With No Remorse Chapter 14
“ยังเจ็บมากอยู่ไหมคะ” กานดาถามการุณย์ขณะที่ค่อยๆ ใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดไปตามเนื้อตัว
“ไม่ค่อยเจ็บแล้วครับ ขยับตัวได้มากขึ้นแล้ว” การุณย์ขยับตัว
“แผลยุบหมดแล้วด้วยค่ะเดี๋ยวตัดไหมแล้วคงจะกลับไปพักที่บ้านได้” กานดาก้มหน้าเช็ดอย่างตั้งใจ
“นั่นซีครับ นอนโรงพยาบาลยังไงก็ไม่เหมือนบ้านอยากกลับบ้านเร็ว ๆ เหมือนกันครับ” การุณย์บอกนัยน์ตาจับจ้องใบหน้างามของกานดาที่บ่งบอกความตั้งอกตั้งใจยามที่เช็ดตัวเขาไปเรื่อย ๆจนถึงจุดสำคัญ มือเรียวล้วงลึกเข้าไปใน ผ้าเช็ดตัวที่คลุมท่อนกลางลำตัวการุณย์ไว้
“แน่ะ เริ่มมีฤทธิ์หรือคะนี่” กานดาทักกลั้วหัวเราะเมื่อรู้สึกว่าอวัยวะสำคัญที่เธอกำลังเช็ดทำความสะอาดอยู่นั้นเริ่มจะเบ่งบานขึ้นคามือ แก้มนวลสาดสีชมพูระเรื่อขึ้นมา
“ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ มันเป็นเอง” การุณย์เองแย้มยิ้มนิด ๆ
“แน้ ยังจะมาแก้ตัว เดี๋ยวเหอะ” กานดาหันมาแกล้งทำตาดุใส่ แล้วหัวเราะเบา ๆ “ทำเก่งนะคะ”
“แหมกำลังสบายเลยครับ” การุณย์บอกยามที่มือนุ่มๆ เลื่อนไปเช็ดขา
“เซี้ยว..” ปากนุ่ม ๆ พูดแล้วเม้มสนิท การุณย์หัวเราะหน้าระรื่น “ดาไม่หายไปไหนหรอกค่ะ”
“พูดถึงหายแล้วนี่นายชาติชายหายไปหลายวันแล้วนะครับ ตั้งแต่ที่เผายายรจไปนั่น” ใบหน้าของทั้งสองคนสลดลง เมื่อพูดถึงรจนา
“ดาไปที่บ้านก็ไม่เจอค่ะ ทั้งสองคนถามวรวุฒิก็ไม่ทราบเหมือนกัน”
“นั่นซีครับสงสัยออกไปหาข่าวเพิ่มซะกระมัง” ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับที่วรวุฒิเดินเข้ามาตามมาติดๆ ด้วยชาติชาย
“มาพอดี สองคนนี่ตายยากกำลังพูดถึงอยู่ทีเดียว” การุณย์พูดขึ้นอย่างดีใจพร้อมกับพยักหน้ารับไหว้เมื่อเห็นชายหนุ่มทั้งสองกานดายิ้มยกมือขึ้นจับมือของลูกชายที่พนมเข้ามากราบตรงไหล่พร้อมกับกอดร่างบึกบึนของชาติชายแน่น
“หายไปไหนกันมานี่ แม่กับคุณต้นเป็นห่วงแล้วนะทั้งสองคนเลย”
“ก็ไอ้ชายซีครับแม่ลากผมไปดูทางน่ะครับ” วรวุฒิยกมือไหว้แล้วบอกกานดา
“ไงจ๊ะชาย แน่ะทำเพื่อน” กานดาหันไปตำหนิบุตรชายที่กดท่อนแขนเข้ากลางหลังวรวุฒิ
