ช่วงเช้าวันทำงาน หลังกลับมาจากการไปเยี่ยมบ้านเกิดเจน พอมานั่งอยู่ในออฟฟิศตัวเอง ทำเอารู้สึกเหมือนไม่ได้กลับมาทำงานมานานมากจนผมเริ่มาคิดกับตัวเองละว่าได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้างในรอบครึ่งปีที่ผ่านมาบ้าง
ทั้งการป้องกันการลาออกของน้องนุ่นโปรแกรมเมอร์ ทำให้พี่นกเลิกอาละวาดจนคนในทีมลาออก และล่าสุดหาพนักงานรีเซปชันฝรั่งเข้ามาทำงานในบริษัทยาวๆ ได้ ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าทำไปมันช่วยบริษัทไปได้เท่าไหร่หรือคิดเป็นเงินอย่างไร แต่เห็นว่าสาวๆ เขามีความสุขกับชีวิตการทำงานก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว
ไม่รู้ทำไมผมถึงคิดทบทวนถึงเรื่องพวกนี้หรือว่าเราอยู่ในช่วงที่เขาเรียกว่า ภาวะหมดไฟ และเริ่มคิดถึงชีวิตสโลว์ไลฟ์ในต่างจังหวัดที่เงียบสงบ ของกินก็ราคาถูก หรือเราจะลาออกไปใช้ชีวิตต่างจังหวัดที่บ้านเจน ทำไร่ไถนาเปลี่ยนชื่อเป็นจอห์นชาวไร่ดีมั้ยนะ ฟังดูคู่กับเจนด้วย
ระหว่างที่ผมนั่งคิดอะไรเพลินๆ ไปนั้น เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น
“...สวัสดีครับ” ผมยกหูขึ้นฟังน่าจะเป็นสายจากภายใน
“คุณเอกะทัศนัยภูดล ท่านประธานขอเรียกคุณพบด่วนเดี่ยวนี้ค่ะ” เสียงหวานแต่เย็นชาพูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่แค่ประโยคเดียวก็ทำเอาผมเสียวสันหลังวาบ
…และใช่ครับ นั่นคือชื่อจริงของผม ที่ทำให้ทุกคนคิดว่าเรียกชื่อเล่นผมจะดีกว่า
ผมเดินไปยังห้องของประธานผ่านด่านของแม่เลขาสาวสวยแสนหยิ่งคนที่โทรเรียกผมมาและไปถึงเลขาอาวุโสคนที่สอง ก่อนจะไปยืนเจี่ยมเจี้ยมอยู่หน้าโต๊ะประธานและพึ่งสังเกตว่ามีอาแป๊ะยืนยิ้มกว้างกำลังคุยอยู่กับประธาน
“สวัสดีครับท่าน” ผมปั้นยิ้มยืนกุมเป้าโค้งหัว
“อ้อ…คุณ…เอ ผมเรียกคุณมาก็เพราะเรื่องตำแหน่งใหม่ของคุณ” ประธานหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ
“ครับ” รู้สึกเสียวสันหลังวาบแข้งขาอ่อน
ประธานไม่พูดอะไรต่อเปิดไอแพดส่วนตัว ก่อนยื่นมาให้ผมดู ทำไมฉากมันดูคุ้นๆ เหมือนตอนโดนแกแบล็คเมล์วะ
แต่ผิดคาดบนหน้าจอกลับเป็นหน้าปฏิธินหนึ่งวันที่ลงตารางแน่นระดับนาที
‘13.01 โทร. คุณมาร์ค
13.15 ประชุมกรรมการบริษัทย่อย1
13.45 สัมภาษณ์นักข่าว
13.55 ข้าวกลางวันพร้อมรับฟังสรุปแผนงาน
14.10 ประชุมรายงานธุรกิจ
14.20 พูดคุยกับที่ปรึกษาทางการเงินจากธนาคาร’
.
.
.
พอดูเสร็จผมก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็เก๊กหน้าสงสัยมองประธานทันที
“นี่คือตารางของผมช่วงบ่ายนี้ ซึ่งถือว่าน้อยแล้วนะ ผมอายุจะ 70 แล้วมีบริษัทในเครือตั้งมากมาย ยังคงทำงานแบบนี้ทุกวันไม่มีวันหยุด พวกนักธุรกิจที่ให้สัมภาษณ์ว่าตัวเองมีสมดุลกับชีวิตหรือไปเที่ยวรอบโลกนะมันก็แค่สร้างภาพชีวิตจริงของผมทำงานในทุกลมหายใจ ขนาดการแต่งงานยังเป็นการ แต่ง เพื่อ งาน มีครอบครัวก็เพื่อธุรกิจ ทุกวันนี้พนักงานในบริษัทจำนวนนับหมื่นคนตื่นมาต้องกินต้องใช้ ก็มาจากเงินทองของผมทั้งนั้น ผมถึงให้คุณมาคอยดูแลในส่วนที่ผมดูแลให้พวกเขาไม่ได้ นั่นก็คือพื้นที่ส่วนตัวและเห็นได้ชัดว่าคุณช่วยให้บริษัทรักษาคนเก่งๆ ไว้ได้และยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ที่ขนาดพวกที่ปรึกษาเก่งๆ ระดับโลกมันยังทำไม่ได้”
ประธานเก็บไอแพดลุกขึ้นเดินพูดต่อยังกับกล่าวสุนทรพจน์กับคนนับพัน
“ผมไม่สนและไม่อยากรู้ด้วยว่าคุณทำได้ยังไง ตราบใดที่มันทำให้บริษัทของผมเติบโตได้”
ประธานพูดพร้อมกับมาตบบ่าผม ก็แน่ละ ถ้าหากพูดหรือเกริ่นออกมาก็เท่ากับประธานยอมรับว่าเป็นคนสั่งหรือรู้เห็นกับการทำงานของผมทุกอย่าง และถ้าวันไหนผมเกิดซวยกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่ง ชื่อเสียงรวมถึงมูลค่าของบริษัทในตลาดหุ้นได้ร่วงติดจรวดแน่ และไอพวกบอร์ดบริหารก็คงใช้เรื่องนี้ในการไล่ประธานออก แต่ก่อนหน้านั้นผมคงโดนประธานพาไปคุยกับรากมะม่วงหรืออยู่กับปลาก้นอ่าวก่อนแน่
ผมได้แต่ถอนหายใจในใจ หน้าก็ปั้นสีหน้าจริงจังรับฟังแกบ่นไปเรื่อย ก่อนประธานจะเปลี่ยนเรื่องกระทันหัน
“ผมอยากให้คุณรู้จักกับคนๆหนึ่ง คนผู้นี้แม้แต่ในบริษัทเราเองก็มีเพียงน้อยคนที่จะรู้จักเขา…เขาก็คือซินแสประจำตระกูลผมที่คอยเป็นที่ปรึกษามาให้ผมตลอด 50 ปีจนเรามีทุกวันนี้” ประธานผายมือไปที่ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ
ชายวัยสูงวัยหัวหวีผมเรียบแปล้เงาวับใส่สูทผูกไทรียบร้อยนั่งยิ้มแย้มอยู่ข้างประธาน ไอเจ๊กเนี่ยเหรอซินแสที่ไปเป่าหูประธานเรื่องพลังหยางของผม จนทำให้ผมได้ตำแหน่งนี้มา
เดี่ยวนะ ซินแสเดี่ยวนี้เขาไม่ได้ใสชุดจำพวกแบบจีนโบราณๆ หรือถือธงเดินไปเดินมาหรอกเหรอ
ระหว่างที่ผมคิดเรื่องพวกนี้อยู่ซินแสก็เดินมาคว้าไปที่ช้างน้อยผมขยำเต็มๆ เห้ยยยยย
“ไอ๊หย่าาาา อั๊วว่าเลี้ยวว ไม่ผิกจิงๆ” ทำบ้าไรฟระไอเจ๊ก…แม่…ง เอ๊ยยย อูยยจุกไปหมด
“นี่ละๆ ความร้อง ชีพจรมังกร ความเข้มแข็งสอดรับกับกระแสปราณของธาตุดินและฮ้วงจุ้ย เห็นมั้ยท่านปราธาง” ไอเจ๊กเอากระดาษกับเข็มทิศ เขียนๆ อะไรสักอย่าง ให้ประธานดูซึ่งประธานก็ยิ้มหน้าชื่นตาบานรับราวกับเป็นสิ่งที่คาดไว้อยู่แล้ว
“คุณอาจไม่เชื่อ แต่นี้คือตัวเลขกับอักษรจีนตัวเดียวกับที่ท่านซินแสให้ผมดูก่อนที่คุณจะเข้ามารับตำแหน่งนี้ แถมยังเขียนพยากรณ์ตัวเลขหุ้นของเราในช่วงที่คุณมาเข้ารับตำแหน่งนี้ไว้ล่วงหน้าได้ถูกหมด”
ผมปั้นหน้าตาตกใจจากนั้นพยักหน้าทำท่ายอมรับนับถือ ถึงในใจจะคิดว่าถ้าไอซินแสนี่แม่นจริงงั้นจะจ้างนักวิเคราะห์หุ้นไว้ทำไมวะ
“และด้วยฮวงจุ้ยหนุนนำชีพจรมังกรจะยิ่งเสริมพลังหยางในตัวลื้อ ยิ่งลื้ออยู่ในจุดหัวใจมังกร ก็คือตึกนี้จะยิ่งทำให้พลังหยางของลื้อไม่มีที่สิ้งสุก” ถึงจะฟังดูเพ้อเจ้อ แต่ก็ทำเอาคิดถึงเรื่องที่ผมยังไม่ซีดตายคาอกใครทั้งๆ ที่จัดหนักจัดแหลกไม่มีหยุดหลังย้ายมาทำตำแหน่งนี้
“...แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากให้คุณรับรู้ เรื่องที่คุณต้องไปจัดการมันเกี่ยวกับสิ่งที่ท่านซินแสจะบอกต่อจากนี้”
อยู่ดีๆซินแสก็เอาแว่นขยายอันใหญ่เบิ้มมาส่องๆ หน้าผากผมจนผมแอบเอียงตัวหนี
“อั๊วม่ายรู้หรอกนาว่าลื๊อไป ทำอีท่าไหน ถึงมีพลังหยินวนวียงอยุ่ในตัวเยอะจนสมมะดุงกับพลังหยางของลื้อ แต่ดูท่าจะมีสาวๆ มาหลายคงละสิช่วงนี้”
“เอ่อออออ ครับ…คือว่าาา” ผมได้แต่ยิ้มแห้ง สมองก็ทำหน้าที่หาทางออกให้ตัวเองโดยเร็วที่สุดไป
“ช่างลื๊อเถ๊อะๆ…แต่ดูจากโหงวเห้งบนใบหน้ากับชะตาเลขเดือนเกิดอั๊วมั่นใจมักว่า ลื๊อจะถึงช่วงดวงชิบหายมาเยือง”
“อะไรนะครับ” เดี่ยวนะไอเจ๊กนี่แม่งพูดอะไรซี่ซั่วต่าวะ
“ศาสต์แห่งดวงดาวไม่เคยโกหกนาา อั๊วดูหน้าคนกับคำนวนวังเดืองปีเกิก มามากกว่า 50 ปี นอกจากประธางที่มีโหงวเฮ้งแห่งจ้าว ก็มีลื้อนี่ละที่ชะตาผูกพังกับเส้งชีพจรมังกรแห่งนี้” ยิ่งพูดยิ่งเสียงดัง โบกมือไปมาท่าทางน่าจะถึงเวลากินยามากกว่ามาทายดวง
