แจ้งข่าว งดลง 'คุณแม่แสนหวานเนื่องจากมีคนทำผิดไม่อ่านกติกา' เตือนไว้ก่อนนะครับ ถ้าไม่อ่านกติกาก็อย่าเข้ามาอ่านเดี๋ยวจะได้อ่านไม่จบเพราะโดนแบนแสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
::Grimace::ขอบคุณครับ
โดนไปแล้วและอาจมีโดนอีกนะครับบทที่ 2
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
กว่าจะสวมเสื้อผ้าเปียกๆกลับเข้าไปและพยุงพาแต้วกลับขึ้นรถบัสได้ก็ลำบากพอดู
ผู้คนต่างมองกันเป็นแถวถึงสภาพเปียกแฉะตัวเหม็นฉี่และไร้สติของสาวงามในอ้อมแขนแข็งแรงของหนุ่มร่างกำยำ ต่างแอบซุบซิบนินทากันเป็นตาเดียวกับสภาพก่อนและหลังลงรถของหญิงสาว
แน่ล่ะว่าคนในรถพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น โดยเฉพาะกับเหล่าผู้ชายที่เข้าห้องน้ำไปเจอกับเสียงประหลาดมาด้วยก็เดาได้เลยว่าเจ้าของเสียงนั้นต้องมาจากทั้งคู่แน่
แต่เนก็ไม่ได้สนใจต่อสายตาเหล่านั้นเท่าไหร่นัก เขาพาครูสาวกลับไปพักยังตำแหน่งเดิมก่อนจะนั่งคิดทบทวนด้วยความสงสัยว่าทำไมคาถาสิงฝันที่เรสอนมาถึงใช้ไม่ได้ผล
...ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ได้ผล แต่ข้าสงสารนางนะถ้าจะให้มาเป็นร่างสิงของข้า นางดูจะรักเจ้าและต้องการเจ้ามากไม่แพ้ข้าเลย...
เสียงจอมเวทย์สาวดังก้องในหัวจนทำให้เขาผวาตกใจเล็กๆ
...คุณพูดในความคิดผมได้ด้วยเหรอ...
...อย่าลืมสิว่าเมื่อเจ้านึกถึงข้า เราสองคนก็จะเชื่อมต่อกันได้...
...แต่ผมไม่อยากแค่คุยกับคุณในความคิดนี่นา ผมอยากอยู่กับคุณ คุณตัวเป็นๆ ไม่ใช่ในความคิด...
...เจ้าต้องการให้ข้ามีร่างกายเพื่ออะไรล่ะ ข้ารู้หรอกนะเจ้าคนลามก...
...ก็ใช่ เพราะงั้นผมถึงอยากให้คุณมาสิงในร่างพี่แต้วไง...
...แต่นางอยากมีลูกกับเจ้านะ และข้ารู้ว่าข้ายึดร่างนางไม่ได้หรอกในเมื่อคลื่นจิตของเรามีจุดหมายเดียวกันก็คือเจ้า ถ้าวันไหนที่นางควบคุมร่างแล้วใช้ร่างหาความสุขกับเจ้าเพื่อตั้งท้องขึ้นมา ข้าคงจะถูกดูดไปเกิดแน่...
...เรื่องนั้นคงไม่ต้องห่วงแล้วล่ะ ในเมื่อผมใช้คาถาสิงฝันไม่ได้น่ะ...
...เพราะอะไรกันนะ ข้าไม่เข้าใจเลย ในเมื่อตอนข้ายังมีร่างเนื้อ ทุกคาถาที่ร่ายออกมาก็ได้ผลทุกครั้ง แต่กับเจ้าทำไมมันถึงไม่ได้ผล...
...นั่นสิ ในเมื่อแต่ก่อนก็เคยใช้คาถาแล้ว มันก็ยังได้ผลอยู่เลย...
...เกราะต้านสสารน่ะเหรอ เจ้าต้องใช้ได้อยู่แล้วล่ะ มันเป็นคาถาระดับต่ำสุดที่พวกข้าเรียนรู้และใช้ได้เป็นอย่างแรกเลยนะ...
ระหว่างที่จอมเวทย์สาวกำลังคุยหาสาเหตุการใช้คาถาไม่ได้ของหนุ่มมหาลัยอยู่นั่นเอง รถบัสก็จอดอีกครั้งพร้อมกับเสียงพนักงานประจำรถที่ประกาศว่ารถได้มาถึงปลายทางแล้ว
เนกลับมาสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้ง
สองหนุ่มสาวนักเดินทางต้องต่อรถสองแถวจากในเมืองสู่พื้นที่ชนบทของหมู่บ้านอันแสนไกล
จากบ้านเรือนที่อยู่เรียงชิดติดกันก็เริ่มจะห่างจากกันมากขึ้น มีพื้นที่ทุ่งหญ้า มีคอกวัว บางบ้านก็เป็นสวนกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา กระทั่งที่สุดรถสองแถวก็มาจอดส่งทั้งสองลงยังบ้านหลังหนึ่ง
“ถึงแล้วครับ บ้านพ่อแม่ผม” เนเรียกครูสาวผู้อ่อนล้าพร้อมกับจับพยุงเธอให้ลุกลงจากรถมา
“ถึงแล้วเหรอคะ บ้านสวยน่าอยู่จัง” แต้วชมด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “พาเมียเข้าไปไหว้คุณพ่อกับคุณแม่สิคะ”
“ใจร้อนจังนะ อยากรีบทำคะแนนแล้วเหรอครับ”
“ใครมาเจี๊ยวจ๊าวอะไรอยู่หน้าบ้านกันฮะ! อ้าว! เน จะมาทำไมไม่โทรบอกแม่ก่อนล่ะลูก” เสียงจากสาวใหญ่เจ้าของบ้านดังต้อนรับแขกอย่างฉะฉาน
เธอเปิดประตูไม้บานเฟี้ยมออกพร้อมรอยยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่ได้เจอลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอีกครั้ง
“สวัสดีครับแม่ พอดีตัดสินใจเร็วไปหน่อยก็เลยไม่ได้โทรมาน่ะครับ ส่วนนี่พี่แต้ว พี่สาวผมน่ะครับ”
“สวัสดีค่ะคุณแม่”
“สวัสดีค่ะ” ปุ้ยรับไหว้อย่างมีมารยาทพร้อมกับแอบลอบสังเกตุกิริยาท่าทางของทั้งสองด้วยสายตาอันแหลมคม “อย่าบอกนะว่าเราเป็นแฟนเจ้าเนน่ะ”
“อ-เอ่อ...” แต้วถึงกับใบ้กินที่เจอคำถามตรงไปตรงมาจากว่าที่แม่ยายอย่างนี้ เธอได้แต่หันมองเนด้วยอาการเขินอายก่อนจะตัดสินใจเงยหน้าขึ้นแอ่นอกรับด้วยความสุข
...อย่างน้อยถึงจะไม่ใช่เมียหลวงแต่ก็ได้เป็นสะใภ้คนแรกที่ได้มาไหว้แม่ยายล่ะนะ...
“ค่ะคุณแม่”
“อ่ะๆๆ เข้าบ้านไปคุยกันก่อนดีกว่า ยืนคุยตรงนี้เดี๋ยวยุงจะหามซะเปล่าๆ”
ปุ้ยชวนทั้งสองเข้าบ้าน พยายามวางมาดเข้มขรึมแม้ใจจริงจะอยากกอดลูกชายให้หายคิดถึงมากๆก็ตาม
เธอนำทั้งสองเข้ามานั่งพักบนโต๊ะอาหารก่อนจะทำหน้าที่คุณแม่ผู้หวงลูก ไล่เนไปอาบน้ำเพื่อจะได้อยู่กับแต้วสองคน
“ไปอาบน้ำก่อนเลยเรา ตัวเหม็นหึ่งเชียว”
“ให้พี่แต้วอาบก่อนสิครับแม่”
“ลูกนั่นแหละไปอาบก่อนเลย ผู้หญิงอาบน้ำนาน เราจะได้ไม่ต้องรอ”
เนยอมแม่แต่โดยดี เขาหยิบผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าเดินเซ็งเข้าห้องน้ำไป ด้วยกลัวว่าผู้เป็นแม่จะไปกดดันอะไรว่าที่ลูกสะใภ้ในระหว่างที่เขาไม่อยู่ ซึ่งก็จริงดังคาด
“เราชื่อแต้วใช่มั้ย”
“ค่ะคุณแม่”
“เห็นเจ้าเนเรียกเราว่าพี่ แปลว่าเราเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยของลูกแม่เหรอ”
“อ-เอ่อ...” แต้วถึงกับประหม่าเมื่อเจอกับการยิงคำถามใส่อย่างไม่มีพัก “คือว่าหนูไม่ใช่รุ่นพี่ของน้องเนหรอกค่ะ หนูเป็นเพื่อนบ้านข้างๆ แค่หนูอายุเยอะกว่าน้องเท่านั้นเอง”
“อ้าว! เหรอ แม่ก็นึกว่ารุ่นพี่ เจ้าเนนี่ร้ายจริงๆนะ ว่าแต่หนูอายุเท่าไหร่ล่ะ”
“...32 ค่ะคุณแม่” แต้วเอ่ยตอบเสียงอ้อมแอ้มด้วยรู้ว่าตนไม่ได้อายุไล่เลี่ยกับแฟนหนุ่มเลยสักนิด
“ว่าแล้วเชียว ดูเราเรียบร้อยมีมารยาทมาก แม่ก็ว่าแล้วว่าน่าจะไม่ใช่วัยเรียน แล้วหนูแต้วทำงานอะไรล่ะ”
แม่ปุ้ยถามต่อไปแม้ในใจจะแอบตำหนิลูกชายเล็กๆว่าทำไมหาแฟนทั้งทีถึงเลือกคนที่อีกนิดเดียวก็จะเป็นน้องเธอได้แบบนี้
“ครูโรงเรียนมัธยมค่ะ”
“อ้าว! เป็นครูเหมือนกันเหรอคะ สอน ม.ใหนล่ะเนี่ย”
“ม.4 ค่ะ เห็นน้องเนว่าคุณแม่ก็เป็นครูเหมือนกัน...”
“ใช่ค่ะ ชั้นสอนอยู่ ม.6 เมื่อก่อนจริงๆก็เคยสอนเด็ก ม.ต้นอยู่นะ แต่พอมาสอน ม.ปลายแล้วรู้สึกไปอีกแบบเลย เจ้าพวกลูกศิษย์ก็โตเร็วกันมากเลย ปุบปับก็เข้ามหาลัย บางคนเรียนจบไปทำงานเป็นครูแล้วก็มี พูดก็พูดนะคะ อายุรุ่นครูแต้วเนี่ยพอๆกับศิษย์รุ่นแรกๆที่ชั้นสอนเลย”
นอกจากจะไม่แทนตัวเองว่าแม่เพื่อให้แต้วได้รู้สึกใกล้ชิดแล้ว ปุ้ยยังจงใจเท้าความถึงเรื่องอายุของแฟนลูกชายซะอีก ซึ่งมันทำให้แต้วรู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อยทีเดียว
“ค่ะ พอได้เห็นเด็กที่ตัวเองสอนจบไปหนูก็ใจหายเหมือนกัน แต่ละคนโตเร็วกันมากเลย”
“นั่นสิคะ เจ้าเนเองก็โตเร็ว ปุบปับก็เข้ามหาลัยแล้ว ชั้นยังรู้สึกเหมือนเพิ่งเห็นวิ่งซนอยู่เมื่อวานเองแท้ๆ แต่เด็กก็คือเด็กนั่นแหละเนอะ บางทีก็หุนหันพลันแล่นทำอะไรแบบไม่ทันคิดไปบ้าง ผู้ใหญ่อย่างเราก็ต้องคอยจูงมือไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง”
แม่ปุ้ยจงใจพูดกระทบให้ว่าที่ลูกสะใภ้สาวได้รู้สึกว่าเธอเองแก่เกินไปและไม่เหมาะสมที่จะมาเป็นคู่ชีวิตลูกชาย ซึ่งมันก็มากพอที่จะทำให้แต้วถึงกับสะอึกหน้าชา น้ำตาร้อนๆเอ่อรื่นขึ้นมารอบขอบตาทีเดียว
“แล้วนี่คบกับลูกชายชั้นมานานรึยังคะ”
“...ยังไม่ถึงปีค่ะ แต่หนูรักเขามากนะคะคุณแม่” แต้วรีบบอกความรู้สึกในใจออกไปให้มารดาของชายคนรักได้รู้พร้อมกับความหวังที่จะให้แม่ปุ้ยได้ยอมรับ
“แล้วนี่อยู่ด้วยกันรึยังล่ะ”
“...”
ความเงียบคือคำตอบจากปากหญิงสาว ซึ่งมันก็มากพอที่จะทำให้เข้าใจได้ว่าคืออะไร
“...ถ้ายังไงก็ฝากดูแลเจ้าเนด้วยนะคะ ลูกชั้นมันยังเด็ก คงไม่ทันโลกของผู้ใหญ่ จะคบกันยังไงชั้นก็ไม่ว่าหรอก แค่ให้ทุกอย่างมันเหมาะสมก็พอ คุณก็โตแล้ว ผ่านช่วงเวลามหาลัยมาแล้ว คงรู้แหละว่าอะไรสมควรไม่สมควร” แม่ปุ้ยเอ่ยถากถางในความสัมพันธ์ของทั้งสองด้วยสีหน้าและสายตายิ้มแย้ม ไม่ได้แสดงออกถึงความรังเกียจ
แต่นั่นก็มากพอให้แต้วหน้าร้อนผ่าวราวกับถูกตบหน้าอย่างจังเมื่อคิดถึงเรื่องที่ตนร้องขอกับชายคนรักให้เขาใช้ร่างกายเธอบ่มเพาะชีวิตน้อยๆขึ้นมา
ถึงแม้จะคิดดีแล้วว่าเธอจะดูแลลูกเองไม่ให้ลำบากถึงเขา แต่การจะปล่อยให้ท้องก่อนแต่งก็ไม่เหมาะสมในสายตาผู้ใหญ่ ซึ่งเธอเข้าใจเลยว่าถ้าทำจริง มารดาของชายคนรักที่รู้สึกว่าเธอมาหลอกลูกชายตัวเองอยู่แล้วจะยิ่งรู้สึกว่ามันคือการหลอกลวงจริงๆ
แต่แต้วก็แอบน้อยใจอยู่ดีเพราะมันเท่ากับว่าเธอไม่มีสิทธิ์ในตัวของเน ทั้งๆที่เขาเคยทำให้ขวัญ แม่บ้านสาวรุ่นใกล้กับเธอให้ตั้งท้องไปแล้ว ไหนจะแพรอีกที่ประกาศกร้าวเลยว่าตั้งใจจะอ้าขารับน้ำเชื้อเขาในฐานะบ้านใหญ่เพื่อให้มีลูกด้วยกัน
พอคิดแล้วก็ทั้งเจ็บใจทั้งรู้สึกผิด ทำไมเธอซึ่งมีสิทธิ์พิเศษได้มาไหว้แม่สามีเพียงคนเดียวจากบรรดาผู้หญิงของเขาถึงไม่อาจทำอะไรตามใจเหมือนคนอื่นได้ล่ะ
บรรยากาศกำลังอึมครึม แต้วกำลังนั่งน้ำตาคลอขณะที่ตัวต้นเหตุเดินนุ่งผ้าขนหนูออกมาจากห้องน้ำพอดี
“นั่งคุยกันอยู่เหรอครับ ป่ะพี่ ไปอาบน้ำได้แล้วจะได้ไม่ดึก...เอ้อ!! แล้วพ่อล่ะครับแม่”
“พ่อเราน่ะเหรอ ก็ไปดื่มกับน้ากำนันบุญส่งน่ะสิ ดื่มมันอยู่ได้ทุกวัน เตือนก็ไม่เคยฟัง แม่ล่ะเบื่อ”
ระหว่างที่สองแม่ลูกคุยกันอยู่นั่นเอง แต้วก็พยายามเก็บอาการความเสียใจเอาไว้และรีบลุกเอากระเป๋าเข้าห้องน้ำไปทันทีเพื่อไม่ให้ใครทันได้เห็นหยดน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มลงมาเป็นสายของเธอ
ขณะเดียวกัน ณ กลางลานของบ้านไม่เรือนไทยหลังใหญ่ภายในหมู่บ้านก็กำลังมีเสียงพูดคุยเอะอะกันอย่างสนุกสนานมาจากชายสี่คนที่กำลังดื่มกันจนดีกรีขึ้นสูงได้ที่
สองคนในวงดูปราดเดียวก็รู้ว่ายังหนุ่มอยู่ ในขณะที่อีกสองคนเริ่มมีผมขาวแซมบนศีรษะแล้ว
“คำแก้ว! คำแก้วจ๋า! พ่อขอยำนี่เพิ่มอีกจานสิลูก อร่อยจริงๆ รสมือดีเหมือนแม่มันเลย” บุญส่ง กำนันผู้มีแต่คนนับหน้าถือตาในตอนนี้กำลังส่งเสียงดังสั่งลูกสาวด้วยอาการเมาปลิ้น หมดสิ้นซึ่งบารมีแต่อย่างใด
“พ่อคะ เกินไปนะบางที เบาๆหน่อยสิ เดี๋ยวชาวบ้านเขาก็มาบ่นเอาหรอก”
หญิงสาวร่างเนียนขาวราวกับคนเมืองผู้มีจุดเด่นคือหน้าอกหน้าใจขนาดใหญ่ที่ดันเสื้อยืดออกมาเป็นลูกเดินออกจากบ้านมาบ่นผู้เป็นพ่อก่อนจะปรายตามองไปยังชายหนุ่มหัวเกรียนคนหนึ่งในวงแล้วยิ้มให้
“ถ้าอยากกินเร็วๆก็ให้พี่เปรมมาช่วยแก้วสิคะพ่อ”
“เออๆ ไอ้เปรม ทำหน้าที่ลูกเขยหน่อยเว่ย” ชายผมหงอกอีกคนซึ่งก็คือพ่อของเนเอ่ยแซวเมื่อเห็นสายตาของลูกสาวเพื่อนรัก
“เร็วไปไอ้ชัย ไอ้เพื่อนเชี่ย มันยังเป็นแค่ว่าที่ลูกเขยโว้ย” กำนันเอ็ดเพื่อน แต่ก็โบกมือไล่นายตำรวจหนุ่มให้ไปช่วยลูกสาวตัดรำคาญ
“อีกหน่อยก็เรียกลูกเขยอยู่ดีป่ะพ่อ มาๆๆชนแก้วกันดีกว่า” ชายหนุ่มอีกคนในวงเอ่ยแทนผู้เป็นพี่สาว ด้วยรู้ใจดีว่าทั้งสองรักกันมากแค่ไหนก่อนจะตัดบทด้วยการยกแก้วเครื่องดื่มสีอัมพันเย็นเฉียบขึ้นมาชนกับผู้ใหญ่ทั้งสอง
“ไอ้เคน มึงนี่นะ พูดแบบนี้พ่อเสียผู้ใหญ่หมด มันยังไม่แต่งกันก็ยังเรียกลูกเขยไม่ได้สิวะ...ไอ้เปรม! มึงรีบๆมาขอนะโว้ย! กูจะได้เรียกมึงว่าลูกเขย!!!” กำนันบุญส่งแซวว่าที่ลูกเขยอย่างออกรสก่อนจะกระดกแก้วรวดเดียวหมดให้หายคอแห้ง
“พ่อนี่ล่ะก็!!!” คำแก้วเอ่ยยิ้มๆก่อนจะจูงมือแฟนหนุ่มเข้าไปในบ้านด้วยความเขินอาย
“สองคนนี้มันรักกันดีจริงๆ เห็นแล้วอิจฉาว่ะ คู่กูตีกันทุกวัน นี่แทบไม่อยากจะกลับบ้านแล้ว”
“มึงยังดีน่ะไอ้ชัย กูสิ ตั้งแต่คำหล้าตายกูก็ไม่มีใครให้คุยด้วยเลย บอกเลยนะ ไม่มีคนคุยน่ะมันเหงากว่าเยอะ” กำนันเฒ่าตัดพ้อ นึกถึงเมียรักที่จากไปอย่างไม่หวนกลับมาร่วมสิบปีจากโรคร้ายแล้วได้แต่ถอนหายใจ
“พ่อไม่ต้องมาพูดเลย ผมเห็นนะว่าเมื่อวันก่อนพ่อยังแอบพาใครมาบ้านน่ะ”
“กูก็เหงาของกูบ้างสิวะ โตๆกันแล้ว มึงก็รู้ว่าเรื่องแบบนี้มันต้องมีคนช่วยไม่งั้นมันไม่สุด แต่ผู้หญิงพวกนี้ก็แค่เอาไว้ใช้ตอนจำเป็น ไม่มีใครสู้แม่เอ็งได้หรอก”
“พูดซะซึ้งเลยนะมึง แต่พูดก็พูดนะ อย่าถือสากูล่ะ โสดอย่างมึงน่ะดีกว่าตั้งเยอะ เลือกได้ว่าจะเอาใคร กูสิเลือกไม่ได้ ใช้ของเดิมมาทั้งชีวิต กูเบื่อจะตายอยู่แล้ว”
“อะไรวะ ปุ้ยก็ออกจะสวย นมก็ใหญ่ ตูดก็ใหญ่ อายุรุ่นนี้แต่ยังดูอย่างกับสาวๆนี่ถือว่าบุญของมึงเลยนะ”
“ก็กูอยากได้สาวๆแบบมึงบ้างนี่หว่า สาวจริงๆไม่ใช่แค่ดูสาวน่ะ” ชัยบ่นกับเพื่อนสนิทก่อนจะหันมาทางหนุ่มมหาลัยร่างใหญ่ “ดูน้าไว้นะเคน พอมีเมียก็อย่าไปหาเมียเป็นครู แล้วอย่าไปยอมมันแต่แรกด้วย แค่ได้ครูเป็นเมียก็ปากเก่งพอแล้ว พอยอมมันด้วยนี่บ่นเช้าบ่นเย็นจนน้าอยากได้เมียใหม่เลย”
“ฮ่ะๆๆๆ มึงนี่นะสอนเด็กได้เชี่ยจริงๆ เป็นครูสิวะถึงจะดี ยิ่งปากแจ๋วแบบนี้นะกูจะจับลากเข้าห้องเอาให้ร้องจนคอแตกไม่ให้มันมีเสียงไปสอนเด็กเลย ยิ่งนมใหญ่ตูดใหญ่แบบเมียมึงด้วย รับรองถ้ากูได้นะจะกำหราบให้มันไม่กล้าพูดมากอีกเลย”
“เออมึงเก่ง แน่จริงก็ทำให้ได้สิวะ อย่างเมียกูน่ะไม่มีทางเป็นแบบที่มึงว่าแน่ ขนาดกูพยายามมาจนลูกโตยังทำให้มันหยุดบ่นไม่ได้เลย”
“...เมียเพื่อนว่ะ กูไม่ทำหรอก...เคน มึงลุกไปดูพี่มึงหน่อยสิ กูอยากกินกับแกล้มแล้ว” กำนันบุญส่งเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองเมาจนเริ่มเลยเถิดกับเพื่อนรักเข้าแล้ว
“โถ่! ไอ้เพื่อนรัก กูคบมึงมาตั้งแต่ยังหนุ่มนะ และกูรู้อย่างนึงว่ามึงขี้โม้ ต่อให้ทำมึงก็ทำไม่ได้หรอก”
“เมาแล้วมึงน่ะ มาพูดแบบนี้กันเดี๋ยวตื่นมาก็กระดากกูพอดี”
“กูไม่เมา และกูยินดีให้มึงลองกับเมียกูด้วย กูจะขอพิสูจน์หน่อยซิว่ามึงจะทำให้เมียกูเป็นอย่างที่พูดได้มั้ย ถ้ามึงมั่นใจว่าทำได้ก็รับปากมา แต่ถ้าแค่โม้ก็เงียบๆไป” ชัยเสนอกับเพื่อนรักด้วยเสียงอันดังอย่างหมั่นใส้
“กูมั่นใจสิวะ ระวังเถอะถ้ากูเอาจริงเดี๋ยวเมียจะลืมมึงเอา”
 
เรื่องเก่า แก้วตาดวงใจโพสในเว็ปไหนครับ อยากไปติดตามผลงานครับ
ใน fictionlog meb ookbee readAwrite ตามนี้ครับแสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
ส่วนด้านล่างอักขระวิเศษ ขอฝากผลงานสักนิดนะครับแสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
--------------------------------------------------------------------------------------------
เข้าสู่ห้องสารบัญหนังสือแสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
---------------------------------------------------------------------------------------------
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน