พูดคุยก่อนอ่าน : หายไปนาน สำหรับตอนหลัก ผมกลับมาแล้วครับ ก็บอกตรง ๆ ว่าไม่ได้เขียนนาน เพราะทำธุระส่วนตัว แล้วก็เขียนนิยายบนดิน เลยทำให้ผมลืมเนื้อเรื่องใต้ดิน ก็ต้องกลับไปอ่าน ทบทวนกันใหม่
คือจริง ๆ มันจะยาวกว่านี้ ยืดมาก ผมเลยตัดสินใจรวบรัดให้มันสั้นที่สุด กระชับที่สุด กระชับเข้าไปอีก ไม่งั้นเนื้อเรื่องมันจะอืดและไม่เดินไปข้างหน้าสักที ดังนั้น อะไรที่ผมพอจะตัดออกได้ ผมจะตัด แล้วค่อยสรุปในคราวเดียวที่หลัง ก็อย่าแปลกใจว่ากลับมารอบนี้ ทำไมเนื้อเรื่องมันเดินเร็วขึ้น
เช่นเคย ลูกขวัญยังเป็นตัวหลักในการดำเนินเรื่อง เช่นเดียวกับครูเบสท์ที่ยังโดดเด่นเช่นเคย แฟนคลับหมอพลอยต้องน้อยใจแน่ ๆ แต่ผมจำเป็นต้องทำครับ
สำหรับน้องลูกขวัญ ภายในสองตอนต่อจากนี้ จะเป็นตอนที่ทุกคนรอคอย นั่นคือฉากที่ลุงพลได้....กับลูกขวัญครับ และตอนนี้มันจะดูว่าง ๆ หน่อย เพราะผมจะไม่เอารูปไอด้อลญี่ปุ่นมาใช้อีกแล้ว อย่างที่ผมได้บอกไปในตอนพิเศษตอนที่แล้ว
และปิดท้าย ผมขอฝากร้านหน่อยครับ ขายของหน่อย 'หมอสาวกับลุงยาม' วางจำหน่ายบน MEB แล้วนะครับ ถ้าใครไม่สะดวก เข้าไปติดตามใน Fictionlog หรือ Tunwalai ก็ได้ แต่เนื้อหาอาจไม่ได้สมบูรณ์เท่าฉบับเต็มบน MEB นะครับ เพราะช่วงท้าย ๆ ผมยังไม่ได้รีไรท์ เดี๋ยวผมจะไล่รีไรท์ในภายหลังอีกทีครับแสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
##################
ความเดิมตอนที่แล้ว...
//two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=267345.0ไม่กี่วันต่อมา
ในที่สุด น้องตาล ทิพยศิลป์ ก็เปิดโอกาสให้แฟนทอมอย่างไอ้นันได้มาพบและพูดคุยปรับความเข้าใจกัน โดยครั้งนี้ไอ้ลอย ได้เข้าร่วมการพูดคุยในครั้งนี้ เพื่อช่วยไอ้นันอธิบายให้น้องตาลแฟนสาวของมันได้เข้าใจว่ามันและไอ้นันไม่ได้เป็นอะไรกัน
“ตาล? เป็นยังไงบ้าง?” ดี้สาวเด็กพาณิชย์ ได้นัดหมายกับแฟนทอมมาเจอกันที่ร้านจังค์ฟู๊ดแห่งหนึ่งในกรุงเทพในช่วงวันหยุด เมื่อมาถึง ทั้งสามคนก็ได้สั่งเครื่องดื่ม และเริ่มพูดคุยปรับความเข้าใจกันทันที “หายโกรธพี่หรือยัง? นี่ไง ที่น้องตาลโทรหาพี่เมื่อวันก่อน แกชื่อพี่ลอย เป็นญาติของพี่เอง”
“สวัสดีจ๊ะน้องตาล” ไอ้ลอยเอ่ยปากทักทายดี้สาวคนสวย ที่ดูเหมือนว่ามันจะเริ่มถูกชะตาเข้าให้แล้ว น้องตาลคนนี้ไม่ได้สวยโดดเด่นอะไรเป็นพิเศษ ออกแนวเป็นเด็กบ้าน ๆ แต่ก็ดูน่ารัก มีเสน่ห์ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมไอ้นันถึงได้หลงนักหลงหนา “นี่พี่ลอยเองจ๊ะ”
“สวัสดีค่ะพี่ลอย” เพราะอีกฝ่ายอาวุโสมากกว่า น้องตาลจึงพนมมือไหว้ โดยที่ฝ่ายไอ้ลอยก็พนมมือไหว้กลับ “คือเมื่อวันก่อน ที่ตาลโทรหาพี่นัน แล้วเป็นพี่ใช่ไหมคะที่รับสาย”
“ใช่จ๊ะ” ไอ้ลอยตอบ “มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย พี่เองก็รู้สึกไม่สบายใจเลย ที่ทำให้น้องนันกับต้องตาลผิดใจกัน วันนี้พี่ก็เลยมาอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้น้องตาลฟัง”
แล้วไอ้ลอย ก็อาศัยลูกล่อลูกชน อธิบายเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด เพื่อให้น้องตาลได้รับฟังและเข้าใจ โดยมีไอ้นันที่นั่งซดน้ำเป๊ปซี่อยู่ข้าง ๆ พยักหน้าด้วยความพอใจ เมื่อได้เห็นทีท่าที่ดูผ่อนคลายลงของแฟนสาว
“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละจ๊ะน้องตาล” ลอยศักดิ์กล่าวสรุป “พี่กับไอ้นัน เราสองเป็นญาติกันเฉย ๆ”
“ได้ยินที่พี่ลอยพูดแล้วใช่ไหมตาล?” แล้วไอ้นัน ก็อาศัยจังหวะนี้ เพื่อหวังขอคืนดีกับน้องตาล “พี่นันพูดขนาดนี้แล้ว ยกโทษให้พี่เถอะนะตาล นะครับ”
น้องตาล ทิพยศิลป์เหลือบมองสุนันทาและลอยศักดิ์ เหมือนยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร แต่ก็นะ เมื่อแฟนทอมลงทุนพาพี่ลอยมาพูดซะขนาดนี้แล้ว มันก็คงไม่มีอะไรจริง ๆ นั่นแหละ
“ว่าไงครับ น้องตาล?” ทอมสาวร้านสะดวกซื้อเอ่ยปากถามอีกครั้ง
“ก็ได้ ตาลเชื่อก็ได้” ดี้สาวพาณิชย์ตอบตกลง “ทีหลังก็อย่าทำตัวมีพิรุธก็แล้วกันพี่นัน ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าตาลเป็นคนยังไง มือถือน่ะ เอาติดตัวไว้ตลอด จำไว้เลยนะ”
“จ๊ะ ๆ” ไอ้นันพยักหน้า “พี่จะจำขึ้นใจเลย จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกแน่นอนจ๊ะ พี่สัญญา!!!”
ไอ้ลอยนั่งดูคู่รักทอมดี้มองตาหวานใส่กัน ก็นึกอิจฉาปนหมั่นไส้ ก็ตามประสาผู้ชายทั่วไปนั่นแหละ โดยเฉพาะน้องตาล ที่ไอ้นันเริ่มเกิดความคิดชั่วร้ายว่า น่ารักแบบนี้ไม่น่าเป็นดี้เลย เสียดายของ อยากจะซ่อมทอมแก้ดีคืนกุลสตรีสู่สังคมไทยจริง ๆ
ก็จัดไอ้นันไปแล้ว เลยคิดว่าถ้ามีโอกาสได้จัดน้องตาลก็ เอานะ ใครไม่เอาก็บ้าละ ควบสองไปเลย
“เฮ้ย พี่ลอย!!!” แล้วทันใดนั้น ไอ้นันก็หันควับกลับมาเรียกไอ้ลอย “เดี๋ยวผมกับน้องตาลจะไปทำธุระต่อ พี่กลับไปก่อนก็ได้นะ”
“เหรอ?” ไอ้ลอยทำหน้าเลอหรา เหมือนไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร แต่เมื่อเห็นสายตาของน้องตาลที่มองไอ้นัน จึงทำให้มันรู้ว่า ทั้งคู่น่าจะไปหาที่ลง ไปโซเดมาคอมกัน
“ให้พี่ไปด้วยซินัน” ไอ้ลอยพูดกึ่งทีเล่นทีจริง ก่อนโดนไอ้นันว๊ากใส่
“เฮ้ย!!! ไอ้ลอย!!! นี่มันเรื่องของเด็ก ๆ เค้า!!!” ทอมสาวร้านสะดวกซื้อพูดเสียงดัง จนคนในร้านหันมามองกันใหญ่
“พี่นัน!!! เบา ๆ หน่อยซิ!!!” ทิพย์ศิลป์มองค้อนใส่แฟนทอม “คนอื่นเค้ามองเราแล้วนะ!!! แล้วทำไมต้องหยาบคายใส่พี่ลอยเค้าด้วย!!?? ห๊ะ!!!”