“ว่าไง” ชาติชายมองหน้าการุณย์สลับกับแม่ตัวเองอย่างลังเล
“ชาย แม่อายุปูนนี้แล้วถ้าคิดว่าแม่จะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แม่ก็จะได้กลับกรุงเทพ”
“ขอโทษครับแม่” ชาติชายบอกพร้อมกับพนมมือกราบลงที่ไหล่ของกานดาอีกหนึ่งครั้งแล้วลากเก้าอี้มาตั้งข้างเตียง จูงมือกานดามานั่งลงวรวุฒิเดินไปเปิดประตูห้องโผล่ไปดูรอบ ๆ ก่อนจะปิดประตูกดล๊อกแล้วเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ยาวชาติชายเมื่อกานดานั่งลงเรียบร้อยก็เดินกลับไปนั่งข้างวรวุฒิหยุดครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มพูด
“คนแรก ไอ้ชัยมือขวาเสี่ยเล้งบ้านอยู่ดอยเต่า กลับไปบ้านทุกสองอาทิตย์ ไอ้นี่เป็นตัวหลัก เราคลาดเด็ดหัวมันไปสองสามครั้งแล้วตอนที่กวาดล้าง ไอ้ชัยมีลูกน้องใกล้ชิดอยู่ราว ๆ 10 คน ตายไปสองตอนที่ไปดักยิงคุณอา ตอนนี้พวกมันไปเก็บตัวอยู่ที่บ้านแถว ๆ แม่สา ที่บ้านมันมีอยู่ระหว่าง 5 ถึง 7 คนอาวุธคงจะครบมือ” ชาติชายหยุดนิดหนึ่ง
“คนที่สองคือลูกชายเสี่ยเล้ง พิชิต หรือก้องเพิ่งจะเริ่มเข้ามาไม่นาน ดูท่าทางเหมือนจะมาเป็นตัวแทนเสี่ยเล้ง มีคอนโด อยู่แถวๆ ช้างคลาน กับ สวนดอก ไป ๆ มา ๆ หลายที่ พักหลังนี่มักจะไป ๆ มา ๆกับไอ้ชัยเป็นประจำ รวมทั้งที่เซฟเฮ้าส์ ที่แม่สาด้วยทั้งสองคนนี่เป็นตัวเล่นสำคัญของเสี่ยเล้ง และคาดว่าเป็นคนที่รับคำสั่งเสี่ยเล้งมาทั้งเรื่องดักยิงคุณอา และเรื่องคุณรจนาด้วย ครับ” ชาติชายหยุดพูด
“เซฟเฮ้าส์เป็นไง” การุณย์ถามเรียบๆ
“เป็นบ้านสองชั้น มีโรงรถด้านข้างปกติเห็นรถสองตอนจอดประจำหนึ่งคัน ประตูด้านหน้าหนึ่ง ด้านหลังออกจากห้องครัวหนึ่ง หน้าต่างบานเลื่อนกระจก ชั้นบนไม่มีระเบียงก่อกำแพงทึบสามด้านสูงประมาณสองเมตรถึงสองเมตรครึ่ง ด้านหน้าเป็นแนวรั้วเหล็กโปร่งครึ่งหนึ่ง รอบรั้วราบเรียบกว้างประมาณสิบเมตรประตูใหญ่เป็นบานเลื่อนอัลลอย ยีเอ็มซีเข้าได้ สะดวก ทางเข้าเป็นถนนลูกรังอัดแน่นยีเอ็มซีวิ่งได้เต็มทาง บ้านเรือนที่อยู่ใกล้สุดห่างไปประมาณเจ็ดร้อยเมตร เท่าที่ไปซุ่มดูอยู่เห็นมีพวกมันอยู่ราว ๆ ห้าถึงหกคน ครับ” คราวนี้วรวุฒิเป็นคนตอบ
“มีข่าวอะไรเพิ่มเติมไหม”
“ไอ้ชัยเพิ่งออกเดินทางไปดอยเต่าเมื่อสายๆ วันนี้ ไอ้ก้องหมกตัวอยู่ที่คอนโดที่สวนดอก คนของเราตามประกบอยู่ครับ”
“แล้ววางแผนยังไง” คราวนี้ การุณย์หันไปถามชาติชาย
“ถ้าเล่นไอ้ก้องก่อนมันจะตื่นแล้วเราคงตามไอ้ชัยลำบากมากขึ้น ผมจะ..” ชาติชายหันไปมองแม่ของตน
“แม่ต้องการรู้ด้วยถ้ามันทำกับลูกสาวแม่อย่างนั้น แม่ก็อยากรู้ว่ามันจะเป็นอย่างไร” กานดาบอกอย่างเด็ดเดี่ยว มือของ การุณย์เอื้อมมาบีบไหล่มนเบาๆ กานดายกมือขึ้นบีบมือการุณย์ตอบพร้อมกับหันไปยิ้มฝืน ๆ ด้วยดวงตาฉ่ำชื้นรื้นไปด้วยหยาดน้ำใส
“ขอบคุณครับ” การุณย์พูดเบาๆ ชาติชายสูดหายใจลึก ๆ แล้วค่อย ๆ ระบายออกยาวเหยียด
“ผมจะไปจัดการกับไอ้ชัยเสียก่อน คราวนี้ถึงเสี่ยเล้งกับลูกชายจะแตกตื่นยังไงก็ไม่เหมือนมีไอ้ชัยอยู่ผมกะจะรอให้ มันกลับเข้าเซฟเฮ้าส์แล้วกวาดทีเดียว ส่วนเสี่ยเล้งเอาไว้หลังสุดครับ”
“เอาใครบ้าง”
“มีผม วุฒิ นายรัณย์ ลูกน้องวุฒิอีกสองคน คุ้มกันหนึ่ง ขับรถหนึ่ง ครับ”
“เอาเมื่อไร” “ไอ้ชัยกลับมาเข้าเซฟเฮ้าส์เมื่อไหร่ เราจะเริ่มเลยครับ”
“แล้วจะจัดการอะไรบ้าง” การุณย์ถามต่อหลังจากนิ่งคิด กานดาพยักหน้าน้อย ๆเหมือนกับอยากรู้อยู่เช่นกัน
“แม่กับคุณอา อย่ารู้เลยครับ” ชาติชายตอบเรียบ ๆ
“อ้าว ไม่บอกกันเลยหรือ” การุณย์ถามขึ้นอย่างประหลาดใจกานดาบีบมือการุณย์เบา ๆ
“ดีแล้วล่ะค่ะ ดารู้จักนายชายดี” กานดาพูดกับการุณย์แต่สายตาจับจ้องกับดวงตาของลูกชายแน่วแน่
“ใครก็ตามที่ทำกับ หนูรจปานนั้นชายต้อง...จัดการมันอย่างสาสม แน่ค่ะ” จบคำเธอก็หันไปฝืนยิ้มกับการุณย์แต่ไม่อาจกลั้นมิให้หยาดน้ำตาไหลร่วงลงมาได้
“รับรองได้ครับ” ชาติชายบอกเบา ๆ แต่หนักแน่น ชัดถ้อยชัดคำ
“งั้น ตกลงตามนี้” การุณย์พูดแล้วหยุดคิดนิดหนึ่ง
“เอางี้ อาไฟเขียวตลอดจนจบเรื่องไม่ต้องเข้ามารายงาน โทรเข้ามา บอกสั้น ๆ พอ” ชาติชายและวรวุฒิเลิกคิ้วนิดหนึ่ง
“จบเรื่องหมายถึงเสี่ยเล้งเลยหรือครับ” วรวุฒิถาม
“ตามนั้น ถึงเสี่ยเล้ง ถ้ามันคิดจะให้คนมาฆ่าอาได้มันก็ต้องรับผลของมันด้วย” การุณย์พูดเบาๆ “ขอบใจนะ ทั้งสองคน”
............................... แสงไฟจากโคมหน้ารถเก๋งสีทึมกลางเก่ากลางใหม่สาดส่องทางลูกรังอัดก่อนเลี้ยวเข้าประตูบ้านหลังใหญ่กลางทุ่งชายป่าชายฉกรรจ์ที่ยืนรอรีบลากบานประตูเลื่อนปิดแล้วเดินกลับไปที่ตัวบ้านที่เปิดไฟสว่างไปทั้งหลังคนขับก้าวลงจากรถมา ยืนบิดตัวแก้เมื่อยขบ “หวัดดีพี่เป็นไงบ้าง” ไอ้คนปิดประตูใหญ่ร้องถาม
“เมื่อยซีวะ เฮ้ย พวกมึงเป็นไงมั่งออกไปทำเชี้ยอะไรกันหรือเปล่า”
“ไม่ได้ไปไหนกันหรอกพี่ตามที่พี่ชัยสั่งนั่นแหละ” ชายฉกรรจ์อีกสามคนโผล่ออกมาประตูบ้านพอเห็นหน้าเจ้าชัยก็ พากันเดินออกมายกมือไหว้กันสลอน
“พี่ชัย เป็นไง”
“เป็นพ่อมึงล่ะซีไอ้ศักดิ์ไปไหน” ไอ้ชัยเหลียวมองก่อนสาวเท้าเดินเข้าบ้าน
“เรียกมันมาที มีงาน เดี๋ยวพวกมึงด้วย”
“พี่ศักดิ์ออกไปซื้อของน่ะพี่สักพักใหญ่แล้ว เดี๋ยวก็มา” หนึ่งในกลุ่มบอก
“มึงโทรเรียกมันมาเดี๋ยวนี้เลยไอ้นี่ เผลอเป็นเข้าซ่อง เดี๋ยวพ่อมึงซิวไปก็เสียเรื่องอีก มึงไปเปิดเบียร์มาหน่อยหิวน้ำฉิบ” หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ล้วงเอาโทรศัพท์เคลื่อนที่ขึ้นมากดเบอร์แล้วยกขึ้นแนบหู
“พี่ศักดิ์เหรอ พี่ชัยมาแล้วเรียกหาพี่อยู่............... เออ เร็ว ๆ นะพี่” มันยัดโทรศัพท์ใส่กางเกงแล้วเดินเข้าบ้านไป
ถ้ามันหันไปมองด้านนอกมันก็จะเห็นว่าตรงมุมกำแพงบ้านนั้น เงาร่างสามเงาปรากฏขึ้นจากด้านกำแพงปราดมาที่มุมรั้วเหล็กโปร่งด้านหน้าหนึ่งในนั้นปราดเข้าประชิดกำแพงสูงแค่อกยันตัวเข้ากับกำแพงสอดอาวุธปืนผ่านช่องเหล็กส่องไปยังปากประตูขณะที่อีกสองร่างปีนข้ามกำแพงรั้วเข้าไปยืนข้างในอย่างคล่องแคล่วแต่เงียบกริบพอเห็นทั้งสอง ทิ้งตัวถึงพื้นแล้วยกอาวุธขึ้นกระชับเข้าที่ออกเดินกึ่งวิ่งเข้าไปยังตัวบ้านนั่นแล้ว เขาจึงผละออกจากที่วิ่งโหย่ง ๆตรงไปยังประตูรั้ว เงยหน้ามองสองเงาร่างที่ปราดเข้าเกือบถึงตัวบ้านสองร่างนั้นคือชาติชายกับศรัณย์ในชุดดำรัดกุม ทั้งสองคนทาสีพรางดำสนิทไปทั้งใบหน้าลำคอ และส่วนที่พ้นการปิดบัง ของเสื้อผ้า ปืนเอ็ช เค เอ็มพี 7 ที่ติดกล้องเล็งพร้อมเครื่องช่วยมองกลางคืนและปลอกลดเสียงประทับเข้าไหล่ปากกระบอกเล็งตรงไปยังประตูบ้าน มือกำด้ามกระชับนิ้วอยู่ที่ไกปืนพร้อมที่จะส่งกระสุนขนาด 4.6 มม.ออกไปทุกขณะ พอทั้งสองเข้าประชิดถึงตัวบ้าน ชาติชายปราดเข้าด้างข้างหนึ่งของประตูประทับปืนเล็งตรงไปที่บ้านประตูแน่แน่ว ศรัณย์ปราดเข้าประชิดอีกด้านหนึ่งลดปืนลงก่อนดึงระเบิดรูปทรงกระบอกออกมาปลดสลักนิรภัยแล้วถือกำไว้ด้วยมือซ้ายมือขวาคว้ามือจับด้ามปืนกระชับ หันพยักหน้ากับชาติชาย
“พร้อม” ชาติชายกรอกเสียงเบา ๆลงไปในไมโครโฟนอันเล็กที่แนบแก้มแล้วกระชับปืนในมือ เพี๊ยะ...เสียงโลหะกระทบของแข็งตรงมุมด้านหนึ่งของบ้านแสงสว่างในบ้านดับวูบลงเมื่อกระสุนนัดหนึ่งจากมือลูกน้องวรวุฒิที่ซุ่มอยู่ห่างบ้านไปไม่ไกลบดขยี้เต้ารับที่ให้สายไฟฟ้าเกาะเกี่ยวกันกระจุยไปพร้อมกับสายไฟ
“เฮ้ย ไอ้แม่งเอ๊ย ไฟดับ ใครออกไปดูหน่อย” เสียงไอ้ชัยร้องสั่งดังขึ้นจากในบ้าน พร้อม ๆกับที่ศรัณย์ยืดตัวขึ้นทอย ระเบิดในมือเข้าไปทางบานหน้าต่างที่เปิดอ้าอยู่เสร็จแล้วหันตัวกลับประทับปืนในมือตรงไปที่ประตูบ้านเงยหน้าพยักหน้ากับชาติชายอีกครั้ง ไม่ถึงอึดใจเสียงระเบิดดังขึ้นทึบ ๆก้องทั้งตัวบ้านพร้อมกับแสงวาบสว่างจ้าขึ้นสาดแปลบออกมานอก ตัวบ้าน
“เฮ้ย.. เหี้ยอะไรวะอีกวะ” เสียงคนในบ้านดังลั่นขึ้นอย่างตกใจชาติชายกับศรัณย์ดึงปืนเข้าร่องไหล่ประทับเล็งผ่านกล้องที่เครื่องช่วยมองกลางคืนส่งภาพสีเขียวเรืองให้เห็นอย่างชัดเจนตึง... ประตูบ้านดีดผางออกตามแรงเท้าของศรัณย์ ชาติชายปราดเข้าประชิดปากประตูเอ็มพี 7 กวาดหาเป้าในความมืด ฟุ่บ.ฟุ่บ...กระสุนสังหารลั่นออกไปสองนัดส่งวิญญาณทุรชนหนึ่งคนปลิดปลิว ชาติชายขยับตัวสืบเท้าเข้าด้านในแล้ววาดปืนไปด้านหลังบานประตู ลูกน้องไอ้ชัยคนหนึ่งยืนคว้ามือหาผนังห้องอยู่ในความมืดฟุ่บ.ฟุ่บ..ภาพในกล้องเล็งคือหัวของมันที่สะบัดไปตามแรงพร้อมกับแตกกระจายออกโดยที่มันไม่มีโอกาสจะรู้เลยว่าโดนอะไรเข้าไป ศรัณย์มุดลอดแขนชาติชายที่ประทับปืนเข้าตัวบ้านปืนในมือเล็งตรงไปที่ประตูอีกบานหนึ่ง
“เฮ้ย ใครออกไปดูยังวะ..” ฟุ่บ.ฟุ่บ...ไม่ทันขาดเสียงลูกปืนสองนัดก็ยัดเข้าไปเต็มหน้า มันหน้าหงายล้มตึงลงไปทั้งตัวศรัณย์ปราดตรงเข้าไปที่ประตูปืนในมือเล็งตรงเข้าไปในห้องที่ไอ้วายร้ายนั้นหงายหลังเข้าไป ชาติชายเดินก้าวตัดทางผ่านไปยังทางที่เขาเพิ่งยิงไปแล้วหมุนกลับวาดปืนเข้าไปทางประตูที่ศรัณย์ปราดเข้าหา กล้องเล็งแสดงภาพโต๊ะตัวย่อมวางอยู่กลางห้อง เก้าอี้สามสี่ตัววางล้อมอยู่ไอ้ชัยที่นั่งถือแก้วเบียร์อยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่งเหวี่ยงแก้วเบียร์ออกจากมือแล้วผลุดลุกขึ้นเมื่อเห็นเงาลูกน้องหงายผลึ่งเข้ามามันขยับล้วงปืนพกขึ้นมาในมือส่ายกวาด ไปมาในความมืด ฟุ่บ..กระสุนนัดหนึ่งพุ่งเข้าปะทะปืนพก 11 มม.ในมือมันจนกระเด็นหลุดจากมือไปตกโคล้งเคล้งฟุ่บ.ฟุ่บ..ศรัณย์ลั่นกระสุนไปอีกสองนัดส่งร่างลูกน้องไอ้ชัยหน้าตู้เย็นที่ตั้งอยู่อีกด้านหนึ่งเซไปปะทะกับตู้เย็นก่อนจะรูดลงกับพื้นไอ้ชัยถลันตัวเข้าไปทางปืนตัวเองที่กระเด็นหายสายตาที่เริ่มจะชินกับความมืดเห็นเงาร่างดำ ๆ ผวาวูบเข้ามาจนใกล้ อั๊ก...ท้องใส้มันขย้อนเจ็บเสียดไปทั้งท้องเมื่อชาติชายพุ่งเข้าประชิดรองเท้าหน้ายัดเข้าเต็มสีข้าง มันปลิวตามแรงเท้าหมุน ไปกองอยู่กับพื้น อั๊ก...เงาร่างนั้นถลันเข้าประชิดตัวมัน เท้าข้างเดิมประเดนเข้าเต็มขมับ ส่งสติมันดับวูบ....................
ไอ้ชัยคืนสติพร้อมกับสำลักน้ำที่ราดลงมาบนใบหน้าทั้งหัวทั้งท้องเจ็บแปลบปลาบด้วยฤทธิ์เท้าหุ้มด้วยรองเท้า มือขวา เจ็บแสบจากฤทธิ์ลูกปืนที่ปลิดปืนคู่ใจมันกระเด็นไปมันลืมตาขึ้นสู่ความมืด ครู่ถัดมามันจึงรู้ว่ามันนอนหงายอยู่กลางป่ารอบข้างมีต้นไม้สูงใหญ่เป็นเงาดำทะมึน มันขยับตัวจะลุกขึ้น อั๊ก...น้ำหนักกระแทกเข้าเต็มอกกดลมหายใจออกจากปอดจนมันแทบสำลัก ตัวมันงอยกแขนขึ้นกอดอกขย้อนอากาศออกจาก คอจนหอบ พอค่อยยังชั่วมันลืมตาขึ้นพบว่านอกจากตัวมันที่นอนอยู่กับพื้น ด้านข้างนั้นเงาร่างสูงทมึนดำมืดยืนค้ำร่างมันในมือเจ้าของร่างถือปืนกระบอกกะทัดรัดรูปร่างแปลกตา เยื้องห่างไปด้านหลัง มีเงาดำๆ นั่ง ๆ ยืน ๆ อยู่อีกสามเงา มันพยายามเขม้นมองแต่ใบหน้าทั้งหมดดำมะเมื่อมด้วยสีพรางจนมันมองไม่ออกว่าเจ้าของร่างนั้นคือใคร
“ไอ้สัตว์พวกมึงไม่รู้เรอะว่ากู...”
พลั่ก...เจ้าของเงาที่ยืนค้ำตวัดตีนฟาดเข้าเต็มแก้มจนคางมันระบมลิ้นของมันลิ้มรสเลือดที่ไหลซึมออกมาในปาก มันขยับจะ หมุนตัวหลบอีกครั้ง ตุ๊บ...ตีนข้างเดิมตวัดเข้าเต็มชายโครงส่งก้อนเสียดพุ่งขึ้นจนเต็มท้อง
“อ๊อก.. แค่ก แค่ก..” ไอ้ชัยแทบจะหยุดหายใจไปชั่วครู่ด้วยความจุกเสียดก่อนจะไอออกมาสองสามครั้ง
“อย่าให้กูรอดไปได้นะมึงกูจะล่ามึงให้หัวหด ไอ้สัตว์” ไอ้ชัยยังไม่ละลดสันดานหยาบเจ้าของเงาหัวเราะเบา ๆ
“มองโลกในแง่ดีเหลือเกินนะ” เงานั้นขยับเดินเข้าใกล้ไอ้ชัยกวาดตามองเห็นอีกสามคนที่ห่างออกไป ขยับตัวเข้ามาใกล้ เหมือนตามดู
“เออ แล้วมึงจะรู้จักกู ไอ้สัตว์ กูไปทำอะไรให้พวกมึงวะแน่จริงมึงมาเดี่ยวกับกูดีกว่า”
“มึงน่ะเคยเดี่ยวกับใครด้วยหรือ ดีแต่ทำคนไม่มีทางสู้นั่นแหละ” หัวสมองไอ้ชัยหมุนติ้ว ๆด้วยความพยายามคิดว่าไอ้สี่คนนี่เป็นโจทก์ที่ไหนสายตาที่เริ่มชินกับความมืดกวาดไปที่มือ ของสองในสามร่างที่ยืนห่างออกไป ปืนเอ็ชเค เอ็มพี สาม แน่นอนที่สุด
“มึงพวกไอ้เสธการุณย์ซีเนี่ย ฮ่าฮ่า อุ๊บ” เสียงหัวเราะขาดหายไปเมื่อเท้าข้างหนึ่งเหยียบลงมาบนหน้าอก
“มึงอย่ามายุ่ง กับกูดีกว่าไม่งั้นมึงจะหัวขาดเหมือนลูกสาวมันนั่น อ๊อก..” เสียงมันขาดหายเมื่อเท้าข้างนั้นเลื่อนมากดที่คอ
“ก็ดีที่มึงพูดออกมาเองกูจะได้ไม่ต้องเสียเวลาถาม” เสียงตอบเรียบๆ
“เออซีวะ เสียดายยังไม่ทันจะได้เย็ดมันเลย อีห่านั่นน่ะท่าทางคงจะเย็ดมันฉิบ.. อ๊อก..” มันยังพูดไม่ทันจบตีนข้างนั้นก็ยกขึ้นตวัดใส่ซอกคอมันอีกครั้งไอ้ชัยหน้ามืดไปก่อนจะสำลักน้ำฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้ง
“ไอ้สัตว์ แค่ก.. แค่ก.. มึง..” ไอ้ชัยส่ายหน้าเปียก ๆ ของมันไปมาหลบสายน้ำที่รินใส่
“มึงไม่กล้าฆ่ากูล่ะซี ไอ้ไก่อ่อน” ไอ้ชัยรวบรวมแรงหมุนตัวรวบมือเข้าหมายจะจับข้อเท้าดึงร่างนั้นลงมานอนแต่เจ้าของร่างนั่นเหมือนจะคาดว่ามันจะทำเช่นนั้นจึงดึงขาถอยพ้นมือมันแล้วยกขึ้นกระทืบลงกับท่อนแขนที่พลาดเป้า กร๊อบบ...
“โอ๊ย.... แขนกู..อ๊ากซซ์” แขนที่เหยียดออกนั้นบัดนี้หักงอจนเห็นได้ชัดไอ้ชัยใช้อีกมือหนึ่งประคองแขนด้วยความ เจ็บปวดมันยังพยายามใช้ตัวยันยกขาขึ้นหมายจะถีบใส่อีกครั้งที่ร่างนั้นเบี่ยงหลบแล้วใช้เท้าข้างหนึ่งยันเอวมันจนคว่ำ พังพาบก่อนที่จะยกขึ้นกระทืบลงกับข้อพับหลังเข่า กร๊อบ...
“อ๊ากซซ..” ไอ้ชัยแผดเสียงโหยหว