คุยเรื่อยเปื่อยินิยายเรื่อง Choice เป็นนิยายที่แตกมาจากนิยายลูกโซ่เรื่องนะครับ
นิยายเรื่องนี้จะแตกต่างจากเรื่องอื่น ๆ นิดหน่อย
ตรงที่ในช่วงปิดท้าย ผมจะเปิดช่องให้ผู้อ่านโหวตทางเลือกในตอนต่อไป
ตอนที่ผมเริ่มเขียนตอนใหม่ ผมจะใช้ทางเลือกจากผลโหวตที่คะแนนสูงกว่าแล้วปิดโหวต
หากใครสนใจอ่านก็เชิญครับ
Choice ตอนที่ 1 – แว่นวิเศษ....................................
Assasin008 “คุณตาครับคุณตา เห็นแว่นตาผมหรือเปล่า อยู่ดี ๆ มันก็หายไป ผมต้องรีบไปแล้วไม่งั้นเรียนสายแน่”
ผมส่งเสียงดังพลางวิ่งลงบันไปไปชั้นใต้ดิน สองมือของผมกำลังพยายามจัดเสื้อนักศึกษาที่ยังไม่ได้กลัดกระดุม ส่วนผมของผมก็ยังยุ่งเหยิงเพราะเพิ่งตื่นนอนและไม่ได้หวีผม
“คุณตา ... อยู่หรือเปล่า”
ผมส่งเสียงเรียกอีกครั้งเมื่อลงไปถึงห้องใต้ดินที่อับชื้นและมืดหม่นเล็กน้อย ที่นี่คือชั้นใต้ดินของบ้านผม บ้านผมเป็นบ้านหลังใหญ่พอสมควร บ้านเรามีสามชั้น ไม่รวมชั้นใต้ดินที่เป็นห้องวิจัยของคุณตา แต่ผมอยู่กับคุณตาแค่สองคนเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะพ่อกับแม่ผมต้องเดินทางไปต่างประเทศเป็นประจำ
“หนวกหูโว้ย เอะอะจริง ๆ อะไรของแกวะไอ้หนุ่ม”
ผมมองหาคุณตาในห้องวิจัยตั้งนานแต่ก็ไม่เห็นเสียที สุดท้ายผมก็ต้องสะดุ้งโหยงตอนที่เสียงคุณตาดังออกมาจากใต้โต๊ะ แล้วคุณตาก็ค่อย ๆ กลิ้งออกมาจากใต้โต๊ะด้วยท่าทีงัวเงีย สงสัยว่าคุณตาจะขี้เกียจขึ้นไปนอนในห้องนอนตามเคย
“แว่นผมครับตา ผมจำได้ว่าเมื่อวานผมวางไว้หน้าทีวี แต่ตอนนี้ผมหามันไม่เจอ คุณตาเอาแว่นผมไปทำอะไรหรือเปล่า”
ผมถามพลางติดกระดุมเสื้อ แล้วมองไปมองมารอบห้องทดลองของคุณตา อ้อ ลืมบอกไปเลย คุณตาผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ พ่อบอกว่าคุณตาเคยได้รับรางวัลโนบราโนเบลอะไรนั่นด้วย แต่หลังจากโดนรถชนสมองคุณตาก็เพี้ยน ๆ จำอะไรไม่ค่อยได้ ผมก็เลยยังไม่เคยเห็นผลงานคุณตาเป็นชิ้นเป็นอันสักเท่าไหร่
“แว่นเอ็งก็หาเองซิวะ มาหาอะไรกับตา ใครจะไปรู้”
คุณตาอ้าปากหาวแล้วตอบแบบเฉื่อยชา ผมก็เกือบจะเชื่อแล้วนะว่าคุณตาไม่รู้เรื่อง ถ้าบังเอิญผมไม่หันไปเห็นแว่นตาของผมวางอยู่บนโต๊ะของคุณตาเข้าเสียก่อน
“อ้าว ตา นั่นไงแว่นผม ตาเอามาทำอะไร ตาลืมอีกแล้วล่ะซิ”
“หือ นั่นแว่นเอ็งเรอะไอ้หนุ่ม ... ไหน ๆ อ้อ พอดีเมื่อคืนตานึกทฤษฏีใหม่ได้ แล้วมันก็ต้องใช้แว่น ตาเลยเดินไปหาแล้วก็เจอแว่นวางบนโต๊ะ ตาเลยเอามาทำการทดลองติดตั้งวงจรควบคุมความคิดนิดหน่อย”
ผมกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบแว่นตา แต่พอได้ยินว่าคุณตาทำอะไรบางอย่างกับแว่นผม ผมก็ชะงักแล้วรีบหดมือกลับมาเพราะไม่กล้าจับ ผมจำได้ว่าผมเคยเกือบตายเพราะสิ่งประดิษฐ์สุดเพี้ยนของคุณตาไปแล้วสองครั้ง และผมก็ไม่อยากจะเสี่ยงตายเป็นครั้งที่สาม
“ฮ่า ฮ่า ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว แว่นนี้ไม่มีอันตรายแน่นอน ตามั่นใจ แว่นนี้เป็นสุดยอดแห่งแว่นสำหรับการล้วงความลับจากพวกผู้ร้าย ไม่ว่าจะมีความลับอะไรแค่ใช้แว่นนี้ก็จะสามารถล้วงความลับได้หมด”
คุณตาเห็นผมทำท่าแบบนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะใหญ่ จากนั้นคุณตาก็เดินไปหยิบแว่นมายื่นให้ผม ผมเลยรับมาแบบกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่แน่ใจ แต่ก็รับเอาไว้ในมือ แค่ยังไม่กล้าใส่เท่านั้น
“แว่นอะไรนะคุณตา”
“ตายังไม่ได้คิดชื่อนะ เอ็งเห็นปุ่มกดตรงข้างกรอบแว่นนั่นหรือเปล่า ถ้าเอ็งกดนะในแว่นจะมีรังสีเทต้าไตรเวฟความยาวคลื่นกว้างพิเศษออกมา ถ้าตอนนั้นใครเห็นแสงนี้เข้าสมองก็จะโดนควบคุมเป็นเวลาประมาณสิบสองชั่วโมง คนนั้นจะพูดแต่ความจริง แล้วก็เชื่อฟังทุกอย่างที่คนใส่แว่นพูดโดยไม่มีเงื่อนไข จะสั่งทางเสียงก็ได้ ทางโทรจิตก็ได้แต่ต้องใส่แว่นนะ แถมถ้าหมดเวลาแล้วคนนั้นก็จะจดจำไม่ได้ด้วยว่าเคยพูดเคยทำอะไรไว้ พวกเขาจะนึกว่าฝันไป รับรองว่าถ้ามีแว่นนี้ต่อให้มีผู้ร้ายปากแข็งแค่ไหนก็เก็บความลับไว้ไม่ได้ ฮ่า ฮ่า ตานี่อัจฉริยะจริง ๆ”
ตาพูดอวดผลงานตัวเองเสียงดัง แต่ผมมองแล้วก็ไม่เห็นอะไรนะ เห็นแต่แว่นตาธรรมดา ที่แตกต่างออกไปก็มีแค่ปุ่มกดสีดำเล็ก ๆ ข้างกรอบแว่น ผมเลยทำท่าจะลองกดดูเผื่อว่าจะมีอะไรน่าสนใจ
“เฮ้ย ๆ ไอ้หนุ่ม อย่ากดมั่ว ๆ ซิโว้ย มันต้องสะสมพลังงาน กดครั้งหนึ่งต้องใช้เวลาสะสม 48 ชั่วโมง ถึงจะใช้ได้อีกรอบ เอ็งจำไว้นะโว้ย ใส่แว่นจ้องตา รอให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายมองตาเราอยู่แล้วกดปุ่ม ถ้าไม่แน่ใจอย่ากด แล้วก็ใช้ได้ทีละคนนะโว้ย อ้าว เฮ้ย เอ็งจะรีบไปไหนวะไอ้หนุ่ม”
“ผมจะรีบไปเรียนครับตา ไปก่อนแล้วนะ เดี๋ยวไม่ทัน”
ผมยืนฟังอยู่พักหนึ่งแบบงง ๆ แล้วผมก็ก้มหน้ามองนาฬิกาแล้ววิ่งแจ้นขึ้นไปด้านบน ผมฟังที่ตาพูดมาเข้าใจนะ แต่ผมไม่ได้เชื่ออะไรกับสรรพคุณของแว่นนี้เท่าไหร่ โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินเรื่องสั่งด้วยพลังจิต เพราะผมโดนคุณตาหลอกมาเยอะ ผมเลยคว้ามาใส่แล้วรีบขับรถไปมหาวิทยาลัยตามปกติ พอไปถึงผมก็ลืมเรื่องแว่นไปแล้วด้วยซ้ำ
อ๊ะ ลืมไปเลย ผมชื่อหนุ่มครับ เป็นนักศึกษาวิศวะไฟฟ้าปีสองมหาวิทยาลัยแถวสนามหลวง ผมเป็นคนไม่โดดเด่นอะไรพิเศษครับ ไม่ได้หล่อ ไม่ได้คุยเก่ง กีฬาก็กลาง ๆ ยังพอมีดีที่การเรียนนี่แหละ ผมคงจะหัวดีตามกรรมพันธุ์ ก็เลยค่อนข้างได้เกรดดีทีเดียว
ส่วนเรื่องแฟน อืม ผมก็เล็ง ๆ อยู่นะ แต่ก็ยังไม่มีสักที ก็มาตรฐานผมมันสูงนี่นา ผมอยากได้สาวสวย ขาว หุ่นดี นมโตน่าฟัด ซึ่งผมก็เจอคนที่ใช่นะ แต่ปัญหาก็คือผมมันพวกความกล้าติดดิน แค่เดินเข้าไปคุยกับเขาก็ยังไม่กล้าเลยด้วยซ้ำ
คนที่ผมเล็งก็คนนี้ล่ะครับ เธอชื่อโบกี้ โบกี้เป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนของผม เธอเป็นสาวสวยระดับดาวคณะ ผิวเธอขาวผุดผ่อง ผมยาว แก้มป่อง นมโต แบบว่าทุกอย่างของเธอโดนใจผมหมด ไม่มีอะไรเลยที่ผมไม่ชอบ ถ้าจะมีก็แค่อย่างเดียว คือเธอมีแฟนแล้ว แฟนเธอเป็นรุ่นพี่คณะนิเทศ และนั่นแหละคือคนที่ผมเกลียดที่สุดในชีวิต
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
ระหว่างคาบเรียนผมก็ไม่ค่อยมีสมาธิมากหรอกครับ ผมทำเหมือนเพื่อนผู้ชายคนอื่น คือมักจะพยายามหาที่นั่งที่สามารถแอบมองโบกี้กัน และวันนี้ผมก็ดวงดีได้นั่งเยื้องกับโบกี้พอดี ผมเลยได้เห็นวิวสวย ๆ จนควยบวมเป่ง โบกี้นอกจากจะสวยน่าฟัดแล้ว เธอยังชอบแต่งตัวรัดสั้นอวดหุ่นสุดเซ็กซี่มายั่วหนุ่ม ๆ ให้น้ำลายสอด้วย
ผมนั่งกดแว่นแนบเข้าหาใบหน้า แล้วใช้สายตากวาดมองไปที่ลำคอขาวผ่องของเธอ ผมกลืนน้ำลายดังอึก แล้วผมก็ไล่สายตาลงไปที่เสื้อนักศึกษาตัวเล็กจิ๋ว
ผมมองดูก้อนเนื้อกลมที่ดันเสื้อนักศึกษาเนื้อบางออกมาเป็นก้อน นมเธอมันใหญ่ล้นจนผมรู้สึกหายใจหายคอไม่ออก และเมื่อผมกวาดสายตาต่ำลงไปอีก ผมก็มองเห็นน่องขาเรียวสวยที่ตัดกับกระโปรงนักศึกษาสั้นเต่อจนผมต้องกลืนน้ำลายลงคออีกอึกใหญ่ ผมรู้สึกปวดหนึบที่เป้ากางเกง และคาดว่าหลังคาบเรียนนี้ผมคงจะต้องไปปลดปล่อยในห้องน้ำสักรอบ
ผมแอบหันไปมองเพื่อนที่มันข้าง ๆ ผม แล้วเราก็ยิ้มให้อย่างรู้กัน จากนั้นผมก็แอบหันไปส่งยิ้มเหมือนผู้ชนะเพื่อเยาะเย้ยพวกที่ไม่ได้ที่นั่งขอบเวทีแบบผม แล้วผมก็หันมาแอบมองโบกี้ต่อจนหมดคาบเรียน ผมไม่รู้เรื่องเลยสักนิดว่าอาจารย์สอนอะไร
พอหมดคาบเรียนสิ่งที่ผมทำเป็นลำดับแรก ๆ ก็คือการไปเข้าห้องน้ำ ผมไม่ได้ปวดฉี่หรืออยากปลดทุกข์อะไรหรอก ผมแค่ปวดเป้ากางเกงจนทนไม่ไหว เลยต้องรีบไปหาที่ปลดปล่อยเสียหน่อย พอได้เข้าห้องน้ำผมก็ปลดกางเกง หลับตาแล้วคว้าดุ้นของผมออกมาสาวซอยยิก ในหัวผมตอนนี้มีแต่นมขาว ๆ ของโบกี้เต็มไปหมด
ผมสาวว่าวได้ไม่นานก็ตัวกระตุกฉีดน้ำเงี่ยนพุ่งปรี๊ดไปเลอะบนผนังห้องน้ำ ผมยืนเกร็งอีกครู่ใหญ่แล้วถึงค่อยคว้าเอากระดาษชำระมาทำความสะอาดทั้งตัวผมเองแล้วก็ฝาผนังห้องน้ำ
ตอนที่ผมเปิดประตูเดินออกไปผมชะงักไปพักหนึ่ง เพราะข้างนอกมีเพื่อนร่วมคณะกำลังมองมาทางผมแล้วหัวเราะ ผมเพิ่งแอบทำเรื่องไม่ดีมาก็เลยนึกว่าพวกมันกำลังขำผม แต่ความจริงผมรู้สึกว่าผมเก็บเสียงไว้ดีแล้วไม่น่าจะมีใครได้ยิน
ผมยืนงงอยู่พักใหญ่ เพื่อนมันก็ชี้ให้ผมดูไปทางห้องน้ำด้านในสุด ผมเลยค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะตอนนี้ผมกำลังได้ยินเสียงครางของผู้ชายดังมาจากห้องนั้น และผมก็จำเสียงมันได้ มันคือเพื่อนร่วมคณะของผมนี่เอง
“โอย ซี้ด โบกี้จ๋า แบบนั้นล่ะจ้ะ อูย เสียว โบกี้จ๋า อูย”
เสียงร้องครางของมันดังพร้อมกับประตูห้องน้ำที่สั่นสะเทือน ดูเหมือนว่ามันกำลังยืนพิงห้องน้ำแล้วช่วยตัวเองอยู่ พอสักพักมันก็ส่งเสียงดังออกมาเหมือนหมูถูกเชือดแล้วอาการสั่นของผนังไม้ก็หายไป มันคงเสร็จแล้ว
ผมยิ้มขำ ๆ แล้วเดินย่องไปล้างมือทำความสะอาด เพราะความจริงแล้วผมเองก็พวกเดียวกันกับไอ้หมอนี่ หรือพูดให้ถูกก็คือมีอีกหลายคนที่แอบมองโบกี้แล้วช่วยตัวเอง เพียงแต่ไอ้เพื่อนคนนี้มันทำเสียงดังเกินไปหน่อยก็แค่นั้นแหละ
เรื่องนี้ก็ไม่แปลกอะไร โบกี้เป็นขวัญใจหนุ่ม ๆ มาตั้งแต่แรก เธอสวยมากขนาดนั้นถ้าใครเห็นแล้วไม่หลงรักก็คงเป็นเรื่องแปลก ผู้ชายทุกคนก็อยากได้สาวสวยแบบโบกี้เป็นเมียกันทั้งนั้นแหละ ผมเองก็เป็นคนหนึ่งในนั้น เพียงแต่อย่างที่บอกเอาไว้แหละ ผมเป็นพวกไก่อ่อนไม่กล้าจีบสาวหรอก โดยเฉพาะกับโบกี้ที่สวยสมบูรณ์แบบแถมยังมีแฟนแล้ว
หลังจากช่วยตัวเองเสร็จผมก็ไปทานข้าวเที่ยง เรียนตอนบ่าย แล้วก็เตรียมกลับบ้าน แต่ผมมีธุระแวะไปหาอาจารย์ที่ห้องพักบนชั้นหกก่อน ก็คุยเรื่องงานวิจัยอะไรแนวนั้นล่ะครับ พอคอยจบผมก็เดินออกมาจากห้องอาจารย์แบบเหนื่อย ๆ เพราะงานวิจัยมีต้องแก้อะไรอีกหลายอย่าง แต่พอออกมาผมก็ชะงักหายเหนื่อย โบกี้กำลังยืนอยู่ตรงระเบียงคนเดียว
ผมมองหน้ามองนมของเธอแล้วกลืนน้ำลายลงคอ กว่าจะตั้งสติใช้สมองได้ก็ผ่านไปหลายวินาที ตอนนี้เธอกำลังยืนโทรศัพท์อยู่คนเดียวตรงระเบียง และดูเหมือนว่าจะกำลังอารมณ์เสียทะเลาะกับแฟนเรื่องผู้หญิงอะไรแนวนั้น
เธอพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดทีเดียว ผมเดาว่าที่เธอมาคุยตรงนี้ก็คงเพื่อจะหลบคน เพราะแถวนี้ไม่ค่อยมีใครผ่านไปผ่านมาเท่าไหร่ นอกจากพวกอาจารย์ที่มีห้องทำงานตรงนี้
ผมยืนมองนิ่ง ๆ ไปพักใหญ่ โบกี้ถึงค่อยหันมาสังเกตเห็นผม เธอคงกำลังอารมณ์ไม่ดี พอเห็นผมปุ๊บก็สะบัดหน้าหันไปทางอื่นแล้วทะเลาะกับแฟนผ่านโทรศัพท์มือถือต่อ เพียงแต่คุยเสียงเบาลงนิดหน่อย
อยากรู้ก็อยากรู้ อยากดูก็อยากดู แต่ผมรู้ว่าคงไม่เหมาะที่จะยืนฟังโบกี้ทะเลาะกับแฟนแบบนี้ ผมเลยเดินอ้อมไปทางบันไดตั้งใจจะลงไปชั้นล่าง แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาลงไป โบกี้ก็ส่งเสียงเรียกผมเสียก่อน
“หนุ่มเดี๋ยวก่อน”
ผมหันไปมองเห็นเธอกดปิดโทรศัพท์แล้วเดินมาหาผม ผมเลยใจเต้นแรงตื่นเต้นจนมือชุ่มเหงื่อ ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้อยู่ในสถานการณ์สองต่อสองกับโบกี้ ผมเผลอแอบคิดเข้าข้างตัวเองแล้วด้วยซ้ำว่าเธอเรียกผมเพราะเธอคิดอะไรกับผมอยู่บ้าง แต่เปล่าเลยครับมันเป็นแค่ความฝันโง่ ๆ ของผู้ชายไก่อ่อนไร้น้ำยาคนหนึ่ง
“หนุ่มอย่าเอาเรื่องที่ได้ยินไปพูดกับใครนะ เราขอร้อง”
โบกี้เดินมาแล้วก็พูดเข้าเรื่องทันที ผมเลยพยักหน้ารับปาก เพราะผมเองก็ไม่ได้คิดจะทำตัวปากสว่างพูดเรื่องคนอื่นอยู่แล้ว แต่ผมก็จำได้ทุกคำที่เธอพูดนะ ผมรู้แล้วว่าแฟนเธอแอบไปเป็นกิ๊กกับดาวคณะนิเทศ พวกหล่อรวยเลือกได้ก็คงแบบนี้แหละ มีแฟนสวยเหมือนนางฟ้าแบบโบกี้ทั้งคนก็ยังจะไปยุ่งกับคนอื่นอีก
“อืม เราไม่ได้ยินอะไรเท่าไหร่หรอก ต่อให้ได้ยินเราก็ไม่บอก”
“ขอบใจนะหนุ่ม เราไปล่ะ ... เอ๊ะ มีอะไรติดที่แว่นหรือเปล่า”
โบกี้พูดขอบคุณผมแล้วทำท่าจะจากไป แต่แล้วเธอก็หยุดหันกลับมองผม หรือถ้าพูดให้ถูกก็คือเธอกำลังมองที่แว่นผม แล้วเธอก็ยื่นมือมาแตะตรงแถวกรอบแว่น ซึ่งผมเพิ่งนึกออกว่ามันคือปุ่มทำอะไรสักอย่างที่คุณตาโม้ให้ฟังตอนเช้า
ผมได้ยินเสียงดังกริ๊กเบา ๆ แล้วผมก็มองเห็นแสงสีฟ้าสว่างวาบจากแว่นตาจนผมต้องรีบกระพริบตา ผมเดินถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพราะตกใจ แต่หลังจากแสงสีฟ้าก็ไม่มีอะไรอีก ผมเลยยืนกระพริบตางง ๆ สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
โบกี้เองก็ยืนมองผมแบบงง ๆ เธอถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้วมองแว่นผมเหมือนประหลาดใจ แล้วเธอก็ถามผม
“แสงอะไรเหรอหนุ่ม มันสว่างมาจากแว่นเธอ”
“แสง แสงอะไรที่ไหน จากแว่นเราเหรอ”
“อืม ใช่จากแว่นเธอนั่นแหละหนุ่ม”
ผมพยายามทำเป็นไม่รู้เรื่อง ซึ่งจริง ๆ แล้วผมก็ไม่รู้เรื่องอย่างที่แสดง ผมเผลอลืมไปแล้วด้วยว่าคุณตาทำอะไรบางอย่างกับแว่นของผมไว้ แล้วตอนนี้ผมก็นึกไปถึงคำพูดที่คุณตาพูดเอาไว้ คุณตาบอกว่าถ้าใส่แว่นจะสามารถออกคำสั่งอะไรก็ได้ จะทางคำพูด หรือทางโทรจิตก็ได้ ผมเลยหลุบสายตามองนมของโบกี้แล้วคิดเรื่องอกุศลขึ้นมา ผมคิดว่าถ้าเป็นจริงก็คงดี ผมจะได้ขอจับนมเธอ
“อยากจับก็จับซิหนุ่ม”
พอผมคิดในใจเสร็จ โบกี้ก็ขยับเข้ามาใกล้แล้วจับสองมือของผมไปวางบนหน้าอกของเธอหน้าตาเฉย ผมเลยอ้าปากค้างตกใจทำตัวไม่ถูก ตอนนี้สองมือของผมกำลังวางบนเต้านมของนางฟ้าที่ผมฝันว่าอยากจะฟัดมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ถึงตอนนี้ผมจะยังไม่กล้าบีบแต่มันก็นิ่มมากจนมือผมสั่นเกร็ง ผมถามเธอซ้ำเพราะงงว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
“โบกี้พูดว่าอะไรนะ”
“ก็หนุ่มอยากจับนมเราไม่ใช่เหรอ ก็จับซิ บีบตามสบายเลย”
โบกี้พูดย้ำให้เราได้ยินเต็มสองหู แถมยังกดฝ่ามือเราเข้าหานมของเธออีกต่างหาก ตอนนี้ผมยังงงอยู่ แต่ผมก็ทนต้านทานความนุ่มนิ่มไม่ไหว ผมบีบใหญ่ ๆ ของโบกี้จนเธอตัวกระตุกส่งเสียงครางออกมา โอ้ พระเจ้าช่วยกล้วยทอด นมโบกี้นุ่มนิ่มยิ่งกว่าที่ผมเคยฝันเอาไว้อีก
ผมยืนขยำนมโบกี้ไปเรื่อย ๆ อยู่ตรงระเบียงทางเดิน นมเธอใหญ่แล้วก็เด้งจนผมควยบวมเป่ง ผมบีบแรงขึ้นเรื่อย ๆ โบกี้ก็ร้องครางดังขึ้น ตัวเธอสั่นสะท้านน้อย ๆ และหน้าของเธอก็เริ่มแดงซ่านขึ้นมา
“โบกี้ ทำไมยอมให้เราจับนมล่ะ”
“ก็เพราะหนุ่มอยากจับน่ะซิถามได้ ... อืม ... เสียวจังหนุ่ม ซี้ด”
“ไม่ใช่ เราหมายถึงทำไมยอมให้เราจับ ก็เราไม่ใช่แฟนโบกี้ แล้วทำไมโบกี้ยอมล่ะ”
“ทำไมล่ะ ก็หนุ่มอยากจับ เราก็เลยอยากให้จับ ก็แค่นั้นเอง แฟนเราก็ยังไม่เคยจับเลยนะ”
ผมพยายามถามแต่เธอก็ตอบเหมือนไม่ตรงคำถาม หรือว่าบางทีผมอาจจะถามไม่ตรงคำตอบ เอ๊ะ หรือยังไงผมเริ่มชักจะงง แต่ช่างเถอะ ตอนนี้สมองของผมไม่ค่อยทำงานแล้ว เพราะเลือดมันไหลไปหล่อเลี้ยงตรงควยของผมจนบวมเป่ง ตอนนี้ผมบีบขยำนมเธอแรงขึ้น แล้วก็คิดในใจว่าอยากถอดเสื้อนักศึกษาเธอออก จะได้ขยำนมให้เต็มไม้เต็มมือกว่านี้
พอผมคิดจบโบกี้ก็มองหน้าผมแวบหนึ่ง แล้วเธอก็ทำสิ่งที่ผมตกใจมากกว่าเดิม เธอเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาออก เริ่มจากเม็ดบนแล้วไล่ลงมาทีละเม็ด จากนั้นเธอก็แบะสาบเสื้อนักศึกษาออกให้ผมเห็นเนื้อสาวขาวเนียนของเธอจนผมตาค้าง นี่แหละที่ผมใฝ่ฝันอยากเห็นมาตลอด
ผมกลืนน้ำลายดังอึกแล้วมองโบกี้จนตาค้าง สิ่งที่เธอทำให้ผมเห็นทำให้ผมได้คิดอะไรบางอย่าง ตอนนี้ผมรู้สึกเรื่องราวแปลกประหลาดไม่ธรรมดานี้น่าจะเกิดมาจากแว่นตาของผมเอง ถึงมันจะแปลกประหลาดขนาดไหน แต่ตอนนี้ผมก็เชื่อแล้วว่านี่เป็นสิ่งประดิษฐ์ชิ้นแรกของคุณตาที่ใช้งานได้จริง และดูดีมีคุณค่าไม่เหมือนของเก๊ที่คุณตาเคยสร้างมา
ผมมองยกทรงสีดำที่ห่อหุ้มนมอวบ ๆ ของโบกี้จนเป้ากางเกงบวมแล้วบวมอีก ผมอยากขย้ำใจจะขาด แต่ว่าผมยังมีสติยั้งคิดอยู่บ้าง ผมมองไปรอบ ๆ เพราะรู้สึกว่าสถานที่ไม่เหมาะสม หากมีใครมาเห็นเข้าคงไม่ดี แล้วผมก็คิดไปถึงเรื่องระยะเวลาสิบสองชั่วโมงที่คุณตาบอกไว้ เพราะนั่นหมายความว่าผมยังมีเวลาพาโบกี้ไปทำอะไรก็ตามได้อีกหลายชั่วโมง
ผมมองโบกี้แล้วคิด โบกี้ก็เหมือนจะรับรู้ความคิดของผม ดาวคณะคนสวยที่ผมใฝ่ฝันรีบติดกระดุมเสื้อนักศึกษาแล้วจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยตามที่ผมคิดสั่ง จากนั้นผมก็เตรียมที่จะออกคำสั่งอื่นเพื่อสนองความหื่นตัวเอง ผมคิดว่าจะพาโบกี้ไปนอนที่บ้าน
แต่พอได้คิดผมก็เกิดความรู้สึกผิด การกระทำของผมในตอนนี้จะว่าไปก็คงไม่ได้ต่างอะไรกับพวกหลอกมอมยาผู้หญิงจนไร้สติแล้วพาไปข่มขืน โบกี้ในตอนนี้ดูภายนอกแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ว่าเธอก็เหมือนไม่มีสติเพราะเชื่อฟังผมทุกอย่าง หากผมพาเธอไปทำมิดีมิร้ายเธอก็จะเป็นฝ่ายเสียหาย
ต่อให้เธอจะลืมทุกอย่างหลังจากช่วงเวลาสิบสองชั่วโมง แต่สภาพร่างกายของเธอยังไงก็คงมีร่องรอยเหลือไว้ แล้วถ้าเธอรู้ว่ามีคนทำอะไรเธอจะทำยังไง เธอจะโกรธแล้วก็เกลียดผม หรือเธอจะเศร้าจนทำร้ายตัวเองหรือเปล่า
ตอนนี้สมองของผมเหมือนมีพายุหมุนติ้ว มันเป็นการต่อสู้ระหว่างสมองส่วนล่างและสมองส่วนบน สมองส่วนล่างบอกให้ผมทำตามที่ผมอยากทำ แต่สมองส่วนบนนั้นบอกให้ผมอย่าทำเรื่องเลวร้าย ... แล้วผมจะเลือกทางไหนดีล่ะ
................................