ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

อักขระวิเศษ SS3 บทที่ 4

เริ่มโดย joker socool, กรกฎาคม 24, 2023, 03:37:48 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

joker socool

เนกำลังยืนงงอยู่ภายในห้องโถงของบ้านหลังใหญ่แสนเก่าแก่หลังหนึ่ง  เขาหันมองไปรอบๆอย่างจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูกที่จู่ๆก็มาโผล่ในสถานที่แปลกๆอย่างนี้

"ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอกับเจ้าที่นี่" เสียงหวานๆของจอมเวทย์สาวดังมาจากด้านหลังก่อนที่เขาจะรู้สึกได้ว่ามีเรือนร่างแสนนุ่มนิ่มมาสวมกอดเอาไว้

"เรเหรอ  ที่นี่ที่ไหนน่ะ"

"ที่นี่คือข้างในฝันข้า  เจ้าคงจะเชื่อมฝันเข้ามาโดยบังเอิญ  แต่ข้าดีใจนะที่เจ้ามา...แปลว่าเจ้ากำลังคิดถึงข้าสินะ" เรแซวพร้อมกับกอดกระชับร่างเขาแน่นขึ้นอีกด้วยความคิดถึง

"...ทำไมผมรู้สึกถึงคุณได้ล่ะ"

"เพราะข้าควบคุมฝันตัวเองได้น่ะสิ  ไม่เป็นไรหรอก  ถ้าเจ้าฝึกก็สามารถควบคุมฝันได้แบบข้า"

ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าจอมเวทย์สาวได้กระชับอ้อมแขนเล็กๆกอดแน่นขึ้นพร้อมกับซบใบหน้าลงกับไหล่เขาอย่างอ่อนโยนก็ได้แต่ยิ้มออกมาด้วยความสุข

"ข้าคิดถึงเจ้าที่สุดเลยเน  ใจข้าอยากจะสิงร่างใครสักคนแล้วออกมากอดเจ้าในโลกความจริงตอนนี้เลยด้วยซ้ำ"

"ผมรู้  แต่ว่าถ้าเรายังไม่รู้ว่าทำไมคาถาสิงฝันมันถึงใช้ไม่ได้ก็คงไม่มีทางทำได้หรอก"

"เรื่องนั้นข้าลองคิดดูแล้ว  ข้าว่าบางทีมันอาจจะเพราะระดับคาถาก็ได้"

"ระดับคาถาเหรอ"

"ใช่  ข้าว่ามันต้องใช่แน่ๆ  การที่เจ้าใช้คาถาเกราะต้านสสารได้แต่ใช้คาถาสิงฝันไม่ได้อาจเป็นเพราะระดับของคาถาสิงฝันเป็นขั้นกลาง  บางทีข้อจำกัดการใช้คาถาของเจ้าอาจจะเป็นจำนวนอักษรที่สะสมก็ได้"

"แต่คุณบอกว่าคุณร่ายได้เลยไม่ใช่เหรอ"

"ตอนข้ามีชีวิต  ข้าเป็นจอมเวทย์อักษรนะ  ข้าเกิดมาพร้อมพลังอักษรที่เต็มเปี่ยม  ไม่ว่าคาถาระดับไหนก็ร่ายได้ทั้งนั้นแหละ  แต่กับเจ้า  เจ้าเริ่มจากศูนย์  ต้องคอยเก็บสะสมพลังอักษรไปเรื่อยๆ  เพราะแบบนี้ถึงต้องสนใจระดับของคาถา...ข้าคิดว่าแบบนั้นนะ"

"..."

เนนิ่งคิดถึงเรื่องที่จอมเวทย์สาวอธิบายก็ฟังดูมีเหตุผล  เพราะทุกครั้งที่เขาได้อักษรใหม่มาก็จะรู้สึกว่าตัวเองมีพลังมากขึ้น  มีสมรรถนะร่างกายที่ดีขึ้น  ยังไม่รวมถึงเรื่องพลังวิเศษจากของเหลวในตัวที่เรเคยอธิบายว่ามันจะเปล่งพลังมากขึ้นหากมีอักษรเพิ่มอีก  ทุกอย่างมันสอดคล้องกันหมด  แต่มีเรื่องหนึ่งที่เขายังสงสัย

"แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าเมื่อไหร่จะเก็บอักษรได้มากพอจะขึ้นไปใช้คาถาอีกระดับแล้วล่ะ"

"ข้าก็ไม่รู้  เจ้าคงต้องลองใช้แล้วล่ะ  แต่ว่าถ้าเป็นอย่างที่ข้าคิด  มันอาจมีทางลัดในการใช้คาถาข้ามขั้นก็ได้นะ"

"หมายความว่ายังไง"

"พลังแฝงในการดึงชีวิตของเจ้าไง  ถ้าเจ้าใช้มันดึงพลังชีวิตของอะไรสักอย่างมาทดแทนพลังเวทย์ที่ขาดไปก็อาจร่ายคาถาในระดับที่สูงขึ้นได้นะ"

"เหมือนตอนที่ผมดึงพลังชีวิตจากต้นไม้มาร่ายคาถาเกราะต้านสสารน่ะเหรอ"

"ใช่  ข้าว่ามันน่าจะได้ผล..."

"งั้นผมจะลองทำมันดู" เนพูดอย่างมีความหวังอีกครั้ง  เขาหันกลับไปกอดสาวผมทองแสนงามราวเทพธิดา  ประกบจูบเธอด้วยความคิดถึง "รอผมนะ  คุณจะได้ออกไปกอดผมแน่"

"อือ  ข้าจะรอ" จอมเวทย์สาวเอ่ยก่อนจะอมยิ้มเหมือนเพิ่งคิดอะไรได้

"รู้มั้ยว่าเจ้าทำให้ข้าเสียคนแค่ไหน  แต่ก่อนข้าครองพรหมจรรย์อยู่มาเป็นพันปีก็ไม่เคยรู้สึกว่านาน  แต่พอได้รู้จัก...ได้มีความรักและมอบความบริสุทธิ์ให้กับเจ้า  ตลอด 50 ปีในโลกของข้ามันทรมานมากๆ...ข้าโหยหาความสุขที่เจ้าทำให้...โหยหาอ้อมกอดนี่...จูบนี่...เจ้าบาปนักที่สอนข้าให้หลงไหลในรสกามจนถอนตัวไม่ขึ้นแบบนี้"

"ใจแตกเพราะผมแล้วเหรอคุณจอมเวทย์  ผมจะรีบให้คุณได้สิงร่างนะ  พอถึงตอนนั้นผมจะชดเชย 50 ปีของคุณเอง" เนแสยะยิ้มพลางเลื่อนมือลงไปลูบโคกเนื้ออวบอูมภายใต้ผ้าคลุมยาวสีขาวโดยที่เจ้าของร่างเองก็แทบจะเป็นฝ่ายแอ่นเข้าหาเสียเองด้วยซ้ำ

"อือ...หาร่างที่เจ้าพึงพอใจแล้วให้ข้าสิงได้เลย  ข้าจะใช้ทุกอย่างที่ร่างนั้นมีบำเรอให้เจ้ามีความสุขที่สุดเช่นกัน  ข้าจะทำให้ร่างใหม่ที่ข้าสิงหลงไหลเจ้าจนโงหัวไม่ขึ้นอย่างที่ข้าเป็นอยู่นี่เลย" เรกระซิบอย่างมีอารมณ์ "ถ้าอย่างนั้นคงจะได้เวลาตื่นของเจ้าแล้วล่ะ"

"เดี๋ยวสิ  เดี๋ยวก่อน  เราทำกันในฝันก็ได้  ก่อนจะตื่นผมอยากให้คุณได้มีความสุขก่อน  เดี๋ยว!!"

ชายหนุ่มสะดุ้งโหยงลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียงด้วยความรู้สึกเสียดายที่ยังคงหลงเหลืออยู่  เขาถอนหายใจอย่างเซ็งๆ  ยิ่งหันมองข้างกายอันว่างเปล่าก็ยิ่งเซ็งเพราะในตอนนี้บนเตียงมีเพียงแต่เขาเท่านั้น

แม่ของเนจัดการแยกเขากับแต้วออกจากกันด้วยการพาแต้วไปนอนในห้องเธอ  ส่วนเนก็ให้นอนที่ห้องเก่าของเขาโดยให้เหตุผลว่ามันไม่เหมาะสมหากชายหญิงจะนอนด้วยกัน  ซึ่งเนก็เถียงแม่ไม่ได้จึงต้องยอมนอนแยกกับพี่แต้วแม้ทั้งสองจะเป็นแฟนกัน

แต้วเองก็ดูจะอึดอัดแต่ไม่กล้าพูด  เหมือนจะเกรงกลัวแม่เขามากเลยทีเดียว  เนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสองคนนั้นมีอะไรรึเปล่าแต่เขาก็หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น

ท้องฟ้าสว่างรำไรจากขอบฟ้ากับเสียงไก่ขันบอกว่าเป็นเวลาเช้าตรู่  และเมื่อชายหนุ่มเปิดประตูลงมาจากชั้นบนก็เห็นว่าในตอนนี้ทั้งแม่และพี่แต้วกำลังช่วยกันทำอาหารอยู่

"อ้าว!  ตื่นแล้วเหรอลูก  หลับสบายมั้ยเมื่อคืน"

"ครับ  แล้วแม่ล่ะ  พี่แต้วนอนด้วยแบบนั้นอึดอัดรึเปล่า"

"ไม่เลย  ดีซะอีก  แม่จะได้คุยกับหนูแต้ว  ทำความรู้จักกันหน่อยว่าแฟนคนแรกที่ลูกแม่พามาบ้านเป็นยังไง"

"..." เนหันมองแฟนสาวรุ่นพี่ของเขาที่ทำหน้าตายิ้มเจือนๆคล้ายคนอมทุกข์ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทั้งสองคุยกันยังไง  แต่ไม่ทันได้ถามก็ถูกพูดขัดซะก่อน

"เอ้อ!  ตื่นมาก็ดีแล้ว  แม่ว่าจะออกไปซื้อของที่ตลาดท้ายหมู่บ้านอยู่  ลูกไปซื้อให้แม่ทีสิ  พวกข่าตะไคร้กับเนื้อไก่เนื้อปลาน่ะ  แม่ว่าจะทำไก่ทอดกับต้มโคล้งที่ลูกชอบซะหน่อย"

"โห!  จะได้กินไก่ทอดกับต้มโคล้งฝีมือแม่เลยเหรอ  แบบนี้คงต้องกลับบ้านบ่อยๆแล้ว...พี่แต้วเตรียมลองชิมเลยนะ  ฝีมือแม่ผมอร่อยมากเลย"

"ชมแม่เกินไปแล้ว  ไปๆๆ  ปั่นจักรยานไปซื้อมาให้แม่ที  เดี๋ยวแม่ทำให้สุดฝีมือเลย"

เมื่อเนปั่นจักรยานออกจากบ้านไปแล้ว  บรรยากาศที่เคยสดใสก็กลับมาอึมครึมอีกครั้ง

"ดูเจ้าลูกคนนี้สิ  ตื่นเต้นอย่างกับไม่ได้กินมานาน...นี่แปลว่าอยู่ที่โน่นเขาไม่ได้กินของพวกนี้บ้างเลยเหรอคะ"

"ก็...ค่ะ" แต้วพยักหน้าตอบอย่างเกรงกลัว

"ของสองอย่างนี้เจ้าเนชอบมากเลยนะ  จริงๆเป็นแฟนกันเรื่องอาหารการกินควรรู้ไว้บ้างก็ดี  เกิดเป็นของที่อีกฝ่ายแพ้ขึ้นมาจะแย่เอานะคะ"

"ขอโทษค่ะคุณแม่"

"จริงๆมีของอีกสองสามอย่างที่เจ้าเนชอบด้วยนะ  คุณก็ไปถามดูแล้วกัน  จะคบกันน่ะต้องใส่ใจหน่อยไม่ใช่สักแต่จะอยู่ด้วยกันอย่างเดียว  ต่อไปอนาคตมันไม่แน่นอน  ถ้าไม่ได้แต่งงานกันก็ดีไป  แต่ถ้าแต่งงานกันแล้วไม่รู้อะไรเลยชีวิตคู่คงอยู่ไม่ยืดหรอกนะคะ"

ยิ่งฟังถ้อยคำถากถางจากแม่ของแฟนหนุ่มก็มีแต่จะทำให้แต้วน้ำตาตกใน  แทบจะอยากยอมแพ้หนีกลับบ้านไปให้รู้แล้วรู้รอด  แต่เมื่อคิดถึงความรักที่หนุ่มเนมีให้แม้จะรู้เต็มอกว่าเธอไม่เพียงเคยแต่งงานมาแล้วแต่ยังผ่านผู้ชายมาหลายคน  แม้แต่กับนักเรียนของตัวเองก็ยังเคยยอมอ้าขาให้ได้ลองขึ้นครูด้วยมาแล้วแต่เขาก็ยังรักและให้เกียรติอย่างมากที่พาเธอมารู้จักกับครอบครัว  เธอจึงก้มหน้ารับคำเหล่านั้นเอาไว้แล้วคิดว่ามันคือการพิสูจน์ความรักที่เธอมีต่อเขา

ในระหว่างบรรยากาศอันตึงเครียดนั้นเอง  หน้าบ้านก็มีเสียงรถยนต์ขับมาจอดก่อนจะมีชายรุ่นลุงสองคนเดินเข้ามาในบ้าน

"พาไอ้ชัยมาส่งแล้วครับผม" กำนันบุญส่งตะโกนเข้ามาก่อนจะชงักเมื่อเห็นแต้วอยู่ในครัวด้วย

"มีแขกเหรอปุ้ย"

"อ่อ...นี่แต้ว  เพื่อนเจ้าเนน่ะ"

"ลูกกลับมาแล้วเหรอ  แล้วตอนนี้อยู่ไหนล่ะ" ชัยถาม  ถอนสายตาจากสาวหน้าหวานที่ยืนน้ำตาคลออยู่ข้างภรรยาด้วยความเอ็นดูสงสาร

"ชั้นให้ไปซื้อของเข้าบ้านน่ะ  ดีนะที่ลูกกลับมาดูแล  ไม่งั้นชั้นคงต้องเหนื่อยออกไปซื้อเองเพราะมีคนไปเมาหัวราน้ำไม่กลับบ้านกลับช่องน่ะ"

"ใจเย็นๆน่ะปุ้ย  ที่ไอ้ชัยไปค้างบ้านข้าก็เพราะจะคุยงานกับมันน่ะ...ว่าแต่หนูนี่เพื่อนเนจริงๆเหรอ  มาด้วยกันแค่สองคนแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะมีข่าวดีมาถึงบ้านนะ" กำนันแกล้งคุยเปลี่ยนเรื่องเพื่อช่วยเพื่อนที่ตอนนี้ยืนหน้าชาเหมือนถูกตบไปแล้ว

"แค่เพื่อนน่ะ  ใช่มั้ยหนูแต้ว"

"ค่ะ  หนูเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของน้องเนเฉยๆน่ะค่ะ" แต้วฝืนตอบออกไปด้วยความเจ็บช้ำที่แม่ของชายคนรักไม่คิดจะแนะนำเธอให้คนอื่นรู้จักด้วยซ้ำ

"อ้าวเหรอ!  นึกว่าลูกชายเราจะพาแฟนมาไหว้พ่อไหว้แม่สักทีซะอีก  แต่แบบนี้ถือว่ามันตาไม่ถึงนะ  หนูสวยขนาดนี้แต่ยังไม่จีบอีก"

"คุณนี่นะ  เพื่อนก็คือเพื่อนสิ  พูดแบบนี้จะทำให้แขกกระอักกระอ่วนซะเปล่าๆ  เดี๋ยวเถอะ  คดีเก่ายังไม่เคลียนะ  ทำไมบ้านช่องถึงไม่กลับ  ไหนว่ามาซิ"

"..."

"พูดสิ  มีธุระอะไรถึงไม่กลับบ้าน" ปุ้ยเค้นถามสามีที่ทำหน้าเหรอหราตอบไม่ถูกไปเป็นที่เรียบร้อย

"ข้าชวนคุยเรื่องผ้าป่าการศึกษาน่ะ  ข้าว่าจะจัดช่วงปิดเทอม  เรี่ยไรเงินชาวบ้านมาช่วยเด็กๆในหมู่บ้านให้ได้เรียนสูงๆหน่อย  แต่คุยกับไอ้ชัยคนเดียวก็เหมือนแค่ได้ความเห็นคนเดียว  นี่ที่มาส่งมันเพราะจะคุยกับปุ้ยด้วยนี่แหละว่าคิดยังไงถ้าจัดงานช่วงปิดเทอม"

"อ้าวเหรอ  จะจัดผ้าป่าการศึกษาเหรอพ่อกำนัน  สาธุๆ  จริงๆ  ชั้นว่าจัดตอนไหนก็ดีหมดแหละ  แล้วนี่จะเตรียมงานอะไรยังไงล่ะเนี่ย" ปุ้ยถามอย่างกระตือรือร้นราวกับลืมเรื่องของสามีไปหมดสิ้น  ซึ่งชัยก็แอบขยิบตาขอบคุณเพื่อนกับความช่วยเหลือนี่และรีบชิ่งไปอาบน้ำทันที  ปล่อยให้เพื่อนรักคุยกับเมียตัวเองต่อโดยไม่ได้ตงิดใจในเรื่องที่คุยกันเมื่อคืนที่ผ่านมาเลย

 

ขณะเดียวกัน  อีกด้านหนึ่ง ณ ตลาดเช้าหลังหมู่บ้าน  ผู้คนต่างมาจับจ่ายใช้สอยกันอย่างขวักไขว่  เนเองก็มาเลือกซื้อของสดจากรถกระบะพุ่มพวงเจ้าเดียวของตลาดที่มีให้เลือกซื้อมากมายทั้งผักทั้งเนื้อสัตว์ตามเมนูที่แม่เขาตั้งใจจะทำให้ 

"รีบๆซื้อ  เจ้อยากรีบขาย  หมดนี่แล้วเจอกันอีกทีมะรืนเลยนะ  ใครไม่อยากอดผักอดเนื้อก็รีบๆหยิบรีบจ่าย" เสียงสาวหมวยรุ่นน้าดันลั่นอยู่ท้ายรถเร่งให้เหล่าลูกค้าต่างพากันจับจ่ายให้เร็วยิ่งขึ้น  ซึ่งเนเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน

แต่หลังจากควักเงินออกมาจ่ายสินค้าได้อึดใจเดียว  จู่ๆเขาก็ต้องเซล้มทำกับข้าวที่ซื้อไปหล่นคลุกฝุ่นจนหมดเมื่อถูกใครบางคนชนเข้าอย่างจัง

"เฮ่ยคุณ!" เนร้องทักออกมาอย่างเดือดดาลเมื่อเห็นว่าคนที่ชนเขาไม่แม้แต่จะหยุดหันมาดูด้วยซ้ำ  เขารีบลุกทำท่าจะคว้าแขนเธอคนนั้นเอาไว้  แต่หญิงสาวแปลกหน้าคนนั้นกลับวิ่งหนีไปทันที

เจอแบบนี้เขาก็ถึงกับงง  ไม่เข้าใจว่าทำไมเพียงแค่มาชนคนอื่นให้ล้มถึงไม่กล้าขอโทษแล้วยังวิ่งหนีไปแบบนั้น

"อ้าว!!  ของหล่นพื้นเสียหมดแบบนั้นเจ้ไม่รับคืนนะบอกไว้ก่อน  จะซื้อใหม่ก็หยิบใหม่"  แม่ค้าปากกล้าเอ่ยดักคอเอาไว้  ทำเอาเด็กหนุ่มออกอาการเซ็งไม่ได้

แต่เมื่อเขาล้วงกระเป๋าหวังจะหยิบเงินมาเตรียมจ่ายซ้ำก็ต้องพบว่ามันไม่อยู่กับตัวซะแล้ว 

"เวรเอ้ย!"

เพราะหญิงสาวคนนั้นวิ่งนำไปก่อนแล้วเธอจึงไปไกลเกือบพ้นเขตตลาดและกำลังจะลับสายตา  เนจึงต้องรีบตามไป

ด้วยกำลังของผู้ชายอีกทั้งยังได้รับพลังจากเหล่าอักษรที่สะสมมาจึงทำให้เขาพุ่งตัวตามไปได้อย่างรวดเร็ว  แต่เพราะถูกนำไปไกลแล้ว  กว่าจะตามเข้าไปได้ใกล้ก็พ้นจากเขตตลาดแล้ว

หญิงสาวคนนั้นวิ่งหลบหลีกตามซอกซอยต่างๆในหมู่บ้านด้วยความชำนาญเส้นทางทำให้แม้เนจะมีกำลังแค่ไหนก็ตามไม่ทัน  มิหนำซ้ำยังวิ่งวกวนไปยังเส้นทางที่ออกห่างจากบ้านคนไปเรื่อยๆกระทั่งเข้าสู่ถนนลูกรังร้างซึ่งรอบข้างมีแต่ป่าหญ้า  เขาจึงหาวิธีอื่นที่จะจับตัวเธอได้

สายตาจอมเวทย์อักษรเหลือบขึ้นไปมองชื่อกับนามสกุลเหนือหัวหญิงสาวคนนั้นก่อนจะรีบคิดเรียบเรียงอักษรให้ให้เร็วที่สุด

...คนิ้ง  ชลธิดา  วิจารย์วาจา...

เมื่อเอามารวมกับอักษรที่เขาได้มาแล้วรวมทั้งคลังอักษรจากแหม่ม  เภสัชสาวและน้าขวัญ  แม่บ้านสาวใหญ่ที่ต่างท้องกับเขาทั้งคู่ก็จะได้อักษรมากพอให้มาผสมเป็นคำใหม่

 

...คนิ้ง  ชลธิดา  วิจารย์วาจา...ขวัญ  กัญสุดา ทิพอมร...แหม่ม  เขมอัปสร  วียานนท์...

 

"คนิ้ง  เดี๋ยว!!" เขาตะโกนเรียกชื่อหญิงสาวคนนั้นเอาไว้ก่อน  ถึงจะรู้ว่าเธอคงไม่หยุดแต่ก็เพื่อดึงสติให้ตั้งใจฟังในสิ่งที่เขาจะพูด

"ฟังนะ  ถ้ายังวิ่งหนีผมคุณจะ 'จุก' และ 'ทรมาน' มากขึ้นเรื่อยๆ  หยุด 'ดิ้น'รนและนอน 'แหกขา' ยอมแพ้ได้แล้ว"

สิ้นคำพูด  คำในคลังอักษรของเขาก็วิ่งไปแทรกรวมในชื่อของหญิงสาววัยแรกแย้มผสมรวมกันเป็นคำว่า  'จุก'  'ทรมาน'  'ดิ้น'  และ'แหกขา'  ก่อนจะหลอมละลายลงมารวมกับประโยคอื่นซึมเข้าไปในตัว
 


ใน fictionlog meb ookbee readAwrite ตามนี้ครับ















ส่วนด้านล่างอักขระวิเศษ  ขอฝากผลงานสักนิดนะครับ





                   

--------------------------------------------------------------------------------------------

เข้าสู่ห้องสารบัญหนังสือ

ห้องสารบัญหนังสือ

---------------------------------------------------------------------------------------------
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

pongsap


มะยม ร้อยเอ็ด


peddo

คำเหล่านี้​มันอยู่ในจิตใต้สำนึก​ครับ ผสมออกมาอย่างไว รอผสมพันธุ์​ต่อ 555

จรัญ บุญชู


jackwan01


poster007

แหกขาจนจุกไม่ให้ไปไผนแน่ๆแบบนี้ละมันแน่ๆ

songsak


kodzilla


optiplex

แบบนี้คงได้มีจุกแน่นอนเลยสาวน้อย


ryu

ได้ล้างแค้นเอาค่ากับข้าวคืนจน"จุก" แน่นอน

therasak

เจอคาถาแบบนี้คงไม่รอดมือไปได้แน่ๆ

singkanong

สงสารพี่แต้วจังเลยว่าแต่น้องเนจะเจอคู่ปรับใหม่อีกไหมนะ

oddsk