พูดคุยก่อนอ่าน เรื่องแรก พยายามจัดหน้าให้อ่านง่ายขึ้นแล้วนะครับ จัดไปตาลายไป ( ใครมีเคล็ดลับช่วยบอกที )
เรื่องที่สอง วางโครงจริงๆจังๆ พบว่าไอเดียมันไปหมดราวๆ 20 ตอนเลย ( ถ้ายังมีปัญญาเขียนอะนะ )
เรื่องสาม อยากซ่อนข้อความทำไงอะครับ รู้สึกไม่ซ่อนยอดคนตอบมันน้อยจนท้อใจ ไม่ได้ต้องการให้ยอดมันเยอะ
( กู )ต้องการให้ตอบให้บอกความรู้สึกให้ตอมเม้นต์จะได้ไปแก้ถูก ( ยอดตอบแมร่งไม่ถึง1:10 )
เรื่องสี่ ตอนนี้ฉากที่พวกท่านรอก็ยังไม่มีอยู่ดีละ รอตอนหน้าเนอะ ( เสร็จชาติไหนก็ไม่รู้ )
สุดท้ายขอบคุณที่มาอ่านครับ แถมอีกนิดลงรูปไงวะครับ ?...............................................................
ตอนที่ 1 เปิดม่านงานนองเลือด กรุงเทพ พ.ศ.2563 เมืองหลวงของประเทศเล็กๆ ที่พึ่งผ่านช่วงผ่านความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงหลายปีก่อนการเลือกตั้งรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นมาแทนคณะทหารนั้นผ่านไปด้วยดี เกิดการพัฒนาขึ้นในทุกๆด้านแม้ว่าจะไม่เติบโตอย่างก้าวกระโดดแต่เป็นช่วงที่เรียกได้เต็มปากว่าประเทศกำลังพัฒนาขึ้นแม้ว่าภายนอกประเทศจะมีความตึงเครียดของจีนในปัญหาในทะเลจีนใต้และปัญหาการก่อการร้ายที่นับวันก็ยิ่งขยายตัวในหลายๆประเทศ
ทั้งในยุโรป,อเมริกา, ตะวันออกกลาง,เอเชียแม้กระทั้งรัสเชีย
แม้ทุกครั้งผู้ก่อการจะถูกกวาดล้างสังหารหรือโดนตามไปถล่มแต่จำนวนกลับไม่ลดลง แต่ในประเทศไทยก็ยังไม่มีเหตุ การณ์รุนแรงใดๆมากนัก
18/07/2564 ณ.สถานนีรถไฟฟ้าในย่านเอกมัย เวลา11.40 น รถไฟฟ้าขบวนหนึ่งจอดเข้าสถานนีตามปกติ ประตูรถไฟฟ้าเปิดออกผู้คนต่างขึ้นลงรถไฟฟ้าเหมือนเช่นทุกวัน
แต่สำหรับวันนี้มีชายหนุ่มในชุดคล้ายพนักงานออฟฟิตก้าวลงจากรถไฟฟ้าพร้อมอ่านข่าวออนไลน์ในมือถือของเขา
ชายหนุ่มคนนั้นเดินลงจากชานชลาพร้อมกับวิจารณ์ข่าวที่ตนอ่านคนเดียว
ช: ” เจ้าหน้าที่จับกุมผู้มีอิทธิผลได้อีกราย ตามคำสั่งกวาดล้างอาชกรรมทั่วประเทศของรัฐบาลพบมีกลุ่มข้าราชเกี่ยวพันด้วยจำนวนมาก ” เค้าไล่ดูบทความของสำนักข่าวพึมพำกับรายละเอียดของข่าว
ช: " มีการปะทะกับชุดปฏิบัติการจับกุม คนร้ายตาย13 บาดเจ็บ8 ตำรวจบาดเจ็บ1 ไม่มีใครตาย "
พลางเลื่อนลงมาดูความคิดเห็นในสื่อออนไลน์ ซึ่งวิจารณ์การกระทำของเจ้าหน้าที่อย่างดุเดือดชายหนุ่มยืนอ่านความคิดเห็นต่างๆจนรู้สึกเหมือนมีคนกำลังจ้องมองมาชายหนุ่มหันกลับไปทางที่ตนรู้สึก กลับเจอสายตาเย็นชาหลายคู่มองมาทางตน
ช: “ เค้ามองกูทำไมวะ เราก็ไม่น่าหล่อขนาดยืนจ้องตาขวางปะวะ ”
ปี๊ดดดดดด!
“
คุณครับอย่าเล่นมือถือขวางประตูเข้าออกครับ ” ยามบนสถานีได้กล่าวขึ้น
ชายหนุ่มจึงรู้สึกตัว่ายืนขวาวประตูเข้าออกของรถไฟฟ้าอยู่ ชายหนุ่มหันมายิ้มแห้งๆให้แก่ประชาชีข้างหลังก่อนหยิบบัตรออกมาแล้วรีบออกไปจากบริเวณอย่างรวดเร็วเข้าไปในห้างทันที ชายหนุ่มคนนี้หน้าตา ออกทางกลางๆค่อนไปทางดี สูงแค่ 170 นิดๆ ตาโตคิ้วหนาผิวคล้ำเล็กน้อยจากแดด รูปหน้าออกกลมๆ ริมฝีปากอมยิ้มแสดงถึงเป็นคนอารมณ์ดี แต่รวมๆไม่ได้หล่อหรูอะไร ก็แค่พนังงานออฟฟิตบ้านๆธรรมดาๆ
เค้ามีชื่อว่า
ดนัย เป็นชายผู้ที่พึงได้รับปริญาจากมหาลัยย่านหัวหมาก ในสาขานิติศาสตร์มาแบบสดๆร้อนๆ ชายหนุ่มเลยกำลังสัมผัสชีวิตของผู้ใหญ่ที่กำลังหางานทำอย่างลำบากลำบน จะสอบทนายก็ต้องรอเปิดอบรมจะสอบข้าราชการก็ยังไม่เปิดรับสมัครต้องวิ่งวุ่นหิ้วประวัติไปสมัครตามบริษัท กฏหมายหรือสำนักทนายความเท่าที่ตนจะไปได้ ยังดีที่ชายหนุ่มยังมีเงินเก็บจากสมัยยังเรียนอยู่ ไม่งั้นต้องเป็นภาระที่บ้าน
ดนัยกลางเข้ามาในตัวห้าง แอร์เย็นๆในห้างช่วยให้อากาศร้อนตับแตกข้างนอกมลายหายไปทันที แต่ในห้างกลับมีงานจัดแสดงอาวุธของกองทัพไทยที่ผลิตขึ้นมาเองในหลายปีที่ผ่านมางานมีแต่ ข้าราชการ,ทหาร,ตำรวจและนักข่าวจำนวนมากไม่นับประชาชนที่มุ่งกันจนเป็นกลุ่มใหญ่ ดนัยกุมขมับด้วยความเซ็ง เค้าลืมไปว่าวันนี้มีงานจัดแสดงที่ห้างนี้พอดี ซึ่งวันนี้ดนัยจะมากินอาหารเย็นที่ศูยน์อาหารของห้างที่อยู่ชั้นบนให้สบายใจเป็นรางวัลปลอบใจตัวเองในโอกาสแตะฝุ่นอย่างเป็นทางการ
และการที่คนเยอะแสดงว่าเค้าต้องต่อคิวซื้อข้าวกินนานขึ้นอีกด้วย
ดนัย: “ เอาวะก็ยังดีกว่าไม่ได้กินยังไงๆเราก็หาจังหวะชมนิศการนี้อยู่แล้ว ” ชายหนุ่มให้กำลังใจตัวจบก็ก้าวขึ้นบรรไดเลื่อนไปยังชั้นสามชั้น
งานจัดแสดงเป็นชั้นสองที่เชื่อมกับรถไฟฟ้ามุมมองที่สูงขึ้นทำให้เขาเห็นงานได้กว้างขึ้น ดนัยรู้จักอาวุธในงานหลายอย่าง
ดนัย: " รถหุ้มเกราะลำเลียง,รถกันกระสุน หืมแบกจรวดนำวิถีมาโชว์ด้วยวุ้ย " ทันใดนั้นเสียงพิธีกรก็ดังขึ้น
พิธีกร: "
ขอตอนรับเข้าสู่งานแสดงอาวุธของกระทรวงกลาโหม ในโครงการของไทยใครไม่ใช้แต่ไทยใช้ค่ะ "
ดนัย: " ใครมันคิดชื่องานวะนั้น " ดนัยบ่นขึ้นเบาๆ
พิธีกร: "
วันนี้เราได้รับเกียรติจากท่านรัฐทนตรีกระทรวงกลาโหมมาเป็นประธานในงานค่ะ "
ชายหนุ่มจึงหายสงสัยว่าทำไมมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ทั่วงาน ทั้งทีมอารักขาตำรวจทั้งนอกและในเครื่องแบบและทหารในชุดอาวุธครบมือยืนอยู่รอบๆงานเต็มไปหมด ชายหนุ่มละสายตาจากงานและก้าวขาออกจากบรรไดเลื่อนที่พาตนมายังชั้นสามทันใดนั้นก็มีเสียงใสๆดังมาทักตน
???: "
ดนัยใช่มั๊ยเนี่ย "
เมื่อเขาหันหน้ามาทางต้นเสียงก็พบกับคน คนที่เค้าเฝ้าอยากเจอมาตลอดหลายปีดวงตาคู่เดิมที่ยังฝังตราตรึงใจวงหน้าที่เค้า(
ได้แต่ )ฝันถึงอยู่ทุกคืนทุกวัน เขาตะลึงไปชั่วขณะก่อนจะตั้งสติตอบคำถามไป
ดนัย: ”
มายด์...ไม่เจอกันนานแล้วนะ ”
มายด์:" อืม......ก็น่าจะหลายปีแล้วละ ดนัยสบายดีมั๊ย ทำไมหน้าแดงๆไม่สบายเหรอ "
ดนัย:(
เฮ้ยมองนานใจลอยไปนิด ) “ สบายดีๆหน้าแดงเพราอากาศมันร้อนเฉยๆ ”
หญิงสาวมองหน้าเหมือนไม่เชื่อชายหนุ่มลอบกลืนน้ำลายก่อนจะรีบเปลี่ยนประเด็น
ดนัย: " อ้อแล้วมายด์สบายดีมั๊ย "
มายด์: ” ไม่สบายจะมายืนคุยกับแกได้ไงละ ” ชายหนุ่มกระพิบตาปริบๆก่อนจะตอบ
ดนัย: ” เออเนอะไม่น่าถามเลย สมัยนี้หัดแซวคนนะเรา ”
มายด์หัวเราะเบาๆแต่แค่นี้ก็แทบจะกระชากใจของชายที่ตนยืนคุยด้วยไปแล้ว ดนัยเค้าแอบชอบเธอตั้งแต่สมัยเจอกันในโครงการค่ายระหว่างโรงเรียนตอน ม.5 แล้ว การมาเจอกันโดยบังเอิญ ครั้งนี้สร้างความตื่นเต้นแก่เขาไม่น้อย แต่ใช่ว่าเค้าจะอ่อนเชิงขนาดไก่อ่อนขนาดนั้นเมื่อลอบหายใจเข้าลึกๆเรียก สติได้อีกครั้งก็เริ่มบทสนนสนาอีกครั้ง
ดนัย:” ว่าแต่นี้มันไม่ใช้แถวบ้านมายด์นิมาทำไมแถวนี้ละ ”
มายด์: ” อ้อเรามาเป็นเพื่อนคุณพ่ออะ พ่อมาคุยกับเพื่อนข้างล่างอะ นู้นไงตรงข้างไอ้รถใหญ่ๆอะ ”
ดนัยมองตามไปทางที่นิ้วเธอชี้ก็เห็นชายวัยกลางคนในชุดสูธคุยกับทหารคนนึงอยู่ดนัยสังเกตุเครื่องหมายแสดงยศพบว่าไม่น่าต่ำกว่าพันโท แต่ด้วยระยะห่างที่ไกลทำให้เห็นไม่ชัดและเสียงหวานๆของเธอจะดังขึ้นขัดจังหวะมาว่า
มายด์:” แล้วทำไมวันนี้ไม่ใช่ชุดนักศึกษาละวันนี้หยุดเหรอ ”
ดนัย: " อ้อเรารอรับปริญาแล้วอะสิ่งหาๆงานทำอยู่เลย "
มายด์: "อ้อๆใช่เราเรียนหกปี "
เธอหัวเราะเฮะๆ ส่วนดนัยจำได้ว่าเธอติดคณะสัตว์แพทย์ของมหาลัยแถวสามย่านเค้าจึงไม่แปลกใจที่วันนี้มายด์จะใส่ชุดนักศึกษามาและเธอในชุดนี้ยิ่งทำให้เธอดูเรียบร้อยน่ารักขึ้นไปอีกเขาก่อนจะถามต่อไปว่า
ดนัย: " แล้วเรียนเป็นไงบ้างอะ " เธอเบ้หน้าก่อนจะตอบ
มายด์:" ขึ้นฝึกงานยุ่งมากทั้งสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่แทบไม่พักเลยเหลือต้องเกือบปี "
หลังจากพูดคุยมาสักพักก็ถึงเวลาที่ดนัยไม่ชอบที่สุดก็มาเยือนเขาจนได้
มายด์: " เราไปแล้วนะแล้วเจอกันใหม่นะบาย "
ดนัย: “ อ้าวจะไหนต่ออะ ”
มายด์: “ อ้อเรานั่งกินขนมหวานกับเพื่อนอยู่ตรงนู้นอะ ”
ดนัย: “ กินของหวานๆไม่กลัวอ้วนไง ”
มายด์: “ เอานะเราไม่ขึ้นคานแน่ๆ ไปก่อนนะ ”
(
บอกมาคำเดียวตรงนี้ก็พร้อมเป็นละฮะ )ดนัยคิดขึ้นในหัวก่อนที่เธอจะโบกเมื่อลาก่อนจะเดินกลับไปยังกลุ่มเพื่อนของเธอ(
คำว่าไว้เจอกันใหม่ครั้งที่แล้วนี้มันก็เกือบ 5 ปีเลยนะ )ชายหนุ่มคิดและยืนมองเธอจนลับสายตาไปแล้วก็หลับตาทำใจสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปหลังจากหลับตาสักพัก แล้วเค้าก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ในหััวคิด( ดอกฟ้ากับหมาน้อยชัดๆ ) เมื่อปลงเสร็จก็หันไปเจอชายร่างหนายืนจ้องมองตนอยู่จากสายตาที่มองมาดนัยรู้สึกได้ว่าชายคนนี้ต้องการอะไรสักอย่าง ชายคนนั้นใส่เสื้อคลุมสีดำสีดำสวมแว่นดำและสูงกว่าตนราวๆ 5-8 เซนติเมตรได้
ชายร่างใหญ่จ้องมองจนเขารู้สึกกลัวขึ้นมาซึ่งโดยปกติเค้าไม่คนขี้กลัวบ่งบอกถึงรังสีคุกคามจะลอยออกมารอบๆตัวชายผู้นี้
ช: “
ไอ้น้อง ” เสียงห้าวใหญ่ออกมาจากปากชายตรงหน้า
ดนัย: (
มาเฟียมาไถ่เงินกูแน่ๆงานนี้ ) ก่อนเค้าจะตอบไปว่า “ ครับพี่ มีอะไรเหรอครับ ”
ช: ” รักเค้าชอบเค้าทำไมไม่หาโอกาสบอกละเอ็ง ”
ดนัยได้ยินคำถามของพี่แกก็อึ้งรับประทาน เขาคิด(
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่ฟะ ไม่ๆนี้มันใช่คำถามของคนที่พึ่งเห็นหน้ากันเหรอวะ ) ชายนิรนามข้างหน้าเห็นอีตาดนัยยืนใบ้แดกอยู่จึงพูดขึ้นต่อ
ช: " มึงไม่ต้องสงสัยห่าอะไรทั้งนั้นแหละก็กับมึงไม่เคยรู้จักกัน กูเสือกเองแหละ แมร่งหน้าทำหน้าบื้อเชียวแค่อยากบอกไว้ว่า อย่ายอมแพ้ทั้งที่ยังมีโอกาส ไปไหนก็ไปดิกูพูดจบแล้ว "
เมื่อโดนไล่อัดหน้าด้วยงงงวยและความเกรง(
กลัว ) ดนัยจึงรีบเผ่นขึ้นบรรไดเลื่อนหนีไปทันใด ในหัวของดนัยมีเพียงประโยคเดียวเท่านั้นในตอนนี้
ดนัย: "
คนแบบนี้ก็มีเหรอวะ " เค้ารำพึงก่อนจะมองชายลึกลับจนลับตาไป
ชายลึกลับยืนอยู่หน้าทางลงบรรใดไม่นานก็มีชายสองคนเดินเข้ามาหา
ชายนิรนาม: " ดาบกับ
หมู่นาเก็บของที่รถเรียบร้อยดีนะ ของไม่ครบซื้อขาดไป
ดาบชัยโดน
น้านลด่า ผมไม่อยู่ช่วยนะ "
ดาบชัย: " หมวดอย่าพึ่งพูดชื่อนี้สิครับ ผมนี้ขนลุกยังไงชอบกลเลย "
หมู่นา: "
หมวดเข้มเอาเมียไปแกล้งดาบแบบนี้ดาบกลัวขี้เยี่ยวหดหมด "
ดาบชัย: "
กูไม่กลัวเมีย กูแค่.....เกรงใจเฉยๆ "
หมู่นา: " เกรงจนเมียตะโกนเรียกทีสะดุ้งที "
หมวดเข้ม: " พอๆเดะก็เถียงกันอีก ผมมีธุระนะอย่าลืมรีบเข้างานได้แล้ว " ก่อนพี่แกจะเดินดุ่มๆนำเข้างานจัดแสดงกลางห้างทันที
ทั้งคู่มองหน้ากันก่อนจะพูด
ดาบชัย: " มาอีหรอบนี้เครียดแน่ๆ "
หมู่นา: " อาการแบบนี้คงไม่ใช่มีความความสุขแน่ๆ " ก่อนทั้งสองจะเดินตามหัวหน้าตนไปในงาน
.............................................
25 นาทีก่อนหน้านี้ รถ
Ford SUV สีดำ แล่นความยังลานจอดก่อนที่ตำรวจทั้งสามจะลงจากรถ
ดาบชัย:" จะเข้าไปในงานจริงๆเหรอหมวด " เสียงใหญ่ตอบกลับแข็งๆ
หมวด:" ดาบถามผมเกือบจะสิบรอบแล้วนะ "
ดาบชัย: " ผมว่าเราเลื่อนนัดคุณน้ำไปก่อนก็ได้นะครับ "
หมู่นา: " เห็นด้วยครับหมวดท่านรัฐมนตรีคงไม่พอใจแน่ "
หมวดเข้มกระชากเสียงตอบไป
" มันก็เรื่องท่านสิวะกูมาหาลูกสาวไม่ใช่มาท่าน พวกดาบไม่สบายใจก็โบกแท็กซี่กลับไปเลย ผมไปคนเดียวได้ " ก่อนแกจะเดินเข้าไปยังลิฟภายในอาคารทันที ทั้งสองมองตากันก่อนถอนหายใจแล้วเดินตามหมวดแกเข้าไป
หมวดเข้มตำรวจไฟแรงเป็นว่าที่ลูกเขยของท่านรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งคุณพ่อตานั้นไม่ชอบหมวดหนุ่มอย่างรุนแรงแต่ด้วยตามใจลูกสาวมาตลอด ดังนั้นทั้งสองจึงคบกันอยู่ท่ามกลางความแตกต่าง แล้วความแตกต่างนั้นก็เล่นงานหมวดหนุ่มหน้าเข้มจนปวดหัว ก็เพราะตอนนี้เค้าอยู่ท่ามกลางภายในงานและภายในดงเหล่าไฮโซโบว์ใหญ่ ทั้งหลายที่ต่างเมาท์กันน้ำลายแตกฟอง ถึงความร่ำรวยความฟุ้งเพ้อของตน
และที่แย่ที่สุดคือพวกลูกคนรวยเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อทั้งหลายที่ตนต้องทนอยู่ในวงสนนทนาที่แสนดัดจริตนี้ด้วย
ทั้งยกยอความรวยความฟุ้งเฟ้อและใครที่ด้อยกว่าก็กดจนแทบไม่เป็นคน มิหนำซ้ำหลายคนยังแขวะมาแซะตัวเค้าด้วย โชคดีที่เค้ายังมีร่างอรชรที่ควงแขนด้วยช่วยพูดช่วยตอบคำถามแทน ถ้าไม่มีหญิงสาวแสนสวยข้างตัวคนแบบเค้าก็ไม่มางานแบบนี้หรอก
ใช่ เธอเป็นแฟนของเขาเองหญิงสาวผู้ร่ำรวยแสนสวยสมบูรณ์แบบไม่ว่าจะหน้าตากิริยาหรือคุณสมบัติ ความสวยของแฟนตนนั้นหากในงานนี้คนข้างตัวเค้าบอกว่าเธอสวยเป็นที่สองคงไม่มีใครบอกว่าตนเป็นที่หนึ่งแน่นอน คิดได้เช่นแล้วแขนที่คล้องกันก็ย้ายไปที่เอวแทนแล้วยังยักคิ้วให้อีพวกคุณชายพ่อรวยในวงสนนทนาเพิ่มดีกรีความริษยาไปอีกระดับ แต่แม้จะมีกำลังใจดีแค่ไหนสุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหวที่อยู่ในงานในวงสนนทนาดัดจริตไร้แก่นสารแบบนี้
ว่าแล้วหมวดหนุ่มก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แปปนึงเสียงโทรของตนก็ดังขึ้นจังหวะที่เค้าโหยหามาถึงแล้ว
หมวดเข้ม:"
ดาบชัยเหรอ อ้อๆเรื่องคดีไอ้เสี่ยฮกเหรอ แปปนะตรงนี้เสียงดังมากเลย " ก่อนหันหน้ามาบอกคนข้างๆต่อ
"
น้ำครับ ผมขอตัวแปปนะครับ " ก่อนยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มแล้วรีบชิ่งหนีออกจากบริเวณเขตดัดจริตหนาแน่นทันที
เมื่อฝ่าฝูงชนออกมาก็พบลูกน้องทั้งสองยืนคอยท่าอยู่
หมู่นา:" มุขเดิมเล่นซ้ำนะครับระวังทางนั้นจะงอนเอานะครับ "
หมวด: "
มึงก็อย่าให้รู้สิวะ "
ดาบชัย: " แล้ว เอาไงต่อครับ "
หมวดหนุ่มยักไหล่ก่อนจะเดินนำไปก่อนพูดว่า "
วันนี้ยังอีกยาวไกล "
ทั้งสามหนุ่มจึงจำต้องเดินชมงานไปพลางๆก่อน ขณะเดินชมงานนวัตกรรมที่จัดแสดงอยู่บริเวณเวทีก็กลุ่มนักข่าวรีบกรูเข้าไปเพื่อถ่ายรูป
หมู่นา: " เอ จะรีบไปไหนกันว่าแต่ตาลุงคนนั้นใครนักข่าวตอมแกเป็นขบวนเลย ท่านรัฐมนตรีนักข่าวยังไม่เบียดเสียดเท่านี้เลย "
หมวดเข้ม: " ทหารแก่ๆชื่อว่า
ท่านพลโทอนุวัติ "
ดาบชัยขมวดคิ้วก่อนจะพูด " ที่ว่าเป็นกุนซือลับๆในรัฐบาลช่วงที่แล้ว? "
หมวดเข้ม " เค้าว่ากันว่าแบบนั้น
เฮ้ย! "
ก่อนที่หมวดหนุ่มจะพูดจบก็มีนักข่าวสวมหมวกคนหนึ่งเบียดร่างเค้าไปทางเวที แต่ไหนเลยหมวดหนุ่มจะปล่อยให้คนที่เดินชนหนีไปเฉยๆ มือหยาบคว้าไปจับไหล่กระชากร่างคู่อริให้หมุนกลับมา ด้วยแรงปานควายคลั่งและร่างคู่กรณีสูงเพียงหัวไหล่ตนเท่านั้นเมื่อโดนกระชากก็เสียหลักหน้าเกือบทิ่มพื้นหมวกที่ใส่หลุดออกก่อนจะตั้งหลักยืนตรงได้
ร่างเล็กกว่าปัดผมยาวปะบ่าสีน้ำตาลออกจากใบหน้าตนเผยใบหน้าใสไร้สิว ตาคม จมูกโด่งรับกับรูปหน้าและองค์ประกอบอื่นของหน้าที่จัดวางอย่างเหมาะสม ส่งให้เธอนั้นดูมีความมั่นใจและยังดูมีชีวิตชีวา แต่ตาคมๆตวัดมายังหน้าของหมวดหนุ่ม สายตาของทั้งสองประสานกันชั่วครู่ขณะที่หมวดหนุ่มยังคงตะลึงกับภาพตรงหน้าเสียงของเจ้าของตาคมๆที่เค้าจ้องก็ดังขึ้น
นักข่าว: "
นี้คุณมากระชากไหล่ฉันทำไมค่ะ ยังยืนจ้องหน้าฉันอีก เฮ้! "
หมวดหนุ่มจึงหลุดภวังค์ "
ก็มึง..เฮ้ยคุณเดินชนผมแล้วไม่ขอโทษ "
นักข่าว "
ฉันชนคุณ "
ก่อนจะเอามือปิดหน้าหัวเราะเบาๆและพูดต่อ
" โอยพอหนุ่มผู้บอบบาง โดนชนนิดหน่อยก็ไม่พอใจ ตัวคุณยังกะช้างกะม้าตัวฉันเล็กเท่าแมวชนคุณ จะไปรู้สึกอะไรค่ะ " หมวดหนุ่มได้ยินก็คิ้วกระตุกทันที
" เฮ้ คุณนักข่าวไม่เจ็บหรอกที่ชนผมแต่รู้จักมารยาทบ้างมั๊ยครับ หรือรู้จักแก่เสรีภาพสื่อจนเคยตัวเสียนิสัยกันหมด "
ฝั่งหญิงสาวที่กำลังจะอ้าปากขอโทษ แต่อีตายักษ์ข้างหน้าตนดันมาว่าอาชีพตน ความฉุนเฉียวจึงบังเกิดขึ้น
หล่อนจึงสวนกลับไปว่า
"
เป็นนักข่าวแล้วผิดมากใช่มั๊ย ทีคุณกระชากไหล่ฉันแทบล้มละ อ้อลืมไปพวกตำรวจมันก็บ้าอำนาจกันหมด "
หมวดหนุ่มถลึงตาใส่ก่อนจะพูดว่า: "
นี้คุณจะมากไปแล้วนะ…"
" คุณจะทำไมฉัน ห๊ะ มากกว่านี้ฉันก็กล้าทำ " ก่อนนักข่าวสาว จะจ้องกลับอย่างไม่ลดละ
ก่อนที่เถียงกันต่อชายคนหนึ่งก็เดินมาหานักข่าวสาว
ชายนิรนาม: "
ยัยเลนส์เธอไปไหนมาทำไม ไม่มาถ่ายรูปเมื่อกี๊ แล้วนี้ทะเลาะกลับใครเสียงดังไม่อายรึไง " ก่อนหันมาทางกลุ่มตำรวจทั้งสาม
 
..........................................
5 นาทีก่อนหน้านั้น ตึกสูงขนาดใหญ่ห่างจากห้างไม่มาก มีร่างหนึ่งยืนมองหน้าต่างลงไปที่ตึกด้านล่าง ก่อนที่จะพูดกับปลายสายในโทรศัพท์
"
นายใหญ่ยืนยันแล้วพวกคุณเตรียมตัวเลยผมจะเปิดม่านงานแล้ว "
ก่อนที่ร่างนั้นจะวางสายแล้วกดหน้าจอมือถือตน แล้วเค้าก็หันหน้าไปยังห้างข้างล่างก่อนจะกดปุ่มพร้อมพูดว่า
“
ตูม! ”
ภาพข้างล่างนั้นคือกระจกประตูห้างแตกกระจายบางส่วน พร้อมแสงและเสียงติดๆกัน
บึมๆ ตูมมม! แล้วก็เสียงกรีดร้องและผู้คนที่หนีตายออกจากห้าง ที่มีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาเป็นกลุ่มใหญ่ ร่างในตึกสูงยิ้มก่อนกดข้อส่งไปข้อความนั้นมีอยู่ว่า
"
เริ่มงานได้เลย " ก่อนที่ร่างนั้นจะมองตึกที่มีเสียงปืนรัวสนั่น ออกมาแล้วเดินจากไปอย่างไม่ใยดี
................................................
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน