คุยเรื่อยเปื่อยนิยายเรื่องนี้จะแตกต่างจากเรื่องอื่น ๆ นิดหน่อย
ตรงที่ในช่วงปิดท้าย ผมจะเปิดช่องให้ผู้อ่านโหวตทางเลือกในตอนต่อไป
ตอนที่ผมเริ่มเขียนตอนใหม่ ผมจะใช้ทางเลือกจากผลโหวตที่คะแนนสูงกว่าแล้วปิดโหวต
(ผลรวมจากสองบอร๋ดที่ผมเป็นสมาชิก)
อ่านจบแล้วอย่าลืมโหวตทางเลือกกันด้วยนะครับ
ถ้าผมเริ่มเขียนตอนใหม่ ผมจะปิดโหวต แล้วใช้ทางเลือกที่ได้คะแนนสูงที่สุดเพื่อเดินเรื่องในตอนถัดไป
Choice ตอนที่ 6 – รักต้องลุย..................................................
Assasin008 2016-08-18 ผมตัดสินใจเดินหน้าไปให้สุดทาง ตอนนี้ผมแน่ใจว่าโบกี้ไม่ได้หลับจริง ๆ เธอแค่กำลังแกล้งหลับ และการที่เธอไม่ได้ลุกขึ้นมาโวยวายตอนโดนผมแอบลวนลาม ผมแปลความหมายได้อย่างเดียวว่าเธอไม่ได้รังเกียจขัดขืน เพราะยังไงเธอก็โดนผมไปหลายครั้งแล้วตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา
พอคิดแบบนี้ ผมก็เริ่มเดินหน้าลุยต่อ ผมค่อย ๆ ถอดกางเกงของโบกี้ออกมาพร้อมกับกางเกงใน เธอยังหลับตาอยู่แต่เหมือนจะเกร็งมือจิกผ้าปูเตียงแรงขึ้น พอถอดด้านล่างเสร็จ ผมก็จับสองขาของโบกี้ถ่างออกจนสุด แล้วจับดุ้นที่พองตัวเต็มที่ไปจ่อที่ปากร่องเสียวสีแดงแจ๋
รูเสียวของเธอเผยออ้าเล็กน้อยไม่เหมือนตอนเปิดซิง เพราะโดนผมจัดหนักไปหลายดอก ผมลองเลียนแบบในหนังโป๊จับควยถูไถไปตามปากร่องเสียวก่อนเพื่อหยั่งเชิง โบกี้ส่งเสียงครางอือเบา ๆ ออกมาพร้อมกับบิดตัวไปมาเล็กน้อย แต่ว่ายังไม่ยอมลืมตาขึ้นมา เธอคิดว่าผมยังไม่รู้ว่าเธอแกล้งหลับ
ผมถูไถเล่นไปอีกใหญ่เพราะชอบฟังเสียงครางสุดแสนน่ารักของโบกี้ ตอนนี้น้ำหล่อลื่นของเธอไหลทะลักออกมาเยอะมากเหมือนเมื่อวาน เยอะจนไหลย้อยผ่านร่องก้นลงไปบนผ้าปูที่นอน ผมคิดว่าเธอคงพร้อมจะโดนแล้ว และผมเองก็เริ่มจะอดใจไม่ไหวเหมือนกัน ผมเลยเริ่มกดของผมใส่เข้าไปช้า ๆ
“อื๊อ ...”
โบกี้ที่แกล้งหลับอยู่เผลอร้องออกมาหนึ่งคำ เธอกระตุกเฮือกเบา ๆ ตอนที่ผมค่อย ๆ บรรจงกดดุ้นเอ็นเข้าไปในร่องฟิต ๆ ของเธอ สองมือของเธอเกร็งจิกผ้าปูที่นอน ริมฝีปากเธอขบเม้มเข้าหากันแน่น
ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะว่านี่คือครั้งแรกที่ผมจะได้มีอะไรกับโบกี้ตอนเธอมีสติ ไม่ได้ตกอยู่ใต้ผลของแว่นวิเศษเหมือนก่อนนี้ แต่ผมก็ยังควบคุมสติค่อย ๆ เดินหน้าสอดเข้าไปในรูเสียวของดาวคณะคนสวยทีละน้อยจนมิดลำ แล้วผมก็ก้มหน้าลงไปอ้าปากงับดูดนมเต้านุ่มนิ่มของเธอพร้อมกับซอยเอวกระเด้าใส่เบา ๆ ไปพลาง
“ซี้ด … อือ … อือ … ซี้ด … อือ …”
โบกี้ส่งเสียงสูดปากครางออกมาเบา ๆ เธอยังคงหลับตาอยู่และดูเหมือนจะพยายามเก็บเสียงเอาไว้สุดชีวิต ความเสียวและความตื่นเต้นทำให้ผมออกแรงกระเด้าใส่เธอถี่ยิบกว่าเดิม โบกี้ในตอนนี้เริ่มดิ้นพราดสะบัดหน้าไปมา เธอหลับตาปี๋ส่งเสียงครางออกมาดังขึ้นทีละน้อย
“ลืมตาได้แล้วโบกี้ เรารู้นะว่าแกล้งหลับ”
ผมกระเด้าได้ราวห้านาทีก็อ้าปากจากการดูดนม ผมส่งเสียงหยอกเธอเล่นพร้อมกับขยับขึ้นไปจูบปาก พอริมฝีปากเราสัมผัสกันโบกี้ก็ลืมตาโพลงแล้วรีบเบือนหน้าหนีไม่ให้ผมจูบ ผมรู้สึกขัดใจเล็ก ๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เลยจัดการหอมแก้มเธอไป พร้อมกับกระเด้าเอวซอยถี่ยิบด้วยความเมามันไปก่อน
“ซี้ด ... อูย ... อืม ... ซี้ด ... อือ ... อูย ...”
โบกี้ส่งเสียงครางดังขึ้นและดังขึ้น ผมเองก็กระเด้าใส่อย่างเมามันหนักขึ้นเรื่อย ๆ พอผ่านไปได้ราวสิบกว่านาที ผมก็รู้สึกได้ว่าโบกี้เริ่มกระตุกเกร็งเหมือนใกล้เสร็จ และผมเองก็ใกล้เสร็จเหมือนกัน แล้วตอนนี้เองที่โบกี้เหมือนจะคุมสติตัวเองไม่อยู่
เธอโอบแขนมากอดผมไว้แน่น เล็บของเธอจิกใส่หลังผมจนเจ็บ และผมก็ฉวยโอกาสจูบปากเธอเอาไว้ตอนที่เร่งเครื่องซอยยิกกระแทกปิดท้าย เราจูบปากแลกลิ้นกันพัลวันตามระดับอารมณ์เสียว แล้วผมก็ตัวกระตุกไปพร้อมกับเธอ
ดุ้นเอ็นของผมกระตุกเฮือกฉีดน้ำเงี่ยนร้อน ๆ เข้าไปในรูเสียวที่กำลังตอดรัดหนุบหนับ เราสองคนกอดกันแน่นและยังจูบปากค้างเอาไว้ โบกี้ตัวกระตุกรุนแรงมากทีเดียว ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอไม่เหมือนตอนที่ผมควบคุมความคิด เธอเหมือนพยายามจะเก็บอาการเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ยั้งไม่อยู่เลยระเบิดออกมา และผมก็รู้สึกว่าแบบนี้ดีกว่า
“เรารักโบกี้นะ เป็นแฟนกันไหมโบกี้”
พอเราสองคนเริ่มหายกระตุก ผมก็ถอนปากออกมาพูดบอกรัก โบกี้ที่หน้าแดงก่ำมองผมนิ่งแต่ไม่ได้ตอบอะไร เธอดูสับสนลังเลไม่แน่ใจ ซึ่งก็คงไม่แปลก ถ้าพูดกันจริง ๆ แล้วเธอแทบไม่รู้จักผมเลย แต่อยุ่ดี ๆ ก็โดนผมเปิดซิง จะให้เธอยอมรับผมเป็นแฟนง่าย ๆ ก็คงแปลก ๆ แต่ถ้าจะผลักไสไล่ส่งเลย ผมว่าก็คงยากเพราะยังไงเราก็มีอะไรกันไปแล้ว
“... เรื่องนี้เราค่อยคุยกันนะหนุ่ม ... หนุ่มกลับบ้านเถอะ เราอยากพักผ่อนคิดอะไรคนเดียว”
โบกี้เงียบไปพักใหญ่ก่อนจะบอกผมด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะรู้ว่าเรื่องแบบนี้มันทำใจยาก ผมเลยก้มหน้าลงไปทำท่าจะจูบปากเธอ แต่คราวนี้โบกี้เบือนหน้าหลบ ผมเลยได้แค่หอมแก้มเธอแก้เก้อไปก่อน
ความจริงผมอยากจะลองดื้อจัดหนักใส่โบกี้ต่ออีกหน่อย แต่ร่างกายผมมันไม่ไหวแล้ว เมื่อคืนก็จัดไปหลายรอบ พอมาจัดรอบนี้เข้าไปของผมมันก็หดตัวห่อเหี่ยวหมดเรี่ยวแรง ผมเลยอดทำอย่างที่อยากทำ ได้แต่ลุกขึ้นไปล้างเนื้อล้างตัวสวมใส่เสื้อผ้า แล้วร่ำลาออกจากห้องของโบกี้ไปตอนช่วงเย็นตามที่เธอขอเอาไว้
คืนนั้นผมกลับบ้านไปตั้งใจจะไปขอบคุณสดุดีคุณตาเสียหน่อย ที่ให้แว่นแสนวิเศษกับผม แต่ว่าคุณตาไม่อยู่ ผมเลยเข้าห้องไปนอนหลับเป็นตาย ตื่นมาอีกทีก็ต้องรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปมหาวิทยาลัย ผมโทรหาโบกี้ด้วย เผื่อว่าเธอจะอยากให้ผมขับรถไปรับ แต่โบกี้ไม่รับโทรศัพท์ ผมเลยได้แต่ขับรถตรงไปมหาลัยก่อน
ช่วงเช้าผมนั่งคุยกับเพื่อน ๆ ที่ม้านั่งหินอ่อนตามปกติ และบทสนทนาส่วนใหญ่ของหนุ่ม ๆ ก็จะเป็นเรื่องเกม กีฬา แล้วก็สาว ๆ และสาว ๆ ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดก็คงไม่พ้นโบกี้ ดาวคณะคนสวยที่เสร็จผมไปแล้วตั้งแต่คืนวันก่อน
พวกเราคุยกันแบบหื่น ๆ ตามปกติ เพราะเราสนิทกันพอควร แต่คราวนี้ผมรู้สึกต่างไปจากเดิม ผมรู้สึกเหมือนเป็นผู้ชนะที่ได้ครองครองนางฟ้าแสนสวยที่พวกเพื่อนได้แต่แอบมอง แต่ในอีกอารมณ์ผมก็รู้สึกหึงไม่ค่อยพอใจที่โบกี้โดนนินทาแบบลามก ผมเกือบจะเอาคลิปโบกี้ออกมาให้พวกนี้ดูแล้วประกาศให้รู้ว่าโบกี้เป็นของผมแล้วด้วยซ้ำ แต่ยังดีที่ผมยังไม่สิ้นคิดแบบนั้น
ก่อนเริ่มคลาสเรียนไม่กี่นาทีโบกี้ก็เดินมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อนของเธอ กลุ่มเพื่อนในวงสนทนาเลยพากันแอบมองรูปร่างทรวดทรงของโบกี้กันตาเป็นมัน ผมพยายามมองและทักเธอด้วยสายตา แต่ว่าโบกี้ทำเมินเหมือนไม่เห็นผม ผมเลยรู้สึกใจฝ่อลงไปพอสมควร ไม่รู้ว่าเธอจะตัดสินใจปล่อยเลยตามเลยไม่สนใจเรื่องระหว่างเราสองคนหรือเปล่า
ผมนั่งเรียนไปแบบไม่ค่อยรู้เรื่อง ผมเอาแต่แอบมองโบกี้แล้วคาดเดาว่าเธอคิดยังไง แต่ผมก็นึกไม่ออกว่าเธอกำลังคิดอะไร ผมเลยได้แต่รอเวลา เพราะว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงแว่นวิเศษของผมก็จะทำงานได้อีกครั้ง แล้วตอนนั้นผมจะใช้กับโบกี้แล้วถามความคิดที่เธอซ่อนเอาไว้ให้หมด
โชคร้ายที่โบกี้ไม่เปิดโอกาสให้ผมเข้าใกล้เลยสักนิด ตอนเย็นหลังเลิกเรียน แว่นวิเศษของผมสามารถใช้ได้อีกรอบแล้ว แต่ว่าเธอเกาะกลุ่มกับเพื่อนผู้หญิงตลอดเวลา ผมเลยไม่มีโอกาสใช้แว่นกับโบกี้ โทรศัพท์ไปหาก็ไม่รับ พอเห็นเธอออกจากมหาวิทยาลัยไปพร้อมกับกลุ่มเพื่อน ผมเลยได้แต่นั่งจ๋อยอยู่ในมหาวิทยาลัยไม่รู้ว่าต้องทำยังไง
“หนุ่ม ยุ่งอยู่หรือเปล่าจ๊ะ”
ตอนที่ผมกำลังนั่งมึน ๆ อยู่ ก็มีเสียงเรียกมาจากด้านหลัง และเมื่อผมหันไปดูก็เห็นสาวสวยในชุดนักศึกษายืนยิ้มให้ผมอยู่ เธอคนมีนี้ชื่อว่าแป้ง แป้งเป็นลูกครึ่งไทยจีนหน้าตาหมวย ๆ แป้งเรียนคณะเดียวกับผม เราเรียนชั้นปีเดียวกัน เธอเป็นเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของโบกี้ และสิ่งที่ผมกำลังสงสัยก็คือทำไมแป้งมาทักผม และทำไมเธอถึงไม่ไปพร้อมกับโบกี้
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
“เปล่า ๆ ไม่ได้ยุ่งอะไรหรอกแป้ง เราแค่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ”
ผมไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นยังไง แต่ก็รีบตอบเธอด้วยท่าทางประหม่าเล็ก ๆ เพราะพูดกันตามตรงแล้ว โบกี้อาจจะสวยอันดับหนึ่งของคณะ แต่ว่าแป้งก็สวยไม่แพ้โบกี้สักเท่าไหร่ จุดเด่นอันดับแรกของแป้งคือความขาว เธอขาวโดดเด่นละลานตา และยังนมใหญ่ไม่แพ้โบกี้ด้วย แต่รูปร่างโดยรวมของโบกี้ดูดีกว่าสักหน่อย แป้งเลยกลายเป็นอันดับสองในเรื่องความสวย
“เหรอ แล้วเย็นนี้หนุ่มติดธุระอะไรหรือเปล่า พอดีเราอยากหาคนช่วยสอนวิชาวงจรไฟฟ้าหน่อย เห็นมีคนแนะนำว่าหนุ่มเก่ง น่าจะสอนได้ วันนี้หนุ่มพอมีเวลาสอนเราหรือเปล่าล่ะ ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นอะไรนะ”
แป้งมองผมแล้วยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะบอกจุดประสงค์ของเธอออกมา ผมฟังแล้วนิ่งไปพักใหญ่ ผมเรียนเก่งก็จริง และผมก็เคยสอนเพื่อนในกลุ่มบ่อยครั้ง แต่ว่าผมไม่เคยมีโอกาสสอนสาวสวยแบบแป้งมาก่อน ผมเลยเริ่มรู้สึกประหม่าเล็ก ๆ
แต่พอคิดอีกทีผมคงคิดมากเกินไป เธอไม่น่าจะขอให้ผมสอนเธอแบบตัวต่อตัว แต่น่าจะเป็นแบบกลุ่มมากกว่า และผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ อย่างน้อยถ้าผมสนิทกับเพื่อนของโบกี้ ผมก็จะได้ใกล้ชิดกับโบกี้มากขึ้นด้วย ผมเลยพยักหน้าตอบตกลงแป้งเพื่อสร้างคะแนนบวกให้ตัวเอง
“ได้อยู่นะ วันนี้เลยเหรอ ที่ไหนล่ะ จะให้สอนกี่คน”
“สอนเราคนเดียวนี่แหละ ส่วนสถานที่ก็ ... อืม ที่ไหนดีล่ะ ไปห้องเราก็ได้ เราอยู่คนเดียว คอนโดเราอยู่ติดรั้วมหาวิทยาลัยเดินไปหน่อยเดียวก็ถึง ไปกันเลยนะ ถ้าหิวเดี๋ยวซื้ออะไรแถวนั้นไปกินในห้องก็ได้”
เธอตอบในสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงว่าจะได้ยิน เธอกำลังจะให้ผมไปสอนเธอแบบตัวต่อตัวในห้องที่เธออยู่แค่คนเดียว ตอนนี้ผมกำลังรู้สึกประหม่าและตื่นเต้นแปลก ๆ เพราะความคิดของผมกำลังแล่นไปไกลลิบ ผมกำลังสงสัยว่าแป้งกำลังแอบทอดสะพานให้ผมหรือเปล่า
ผมเชื่อแบบนั้นจริง ๆ หรือถ้าพูดให้ถูก ผมว่าผู้ชายทุกคนก็คงคิดแบบเดียวกับผมนั่นแหละ ลองมีสาวสวยมาชวนไปอยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้ ใครบ้างจะไม่คิดมาก ตอนนี้ผมเลยเริ่มรู้สึกใจเต้นแรงจนประหม่าทำอะไรไม่ถูก กว่าจะรู้ตัวอีกครั้งผมก็เดินตามหลังแป้งไปทางด้านหลังมหาวิทยาลัย แล้วเดินเข้าไปในคอนโดระดับกลางแห่งหนึ่งซึ่งผมไม่เคยแวะเข้าไปมาก่อน
ระหว่างที่เดินไป สายตาของผมแอบมองนมมองก้นของแป้งไม่ได้หยุด ความคิดของผมมันเตลิดไปแล้ว สมองส่วนล่างก็เลยพองตัวแข็งขึ้นมาเป็นลำยาว ผมกำลังรู้สึกเหมือนตัวเองถูกหวยรางวัลที่หนึ่งติดกันสองครั้งซ้อน ครั้งแรกคือตอนที่ผมได้โบกี้ และตอนนี้ผมก็กำลังอยู่ในห้องของแป้งแบบสองต่อสอง
“หนุ่มเป็นผู้ชายคนแรกเลยนะ ที่แป้งพามาเข้าห้อง”
พอเข้าห้องแป้งก็พูดแล้วยิ้มเหมือนหว่านเสน่ห์จนผมใจเต้นแรง ยิ่งได้ยินเธอพูดสองแง่สามง่ามแบบนี้ผมก็ยิ่งคิดเข้าข้างตัวเองว่าผมน่าจะคิดถูก ถึงผมจะไม่อยากเชื่อแต่มันก็เป็นไปแล้ว
“แฟนแป้งยังไม่เคยเข้ามาเหรอ”
ผมกลืนน้ำลายลงคอแล้วถามเหมือนไม่มีสติ เพราะผมนึกขึ้นมาได้ว่าแป้งมีแฟนแล้ว แฟนแป้งก็เป็นเพื่อนคณะเดียวกันกับผม ถึงผมจะไม่ค่อยสนิทด้วยนัก แต่ก็เคยคุยกันบ่อยพอสมควร ผมเลยรู้ว่าสองคนนี้เพิ่งคบกันเป็นแฟนได้สักระยะแล้ว
“หมายถึงโป้งเหรอ ผู้ชายนิสัยไม่ดีแบบนั้นใครจะคบเป็นแฟนด้วยให้เสียเวลา อย่าพูดให้แป้งได้ยินอีกนะ”
แป้งขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนหงุดหงิดตอนที่ผมพูดถึงแฟนเธอ จากนั้นเธอก็เดินไปนั่งตรงขอบเตียงนอน ท่านี้ทำให้กระโปรงนักศึกษาร่นขึ้นไปด้านบนจนผมเห็นขาท่อนขาขาว ๆ ของเธอได้มากกว่าเดิม ผมเลยต้องกลืนน้ำลายลงไปอีกอึกใหญ่ด้วยความหื่น ท่าทางของเธอในตอนนี้ดูยังไงก็เหมือนกำลังยั่วผม
ผมมองขาขาว ๆ ของเธอจนลืมเก็บอาการ พอรู้ตัวอีกครั้งแป้งก็มองผมแล้วหัวเราะคิกคัก เธอคงรู้แล้วล่ะว่าผมกำลังแอบมองขาของเธอ แต่ว่าเธอก็ไม่ได้เอาอะไรมาปิดไม่ให้ผมมอง หรือว่าเธอจะยั่วให้ผมเป็นฝ่ายเริ่มเข้าหาเธอจริง ๆ
“หนุ่มพร้อมยัง เราพร้อมแล้วนะ เริ่มกันเลยก็ได้”
“… เริ่ม ... เริ่มอะไร”
ผมตอบด้วยน้ำเสียงประหม่า ในหัวผมตอนนี้มีแต่เรื่องลามกเต็มไปหมด ส่วนแป้งเองก็มองผมแล้วยิ้ม ๆ ไม่พูดอะไร เธอลุกขึ้นมาจากเตียงเดินมาหา ผมเลยได้แต่ยืนนิ่งหัวใจเต้นแรง
“ก็เริ่มสอนน่ะซิ หนุ่มคิดว่าเริ่มอะไรล่ะ”
แป้งพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะหัวเราะ แล้วเธอก็เดินไปยกเอาโต๊ะญี่ปุ่นวางบนพื้นห้อง จากนั้นก็หยิบเอาเบาะนั่งไปวางข้างโต๊ะ แล้วยกมือทำสัญญาณให้ผมไปนั่ง ตอนนี้ผมเลยรู้สึกเหมือนตัวเองเสียมารยาทคิดไปไกลเกินเหตุ
แป้งหยิบเอาหนังสือวิชาวงจรไฟฟ้ามาวางพร้อมกับสมุดจด จากนั้นผมก็เริ่มสอนเธอตั้งแต่ต้น และการสอนในครั้งนี้ก็นับว่าเป็นอะไรที่ยากลำบากที่สุดเท่าที่ผมเคยทำมา เพราะว่าด้านหน้าของผมเป็นสาวสวยผิวขาวโพลนจนเกือบจะส่องแสงออกมา
ผมแอบชำเลืองมองหน้า แอบมองนมของแป้งบ่อยครั้งจนไม่ค่อยมีสมาธิ แถมกลิ่นตัวเธอยังหอมน่าดมก่อกวนจนเป้ากางเกงของผมคับแน่น พอได้อยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้ ผมก็ได้รู้เลยว่าเสน่ห์ของแป้งนับว่าไม่แพ้โบกี้กันสักเท่าไหร่
ปกติแล้วผมไม่ค่อยได้มองแป้งมากนัก เพราะผมสนใจโบกี้มากกว่า และสองคนนี้มักจะเดินอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ผมเลยไม่ค่อยได้สนใจมองแป้ง แต่จะว่าไปผมก็เพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก
ตอนที่โบกี้ยังโดนแว่นควบคุมอยู่ ผมได้ถามข้อมูลอะไรจากโบกี้หลายต่อหลายอย่าง และผมจำได้ว่าโบกี้บอกเรื่องแป้งออกมาด้วย โบกี้บอกว่าเธอมีกลุ่มเพื่อนสนิทหลายคน แต่แป้งเป็นเพื่อนที่เธอสนิทที่สุด เพราะโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก บ้านก็อยู่ติดกัน โบกี้กับแป้งสามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง
พอนึกถึงตรงนี้สติของผมก็เริ่มแจ่มใส่ ผมรู้สึกสงสัยอะไรบางอย่างขึ้นมา ปกติแล้วร้อยวันพันปีแป้งไม่เคยคิดจะมาคุยอะไรกับผม และการที่เธอมาแสดงท่าทีสนิทสนมแบบนี้มันก็ดูผิดปกติมากเกินไป ผมเลยเริ่มสงสัยว่าโบกี้ได้เล่าเรื่องอะไรเกี่ยวกับผมให้แป้งฟังหรือเปล่า จากนั้นแป้งก็เลยอาจจะลองทดสอบอะไรผมสักอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ผมจะแสดงท่าทีเจ้าชู้กับแป้งมากแค่ไหน
ผมชะงักมองแป้งก้มหน้าวาดวงจรไฟฟ้าในสมุดจด ผมไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผมคิดนั้นถูกหรือเปล่า แต่ก็นับว่ามีความเป็นไปได้ ผมไม่เชื่อว่าอยู่ดี ๆ แป้งจะมาพิสวาทอะไรกับผมจนต้องชวนมาสอนหนังสือที่ห้อง ดังนั้นการที่เธอทำแบบนี้ย่อมต้องมีสาเหตุ และสาเหตุที่ว่าน่าจะมาจากโบกี้ไม่มากก็น้อย
“หนุ่มเก่งนะเนี่ย สอนเข้าใจง่าย ... หน้าตาก็ดูดี ... เอางี้ดีหรือเปล่า ถ้าหนุ่มมาสอนเราทุกวัน เราจะเป็นแฟนกับหนุ่มก็ได้ ตอนนี้เราโสดพอดี เอาหรือเปล่าล่ะแบบนี้”
พอผมสอนไปได้สักพัก แป้งก็เงยหน้าขึ้นมองผมแล้วพูดเสนอด้วยรอยยิ้ม ผมมองแป้งแล้วอึ้งไปเพราไม่นึกว่าเธอจะยื่นข้อเสนออะไรที่ตรงไปมาตรงมาขนาดนี้ และถ้าพูดกันจริง ๆ แล้ว แป้งก็เป็นคนสวยน่ารักมากคนหนึ่ง ส่วนโบกี้ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะเกลียดผมไปแล้วหรือเปล่า ดังนั้นผมเลยเริ่มลังเลว่าผมควรจะตอบยังไง
นอกจากเรื่องนี้แล้ว ผมยังลังเลว่าเธอคิดยื่นข้อเสนอนี้จริง ๆ หรือว่าเธอแค่แสดงละครเพื่อทดสอบผม ถ้าเธอแสดงละครแล้วผมตอบตกลง ก็เป็นไปได้ว่าเธอจะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับโบกี้ แล้วโบกี้กับผมก็ถือว่าจบกัน
แต่ในทางกลับกัน ถ้าผมตอบปฏิเสธ แต่แป้งยื่นข้อเสนอจริง ๆ ไม่ได้พูดเล่น ก็จะกลายเป็นว่าผมพลาดโอกาสที่จะได้เป็นแฟนกับแป้ง และโบกี้เองก็ไม่แน่ว่าจะยอมคบกับผม
ผมควรจะตอบแป้งไปว่ายังไงดี ยอมรับข้อเสนอ หรือว่า ปฏิเสธ หรือว่าจะ ดึงเชิงไว้ก่อน ไม่ต้องรีบตอบรับหรือปฏิเสธ
...............................................