วิเวียนค่อยๆลุกขึ้นช้าๆ ก่อนที่เธอจะก้มลงมาสำรวจร่างกายตัวเอง ด้วยเวทย์รักษาที่เธอใช้ ทำให้ตอนนี้บาดแผลที่ท้องจากการถูกแทงโดยเวโรนิก้า ซี่โครงที่หักไปจากการทำร้ายของเบิร์น ตอนนี้หายเป็นปิดทิ้งแล้ว แถมกำลังของเธอก็กลับคืนมาได้บางส่วนแล้วอีกด้วย ....... แต่ปัญหาต่อจากนี้นี่สิ ตอนนี้เธอสถานการณ์ของเธอกำลังแย่เข้าไปทุกขณะ เพราะสิ่งที่เธอปรารถนาก็คือช่วยชายคนรักให้กลับมาอย่างปลอดภัย แต่จะทำยังไงในเมื่อเขาในตอนนี้ตกอยู่ในมือของแวมไพร์ที่หมายจะพาเขากลับ wonderland ไหนจะเหล่าพาลาดินที่ตามมาหมายจะเอาชีวิตเขาอีก ทำให้เธอในตอนนี้ต้องรับมือกับศึกสองด้านเลยก็ว่าได้
แต่ฉับพลันนั้นเอง เธอก็สัมผัสได้ถึงพลังมาน่ากลุ่มใหญ่ที่มีปริมาณมากมายมหาศาล มหาศาลขนาดที่สามารถปลุกไฟราคะที่มีอยู่ในตัวเธอให้ออกมาลุกโชน ร่องกลีบของเธอตอดรัดเป็นจังหวะอย่างเสียวซ่าน จนตัวเธอเองไม่อาจทนไว้ ต้องใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางแหย่เข้าไปในร่างสวรรค์เพื่อระบายความกำหนัดที่มีอยู่ออกมาให้หมด แต่เธอก็แหย่ร่องสวรรค์นั้นไม่ได้นาน เพราะแค่ครู่เดียวน้ำรักจำนวนมากของเธอก็หลั่งไหลออกมาเสียแล้ว เล่นเอาพรีสสาวต้องนอนฟุบหายใจแรงอย่างเหนื่อยหอบ
หลังจากขึ้นสวรรค์ไปหนึ่งรอบแล้ว พรีสสาวค่อยๆหลับตาลงเพื่อทำสมาธิสู้กับไฟราคะที่เกิดจากการโดนพลังมาน่าลึกลับนั่นปลุกโหม แต่แม้ว่าเธอจะเคยผ่านบทเรียนนี้มาจนเชี่ยวชาญแค่ไหน แต่คราวนี้มันกลับไม่ง่ายเลยเพราะพลังมาน่านี้ที่เธอเจอมันรุนแรงกว่ามาก แต่ว่าพลังมาน่าที่รุนแรงขนาดนี้เป็นของใครกัน “หรือว่าเป็นของ .....” เมื่อคิดได้ดังนั่นวิเวียนจึงฝืนร่างกาย รีบไปยังต้นตอของพลังมาน่านั้นทันที
.
.
.
และไม่กี่อึดใจ พรีสสาวก็มุ่งหน้ามาถึงห้องควบคุม ห้องที่เป็นต้นตอพลังมาน่าลึกลับนั่น แต่เธอก็คาดการณ์เจ้าของพลังมาน่าที่ว่านั่นผิดไป เพราะในตอนแรกเธอกลับนึกว่าเป็นของนายอาร์ตเหมือนที่ใช้ตอนสู้กับพวกเบลลิคเสียอีก แต่เจ้าของกลับเป็นแวมไพร์ร่างสูงใหญ่ที่มีไอสีดำพวยพุ่งอยู่ด้านหน้า และจากคำบอกเล่าของไอซ์เอจ แวมไพร์ตอนนี้คือแวมไพร์ลินคอร์น ขุนพลไร้พ่ายที่เป็นทหารคู่ใจของราชาแวมไพร์เลอเซอโร่ แต่ที่น่าใจยิ่งกว่าก็คือแวมไพร์ผู้นี้ เป็นผู้ที่ใช้ธาตุความมืด ธาตุพิเศษเช่นเดียวกับเธอ
แต่ถ้าเขาเป็นธาตุความมืด จะแพ้ทางธาตุแสงสว่างของเธอหรือเปล่า
“ลำแสงสะเก็ดดาว จงก่อร่างเป็นหอก”
วิเวียนร่ายเวทย์ของตัวเองทันที ก่อนที่เธอจะซัดหอกลำแสงเข้าใส่แวมไพร์ตรงหน้า แต่แล้วหอกลำแสงนั้นก็ถูกดูดกลืนเข้าไปในม่านควันเช่นกัน ไม่ต่างอะไรกับเวทย์ก่อนๆของเหล่าพาลาดินเลย แบบนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน หมายความว่าเลเวลของเธอต่ำเกินไป หรือธาตุความมืดไม่เคยแพ้ทางธาตุแสงแต่แรกอยู่แล้ว
“ผู้ใช้ธาตุแสง !!” ลินคอร์นเองก็ตกตะลึงไม่น้อยเมื่อเห็นเวทย์ที่พรีสสาวใช้ ชั่วขณะนั้นทำให้เขารับรู้ถึงอันตรายของตัวเธอทันที การมีอยู่ของเธอจะภัยพิบัติครั้งใหญ่ของเหล่าแวมไพร์ ดังนั้นเขาจึงไม่รอช้าร่ายเวทย์เข้าโจมตีเธอทันที
“เกลียวคลื่นเงาราหู”
