...ไอ้โง่! จูบมันสิวะแต่อย่าให้มือมันมาโดนนะ...
เสียงในหัวที่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันคือแกงแกอร์ของผมเองดังก้อง ใจผมอยากวิ่งแต่ร่างกายไม่ยอมขยับ เอาไงเอากันวะ! ผมพุ่งตรงเข้าหาร่างคุณพยาบาล เธอยกมือข้างหนึ่งขึ้นทำท่าเหมือนจะฟังลงมาหาแต่ผมรู้สึกได้ถึงอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามา มือผมพุ่งตรงไปจับข้อมือเธออย่างแม่นยำโถมแรงทั้งหมดจนแผนหลังเธอชนผนัง จากสีหน้าเรียบเฉยของเธอกลายเป็นหวาดกลัวขึ้นมาทันที หมอกสีดำลอยคลุ้งออกจากร่างสวยแต่ไม่ว่าจะตั้งใจทำอะไรมันก็ช้าเกินไป ผมประกบปากจูบเรียวปากน้อยๆนั้น พยาบาลสาวสะดุ้ง หมอกสีดำหดหายกลับเข้าไปในตัวทันที ใบหน้าขาวสวยแดงก่ำ ตอนนั้นเองผมถึงได้เห็นชัดๆว่าพยาบาลสวมแว่นคนนี้น่ารักขนาดไหน
ตุบ!
“อูยย”ผมจุกตัวงอเมื่อเจอเข้ากับลูกเข่าทีเผลอเข้าเต็มกล่องดวงใจ เธอเงื้อมือจะฟาดผมอีกครั้งแต่ผมยังคว้าไว้ทันเลยเปลี่ยนเป็นสะบัดมืออกแล้ววิ่งหนีไปแทน
...ตามไป!....
“ใครจะตามวะจุกชิบหาย”ผมร้องครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวด เดินกุมเป้าลากสังขารขึ้นไปยังชั้นของผม ใจนึงก็อยากตามไปหรอกแต่ไปทั้งสภาพนี้มีแต่จะโดนเอาไปต้มยำทำแกงมากกว่า “อธิบายมาเลยนะมึงว่านี่มันคืออะไร”ผมหมดความสุภาพกับไอ้ตัววิญญาณร่างแยกที่อยู่ในตัวผมทันทีแต่มันกลับไม่พูดอะไรออกมาอีก “เออดีงั้นคืนนี้เจอกันในฝัน อย่าหนีนะมึง”ผมยังไม่เลิกจองล้างจองผลาญลากสังขารกลับมาในห้องในสภาพเดินเป๋ๆ
...อยู่ใกล้เมียไว้จะปลอดภัย...
นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนมันจะหลบเงียบไม่ยอมออกมาพูดจากับผมอีก ผมเลยได้แต่นอนรอกระวนกระวายอยู่ในห้องไม่รู้ว่าเมื่อไหร่อเล็กซ่าจะกลับมาสักที คิดไว้ในใจว่าถ้ารีดเดอร์นั่นกลับมาผมคงต้องโดดหน้าต่างหนีเอาตัวไปโหม่งโลกตายให้รู้แล้วรู้รอดแน่ แต่ในตอนนี้ผมรู้สึกเปลือกตากลับมาหนักอึ้งอีกครั้งเหมือนคนที่เพิ่งใช้เรี่ยวแรงมาอย่างหนักจนเหนื่อยอ่อน แอร์เย็นๆช่วยเร่งให้ผ่อนคลายอย่างรวดเร็ว ภาพรอบๆตัวพลันพร่าเลือนและมืดลงเรื่อยๆ....
“ว่าไงอยากเจอข้าไม่ใช่รึไง”ไอ้ตัวหน้าตากวนบาทาทักเสียงดังทำเองผมสะดุ้ง หันมองรอบๆถึงรู้ว่าได้กลับมายังฝันตัวเองอีกครั้ง
“ไอ้!!!” ผมไม่รู้จะด่ามันยังไงดีที่ให้ผมเข้าไปจูบพยาบาลคนนั้นจนโดนลูกเข่าอย่างจัง จะด่ามันว่าไอ้หน้าเห้มันก็ดันมีหน้าแบบเดียวกับเราอีก “ไม่ต้องลีลาบอกมาได้แล้วไอ้รีดเดอร์ของแกคืออะไรแล้วทำไมต้องสั่งให้ทำเรื่องบ้าๆแบบนั้นด้วย”
“อยากฟังเหรอ” น่านนน มันยังไม่เลิกกวน “เรื่องมันยาวแต่ยังไงเมียแกก็กลับมาแล้วคงไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว งั้นจะเล่าให้ฟังแล้วกัน เรื่องมันเป็นอย่างนี้...”
“...ชื่อนั้นสำคัญไฉน ชื่อคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตทุกชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตทุกชนิดมีตัวตนของมันเอง ไม่ว่าจะต้นไม้หรือคน แล้วแน่ใจเหรอว่าคำทุกคำเหล่านี้มันจะเกิดขึ้นมาได้เองถ้าไม่มีผู้ประดิษฐ์มันขึ้นมา อย่างหลงนึกไปว่าพวกมนุษย์จะมีปัญญาประดิษฐ์มันขึ้นมาเอง
แต่เดิมเราคือเหล่าผู้รังสรรค์อักษร ใช้ถ้อยคำที่เปล่งออกมาเป็นสิ่งของหรือเรื่องราวเป็นพ่อมดผู้รังสรรค์โลกนี้ขึ้นมาจากความว่างเปล่า แต่เราไม่สามารถสร้างชีวิตขึ้นมาได้ สิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้คือชีวิตที่เกิดขึ้นเองแต่ดึกดำบรรพเป็นสิ่งที่โลกได้กำหนดเอาไว้ตั้งแต่มันก่อตัวขึ้น แน่นอนว่าพวกเราไม่ใช่พระเจ้า พวกเราแค่ร่วมอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ด้วยและคอยปกป้องพวกเขาไว้โดยที่พวกมนุษย์ไม่รู้เท่านั้นเอง พวกเราเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในมิติที่4 มิติที่ไม่มีทั้งนรกและสวรรค์ไม่มีเกิดใหม่และแตกดับพวกเราจึงอยู่กันอย่างเป็นนิรันดร์และเราเรียกตนเองว่าคีพเปอร์จนกระทั่งโลกได้สร้างสมดุลย์นั้นขึ้นมา มันคือรีดเดอร์
รีดเดอร์เป็นกลุ่มก้อนพลังงานที่โลกสร้างขึ้นมาให้อยู่ในมิติที่4ด้วยกับเราเพื่อทำให้พวกเราเข้าไปอยู่ในสังสารวัฏของโลกแต่พวกเราไม่มีนรกหรือสวรรค์รออยู่ดังนั้นพอพวกมันใช้เคียววิญญาณที่เป็นอาวุธประจำตัวฟาดฟันทำลายวิญญาณพวกเราไปทีละคนเราจึงไม่สามารถเกิดมาเป็นคีพเปอร์ใหม่ได้และหายไปตลอดกาล มันเป็นยุคมืดของเรา เราแทบไม่เหลือใครอีกจึงรวมพลังพวกที่ยังเหลืออยู่ร่วมกันบันทึกรวบรวมเหล่าอักษรและคำที่พวกเราประดิษฐ์ขึ้นเอาไว้ในหนังสืออักษร และซ่อนมันเอาไว้ให้ห่างไกลจากพวกรีดเดอร์ที่สุดให้หนังสือนั้นทำหน้าที่แทนเรา ปลดปล่อยถ้อยคำใหม่ๆอกมาแทนเราเพื่อให้อักษรและคำบนโลกนี้ไม่ตายไป เพราะหายพวกเราสูญสิ้นไปจริงๆ อักษรทุกอย่าง สิ่งของทุกชิ้นที่เราสร้างขึ้นจากถ้อยคำวิเศษมันจะหมายไปจนหมดและพวกมนุษย์เองนั่นแหละที่จะต้องเดือดร้อน
คิดง่ายๆหากโลกไม่มีก้อนหิน ไม่มีดิน ไม่มีน้ำ จะเกิดอะไรขึ้น แกเป็นคนที่ได้รับพลังของเราผู้เป็นพ่อมดอักษรไปแล้วเพราะอย่างนั้นแกก็จำเป็นต้องสู้และกำจัดพวกรีดเดอร์นั่นให้หมดเพื่อให้โลกนี้สงบสุขนะ”
“แล้วไอ้งูบ้านั่นทำไมถึงมากัดชั้นวะ แล้วขโมยชื่อไปทำไม ชั้นก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี แล้วเรื่องรีดเดอร์นั่นอีกทำไมไฟดับ ทำไม...”ผมถามต่อเพราะตอนนี้ในหัวมีแต่เรื่องให้สงสัยเต็มไปหมด
“...พอๆๆ เล่าหมดมันยาว จะตอบคำถามให้แกเข้าใจง่ายๆแล้วกัน อย่างที่บอกไปชื่อคือสิ่งที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างมีตัวตนแต่แกไม่มีชื่อเพราะงั้นแกก็ไม่สมควรมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เหมือนพวกข้าที่อยู่ในมิติอื่น รีดเดอร์มันเห็นสิ่งที่ไม่สมควรมีตัวตนมันก็ทำตามที่โลกได้สร้างมาให้ทำก็คือทำลายแกน่ะสิ
ส่วนที่ไฟดับตอนที่มันปรากฏตัวน่ะเพราะมันไม่มีร่างอยู่ในมิตินี้ การจะสร้างร่างมันต้องใช้พลังงานของมิตินี้ไฟฟ้าที่เป็นพลังงานบริสุทธิ์ของมิตินี้ถึงถูกดูดหายไปเพื่อสร้างร่างมันขึ้นมา
และเพราะมันไม่ได้อาศัยอยู่ในมิตินี้ร่างถึงไม่เสถียรนักถึงจะดูดพลังงานไปสร้างร่างแต่ก็ได้แค่ชั่วคราวมันถึงต้องแฝงร่างเข้าสิงพยาบาลคนนั้นเพื่อมาจัดการแกต่อ และขอเตือนไว้ตรงนี้ว่าในร่างหมอกของมันเราไม่สามารถสู้อะไรได้เลยต้องหนีจนกว่ามันจะเลิกตามหรือไม่ก็ให้มันเข้าสิงร่างใครสักคนก่อน
ส่วนเรื่องให้แกจูบน่ะเพราะของเหลวในร่างการของคีพเปอร์จะกักไม่ให้มันกลับไปยังมิติที่มันอยู่ได้เหมือนขังวิญญาณมันไว้ในร่างพยาบาลคนนั้นนั่นแหละ”
“อ้าวงั้นพยาบาลคนนั้นก็ต้องโดนสิงอยู่อย่างนั้นน่ะสิ”
“จนกว่าของเหลวที่ป้ายไปมันจะแห้งไปเอง...จะล้างก็ไม่ออกนะต้องให้แห้งเองพลังกักกันถึงจะหายไปและมีเรื่องสุดท้ายที่ข้ารู้ว่าแกคงสงสัยว่าทำไมต้องให้เมียแกมาอยู่ข้างถึงจะปลอดภัย”
“แล้วทำไมล่ะ”
“รีดเดอร์ไม่มีวันตายเหมือนคีพเปอร์เพราะอยู่ในมิติเดียวกันแต่มีทางนึงที่รีดเดอร์จะถูกฉุดให้มาเกิดมาตายอยู่ในสังสารวัฏได้คือแรงดึงดูดจากคนท้อง และคนที่ท้องต้องปฏิสนธิกับผู้อาศัยในมิติที่4ได้ด้วย มันจะทำให้เด็กที่จะเกิดมีพลังดึงดูดวิญญาณของโลกนี้และโลกโน้นให้มาเกิดและแกก็กลายเป็นคีพเปอร์ไปแล้วเพราะงั้นแกก็อาศัยในมิติที่4ได้มันถึงเข้าเงื่อนไขพอดีไง”
“งั้นแปลว่าอเล็กซ์....”
“เออๆ เอาไปคิดเอง วันนี้ข้าใช้พลังไปมากแล้วคงคุยกับแกไม่ได้อักพักใหญ่ บอกแค่นี้คงดูแลตัวเองได้นะ อย่าให้ข้าตายทั้งยังอยู่ในนี้ล่ะ”
“เออน่ะนี่ก็ร่างชั้นเหมือนกันนะเว่ยใครจะยอมให้ตายวะ”
 
..................
คนป่วยนั่งๆนอนไม่ค่อยมีอะไรทำอย่างผมกลับตื่นซะสาย กว่าจะตื่นก็ได้เวลากินข้าวเมื่อบุรุษพยาบาลมาปลุกนั่นแหละ คงเพราะเสียพลังกับสาวๆไปเยอะ ผมตื่นมาก็รีบหันมองหาอเล็กซ่ากลัวว่าถ้าเธอไม่อยู่ผมจะต้องไปวิ่งสู้ฟัดอีกรอบ โชคดีที่เธอเดินออกมาจากห้องน้ำพอดีไม่งั้นผมคงโวยวายก่อนอาหารเช้าไปแล้ว
“นึกว่าหายไปไหนซะแล้ว”ผมยิ้มให้สาวนัยน์ตาสีเทา ตบบนที่นอนให้เธอมานั่งข้างๆ
“ทำไมคิดถึงฉันเหรอ”อเล็กซ่ามานั่งข้างๆอย่างว่าง่ายหยิบช้อนมาตักข้าวต้มกุ้งขึ้นมาเป่าให้ไอร้อนเบาบางลง
“ที่สุดเลย หายไปไหนมาตั้งนาน”ผมถามแบบไม่จริงจังนัก อ้าปากรับเอาข้าวต้มอุ่นๆเข้าปากเคี้ยวอย่างมีความสุข
“ก็ไปหาเพื่อนน่ะสิ ฉันไม่ค่อยเข้ากรุงเทพเท่าไหร่พอมาทีเลยแวะไปหาหน่อย นางก็พานั่งกินเบียร์ด้วยซะดึกเลย”
“นาง? ผู้หญิงเหรอนึกว่าผู้ชายซะอีก”ผมเอ่ยงอนๆทำเป็นหึงหวง
“ไบร์ส เพื่อนรุ่นพี่น่ะ หึงเหรอ...ฉันไม่เจ้าชู้เหมือนใครบางคนหรอกนะ หยอดได้หยอดดีแม้แต่หมอยังหยอด ระวังเถอะน้องเหนิงรู้เข้าจะโดนตัดทั้งพวง”
“ก็อย่าให้รู้สิ ผัวจะได้หยอดรูนี้อีกนานๆ”ผมกระซิบยิ้มๆกอดเอวคอดเข้ามาใกล้อีกนิด อเล็กซ่ามองตาผมอย่างร้อนแรง
“อย่าท้านะวันนี้หมอให้กลับบ้านได้แล้ว ระวังกลับไปจะหมดแรงจนต้องเข้าโรงบาลอีกรอบล่ะ”
“ไม่กลัว กลัวไม่ได้เข้า”ผมโน้มตัวเข้าไปใกล้ เธอหยักรอยยิ้มสวยขึ้นจูบแก้มผมเบาๆ
“อย่ามาทำตาเจ้าชู้แถวนี้นะ โน่นคนสำคัญของเรามาแล้ว”เธอลุกขึ้นเดินไปตามเสียงเคาะประตู พอประตูเปิดออกถึงได้เห็นว่าเป็นหมอไนท์ เธอเดินยิ้มๆเข้ามา ผมยิ้มให้เหมือนเราสองคนสื่อกันได้ว่าต่างคนต่างต้องการอะไรแต่ในใจผมกลับอยากให้คนที่เดินเข้ามาเป็นน้องมายด์มากกว่า ดูสิไม่ได้เจอวันเดียวผมก็งุ่นง่านอยากเจอหน้าซะแล้ว
“หมอครับ ผมกลับบ้านได้แล้วจริงเหรอ”ผมถามอย่างมีเลศนัยหวังให้เธอช่วยยืดเวลาให้อยู่ต่ออีกสักวันเผื่อจะได้ลุ้นอะไรที่มันน่าเสียวกว่านี้หน่อย
“กลับได้แล้วค่ะ หายป่วยแข็งแรงดีขนาดนี้แล้วหมอไม่เลี้ยงไข้หรอก”หมอไนท์หยิบใบบันทึกอาการที่ปลายเตียงมาเขียนขยุกขยิก2-3ทีก่อนจะพูดต่อ “หมอไม่สั่งยาให้นะคะเพราะดูเหมือนแผลจะไม่มีผลข้างเคียงอะไรกับร่างกาย พิษก็ไม่มีแล้วด้วย เปลี่ยนชุดแล้วให้หมอไปส่งนะ”
ผมยิ้ม ใจอยากดึงหมอไนท์คนสวยเข้าห้องน้ำด้วยจะได้จับให้โม๊คควยปล่อยน้ำทิ้งท้ายก่อนจากแต่ก็ได้แค่คิดเพราะอีกใจก็ไม่อยากให้อเล็กซ่าต้องรู้สึกเหมือนส่วนเกิน ผมเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเงียบๆ จากนี้ไปผมจะได้มีชีวิตใหม่สักทีและต้องไปแย่งเอาชื่อที่แสนสำคัญของผมกลับมาจากไอ้งูบ้านั่นให้ได้
“เสร็จยัง เปลี่ยนชุดนานจังนะ”เสียงบ่นจากสาวฝรั่งตาน้ำข้าวทำให้ผมเลิกฟุ้งซ่านออกมาจากห้องน้ำเดินขนาบข้างไปกับสองสาว
“หมอไม่เก็บค่ารักษานะคะเพราะน้องที่พามาส่งมาจ่ายให้เมื่อเช้าแล้ว”หมอไนท์อธิบายพลางแอบเอามือมากุมมือผมยัดอะไรบางอย่างมาในมือ ผมฉวยโอกาสกุมมือเธอแน่นไม่ยอมปล่อยทำเอาหมอคนสวยเหลือบมองผมด้วยใบหน้าแดงซ่านชักมือกลับเขินๆ ผมกำลังจะดึงมือเธอมากุมอีกครั้งแต่ดูหมอไนท์จะสนใจเรื่องอื่นซะก่อน “ขิม!!” เธอเรียกเสียงดัง ข้างหน้ามีพยาบาลสาวใส่แว่นกำลังถูกผู้ชายในชุดพนักงานออฟฟิศตื๊อให้ดอกไม้ เธอทำหน้าเกรงใจโบกมือให้ผู้ชายคนนั้นเป็นเชิงปฏิเสธแต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังไม่ยอมถอยทั้งที่ได้ยินเต็มสองหูว่าหมอน์ตะโกนทักเธอไปแล้วแท้ๆ
 
“นี่คุณจะตามตื๊อขิมไปถึงไหนเนี่ย”หมอสาวเข้ามายืนกันท่าระหว่างชายคนนั้นกับพยาบาลสาว พอเข้ามาดูใกล้ๆผมก็จำได้ทันทีว่าเธอคือคนที่ถูกรีดเดอร์สิงไปเมื่อวาน ผมรีบถอยห่างไปอยู่ข้างอเล็กซ่าทันที แต่ท่าทางหมอไนท์จะไม่สังเกต เธอยังคงต่อปากต่อคำกับผู้ชายคนนั้นต่อ “อะไรเนี่ยฉันบอกว่าอย่ามายุ่งกับขิมอีกไง”
“ก็ผมจีบขิมนี่หมอจะไม่ให้ผมยุ่งได้ไงล่ะ หมอต่างหากคนเขาจีบกันหมอมายุ่งอะไรด้วย”
“บอกไปแล้วนี่ว่าขิมเขามีแฟนแล้ว”
“ก็ผมยังไม่เห็นแฟนขิมเป็นตัวเป็นตนเลยนี่หมอ หมอโกหกผมรึเปล่ายังไม่รู้เลย อาจจะยกเมฆขึ้นมาลอยๆไว้กันท่าผมก็ได้”ชายคนนั้นยังไม่ยอมหยุด ผมดูเขาพูดไปอย่างนั้นแล้วรู้สึกหงุดหงิด ผู้หญิงไม่เล่นด้วยยังจะมาตามตื๊อให้น่ารำคาญอีก...คนอะไรวะน่าหงุดหงิดเป็นบ้า ไอ้นี่มันชื่ออะไรวะอย่าให้รู้นะมึง... ผมมองขึ้นไปบนหัวมัน ตัวอักษรสีเข้มลอยไปมาบนหัวเขา ชื่อของเขาคือ ต่อ คเชนธร ลือไกร
“ก็คนนี้ไงแฟนขิม”หมอไนท์เดินมาดึงมือผมไปเป็นไม้กันหมาแบบไม่ปรีกษาทำเอาผมเสียสูญต้องมายืนอยู่ใกล้ๆพยาบาลสาวหน้าตาใสซื่อผู้น่าสงสาร ผมจะเขยิบหนีก็กลัวแผนหมอไนท์จะแตกเลยต้องยืนทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ...ใครก็ได้ช่วยกูทีกูไม่อยากอยู่ใกล้ผู้หญิงคนนี้เลย!!...
“ผมไม่เชื่อหรอกหมอ หมอไปดึงใครมาอ้างเป็นแฟนขิมก็ไม่รู้ ไม่รู้ล่ะวันนี้คุณขิมต้องให้ผมไปเลี้ยงข้าวแทนคำขอโทษนะครับที่มาทำผมเสียเวลาแบบนี้”
ผมหน้าชาหันไปมองชายชื่อต่อนิ่ง นี่มันนอกจากจะตามตื๊อแล้วยังเนียนโทษพยาบาลคนนี้อย่างหน้าตาเฉยอีกเหรอวะ อย่างนี้ไม่น่าเกิดเป็นผู้ชายนะน่าจะเกิดเป็นตุ๊ด ผมมองตัวอักษรบนหัวมันอีกครั้ง ในเมื่อมันไม่เชื่อว่าผมกับพยาบาลขิมเป็นแฟนกันงั้นมันก็ต้องเชื่อล่ะ “คุณไม่เชื่อหมอไนท์แต่คุณต้อง ‘เชื่อ’ ผมล่ะเพราะผมกับขิมเป็นแฟนกันจริงๆ”ผมดึงเอวพยาบาลขิมเข้ามากอดข้างๆเพื่อยืนยัน หมอไนท์หันมองผมท่าทางไม่พอใจเท่าไหร่แต่ก็เงียบไว้ส่วนพยาบาลขิมตอนนี้เงียบกริบทำตัวหดเหมือนอยากหายไปซะจากตรงนี้ให้ได้
“พูดจาตลกดีนี่ไอ้หน้าจืด ปล่อยคุณขิมเขานะเว้ย!”
“ทำไม ก็ผมเป็นแฟนขิมจริงๆ ถ้าไม่เชื่อจะให้หอมโชว์มั้ย”ผมท้าทาย ไอ้คนชื่อต่อหน้าถอดสีทันที “แล้วผมยืนดูอยู่นานละ ผมบอกให้หมอไนท์ช่วยบอกว่ามีแฟนแล้วก็ยังไม่ยอมเลิกตื๊อ คุณมันหน้าด้านมากนะมาจีบแฟนคนอื่นเขาเนี่ย”
“...”ไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมาจากปากชายคนนั้นอีก มีแต่ยืนอึ้ง อึ้ง! อึ้ง!!! กับเรื่องที่ได้ยิน ผมไม่ปล่อยให้มันมาตื๊อต่อแน่เลยเดินควงแขนคุณพยาบาลออกมาจากตรงนั้นด้วย
“พอได้แล้ว ได้ทีแล้วเล่นใหญ่เชียวนะ คุณ! คน! ไข้!”หมอไนท์พูดเน้นเสียงหนักตรงท้ายประโยคให้รู้ถึงความไม่พอใจที่มีและหยิกแขนผมให้ปล่อยจากเอวคุณพยาบาลสาวที่ตอนนี้หน้าแดงก่ำไปถึงหู เธอถูกหมอไนท์ดึงตัวมายืนอีกข้างให้ห่างจากผม
“อูยยย เจ็บนะครับหมอ ผมอุตส่าห์ช่วยแท้ๆ”
“ก็หมอเขารู้น่ะสิว่าเราน่ะเจ้าชู้”อเล็กซ่ามาเงียบๆแต่หนักหน่วง พูดทีเดียวสาวๆต่างหัวเราะกันครืนส่วนผมได้แต่ยิ้มเขินๆไม่กล้าพูดอะไรต่อ ให้พูดอะไรล่ะมีคนรู้ใส้รู้พุงขนาบข้างถึงสองคนอย่างนี้พูดไปเข้าตัวเปล่าๆ...แต่ยังไงก็ได้ออกจากโรงพยาบาลสักทีวะ!
/>สำหรับการแก้ไขปรับปรุงนี้ผมจะค่อนข้างซีเรียสกับเรื่องชื่อตัวละครแล้วครับเพราะว่ากลัวจะไปผิดต่อข้อกำหนดพรบคอมเลยต้องแปลงชื่อไปให้เห็นว่าไม่เป็นคนเดิมและต้องขอบอกตรงนี้เลยว่าการแก้ไขครั้งนี้ผมจงใจยื้อเวลาแก้ด้วยเพื่อให้เอามาลงในวันที่ 1 ก.พ. เพื่อให้บังคับใช้กฎของห้องได้อย่างพอดิบพอดีด้วย จากนี้ขอเตือนว่า ห้ามขอบคุณเปล่าแล้วนะครับ ใครขอบคุณเฉยๆ อีโมเปล่า เม้นกวนประสาทผมจะแจ้งทางmodให้จัดการและจะเลื่อนเวลาลงงานไปด้วยอย่างไม่มีกำหนด ส่วนหนึ่งเพราะผมทั้งรับงานนอกทั้งเรียนทั้งทำโปรเจ็บแล้วยังมาเขียนนิยายอีกแต่ต้องมาเจออะไรที่ไม่ได้ช่วยเป็นกำลังใจเลยก็ออกจะหงุดหงิดอยู่เหมือนกัน ทั้งนี้ต้องขออภัยคนที่ตอบมาดีๆ ณ ที่นี้ด้วยครับ เอาล่ะเลิกมาม่าขี้เกียจบ่นเยอะเอาเป็นว่าขอให้อ่านกันอย่างมีความสุขครับผม
--------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนต่อไป
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน