธอจะรีบเดินจ้ำอ้าวผ่านผมกับพี่เอมไป
อ่านจบแล้วคิดเห็นอย่างไรแนะนำกันได้นะครับ