สิ้นคำร่ายเวทย์ ไอดำมหาศาลก็มารวมตัวกันอีกครั้ง ก่อนที่มันจะถูกซัดออกไปเหมือนเกลียวคลื่นที่อยู่ในทะเลคลั่ง เกลียวคลื่นสีดำถาโถมเข้าใส่เป้าหมายอย่างที่ไม่มีอะไรจะหยุดยั้งได้ พลังโจมตีที่รุนแรงทำให้แม้แต่วิเวียนยังต้องหวาดหวั่น เธอจึงเลือกที่จะพุ่งหลบแทนที่จะตั้งรับ ซึ่งนั่นก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเพราะทุกสิ่งที่โดนเกลียวคลื่นนั้นซัดใส่ จะถูกกลืนกินหายไปตลอดกาล
แต่เพราะว่าลินคอร์นมัวสนใจโจมตีพรีสสาวนี้นี่เอง ทำให้เหล่าพาลาดินที่เหลือถือโอกาสลอบจู่โจมในมุมอับ เริ่มจากสโตนเฮดสวนเกราะศิลาก่อนจะพุ่งหมัดเข้าใส่ร่างลินคอร์นทันที การลอบโจมตีนี้ ช่างเป็นการลอบโจมตีที่รวดเร็ว ชนิดที่เป้าหมายอย่างลินคอร์นไม่อาจจะขยับตัวหลบหลีกหรือต้านรับใดๆได้เลย
“พันธนาการแห่งความมืด”
แต่ความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้น ทุกๆการโจมตีของเหล่าพาลาดินเป็นสิ่งที่ลินคอร์นรับรู้อยู่แล้ว เขาจึงร่ายเวทย์อีกชุดเพื่อรับมือทันที เวทย์ชุดนี้เมื่อร่ายจบก็บังเกิดเงาเป็นสายที่ลักษณะเหมือนเชือก พุ่งออกมาจากเงาของสโตนเฮดก่อนที่จะพุ่งรัดพันเจ้าตัวแน่น ก่อนที่จะฉุดลากอย่างรุนแรง จนเจ้าพาลาดินแห่งหินผาต้องนอนราบไปกับพื้นอย่างหมดท่า ไม่เพียงแต่สโตนเฮดเท่านั้น พาลาดินคนอื่นก็เช่นกัน แต่ละคนเจอเงาเชือกพุ่งทะยานออกมาจากเงาตัวเอง เข้ามารัดพันจนสินท่า
“แค่เวทย์ไม่กี่บท ก็เอาชนะพาลาดินได้หมด !!” วิเวียนเอ่ยขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตา นี่น่ะเหรอคือฝีมือของแวมไพร์ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นขุนพลไร้พ่าย แต่เธอก็ไม่มีเวลาคิดอะไรต่อเพราะแวมไพร์ตรงหน้าเดินย่างก้าวเข้ามาหมายจะจัดการเธอเป็นคนต่อไป ซึ่งเธอในตอนนี้ทำได้แค่เพียงร่ายเวทย์เพื่อสร้างหอกลำแสงมาต่อกรแค่นั้นเอง
“อย่าดิ้นรนเลยอีหนู” ลินคอร์นกล่าว “ไม่เกี่ยวกับเลเวลเวทย์ ไม่เกี่ยวกับการแพ้ทาง แต่เพราะข้าคือความมืด ความมืดที่สามารถกลืนกินได้ทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่แสงของเจ้า .... อีหนูเอ๊ย เจ้าไม่ทางที่จะเอาชนะพลังธาตุที่ชนะได้ทุกอย่างของข้าหรอก”
สิ้นคำกล่าวของลินคอร์น เชือกดำจำนวนมากก็พุ่งจากเงาวิเวียนมารัดตัวเธอเช่นกัน จนตัวเธอในตอนนี้ต้องนอนราบไปกับพื้นมีสภาพไม่ต่างกับพาลาดินคนอื่นเลย แต่ลินคอร์นก็ไม่หยุดแค่นั้น เขาบังคับเงาดำในมือให้ไหลออกมาก่อรูปเป็นดาบขนาดพอดีมือ พร้อมกับหันดาบนี้ไปยังวิเวียนที่นอนราบ
“และเพราะเป็นผู้ใช้ธาตุแสง การมีอยู่ของเจ้าจะทำภัยมาสู่เหล่าแวมไพร์ ดังนั้นข้าจึงต้องจัดการเจ้าที่นี่ซะ !!”
“ม่ายยยยยยยยยยยยยย” นายอาร์ตพยามร้องห้าม
“เวโรนิก้า พาเขากลับไปได้แล้ว !!” ขุนพลแวมไพร์เอ่ยปากสั่งการลูกน้องสาวคู่ใจ
“ค่ะ” เวโรนิก้ารับคำในทันที บาดแผลที่ท้องของเธอตอนนี้ใช้เวทย์รักษาจนอาการบรรเทาแล้ว เธอจึงมีแรงลุกขึ้นฉุดร่างของนายอาร์ตเพื่อที่จะพาข้ามมิติไปในทันที แม้ว่านายอาร์ตจะพยามขัดขืน แต่เขาก็ไม่อาจจะต้านแรงเธอได้เลย
.
.
“อย่าหวังเลยเว้ยยยยยยยยย”
.
.
เสียงตวาดของพาลาดินแห่งไฟดังลั่น เสียงนี้มีที่มาจากร่างของเขา ที่โดนเผาจนเหลือแต่ท่อนร่าง แต่บัดนี้ท่อนร่างนั้นกลับลุกไม้กลายเป็นไฟ ก่อนที่ไฟจะก่อตัวกลับมาเป็นร่างของพาลาดินแห่งไฟผู้นี้ใหม่อีกครั้ง และเมื่อร่างกายเขาก่อขึ้นเสร็จ เขาก็ตวาดลั่นพร้อมกับร่ายเวทย์ไม้ตาย สร้างลูกไฟดินแดนเพลิงพระกาฬรวมศูนย์ขึ้นทันที
“ตายยากนักน่ะ” แวมไพร์ลินคอร์นกล่าวขึ้นพร้อมกับหันไปรับมือ ในขณะที่เจ้าพาลาดินแห่งไฟยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะซัดลูกไฟเข้าใส่ทันที
แต่เป้าหมายของลูกไฟคราวนี้กลับไม่ใช่ร่างของลินคอร์น ไม่ใช่ร่างของเวโรนิก้าและนายอาร์ต แต่เป้าหมายนั้นกลับเป็นเครื่องข้ามิติต่างหาก !! เครื่องข้ามมิติเป็นเครื่องมือธรรมดาจึงไม่ได้สร้างจากโลหะพิเศษอะไรอยู่แล้ว เมื่อกระทบเข้ากับพลังทำลายล้างของเวทย์ไฟนี้ ตัวเครื่องจึงระเบิดเสียหายทันที ปล่อยให้แสงสีฟ้าที่เก็บไว้ในตัวเครื่อง สาดแสงจ้าไปทั่วทั้งห้อง
“ไม่มีไอ้เครื่องบ้านี่ แกก็หนีไป wonderland ไม่ได้แล้วเว้ยยยยยยย” พาลาดินแห่งไฟหัวเราะร่าอย่างสะใจ
ในขณะที่ลินคอร์นเลือดขึ้นหน้าอย่างโกรธเกรี้ยว ว่าแล้วเขาก็ซัดเวทย์ เกลียวคลื่นเงาราหู เข้าใส่พาลาดินผู้นี้ทันที โดยที่เจ้าเบิร์นมัวแต่สะใจ เลยไม่อาจหลบเวทย์ที่ซัดมาได้ทัน !! ..... แต่ก่อนที่เวทย์แห่งความมืดจะมาถึงตัวเขา เบิร์นก็รู้สึกผิดปกติบางอย่าง เพราะทันทีที่แสงสีฟ้าจากเครื่องข้ามมิติที่พังไปนั้นสาดใส่ร่างเขา เขาก็เหมือนถูกแรงมหาศาลบางอย่างดูดอย่างรุนแรง แรงขนาดที่ว่าดูดจนตัวเขาหายไปจากมิตินี้ทันที
แต่ไม่เพียงเขาเท่านั้น พาลาดินและแวมไพร์คนอื่นๆที่กระทบแสง ต่างก็โดนแรงดูดนี้เข้าไปเช่นเดียวกัน จนแต่ละคนเริ่มหายร่างไป ไล่ตั้งแต่เวโรนิก้า พาลาดินทั้ง 4 ลินคอร์น นายอาร์ต
“อาร์ตตตตตตตตตตตตตตตตตต” วิเวียนร้องเสียงหลงก่อนที่เธอเองจะถูกดูดหายไปเช่นกัน
.
.
.
.
.
ณ ทุ่งหญ้ารกร้างที่ห่างไกลออกไป ที่ตอนนี้กำลังปรากฏการณ์ประหลาดบางอย่าง ท้องฟ้าที่เมื่อครู่สว่างไสวพลันมืดครึ้มราวกับมีเมฆฝน สายลมที่พัดเอื่อยก็พลันรุนแรงราวกับจะมีพายุร้ายพัดผ่าน สร้างความแตกตื่นให้กับบรรดาสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่อาศัยอยู่ในทุ่งนี้เป็นอย่างมาก จนฝูงสัตว์เหล่านั้นต่างก็วิ่งหนีตายกันอย่างอลม่าน และท่ามกลางพายุร้ายเหล่านั้น ก็บังเกิดแสงสีฟ้าสว่างจ้าขึ้นบนท้องฟ้า ก่อนที่แสงนี้จะส่งร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งตกลงมาสู่พื้น
“โอยยยยยยยย” วิเวียนนั่นเอง เธอร้องออกมาเล็กน้อยเมื่อทันทีที่เธอตกลงมาจากฟ้า ก่อนที่เธอจะค่อยๆยันกายขึ้นพร้อมกับหันไปสำรวจรอบด้าน ตอนนี้ท้องฟ้าที่มืดครื้มพลันสดใสขึ้นมาแล้ว สายลมที่โหมกระหน่ำเมื่อครู่ที่เหลือเพียงสายลมที่พัดเอื่อย ทำให้เธอในตอนนี้สามารถสำรวจทิวทัศน์รอบด้านได้ถนัดตา ........ ทิวทัศน์ที่นี่ช่างคุ้นตาเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ ป่าเขา บรรยากาศ และยิ่งกว่านั้น เมื่อเธอแหงนหน้ามองท้องฟ้า มันก็ยิ่งทำให้เธอจำได้แม่น
“ที่นี่มัน wonderland !!!” วิเวียนเอ่ยร้องอย่างไม่เชื่อสายตา เธอไม่เข้าใจเลยว่าเธอกลับมาที่นี่ได้ยังไงกัน แต่เรื่องนั้นยังไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะเรื่องที่สำคัญก็คือต้องรีบหาตัวนายอาร์ตให้เจอก่อน เมื่อเป็นอย่างนั้นเธอจึงใช้เวทย์เชื่อมจิตทันที
.
.
“พันธนาการแห่งความมืด !!”
.
.
แต่ไม่ทันที่เธอจะได้ขยับตัว พรีสสาวก็โดนเล่นงานทันที เชือกเงาจำนวนมาก็พุ่งขึ้นมารัดเธอจากด้านหลัง ก่อนจะฉุดร่างเธอให้ล้มลงนอนหงายกับพื้นโดยที่เธอไม่อาจขัดขืนได้เลย และทันทีที่เวทย์สัมฤทธิ์ผล ผู้ร่างเวทย์อย่างลินคอร์นก็ก้าวออกมาพร้อมกับดาบในมือ พร้อมกับเอ่ยเสียงเหี้ยม
“มาสานต่อให้จบดีกว่าอีหนู !!”
.
.
.
.
.
ปัง ! ปัง ! ปัง ! ปัง ! ปัง ! ปัง ! ปัง ! ปัง ! ปัง !
ห่างออกไปในเวลาเดียวกัน ที่ตอนนี้เงาร่างสองสายกำลังไล่ล่ากันตามแนวป่า ผู้ล่าก็คือพาลาดิแห่งน้ำที่ตอนนี้กำลังสาดกระสุนเวทย์เข้าใส่เป้าหมายตรงหน้าอย่างสนุกมือ กระสุนเวทย์ที่มีอานุภาพการแช่แข็งสูง ขนาดที่ว่าไม่ว่าอะไรถูกกระสุนนี้เข้าไปจะโดนแช่แข็งทันที แถมระดับของมันก็เท่ากับเลเวล 9 ทำให้ผู้ถูกล่า อย่างแวมไพร์สาวเวโรนิก้า ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลยได้แต่อาศัยหลบหลีกตามแนวป่า เพื่อให้เงาไม้ช่วยกำบังให้เธอได้พอมีเวลาหายใจ
“ป่าแถบนี้มันอยู่ในเขตแดนของมนุษย์นี่ บ้าเอ๊ยยยยย !!” เวโรนิก้าได้แต่สบถในใจ
แท้จริงแล้วที่เครื่องข้ามมิติสามารถใช้ส่งคนไปมาระหว่างโลกกับ wonderland ได้นั้น เป็นเพราะพลังงานสีฟ้าที่บรรจุภายในที่ฝ่ายแวมไพร์พัฒนาขึ้นมาต่างหาก วิธีการใช้ก็แค่เดินผ่านแสงก็สามารถข้ามมิติได้แล้ว โดยที่ตัวเครื่องข้ามมิติจะทำหน้าที่เก็บสะสมพลังแสงนั่นไว้ อีกทั้งยังเป็นตัวนำร่องเพื่อกำหนดให้ผู้ที่ข้ามมิติไปปรากฏตัวที่ใด แต่เพราะเบิร์นทำลายตัวเครื่องทิ้ง ทำให้พลังงานรั่วไหลออกมา จนส่งทุกคนกลับมาที่ wonderland กันหมด แล้วก็เพราะเครื่องโดนทำลายเช่นกัน จึงทำให้ระบบนำร่องเสียหาย การกลับมา wonderland จึงกลายเป็นโผล่แบบสุ่ม แล้วแต่ว่าจะโผล่มายังที่ไหน
แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่โผล่มาที่ไหน แต่เป็นโผล่มากับใครต่างหาก !! อย่างเวโรนิก้าที่โผล่มาพร้อมกับเหล่าพาลาดินทั้ง 5 เธอจึงต้องหนีการไล่ล่าของพวกมันอย่างหัวซุกหัวซุน
“อยู่นั่นเองเหรอนังกระหรี่ !!” ไอซ์เอจตระโกนลั่นก่อนจะกราดยิงเข้าที่ต้นไม้ที่เธอซ่อนตัวทันที ทำให้แวมไพร์สาวต้องพุ่งทะยานหนีอีกรอบ จนเธอสามารถสลัดมันหลุด ออกมาพ้นแนวป่าที่อยู่ด้านนอก
แต่เมื่อพ้นแนวป่ามาได้ เธอก็ต้องเจอปัญหาใหญ่ เพราะด้านหน้าของเธอ เจ้าสโตนเฮดกระโจนทะยานจากที่ซ่อน เข้ามาดักหน้าเธอไว้ในทันที ครั้นเธอถอยหลังหลบทะยานหนีไปอีกทาง เจ้าพาลาดินสายฟ้าก็ปรากฏตัวออกมาเช่นกัน พร้อมกันนี้มันก็กางแขนออกทั้งสองข้าง เพียงเท่านี้ก็ปิดทางหนีของเธอได้หมดสิ้น
“อ้อ .... ที่เจ้าพาลาดินธาตุน้ำนั่นทำ ก็คือไล่ต้อนเรามาจนมุมที่นี่เองหรอกเหรอ” เวโรนิก้าเอ่ยขึ้นในใจ พร้อมกับพยามมองหาลู่ทาง ที่จะหลุดพ้นจากวงล้อมของเจ้าพาลาดินทั้งสองนี้ให้ได้ แต่ไม่ทันที่เธอจะคิดอะไรต่อ เสียงของเจ้าพาลาดินสายฟ้า ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
“เจ้านี่โชคดีไม่น้อยนะ นังแวมไพร์” โวลต์เอ่ยขึ้นพร้อมกับร่ายเวทย์ประจำตัว จนตอนนี้สองมือของมันมีกระแสไฟฟ้าไหลเวียนวูบวาบ “เบิร์นต้องการให้จับเจ้าเป็นๆ ไม่งั้นเจ้าได้ตายไปนานแล้ว”
เวโรนิก้าเพ่งมองพาลาดินแห่งสายฟ้าผู้นี้ราวกับติดใจอะไรบางอย่าง นั่นก็เพราะกระแสพลังธาตุที่ถูกเขาชักนำลงถุงมือนั้นเบาบางกว่าที่ควรจะเป็น ราวกับว่านี่ไม่ใช่เวทย์ระดับเลเวล 9 และเมื่อเธออ่านกระแสพลังธาตุไปสักพักเธอก็รู้ว่าพาลาดินผู้นี้ใช้เวทย์ มือประทับอัสนีบาตร แต่ลดระดับลงเหลือแค่เลเวล 6 เท่านั้น นั่นอาจจะเป็นเพราะคำสั่งให้จับเป็นตัวเธอ แต่การที่จะใช้เวทย์ระดับ 6 มาจับตัวเธอนั้น คงเป็นเรื่องยากสักหน่อยน่ะ
“แขนคู่ม้วนพายุ”
เวโรนิก้าร่ายเวทย์ลมเพื่อรับมือ ทันทีที่เธอร่ายเสร็จพลังธาตุลมที่อยู่รอบด้านก็โดนดึงดูดเข้าหา ก่อนที่พลังธาตุเหล่านั้นจะพัดวนรอบแขน ไล่ตั้งแต่หมัดจนไปถึงข้อศอก และพัดแรงขึ้นจนเห็นเป็นลมหมุนได้อย่างชัดเจน จนตอนนี้ดูเหมือนกับว่า มีลมทอร์นาโดขนาดเล็ก หมุนวนครอบแขนของเธอทั้งสองข้าง
“ใช้เวทย์ลมรับมือเหรอ ไม่เลวนี่ แต่ถึงมันจะกันพลังสายฟ้าของข้าได้ แต่สิ่งที่ร้ายกาจที่สุดของข้า มันคือเพลงฝ่ามือต่างหาก !!”
สิ้นเสียงประกาศ เจ้าพาลาดินแห่งสายฟ้าก็ฟาดฝ่ามือใส่เวโรนิก้าทันที ซึ่งเธอเองก็รอตั้งรับอยู่แล้ว ฝ่ามือที่มันฟาดลงมาจึงโดนแขนลมพายุป้องกันในทันที ประกายสายฟ้าในฝ่ามือเมื่อเจอลมหมุนที่อยู่รอบแขนนั้นก็โดนพัดสลายไปจนหมด เรียกได้ว่าเวทย์นี้แพ้ทางกันอย่างชัดเจน แต่แม้ฝ่ามือแรกจะโดนสกัด เจ้าพาลาดินสายฟ้าก็ระดมกระบวนท่าเพลงฝ่ามือเข้าใส่เป็นชุด แต่แวมไพร์สาวก็ใช้ท่อนแขนปัดป้องได้หมด ก่อนที่ทั้งคู่จะดีดร่างออกจากกัน
“มือตกแล้วนี่หว่าโวลต์ ไม่โดนเลยสักที อย่าบอกน่ะว่าแกจะมาแพ้แวมไพร์แค่ชั้นแม่ทัพน่ะ” สโตนเฮดที่ดูอยู่ด้านข้างกล่าวเย้ย
เมื่อเจ้าพาลาดินแห่งสายฟ้าถูกเย้ยเช่นนั้น ก็ออกอากาศเกี้ยวกราดขึ้นมาทันที มันรวบรวมพลังเข้าที่ฝ่ามืออีกครั้งพร้อมกับพุ่งเข้าใส่ทันที แต่คราวนี้เพลงฝ่ามือของมันหนักหน่วงกว่าเดิม อีกทั้งก็เร็วขึ้นมาก ทำให้แวมไพร์สาวเริ่มออกอาการไม่สู้ดี แม้เวทย์ของเธอจะป้องกันพลังสายฟ้าได้หมด แต่ฝ่ามือที่หนักหน่วงรุนแรง ก็ซัดไล่ต้อนเธอไปทุกขณะ จนร่างของเธอเริ่มเสียสมดุลจนต้องโดนเอียงไปตามแรงหมัด นี่คงเป็นความต่างระหว่างพาลาดินระดับสูง กับแวมไพร์ที่อยู่แค่ระดับแม่ทัพ ที่เมื่อโดนลุกไล่อย่างหนัก ชั้นเชิงในการต่อสู้ก็จะแสดงความห่างออกมาชัดเจน
และเมื่อโวลต์เห็นแวมไพร์สาวตรงหน้าเริ่มออกอาการต้านไม่ไหว มันก็ยิ้มออกมาอย่างเหี้ยมเกรียม มันรวมพลังทั้งหมดไว้ที่ฝ่ามือขวา ก่อนจะซัดเปรี้ยงใส่ร่างแวมไพร์สาวตรงหน้าเพื่อทำการปิดเกมส์ !!
แต่ก่อนที่ฝ่ามือสายฟ้าจะซัดเข้าถึงตัวเวโรนิก้า ข้อมือของมันก็ถูกเวโรนิก้าซัดเปรี้ยงด้วยท่อนแขนขวา ทำให้ทิศทางฝ่ามือถูกเบี่ยงออกเล็กน้อยจนเฉียดหน้าแวมไพรสาวออกไป และทันทีที่ฝ่ามือนี้พลาด ช่องโหว่วจุดใหญ่บนสีข้างของเจ้าพาลาดินก็เปิดออกอย่างชัดเจน และแวมไพร์สาวก็ไม่พลาดโอกาสนี้ เธอฮุคซ้ายเข้าไปเต็มเปา แรงหมัดที่ประสานกลับแรงลมหมุนนั้นส่งพลังทำลายเข้าใส่เจ้าพาลาดินเต็มแรง ส่งผลให้มันทรุดลงในหมัดเดียว
ทั้งหมดนี้เป็นแผนของเวโรนิก้านี่เอง เธอใช้ประโยชน์จากที่โวลต์เป็นคนทระนงตนว่าเป็นพาลาดิน ใช้ประโยชน์จากที่เขาดูถูกเธอว่าเป็นแค่แวมไพร์ชั้นแม่ทัพ ใช้ประโยชน์จากที่เขากำลังได้ใจเมื่อเห็นเธอกำลังออกอาการ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อล่อให้พาลาดินตรงหน้าประมาท จนเผลอใช้ท่าที่ไม่รัดกุมพอ ทำให้เธอสามารถพลิกสถานการณ์จัดการพาลาดินตรงหน้าได้นั่นเอง
แต่งานเธอก็ยังไม่จบ เพราะยังเหลือพาลาดินอีกหนึ่งที่ยืนอยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่ต่างกันก็คือ เจ้าสโตนเฮดกลับเลือกใช้พลังสูงสุดในระดับเลเวล 9 โดยไม่มีกั๊ก
“ข้าน่ะเกลียดแวมไพร์ !!” สโตนเฮดเอ่ยดังลั่น “และแวมไพร์ที่ข้าเกลียดที่สุดก็คือพวกแวมไพร์ตีตรา !! เป็นมนุษย์ดีอยู่แล้ว กับคิดคดทรยศเผ่าพันธุ์ตัวเองไปเข้ากับแวมไพร์ ......... คำสั่งไอ้เบิร์นจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่สำหรับข้าถ้ามีโอกาสได้ฆ่าแวมไพร์ตีตราอย่างพวกแก ข้าก็ไม่ออมมือหรอกเว้ยยยยยยย”
“อย่ามาพูดมาก เข้ามาเลยดีกว่า”
ทันทีที่เวโรนิก้าพูดจบ เจ้าสโตรเฮดก็พุ่งเข้าใส่ทันที ร่างกายที่สูงใหญ่แถมยังสวมเกราะหนา ไม่ได้สร้างความหวั่นเกรงให้แวมไพร์สาวแม้แต่น้อย แถมเธอกลับพุ่งทะยานเข้าใส่เช่นเดียวกัน ร่างทั้งคู่วิ่งเข้าหากันด้วยความเร็วสูง จนเมื่อเข้าระยะโจมตี สโตเฮดก็ปล่อยหมัดออกไปทันที
แต่แล้วเวโรนิก้ากลับใช้วิธีสไลด์หลบรอดหว่างขาของสโตนเฮดออกไปได้อย่างสวยงาม แต่ไม่ทันที่เจ้าสโตนเฮดจะได้ทำอะไรต่อ แวมไพร์สาวก็พลิ้วร่างหนีออกไปได้ไกลเสียแล้ว ............ ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพราะตัวเวโรนิก้าตั้งใจหลบหนีตั้งแต่แรกอยู่แล้วนั่นเอง
และจุดหมายที่แวมไพร์สาวต้องการไปก็คือเขตแดนของแวมไพร์ ซึ่งถ้าเธอหนีเข้าไปได้ พวกพาลาดินก็ไม่อาจจะตามได้ต่อ แต่การจะหนีกลับไปได้นั้น เธอยังต้องผ่านสองจุดใหญ่ๆนั่นก็คือแนวภูเขาหินกับทุ่งโล่งกว้าง เมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจึงเร่งฝีเท้าเข้าไปอีก จนเริ่มเห็นที่หมายอยู่ตรงหน้า
แต่ไม่ทันที่เธอจะเข้าถึงแนวภูเขาหิน กระสุนเวทย์น้ำแข็งก็ยิงกราดใส่เธออีกชุด จนเธอต้องพลิ้วกายหลบตรงข้างทาง ...... เป็นไอซ์เอจนั่นเองที่มาดักรอเธออยู่ เพราะมันเองก็คาดการไว้แล้วว่าเธอจะมุ่งมาที่นี่ จึงมาดักรอโจมตีตรงทางเข้าภูเขาหินพอดี ....... แต่แวมไพร์สาวยังมีโชคอยู่บ้างตรงที่ได้โขดหินใหญ่น้อยคอยกำบัง
“เปลี่ยนโหมดกระสุนระเบิด” เมื่อกระสุนยิงกราดใช้ไม่ได้ผล ไอซ์เอจจึงเปลี่ยนระบบกระสุนใหม่ เขาเอ่ยคำสั่งกับปืนคู่ใจซึ่งมันก็ขานรับโดยการเรืองแสงขึ้นมา และเมื่อการเปลี่ยนโหมดเสร็จสิ้น ไอซ์เอจก็ประทับยิงทันที
“วื๊ดดดดดดดด” เสียงรวมพลังของปืนหินธาตุดังลั่นตามด้วย “บรึมมมมมมมม” กระสุนเวทย์ลูกยักษ์ยิงออกไปทันที ก่อนที่มันจะกระทบเข้ากับโขดหินที่แวมไพร์สาวหลบอยู่ เจ้าโขดหินยักษ์กลายสภาพเป็นก้อนน้ำแข็งในทันที ก่อนที่มันจะระเบิดออกอย่างรุนแรง จนสะเก็ดน้ำแข็งกระจายออกเป็นวงกว้าง ....... แต่ยังดีที่แวมไพร์สาวระวังตัวอยู่แล้ว เธอจึงกระโดดหลบไปยังโขดหินที่อยู่ด้านข้างได้ทันท่วงที มีเพียงบาดแผลที่ได้รับจากสะเก็ดน้ำแข็งเล็กน้อยเท่านั้น
“ยังมีต่อ” เจ้าพาลาดินแห่งน้ำตะโกนลั่นก่อนจะยิงกระสุนเข้าใส่ทันที ทำให้แวมไพร์สาวต้องกระโดดหลบไปมาอย่างทุลักทุเล แต่หลังจากที่ต้องหลบกระสุนอยู่ครู่ใหญ่ แวมไพร์สาวก็สังเหตุอะไรได้บางอย่าง ปืนนี้แม้จะมีอานุภาพสูง แต่ก็มีระยะดีเลย์ก่อนยิงและหลังยิงอยู่เล็กน้อย ซึ่งถ้าเธอจับจังหวะดีๆก็สามารถหลบได้ ไม่แค่นั้น แนวหินใหญ่น้อยที่เรียงรายนี้ถ้าใช้บังดีๆ ก็สามารถพาเธอเข้าถึงตัวเจ้าพาลาดินได้เช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้เธอจึงเริ่มลงมือตอบโต้ทันที
แวมไพร์สาวตั้งสมาธิใช้การฟังเสียงการทำงานของปืนเพื่ออ่านจังหวะ ก่อนจะพุ่งตัวไปยังโขดหินที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เธอสามารถหลบกระสุนเวทย์ได้ทัน แถมยังร่นระยะระหว่างเธอกับเจ้าพาลาดินตรงหน้าได้อีกด้วย และเมื่อการหลบครั้งแรกได้ผล แวมไพร์สาวก็พุ่งหลบไปตามโขดหิน จนเธอเข้าใกล้เป้าหมายไปทุกที
“บ้าเอ๊ยยยยยยย” พาลาดินแห่งน้ำร้องอย่างเดือดดาดก่อนจะยิงเข้าใส่แวมไพร์สาวตรงหน้า แต่สุดท้ายกระสุนของเขาก็ทำลายได้แค่โขดหินที่ตั้งเรียงรายเท่านั้น แวมไพร์สาวรุกคืบเข้าใกล้เขาไปทุกขณะโดยไม่อาจจะหยุดยั้งได้ หลายครั้งที่เขาหันไปทำลายโขดหินล่วงหน้า แต่ผลของมันก็แค่ทำให้แวมไพร์สาวเปลี่ยนทางที่จะเข้าใกล้เขาเท่านั้นเอง และในที่สุด แวมไพร์สาวก็หลุดแนวโขดหินพุ่งเข้าใส่เขาทันที
.
.
แต่นั่นมันก็เข้าแผนร้ายของเจ้าพาลาดินอย่างจัง
.
.
เพราะทันทีที่แวมไพร์สาวเขาถึงตัวเขา มีดบินเล่มหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่ร่างเธอทันทีจนร่างของเธอล้มลง พร้อมกับร่างของไซโคลนที่แอบซุ่มอยู่จะออกมา ทั้งหมดนี้เป็นแผนของเจ้าพาลาดินทั้งคู่นั่นเอง ไอซ์เอจเป็นตัวล่อเพื่อให้เวโรนิก้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะให้ไซโคลนที่ซุ่มอยู่เป็นคนจัดการ ด้วยวิธีนี้ทำให้พวกเขาสามารถจับเธอได้เป็นๆ
“ฮ่าๆๆๆ คิดจริงๆหรือว่าข้าจะยอมให้เจ้าเข้าถึงตัวได้น่ะ หา.......” พาลาดินแห่งน้ำหัวเราะร่าก่อนจะเดินเหยียบไปที่แขนของแวมไพร์สาว ก่อนจะใช้สายตาสำรวจไปตามเรือนร่างของแวมไพร์สาว ซึ่งมันทำให้เขาสังเกตุได้ถึงความผิดปกติอะไรบางอย่าง นางแวมไพร์ตนนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย
“ก็ไม่คิดน่ะสิ” เวโรนิก้าเค้นยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะร่ายเวทย์ทันที “ประกายแสงหิงห้อย”
เวทยนี้เป็นเวทย์ไฟเลเวล 6 แต่ถึงจะอยู่ในเลเวล 6 เวทย์นี้ก็ไม่ได้มีพลังทำลายอะไร เพียงแต่เมื่อใช้แล้วผู้ร่ายจะร่างกายเรืองแสงเจิดจ้าดั่งดวงอาทิตย์ทำให้ผู้ที่อยู่ใกล้ตาพร่าไปชั่วขณะ และเพื่อจะใช้เวทย์นี้ให้ได้ผล เวโรนิก้าจึงจงใจแกล้งเจ็บเพื่อล่อให้พาลาดินเข้ามาใกล้ แม้จะผิดคาดเล็กน้อยที่มีพาลาดินอีกคน
“อ๊ากกกกกกก” เจ้าพาลาดินทั้งสองร้องขึ้นมาหนึ่งคำก่อนจะดีดตัวถอยห่างตามสัญชาติญาณ ทำให้เปิดโอกาสให้แวมไพร์สาวพุ่งทะยานหนีไปในภูเขาหิน ซึ่งกว่าสายตาของเจ้าพาลาดินทั้งคู่จะกลับมาปกติ แวมไพร์สาวก็พุ่งทะยานหนีไปไกลเสียแล้ว อีกทั้งด้วยแนวหินที่สลับซับซ้อน จึงยากที่จะหาตัวเธอได้เจอ
“ข้าตามเอง” แต่นั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาของไซโคลน เพราะแวมไพร์สาวนั้นเคลื่อนไหวด้วยพลังเวทย์ลม ทุกครั้งที่เคลื่อนตัว เธอจะทิ้งร่องกระแสลมเอาไว้ซึ่งมีแต่ผู้ใช้เวทย์ลมเท่านั้นที่สัมผัสได้ และเขาก็เคยใช้ร่องกระแสลมนี้ในการตามตัวเธอได้มาแล้ว และทันทีที่พาลาดินแห่งลมอ่านกระแสพบ เขาก็พุ่งทะยานเข้าไล่ล่าในภูเขาหินทันที
และด้วยพลังเวทย์ที่เลเวลสูงกว่า ไม่นานเขาก็ไล่ตามแวมไพร์สาวได้ทัน และเมื่อเห็นเป้าหมายตรงหน้า ไซโคลนก็ระดมซัดอาวุธลับเข้าใส่ทันที แต่แนวหินที่ตั้งเรียงรายนั้นก็ช่วยเป็นเกราะกำบังให้แวมไพร์สาว จนเธอสามารถรอดพ้นคมอาวุธลับนั้นได้ทั้งหมด
“ท่าทางท่านพาลาดินจะเจาะหินพวกนี้ไม่เข้าสิน่ะ” เวโรนิก้าเอ่ยเย้ยหยัน
“อย่างนั้นเหรอ” ไซโคลนเอ่ยตอบพร้อมกับปลดกลไกลบางอย่างที่ปลอกแขน ทำให้ใบมีดเล่มใหญ่ 8 เล่มไหลออกมาจากปลอกแขนทั้งสองข้าง ต่อจากนั้นเจ้าพาลาดินแห่งลมก็นำด้ามใบมีดมาต่อกันจนได้ดาวกระจายยักษ์ 4 แฉก 2 เล่ม
“เอาไปเลยยยยยยย !!” ไซโคลนร้องลั่นพร้อมกับเหวี่ยงดาวกระจายทั้งสองทันที ดาวกระจายที่เกิดจากใบมีดที่อาบพลังธาตุลม 4 เล่ม เมื่อนำมารวมกันทำให้ความคมเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่าเช่นกัน ทำให้สามารถตัดภูเขาหินได้อย่างง่ายดาย เท่ากับว่าตอนนี้ไม่มีสิ่งใดสามารถป้องกันเวโรนิก้าได้อีกแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นแวมไพร์สาวก็ยังพอพริ้วหลบได้ เพราะดาวกระจายนี้มีกระแสลมหมุนวนอยู่โดยรอบ ทำให้นี่จึงตัวบอกตำแหน่งดาวกระจายให้เวโรนิก้าทราบได้เป็นอย่างดี แต่การเคลื่อนที่ของดาวกระจายจะเคลื่อนเป็นวงกลม ทำให้ดาวกระจายกลับไปอยู่ในมือไซโคลนได้เสมอ และด้วยเพลงซัดที่พลิกแพลงได้หลากหลาย แวมไพร์จึงหลบได้ยากขึ้นทุกที จนตัวเธอเริ่มได้บาดแผลเข้าบ้างแล้ว
“รู้ไหมข้าหมันไส้ท่าทางชอบวางกล้ามของเจ้าเบิร์นนัก” ไซโคลนพูดพลางก่อนจะเปลี่ยนการควบคุมดาวกระจายจากมือมาเป็นพลังเวทย์ “และถ้ามันอยากได้เจ้าแบบเป็นๆนัก ข้าก็จะตัดหัวเจ้ากลับไปให้มันแทนไงล่ะ”
หลังจากพูดจบ ไซโคลนก็ซัดดวงกระจายทันที แต่คราวนี้แตกต่างออกไป เพราะเมื่อดาวกระจายโดนบังคับด้วยพลังเวทย์ การหมุนของมันจะยิ่งเร็วขึ้น อีกทั้งความเร็วก็จะมากขึ้นไปอีก ทำให้แม้แวมไพร์สาวจะหลบดาวกระจายเล่มแรกได้ แต่เล่มที่สองที่ตามมาก็ยากที่จะหลบพ้น ทำให้คราวนี้เธอโดนบาดที่สีข้างได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
และเมื่อเธอได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ไซโคลนก็ใช้พลังเวทย์บังคับให้ดาวกระจายย้อนกลับมา ดาวกระจายเล่มแรกพุ่งเข้าหาเธออย่างรวดเร็ว จนเธอต้องฝืนกระโดดหลบอีกรอบ คราวนี้แม้หลบได้แต่บาดแผลของเธอก็เปิดออกจนเลือดไหลออกมา ทำให้ดาวกระจายเล่มที่สอง เธอจึงไม่อาจฝืนกระโดดหลบได้อีกแล้ว
แต่เมื่อหลบไม่ได้ ทำให้เธอเหลืออยู่ทางเดียว แวมไพร์สาวตั้งสมาธิจนแน่วแน่พร้อมกับพุ่งมือเข้าใส่ดาวกระจายนั้น ก่อนจะคว้าเอาด้ามจับ ทำให้สามารถหยุดดาวกระจายได้อย่างเฉียดฉิว เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเสี้ยววินาที แน่นอนว่าเจ้าพาลาดินแห่งลมนั่นยังไม่รู้ตัว นี่จึงเป็นจังหวะงามที่เธอจะตอบโต้กลับ เธอจัดการซัดดาวกระจายที่ยึดมาได้ เข้าใส่เจ้าพาลาดินแห่งลมที่ยืนจังก่า แต่จังหวะนั้น เจ้าพาลาดินก็ซัดดาวกระจายเล่มที่เหลือมาพอดีเช่นกัน ทำให้ดาวกระจายทั้งสองปะทะกันเสียงดังสนั่น ก่อนที่ดาวกระจายทั้งสองจะแตกออกกระจัดกระจายเป็นวงกว้าง
“อ๊ากกกกกกก” เจ้าไซโคลนร้องอย่างเจ็บปวด เพราะเศษดาวกระจายที่แตกออก มีเศษหนึ่งพุ่งเข้าเสียบที่หัวไหล่ของเขาอย่างจัง จนเจ้าพาลาดินถึงกับต้องล้มลงกับพื้น ในขณะที่แวมไพร์สาวก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แต่เธอยังพอยืนอยู่ได้ เธอจึงถือโอกาสนี้ ค่อยๆเดินจากไป
ในบาดแผลทั่วร่างของเธอนั้น บาดแผลที่สีข้างของเธอสาหัสที่สุด ถึงแม้เธอจะใช้เวทย์รักษาจนเลือดหยุดไหล แต่บาดแผลก็ยังไม่ปิดดี แต่ถึงกระนั้นเธอเองก็ไม่มีเวลามาหยุดพัก เพราะตอนนี้เหลือเพียงแนวทุ่งโล่งตรงหน้า ถ้าเธอผ่านทุ่งโล่งตรงนี้ไปได้ นั่นก็หมายถึงเธอเข้าเขตแวมไพร์ได้แล้ว ....... เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงรีบเร่งหลบหนีให้เร็วขึ้น จนในที่สุด ก็เธอสามารถหลุดพ้นภูเขาหินออกมาได้เสียที ........ แต่ภาพตรงหน้า มันกลับทำให้เธอไม่เชื่อสายตา
นี่คงเป็นเพราะเธอไปอยู่ที่ต่างมิติเป็นเวลานาน เธอจึงไม่รู้ว่ามีอะไรหลายอย่างเปลี่ยนไปจากเดิม อย่างทุ่งโล่งเมื่อก่อน ตอนนี้มันไม่มีอีกแล้ว แต่กลายเป็นเมืองเล็กๆมาตั้งแทน !!
แต่แวมไพร์สาวก็ไม่มีทางเลือกมากนัก พวกพาลาดินกำลังไล่ตามมา อีกทั้งแผลเธอก็เริ่มเปิด ดังนั้นเธอจึงต้องหลบเข้าไปในเมืองก่อนทันที …..
.
.
.
.
.
“อย่า.............................!!” วิเวียนร้องลั่นพร้อมกับพยามดิ้นรนขัดขืนอย่างเต็มที่ แต่เธอก็ไม่สามารถทำไรได้มากนักเพราะสองแขนของเธอโดนเชือกเงายึดกุมอยู่ เสื้อกล้ามตัวจิ๋วของเธอโดนเจ้าแวมไพร์ตรงหน้าฉีกขาดอย่างง่ายดาย ทำให้เต้างามนวลสวยออกมาอวดโฉมยั่วยวนอย่างน่าหลงใหล ยอดปทุนถันสีชมพูสดที่ชูตระง่านทำให้ผู้ที่พบเห็นยากจะอดใจไหว ไม่เว้นแม้แต่ขุนพลแวมไพร์ผู้นี้ มันก้มลงไปดูดเลียอย่างหื่นกระหาย
“อืมมมมมมมมมมมม” วิเวียนกัดฟันแน่นเพื่อสู้กับความเสียวกระสันที่มาจากการกระทำอย่างดิบเถื่อนของแวมไพร์ตรงหน้า แต่ถึงแม้เธอจะพยามฝืนแค่ไหนแต่สุดท้ายก็ต้องเผลอครางออกมาเป็นระยะ เมื่อเป็นเช่นนั้นเจ้าแวมไพร์ก็ยิ่งลงมือรุนแรงยิ่งขึ้น สองมือของมันบีบขยำเข้าไปที่เต้างามทั้งสองของเธอสลับกับการดูดกัดอย่างรุนแรง จนเห็นเป็นรอยแดงไปหมด
“อ๊า...................” และในที่สุดวิเวียนก็ต้องร้องครางออกมา เมื่อเจ้าแวมไพร์กระชากกางเกงของเธอออก ก่อนจะยัดนิ้วลงไปพรวดเดียว จนเธอต้องขมิบหีตอดรัดแน่น เจ้าแวมไพร์จึงตอบสนองด้วยการกระแทกนิ้วเข้าออกอย่างรุนแรง แค่ไม่กี่ครั้งหญิงสาวน้ำแตกเสียแล้ว
“ร่านนักน่ะ แค่นี้ก็เสร็จแล้วเหรอ ไหนขอชิมหน่อยสิ” ทันทีที่พูดจบ เจ้าแวมไพร์ก็ละมือออกจากเต้างาม พร้อมกับเลื่อนตัวลงด้านล่าง ทำให้หญิงสาวแอบเสียดายเล็กน้อย หญิงสาวพยามชะโงกหน้าไปมองการกระทำของเจ้าแวมไพร์ ก่อนจะเห็นมันกำลังพยามแหวกเนื้อแคมเธอออก ก่อนที่เธอจะร้องครางออกมาเมื่อมันลากลิ้นยาวไปตามร่องจากร่างขึ้นบน
“ไม่เลว” เจ้าแวมไพร์เอ่ยชมน้ำรักของหญิงสาว ว่าแล้วมันก็ตวัดลิ้นอย่างรวดเร็ว ราวกับจะตักตวงน้ำรักที่เอ่อ