คุยเรื่อยเปื่อยกราบสวัสดีปีใหม่พ่อแม่พี่น้องเพื่อนผองร่วมอุดมการณ์ล่วงหน้านะครับ
ขอให้ทุกท่านมีความสุขกาย สบายใจ ปราศจากทุกข์โศก โรคภัยทั้งปวง
ช่วงนี้หัวกำลังมาทางเรื่องนี้ ก็เลยเข็นเรื่องนี้มาปิดท้ายปี
แต่เดี๋ยวตอนหน้าจะเป็นเรื่อง XO ล่ะครับ
ตั้งใจว่าอยากส่งเล่มหกจบภาคแรกภายในเดือน มกรา
แล้วจะเข็นเรื่อง SOSO ต่อเนื่องกันไป
สำหรับเรื่องลูกไม้ใกล้ไฟนี้ จะมีโทนสีเทาสักหน่อย แต่น้อยกว่าเรื่อง แก้วกานดา
โดยรวมแล้วจะออกไปทางสุขนิยม แต่ก็จะมีฉากที่น้องโมนางเอกไม่เต็มใจอยู่หลายฉาก
ดังนั้นต้องขอเตือนกันอีกครั้งว่า หากไม่นิยมแนวนี้ กรุณาข้ามไปอ่านเรื่องอื่นที่เป็นแนวสุขนิยมแทน
เช่น ทางเลือก รักยม เป็นต้นเป็นใบ
เพราะผมคงไม่เปลี่ยนโทนเรื่องให้นะครับ :)
ลูกไม้ใกล้ไฟ ภาคสอง ตอนที่ 5- เรื่องบังเอิญ...............................................
Assasin008 2016-12-31 โม ค่อย ๆ เปิดแง้มประตูห้องพักของโรงแรมห้าดาวออกช้า ๆ ก่อนจะใช้สายตามองดูไปโดยรอบ และเมื่อไม่เห็นว่ามีใครอยู่ในบริเวณนั้นแล้ว เธอจึงค่อยก้าวเท้าออกมาจากห้องพักในสภาพไม่ค่อยเรียบร้อยนัก ผมยาวสลวยของเธอยุ่งเหยิงเล็กน้อย เสื้อสายเดี่ยวและกางเกงสั้นเต่อก็สวมใส่อยู่บนร่างกายแบบลวก ๆ เธอไม่ได้มีเวลาทำความสะอาดคราบน้ำกามที่เปรอะเลอะอยู่บนใบหน้า และทรวงอกด้วยซ้ำ
นักศึกษาสาวสวยรีบปิดประตูห้องที่จากมา ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องพักฝั่งตรงข้ามซึ่งควรจะเป็นห้องของเธอ ประตูห้องเปิดและปิดอย่างรวดเร็วท่ามกลางความรู้สึกโล่งใจของเธอ อย่างน้อยก็ไม่มีใครเห็น และที่ยอดเยี่ยมก็คือโมพบว่าพี่เอกของเธอยังไม่ได้กลับเข้ามาในห้อง
เมื่อครู่นี้เธอเพิ่งตื่นขึ้นมาและพบว่าตนเองนอนสลบเหมือดในสภาพเปลือยเปล่า เธอมองไปรอบด้านก่อนจะระลึกได้ว่าเธอโดนใครบางคนฉุดเข้ามาข่มขืนในห้องพักฝั่งตรงข้าม แรกสุดนั้นเธอคิดว่าน่าจะเป็นพี่เอกที่แอบทำเรื่องสนุก แต่เมื่อคิดอีกครั้งก็เริ่มลังเลไม่แน่ใจว่าใช่เขาหรือไม่ และเพื่อความปลอดภัยเธอจึงรีบลุกขึ้นแต่งตัวสวมใส่เสื้อผ้าอย่างเร่งรีบ แล้วออกมาจากห้องพักของชายปริศนาให้เร็วที่สุด
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
โมถอนหายใจเหนื่อยอ่อนพร้อมกับยกมือสองข้างขึ้นมามองรอยแดงจ้ำอ่อนจางบนข้อมือทั้งสองข้าง มันคือรอยที่เกิดขึ้นเพราะโดนกุญแจมือรัดเอาไว้กับขอบเตียงด้านบน ทำให้เธอไม่สามารถขัดขืนป้องกันตนเองได้เท่าที่ควร จากนั้นเธอจึงค่อยก้าวเท้าเดินไปยืนหน้ากระจกเงาด้วยความรู้สึกเจ็บหน่วงเล็กน้อยตรงกลางหว่างขา เธอแน่ใจว่าในช่วงที่เธอสลบไปนั้นเธอน่าจะโดนชายปริศนาปู้ยี้ปู้ยำฝากรอยราคาต่ออีกหลายครั้ง
สาวสวยจัดการปลดเสื้อผ้าของตนเองออกจนเหลือแต่เรือนร่างเปล่าเปลือย เธอจ้องมองผิวกายขาวโพลนที่มีริ้วรอยแดงจ้ำฝากทิ้งไว้ด้วยความรู้สึกปั่นป่วนสับสน เธอเพิ่งโดนข่มขืนด้วยความรุนแรงจนเนื้อตัวปรากฏรอยช้ำ คนที่ข่มขืนเธอนั้นอาจจะเป็นพี่เอกหรือไม่เธอเองก็ไม่แน่ใจนัก แต่ประเด็นสำคัญที่เธอเพิ่งตระหนักได้ก็คือ เธอรู้สึกว่าตนเองแอบชื่นชอบหลงไหลความรู้สึกเช่นนี้อยู่ลึก ๆ มันเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เร่าร้อน ดิบเถื่อน และสุขสม ซึ่งคละเคล้าไปพร้อมกัน
โมยืนอ้อยอิ่งมองดูเรือนร่างตนเองครู่ใหญ่ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวในห้องน้ำจนสะอาดเอี่ยม เสื้อสายเดี่ยวและชุดชั้นในนั้นเปรอะคราบน้ำกามและคราบเหงื่อจนไม่สามารถสวมใส่ได้แล้ว เธอจึงได้แต่หันไปสวมใส่เสื้อยืดแขนยาวและกางเกงยีนส์ขายาวซึ่งใส่ไว้หลอกแม่ตอนย้ายเข้าหอพักแทนไปก่อน และแน่นอนว่าเวลานี้เธอไม่มีชุดชั้นในสวมใส่อยู่บนร่างกาย
เธอนั่งเหม่อมองดูตัวเองตรงโต๊ะกระจกเครื่องแป้งและครุ่นคิดด้วยความงุนงง เธอพยายามเรียบเรียงเหตุการณ์และนึกหาความเป็นไปได้ ผู้ชายที่ข่มขืนเธอและทิ้งเธอไว้ในห้องฝั่งตรงข้ามนั้นคือใคร เขาเป็นแค่โจรสวาทธรรมดาทั่วไป หรือว่าเป็นพี่เอกที่แอบหาเรื่องตื่นเต้น แน่นอนว่าหากเป็นพี่เอกเธอย่อมไม่คิดอะไรมาก จะอย่างไรเธอก็มองเขาเป็นชายคนรักอยู่แล้ว แต่หากเป็นใครที่เธอไม่รู้จัก แบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย
ระหว่างที่เธอกำลังนั่งงุนงงอยู่บนเตียงนั้น ประตูห้องของโรงแรมก็โดนเปิดออกพร้อมกับร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ก้าวเดินเข้ามา
“พี่เอก ...”
นักศึกษาสาวส่งเสียงร้องพร้อมกับเผยรอยยิ้ม เอกยิ้มตอบ ก่อนจะหันไปปิดประตูแล้วเดินเข้ามาหา เขาเดินมาสวมกอดเธอจากด้านหลังแล้วหอมแก้มเธอฟอดใหญ่จนเธอขนลุกวูบวาบ
“ขอโทษนะ ธุระนานไปหน่อย กลับมาเกือบเย็นเลย วันนี้ทำอะไรอยู่ นอนพักทั้งวันหรือเปล่า โทรมาตั้งแต่เที่ยงแล้วไม่เห็นรับสายเลย”
ประโยคคำพูดของเอกทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าสวยกระตุกเล็กน้อย โมมองสบตากับเขาผ่านทางกระจกเงาเพื่อค้นหาความจริง แต่เขาดูจะไม่ได้มีท่าทีอะไรพิเศษ เธอจึงยิ่งเริ่มไม่แน่ใจว่าที่แท้แล้วชายปริศนาคนนั้นจะใช่พี่เอกอย่างที่เธอเคยคิดไว้หรือไม่ กระนั้นโมก็ยังพยายามถามเขาแบบอ้อม ๆ เพื่อหยั่งเชิงก่อน
“พี่เอกยังจะถามอีก พี่น่ะแหละที่แกล้งโม”
“หือ แกล้งที่ไหนกัน ก็แค่ทำกันจนเช้าแค่นี้เอง ตัวหอมจัง เพิ่งอาบน้ำเสร็จล่ะซิท่า”
เอกตอบด้วยเสียงหัวเราะ เขาหอมแก้มเธออีกหลายฟอด ก่อนจะซุกหน้าลงไปไซร้ซอกคอของเธอจนโมตัวกระตุกส่งเสียงครางอืม ท่าทางของเขานั้นคล้ายกับว่ากำลังมีอารมณ์และอยากเปิดเกมรักอีกสักครั้ง
โมรู้สึกมีความสุขก็จริง หากแต่เธอกำลังสับสน ยิ่งพูดคุยก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าชายปริศนาในห้องฝั่งตรงข้ามนั้นไม่ใช่อย่างที่เธอคิด เช่นนั้นแล้วชายคนนั้นเป็นใคร และมีปัญหาอะไรกับเธออีกในอนาคตหรือไม่ เธอไม่ทราบจริง ๆ ว่าระหว่างที่เธอหลับไปนั้น เธอโดนเขาแอบถ่ายรูปหรือทำอะไรลงไปบ้าง
“พี่เอกอ่ะ อย่าเพิ่งซิคะ โมหิวข้าว”
สาวสวยรีบตัดสินใจส่งเสียงอิดออดร้องห้าม เธอหิวจริง ๆ อย่างที่บอก หากทว่าเหตุผลที่แท้จริงนั้นกลับเป็นอีกอย่าง หากเธอมีอะไรกับพี่เอกในเวลานี้ เขาอาจจะสังเกตเห็นร่องรอยเกมกามบนร่างกายของเธอ และหากว่าเขาไม่ใช่คนที่ข่มขืนเธอ เธอก็เกรงว่าจะเกิดเรื่องเกิดราวขึ้นมา ดังนั้นแล้วเธอจึงเลือกที่จะพยายามซุกเก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อนเพื่อป้องกันปัญหาไม่ให้บานปลาย
“อืม ก็ได้ งั้นไปทานข้าว เดินชายหาดนิดหน่อย แล้วกลับบ้านกัน แต่จริง ๆ ก็อยากนอนกอดโมบนเตียงมากกว่านะ สั่งข้าวมากินในห้องดีหรือเปล่า”
“ว้าย พอแล้วค่ะ เดี๋ยวก็ไม่ได้กลับกันพอดี”
เอกพูดด้วยดวงตาวาววับ เขาโอบเอวเธอทำท่าเหมือนจะอุ้มพาไปขึ้นเตียง โมรู้สึกอบอุ่นมีความสุขแทบอยากตอบรับคำขอของเขา หากทว่าเธอยังไม่อยากให้เขาเห็นร่องรอยแดงจ้ำบนร่างกาย เธอจึงรีบเบี่ยงตัวหลบแล้วส่งเสียงร้องปฏิเสธ ชายหนุ่มจึงหัวเราะออกมาแล้วขยับตัวไปเก็บของใส่กระเป๋าใบเล็ก แล้วเดินโอบเอวประคองร่างนุ่มนิ่มของโมออกจากห้องไปเพื่อหาอะไรรองท้อง
วันนี้เป็นอีกวันที่โมรู้สึกมีความสุขราวกับฝันไป ถึงแม้จะนับรวมเรื่องโดนข่มขืนก็ยังถือว่ามีความสุข เธอดื่มกินเที่ยวเล่นสนุกสนานกับพี่เอกจนดึกดื่น ก่อนจะนั่งรถกลับเข้ากรุงเทพเมื่อท้องฟ้าเริ่มค่ำมืด เพราะตกลงกันเอาไว้แล้วว่าเขาจะไม่ให้โดดเรียนมากกว่าหนึ่งวัน
ระหว่างที่นั่งรถกลับนั้น แม่ของโมได้โทรศัพท์มาหาเธออีกครั้งด้วยความเป็นห่วงตามประสามารดา โมรับสายและพูดโกหกอีกครั้งด้วยความรู้สึกผิดเล็ก ๆ เพราะว่าตั้งแต่ย้ายออกจากบ้านมาอยู่หอพัก เธอยังไม่ได้นอนพักในห้องเลยสักครั้ง อีกทั้งวันนี้เธอยังโดดเรียนเพื่อไปเที่ยวกับผู้ชายเสียด้วยอีกต่างหาก
เมื่อถึงที่หมาย โมผวาไปกอดเขาและจูบอย่างดูดดื่มด้วยความรู้สึกไม่ยินยอมอยู่ในรถคันหรู ความรู้สึกของเธอคล้ายกับหญิงสาวที่ต้องห่างเหินจากแฟนหนุ่มอีกเนิ่นนาน เธอพยายามพูดอ้อมค้อมว่าอยากอยู่กับเขาอีกสักคืน แต่สุดท้ายเมื่อถึงเวลาก็ต้องแยกจาก เพราะเขาไม่สะดวกทำตามคำขอ และเธอก็ทราบว่าคืนนี้เธอควรจะไปอ่านหนังสือและทำรายงานสำหรับพรุ่งนี้ด้วย
โมได้แต่เดินลงมาจากรถและมองชายหนุ่มด้วยแววตาออดอ้อน หากทว่าเขาเพียงยิ้มให้ ก่อนจะขับรถคันหรูขยับขับเคลื่อนไปด้านหน้า สาวสวยจึงได้แต่เบะปากด้วยความรู้สึกเสียดาย และทันใดนั้นเองสายตาของเธอก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างวูบหนึ่ง
ขณะที่รถเคลื่อนที่ไปนั้น สายตาของโมมองผ่านกระจกที่นั่งด้านหลังและเห็นแสงสะท้อนออกมา แสงที่สะท้อนนั้นออกมาจากกระเป๋าสะพายซึ่งเปิดอ้าและวางอยู่บนเบาะหลัง แสงนั้นสว่างเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะเลือนหายไปเธอจึงไม่แน่ใจว่ามองเห็นผิดไปหรือไม่ หากทว่าภาพที่เธอเห็นนั้นคล้ายกับกุญแจมือสีเงิน
โมยืนนิ่งอึ้งไปวูบหนึ่ง เธอยิ้มหวานออกมาในคราวแรก หากสิ่งที่เธอเห็นนั้นใช่อย่างที่คิด ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ชายปริศนาคนนั้นจะเป็นพี่เอก และหากเป็นเช่นนั้นความรู้สึกตื่นเต้นจากการโดนข่มขืนก็จะทำให้เธอรู้สึกผิดน้อยลง และมีอารมณ์ร่วมมากขึ้น กระนั้นเมื่อขบคิดอีกครั้ง รอยยิ้มก็ค่อยเลือนหายไป ต่อให้เธอมองไม่ผิด แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเขา
สาวสวยยืนครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องพักเป็นครั้งแรกหลังจากย้ายมาเป็นเด็กหอ เธออาบน้ำ ทำรายงาน อ่านหนังสือ และนอนหลับพักผ่อนหนึ่งคืนเต็ม กระทั่งเมื่อถึงเวลาเช้า โมก็แต่งตัวสวมใส่ชุดนักศึกษาเรียบร้อย ก่อนจะเดินกลืนเข้าไปกับนิสิตนักศึกษาของมหาวิทยาลัย เธอสวมใส่ชุดนิสิตธรรมดาไม่รัดสั้นเกินไป และไม่หลวมโพรกมิดชิดเกินควร เวลานี้ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนเธอก็ดูเหมือนหญิงสาวสวยหวานบริสุทธิ์ผุดผ่องคนหนึ่ง
นักศึกษาสาวนั่งฟังคำบรรยายในห้องเรียนคล้ายตั้งใจอย่างยิ่ง หากทว่าความคิดของเธอนั้นกลับลอยล่องไปไกลลิบ โมเริ่มนึกครุ่นคิดถึงเรื่องความรักที่ได้พบประสบมา เวลานี้เธอรู้สึกว่าตนเองหลงรักพี่เอกจนหมดใจ เขาเป็นเหมือนเจ้าชายในฝันที่เธอมองหา หากทว่าในเวลาเดียวกันนั้นเธอก็เริ่มสับสนในสิ่งที่เรียกว่าความรัก
ก่อนหน้านี้เธอเคยหลงรักผู้ชายมาแล้วสองคน คนแรกนั้นคือชาญเภสัชกรหนุ่มข้างบ้าน เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่สอนให้เธอรู้จักความสุขของการร่วมรัก เวลานั้นในหัวใจดวงน้อยของเธอมีแต่เขาเพียงคนเดียว ทุกวินาทีเธอเฝ้าคิดแต่ช่วงเวลาที่จะได้อยู่ร่วมกับเขา จวบจนกระทั่งเมื่อภรรยาของเขาเริ่มระแคะระคาย โมจึงกลั้นใจตีตัวออกห่างด้วยความรู้สึกเจ็บปวด นั่นคือรักครั้งแรก
ความรักครั้งที่สองนั้นเกิดขึ้นกับมานิตย์อดีตเพื่อนวัยเด็ก มานิตย์ทำให้เธอลืมความเจ็บปวดกับชาญ เธอทุ่มเทหัวใจให้เขาจนหมด เวลานั้นเธอคิดว่าหากไม่มีอะไรผิดพลาด เธอคงจะแต่งงานอยู่กินกับเขาในอนาคตด้วยซ้ำ หากทว่าโชคชะตาเหมือนจะเล่นตลกกับเธออย่างจัง ความรักครั้งที่สองจึงจบลงแค่นั้น ไม่สามารถเดินหน้าต่อได้
เอกเป็นความรักครั้งที่สาม เขาทำให้เธอลืมมานิตย์โดยสิ้นเชิง ช่วงเวลาที่อยู่กับเอกนั้นเธอเต็มไปด้วยความสุขยิ่งกว่าอยู่กับใคร เธอรู้สึกเหมือนเขาเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์พร้อมในทุกด้าน เธอแน่ใจว่าหากเขาเอ่ยปากขอเธอแต่งงาน เธอคงจะตกลงทันทีโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น กระนั้นความเป็นจริงก็คือในความสมบูรณ์แบบนั้นก็มีจุดเปราะบางอยู่บ้าง
โมแน่ใจว่าหากพี่เอกขอแต่งงานเธอคงจะตกลง แต่ปัญหาก็คือเธอไม่แน่ใจนักว่าเขาจะขอเธอแต่งงาน เธอยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเขามองความสัมพันธ์กับเธอในรูปแบบไหน เธอพบกับเขาด้วยเงื่อนไขแปลกประหลาด คืนนั้นเธอทำตามคำเชิญของมานิตย์ ออกไปหาใครสักคนมาทำการแลกคู่เพื่อความสนุกตื่นเต้น และเธอก็ได้พบกับพี่เอกคนที่เธอหลงรักในตอนนี้
การพบกันครั้งแรกนั้น หากเขาจะมองว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายร่านสวาท เธอก็คงไม่อาจโต้แย้งได้ เขาและเธอเริ่มรู้จักกันด้วยสิ่งที่เรียกว่าสัมพันธ์ทางเพศ เธอหลงใหลในลีลารักของเขา ในขณะที่เขาเองก็ชื่นชอบเรือนร่างแสนงดงามของเธอ แต่ว่านอกจากนั้นแล้วเธอก็ไม่แน่ใจนักว่าเขาประทับใจอะไรในตัวเธอพอจะให้คบหากันเป็นแฟน
ประสบการณ์ความรักสามครั้งจากชายสามคน รวมไปถึงการผ่านเข้ามาของชายอีกสามคน ซึ่งได้แก่ลุงสัก โน้ต และอ้วน ทำให้มุมมองโลกของโมได้เปลี่ยนไปไม่น้อย ผู้ชายทั้งหมดล้วนเข้าหาเธอเพราะรูปร่างหน้าตาที่สวยสมบูรณ์แบบ ชาญเภสัชกรข้างบ้านรักครั้งแรกก็เช่นเดียวกัน โมแน่ใจว่าเขาไม่ได้รักเธอ เขาก็แค่ชอบเรือนร่างของเธอ
มานิตย์รักครั้งที่สองก็อาจจะไม่แตกต่าง ถึงเขาจะบอกว่ารัก แต่การกระทำของเขานั้นบ่งบอกชัดเจนว่าเขามองเธอเป็นวัตถุแห่งความใคร่ เขาใช้เธอเล่นสนุกสนองตัณหาราคะในแบบที่เขาชื่นชอบ ส่วนเอกความรักครั้งที่สามนั้น เธอแน่ใจว่าสิ่งที่ยึดเหนี่ยวเขาไว้กับเธอในเวลานี้ก็คงหนีไม่พ้นเสน่ห์เรือนร่างของเธอเอง เธอแน่ใจว่าผู้ชายทั้งโลกก็คงคิดแบบเดียวกันทั้งนั้น
ปัญหาใหญ่ก็คือ ถึงแม้เธอจะตระหนักความจริงเหล่านี้ แต่เธอก็ยังปักใจรักเอกจนถอนตัวไม่ขึ้น ทั้งที่ทราบว่าเขาอาจจะมองเธอเป็นแค่ของเล่นระบายอารมณ์กลัดมัน เพราะเขาดูเหมือนจะเป็นหนุ่มนักรักที่คบหาผู้หญิงพร้อมกันทีละหลายคน แต่เธอก็ยังยินดีที่จะแอบคาดหวังว่าจะทำให้เขาพึงพอใจและหลงเธอในท้ายที่สุด จะอย่างไรเธอเองก็มีความสุขไปพร้อมกับเขาด้วยเช่นกัน ดังนั้นคำถามสำคัญที่เธอเฝ้าครุ่นคิดก็คือ เธอจะทำอย่างไรจึงจะสามารถใช้เสน่ห์มัดใจเอกไว้ให้ได้
“จะนั่งเหม่อไปถึงไหนยะ คลาสเรียนจบแล้วย่ะ ตื่น ๆ เมื่อวานโดดเรียนไปหนึ่งวันยังไม่หายป่วยอีกหรือไง”
ระหว่างที่ครุ่นคิดนั้นโมก็ต้องสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เมื่อหันไปมองเธอก็พบว่ากลุ่มเพื่อนสาวอีกสองคนที่สนิทกันกำลังยืนถือกระเป๋ามองเธอพร้อมกับหัวเราะขบขัน โมรีบมองไปรอบ ๆ ด้วยความกระดากเล็กน้อย เพราะเธอพบว่าตอนนี้ในห้องนั้นแทบไม่มีใครแล้ว คลาสเรียนดูจะจบลงไปแล้วสักพักใหญ่ แต่เธอกลับได้แต่นั่งนิ่งไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย โมจึงแกล้งพูดโกหกรับ เมื่อวานนี้เธอโกหกเพื่อนว่าไม่สบายจึงลาอยู่บ้าน
“ขอโทษที ... หายป่วยแล้วล่ะ เมื่อคืนแค่นอนน้อยไปหน่อย”
“เพิ่งย้ายมาอยู่หอก็ป่วยเลยนะ ว่าแต่คืนนี้พวกเราไปฉลองต้อนรับเด็กหอคนใหม่ที่ห้องยายโมกันดีหรือเปล่า”
เพื่อนสาวคนแรกที่ชื่อตาลดูจะเชื่อในคำพูดของโมโดยไม่ได้สงสัยอะไร ตาลเป็นสาวหน้าตาคมผิวสีน้ำผึ้งตามแบบฉบับคนใต้ เธอไม่ได้สวยเด่นแต่ก็ถือว่าหน้าตาดีกว่ามาตรฐานเล็กน้อย ตาลหันไปถามเพื่อนสาวอีกคนและเสนอแผนการฉลอง เพราะทั้งคู่นั้นล้วนแล้วแต่เป็นเด็กหอตั้งแต่แรก ส่วนโมนั้นเพิ่งจะย้ายมาอยู่หอนอกบ้าน เพื่อนสาวคนที่สองแสดงท่าทีลังเลเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าไม่เห็นด้วย และเสนอแผนอีกอย่างขึ้นมาแทน
“พวกเราสามคนไปเที่ยวผับกันสักครั้งดีกว่าหรือเปล่า”
ข้อเสนอนี้ทำให้โมและตาลเพื่อนสาวอีกคนลืมตาโตด้วยความแปลกใจ พวกเธอทั้งสามคนจัดเป็นกลุ่มเด็กเรียน ซึ่งโดยปกติแล้วพวกเธอจะไม่เคยนัดไปเที่ยวผับอะไรแบบนี้กันมาก่อน และที่สำคัญก็คือเพื่อนสาวสวมแว่นที่เสนอแผนนี้จัดเป็นเด็กบ้าเรียนมากที่สุดในชั้นเรียนจนได้ฉายาว่ายายแว่นหนอนหนังสือ เพื่อน ๆ ส่วนใหญ่จึงเรียกว่าแว่น จนลืมชื่อเล่นจริง ๆ ไปแล้วด้วยซ้ำ
แว่นเป็นสาวหมวยผิวขาวผมสั้นใส่แว่นกรอบหนา เพียงแค่มองหน้าเธอก็จะรู้ทันทีว่ามีเชื้อสายจีนมากพอสมควร หน้าตาโดยรวมของแว่นนั้นอยู่ในระดับเดียวกับตาล ซึ่งก็คือหน้าตาดีกว่ามาตรฐานค่าเฉลี่ยเล็กน้อย ไม่ถึงขั้นสวยโดดเด่นเป็นนางแบบแต่ก็ถือว่าไม่ธรรมดา
“อะไร … ทำไมต้องมองกันแบบนี้ด้วย ชั้นก็แค่ลองเสนอดู น่าจะสนุกกว่าไปนั่งในห้องแคบ ๆ แล้วจะได้ลองประสบการณ์แปลกใหม่กันด้วย พวกแกสองคนก็ยังไม่เคยไปเที่ยวผับกันเลยไม่ใช่เหรอ พวกเราไปลองกันบ้างซิ”
สาวแว่นรีบส่งเสียงโพล่งออกมาด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนเพราะโดนมองด้วยสายตาแปลกประหลาดจากเพื่อนสาวทั้งสอง เพื่อนสาวอีกคนรับฟังแล้วทำท่าครุ่นคิด เพราะว่าเธอเองก็ยังไม่เคยไปเที่ยวแบบนั้น ส่วนโมนั้นกำลังคิดอะไรที่แตกต่างออกไป
ภาพลักษณ์ของโมในสายตาเพื่อนและคนอื่นนั้น เธอยังคงเป็นสาวน้อยบริสุทธิ์ไร้เดียงสาคนหนึ่ง เพื่อนสาวทั้งสองเข้าใจว่าโมยังเป็นแบบเดียวกัน ไม่มีใครคิดเลยสักนิดว่าเรื่องเที่ยวผับนั้นโมไปมาแล้วหลายครั้ง อีกทั้งยังทำเรื่องน่าตื่นเต้นที่ไม่ควรทำไปแล้วอีกหลายอย่าง ดังนั้นการไปเที่ยวผับจึงไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ หรือเรื่องราวใหญ่โตอันใด
โมเงียบไปด้วยความรู้สึกละอายที่ตัวเองนำเพื่อนไปไกลโขในเรื่องกามราคะ แต่เพื่อนสาวอีกคนนั้นเข้าใจว่าโมกำลังเขินไม่กล้าไป เธอคนนั้นจึงสวมบทคนกล้าพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของสาวแว่น ด้วยเหตุนี้สามสาวกลุ่มเด็กเรียนจึงเริ่มคุยกันเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวยามค่ำคืน และโมดูจะนึกเรื่องสนุกอะไรขึ้นมาได้ เธอจึงแอบกดโทรศัพท์ส่งข้อความหาใครบางคนทันทีเมื่อมีโอกาส
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนพลบค่ำ สามสาวกลับหอพักไปตระเตรียมเสื้อผ้าสำหรับยามราตรี แล้วไปรวมตัวกันที่ห้องพักของโมเนื่องจากอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวมากที่สุด โดยปกติแล้วพวกเธออาจจะเป็นเด็กเรียนและสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย แต่เมื่อไปเที่ยวกลางคืน พวกเธอก็ตกลงที่จะสวมใส่เสื้อผ้าอวดสัดส่วนเนื้อตัวของสาวรุ่นกันบ้าง
สามสาวสวมใส่เสื้อสายเดี่ยวคอลึกจนเห็นร่องนม และกระโปรงสั้นเต่อเหมือนกันหมด แตกต่างกันก็แค่สีสันและรายละเอียด แว่นสาวหมวยสวมเสื้อสายเดี่ยวสีชมพูอ่อน ตาลสาวผิวสีน้ำผึ้งสวมชุดสีขาว ในขณะที่โมเลือกสวมใส่ชุดสีครีม กระนั้นถึงสามสาวจะสวมใส่ชุดคล้ายกัน แต่ว่าความสวยสดของโมนั้นโดดเด่นกว่า ทรวดทรงองค์เอวก็อวบอิ่มแน่นทะลักกว่า สายตาของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่จึงแอบถลึงมองโมมากกว่าอีกสองสาวที่เดินเคียงข้างกัน
“แหวะ ขมจัง กินกันเข้าไปได้ยังไงเนี่ย”
แว่นเบ้ปากรีบวางแก้วเครื่องดื่มสีอำพันลงไปบนโต๊ะ เธอรีบหยิบเอาแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มตามทันทีเพื่อกลบรสขมปร่าในปาก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่แว่นได้ดื่มเหล้า นอกจากครั้งแรกแล้ว ครั้งนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ตาลชงเหล้าด้วย เหล้าที่ออกมาจึงค่อนข้างเข้มขมพอสมควร
“ไม่ต้องบ่นเลยย่ะ เธอนั่นแหละที่ชวนมาผับ มาผับก็ต้องกินเหล้าซิ กิน ๆ ไปเถอะ เดี๋ยวเมาแล้วก็อร่อยเองแหละ”
ตาลส่งเสียงหัวเราะร่วน ก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มและทำหน้าเบ้ตามไปด้วยอีกคน ตาลนั้นเคยดื่มเหล้ามาก่อน แต่ไม่เคยชงเหล้าเอง เธอจึงพอทราบว่ารสชาติของเหล้านั้นเป็นอย่างไร
โมนั่งมองเพื่อนสาวทั้งสองแล้วหัวเราะคิกคัก เธอเคยดื่มเหล้ามาบ้างพอสมควร แต่เธอเลือกที่จะเก็บความจริงข้อนี้ไว้ เมื่อยกแก้วขึ้นดื่มโมจึงแกล้งทำหน้าเบ้เล็กน้อยตามเพื่อนสาวทั้งสอง เพื่อสร้างภาพว่าเธอเองก็ไม่เคยชินกับรสเหล้าแบบนี้ ซึ่งความจริงเธอเองก็รู้สึกว่าเหล้าที่ตาลชงมานั้นเข้มกว่าปกติมากพอควร
ตาลและแว่นเห็นโมทำหน้าเบ้ก็พากันหัวเราะชอบใจ จากนั้นสามสาวก็เริ่มนั่งจิบเหล้าผสมน้ำอัดลมดื่มด่ำไปกับบรรยากาศเสียงเพลงเร้าใจต่อไปอีกระยะใหญ่ เสียงเพลงและแสงไฟที่ร้อนแรงวูบวาบในผับทำให้พวกเธอค่อย ๆ รู้สึกเคยชินกับรสขม และเริ่มดื่มกินด้วยความรู้สึกกลมกลืนมากยิ่งขึ้นทีละน้อย
ตลอดระยะเวลาที่นั่งดื่มกินนั้น เรือนร่างของสามสาวได้กลายเป็นจุดสนใจของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มากพอสมควร โดยเฉพาะโมที่โดนแอบมองกันตาเป็นมันวาว ระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงที่นั่งอยู่นั้นจึงมีผู้ชายเข้ามาแสดงท่าทีแจกขนมจีบขอนั่งด้วย แต่ว่าสามสาวยังบ่ายเบี่ยงไม่เปิดโอกาสให้ใคร ทั้งนี้ก็เพราะว่านอกจากโมแล้วอีกสองสาวยังไม่เคยมีแฟนหรือใกล้ชิดผู้ชายกันมาก่อน ปฏิกิริยาแรกของพวกเธอจึงเป็นการสร้างกำแพงป้องกันตนเองเอาไว้ก่อน
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ดื่มหมดไปหลายแก้ว ความมึนเมาก็ทำให้เลือดสาวสูบฉีดแรงขึ้น พวกเธอทั้งสามเริ่มรู้สึกร้อนวูบวาบหัวใจเต้นแรง ใบหน้าของพวกเธอเริ่มแดงเรื่อ สติความยั้งคิดเริ่มลดเลือนเหือดหายไปทีละน้อยอย่างเชื่องช้าโดยไม่รู้ตัว
“โม … วันนั้นที่เธอโดนผู้ชายลวนลามบนรถเมล์น่ะ จำได้ไหม”
แว่นยกดื่มจนหมดเป็นแก้วที่ห้า เธอหันใบหน้าแดงก่ำมาส่งเสียงสนทนากับโม ตอนนี้บนโต๊ะมีแค่เธอกับโมสองคน เพราะว่าตาลเพิ่งเดินออกไปเข้าห้องน้ำ
โมละสายตาจากโทรศัพท์มือถือ แล้วหันไปมองแว่นด้วยความสนใจ เธอเพิ่งนึกได้ว่าก่อนหน้านี้เคยแอบวางแผนสร้างสถานการณ์ว่าโดนมานิตย์ลวนลามบนรถโดยสารประจำทาง และในเหตุการณ์ครั้งนั้นแว่นก็สังเกตเห็นเหตุการณ์เข้าอย่างจัง เพียงแต่เรื่องนี้ไม่เคยโดนพูดถึงอีก โมจึงคิดว่าแว่นคงจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
“จำได้ซิ ทำไมเหรอ”
“… ไม่มีอะไรหรอก … เราก็แค่อยากรู้”
“แกอยากรู้อะไรเหรอแว่น”
“ก็ … เราก็แค่อยากรู้นะ … คือเราอยากรู้ว่า ตอนโดนลวนลาม แกรู้สึกยังไงเหรอ … แกไม่รู้สึกรำคาญหรือไง”
แว่นถามด้วยใบหน้าแดงเรื่อ น้ำเสียงของเธอเหมือนจะกระอักอ่วนพอสมควรเหมือนขัดเขินที่จะถามคำถามนี้ออกมา โมจึงหันไปมองเพื่อนสาวด้วยความสงสัยแล้วค่อยตอบออกมาแบบสร้างภาพเล็กน้อย
“ก็ … ตอนนั้นก็กลัวนะ รู้สึกอี๋ ๆ ด้วยตอนโดนลวนลาม แต่เราก็ไม่อยากมีเรื่องแหละ ก็เลยเงียบ ๆ ไว้”
“… แค่นั้นเหรอ”
“อือ แค่นั้นแหละ จะมีอะไรอีกล่ะ”
“ไม่ซิ ก็ตอนนั้นแกบอกชั้นว่าแก … แกบอกว่าเสียว”
แว่นเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบแก้วเหล้าขึ้นมายกดื่มพรวดเดียวหมดแก้วเหมือนจะระบายความเขิน โมเบิกตามองแว่นด้วยความรู้สึกแปลกใจ เธอเองก็เป็นผู้หญิงและคบกับแว่นมาพอสมควร โมจึงเริ่มรู้สึกว่าตนเองเข้าใจความคิดของแว่นแล้ว แว่นเองก็กำลังจะกลายเป็นผู้หญิงเต็มตัวอีกคน
“ก็ใช่ แรก ๆ ก็อี๋ ๆ นะ แต่พอสักพักมันก็เสียววูบ ๆ จนขนลุก”
“เสียวยังไงล่ะ อธิบายมาหน่อย”
“จะให้อธิบายยังไงล่ะ … ถ้าแกอยากรู้ก็ลองให้ผู้ชายลวนลามดูก็แล้วกัน ในผับมีเยอะแยะไป”
“อีบ้า พูดอะไร ชั้นไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้นนะ อีกอย่างผู้ชายเขาคงไม่สนชั้นหรอก ชั้นไม่ได้สวยน่ารักเซ็กซี่แบบแกนะโม”
แว่นตอบก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มอีกอึกใหญ่ สายตาหลังกรอบแว่นสีชมพูคู่นั้นกวาดมองผู้ชายที่อยู่ในบริเวณนั้นวูบหนึ่ง แต่ถึงจะเป็นแค่วูบเดียว โมก็ยังจับอารมณ์ความรู้สึกของแว่นได้ โมแน่ใจแล้วว่าแว่นก็เริ่มมีอารมณ์ความรู้สึกความต้องการเหมือนตนเอง แต่ที่แตกต่างกันก็คือแว่นไม่ได้มีเสน่ห์ดึงดูดเหมือนโม
“แว่น แกต้องมั่นใจหน่อย แกเองก็น่ารัก ผิวขาว ผู้ชายหลายคนก็แอบมองแกอยู่นะ ถ้าแกถูกใจใครก็ลองมองตาเขาดู อาจจะได้เรื่องก็ได้”
โมเอ่ยแนะนำเพื่อนสาว เธอไม่ได้คิดห้ามเรื่องนี้ เพราะสำหรับเธอแล้วเรื่องความสัมพันธ์ชายหญิงเป็นเรื่องของความสมัครใจ หากแว่นเพื่อนของเธอต้องการใครสักคนเพื่อดับความเหงา เธอเองก็ไม่ได้คิดจะออกไปขวางทาง
ดวงตาของแว่นทอประกายร้อนแรงวูบหนึ่งหลังจากได้ยินคำพูดของโม แว่นแอบชำเลืองมองดูชายหนุ่มในระยะสายตา เธอพบว่าถึงแม้สายตาส่วนใหญ่จะมองไปที่โม แต่ก็มีบ้างบางคนที่แอบยิ้มให้เมื่อเธอส่งสายตาวาบหวามไปให้ แว่นจึงเริ่มยิ้มออกและเริ่มรู้สึกมั่นใจในตัวเองขึ้นมาบ้าง
“โม ชั้นกลัว … ชั้นกลัวโดนหลอก …”
แว่นมองสบตากับชายหนุ่มผมสั้นคนหนึ่ง ก่อนจะรีบหลบสายตาแล้วหันมากระซิบบอกโม คำพูดนี้บ่งบอกออกมาอย่างชัดเจนว่าแว่นกำลังมองหาใครสักคน จะอย่างไรเธอก็เป็นสาววัยรุ่นที่กำลังเลือดลมร้อนแรงเปี่ยมด้วยอารมณ์ความต้องการ เพียงแต่ไม่ได้แสดงส่วนนี้ออกมาเพราะกรอบกำแพงที่สร้างเอาไว้ ผู้หญิงคนไหนบ้างไม่อยากมีคนรัก พวกเธอเพียงแค่หวาดกลัวไม่อยากเสียใจในภายหลังเท่านั้น
โมมองเพื่อนสาวแล้วเกิดความคิดสับสน เธอเข้าใจความคิดของแว่น เธอเองก็เคยคิดแบบนั้น จนกระทั่งเสียตัวเสียความบริสุทธิ์แบบไม่ทันตั้งตัว ความกลัวนั้นก็เลยลดทอนลงไป แต่ถึงโมจะคิดแบบนั้น เธอก็ยังไม่อยากสนับสนุนให้เพื่อนกลายเป็นแบบเดียวกับเธอ โมจึงตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง
“… แกบอกว่าอยากรู้ อยากรู้ว่าถ้าโดนลวนลามจะเป็นไงใช่เปล่า”
“อืม แต่ชั้นกลัว”
“แสดงว่าแกมีอารมณ์ล่ะซิ”
“เปล่านะ จะบ้าเหรอ … อืม … ก็ … นิดนึงมั้ง”
แว่นรีบส่งเสียงโพล่งปฏิเสธด้วยความอาย แต่เมื่อโดนโมจ้องหน้าหนักเข้า แว่นก็กลืนน้ำลายลงคอแล้วส่งเสียงยอมรับอ้อมแอ้มเบาหวิวแทบไม่ได้ยิน
“งั้น … แกนั่งนิ่ง ๆ นะ แว่น อย่าทำท่าผิดปกติล่ะ”
โมโน้มหน้าเข้าไปกระซิบบอกที่ข้างใบหูเพื่อนสาวพร้อมกับพ่นลมเข้าใส่ แว่นซึ่งยังไม่ทันเข้าใจอะไรถึงกับขนลุกวูบวาบนั่งตัวเกร็ง จากนั้นเสียงครางแผ่วเบาก็ดังลอดไรฟันออกมา เพราะว่าโมอ้าปากงับไปที่ใบหูขาวสะอาดของแว่นแล้วใช้ลิ้นเลียแผ่วเบา
แว่นลืมตาโพลงด้วยความตื่นตกใจ กระนั้นเธอก็ไม่ได้ขยับหลบหลีกการกระทำของโม ทั้งนี้ก็เพราะว่าตอนนี้ไฟในผับค่อนข้างมืด จึงน่าจะไม่มีใครมองเห็นในรายละเอียด นอกจากนี้ความรู้สึกวาบหวิวก็ช่างยอดเยี่ยมเหนือคำบรรยาย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีใครทำให้เธอรู้สึกวูบวาบเช่นนี้
โมไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อนกับเพศเดียวกัน เธอเคยแต่โดนผู้ชายกระทำแบบนี้ให้ แต่ครั้งแรกนี้ก็ทำให้เธอรู้สึกหัวใจเต้นแรงไปกับความรู้สึกแปลกใหม่ วูบหนึ่งนั้นเธอเริ่มรู้สึกเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้ชายชอบจูบกระตุ้นทำให้เธอตัวสั่นสะท้าน ที่แท้แล้วมันให้ความรู้สึกสนุกสนานเช่นนี้เอง
ภายหลังจากความรู้สึกแตกตื่น แว่นเปลี่ยนเป็นนั่งหลับตาพริ้มจิกมือลงไปบนกระโปรงสั้นเต่อ ความเปียกชื้นที่โลมเลียบนใบหูและสอดแยงระรัวเข้ามาทำให้เธอตัวสั่นสะท้าน แว่นส่งเสียงหอบกระเส่า ร่างกายของเธอร้อนวูบขึ้นมาอย่างรวดเร็วด้วยอารมณ์ความต้องการทางเพศ
โมใช้ปากและลิ้นที่โดนฝึกมาอย่างดีจากผู้ชายสามคนโลมเลียไปที่ใบหูของแว่นถี่ระรัว มือซ้ายของเธอโอบลอดเอวอ้อนแอ้นจากด้านหลังไปจับที่เอวคอด ก่อนจะขยับขึ้นไปลูบไล้ทรวงอกของแว่นแล้วบีบขยำแผ่วเบา
“อืออออออออ”
แว่นหลับตาปี๋ส่งเสียงครางอย่างสุดเสียว เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะโดนเพื่อนสาวทำแบบนี้ แต่ความรู้สึกแบบนี้ก็ยากจะปัดป้องขัดขืน เธอจึงได้แต่นั่งหลับตาปล่อยให้โมนวดเฟ้นทรวงอกกระตุ้นเร้าอารมณ์กระสันต่อไปโดยไม่ได้แสดงท่าทีต่อต้านอันใด
โมยิ่งเล้าโลมเพื่อนสาวก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงอารมณ์ความต้องการของตนเองที่พุ่งสูงขึ้น เธอเริ่มหอบหายใจหนักหน่วงไปพร้อมกับแว่น แว่นหอบกระเส่าส่งเสียงครางพร้อมกับแอ่นกระตุกไปตามลีลามือและลิ้นของโม ยังดีที่ช่วงนี้ไฟในผับยังคงมืดมากพอควร ไม่เช่นนั้นแล้วโมเองก็คงไม่กล้าทำเรื่องน่าอายแบบนี้ต่อ
แว่นโดนเพื่อนสาวเล้าโลมได้ราวห้านาทีก็เริ่มอารมณ์พุ่งกระฉูด โมเองก็เหมือนจะรับรู้ความต้องการของเพื่อนสาว โมจึงมองซ้ายมองขวารอบหนึ่ง ก่อนจะวางมือตะปบลงไปบนต้นขาผอมเพรียวของแว่น แล้วลูบไล้ลอดชายกระโปรงขึ้นไปด้านบนจนถึงโคนขา
สาวหมวยตัวกระตุกสะท้านวูบ แว่นปรือตาก้มมองมือนุ่มนิ่มของโมที่ลูบไล้อยู่ตรงเนินสาวตนเองด้วยความรู้สึกสับสนปั่นป่วน วูบหนึ่งนั้นแว่นอยากจะขยับปัดมือของโมออกไป หากทว่าความต้องการสีดำร้อนแรงในร่างทำให้เธอไม่ทำเช่นนั้น อีกทั้งยังอ้าขาเปิดทางให้โมกระทำต่อไปแต่โดยดีด้วยซ้ำ
“โอย … อืออออ … ดีจังโม … อูย … เสียว”
แว่นหลับตาพริ้มสูดปากครางพร้อมกับแลบลิ้นเลียรอบปาก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของแว่น เมื่อต้องเจอกับลีลาร้อนแรงของโมเข้า แว่นจึงยิ่งไม่มีสติจะต้านทานได้ไหว เวลานี้เธอต้องการปลดเปลื้องอารมณ์ทางเพศยิ่งกว่าสิ่งใด
โมละเลงนิ้วต่อไปด้วยความตื่นเต้น ยิ่งได้ยินเสียงครางและเห็นอาการกระตุกเร่าของเพื่อนสาวเธอก็ยิ่งรู้สึกสนุกสนาน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอทำให้ผู้หญิงด้วยกันก็จริง แต่ว่าโมเคยผ่านลีลาจัดเจนของผู้ชายมาแล้ว และเธอก็ทราบถึงสรีระผู้หญิงยิ่งกว่าผู้ชาย เมื่อเธอใช้นิ้วช่วยทำให้แว่น ลีลานั้นจึงส่งผ่านความสุขหฤหรรษ์จนสติของแว่นหลุดลอย
นิ้วของโมกำลังแหย่เข้าแหย่ออกอยู่ในโพรงชุ่มฉ่ำ อาการบิดเกร็งตอดรัดของแว่นทำให้โมทราบว่าเพื่อนสาวใกล้เสร็จสมเต็มที เธอจึงเริ่มเร่งขยับนิ้วเร็วถี่ขึ้นทีละน้อย ด้านสาวแว่นเองนั้นก็เริ่มเด้งสะโพกเข้ารับนิ้วยาวเรียวของโมมากกว่าเดิม
“โอยยย โม … เราไม่ไหวแล้ว … โอยยยยยยยย”
เพียงแค่ไม่ถึงห้านาทีอารมณ์ของสาวแว่นก็โดนฉุดเหวี่ยงขึ้นไปบนสรวงสวรรค์ เธอดิ้นเร่าผวากอดโมพร้อมกับส่งเสียงครางประหนึ่งหวีดร้อง ยังดีที่เสียงเพลงในผับนั้นดังหนักหน่วงจนกลบเสียงหวีดนี้ได้จนหมด ไม่เช่นนั้นแล้วทุกคนในผับคงจะหันมากันจนตาเป็นมันอย่างแน่นอน
สาวแว่นกอดรัดร่างนุ่มนิ่มของโมซึ่งเป็นเพศเดียวกันอยู่ครู่ใหญ่ รอจนกระทั่งเมื่อร่างกายของเธอหายเกร็งจากความสุขเสียว สาวแว่นจึงค่อยคลายอ้อมกอดแล้วขยับลงไปนอนพิงกับโซฟาแล้วหอบหายใจหนักหน่วง ดวงตาคู่นั้นเริ่มมองไปโดยรอบด้วยความรู้สึกขัดเขินอับอาย แต่ว่าในแสงสลัวเช่นนี้เธอคิดว่าไม่น่าจะมีใครเห็น สาวแว่นจึงค่อยคลายใจลงเล็กน้อย
ดูเหมือนแว่นและโมจะโชคดีพอสมควร เพราะหลังจากเสร็จสมได้เพียงครู่เดียว ตาลเพื่อนสาวที่ไปเข้าห้องน้ำก็เดินกลับมาที่โต๊ะพอดี หากช้าหรือเร็วกว่านี้ตาลคงจะได้เห็นฉากรักของเพื่อนสาวเพศเดียวกันอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม สิ่งน่าสนใจก็คือตาลไม่ได้กลับมาคนเดียว เธอกลับมาพร้อมกับหนุ่มหล่อมาดนายแบบคนหนึ่ง ชายคนนี้ชื่อบอยเป็นหนุ่มวัยทำงาน และการที่ตาลแนะนำชื่อของหนุ่มหล่อคนนั้นให้เพื่อนรับทราบ ย่อมแปลความหมายโดยนัยได้ว่าตาลแอบถูกใจหนุ่มหล่อคนนี้อยู่พอควร ไม่เช่นนั้นแล้วตาลคงไม่พากลับมาที่โต๊ะให้เจอกับเพื่อนสาวกลุ่มเดียวกัน
แว่นมองหนุ่มหล่อคนนั้นด้วยความแปลกใจ หากทว่าไม่ได้รู้สึกสนใจอะไรพิเศษ แว่นรีบขอตัวไปห้องน้ำทันทีเพราะนอกจากความรู้สึกอายขัดเขินแล้ว แว่นยังรู้สึกได้ว่ากางเกงในของเธอเปียกชุ่มลามไปถึงกระโปรง ตอนนี้บนโต๊ะจึงกลายเป็นมีสองสาวหนึ่งหนุ่มนั่งร่วมกัน
โมแอบหัวเราะขำท่าทีของแว่นแต่ไม่ได้สนใจอะไรนัก เธอหันมาสนใจชายหนุ่มที่ตาลพากลับมามากกว่า นายบอยคนนี้นับว่าหล่อและเจ้าสำอางพอควร แต่สำหรับโมแล้วเสน่ห์ของเขายังห่างไกลจากพี่เอกของเธออยู่ไกลลิบ โมจึงไม่ได้รู้สึกกับเขาในเชิงชู้สาวแต่อย่างใด กระนั้นดูเหมือนว่าบอยจะไม่ได้คิดเช่นนั้น
ถึงแม้ภายนอกนั้นบอยจะแสดงท่าทีเหมือนแจกขนมจีบให้ตาล แต่สายตาของเขานั้นจะคอยแอบลอบมองดูเรือนร่างอ้อนแอ้นน่าฟัดของโมแทบจะตลอดเวลาเท่าที่กระทำได้ สายตาหื่นกระหายกลัดมันนั้นย่อมไม่รอดพ้นไปจากสายตาของโม หากทว่าเธอแค่เพียงแกล้งทำเป็นไม่เห็นและเลือกที่จะเงียบเอาไว้ก่อน
ไม่นานนักแว่นก็กลับมาจากห้องน้ำ แว่นไม่กล้าสบตากับโมเหมือนยังทำตัวไม่ถูกแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ตอนนี้สามสาวและหนึ่งหนุ่มจึงนั่งคุยดื่มกินกันต่อไป บอยนั้นคุยเก่งมากพอควร เขาสามารถทำให้พวกเธอสามคนส่งเสียงหัวเราะคิกคักได้เกือบตลอดเวลา บรรยากาศของการสนทนาจึงเต็มไปด้วยความสนุกสนานครึกครื้นอย่างยิ่ง
นอกจากจะคุยเก่งแล้ว บอยดูจะเป็นนักรักชั้นยอดเสียด้วย เพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เขาก็นั่งโอบเอวกระหนุงกระหนิงกับตาลได้อย่างแนบเนียน ตาลเองก็ไม่ได้แสดงท่าทีปัดป้องขัดขืนแต่อย่างใด แม้แต่ตอนที่เขาวางมือลงไปลูบไล้บนขาอ่อนตาลก็ไม่ได้มีท่าทีสะบัดหนี อีกทั้งเมื่อเขาหาเรื่องแกล้งหอมแก้มฟอดใหญ่ ตาลก็ยังแค่ส่งเสียงประท้วงเจื้อยแจ้วเล็กน้อยออกมาเท่านั้น
โมกับแว่นหันไปสบตากันอย่างมีความหมาย พวกเธอเป็นผู้หญิงเหมือนกันจึงสังเกตเห็นท่าทีของตาลออก พวกเธอทราบว่าตาลได้ทอดสะพานให้นายบอยคนนี้เรียบร้อยแล้ว และไม่แน่ว่าคืนนี้ตาลอาจจะตัดสินใจทำเรื่องสำคัญครั้งใหญ่ของผู้หญิงคนหนึ่ง ตาลอาจจะกลายเป็นผู้หญิงเต็มตัวในค่ำคืนนี้
นาฬิกาเดินทางไปถึงเวลาเที่ยงคืนแล้ว ความมึนเมาของทุกคนมีแต่จะมากขึ้นเรื่อย ๆ ตาลและบอยเริ่มจะกอดนัวเนียกันมากกว่าเดิมจนแทบไม่สนสายตาใคร โมและแว่นมองเห็นฝ่ามือของบอยป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณทรวงอกของตาลแทบตลอดเวลา อารมณ์ของสองสาวจึงยิ่งมายิ่งร้อนรุ่มตามตาลซึ่งกำลังหน้าแดงก่ำไปด้วยโดยไม่รู้ตัว
โมพ่นลมหายใจร้อนผ่าวออกมาพรืดใหญ่ ภาพเบื้องหน้าทำให้เธอมีอารมณ์มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เธอไม่ทราบว่าจะระบายออกได้อย่างไร เธอได้แต่ก้มหน้ามองดูข้อความบนโทรศัพท์มือถือด้วยความกระวนกระวายใจ ข้อความในนั้นบอกว่าเขาจะตามมาเจอเธอหลังเที่ยงคืน แต่ว่ามองไปมองมาเธอก็ยังไม่เจอคนที่เธออยากเห็นที่สุดในเวลานี้
“อ้าว ไอ้เกลอ มาโผล่ที่นี่ได้ไง มานั่งก่อนมา”
อยู่ดี ๆ บอยก็ยกมือและส่งเสียงโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงค่อนข้างดัง สามสาวร่วมโต๊ะจึงพากันหันไปมองด้วยความสนใจ จากนั้นพวกเธอก็มองเห็นหนุ่มหล่อวัยทำงานอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาหา ชายคนนี้นับว่าหล่อดูดีมีเสน่ห์มากกว่าใคร บรรยากาศของเขาให้ความรู้สึกลึกลับน่าค้นหา อีกทั้งยังกระตุ้นอารมณ์สัญชาตญาณบางอย่างของผู้หญิงได้อย่างง่ายดาย และสัญญาตญาณที่ว่าก็คือสิ่งที่เรียกว่าสัญชาตญาณสืบพันธุ์
แว่นลืมตาโตมองเขาด้วยหัวใจที่เต้นแรง ตาลนั้นโดนเล้าโลมจนมีอารมณ์เต็มที่จึงชำเลืองมองดูชายหนุ่มหน้าใหม่ด้วยแววตาหวานหยาดเยิ้ม ส่วนโมนั้นมองดูผู้มาใหม่ด้วยดวงตาวิบวับเป็นประกายเพราะเขาคือคนที่เธอรอคอยมานานแล้ว แต่จากนั้นเพียงครู่เดียวเธอก็ชำเลืองมองไปทางนายบอยด้วยความสงสัย เธอกำลังสงสัยว่าการที่นายบอยมาจีบตาลเพื่อนของเธอนั้น มันเป็นแค่เพียงเรื่องบังเอิญหรือไม่ และเธอกำลังสงสัยว่าเขาไปรู้จักกับพี่เอกของเธอมากแค่ไหน