“เฮ้ย!!! พี่ล้อเล่น!!!” พอโดนปฏิเสธเสียงแข็งแบบนี้ ไอ้ลอยก็ไม่มีทางเลือกอื่น “แค่แกล้งแหย่มึงเฉย ๆ ไอ้นัน แหม่!!! ไม่เห็นต้องโกรธอะไรขนาดนี้เลย!!! ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะน้องตาล พี่กับไอ้นันเราชอบแหย่กันแรง ๆ แบบนี้ตลอดแหละจ๊ะ”
น้องตาลแสดงท่าทางสงสัยกับพฤติกรรมของไอ้ลอยและพี่นันอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น ส่วนไอ้ลอยก็ขอแยกตัวออกมา ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เพราะไอ้นันเล่นตะคอกใส่หน้าแบบนั้น ทำเอามันเสียอารมณ์ไปไม่น้อย
“เดี๋ยวเหอะมึงอ่ะไอ้นัน!!! อุตส่าห์มาช่วยพูดให้ดี ๆ ด่ากูซะเสียหมาเลยนะมึง!!!” ไอ้ลอยเดินมาที่ลานจอดรถ เพื่อขับรถมอเตอร์ไซค์รุ่น Honda Wave คันเก่าที่ไม่ใช้แล้วของไอ้เจ๋งมาขับ หลังจากรถกระบะถูกตำรวจยึดไป “อย่าให้กูมีโอกาสนะมึงนะ เดี๋ยวมึงได้เจอควยฝังมุกกูแน่ แฟนมึงก็ด้วย!!! กูอุตส่าห์เป็นคนดีละ!!! ทำกูดีแตกจนได้!!! สาส!!!”
แล้วไอ้ลอย ก็สวมหมวกกันน็อค และขับรถมอเตอร์ไซค์หลบหนีออกจากกรุงเทพ เพื่อไปหาแหล่งกบดานหนีการไล่ล่าของลูกน้องนายหัวภูชิตใหม่ แต่คงไปได้ไม่ไกลนัก มากสุดคงเป็นแค่สมุทรสาครหรือไม่ก็ราชบุรี ส่วนไอ้นันน่ะเหรอ? ไอ้ลอยเองก็นึกเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน เพราะไอ้นันไม่เกี่ยวอะไรด้วย แต่มาคิด ๆ ดูอีกที ไอ้นันไม่รู้เรื่องอะไร ถึงนายหัวภูชิตจะจับตัวไอ้นันไป ก็คงไม่ได้อะไรอยู่ดี
………………………….
สามเดือนต่อมา
หลังจากผ่านพ้นช่วงการสอบปลายภาคและปิดเทอมใหญ่ คณะอาจารย์ นักศึกษา และเจ้าหน้าที่ประจำวิทยาลัยพยาบาลได้แยกย้ายกันกลับภูมิลำเนาของตน เพื่อรอคอยวันเปิดการศึกษาใหม่ แต่ก็ยังมีกลุ่มอาจารย์และนักศึกษาพยาบาลบางส่วน ที่ถูกคัดเลือกมาเพื่อเป็นสต๊าฟในการดูแลน้อง ๆ นักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์และแพทย์ศาสตร์ชั้นปีที่หนึ่ง
ใบเฟิร์น โดนัท หทัยรัตน์ ได้รับเลือกให้เป็นสต๊าฟดูแลน้อง ๆ ในส่วนนี้ พวกเธอต้องมาร่วมประชุมกับกลุ่มรุ่นพี่และรุ่นน้อง เพื่อเตรียมงานและซักซ้อมงานรับน้องปีหนึ่ง ไล่ตั้งแต่ช่วงสอบปลายภาค ทั้งสามคนไม่ได้กลับบ้าน เพราะต้องรับผิดชอบหน้าที่ตรงจุดนี้
และในที่สุด วันปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ก็มาถึง เหล่าบรรดานักศึกษาพยาบาลและนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่หนึ่ง ได้เดินทางมาถึงวิทยาลัยพยาบาลเพื่อมารายงานตัว และเข้าร่วมพิธีปฐมนิเทศที่ทางวิทยาลัยพยาบาลได้จัดเตรียมเอาไว้
เช่นเดียวกับลูกขวัญ ภาสินี ที่วันนี้ได้มารายงานตัววันแรก โดยมีคุณลุงคนขับรถขับรถตู้มาส่งถึงวิทยาลัยพยาบาล
“ขวัญมาถึงที่วิทยาลัยแล้วนะคะพี่แบงค์ เอาไว้คุยกันเนอะ”
“จ้า ขอให้โชคดี และพบเจอแต่สิ่งดี ๆ นะจ๊ะลูกขวัญ พี่เป็นกำลังใจให้”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่แบงค์ ไว้เย็น ๆ ค่อยคุยกันเนอะ”
ลูกขวัญนั่งแชตไลน์กับหนุ่มแบงค์ ศาสตรา รุ่นพี่คณะนิติศาสตร์ชั้นปีที่สี่ของมหาวิทยาลัยรัฐที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย ที่กำลังคบหาดูใจกันอยู่
“คุณหนูครับ” แล้วคนขับรถก็เอี้ยวตัวหันหน้ากลับมาคุยกับน้องลูกขวัญ “ถ้าจะกลับบ้าน รบกวนคุณหนูช่วยโทรบอกลุงก่อนนะครับ ถ้าจะให้ดี โทรแจ้งล่วงหน้าสักชั่วโมง แล้วเดี๋ยวลุงจะมารับนะครับ เพราะเดี๋ยวรถมันติด”
“ค่ะ ได้คะ ขอบคุณมากนะคะลุง” ลูกขวัญในชุดเครื่องแบบนักศึกษาตอบ “ขวัญอาจจะต้องรบกวนลุงแบบนี้ไปอีกสักพัก เอาไว้ถ้าศูนย์เอารถมาส่งที่บ้าน ขวัญคงไม่ต้องรบกวนลุงแล้วละคะ”
“ครับคุณหนู” คนขับรถของนายหัวภูชิตตอบ “ขอให้โชคดีในวันเปิดเทอมครับ”
“เฮ้อ!!! ชีวิตนักศึกษาเริ่มแล้วซิ!!!??” ในที่สุด วันที่ลูกขวัญรอคอยก็มาถึง กับวันแรกของการเป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งคณะแพทย์ศาสตร์ ตามความตั้งใจของเธอและครอบครัว ลูกสาวนายหัวเดินเข้าไปภายในวิทยาลัยพยาบาล และได้เห็นกลุ่มรุ่นพี่กำลังจัดซุ้มต้อนรับนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง บรรยากาศดูคึกคักไม่น้อยเลยทีเดียว
มีกลุ่มนักศึกษาพยาบาลและแพทย์ศาสตร์ชั้นปีที่หนึ่งจำนวนมาก ที่เดินเข้ามาพร้อมกับผู้ปกครอง เพื่อดูแลความเรียบร้อยของบุตรหลาน ก่อนเดินทางกลับ แต่ในกรณีของน้องลูกขวัญ ในตอนแรก นายหัวภูชิตต้องการจะส่งคนมาดูแลเธอถึงที่ แต่ก็ถูกลูกสาวคนสวยปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่าเธอโตพอที่จะดูแลชีวิตตัวเองได้แล้ว นายหัวภูชิตจึงตอบตกลง เพราะไม่อยากขัดใจลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตนเอง
ลูกขวัญเดินสะพายกระเป๋าเข้ามาภายในวิทยาลัยพยาบาล พร้อมกับมองไปทั่วสถานที่แห่งนี้ ที่กำลังจะเป็นบ้านใหม่ในชีวิตการเป็นนักศึกษาแพทย์ศาสตร์ไปอีก 6 ปี ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เธอชื่นชอบบรรยากาศภายในวิทยาลัยแห่งนี้มาก
“เธอ ๆ นี่เธอ!!!” ขณะกำลังเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศและกลิ่นอายความเป็นนักศึกษาแพทย์ป้ายแดง ทันใดนั้น ก็มีใครบางคนเรียกเธอจากด้านหลัง ซึ่งมันเป็นเสียงที่เธอเคยได้ยินมาก่อนหน้า ตอนวันที่เธอมาสอบสัมภาษณ์ที่วิทยาลัยพยาบาล “เธอ!!! เธอจำเราได้ป่ะ!!??”
“เอ๋?” ภาสินีร่นคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนหันหลังกลับไป และพบว่าคนที่เรียกเธอ ก็คือเพื่อนใหม่จากจันทบุรีที่ชื่อน้องน้ำปั่น ศรันย์พร ที่มาสอบสัมภาษณ์ในวันเดียวกับเธอเมื่อหลายเดือนก่อน “อ้าว!!! เธอเองเหรอ!!!??”
“ใช่!!! เราเอง!!!” น้องน้ำปั่นในชุดนักศึกษายิ้มแย้ม เธอเดินมาพร้อมกับคุณพ่อที่อยู่ในชุดสูทสีดำทับเสื้อเชิ้ตสีขาวภายใน “เธอชื่อลูกขวัญใช่ไหม? เราน้ำปั่นนะ จำเราได้ไหม ที่เราคุยกันตอนวันสอบสัมภาษณ์ไง!!”
ปล.กลับไปอ่านย้อนหลังตอนที่ลูกขวัญเจอกับน้องน้ำปั่นได้จากลิงค์ข้างล่างเลยครับ
//two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=238625.0“จำได้ซิ!!!” ลูกขวัญยิ้ม ดูเหมือนว่าเธอจะได้เพื่อนตั้งแต่วันแรกเลย “เธอสอบติดแพทย์ศาสตร์เหมือนกันใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว!!!” ศรันย์พรยิ้มร่า “ดีใจมากเลยอ่ะ!!! ที่ได้เจอลูกขวัญอีก!!! งั้นเดี๋ยวเราเข้าไปข้างในหอประชุมด้วยกันนะ!!! คุณพ่อคะ!!! เดี๋ยวคุณพ่อกลับไปก่อนก็ได้ค่ะ!!”
“ได้จ๊ะ” พ่อของศรันย์พรยิ้มให้สองสาว “ฝากดูแลลูกสาวลุงด้วยนะจ๊ะ”
“โห!!! คุณพ่อก็!!!” ศรันย์พรทำหน้ามุ่ย “หนูโตแล้วนะคะ!!! หนูดูแลตัวเองได้แหละ!!!”
ลูกขวัญยิ้มให้สองพ่อลูก โดยเธอไม่ลืมที่จะพนมมือไหว้พ่อของน้ำปั่น ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินตีคู่เข้าไปในหอประชุมของวิทยาลัยพยาบาลด้วยกัน
“นี่!!! เธอพักอยู่หอในหรือเปล่า?” ระหว่างที่กำลังเดินเข้าไปในหอประชุม ศรันย์พรเอ่ยปากถามภาสินี เพื่อนใหม่ของเธอ
“เราพักที่บ้าน ให้คนขับรถพามาส่ง” ลูกขวัญตอบ ตามประสาลูกคนรวยโดยไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกยังไง “พ่อเรากำลังหาซื้อคอนโดใกล้ ๆ แล้วก็ซื้อรถให้เราขับมาเรียนน่ะ”
“โห ดีจัง…” พอได้ยินแบบนี้ น้ำปั่นก็อดอิจฉาเพื่อนใหม่ไม่ได้ “พ่อเราดิ ไม่ยอมให้เราหัดขับรถเลย บอกว่ามันอันตราย”
“ก็ธรรมดาแหละ…” ลูกขวัญตอบ “คุณพ่อของเธอคงมีเหตุผลแหละ หลัก ๆ คือเป็นห่วงเรา อย่างเรา เราเองกว่าจะได้แบบที่ต้องการ ก็ต้องตั้งใจเรียน ต้องทำตัวดี ๆ คุณพ่อกับคุณแม่จะได้ไว้ใจแหละ”
“อือ!!!” ศรันย์พรพยักหน้า “ก็คงแบบนั้นแหละ เอาเถอะ ยังไงก็รีบเข้าไปที่หอประชุมกันดีกว่า ชักเริ่มร้อนละ!!!”
แล้วสองสาวเฟรชชี่คณะแพทย์ศาสตร์ ก็เดินเข้าไปมอบตัวภายในหอประชุม และเข้าร่วมงานปฐมนิเทศ ที่ทางวิทยาลัยได้จัดเตรียมเอาไว้
…………………
อีกฝั่งของวิทยาลัยพยาบาล
วิทยาลัยพยาบาลแห่งนี้ มีประวัติศาสตร์ที่น่าภาคภูมิใจ เพราะถูกก่อตั้งมานานนับร้อยปี เดิมทีเคยเป็นสถาบันการศึกษาที่เน้นในการเรียนการสอนของคณะพยาบาลศาสตร์เป็นหลัก โดยภายหลังจะได้เปิดการเรียนการสอนในคณะแพทย์ศาสตร์เพิ่มเติม เพียงแต่ใครต่อใครมักติดปากเรียกที่นี่ว่าวิทยาลัยพยาบาล แต่ถึงกระนั้น สถาบันแห่งนี้ ก็ได้สร้างบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งในสายงานพยาบาล แพทย์ในแขนงต่าง ๆ ที่มีคุณภาพสู่สังคมไทยมาอย่างยาวนาน
ด้วยเหตุเพราะวิทยาลัยพยาบาลแห่งนี้ ขึ้นชื่อเรื่องความยากในการสมัครเข้าเรียน จึงทำให้มีจำนวนนักศึกษาใหม่ทั้งในส่วนคณะพยาบาลและแพทย์ศาสตร์ในจำนวนไม่ได้มากมายนัก เลยทำให้ทั้งสองคณะกำหนดวันปฐมนิเทศภายในวันเดียวกัน โดยแบ่งเขตและแบ่งสถานที่กันอย่างชัดเจน เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และง่ายต่อการจัดการดูแล
“น้อง ๆ ค๊า!!! น้อง ๆ นักศึกษาคณะพยาบาลชั้นปีที่หนึ่งทุกคนที่มากันแล้ว ให้เข้ามาทางนี้เลยคะ!!!” หทัยรัตน์ในชุดนักศึกษาพยาบาล ห้อยป้ายสต๊าฟรุ่นพี่แขวนที่คอ กำลังยืนถือโทรโข่งแจ้งข่าวสารกับเหล่าบรรดานักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่หนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาภายในหอประชุมเป็นจำนวนมาก
เนตรชนกและณิชา สองสาวเพื่อนรักก็เป็นหนึ่งในทีมสต๊าฟ ที่กำลังทำหน้าที่ของตัวเอง ด้วยการช่วยให้คำแนะนำน้อง ๆ นักศึกษาพยาบาลปีหนึ่ง ที่เข้ามารายงานตัวภายใน
“พี่คะ พวกหนูต้องเข้าไปรายงานตัวที่หอประชุมด้านในใช่ไหมคะ?” กลุ่มเด็กพยาบาลปีหนึ่ง เดินเข้ามาถามโดนัทที่เป็นสต๊าฟ
“ใช่ค่ะ ทางนั้นเลยค่ะน้อง”” โดนัททำหน้าที่รุ่นพี่สต๊าฟตามที่ได้รับหมายได้เป็นอย่างดี “ที่โต๊ะมุมซ้ายมือ จะมีซุ้มให้กรอกเช็คชื่อ รับป้าย รับเข็มกลัดคณะ พอเสร็จแล้วน้องทั้งสองคนก็ไปนั่งรอที่ลานหอประชุมได้เลยค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” สองสาวพนมมือขอบคุณรุ่นพี่เด็กพยาบาล ก่อนเดินเข้าไปภายในหอประชุมเพื่อมอบตัวในวันปฐมนิเทศ
“น้อง ๆ นักศึกษาพยาบาลที่เดินทางมาถึงแล้ว ให้เข้าไปเซ็นชื่อ รับป้าย แล้วเข้าไปในหอประชุมได้เลยนะค๊า” ทันใดนั้น เสียงของใบเฟิร์นก็ดังผ่านโทรโข่งขึ้นมา “อย่าลืมเช็คกระเป๋าสตางค์ สิ่งของสัมภาระที่ติดตัวมาด้วยนะค๊าน้อง ๆ”
โดนัทที่ยืนอยู่หน้าทางเข้าหอประชุม หันไปยิ้มให้ใบเฟิร์น ที่ตอนแรกก็แสดงท่าทางอิดออด ไม่ค่อยอยากจะมาเป็นสต๊าฟเท่าไร แต่เพราะทางคณะพยาบาล จะมีคะแนนจิตพิสัยให้นักศึกษาที่มาเป็นอาสาสมัครทีมสต๊าฟในครั้งนี้ โดนัทแสดงตัวชัดเจนว่าอยากมาเป็นสต๊าฟรับน้อง ก็เลยพยายามโน้มน้าวใจให้ใบเฟิร์นมาเป็นสต๊าฟด้วยกัน เช่นเดียวกับหทัยรัตน์เพื่อนร่วมรุ่นของเธออีกคน ที่ขออาสามาเป็นสต๊าฟด้วย เพราะอยากหาเรื่องกินและเที่ยวที่กรุงเทพต่อ ไม่อยากกลับบ้านสวนที่ราชบุรี
ส่วนพวกรุ่นน้องปีสองอย่างนาถ หมวย และอีฟ ลืมไปได้เลย ทั้งสามคนปฏิเสธการเข้าร่วมเป็นทีมงานสต๊าฟด้วยเหตุผลที่แตกต่างออกไป อย่างหมวย ลืมไปได้เลยเรื่องงานจิตอาสา รายนี้ชัดเจนแล้วว่าที่มาเรียนพยาบาล ก็เพราะหวังจะออกไปทำธุรกิจเปิดคลีนิกสปาอย่างที่เธอฝัน ส่วนอีฟ หลังจากฟื้นจากพิษไข้ ก็กลายเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว และกลับบ้านที่ปราจีนบุรีในช่วงปิดเทอม ส่วนนาถ ก็อ้างว่าต้องกลับบ้านที่หาดใหญ่
หลังจากที่นักศึกษาพยาบาลและแพทย์ศาสตร์เข้าร่วมหอประชุมจนครบแล้ว ทันใดนั้นบนหน้าจอโปรเจ็คเตอร์ขนาดใหญ่ที่ถูกติดทั้งบนเวที ก็เปิดคลิปวิดีโอภาพแนะนำความเป็นมาของวิทยาลัยพยาบาล ประวัติของผู้ก่อตั้ง เป้าหมายและวิสัยทัศน์ในการสร้างบุคลาการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสู่สังคมไทยตลอดไป
ต่อมา ก็เป็นคลิปวิดีโอของเหล่าบรรดารุ่นพี่จากคณะพยาบาลและคณะแพทย์ศาสตร์ ที่ได้ออกมาแนะนำตัวกับน้อง ๆ นักศึกษา พร้อมทั้งการแสดงจากเหล่าบรรดารุ่นพี่ เพื่อสร้างความบันเทิงให้กับรุ่นน้องชั้นปีที่หนึ่ง
พอถึงช่วงพักเที่ยง กลุ่มนักศึกษาพยาบาลและแพทย์ศาสตร์ ก็แยกย้ายไปหาอาหารเที่ยงกิน บางคนที่เอารถมา ก็ขับรถไปกินร้านอาหารด้านนอก ส่วนใครที่ไม่สะดวก ก็แวะมากินที่โรงอาหารภายในวิทยาลัยพยาบาล
…………….
โรงอาหารในช่วงเที่ยงวัน ภายในวิทยาลัยพยาบาล
“ค่ะ ตอนนี้นะคะ ทีมกู้ภัยจากนานาชาติ และจากกองทัพเรือของสหรัฐ ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบบริเวณน่านน้ำที่เชื่อกันว่าเครื่องบินของสายการบินไทยแลนด์แอร์ไลน์ เที่ยวบินระหว่างประเทศ TH16969 จากกรุงเทพ มุ่งตรงสู่นครซานฟรานซิสโก ที่ได้ตกลงกลางมหาสมุทรแปซิฟิคเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ซึ่ง ณ ขณะนี้ ทีมกู้ภัยจากนานาชาติยังไม่พบวี่แววของลูกเรือและผู้โดยสารกว่า 300 ชีวิต เลยแม้แต่คนเดียวนะคะ…”ภาพข่าวบนหน้าจอ LCD ที่แขวนอยู่บนเพดาน กำลังรายงานข่าวเครื่องบินตกกลางมหาสมุทรแปซิฟิก โดยที่ยังไม่มีใครทราบชะตากรรมของลูกเรือและผู้โดยสารกว่า 300 คน จะพบก็เพียงแค่เศษซากเครื่องบินบางส่วน ที่ลอยอยู่เหนือท้องมหาสมุทร ท่ามกลางความหวังอันริบหรี่ของเหล่าบรรดาญาติของผู้โดยสารสายการบินดังกล่าว ที่เฝ้ารอปาฏิหาริย์ว่าญาติพี่น้องที่พวกเขารักจะปลอดภัย
ข่าวดังกล่าวเป็นข่าวดังระดับประเทศ มีกลุ่มอาจารย์ เจ้าหน้าที่วิทยาลัยพยาบาล และเด็กนักศึกษาบางส่วน ที่ยืนดูข่าวบนหน้าจอโทรทัศน์ด้วยความสนใจ และบางส่วนก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากนัก เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัวไปหน่อย
ส่วนลุงพลเองก็ให้ความสนใจกับข่าวดังกล่าว เพราะเชื่อว่า เครื่องบินลำนี้ น่าจะเป็นเครื่องบินที่ครูเบสท์ขึ้นโดยสารเพื่อไปเรียนต่อในระดับปริญญาเอกที่ประเทศสหรัฐเมริกา เพียงแต่ว่าตอนนี้ ตัวของแกกำลังให้ความสำคัญกับเรื่องปากท้องก่อนเป็นอันดับแรก
“น้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ที่นึงค่ะลุง” กลุ่มเด็กพยาบาลปีหนึ่ง หน้าตาใสกิ๊ง เดินเข้ามาสั่งน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋กับร้านของลุงพล ที่กำลังตั้งอกตั้งใจเตรียมน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋สูตรเด็ดของแกอยู่
“ได้จ๊ะหลาน ๆ รอสักครู่นะ เด็กปีหนึ่งใช่ไหมเนี่ยเรา?” ลุงพล บทจะขยันก็คือขยันตัวเป็นเกลียว แต่ใช่ว่าแกจะร้อนเงินอะไรขนาดนั้น แกยังพอเงินทอง ทรัพย์สมบัติที่พ่อกับแม่ทิ้งเอาไว้อยู่บ้าง รวมไปถึงรายได้จากการขายน้ำเต้าหู้ของแกก็จัดว่าไม่เลว คือสามารถเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไปได้เรื่อย ๆ จนกว่าแกจะทำไม่ไหว
และเหตุผลสำคัญเลย ที่แม้แกจะเกษียณอายุจากการเป็นภารโรง แต่ยังไม่ยอมกลับไปพักผ่อนใช้ชีวิตในบั้นปลายที่บ้าน เพราะแกยังอยากทำงาน อยากเห็นหน้าสาว ๆ ภายในวิทยาลัยพยาบาล เพื่อเป็นอาหารตา ช่วยให้จิตใจของผู้สูงวัยอย่างแกกระชุ่มกระชวยในบั้นปลาย
“นี่จ๊ะหลาน…” ลุงพลยื่นถาดน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ให้เด็กพยาบาลปีหนึ่งที่มารายงานตัววันแรกด้วยรอยยิ้มที่ดูจริงใจ แต่ใครเลยจะคิด ว่าแกกำลังคิดอะไรจัญไร ๆ ตามประสาเฒ่าหัวงู
“ตูดแน่นดีจริง ๆ เด็กพยาบาลคนนี้”
“ตูดเด็กพยาบาลปีหนึ่งคนนั้นก็งอนซะ!!! แหม!!! อยากตีตูดเด็กจริงโว้ย!!!”
“ทางนั้นก็แจ่ม!!! เอวเป็นเอว!!! ตูดเป็นตูด!!!”
“เด็กไทยสมัยนี้โตเร็วจริง ๆ อูยยย!!!”
ลุงพลเพลิดเพลินไปกับการชำเลืองมองรูปร่างสรีระของเด็กพยาบาลและเด็กหมอปีหนึ่ง ที่บางส่วนก็ทยอยเข้ามาหาข้าวเที่ยงกินที่โรงอาหาร จนรู้สึกว่าบางอย่างตรงเป้ากางเกงมันนูนขึ้นมา จึงคิดว่าจะแว้บเข้าไปห้องน้ำซะหน่อย หลังจากลูกค้าซา ๆ ลง เพื่อปลดปล่อยความเครียดความกำหนัดสักหน่อย แต่ว่า
“นี่…” ยังไม่ทันได้ไปห้องน้ำ ภัคจิรา อาจารย์สาวคนสวยจากคณะพยาบาลก็ปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าลุงพล “เลิกงานเมื่อไร?”
“ครูเบสท์…” ด้วยความตกใจกึ่งดีใจ ลุงพลเลยยิ้มให้อาจารย์สาวคนสวย ที่กำลังยืนกอดอกอยู่หน้าร้าน “มีธุระอะไรกับผมเหรอครับ? หรือว่าอยากกินน้ำเต้าหู้?”
“ไม่ได้อยากกิน…” ภัคจิราปฏิเสธ “แค่จะมาถามว่า เลิกงานตอนไหน มีเรื่องจะคุยด้วย”
 
โปรดติดตามตอนต่อไป...
[/size]
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน