คุยเรื่อยเปื่อยมีคำถามหนาหูว่าเรื่องนี้จะจบลงเช่นไร นางเอกคือใคร จะได้ทำใจถูก
ขอตอบว่าเรื่องนี้เป็นไปตามทางเลือกครับ ผมไม่ได้วางโครงเรื่องไว้แบบเป๊ะ ๆ
กระแสเรื่องจะเดินไปตามทิศทางที่คนอ่านส่วนใหญ่เลือก
และผมเคยบอกเอาไว้แล้ว ว่าทางเลือกหนึ่งจะส่งผลอย่างหนึ่ง
จะได้รับอย่างหนึ่ง และอาจจะเสียอย่างหนึ่ง
ถ้าเลือกเดินไปทางซ้าย ก็ยิ่งห่างไกลจากทางขวา
้ถ้าเดินสลับไปมา ก็อาจจะอยู่ตรงกลางไม่ไปสักทางก็เป็นได้
Choice ตอนที่ 18 – รสจูบ....................................
Assasin008 2016-12-23 บางครั้งผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝันไป ก่อนหน้านี้ไม่นานเท่าไหร่ ผมยังเป็นแค่หนุ่มแว่นเวอร์จิ้นไม่ประสีประสาไม่มีแฟน แต่หลังจากได้รับแว่นวิเศษ และเวลาผ่านไปแค่ไม่กี่วัน ชีวิตของผมกลับได้พัวพันสนิทสนมกับสาวสวยระดับดาวเด่นถึงสามคน เริ่มจากคนแรกคือโบกี้นางฟ้าในฝันที่ผมหลงรักมานาน เธอคือดาวเด่นในมหาวิทยาลัย และเธอคือผู้หญิงที่ผมคิดว่าสวยที่สุดในโลกใบนี้
คนที่สองคือแป้ง เธอเป็นเพื่อนสนิทกับโบกี้ แป้งเป็นคนสวยน่ารักมากพอควร ถึงจะไม่เท่าโบกี้ แต่ก็ไม่ห่างกันเท่าไหร่ และผมเพิ่งรู้ว่าแป้งเป็นคนเดียวกับนางแบบโชว์หวิวที่ผมคอยตามผลงานมาเป็นปี หลังจากที่ได้สนิทสนมกับแป้ง ตอนนี้ผมก็เริ่มรู้สึกสับสนลังเล ผมไม่แน่ใจว่าที่แท้แล้วผมรักโบกี้จริง ๆ หรือว่าผมรักแป้งกันแน่ แถมผมยังแอบสนใจน้องแอลด้วยอีกต่างหาก
วันนี้โบกี้ไม่ว่างเพราะพ่อแม่มาเยี่ยม ส่วนแป้งเองผมก็เพิ่งจะลุยกับเธออย่างหนักจนสลบเหมือดไปเมื่อคืน อารมณ์หื่นก็เลยไม่มากเท่าที่ควร วันนี้หลังเลิกเรียนตอนบ่าย ผมเลยเปลี่ยนแผนขับรถออกมารับคุณหนูสวย เริด เชิด หยิ่ง อย่างน้องแอล และตอนนี้น้องแอลก็กำลังนั่งทำหน้านิ่งเย็นชาเหมือนตุ๊กตาน้ำแข็งในชุดนักเรียนมัธยมปลายอยู่บนเบาะที่นั่งด้านข้างผมเอง
“ร้อนหรือเปล่า ดื่มน้ำหน่อยมั้ยแอล”
ผมหันไปถามเพื่อทำลายความเงียบบนรถ เพราะตั้งแต่ขึ้นรถมา น้องแอลเธอก็นั่งคอตรงนิ่งเหมือนคุณนายไฮโซไม่ค่อยยอมพูดยอมจากับผมสักเท่าไหร่ เรียกได้ว่าถามคำตอบคำอะไรแนวนั้นได้เลย และตอนนี้พอผมถามออกไป น้องแอลก็เหลือบมองผมด้วยหางตาทีหนึ่ง จากนั้นก็หันกลับไปมองทิวทัศน์ข้างทางตามเดิมโดยไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
เจอกับสถานการณ์แบบนี้ ถ้าเป็นคนทั่วไปที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ตอนนี้คงอยู่ในสภาวะตึงเครียดหงุดหงิดทำตัวไม่ถูก แต่ผมรู้สึกเฉย ๆ สบาย ๆ ไม่เกร็งไม่เคร่งเครียดอะไรสักนิด เพราะผมรู้ว่าเหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปแบบภาพที่เห็นภายนอก เมื่อวานนี้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับน้องแอลตอนที่เธอโดนพลังของแว่นสะกดไว้ และผมคิดว่าในบางแง่แล้ว ผมอาจจะรู้จักนิสัยของเธอดีกว่าตัวเธอเองเสียด้วยซ้ำ
“ไม่ต้องเขินมากหรอกนะแอล รับรองว่าพี่ไม่กัดแอลแน่ ๆ แล้วที่นัดมาเจอกันวันนี้ก็เป็นแอลเองนะที่เป็นคนนัด”
พอเธอไม่ยอมตอบ ผมก็เลยพูดหยอกไปด้วยน้ำเสียงหัวเราะจนเธอหันมามองค้อน แต่แค่แวบเดียวก็รีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่นแล้วนิ่งเงียบ ผมรู้สึกเหมือนหน้าขาวใสของเธอจะแดงเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย และมือของเธอกำลังขยุ้มกำกระโปรงนักเรียนอยู่ด้วย
เห็นท่าทางเหมือนกำลังโกรธของเธอแบบนี้ผมก็แอบยิ้มขำ เมื่อวานผมเคยถามเธอว่าถ้าไปเที่ยวกับผู้ชายที่แอบชอบเธอจะรู้สึกยังไง เธอตอบผมว่าเธอจะเขินมากจนทำตัวไม่ถูก แต่จะพยายามนิ่งไม่แสดงออก แต่หากเธอเขินมาก ๆ จนทำตัวไม่ถูก เธอจะมีนิสัยกำเสื้อหรือกระโปรง
ตอนนี้ผมก็เลยเริ่มแน่ใจว่าที่เธอตีหน้านิ่งเย็นชาไม่พอใจนั้นไม่ใช่รู้สึกไม่ดีกับผม ไม่งั้นเธอคงไม่มีทางนัดเจอผมด้วยตัวเธอเอง ที่จริงแล้วเธอก็แค่เขินตามประสาเด็กผู้หญิงวัยรุ่นไร้เดียงสาคนหนึ่ง แต่เธอไม่ทราบว่าจะแสดงออกมาอย่างไรไม่ให้เสียกิริยา เพราะเธอถูกสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กว่าให้ระมัดระวังเรื่องนี้อย่างหนัก
เมื่อเธอไม่ยอมยอมตอบ ผมก็ไม่คาดคั้นอะไร ตอนรถจอดติดไฟแดง ผมแค่แอบหันไปมองรูปร่างของน้องแอลแล้วแอบกลืนน้ำลายลงคอดังอึก หัวใจผมเต้นแรงคล้ายกับตอนใกล้ชิดโบกี้ ตอนนี้เธออยู่ในชุดนักเรียนเรียบร้อยตามระเบียบไม่ได้อวดสัดส่วนอะไรมากมาย แต่ว่าเธอสวยน่ารักมากจนปิดบังไว้ไม่อยู่
หน้าอกของเธอมันดันชูชันขึ้นมาเป็นก้อนกลมจนผมรู้สึกร้อนวาบ ยิ่งมองสำรวจไปทั่วเนื้อตัวของเธอ ผมก็รู้สึกได้ว่าปีศาจร้ายในตัวกำลังตื่นขึ้นมา ทั้งที่เมื่อคืนผมเพิ่งระบายใส่แป้งไปจนน่าจะหมดแรงแล้ว แต่ผมยังไม่คิดจะทำอะไรน้องแอลวันนี้หรอกนะ ถึงหนอนน้อยของผมจะยังพอมีแรงผงกหัวชูคออยู่บ้าง แต่ถ้าจะใช้งานหนัก ผมเกรงว่าจะไม่ไหว และเวลาของเราก็คงมีไม่มากที่จะให้ผมสอนเรื่องเสียว ๆ ให้คุณหนูแสนสวยคนนี้ อีกแค่ไม่เกินสี่ชั่วโมงเธอก็ต้องกลับถึงบ้านแล้ว
ผมเข้าเกียร์รถแล้วขับผ่านสี่แยกไฟแดงโดยไม่ได้พูดอะไรอีก น้องแอลเองก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากนั่งนิ่งทำหน้าเย็นชา ตอนนี้เธอดูเหมือนจะเริ่มปรับอารมณ์ได้แล้ว เธอเลยกลับมานั่งหน้านิ่งตัวตรงเหมือนก่อนหน้า แต่ผมสังเกตเห็นว่าเธอจะแอบชำเลืองสายตามามองผมด้วยหางตาเป็นระยะแบบเงียบ ๆ
ถ้ามองเผิน ๆ แล้ว สายตาของเธอจะดูเหมือนระแวดระวัง หยามเหยียด ไม่ไว้ใจ และไม่เป็นมิตร ลองนึกภาพมีคนทำหน้านิ่ง ๆ นั่งเชิดหน้าคอตรงไม่แสดงอารมณ์ แล้วคอยแอบมองคุณด้วยหางตาดูนะครับ ผมว่าทุกคนคงจะรู้สึกไม่ค่อยดีกับสายตาและท่าทางแบบนั้นก่อนเป็นอันดับแรก คือมันเหมือนออกแนวรังเกียจหรือโกรธอะไรแนวนั้น
ผมเองพอโดนมองด้วยสายตาแบบนั้นก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวไม่ค่อยสบายใจ แต่ผมยังพอเชื่อมั่นประสิทธิภาพของแว่นวิเศษอยู่ และผมเชื่อในข้อมูลที่ผมได้มาจากน้องแอลเมื่อวาน ซึ่งหากจะพิจารณาให้ดีและมองในอีกแง่มุมหนึ่งแล้ว ท่าทางของน้องแอลนั้นเหมือนเด็กสาวที่เผลอแอบหลงรักผู้ชายสักคน แต่ว่าไม่กล้าแสดงออกมาให้เห็น
ความเชื่อมั่นของผมไม่ได้มาแบบเลื่อนลอยหรือมโนเอาเอง แต่มาจากความเชื่อมั่นในแว่นวิเศษ ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่ได้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของผม ผมไม่สามารถสั่งการหรือควบคุมการกระทำของเธอได้ แต่ว่าผมได้จัดการฝังความทรงจำบางอย่างไว้ในหัวเธอแล้ว
‘ผมเคยช่วยชีวิตน้องแอลตอนเธอจมน้ำสมัยเด็ก’
‘ผมเคยเสี่ยงชีวิตช่วยน้องแอลจากโจรลักพาตัวเรียกค่าไถ่’
‘น้องแอลแอบรักผม แต่ไม่กล้าแสดงออกเพราะกลัวที่บ้าน’
‘น้องแอลมีความสุขและรู้สึกปลอดภัยมากตอนอยู่กับผม’
‘เธอรู้ว่าผมมีแฟนแล้ว แต่ก็ยังหลงรักผมอยู่ดี’
คำสั่งพวกนี้ล่ะครับที่ผมแอบใส่เข้าไปในความจำของเธอ ถึงแม้บางอย่างจะไม่จริงและไม่เคยเกิดขึ้น ยกตัวอย่างเช่นเรื่องจมน้ำหรือเรื่องโดนลักพาตัว แต่ดูเหมือนว่าเธอจะเชื่อแบบนั้นจากใจจริง ไม่งั้นเธอคงไม่เป็นฝ่ายนัดเจอกับผมเอง ถึงจะแอบทำหน้าบูดเย็นชาตลอดเวลาก็เถอะ
“ถึงแล้วล่ะ”
ผมส่งเสียงเรียกเมื่อขับรถไปถึงที่หมาย แอลที่นั่งทำหน้านิ่งมองกระจกเมื่อได้ยินเสียงของผม เธอก็เริ่มมองซ้ายมองขวาเหมือนไม่รู้ตัวว่ารถจอดลงแล้ว และนั่นหมายความว่าเธอไม่ได้มองข้างทางอย่างที่เธอแสดงออก
“พามาทำอะไรที่นี่คะ”
“อ้าว แอลบอกว่าอยากเดินดูซื้อของแปลก ๆ ไม่ใช่เหรอ ก็ที่นี่แหละตลาดนัด มีของแปลก ๆ ให้เลือกเยอะเลย”
“… ไม่เอาค่ะ … สกปรกโสโครก ร้อน เหม็น คนเยอะ เชื้อโรคก็เยอะ … ที่แบบนี้เป็นที่ของพวกคนจนชั้นต่ำไม่มีเงิน”
น้องแอลเธอนั่งตัวตรงปรายตามองไปมารอบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากปฏิเสธเสียงแข็งออกมาจนผมอึ้งไปหนึ่งรอบ เพราะยังไม่รู้สึกคุ้นชินกับท่าทีวางตัวไฮโซสูงส่งของเธอสักเท่าไหร่ ครั้งแรกก็ตอนที่เธอด่าไอ้โป้งแล้วลามมาต่อว่าผม ตอนนี้ก็เป็นแบบเดิม คำพูดของเธอแสดงออกอย่างชัดเจนในแง่ของความคิดเหยียดชนชั้น แต่เอาเถอะผมให้อภัยได้ เพราะว่าเธอสวยน่ารักน่าฟัดเสียขนาดนี้ ผมเลยหันไปหยอกเธอต่อ ด้วยการทำท่าเหมือนไม่แยแสสนใจ
“งั้นแอลก็นั่งรอในรถก็แล้วกันนะ หรือไม่ก็กลับบ้านเองคนเดียวไปก่อนเลย”
“ไม่ค่ะ พี่หนุ่มต้องพาแอลไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ แอลไม่ชอบ”
“เหรอ แล้วทำไมพี่ต้องทำตามที่แอลบอกด้วยล่ะ”
“พี่ต้องทำตามเพราะมันเป็นคำสั่งของแอล”
“หือ นี่คิดว่าพี่เป็นคนขับรถส่วนตัว หรือคนรับใช้ที่บ้านแอลหรือไง ไม่ล่ะ ถ้าอยากไปก็ไปเอง ไม่งั้นก็ลงมาเดินตลาดนัดด้วยกันสองคน”
น้องแอลพยายามเชิดหน้าออกคำสั่ง เธอคงเคยชินที่ทำแบบนี้แล้วมีแต่คนทำตาม แต่ผมไม่สนเสียอย่าง ผมเลยยักไหล่แล้วทำเสียงแข็งทำท่าจะปิดประตูรถทิ้งให้เธอนั่งอยู่คนเดียว สุดท้ายเธอเลยเริ่มทำท่าลังเลชายตามองมาทางผมแล้วเม้มปาก ก่อนจะเชิดหน้าเปิดประตูเดินลงมาจากรถแบบไม่ยอมพูดอะไรสักคำ
ผมแอบหัวเราะขำ ๆ แล้วจัดการล๊อคประตู ผมเดินไปหาน้องแอลและฉวยโอกาสจับมือพาเธอเดินเข้าไปในตลาดนัดด้วยกัน เธอสะบัดหน้าไม่มองผมแต่ไม่ได้สะบัดมือผมออก และก็ยังเดินตามมาโดยไม่ได้แสดงท่าทีต่อต้านอะไร เพียงแต่การเดินของเธอออกจะน่าขำอยู่บ้าง เพราะว่าเวลาเดินผ่านพื้นที่ไม่สะอาดนัก เธอจะเบ้ปากแล้วพยายามก้าวเท้าข้ามเหมือนขยะแขยงเต็มทน
เราสองคนเดินวนไปมาในตลาดนัดโดยมีหนุ่ม ๆ แอบมองน้องแอลกันตาเป็นมัน ผมเลยแอบยืดอกด้วยความภูมิใจของลูกผู้ชาย ส่วนน้องแอลนั้นก็ยังปั้นหน้าเย็นชาเหมือนเดิม แต่ที่เปลี่ยนไปก็คือเธอเริ่มจะมองดูข้าวของที่ขายบนแผงสินค้าด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย และผมรู้ดีว่านั่นคือแววตาของผู้หญิงตอนเข้าสู่โหมดในตำนานอันน่าสะพรึงที่เหล่าผู้ชายอย่างผมพากันหวาดกลัว เราเรียกสิ่งนี้ว่า “ช้อปปิ้ง”
แรกทีเดียวนั้นพอเห็นผมยิ้มเหมือนรู้ว่าเธอสนใจสิ้นค้า น้องแอลก็จะสะบัดหน้าทำทีเป็นไม่ได้สนใจอะไร แล้วก็เดินผ่านร้านค้านั้นไป แต่เมื่อเจอกับของที่น่าสนใจมากขึ้น น้องแอลก็เริ่มทำเป็นไม่เห็นรอยยิ้มของผม เธอเริ่มหยุดยืนมองสินค้าและหยิบจับขึ้นมาดู ถึงช่วงแรกเธอจะใช้ปลายนิ้วคีบ ๆ เหมือนไม่แน่ใจว่าสะอาดหรือเปล่า แต่สุดท้ายเธอก็เริ่มทำการซื้อของพวกนั้นจนได้
จากคราวแรกที่ออกตัวแรงว่าไม่สนตลาดนัดแสนสกปรก แต่พอเจอข้าวของแปลก ๆ ที่ไม่เจอในห้างหรูเข้าหน่อย น้องแอลก็เดินแวะซื้อของเกือบทุกร้าน เธอซื้อของแล้วโยนถุงให้ผมถือจนพะรุงพะรังแทบถือไม่ไหว แต่ท่าทางเธอยังคงสนุกกับการช้อปปิ้งอย่างเมามันอยู่ ผมเลยไม่ว่าอะไรนอกจากเดินตามแล้วก็ช่วยหอบหิ้วของให้เธอจนผ่านไปชั่วโมงกว่าเห็นจะได้
ถึงจุดนี้ผมรู้สึกเมื่อยขาเมื่อยมือเดินแทบไม่ไหว ผมเลยหันไปสะกิดน้องแอลที่ดวงตาเป็นประกายเหมือนไม่รู้สึกเหนื่อยสักนิด คราวนี้เธอทำหน้ามุ่ยใส่ผมแล้วส่งเสียงบ่นอุบว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อนก็ได้ เดี๋ยววันหลังค่อยให้ผมพาเธอมาซื้ออีก
ผมพาเธอไปนั่งหาอะไรกินในร้านแบกะดินแถวนั้น เธอทำท่าเหมือนรังเกียจในช่วงแรกเหมือนเคย แต่พอผมสั่งขนมอะไรแปลก ๆ มาให้เธอชิม เธอก็ยิ้มกริ่มจนเห็นลักยิ้มน่ารักน่าจูบ แล้วก็เหมือนเดิมพอเธอเห็นว่าผมมอง น้องแอลก็ตีหน้านิ่งเหมือนเคย
ผมขับรถออกมาจากตลาดนัดโดยมีข้าวของที่น้องแอลซื้อมาเกือบยี่สิบถุงวางไว้ท้ายรถ รอบนี้ผมเหนื่อยพอสมควร แต่พอเห็นเธอนั่งอมยิ้มมีความสุขอยู่ข้าง ๆ ไม่ทำหน้าเย็นชาอีก ผมก็รู้สึกหายเหนื่อยแอบมองเธอบ่อยกว่าเดิม ตอนเธอยิ้มยังไงก็สวยน่ารักกว่าตอนทำหน้าเย็นชาหลายเท่า
“พี่เก็บของไว้ให้ด้วยนะ แอลจะมาเอาวันหลัง ถ้าเอาไปทั้งหมด ที่บ้านแอลต้องสงสัยแน่ว่าไปไหนมา”
ก่อนนี้น้องแอลยิ้มก็จริง แต่เวลาคุยกับผม เธอจะตีหน้านิ่งแล้วทำเสียงแข็งเหมือนออกคำสั่ง แถมยังนั่งคอตรงไม่ยอมหันมามองผมเสียด้วย ท่าทางแบบนี้เหมือนกับคุณหญิงคุณนายกำลังออกคำสั่งกับข้าทาสบริวารเสียเหลือเกิน ผมล่ะเกลียดท่าทางเหยียดชนชั้นอะไรแบบนี้ของเธอเสียเหลือเกิน
“ก็บอกไปซิ ว่าไปตลาดนัดมา”
“ไม่ได้หรอก ถ้าแม่รู้ว่าไปที่ชั้นต่ำแบบนั้นมา แอลโดนดุแน่”
“อืม ... แล้วแอลคิดว่ามันเป็นที่ชั้นต่ำหรือเปล่าล่ะ”
“… ทำไมจะไม่ใช่ล่ะ ก็แม่สอนมาว่าอย่างงั้น”
“แม่สอนว่าแบบนั้น แล้วมันเป็นแบบนั้นหรือเปล่าล่ะ แอลคิดว่ายังไง ลองคิดด้วยตัวเองบ้าง แอลเริ่มเป็นผู้ใหญ่แล้ว ต้องรู้จักคิดเอง อย่าเอาแต่ทำตามที่พ่อแม่สั่ง แล้วก็อย่าเอาแต่สั่งคนอื่น”
ผมพยายามทดลองสอนเธอ หนึ่งนั้นผมไม่ชอบผู้หญิงนิสัยแบบนี้อยู่แล้ว และสองก็คือจากการสนทนาในช่วงที่เธอโดนแว่นสะกดเอาไว้นั้น ทำให้ผมรู้ว่านิสัยของเธอโดนเพาะบ่มมาจากแม่ และเธอก็สารภาพว่าเธอมีความคิดอยากต่อต้านหลายครั้ง แต่ว่าเธอกลัวแม่เกินกว่าจะต่อต้าน สุดท้ายผลก็เลยกลายเป็นแบบนี้
พอผมพูดแบบนี้ออกไป น้องแอลก็ทำท่าตกใจแล้วหันมามองผม เธอมองผมเหมือนกับว่าผมเพิ่งพูดเรื่องอะไรที่น่ากลัวมาก ๆ ออกมา แต่ครู่เดียวเธอก็หันมองไปด้านหน้ารถแล้วทำท่าเหมือนกำลังสับสนไม่แน่ใจ ผมคิดว่าที่เหลือคงต้องให้เธอลองคิดเอาเองแล้ว
“ถึงบ้านแล้ว บอกแล้วไงว่าทันเหลือเฟือ ถึงก่อนเวลาตั้งเกือบชั่วโมงแน่ะ”
ผมพูดพลางเหยียบเบรกทำการจอดรถที่หน้าประตูคฤหาสน์ของน้องแอล ... เอ่อ ทำไมมองผมด้วยสายตาแปลก ๆ แบบนั้นกันล่ะครับ ผมก็บอกแล้วไงว่าวันนี้ผมไม่ได้คิดจะทำอะไรเธอ เพราะไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง ผมแค่อยากสร้างความสนิทสนมพาน้องแอลเที่ยวเล่นสักหน่อยก็แค่นั้น
น้องแอลสะดุ้งเล็กน้อยเหมือนเพิ่งจะรู้สึกตัว เธอมองซ้ายมองขวา พอเห็นว่าถึงบ้านแล้วเธอก็ชำเลืองมองผมด้วยหางตา แล้วก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมูลทำท่าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง แต่ผมเดาไม่ออกหรอกนะว่าเธอกำลังคิดอะไร และผมก็ไม่ได้สนใจมากด้วย เพราะกำลังแอบมองนมมองหน้ามองขาขาว ๆ ของเธออยู่
ถึงวันนี้ผมจะไม่ได้ตั้งเป้าจะเอาเปรียบน้องแอลเพราะพลังงานหมด แต่พออยู่ใกล้สาวสวยน่ารักแบบนี้นานเข้า อารมณ์ผู้ชายมันก็ทำงานของมันเองจนรู้สึกอยากนัวเนียกับเธอขึ้นมาจนได้ ถ้าพูดตรง ๆ ก็คือผมอยากจะจับเธอมากอดจูบ แล้วก็อยากจับโน่นลวนลามนี่ให้ทั่วตัวนั่นแหละ แต่ประเด็นสำคัญก็คือ ตอนนี้น้องแอลเธอไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของแว่น
เธอไม่ได้เชื่อฟังผมทุกอย่าง ถึงจะมีความทรงจำดี ๆ ฝังอยู่ในหัว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะยอมให้ผมทำอะไรต่อมิอะไร ถ้าจะให้ผมลงมือลวนลามเธอเลยก็คงไม่กล้า เพราะว่าเธออาจจะโวยวายออกมาได้
เรานั่งเงียบกันอยู่นาน แต่น้องแอลก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเปิดประตูรถแล้วกลับเข้าบ้าน ผมเห็นเธอนั่งนิ่งบีบมือตัวเองแล้วทำท่าลังเลเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่างแต่ไม่กล้าพูดออกมา แต่พอผ่านไปสักพักเธอก็พูดออกมาในสิ่งที่ผมไม่คิดไม่ถึง ถึงน้ำเสียงของเธอจะฟังดูเหมือนการออกคำสั่ง แต่ก็ยังทำให้ผมยิ้มกริ่ม
“... แอลยังไม่อยากเข้าบ้าน ... พี่ขับรถพาแอลเที่ยวอีกหน่อย”
“พาเที่ยวเหรอ ... แอลอยากไปไหนล่ะ มีเวลาแค่ชั่วโมงเดียวเอง”
“... ไปที่ไหนก็ได้ แล้วแต่พี่”
“ที่ไหนก็ได้เหรอ แน่ใจนะ”
น้องแอลตอบพร้อมกับพยักหน้าแล้วทำท่าเขิน ๆ พอเธอทำแบบนี้ออกมา ผมเลยยิ้มกริ่มได้ใจ หัวสมองหมุนติ้วคิดแต่เรื่องลามก ผมไม่ถามอะไรเธออีก แต่จัดการขับรถวิ่งไปตามถนนด้านหลังมหาวิทยาลัย เลี้ยวลัดเลาะไปซอกซอยแล้วไปจอดนิ่งในซอยลับหูลับตาคนแห่งหนึ่ง
“พี่พามาที่นี่ทำไม”
“ก็แอลบอกว่าที่ไหนก็ได้ พี่ก็เลยหาที่เงียบ ๆ ไม่มีใครกวนไง”
เธอมองซ้ายมองขวาทำท่าสงสัยว่าผมพาเธอมาที่ไหน แต่พอเธอหันมามองผมก็ส่งสายตากรุ้มกริ่มให้จนเธอหน้าแดงรีบก้มหน้างุด มือของเธอกำลังบีบขยำชายกระโปรงนักเรียนอีกแล้ว ผมคิดว่าเธอน่าจะรู้ว่าผมคิดทำอะไร คราวแรกผมก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าเธอจะยอมหรือเปล่า แต่พอเห็นท่าทางของเธอแบบนี้ ผมว่าเธอน่าจะยอมนะ
“แอลสวยจัง”
ผมทดลองเปิดเกมรุกด้วยการพูดชม แล้วเอื้อมมือไปจับมือขาวเนียนของน้องแอลเอาไว้ เธอสะดุ้งเล็กน้อยตอนผมกุมมือเธอ แต่ว่าไม่มีท่าทีต่อต้านอะไรให้เห็น นอกจากการนั่งก้มหน้างุดมากกว่าเดิม ตอนนี้หน้าขาวใสของเธอแดงเรื่อมากกว่าเมื่อครู่เสียอีก
ผมลูบมือนุ่มนิ่มของเธอเบา ๆ ผิวของเธอเนียนลื่นไม่แพ้ของโบกี้เลย ดีไม่ดีอาจจะเนียนกว่าด้วยซ้ำ เพราะว่าผ่านการดูแลมาอย่างดีมากกว่าตามแบบฉบับคุณหนูไฮโซ พอเห็นเธอไม่พูดอะไร และไม่ได้ขัดขืนอะไร ผมก็เลยเริ่มเปิดเกมรุกต่อ ผมปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองออก แล้วขยับตัวโน้มหน้าไปหาเธอช้า ๆ
น้องแอลมองผมด้วยท่าทางตกใจ เธอขยับหลบเอนไปด้านหลังจนพิงกับเบาะที่นั่ง ตากลมโตของเธอมองผมด้วยท่าทีหวั่นไหวลังเล แต่เธอก็ยังไม่พูดห้ามอะไรมากมาย ผมเลยค่อย ๆ ขยับหน้าเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ ด้วยความตื่นเต้น ผมเคยจูบกับเธอแล้วก็จริง แต่ว่าตอนนั้นเธอโดนแว่นควบคุมอยู่ เธอเลยยอมผมทุกอย่าง แต่ว่าตอนนี้ไม่เหมือนกัน เพราะว่าเธอมีสติอยู่เต็มเปี่ยม ไม่ได้ถูกควบคุมบางการอะไร
เธอนั่งตัวเกร็งแล้วหลับตาลงตอนที่ผมเข้าไปใกล้จนจมูกเราสัมผัสกัน เธอบีบมือแนน่ ลมหายใจของเธอถี่กระชั้นท่าทางเหมือนตื่นเต้นมาก สำหรับเธอแล้วครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งแรกที่ได้ใกล้ชิดกับผุ้ชายขนาดนี้
ผมยิ้มกับท่าทางของคุณหนูจอมเย่อหยิ่ง เวลานี้เธอไม่ได้เป็นนางพญาอีกแล้ว แต่เป็นเหมือนลูกแมวน้อยน่ารัก ผมเลยไม่เร่งรีบขยับขึ้นไปจูบเบา ๆ ตรงหน้าผากของเธอหนึ่งครั้งแล้วขยับถอยออกมามองหน้าเธอเป็นการทักทาย
น้องแอลสั่นสะท้านเบา ๆ แล้วลืมตาขึ้นมองผม ผมมองสบตากับเธอและคราวนี้เธอก็ไม่หลบสายตาผมอีก เราสองคนมองหน้ากันอยู่แบบนั้นนานพอดู ก่อนที่ผมจะเริ่มโน้มหน้าเข้าหาจูบลงไปที่ริมฝีปากบางจิ้มลิ้มของคุณหนูคนสวยแบบแผ่วเบา แล้วถอยออกมาช้า ๆ
เธอยังคงไม่ได้ขัดขืนอะไรนอกจากนั่งมองหน้าผมด้วยแววตาวาบหวาม ผมเว้นจังหวะเล็กน้อย แล้วก็โน้มหน้าเข้าไปจูบอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมจูบบดปากค้างเอาไว้อยู่ครู่ใหญ่ น้องแอลเหมือนจะเริ่มหายเกร็งแล้ว เธอนั่งนิ่งหอบกระเส่าปล่อยให้ผมจูบปากโดยไม่ได้ว่าอะไร
ผมถอนปากออกมาแล้วโน้มหน้าลงไปจูบรอบที่สาม แต่คราวนี้ผมเริ่มใช้ลิ้นเลียริมฝีปากของเธอไปด้วย พอผมจูบไปสักพักน้องแอลก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาจับแถวหัวไหล่ของผมแล้วบีบเบา ๆ ผมเลยถอนปากออกมามองหน้าแดงก่ำของเธอรอบหนึ่ง แล้วโน้มหน้าลงไปจูบอีกครั้งเป็นรอบที่สี่
คราวนี้ผมเริ่มสอดลิ้นเข้าไปลิ้มชิมรสโพรงปากแสนหอมหวานของเธอ น้องแอลถึงกับหลับตาพริ้มผวาโอบแขนมากอดรัดผมไว้แน่น เธอเผยอปากเปิดทางให้ผมสอดลิ้นเข้าไปพัวพันได้ตามที่อยากทำ รอบนี้ผมเลยจูบดูดปากกับเธออยู่นานพอดู จะว่าไปผมรู้สึกชอบจูบกับน้องแอลมากทีเดียว จูบของเธอให้ความรู้สึกหอมหวานแปลก ๆ ความรู้สึกคนละแบบกับโบกี้ แล้วก็ไม่เหมือนกับแป้ง
ผมจูบจนหนำใจ แล้วถึงค่อยถอนปากออกมา น้องแอลลืมตามองผมหวานเยิ้มท่าทางเหมือนมีความสุขมาก ยิ่งเห็นเธอทำหน้าตาน่ารักขนาดนี้ผมก็ยิ่งรู้สึกคันหัวใจยุบยิบ แต่ว่าผมก็เริ่มรู้สึกเมื่อยเพราะว่าท่านี้ผมต้องใช้แขนรับน้ำหนัก ผมเลยเอื้อมมือไปจัดการปรับเบาะนั่งให้เอนไปด้านหลังจนสุด แล้วผมก็ขยับตัวลงไปนอนทับบนร่างนุ่มนิ่มของกรุ่นของเธอในชุดนักเรียนมัธยมปลาย
ผมมองหน้าน้องแอลครู่หนึ่ง แล้วก็เริ่มก้มหน้าลงไปจูบปากเธออีกรอบ เธอหลับตาพริ้มเผยอปากเปิดทางรับ แถมยังโอบแขนมากอดผมไว้แน่น คราวนี้ลิ้นของเธอเริ่มขยับพัวพันกับลิ้นของผมมากกว่าเดิม ผมเริ่มจูบเธอหนักหน่วงขึ้น ปากของน้องแอลหอมหวานรสชาติดีชะมัด
ผมจูบปากเธอรอบแล้วรอบเล่าแบบไม่รู้เบื่อ น้องแอลเองก็ท่าทางมีความสุขและชอบรสจูบของผมมาก เธอมองผมตาเยิ้มตลอดเวลาที่จูบกัน ยิ่งจูบผมก็ยิ่งรู้สึกหื่นมากขึ้นจนเป้ากางเกงแข็งเป็นลำ นอกจากจูบแล้วผมเลยเริ่มขยับมือไปตะปบขยำเต้าอวบเกินวัยของเธอเบา ๆ จากด้านนอกเสื้อนักเรียน
“อืมมมม ...”
น้องแอลส่งเสียงคราง ๆ เบา ๆ พร้อมกับแอ่นกระตุกตัว เธอจับข้อมือของผมไว้แต่ไม่ได้ปัดป้อง เธอแค่บีบเพื่อระบายความเสียว ผมเลยค่อย ๆ จูบ ค่อย ๆ บีบขยำนมของเธอไปเรื่อย ๆ ช้า ๆ จนรู้สึกได้ว่าเธอหอบหายใจแรงขึ้น ผมว่าเธอน่าจะมีอารมณ์อยากโดนแล้วล่ะ
ผมจูบปากเธอค้างไว้ พร้อมกับเริ่มใช้มือปลดกระดุมเสื้อนักเรียนออกช้า ๆ ก่อนจะล้วงมืออ้อมหลังจัดการปลดตะขอยกทรงแล้วถลกขึ้นจนนมเต้าอวบล้นมือเด้งผึงออกมาด้านนอก เธอรีบยกมือขึ้นทำท่าจะปิดนมเต้าตัวเอง แต่มือผมไวกว่า วูบเดียวก็ขยับตะปบบขย้ำใส่เต้าอวบจนเต็มมือแล้วบีบจนเธอตัวกระตุกเฮือก
“อื้ออออ ... อืมมมม ...”
น้องแอลส่งเสียงครางในลำคอพร้อมกับบีบข้อมือผมไว้ เรายังคงจูบปากแลกลิ้นกันไม่หยุด ผมเองก็ขยำนมเนื้อแน่นของเธอเสียจนเพลิน ตอนนี้ผมอดคิดเปรียบเทียบไม่ได้ ถึงขนาดของแอลจะยังสู้โบกี้ไม่ได้ แต่อีกสักปีสองปีผมว่าน่าจะพอฟัดพอเหวี่ยง ส่วนเรื่องจูบ ผมยอมรับว่าผมชอบจูบกับน้องแอลมากกว่า มันให้ความรู้สึกกับรสชาติที่ดีกว่ายังไงบอกไม่ถูก เอาเป็นว่าผมชอบมากกว่าก็แล้วกัน
เราเริ่มจูบกันหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ ผมบีบขยำหน้าอกของเธอจนเริ่มพอใจและเริ่มขยับลงไปลูบขาขาว ๆ ของเธอ ผมลูบวนไปมาอยู่รอบหนึ่งก็เริ่มสอดเข้าไปในกระโปรงนักเรียน แล้วตะปบลงบนเนินสาวจนเธอสะดุ้งโหยงเด้งสะโพกขึ้นตอบรับ
ผมลูบเบา ๆ ไปบนกางเกงในเนื้อนิ่ม รู้สึกได้ว่าเปียกชื้นพอสมควร น้องแอลเริ่มครางเสียงดังขึ้นตอนที่ผมใช้นิ้วบดบี้สะกิดเขี่ยใส่ตรงจุดอ่อนไหว สะโพกของเธอเด้งขึ้นเด้งลง สองขาหนีบเข้าหากันสลับกับอ้าออก อารมณ์ของเธอคงจะกำลังปั่นป่วนพอสมควร ผมเห็นแล้วอยากจะจัดการเปิดซิงเธอเสียที่นี่เดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ
เธอโดนผมลูบกระตุ้นจนกางเกงในแฉะ ผมเลยเริ่มใช้นิ้วเกี่ยวกางเกงในเธอออก น้องแอลให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีด้วยการช่วยยกสะโพกขึ้น ผมเลยรูดจนกางเกงเธอหลุดลุ่ยลงไปที่ปลายเท้าได้ไม่ยาก จากนั้นผมก็ตะปบมือลงไปลูบความโหนกนูนแล้วสอดนิ้วเข้าไปข้างใน น้องแอลสะดุ้งเฮือกสูดปากตัวเกร็งสะท้าน เธอจิกเล็บลงบนแขนของผมแรงมากทีเดียว
ผมค่อย ๆ สอดนิ้วเข้าไปในร่องคับแน่น ร่องของเธอตอดนิ้วผมดีเหลือเกิน ยิ่งผมลากเข้าลากออกก็ยิ่งตอดถี่ยิบไม่หยุด ตอดกันขนาดนี้ผมยังแอบรู้สึกหวั่น ๆ ว่าถ้าสอดใส่จริง ๆ ผมอาจจะเผลอล่มปากอ่าวก็เป็นได้
“อือออ ... พี่หนุ่ม ... อืมมมม”
น้องแอลหอบหายใจฟืดฟาดเริ่มร้องครางเรียกชื่อผมออกมา ตอนนี้ผมปล่อยปากเธอออก แล้วขยับลงมาอ้าปากงับดูดเลียที่นมเต้าอวบทั้งสองข้างด้วยความเอร็ดอร่อย ผมเลียหัวนมสีชมพูอ่อนพลางลากนิ้วแยงเข้าแยงออกไม่หยุด เธอหลับตาปี๋นอนดิ้นพราด ๆ ส่ายไปมาราวสิบนาทีเห็นจะได้ ก่อนที่เธอจะส่งเสียงหวีดตัวกระตุกเฮือกเพราะโดนผมส่งถึงสรวงสวรรค์ด้วยนิ้วมือ
ผมกดแช่นิ้วที่โดนร่องสาวตอดหนุบหนับเอาไว้แบบนั้น แล้วโน้มหน้าลงไปจูบแลกลิ้นกับเธอ น้องแอลกอดแล้วจูบตอบผมเป็นพัลวันเพื่อระบายอารมณ์เสียว กว่าที่ตัวเธอจะหยุดกระตุกก็ผ่านไปราวสองถึงสามนาทีเห็นจะได้
น้องแอลลืมตามองผมหวานเยิ้ม เธอนอนหอบหน้าแดงก่ำ ท่าทางเหมือนถามผมว่าจะยังไงกันต่อ ผมมองเธอแล้วยิ้มก่อนจะหันไปมองนาฬิกา บอกตรง ๆ ว่าผมเองก็อยากพาเธอไปไกลกว่านี้ แต่ว่าผมไม่มั่นใจสภาพร่างกายตัวเอง แล้วเรื่องสำคัญก็คือเราไม่มีเวลามากพอ เรายังเหลือเวลาอีกแค่สิบห้านาทีที่จะพาเธอกลับบ้าน ซึ่งนั่นหมายความว่าผมต้องขับรถออกไปเดี๋ยวนี้
“ใส่เสื้อผ้าเถอะ ต้องรีบกลับบ้านแล้ว”
ผมบอกเธอพร้อมกับถอยออกห่าง น้องแอลนอนนิ่งทำหน้างง ๆ เหมือนไม่เห็นด้วย ผมว่าเธอคงอยากให้ผมทำมากกว่านี้ แต่ว่าผมพยายามทำใจแข็งช่วยดึงกางเกงในกับใส่ยกทรงและชุดนักเรียนเธอกลับเหมือนเดิม น้องแอลมองผมตาหวานตอนที่เธอขยับมือจัดเสื้อผ้าตัวเองจนดูเหมือนจะเรียบร้อย ยกเว้นก็แต่เสื้อที่มีรอยยับอยู่สักหน่อย
เราสองคนนั่งรถออกมาจากซอยเปลี่ยวจนไปถึงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ของเธออีกรอบ พอรถจอดเรียบร้อยผมหันหน้าไปน้องแอลก็ขยับตัวโน้มหน้ามาจูบผมโดยไม่ทันตั้งตัว เธอหลับตาพริ้มจูบผมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ ถอยห่าง แล้วเปิดประตูรถเดินฉับ ๆ หายเข้าไปในบ้านโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ
ผมมองเธอหายเข้าไปในบ้านแล้วก็หัวเราะขำ ๆ แล้วหันไปเตรียมขับรถกลับบ้าน ผมกะจะกลับไปนอนพักผ่อนยาว ๆ สักคืนเพื่อฟื้นฟูพลังงาน แต่ยังไม่ทันได้ออกรถ ผมก็ได้ยินเสียงดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือเพราะมีข้อความเข้า ผมหยิบมาดูเพราะผมได้ยินเสียงตั้งแต่ช่วงที่กำลังนัวกับน้องแอลแล้วแต่ตอนนั้นไม่มีอารมณ์อ่าน
ข้อความที่ไม่ได้อ่านมีอยู่หลายรายการ แต่มาจากคนสามคน ลองทายดูซิครับว่าใครส่งมาหาผมบ้าง ผมว่าคุณน่าจะทายถูกนะ เอาล่ะคนแรกสุดก็คือโบกี้ดาวมหาลัยแสนสวย เธอส่งข้อความมาบอกว่าพรุ่งนี้อยากจะไปเดินห้างกับผม ผมอ่านแล้วก็เกือบจะกดตกลงตอบไป เพราะว่าผมไม่ได้เจอโบกี้มาสักระยะแล้ว แต่พอเหลือบไปเห็นข้อความอื่นผมก็ชะงักยังไม่กล้ากดตอบกลับไป
คนที่สองที่ส่งข้อความหาผมก็คือแป้ง นางแบบหน้ากล้องชื่อดังในเนต เธอส่งข้อความมาเชิญชวนผมไปหาเรื่องสนุกตื่นเต้นทำกันนอกสถานที่ เธอพูดเป็นนัย ๆ ว่าอยากโดนผมลวนลามบนรถโดยสารประจำทาง ผมเลยตาลุกวาวด้วยความสนใจ แต่ผมก็ยังไม่ได้ตอบตกลงกลับไป เพราะว่ายังมีข้อความจากคนที่สามอีกหนึ่งคน
คนที่สามก็คือไอดอลสาวสวยมัธยมปลาย น้องแอลที่เพิ่งกลับเข้าบ้านไปนั่นเอง เธอส่งข้อความสั้น ๆ มาบอกผมว่าเธอเบื่อ เธออยากโดดเรียนไปเที่ยวทะเลวันพรุ่งนี้ เธอไม่ได้ขอให้ผมพาไป หรือชวนให้ผมไปด้วย แต่ผมก็แปลความได้ว่ามันคือคำชวนตามแบบฉบับของเธอ หรือถ้าแปลให้ลึกกว่าเดิมก็คือ น้องแอลกำลังจะเปิดโอกาสทองให้ผมได้เปิดซิงเธอนั่นแหละ
แรกสุดผมรู้สึกดีมากที่สามสาวสวยนัดผมไปเที่ยวด้วย แต่พอคิดอีกหน่อยปัญหาใหญ่ก็เริ่มบังเกิด เพราะว่าพวกเธอดันชวนเวลาเดียวกัน และคงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปพร้อมกันทั้งสามคน ตอนนี้ผมเลยต้องเลือกว่าจะไปหาใครกันแน่
ถ้าเป็นคุณล่ะครับ คุณจะเลือกไปหาใคร