ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

สัปประยุทธ์ทะลุฟ้า NTR บทที่ 6 เสี่ยวอีเซียนยอมจำนน

เริ่มโดย Oumale, ตุลาคม 30, 2024, 03:55:59 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

Oumale

อัพตอนนี้ล่วงหน้าก่อนวันที่ 1 ครับ
----------------------------------------------------------------

รวมนิยายทั้งหมด

สัปประยุทธ์ทะลุฟ้า NTR (ทั้งหมด 35 ตอนจบ)
บทที่ 1 จุดจบอันเลวร้าย
อ่าน : //two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=289806.0
บทที่ 2 จุดเริ่มต้นความอัปยศ
อ่าน : //two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=290054.0
บทที่ 3 ทาสราคะ กู่ซวินเอ๋อร์
อ่าน : //two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=290316.0
บทที่ 4 บุปผางามกลางหมู่มาร
อ่าน : //two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=291040.0
บทที่ 5 ซวินเอ๋อร์คาวโลกีย์
อ่าน : //two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=291294.0
บทที่ 6 เสี่ยวอีเซียนยอมจำนน
อ่าน : กำลังอ่าน
บทที่ 7 สองสาวงามลากคันไถ
อ่าน : ในกลุ่มลับ (อัพเดทลงเว็บ 1/2/2568)
บทที่ 8 ทาสกามที่สมบูรณ์แบบ
อ่าน : ในกลุ่มลับ (อัพเดทลงเว็บ 1/3/2568)
บทที่ 9 การตัดสินใจของไฉ่หลิน
อ่าน : ในกลุ่มลับ (อัพเดทลงเว็บ 1/4/2568)
บทที่ 10 ไฉ่หลินและเซียวเซียว
อ่าน : ในกลุ่มลับ (อัพเดทลงเว็บ 1/4/2568)
บทที่ 11 แม่ลูกในห้วงตัณหา
อ่าน : ในกลุ่มลับ (อัพเดทลงเว็บ 1/5/2568)
บทที่ 12 งานแต่งงานแสนสุข
อ่าน : ในกลุ่มลับ (อัพเดทลงเว็บ 1/6/2568)
บทที่ 13 คืนเสียบริสุทธิ์ของบุตรสาว
อ่าน : ในกลุ่มลับ (อัพเดทลงเว็บ 1/7/2568)
บทที่ 14 ห้องหอระเริงกาม
อ่าน : ในกลุ่มลับ (อัพเดทลงเว็บ 1/8/2568)
บทที่ 15 น่าหรันเหยียนหรานและหยุนหยุน
อ่าน : ในกลุ่มลับ (อัพเดทลงเว็บ 1/9/2568)
บทที่ 16 อาจารย์และศิษย์กลายเป็นทาส
อ่าน : ในกลุ่มลับ (อัพเดทลงเว็บ 1/10/2568)
บทที่ 17 เบิกทวารศิษย์อาจารย์
อ่าน : ในกลุ่มลับ (อัพเดทลงเว็บ 1/11/2568)
บทที่ 18 ความลับเหล่าหญิงงาม
อ่าน : ในกลุ่มลับ (อัพเดทลงเว็บ 1/11/2568)
บทที่ 19 น่าหรันเหยียนหรานประสบเคราะห์
อ่าน : ในกลุ่มลับ (อัพเดทลงเว็บ 1/11/2568)
บทที่ 20 คืนแรกของน่าหรันเหยียนหราน
อ่าน : ในกลุ่มลับ (อัพเดทลงเว็บ 1/11/2568)
บทที่ 21 ทาสคนต่อไป จื่อเหยียน!!
อ่าน : ในกลุ่มลับ (อัพเดทลงเว็บ 1/11/2568)



เนื้อหาในเว็บผมจะอัพเดทให้เดือนละตอนนะครับ ทุกวันที่หนึ่งของเดือน ส่วนในกลุ่มลับจะอับลงทุก 1-3 วันจนกว่าจะทันต้นฉบับ
ใครอยากเข้ากลุ่มลับสามารถแอดมาพูดคุยได้ที่ FB : Art atowai 
ค่าเข้า 150 บาทราคาเดิม และอ่านได้ล่วงหน้าแบบไม่ต้องรอนาน

[/size]
--------------------------------------------------------------------------------------------

บทที่ 6 เสี่ยวอีเซียนยอมจำนน

   
     หุนเทียนตี้ปรบมือพลางหัวเราะ "หึหึหึ เสี่ยวอีเซียนเอ๋ย ไม่ได้พบกับนานเชียว ทำไมถึงจะเป็นข้าไม่ได้เล่า?"
   
     กระรอกตัวหนึ่งหยิบเมล็ดถั่วขึ้นมาแทะและมองดูชายหญิงใต้ต้นไม้ด้วยอารามสงสัย มันจับจ้องบรรยากาศแปลก ๆ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทั้งสองพูดอะไรกัน
   
     สองชายหญิงสนทนากันหลายคำ
   
     ทันใดนั้นสมุนไพรที่สตรีชุดขาวพึ่งเก็บมาก็เบ่งบานและอาบย้อมด้วยแสงขมุกขมัว จากนั้นแปรเปลี่ยนเป็นกรงแสงและขังนางเอาไว้ข้างใน
  
     สาวงามชุดขาวพยายามขัดขืนแหกกรงอยู่หลายรอบ ทว่าล้มเหลวทั้งหมด เกศาสีเงินยวงของนางสะบัดพัด ใบหน้าสวยสดกลายเป็นซีดเซียวถอดสี ยิ่งมายิ่งเคร่งขรึมมากขึ้น
  
     กลีบปากสีแดงชาดของหญิงสาวขบเม้มแน่นราวกับกำลังตัดสินใจในเรื่องที่หนักหนา
   
     กระรอกน้อยแลเห็นสาวงามในชุดขาวหลอมรวมพลังงานสีดำชั่วร้ายเข้าสู่ร่างกายขของนาง พริบตานั้น บุรุษชุดดำก็ปลดกรงออกและยื่นม้วนหนังสือแก่นาง
   
     สตรีชุดขาวรับไว้และกวาดตาอ่านอย่างกระอักกระอ่วน จากนั้นร่างงามก็ร่ายรำเบื้องหน้าชายชุดดำด้วยท่าทางไม่เต็มใจ อาภรณ์ของนางโบกพลิ้วราวกับปีกผีเสื้อ กระโปรงปลิวไสวเฉกเช่นกลีบบุปผาที่เบ่งบานยามวสันตฤดู
  
     ไม่นานหญิงงามในชุดขาวก็ดึงเชือก ชุดกระโปรงยาวของนางหลุดออกระหว่างร่ายรำ ประหนึ่งกลีบบุปผาที่โรยรางยามสิ้นแสง
  
     สตรีร่างบางสวมเสื้อคลุมปกปิดร่างกึ่งเปลือยของนางอย่างขวยเขิน กระรอกน้อยมองส่งคนทั้งสองหายไปในช่องว่างมิติ
    
     ครั้นไร้สิ่งดึงดูด กระน้อยน้อยก็กระโดดไปมาและหายเข้าไปในพงไพรที่กว้างใหญ่
   
     ดวงตะวันยามอัสดงใกล้ลาลับ มวลอากาศยังอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมเฉพาะตัวของสาวงามผมสีเงินจาง ๆ แต่ก็แฝงไว้ด้วยความโดดเดี่ยวและเศร้าสร้อยอยู่ในที


----------------------------------

   
     ในเวลาเที่ยงคืน เสียงฝีเท้าของคนสองคนดังก้องอยู่ในซากโบราณสถาน ทางเดินนั้นมืดมิดและทอดยาวราวกับไร้สิ้นสุด ประติมากรรมสัตว์ร้ายบนกำแพงทั้งสองด้านเปี่ยมด้วยความดุร้ายน่าหวาดหวั่น เสมือนว่ากำลังขมขู่หญิงสาวที่ห่อหุ้มอยู่ใต้เสื้อคลุมยาวมิดชิด ถึงกระนั้นแน่นอนว่าไม่มีทางทำให้เสี่ยวอีเซียนซึ่งเป็นเทพยุทธ์คนหนึ่งขลาดกลัวได้  
  
     เสี่ยวอีเซียน "ยังไม่ถึงอีกรึ?"
  
     หุนเทียนตี้เหลียวคอกลับพร้อมแสยะยิ้ม "เป็นกระไร...เจ้ารีบร้อนขนาดนั้นเชียว? เจ้าน่าจะทราบดีแก่ใจว่าข้าจะทำอะไรกับเจ้าหลังจากนี้แท้ ๆ"
   
     เสี่ยวอีเซียนหน้าแดงก่ำ กัดริมฝีปากของนางและนิ่งเงียบไม่กล่าวอะไรอีก
   
     หุนเทียนตี้ไม่คิดมากความ เขาเปิดกลไกอย่างสบาย ๆ นำทางเสี่ยวอีเซียนเข้าไปยังประตูลับ ตอนนั้นเอง วิสัยทัศน์โดยรอบก็สว่างวาบ สร้างความประหลาดใจว่าภายในโบราณสถานที่เก่าแก่กลับมีพื้นที่กว้างขวางอย่างน่าอัศจรรย์ ในโถงทรงกลมมีห้องศิลาเจ็ดห้องที่มีลักษณะแตกต่างกัน
  
     เสี่ยวอีเซียน "ที่นี่คืออาณาเขตของตระกูลหุนของเจ้างั้นรึ?"
  
     หุนเทียนตี้ "ทั่วทั้งแดนลับแห่งนี้คือพื้นที่ของตระกูลหุนของข้า ข้าสามารถควบคุมทุกอย่างในนี้ได้"
  
     เสี่ยวอีเซียน "เจ้า...เจ้าไม่แม้แต่จะเหลือความเป็นส่วนตัวให้พวกเราด้วยซ้ำ..."
  
     หุนเทียนตี้โบกมือและกล่าว "ไม่ว่าข้าจะทรงพลังขนาดไหน ก็ไม่อาจจับตามองเทพยุทธ์โดยไม่ให้ถูกสังเกตเห็นได้"
  
     เสี่ยวอีเซียนถอนหายใจโล่งอก นางไหนเลยจะอยากให้หุนเทียนตี้ทราบว่าตัวเองร้องชื่อเซียวเหยียนขณะผ่อนคลายตัวเองยามค่ำคืน...
  
     หุนเทียนตี้ "แต่ทว่า หยาเฟ่ยและน่าหรันเหยียนหรานมีรูปร่างที่ไม่เลวทีเดียว อ๋อ ยังมีเซียวเซียวอีกคน นางรูปโฉมงดงามไม่ต่างจากมารดาแม้อายุยังน้อย"
  
     เสี่ยวอีเซียน "เจ้าเดรัจฉาน กระทั่งเซียวเซียวก็ไม่คิดจะละเว้นเชียวหรือ?"
  
     หุนเทียนตี้ "ไยข้าต้องปล่อยนางเล่า ฮ่าฮ่า แทนที่จะมั่วห่วงใยผู้อื่น ตอนนี้เจ้าควรเป็นห่วงตัวเองจะดีกว่า"
  
     เสี่ยวอีเซียนมองไปที่ประตูของ 'หอคอยสิ้นอมตะ' และพึมพำกับตัวเอง
   
     "ที่นี่คือปลายทางของข้า?"
  
     หุนเทียนตี้ "ที่นี่คือปลายทางของเจ้า"
  
     เสี่ยวอีเซียนเดินตรงไปที่หอคอยสิ้นอมตะก่อนจะผลักประตูแสนหนักอึ้งออก แรงกดดันมหาศาลที่อยู่ข้างในพลันทำให้นางต้องล่าถอยไปหลายก้าวอย่างไม่ตั้งตัว เห็นได้ชัดว่ามีเพียงผู้อาวุโสตระกุลหุนซึ่งอยู่ในระดับเทพยุทธ์เหมือนกันเท่านั้นจึงจะทำให้เสี่ยวอีเซียนรู้สึกกดดันปานนี้
  
     หุนเทียนตี้ "ผู้เฒ่า ช่วยสงบสติอารมณ์และอย่าทำให้สาวน้อยนางนี้ตกใจได้หรือไม่?"
  
     หุนเฉียนโม่ "สาวน้อยอันใด? นับแต่เราทำศึกกับพันธมิตรเหยียน ลูกหลานของตระกูลเราต้องตกตายด้วยน้ำมือของนังผู้หญิงคนนี้ไปกี่คนแล้ว? ต่อให้นางถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ก็ยังไม่พอที่จะชะล้างความเกลียดชังในใจของข้าไปได้"
  
     หุนเทียนตี้ "นางยอมจำนนต่อตระกูลหุนเราและพลีกายเป็นทาสแล้ว ในตอนนี้...ไม่จำเป็นต้องผ่านางเป็นชิ้น ๆ เราสามารถระบายกับนางในร่างที่ยังเป็น ๆ ได้"
  
     หุนเฟิง "ต้องลำบากไม่น้อยกว่าข้าจะรักษาตัวสำเร็จ ข้าจะทุบตีนางให้หนักชดเชยกับสิ่งที่เด็กสารเลวเซียวเหยียนนั้นทำ แม่นางน้อย...ใส่เสื้อคลุมมิดชิดเช่นนั้นไม่ร้อนรึ?"
  
     แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายจงใจกลั้นแกล้ง เสี่ยวอีเซียนก็ทำได้แค่เชื่อฟังไม่ว่าในใจจะโกรธเกรี้ยวขนาดไหนก็ตาม นางค่อย ๆ ถอดฮู้ดลง จากนั้นปลดเสื้อคลุมอันรุ่มร่ามของนางออกและเผยรูปกายดั่งเช่นกาลก่อน
  
     เอ่ยได้ว่านางเป็นสตรีที่สัดส่วนผอมเพรียว สะโพกอันโค้งเว้าเรียกสายตาไม่เป็นมิตรจากคนเลวทั้งหลายให้เปล่งประกาย ในอดีตเสี่ยวอีเซียนมักสวมแต่กระโปรงยาวยามต่อสู้ รูปร่างของนางไม่ด้อยไปกว่าหยุนหยุนหรือสตรีอื่นแต่อย่างใด
   
     สาวงามสะโอดสะองยังคงสวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ตามปกติ หากแต่กระโปรงถูกตัดให้สั้นลง เนื้อผ้าไร้น้ำหนักสามารถปกปิดบั้นท้ายที่ร้อนแรงของนางได้อย่างหมิ่นเหม่ ถ้ามีลมพัดหรือเคลื่อนไหวแค่เล็กน้อย ล้วนสามารถทำให้ผู้คนมองเห็นทิศทัศน์ใต้กระโปรงได้อย่างถนัดชัด คอเสื้อที่ห่อหุ้มลำคอระหงถูกตัดออกจนหมด และปรับแต่งเป็นเกราะอกที่เย้ายวนโดยจงใจให้เห็นหน้าอกครึ่งเต้า
   
     กระโปรงสั้นเป็นแค่ผ้าสองชิ้นที่ประกบหน้าหลัง เชื่อมโดยสายคาดเอวที่ถูกออกแบบมาเป็นการเฉพาะ เพียงมัดปมสองข้างบนสะโพก ขอแค่กระตุกเบา ๆ กระโปรงแสนลามกก็จะหลุดออกไป ปล่อยให้ท่อนล่างเปลือยเปล่าท้าลมหนาว
   
     เสี่ยวอีเซียนผู้เย็นชาคนนั้นสวมกระโปรงสั้นเต่อที่ทั้งลามกและเย้ายวน ทว่ากลับคับเน้นความงามให้โดดเด่นขึ้นอย่างไม่คาดคิด ราวกับหิมะที่ตกในฤดูใบไม้พลิ แฝงเร้นด้วยความรัญจวนแต่ก็บริสุทธิ์ ประหนึ่งเทพธิดาที่ตกลงสู่โลกมนุษย์ ถึงจะเป็นชายแก่ไม้ใกล้ฝั่ง เหล่าคนโฉดก็ยังอดไม่ได้ที่จะประทับใจไปกับความงามตรงหน้า 
   
     ทว่ารอยตัดนั้นค่อนข้างหยาบขาดความประณีต บอกให้รู้ว่าผู้ทำเป็นแค่มือใหม่ที่ไม่เคยเย็บปักถักร้อย
 
     เสี่ยวอีเซียนหน้าขึ้นสีและกล่าวเสียงค่อย "ชุดกระโปรงตัวนี้...ข้าเป็นคนตัดแต่งเอง เป็นของขวัญการพบปะครั้งแรกในฐานะทาสที่นายท่านหุนเทียนตี้ประทานให้..."
  
     หุนเฟิงกลืนน้ำลายอย่างฝืดเฝื่อนและแย้มยิ้มชั่วร้าย "เจ้ายังสวมเสื้อผ้ามากไปหน่อย บันไดของหอคอยสิ้นอมตะเก่าแก่และทรุดโทรมนัก ถ้าเจ้าอยากเดินขึ้นไป ต้องลดน้ำหนักให้เบากว่านี้"
  
     เสี่ยวอีเซียนจ้องสิ่งก่อสร้างใหม่เอี่ยมที่อยู่ด้านหลังหุนเฟิง นางอยากจะทุบอีกฝ่ายให้แหลกเป็นผงด้วยฝ่ามือเดียว แต่ก็ไร้ความสามารถจนทำได้แค่ถอดเสื้อผ้าออกตามคำสั่ง เพราะถ้านางไม่ถอด ประเดี๋ยว 'ศาสตร์บังคับวิญญาณ' ก็จะทำงานและบังคับให้นางถอดอยู่ดี
  
     กระโปรงสีขาวร่วงหล่นและเกราะอกน้อยชิ้นปลิวหายไป กระทั่งผู้อาวุโสตระกูลวิญญาณซึ่งผ่านการทรมานสตรีมานักต่อนัก ต่างไม่มีใครนึกถึงว่าเสี่ยวอีเซียนจะขวัญกล้าแต่งกายไร้ราคาปานนี้
  
     เถาวัลย์เล็ก ๆ สองต้นพันกันและโอบรอบร่างอรชรอ้อนแอ้นของนาง รัดรึงก้อนเนื้อกลมเกลี้ยงสองลูกบนหน้าอกที่ขนาดกำลังดีไม่ใหญ่ไม่เล็ก อกอูบอวมมีสีซีดจากการถูกพัวพันอยู่ใต้เถาวัลย์ที่ขดกันเป็นวง แต่ว่ากลับไม่ปกปิดถึงยอดอกจนแลเห็นคู่ปทุมสีชมพูชูชันแจ่มชัด มันเป็นชุดชั้นในที่เรียกว่าชุดชั้นในได้ไม่เต็มปาก
   
     บนบั้นเอวและกระดูกเชิงกรานก็มีเถาวัลย์พันอยู่สองเส้นเป็นรูปตัว V รัดประสานกันที่หว่างขาในตำแหน่งของอวัยวะเพศและทวารหนัก ทว่าไม่เพียงแต่ไม่ช่วยปกปิดให้มิดชิด มันกลับรั้งให้กลีบสวาทและรูก้นอ้าออกจนหมดเปลือก แสดงเนื้อในที่อ่อนไหวและบอบบางที่สุดของนางแก่โลกภายนอก
 
     เถาวัลย์เหล่านี้ขยับราวกับมีชีวิตตามการเคลื่อนไหวของเสี่ยวอีเซียน บีบรัดเพื่อทรมานนางเป็นครั้งคราว ในเครื่องแต่งกายที่เรียกได้ว่าโรคจิตเกินบรรยาย เปิดเผยส่วนสงวนทั้งสามจุดอย่างอล่างฉ่าง ยังผลให้เสี่ยวอีเซียนอยู่ในสภาวะอารมณ์พุ่งพล่านอยู่เสมอ

  
   
     บัดนี้แม้แต่หุนเฟิงที่เบิกตาค้างและเป็นต้นตอของคำโกหกก็พูดไม่ออก เสี่ยวอีเซียนเมื่อแต่งกายเช่นนี้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะถอดอะไรอีก
  
     หญิงสาวผู้เป็นทั้งเทพยุทธ์และหมอเทวะ เวลานี้ไม่ต่างอะไรกับโสเภณีชั้นต่ำ นางเดินไต่บันไดขึ้นไปด้วยความรู้สึกสิ้นหวังจับจิต
  
     พริบตาที่นางไปถึงชั้นสอง นางก็เห็นเซียวเหยียนซึ่งถูกปิดตากำลังนั่งสมาธิ นัยน์ตาของเสี่ยวอีเซียนหดวูบและห่อตัวลงตามสัญชาตญาณ อดไม่ได้ที่จะเหวี่ยงสายตากลับและด่าทอหุนเทียนตี้
   
     "เจ้าสัญญากับข้าแล้ว ไหนว่าจะไม่ทำร้ายเขาแม้แต่ปลายผม...อ๊ะ อ๊า.."
  
     นางลืมไปเสียสนิทว่าเถาวัลย์บนตัวเป็นสิ่งมีชีวิต มันขยับตามการเคลื่อนไหวที่ปุบปับของนาง หยอกเย้าในจุดที่อ่อนไหวยิ่งยวดทั้งสาม จนสุดท้ายนางก็อ่อนระทวยและเผลอครางออกมา
   
     หุนเทียนตี้กล่าวทีละคำ "แค่เพราะมันอยู่ที่นี่ ไม่ได้แปลว่าข้าทำร้ายมัน อีกทั้งมีคนอื่นอยู่ด้วย ต่อให้อยากทำแค่ไหนข้าก็ไม่มีโอกาส"
  
     เสี่ยวอีเซียนส่งเสียงกระซิบ "เขามองไม่เห็นแต่ยังได้ยิน ข้าจะทำต่อหน้าเขาได้เช่นไร...เรื่องแบบนั้น..."
  
     หุนเทียนตี้กระซิบตอบเหมือนกัน "ในมุมมองของมัน เจ้าและข้าล้วนเป็นเพียงภาพลวงตา ฉะนั้นไม่ต้องกังวลและกรีดร้องได้เต็มที่ หรือเจ้าอยากให้มันเห็นเจ้าในสภาพนี้มากกว่าแค่ได้ยินเสียง?"
  
      
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน



alasangel



jetdo100

ที่แท้แม่หมอก็ตกเป็นทาสราคะของท่านหุนก่อนซิวเออร์ซะอีก

neimuchan

จริงๆแล้วมี ID เก่า แต่ดันจำ password mail เก่าไม่ได้เลยต้องสมัครใหม่ -*-

yuta279

อีเซีนนตกเป็นทาสราคะต่อชวินเอ๋อร์ไปอีกคน