“ตองนี้เปงช่วงวิกฤติของลื้อ ถ้าไม่รีบหาทางแก้เคล็ดสะเดาะห์เคาะห์ละก้อ ไม่เพียงแต่ตัวลื๊อ มันจะชิบหายไปถึงบริษัทเลยนา” ยิ่งพูดซินแสแกยิ่งหน้าแดง เส้นเลือดปูด แว่นกระตุก
“...” ผมอดมองหน้าประธานไม่ได้ แต่ในใจก็เริ่มคิดละว่า อีหยังวะ
“เอ้าลี่ๆ ทางแก้ ลื้อต้องไป แต่งงาง กับสตรี ที่ต้องดวงกับลื้อ เพื่อต่อชะตาเสริมดวง ไม่อย่างนั้น…ก็ต้องทำให้ชะตาของลื้อแยกออกจากฮวงจุ้ยบริษัท”
“...ห๊ะ” ผมอดอุทานออกมาไม่ได้ อยู่ๆ จะให้ผมไปแต่งงานกับใครที่ไหนไม่รู้เพื่อบริษัทที่ไม่ใช่ของตัวเองเนี่ยนะ
“คุณไม่ต้องตกใจไป อย่างที่ผมเคยบอก แม้แต่การแต่งของผม ก็ยังเป็นการ แต่งเพื่องาน พอจัดการเสร็จก็แยกย้ายกันใช้ชีวิต แต่ดวงการงานธุรกิจผมกลับรุ่งเรืองทันที คุณคงเข้าใจนะ” ประธานสบตาผมนิ่ง
…ความหมายของประธานก็คือ แต่งซะแล้วชีวิตแกจะรุ่งไม่อย่างนั้นก็ไปคุยกับรากมะม่วงแทน
“เอ้านี้ วังเลือง ปี เกิก กับชะตาตกฟาก อั๊วเขียงเปงวังเวลาไทๆ ให้เลี้ยว ไปหามาแล้วจักการให้ฟ้าดิงรับรุ้ว่าพวกลื้อได้แต่งงานกังเลี้ยว จากนั้นชะตาลื้อจะพลิกร้ายเปนดีเอง”
“ผมเข้าใจ คุณไม่ต้องถึงขั้นจดทะเบียนสมรสหรือแต่งงานจริงๆ ก็ได้แต่อย่างน้อยต้องให้มีการแต่งงานกัน…ส่วนเรื่องฝ่ายหญิงในบริษัทเรามีพนักงานอยู่เป็นหมื่น คงพอจะมีสักคนที่เลขตรงกับที่ท่านซินแสบอกไม่ว่าจะเป็นใครคุณใช้อำนาจผมได้เต็มที่ หรือถ้าไม่มีผมก็ยินดีจะให้คนไปหามาให้คุณ”
โอ้ววว ชีวิต อยู่เฉยๆ ก็มีประธานหาเมียมาให้น่าดีใจจนอยากหนีไปบวช จริงๆ
“แต่ลื๊อต้องระวังนาถ้าเสือกหาคงที่ดวงเกิกคล้าดเคลื่อนแม้แต่นิดเดียวดวงลื้อจะฉิบหายทันที…และสำคังที่สุก ลื้อต้องอยู่ใกล้ชิกกับผู้หยิงคงนั้น 3 เดือน จงกว่าดาวนพเคราะห์จะเคลื่องผ่างปาย” ตาแป๊ะยาหม่องน้ำพูดส่งท้าย และประธานจะพูดสมทบปิดการสนทนา
“เรื่องนี้คุณจะทำยังไงก็ได้ พอได้ตัวคนก็ค่อยมารายงานผม ผมสนับสนุนทุกอย่างแต่การสนทนานี้ต้องเป็นความลับสุดยอด ห้ามให้ใครรู้เด็ดขาด” ประธานเดินมาบีบไหล่ผมส่งท้าย ส่วนผมยืนเกร็งฉี่แทบราด
.
.
.
หลังออกมาผมก็ยืนเกาหัวมองเศษกระดาษที่จดวันเดือนปีกับเวลาเกิดของผู้หญิงที่ผมไม่รู้จักและต้องไปหาทางแต่งงานด้วย และพอดูปีเกิดก็อายุมากกว่าผมพอควรเลยด้วย
ว่าแต่ มันจะไปหาข้อมูลเวลาเกิดของใครที่ไหนก็ไม่รู้ได้ยังไงวะ
.
.
.
“ได้สิ” พี่แนทตอบมาง่ายๆ แทบจะทันทีหลังผมเดินมาถามที่ออฟฟิศเธอ
“ห๊ะ จริงปะพี่”
“ก็พวกระดับ Management กับระดับอาวุโสเขาต้องเอาเวลาเกิดไปคำนวนความเหมาะสมของชะตากับแผนกก่อนบรรจุไง” โอ้วววว บริษัทกู ถึงว่าทำไมเจริญขนาดนี้ (ประชดนะ)
“ขนาดตอนสัมภาษณ์ยังต้องมีพวกหมอดูมานั่งเช็กโหงวเฮ้งตอนสัมฯเลยจำไม่ได้เหรอ” พอนึกๆ ดูก็เหมือนตอนสัมฯ จะมีตาลุงอยู่คนที่ไม่ถามคำถามอะไร เอาแต่จ้องหน้าผมทั้งชั่วโมงแต่มือกลับเขียนอะไรไม่รู้ตลอดเวลาการคุย
“อ่อออออ พอจะจำได้ละครับ”
“ว่าแต่จะหาคนที่เกิดวันเวลานี้ไปทำไมละ” พี่แนทถามหลังเอาเลขที่ผมได้ไปคีย์เข้าฐานข้อมูล
“...ได้เลขเด็ดมา เลยคิดว่าถ้ามีคนเกิดตรงจะเอาไปแทงหวยนะครับ”
“ไม่ตลกนะ” พี่แนทหันมาฟาดผมไปอีก 1 ที
“5555 อ่า ครือเป็นคำสั่งลับจากประธานอะ ครับ” ผมก็ไม่กล้าเปิดเผยเรื่องต่อเธอมากด้วยสิ แล้วมันจะมีโอกาสสักแค่ไหนกันที่คนๆ นั้นดันทำงานอยู่ในบริษัทพอดี
“...มีจริงๆ ด้วยนะ คนนี้” โอ้ววว แจ๊คพอต โชคดีที่ไม่ต้องงมหาจากข้างนอก
“ใครเหรอครับ”
“เดี่ยวก่อนสิ มาขอความลับกันง่ายๆ แบบนี้ไม่มีอะไรให้พี่บ้างหรือไง” พี่แนทแกล้งปิดหน้าจอทันที หันมานั่งไขว้ขาโชว์ขาอ่อนอวบๆ เต็มๆ
 
“เอ้า นี่ข้อมูลของคนที่เอถาม…จะไปจัดการอะไรคนนี้ก็ระวังด้วยละกัน” พี่แนทปริ้นท์ข้อมูลใส่แฟ้มยื่นให้ผมในสภาพเปลือยเปล่า ว่าแต่เดี่ยวนี้ใจกล้าขนาดแก้ผ้าทำงานแล้วนะเนี่ย
“ขอบคุณครับ…เมียจ๋า” พี่แนทหน้าแดงเอาแฟ้มฟาดผมไปอีกทีก่อนไล่ผมออกไป
ผมเดินกลับออฟฟิศตัวเองด้วยความสบายใจก่อนก้มดูข้อมูลในแฟ้ม เป็นหญิงสาวหน้าตาสวยคมอายุ 42 ปี เข้าทำงานมา 4 ปี สถานะภาพ หย่าร้าง จำนวนบุตรธิดา 1 คน ระดับทีมบริหาร…ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการตลาดกลุ่มภูมิภาคเอเชีย…
…แล้วจะไปหาทางแต่งงานด้วยยังไงวะเนี่ย…
คราวนี้เป็นคำสั่งตรงจากประธานด้วย จะจัดการยังไงนะ
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน