ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ความรักของนพ (ภาคต่อของ ราคะ ตัณหา ความใคร่) 3

เริ่มโดย twintower, มีนาคม 01, 2017, 11:07:57 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

twintower

*** ตอนนี้ไม่มีฉากเสียวนะครับ  เพราะเนื้อหาค่อนข้างยาว ครับขอยกไปเป็นตอนหน้าครับ***

ป.ล.แต่งจบแล้วนะครับ  แต่ขอเวลาตรวจทานครับ (อยากเปลี่ยนตอนจบจังเลย)



นพนั้นประชุมทั้งวัน เลยไม่มีเวลาสนใจกับเรื่องในโซเซี่ยลจนกลับบ้าน เจ้าตัวนั้นยุ่งจนลืมไปอย่างว่าวันนี้เพลงไม่ได้โทรมาหาเลย   จนเย็นวันศุกร์ที่อาหารค่ำของครอบครัวเต็มไปด้วยความสุขที่อยู่กันพร้อมหน้า  แต่ทุกคนก็สังเกตเห็นได้ชัดว่านพนั้นดูซึมๆไปพอสมควรยิ่งกว่าตอนปลายปีซะอีก  แต่คุณแม่ไม่มีโอกาสถามลูกชาย จนนพขึ้นไปบนห้อง เพลงก็โทรมาพอดีบอกว่าอยากชวนนพไปทานข้าวเย็นในวันพรุ่งนี้  แต่นพปฏิเสธบอกว่านัดกับเพื่อนสมัยเรียนปริญญาโทไว้แล้ว ทำเอาแอร์โฮสเตสสาวนั้นไม่พอใจอย่างยิ่งแต่ได้ถามไปว่านพจะไปที่ไหน  นพก็บอกไปโดยไม่ปิดปัง  เพลงพยายามทำให้นพรู้ว่าเธอเองนั้นงอนแต่นพที่อารมณ์อยู่ในภาวะซึมเศร้าเลยไม่อยากที่จะพูดอะไรมากนัก จึงคุยกันอีก2-3คำก่อนวางสาย ทำเอาเพลงขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก

จนวันรุ่งขึ้นช่วงค่ำ นพได้เดินทางไปตามที่นัดกับเพื่อนผู้หญิงที่เรียนปริญญาโทมาด้วยกัน ได้พาครอบครัวมาเที่ยวประเทศไทยและคิดถึงนพจึงนัดเจอก่อนจะเดินทางกลับซึ่งเพื่อนคนนี้สนิทกับนพมาก  พอนพไปถึงร้านอาหารพบว่าเพื่อนของนพมาถึงก่อนและนั่งรออยู่คนเดียวทั้งคู่ต่างโอบกอดกัน เพื่อนของนพบอกว่าสามีพาลูกสาวไปเดินเล่นกำลังจะมา ระหว่างที่ทั้งคู่ต่างคุยกันตามประสาเพื่อนที่ไม่เจอกันนาน  สายตาของนพเหลือบมองไปเห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งโดยที่ผู้หญิงนั้นมองมาอยู่พอดี ทันทีที่เห็นหัวใจของนพเหมือนจะหล่นวูบลงไปที่เท้า ความรู้สึกที่หนักอึ้งมันโถมเข้ามาใส่ ผู้หญิงคนนั้นคือฐานั่นเองที่มาพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งที่นพพอจะเดาออกว่าเป็นแฟนของฐา   

นพรีบหลบตาและคุยกับเพื่อนต่อทั้งๆที่ใจนั้นเต้นระรัวโดยพยายามไม่มองไปที่โต๊ะที่อยู่ห่างออกไป    ฝ่ายฐานั้นเห็นนพตั้งแต่เดินเข้าแล้วเธอก็ตกใจเช่นกัน แต่เธอคิดว่านพนั้นนัดเจอกับสาวชาวต่างชาติและท่าทีที่แสดงออกเหมือนกับคู่รักที่มาเจอกัน  เธอพยายามลอบมองไปจนแฟนเธอถามว่าทำไมมองไปทางนั้นบ่อยๆ เธอบอกแต่เพียงว่า เจอพี่ชายของเพื่อนสงสัยมากับแฟนที่เป็นฝรั่ง  ทำให้แฟนของเธอไม่ติดใจ

แต่แล้ววันนี้เป็นวันอะไรที่นพก็บอกไม่ถูกเพราะสายตามองไปตรงประตูทางเข้าเห็นเพลงที่เดินควงแขนผู้ชายเข้ามาทำเอานพครางในใจว่า

"ก้าวขาข้างไหนออกมาจากบ้านวะไอ้นพ"

เพลงนั้นมีเจตนาที่จะประชดนพเลยควงคนที่มาตามจีบเธอมาให้นพเห็นที่ร้านนี้  และก่อนที่เธอจะนั่งเธอก็เห็นนพแล้วว่านั่งคุยกับหญิงต่างชาติอยู่เพียงสองคน   เพลงทำแบบนี้เพื่อทำให้เห็นว่าเธอไม่ง้อนพขนาดมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแล้ว แต่นพนั้นรู้สึกเฉยๆ ที่ปั่นป่วนใจนะเป็นฐามากกว่าแต่นพก็ไม่อยากที่จะมาเจอเพลงในตอนนี้   เพลงรู้สึกสะใจที่เห็นนพแอบมองมาแต่เธอทำไม่สนใจพร้อมนึกว่า

"อย่านึกว่าเพลงจะง้อนะนพ ในเมื่อนพทำแบบนี้เพลงก็ทำได้เหมือนกัน"

แต่ไม่นานนัก ทั้งฐากับเพลงที่ต่างลอบมองไปที่โต๊ะของนพก็เห็นผู้ชายต่างชาติอุ้มเด็กผู้หญิงที่หน้าตาน่ารักเดินมาที่โต๊ะที่นพนั่ง สิ่งที่ทั้งสองเห็นคือ ผู้ชายฝรั่งส่งเด็กน้อยที่อุ้มมาให้ผู้หญิงที่นั่งคุยกับโต๊ะและหันมาจับมือกับนพ  ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะส่งเด็กสาวให้นพอุ้มและเด็กสาวคนนั้นหน้าคล้ายกับผู้หญิงที่นั่งคุยกับนพมาก ทำให้ความรู้สึกของผู้หญิงสองคนนั้นแตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง  ฐานั้นรู้สึกโล่งอกโดยไม่รู้ตัวพร้อมใบหน้าที่เผลอยิ้มจนแฟนเธอถามไปว่ายิ้มอะไรฐาตอบไปพร้อมชี้ให้ดูว่า

"เด็กผู้หญิงฝรั่งน่ารักจังคะ น่ากลัวจะเป็นพ่อกับแม่รู้จักกับพี่ชายของเพื่อนฐา  แต่เด็กน่ารักมากๆ"

แฟนเธอหันไปมองครู่หนึ่งและดูเหมือนไม่สนใจเท่าไหร่  ต่างกับแอร์โฮสเตสสาว ที่รู้ว่าตนเองนั้นเข้าใจผิดและทุกอย่างมันพังทลายลงไปแล้ว  นพมาหาเพื่อนจริงๆไม่ได้โกหกเธอ เพลงถึงกับทำอะไรไม่ถูกกับภาพที่เห็น และก่อนที่เธอจะสติแตกเธอชวนคนมาด้วยกลับทันทีก่อนจะมองไปที่นพที่กำลังเล่นกับเด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่ด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความปวดร้าวโดยนพไม่ได้มองมาที่เธอ    นพนั้นพยามยามที่จะตั้งสติคุยกับเพื่อนและครอบครัวโดยไม่หันไปมองทางฐา  และพบว่าเพลงไม่อยู่แล้ว  จนได้เวลานพได้อำลากับเพื่อนและครอบครัวก่อนขับรถกลับบ้านด้วยความปวดร้าวอย่างมาก   โดยตอนที่ออกมานพไม่มองไปตรงที่ฐานั่งเลยไม่รู้ว่าหญิงสาวกับแฟนกลับไปหรือยัง

พอขับรถถึงบ้านหลังจากจอดรถ และปรามไม่ให้เจ้าฮักกี้ที่อยู่ในกรงส่งเสียง นพเดินเข้าไปในบ้านและพบว่าทั้งพ่อและคุณแม่ยังนั่งดูทีวีอยู่  ซึ่งนพไม่แปลกใจเพราะเป็นแบบนี้เกือบทุกครั้งที่คุณแม่จะมารอนพแต่คราวนี้พ่ออยู่เป็นเพื่อนด้วย  นพถามถึงน้องสาวพ่อบอกว่าขึ้นไปนอนนานแล้ว ชายหนุ่มเดินเข้ามานั่งใกล้ๆคุณแม่และนอนหนุนตักทันทีโดยไม่พูดอะไร  ผู้เป็นแม่ที่เอามือลูบหัวลูกชายแล้วถามว่า

"เป็นไงลูก เจอเพื่อนแล้วเป็นไงบ้าง"

ชายหนุ่มเล่าให้ฟังเฉพาะเรื่องที่เจอเพื่อนก่อนส่งโทรศัพท์ที่ตนเองถ่ายรูปลูกสาวเพื่อนไว้ให้ดู พร้อมบอกว่าเพื่อนตนเองแต่งงานกับคนฝรั่งเศสและได้ย้ายไปใช้ชีวิตกับสามีในฝรั่งเศสทำเอาผู้เป็นแม่ชมไม่หยุดว่าลูกสาวของเพื่อน นพนั้นน่ารักส่วนพ่อพอเห็นบุตรชายนอนหนุนตักภรรยาจึงเอ่ยขึ้นว่า

"ถ้าอ้อนแบบนี้ต้องมีเรื่องคุยกับคุณแม่แน่นอนงั้น พ่อขึ้นไปก่อนละกันปล่อยให้คุณนพคุยกับคุณแม่ตามลำพังจะดีที่สุดนะ"

ชายหนุ่มยิ้มให้ผู้เป็นพ่อที่ลุกขึ้นออกจากห้อง ฝ่ายผู้เป็นเป็นแม่จึงถามลูกชายว่า

"คุณนพไม่สบายใจเรื่องอะไรหรือเปล่า  หลายวันนี่คุณนพดูซึมไปกว่าครั้งก่อนนะลูก  พ่อยังทักเลย"

นพถอนหายใจเบาๆก่อนบอกว่า

"คุณแม่ว่าการที่เราจะตั้งความหวังอะไรไว้สูงๆแล้วคิดไปเองว่ามันต้องเป็นแบบที่เราคิด  แต่พอมันไม่ใช่อย่างที่เราคิด อย่างที่เราต้องการ อย่างที่เราหวังไว้ มันจะทำให้เราผิดหวังได้ขนาดไหนครับคุณแม่"

ผู้เป็นแม่ยิ้มอย่างปราณีให้กับลูกชายถึงไม่ใช่ลูกแท้ๆ  แต่เธอก็รักยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจตอบไปว่า

"ก็ขึ้นอยู่เรานะสิคุณนพ ว่าเรื่องนั้นมันคือเรื่องอะไร แต่คุณแม่ก็เคยบอกไว้ไม่หรือลูกถ้าเราไม่ตั้งความหวังไว้สูงเราก็จะได้ไม่ต้องผิดหวังมากนัก ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่เราคิดไปเองโดยไม่หาข้อมูลอะไรเข้ามาก่อน มันก็ไม่น่าจะทำให้เราผิดหวังมากนัก"

"แล้วถ้าเราผิดหวังมากๆ  ทั้งๆที่เราไม่หาข้อมูลอะไรเลยละครับคุณแม่"

"ก็นั่นอีกแหละลูก เราก็ต้องหาเหตุผลซะก่อนว่าอะไรทำไมเราถึงไปคาดหวังสูง"

นพพึมพำเหมือนกับพูดคนเดียวว่า

"นั่นสินะเพราะความคาดหวังไว้สูงเพราะความไม่รู้"

ผู้เป็นแม่ที่กำลังอามือลูบผมลูกชายอยู่ถามต่อไปว่า

"คุณนพไปคาดหวังอะไรหรือเปล่าลูก  แต่พอไม่ใช่มันทำให้คุณนพเป็นแบบนี้"

"บอกไม่ถูกครับคุณแม่ แต่พอได้รู้อะไรนพคงทำใจครับเพราะมันเข้าไปแก้อะไรไม่ได้ ก็ต้องปล่อยไปครับ ถึงยังไงนพก็มีคุณแม่มีพ่อมีพี่มีน้องอยู่   เรื่องอื่นๆมันอาจทำให้นพเศร้าใจแต่คงไม่นานเพราะนพมีครอบครัวที่เข้มแข็งที่น่ารักครับ"

ผู้แม่ถึงกับยิ้มที่ลูกชายบอกแบบนี้แต่ไม่วายถามต่อไปด้วยความสงสัยว่า

"คุณนพพอจะบอกคุณแม่ได้ไหมลูก ว่าเรื่องอะไร"

นพนิ่งไปนิดก่อนจะร้องเพลงเก่า ที่ตัวเองได้ยินติดหูตั้งแต่วัยเยาว์ออกมาให้ผู้เป็นแม่ฟัง

"เอวองค์ขนงนาง แม้นปรางดวงเนตรเทวี ล้วนเฉิดฉวียิ่งล้ำคำชม หาไหนไม่ปาน
เทวีวิมานไม่สม งามเกินคำชม ก็คือโฉมละเวง ใคร ๆ แม้นไกล
เกินได้เลยขอบนภา ต้องจิตติดตาภาพของนางเอง พิษรักปักทรวง แม้ภัยทิศใดไม่เกรง
หลงโฉมละเวง สู่ทิศที่อยู่ทรามชม
ดวงใจให้รัญจวน ปั่นป่วนเมื่อมองเห็นนาง
นวลปรางใดจึงสม เพียงมองภาพล้ำลาวัณย์ ดวงจันทร์อับแสงมัวลง
หรือคงเกรงจะได้อาย ยามมองเห็นปราง นวลนางเพียงภาพยังชวน
ฝันใฝ่ให้หวนครวญถึงมิคลาย หลงโฉมภาพนาง ละเวงมิเกรงอื่นใด ฝันถึงดวงใจ ไฉนจะได้ชมเอย"


ผู้เป็นแม่ฟังเพลง "หลงรูปละเวง"ที่ลูกรักร้องออกมา  เพลงนี้สินะที่เธอไม่ได้ยินนานแล้วเมื่อก่อนเธอชอบที่จะเปิดเพลงเก่าๆฟังที่ร้านเพชร  ทำไมมันจะไม่ซึมซับเข้าไปในความทรงจำของนพ ที่เธอรู้ดีว่านพนั้นเป็นคนที่ละเอียดอ่อนในเรื่องนี้ และเหมือนแม่แท้ๆของนพที่เคยเป็นนักร้องของวงดนตรีมหาวิทยาลัยมาก่อน  มันอาจจะถ่ายทอดมาทางสายเลือดโดยที่นพไม่รู้ตัว เรื่องพวกนี้นพต่างกับพี่ชายที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้   เท่ากับว่าสิ่งที่นพกำลังถ่ายทอดออกมานั้นมันมาจากความสะเทือนใจที่อยู่ภายในหัวใจของลูกชาย เธอไม่เคยเห็นลูกรักเป็นแบบนี้มาก่อน แต่ก็พอจะเบาใจได้จากคำพูดของนพที่พูดจบหลังจากร้องเพลงนี้

"ก็ คงจะเป็นแบบเพลงนี้ครับคุณแม่ เหมือนพระอภัยหลงรูปนางละเวงมั้งครับ แต่ครั้งนี้นางละเวงไม่ได้ใส่มนต์คาถาหรือให้ปีศาจเข้ามาสิงสู่ แต่มันคงเป็นการหลงแค่ชั่วขณะครับคุณแม่ นพโตพอที่จะรู้อะไรเป็นอะไรแล้วครับคุณแม่"

เมื่อลูกรักตอบมาแบบนี้เธอก็ไม่ถามอะไรต่อก่อนที่นพจะประคองผู้เป็นแม่ขึ้นไปนอน  พอผู้เป็นแม่เข้าไปในห้องนอน พ่อที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง ได้ถอดแว่นแล้วถามภรรยาที่มานั่งตรงริมเตียงว่า

"คุณนพอ้อนจะเอาอะไรจากคุณแม่อีกละ"

"มีปัญหาหัวใจคะ  ไม่รู้ไปหลงชอบใครเข้าให้  ลูกไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แต่เจ้าตัวบอกว่าจะพยายามทำใจ  เราเลยได้แต่ฟัง  เรื่องแบบนี้คงต้องปล่อยให้เจ้าตัวคิดเองนะคะ เราเข้าไปก้าวก่ายไม่ได้"

"อืมมีปัญหาหัวใจแปลกดีเหมือนกัน เพราะที่ผ่านมา นพไม่เคยสนใจใครอย่างจริงจังแต่ก็อย่างที่คุณบอก เราก็ได้แต่ฟังไม่ก็ให้คำปรึกษาในฐานะพ่อกับแม่ แต่ผมก็คิดว่าลูกเราแยกแยะออกแน่นอน  คุณแม่ออกจะดูแลอบรมมาอย่างดี ไม่งั้นคุณนพไม่มีวันที่จะมีวันนี้หรอก"

เธอฟังแล้วยิ้มรับทั้งๆที่ใจจริงก็ออกจะวิตกแทนลูกชายไม่ได้พร้อมกับความคิดที่ว่า

"ใครนะ ทำให้คุณนพเป็นแบบนี้"

ฝ่ายนพหลังจากเข้าห้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและพบว่า  เพลงนั้นส่งข้อความมาว่า

"นพคะเพลงขอโทษ เพลงเสียใจ  เพลงขาดสติคะนพ"

ชายหนุ่มอ่านด้วยความรู้สึกที่เฉยเมยแล้วปิดโทรศัพท์พร้อมโยนไปบนเตียงก่อนเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน หยิบเอาตุ๊กตาคุมะที่ตั้งข้างๆจอคอมขึ้นมาแล้วบอกว่า

"อยู่ที่นี่ถาวรเลยนะไม่ต้องไปไหนแล้ว"

ตุ๊กตาคุมะ นพตั้งใจจะซื้อมาฝากฐาเพราะเห็นว่าฐาโพสไปที่เฟสบุ๊กของตูนว่าอย่าลืมของฝากเมื่อครั้งไปเที่ยวที่ญี่ปุ่น ตอนที่นพซื้อมาก็ไม่มีใครถามว่านพซื้อมาทำไมหรือซื้อให้ใครนพวางตุ๊กตาลง แล้วมองไปที่กรอบรูปบนโต๊ะ ที่มีรูปผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยิ้ม นพมองไปที่รูปแล้วพึมพำว่า

"แม่ครับ แบบนี้เรียกว่านพอกหักใช่ไหมครับ ถ้าแม่ยังอยู่แม่ก็คงเหมือนกับคุณแม่ที่ต้องมานั่งปลอบใจนพมานั่งให้คำปรึกษานพแบบเมื้อกี้นี้สิครับ"

รูปถ่ายของผู้เป็นแม่ที่ล่วงลับนั้นเหมือนยิ้มปลอบใจมายังลูกชาย ที่หัวใจกำลังตกอยู่ในความเศร้าหมอง  โดยที่นพไม่รู้ว่า ในคืนนั้นเพลงกลับไปถึงบ้านเธอร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจอย่างมาก ยิ่งวันรุ่งขึ้นเธอเห็นในเฟสบุ๊กของนพ เพื่อนของนพได้แท็กรูปนพอุ้มเด็กน้อยที่เธอเห็นพร้อมข้อความที่เป็นภาษาเยอรมัน พอใช้ google แปลเป็นภาษาอังกฤษพอจะแปลได้ว่า ครอบครัวของเพื่อนนพดีใจมากที่มาเจอนพก่อนจะอำลาและอวยพรนพด้วยภาพนี้ เธอแทบใจสลายกับการกระทำที่ผิดพลาดของเธอ ซึ่งนพตอบกลับเพื่อนไปด้วยภาษาเยอรมันโดยอวยพรให้เดินทางปลอดภัย  เพลงนั้นยังไม่รู้จะหาวิธีไหนคุยกับนพเพื่อขอโทษกับสิ่งทีเกิดขึ้น เธอได้แต่ส่งขอความไปขอโทษและนพไม่ตอบกลับมา

ฐานั้นเธออยู่จนนพกลับ  โดยเดาว่าชายหนุ่มไม่ยอมหันมามองที่เธอ เธอมองตามจนนพเดินออกจากประตู พร้อมด้วยความรู้สึกที่หม่นหมองทั้งๆฐาพยายามฝืนหน้าให้ดูปกติ   และตลอดทางที่กลับบ้านฐานั้นไม่ได้คุยอะไรกับแฟนหนุ่มที่ขับรถมาส่ง  พอเข้าไปในห้องนอนเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปิดไปที่เบอร์ของนพ แต่ฐาก็ได้แต่มองไม่กล้าโทรไปหาและเธอนั้นก็เห็นในเฟซบุ๊กของนพอย่างเดียวกับที่เพลงเห็น ซึ่งความเข้าใจของเธอนั้นถูกต้องว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนของนพ   จนนพกลับไปทำงาน ซึ่งถือได้ว่าเป็นช่วงที่หนักของนพ ทั้งงานทั้งหัวใจ ทำให้นพไม่มีความเคลื่อนไหวในโซเซี่ยลเลยเพราะนพกว่าจะเลิกงานก็อย่างน้อย 2 ทุ่มไปแล้ว 

ฝายเพลงนั้นก็ดูเหมือนจะไม่มาวอแวกับนพตั้งแต่วันนั้น  เธอนั้นยังหาวิธีที่จะคุยกับนพไม่ได้   ส่วนฐานั้นถึงจะลงภาพอยู่ทุกวันแต่นพยังกดไลท์ให้แต่ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงค่ำๆ   จนวันพุธ ฐาเห็นเพื่อนเธอโพสภาพอาหารหลายอย่างพร้อมแท็กไปหาพี่ชาย  ประกอบคำบรรยายว่า

"วันนี้พี่ต้นพี่ใจมาทานข้าวด้วยพี่ใจกับแม่ทำกับข้าว  มีทอดมัน,กุ้งทอดกระเทียม,แกงเขียวหวานไก่,ผัดผักรวม โพสยั่วคนไกล"

นพตอบมาทันที

"ได้ไงนี่"

"5555 อิจฉาดิ"

สักพักนพโพสรูปอาหารที่ตัวเองทานเป็นข้าวกับไข่เจียวพร้อมข้อความ

"แถวโรงงานมีแต่กับข้าวเผ็ดๆ กินได้แต่ไข่เจียวเป็นมื้อเย็น"

"โถลูกรักคุณแม่  น่าสงสารที่สุด"

คนอื่นอาจจะขำกับภาพที่พี่น้องแหย่กัน  แต่ทำเอาเธอที่กำลังทานมื้อค่ำอยู่นั้นฝืดคอทันที ขณะที่เธอกำลังลิ้มรสอาหารสุดหรูแต่ใครคนหนึ่งต้องมากินข้าวกับไข่เจียว ทั้งๆที่เป็นลูกคนใหญ่คนโตแต่ต้องมากินแบบนี้เพราะอะไร แต่เธอก็เข้าไปกดไลท์พร้อมพิมพ์ข้อความไปว่า

"น่าทานจังตูนเห็นแล้วหิว"

"มาสิ ตัวเองจะมาวันไหนละจะได้บอกแม่ให้ทำไว้ให้"

ฐายังไม่ทันตอบตูนได้โทรมาหาเพื่อนพร้อมชวนไปทานข้าวที่บ้านวันศุกร์นี้   ฐานั้นยังสองจิตสองใจอยู่  แต่ก็ทนอ้อนวอนเพื่อนไม่ได้และใจหนึ่งอยากไปเจอหน้านพเลยตอบตกลงจนเกือบ 3ทุ่มระหว่างที่เธอตรวจเอกสารอยู่ เธอเปิดคอมแล้วเข้าไปที่เฟสบุ๊ก ก็เห็นภาพของนพปรากฏบนเฟส  เป็นภาพที่หมอแววแท็กเข้ามา ในภาพนพนั้นกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานที่มีจอคอมอยู่ 3 จอวิทยุสื่อสาร 1 เครื่อง แก้วกาแฟ นพนั้นสวมอยู่แจ็กเก็ตด้วย มือขวากำลังจับเมาส์ มือซ้ายเท้าแก้มอยู่ หมอแววนั้นโพสข้อความว่า

"ชงชาร้อนอังกฤษมาให้นักเรียนเยอรมันก่อนกลับบ้านค่า  คืนนี้ทีมวิศวะคงดึกแน่นอน เอาใจช่วยนะคะ และภาพนี้แอบถ่ายตอนเผลอแต่ขออนุญาตเจ้าตัวแล้วนะคะโพสได้ #แอร์หนาวมาก #โฉมหน้าตากล้องทริปเรียนดำน้ำค่า"

แต่ฐานั้นดูว่าสีหน้านพนั้นเซียวๆ เธอกำลังคิดว่จะกดไลท์ดีหรือไม่  แต่เพื่อนเธอก็เข้ามาทักทันที

"พี่นพคืนนี้เลิกกี่ทุ่มอะ  แม่ฝากมาถาม โทรไปไม่รับสาย"

นพตอบกลับมา

"พักใหญ่นะ  บอกคุณแม่ไม่ต้องห่วง"

"ขับรถดีๆนะพี่"

"จ้า"

ฐาเผลอเอามือไปลูบหน้าของนพบนหน้าจอก่อนตัดสินใจกดไลท์ให้โดยไม่สนใจข้อความที่เพื่อนของหมอแววกับเพื่อนของนพที่โพสเข้ามาก่อนจะตั้งสมาธิกลับไปตรวจเอกสารต่อ   จนช่วงเย็นวันศุกร์ฐาได้ไปที่บ้านตามคำเชิญของเพื่อน ทั้งคู่ต่างพูดคุยกัน ส่วนผู้เป็นแม่นั้นดูแลการทำอาหารอยู่โดยให้คนขับรถไปรับลูกชายที่สนามบิน จนมีรถเลี้ยวเข้ามา ตูนชะโงกหน้าดูแล้วพึมพำว่า 

"คนไกลมาถึงก่อนคนใกล้แฮะ"

พร้อมๆกับผู้เป็นแม่ที่เดินออกมาเมื่อได้ยินเสียงรถ ทุกคนเห็นนพที่เดินมาโดยมีคนขับรถถือกระเป๋าโน๊ตบุ๊กกับไอแพ่ดตามมาติดๆ  ทำเอาคุณแม่สงสัยทันทีเพราะปกติลูกชายจะถือเองตลอด  นพเดินเข้าบ้านโดยไม่สนเสียงเห่าทักของสุนัขทั้งสองตัว พอเดินเข้ามาทุกคนเห็นได้ชัดว่าใบหน้านพนั้นแดงกล่ำ ก่อนที่จะเอ่ยออกมาด้วยเสียงอันแหบทำเอาทุกคนในบ้านตกใจว่า

"นพไม่กอดคุณแม่นะครับ  เดี๋ยวติดหวัดจากนพ  นพขอขึ้นไปนอนก่อนนะครับ"

ชายหนุ่มพูดจบก็เดินไปทันทีแต่สายตานั้นสบกับตากับฐาเพียงชั่วขณะก่อนเดินออกจากห้องไปขึ้นบันได ทำเอาผู้เป็นแม่ยืนทำอะไรไม่ถูกชั่วขณะที่เห็นอาการของลูกชายพอดีกับคนขับรถเดินเข้ามาเธอจึงถามทันทีว่า

"โชติคุณนพเป็นไงมั่ง"

"แกบอกปวดหัวครับ  ผมก็ตกใจที่เสียงแกเป็นแบบนั้น ระหว่างทางแกหลับอย่างเดียวครับมาตื่นก่อนถึงบ้าน"

คุณแม่ยื่นมือไปรับกระเป๋าโน๊ตบุ๊กกับไอแพ่ดพร้อมอนุญาตให้คนขับกลับได้ก่อนหันมาบอกตูนที่ยืนมองตามพี่ชายไปว่า

"ตูนอยู่กับฐาก่อนนะลูกเผื่อพ่อกับพี่ต้นมา แม่จะขึ้นไปดูคุณนพก่อน"

เธอพูดจบแล้วเดินออกไปนอกห้องก่อนส่งเสียงเรียกแม่บ้านให้เอากระติกน้ำร้อนตามขึ้นไปให้ที่ห้องลูกชาย ทำเอาสองสาวมองหน้ากันเพราะทำอะไรไม่ถูก ได้คุยกันถึงเรื่องอาการของนพ ผ่านไปครู่ใหญ่พี่ชายกับพี่สะใภ้มาถึงตามด้วยผู้เป็นพ่อ ซึ่งตูนได้แนะนำให้ทั้งสามคนรู้จักกับฐาพอทุกคนถามถึงผู้เป็นแม่ ตูนต้องอธิบายว่าแม่ขึ้นไปดูอาการพี่ชายที่อาการไม่ค่อยดีแต่ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น ฐานั้นพอได้ยินชื่อที่เพื่อนเธอเรียกทำเอาใจหวิวๆไปเหมือนกัน

"คะพี่แวว คะพึ่งมาถึง  แล้วขึ้นไปนอนเลยคะ"

แล้วทุกคนก็ฟังการพูดของตูนกับหมอแววซึ่งเกี่ยวกับนพ จนตูนมีสีหน้าที่ดีขึ้นก่อนกล่าวขอบคุณหมอแววแล้ววางสาย ตูนหันไปหาพ่อแล้วบอกว่า

"พี่แววโทรมาบอกนะคะว่าพี่นพ เป็นหวัดลงคอไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่ วันนี้ช่วงบ่ายพี่แววพาพี่นพไปตรวจที่โรงพยาบาลและเจาะเลือดด้วยดูจากผลเจาะเลือดแล้วไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่พี่แววโทรมาบอกผลเจาะเลือดนะคะ  พี่แววจัดยามาให้พร้อมขับรถมาส่งที่สนามบินคะ แถมฝากบอกพี่นพด้วยว่า พี่แววแจ้งไปทางที่ทำงานแล้วให้พี่นพหยุด  ต่ออีก2วันคะ"

พ่อนั้นถอนหายใจออกมาก่อนถามว่าแม่ขึ้นไปนานแล้วหรือยัง  ตูนบอกว่าพักใหญ่แล้วพร้อมกับน้าปานที่เป็นแม่บ้าน พอฟังลูกสาวรายงานจบก็หันไปบอกลูกชายว่า

"ต้นขึ้นไปตามแม่ลงทานข้าวเถอะ  ไม่น่าจะมีอะไรแล้ว แล้วใจไปบอกให้เด็กๆตั้งโต๊ะได้แล้ววันนี้มีแขกด้วยนะ"

"คะคุณพ่อ  แล้วคุณพ่อไม่ขึ้นไปดูนพก่อนหรือคะ"

ลูกสะใภ้ถามขึ้นมา ทำเอานายตำรวจใหญ่หัวเราะก่อนบอกว่า

"ไว้ก่อน ขึ้นไปตอนนี้ก็โดนเอ็ดตะโร จะช่วยทำอะไรก็ไม่ถูกใจขนาดยืนเฉยๆก็บอกว่าเกะกะ  เวลา 3 คนนี้ไม่สบายตั้งแต่เด็กๆแล้ว แม่เค้าจัดการกับปาน 2 คน พ่อต้องรอให้จัดการเรียบร้อยก่อนถึงเข้าไปดูได้ ปล่อยให้คุณแม่จัดการเหอะ แค่หวัดลงคอ ไปฐาเชิญลูกไปทานข้าวกันก่อน"

ประโยคท้ายหันไปเชิญลูกสาวเพื่อน  แต่ตูนก็ตะโกนบอกพี่ชายไปว่า

"พี่ต้นเอายาพี่นพมาให้ตูนดูด้วยนะ"

พี่ชายหันมาพยักหน้าก่อนขึ้นบันไดไปข้างบนส่วนที่เหลือต่างเดินตามเจ้าบ้านไปที่ห้องอาหาร  ฐานั้นนั่งข้างๆตูน อาหารบนโต๊ะตั้งเรียบร้อยร้อยรอแต่ผู้เป็นแม่กับลูกชายคนโต ไม่นานนั้นลูกชายคนโดก็เดินมากับผู้เป็นแม่  ใจได้บอกให้เด็กรับใช้ตักข้าว ต้นส่งถุงใส่ยาให้น้องสาว ตูนรับมาดูก่อนส่งให้เพื่อนที่จบเภสัชช่วยดู  พ่อได้ถามไปยังแม่ว่า

"ลูกเป็นไงบ้างคุณ"

"บอกว่า ปวดหัวกับเจ็บคอนะคะ เอาปรอทวัดตอนแรก 38 กว่า เลยเช็ดตัวแล้วเอาเจลลดไข้ไปวางบนหน้าผากก่อนลงมาวัดอีกทีลดไปเหลือ37กว่าๆเกือบ 38 คะ ดูเหมือนจะหลับไปแล้ว เปิดพัดลมให้คะไม่ให้เปิดแอร์ สั่งปานให้ต้มข้าวต้มให้แล้ว ดึกๆค่อยปลุกมากิน  ถ้าไม่ดีขึ้นก็ส่งโรงพยาบาลคะ"

พี่ชายคนโตได้พูดขึ้นเพื่อระงับความกังวลของแม่ที่มีต่อน้องชายว่า

"แต่ต้นไปจับตัวน้องก็อุ่นขึ้นนะครับแม่  เหงื่อก็เริ่มออกแล้ว"

ลูกสาวที่กำลังดูยากับเพื่อนบอกขึ้นมาว่า

"พี่แววโทรมาบอกแล้วคะแม่  พี่นพเป็นหวัดลงคอ พาไปตรวจที่โรงพยาบาลมาเรียบร้อยแล้ว  จัดยาอย่างดีมาให้เลยคะ ตูนดูกับฐาแล้วมีทั้งยาลดไข้ ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบคะ  พี่แววพาไปตอนช่วงบ่ายๆและขับรถมาส่งที่สนามบินด้วย โทรมาหาตูนเมื่อกี้นี้เองคะถามว่าพี่นพนะถึงบ้านหรือยัง"

ผู้เป็นแม่พยักหน้ารับทราบแต่ผู้เป็นพ่อถามว่า ลูกชายเป็นหวัดได้ยังไง เพราะนพก็ดูแข็งแรงดี ตูนบอกว่า

"อาทิตย์ที่ผ่านมาพี่นพงานเยอะคะพ่อ  เลยพักผ่อนน้อย วันก่อนตูนโทรไป 2 ทุ่มกว่ายังทำงานอยู่อีกวันคุณแม่โทรไป 3ทุ่มกำลังขับรถกลับห้อง  วานซืนก็ดูเหมือนเลิกเกือบ 5 ทุ่ม  เมื่อคืนตูนเฟซไทม์ไปคุยด้วยตอน 3 ทุ่มก็ยังทำงานอยู่แต่เมื่อคืนพี่นพก็เริ่มไอแล้วคะ พี่แววบอกว่ามีฝนด้วยคะ  พี่นพเจอทั้งฝนทั้งพักผ่อนน้อยเลยเป็นหวัดคะ"

"แม่เห็นแล้วละ ยาที่ต้นเอาลงมานะ แล้วหมอแววบอกว่าเป็นหวัดลงคออย่างเดียวแน่นะตูน"

ผู้เป็นแม่ที่ดูวิตกมากถามออกมาพร้อมด้วยความคิดที่ว่า


"ไข้กายนะไม่เท่าไหร่แต่ถ้ามีไข้ใจบวกเข้ามาด้วย คุณนพจะเป็นยังไงต่อไปนี่สิ"

ตูนได้ตอบแม่มาว่า

"คะแม่  พี่แววเจาะเลือดตรวจดูแล้วคะ  ไม่มีเชื้อไข้หวัดใหญ่"

ต้นทำหน้าสงสัยแล้วรีบถามน้องสาวที่นั่งตรงข้ามทันทีว่า

"นพยอมให้เจาะเลือดหรือนี่"

ตูนหัวเราะออกมาก่อนบอกว่า

"ค่ะ ตอนแรกพี่แววจะให้ฉีดยาด้วยแต่เห็นสีหน้าตอนเจาะเลือดเลยไม่ฉีดให้  ให้ยามากินอย่างเดียว ต้องบังคับนะคะถึงยอมให้เจาะเลือด  พี่แววยังถามเลยว่าพี่นพกลัวเข็มใช่ไหม"

"หานพนี่นะกลัวเข็ม"

พี่สะใภ้ถามต่อทันที  แล้วผู้เป็นแม่บอกมาด้วยสีหน้าที่มีความวิตกเมื่อย้อนไปถึงตอนที่นพเด็กๆว่า

"คุณนพกลัวเข็มตั้งแต่เด็กๆแล้ว ตอนนี้ค่อยยังชั่วหน่อย  เมื่อก่อนตอนเด็กๆไม่สบายพาไปหมอทีไรเหนื่อยทุกที  อย่างตูนนี่แม่พาไปคนเดียวก็จบ  แต่คุณนพนี้ต้อง 2 คน ถ้าไม่ฉีดยาไม่เป็นไรแต่ถ้าฉีดยานี่คนนึงต้องอุ้มต้องคอยปลอบอีกคนขับรถ  ฉีดยาทีร้องไห้ลั่นโรงพยาบาล และร้องไม่หยุดนะ   เค้าร้องเหมือนคนที่กลัวมากๆนะ  ฉีดยาเสร็จต้องอุ้มต้องกอดตลอด คนอื่นเค้าก็ไม่เอานะ ขนาดพ่อยังไม่ยอมให้อุ้ม  มีแม่กับปานเท่านั้นที่ยอมให้อุ้ม  ร้องมาถึงบ้านจนหลับไปนั่นแหละ อ้อมียายของคุณนพอีกคนที่เจ้าตัวยอมให้อุ้ม  ยายเค้าเคยขึ้นมาเยี่ยมพอดีตอนนั้นคุณนพไม่สบายพาไปหาหมอต้องฉีดยา  พอกลับมาบ้านยายเค้าเข้าไปโอ๋คุณนพยอมให้อุ้มน่าแปลกดีเหมือนกัน แต่ร้องไม่หยุด   วันนั้นทำเอาแม่ร้องไปด้วย สงสารเค้านะเลยทำอะไรไม่ถูกปลอบยังไงก็ไม่หยุดร้อง   ยายเค้าเลยบอกให้ไปจุดธูปบอกแม่เค้านะว่าลูกไม่สบายช่วยมาดูด้วย มันก็ได้ผลนะ คุณนพเงียบไปเลยหลับสนิทคาอ้อมกอดยายเค้า"

ต้นเสริมขึ้นทันทีโดยหันไปบอกภรรยาว่า

"บางทีก็ทำเอาต้นโดนตีไปด้วยนะ  พอเค้าตื่นเราก็ไปแหย่ ทำท่าจะจับตรงที่เค้าโดนฉีดยา เท่านั้นแหละร้องลั่นบ้านเลยวิ่งหาแม่อย่างเดียว  ไม่ก็น้าปาน น้ำหูน้ำตาไหลไม่หยุด พี่ชายเลยโดนซะ"

ทำเอาผู้เป็นแม่สีหน้าดีขึ้นและเสริมว่า

"นี่ก็ชอบแหย่ให้ร้อง  รู้ว่าน้องกลัวก็แหย่  แต่ดีที่โตขึ้นมาดีขึ้นที่ไม่แสดงอาการมากนัก แต่ก็เลี่ยงที่จะฉีดยาตลอด"

ฐาที่นั่งฟังตลอดถามขึ้นมาว่า

"แล้วพอจะรู้สาเหตุหรือเปล่าคะว่าทำไม พี่เค้าถึงกลัว"

คราวนี้พ่อเป็นฝ่ายตอบมาว่า

"เคยไปปรึกษาหมอนะ  หมอบอกว่าอาจจะมีอะไรบางอย่างที่อยู่ในความทรงจำส่วนลึกของเค้า พ่อเลยเดาว่ามันคงเกิดตอนที่แม่เค้าพาไปหาหมอแล้วรถชนนะ  เพราะตัวนพมีเศษกระจกอยู่บนตัวแต่โชคดีเหมือนมีปาฏิหาริย์  นพไม่เป็นอะไรเลย มันอาจฝังใจเค้าโดยไม่รู้ตัวที่มีอะไรแหลมๆคมๆมาอยู่บนตัว  พ่อเคยถามเค้านะฐาเค้าก็บอกว่าจำไม่ได้ แต่คิดว่าเป็นเรื่องนี้ "

"เหมือนกับว่าพี่นพตอนเล็กๆเลี้ยงยากหรือคะแม่"

ฐาถามไปยังผู้เป็นแม่ ซึ่งเธอยิ้มออกมาแล้วตอบเพื่อนของลูกสาวว่า


"ไม่จ๊ะคุณนพเลี้ยงง่าย  ตูนยังเลี้ยงยากว่า คุณนพจะมีแค่ตอนฉีดยากับเรื่องใจร้อนโมโหง่ายนะ"


ฐานั้นทำหน้าสงสัยทันทีเพราะคำพูดของแม่มันค้านกับบุคลิกของนพแล้วคุณแม่ของนพอธิบายต่อมาว่า

"คุณนพนะใจร้อนทั้งพ่อกับแม่รู้ดี  แต่ไม่พูดออกมา  เรากลัวเค้าจะเป็นคนก้าวร้าวแม่เลยต้องดูแลใกล้ชิดจนคนภายนอกดูว่าคุณนพนะเป็นคนขี้อาย พูดน้อย ยิ้มอย่างเดียว  ต้องให้มาเห็นตอนเวลาโมโหนะ       อะไรอยู่ใกล้มือเขวี้ยงได้เขวี้ยงเลย ตอนเด็กๆโดนตีไม่รู้กี่ครั้งเรื่องเขวี้ยงของนี่ แม่ต้องตีไปสอนไปจนทำให้เป็นคนระงับอารมณ์ได้"

พ่อเลยเสริมมาต่อว่า

"พ่อก็ช่วยแม่เค้าอีกทาง สอนให้นพถ่ายรูปด้วย  เพราะบางภาพกว่าจะได้มามันต้องใช้ความอดทนใช้เวลาเค้าจะได้ลดความใจร้อนลง มันก็ได้ผลดีนะ พ่อเริ่มสอนเค้าตั้งแต่อยู่ ป.6 ได้ ซื้อกล้องธรรมดาให้เค้าก่อนค่อยๆหัด จนเค้าเรียนรู้และเริ่มลดความใจร้อนลงบางทียอมเสียเวลาไป2-3ช.ม.กว่าจะได้ภาพสวยๆออกมา  พ่อยังเคยไปนั่นตากแดดรอกับเค้าเลย"

"งั้นแปลว่า พ่อต้องถ่ายรูปเก่งแน่นอน"

ฐาเป็นถามขึ้นมา


"มืออาชีพเลยละ  ภาพที่ติดอยู่ในบ้านส่วนใหญ่ฝีมือพ่อนะ  มาตอนหลังๆนี่เป็นฝีมือนพ  นพรับจากพ่อในเรื่องนี้มาเต็มๆ"

ต้นเป็นคนตอบแทนผู้เป็นพ่อทำให้หัวข้อการสนทนาบนโต๊ะกินข้าว  กลายเป็นเรื่องของลูกชายคนกลางไปตลอดโดยที่ฐานั้นไม่รู้ว่าถูกลอบมองจาก สะใภ้ของบ้านนี้ตลอด    ใจบอกกับตนเองว่าฐานั้นเป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีจริงๆ  เพราะตอนที่ตูนรับปริญญาเธอนั้นจำไม่ได้ว่าฐาคนไหน แต่สิ่งที่สะดุดตาของเธอในวันนี้คือ  อาการของฐานั้นดูจะห่วงนพมากกว่าคนที่รู้จักกันธรรมดา แล้วการสนทนาก็เปลี่ยนไปคุยกับแขกของบ้านเพราะพ่อบอกว่า พอจะจำฐาได้ ทุกคนต่างสอบถามเธอเรื่องของงาน ซึ่งเธอก็ตอบไปตามจริง จนเธอไปสังเกตเห็น นาฬิกาข้อมือของต้นกับใจ ที่เป็นแบบเดียวกันแต่ต่างกันตรงขนาด เธอเลยทักออกไปว่าสวย  ทำเอาต้นหัวเราะไม่หยุด จนเธอสงสัยว่าหัวเราะอะไร ต้นเลยบอกว่า

"มันมีที่มานะฐา  ต้องให้แม่เล่า"

ใจเสริมต่อว่า

"ฐาจำได้หรือเปล่า  ที่ไม่นานมานี้พี่กับน้องเค้าล้งเล้งกันผ่านเฟซเรื่องหมาแล้ววกมาเรื่องกล้องกับนาฬิกานะ"


"อ้อคะนึกออกแล้ว  ทำไมหรือคะ"


เพื่อนเธอนั่งกินข้าวโดยไม่สนใจแต่แม่หัวเราะออกมาแล้วเล่าให้ฟังว่า

"คือแบบนี้ลูก  ตอนไปญี่ปุ่นคุณนพเค้าไปซื้อนาฬิกาที่จะเอาไปใช้ตอนดำน้ำ แล้วไปชอบอีกเรือนหนึ่งเลยจะซื้อฝากพ่อเค้าคุณนพเลือกไปแล้วละ  ทีนี้มันเป็นนาฬิกาที่เค้าทำมาให้เหมือนกัน แบบผู้ชายเรือนผู้หญิงเรือน       ตูนเค้าไปเจออีกเรือนหนึ่งและอยากได้ เลยบอกพี่ชายให้ซื้อเป็นคู่และต้องเอาแบบที่เค้าอยากได้  พี่ชายไม่ยอมจะเอาตามที่ตัวเองต้องการน้องสาวก็อยากได้อีกแบบ อ้างสารพัดบอกว่าซื้อคู่ถูกกว่าแยกซื้อ  จะซื้อลายไหนพ่อก็ใส่ได้  ล้งเล้งกันลั่นร้าน แต่สุดท้ายพี่ชายก็ต้องยอม เพราะน้องสาวตาเริ่มแดงๆ  ยอมซื้อให้น้องสาวตามแบบที่อยากได้   ส่วนเรือนที่ต้นใส่กับใจใส่นะเป็นแบบที่คุณนพอยากให้พ่อ  แม่ก็ต้องเป็นคนซื้อให้  มันเลยกลายเป็นแบบนี้"

พี่ชายคนโตบอกต่อทันที

"พอกลับมา  ตอนเอามาให้ทุกคน  บอกทันทีว่าตูนเป็นคนเลือกให้ แต่ไม่ยอมบอกว่าใครจ่ายเงิน"

"ก็เค้าอยากได้นี่ เห็นมั้ยพ่อก็ใส่ได้ ใส่แบบเดียวกับลูกสาวด้วยน่ารักจะตายไป  พี่นพก็ยอมซื้อให้แล้ว  เป็นพี่ต้องตามใจน้องสิ"

ทำเอาทุกคนหัวเราะ ฐาถามต่อไปว่า

"แปลว่าพี่นพนี่รักน้องมาก"

"เอาเป็นว่าตามใจทุกเรื่องเลยลูก  แทบจะไม่เคยขัดใจ  ตอนเด็กๆพอกลับจากโรงเรียนนั่งรถโรงเรียนมาบางวัน  ตูนหลับบนรถพอลงจากรถแบกก็น้องมาบนหลัง  ต้นเป็นคนถือกระเป๋าให้  การบ้านก็สอนให้ตลอด อยากได้อะไรก็หาให้  ขนาดรถได้มาใหม่ๆทั้งๆที่รู้ว่าน้องขับรถไม่แข็งยังยอมให้เอารถตัวเองไปขับเลย"

ผู้เป็นแม่ตอบมาเพราะรู้มาตลอดว่านพนั้นรักน้องสาวขนาดไหน ตูนนั้นรีบเปลี่ยนเรื่องคุยไปถึงเรื่องอาหารบอกว่าวันนี้แกงส้มที่ทำรสจัดไปหน่อยถ้านพมากินด้วยคงบ่น ฐาเลยได้โอกาสถามเรื่องวันที่เห็นนพโพสภาพไข่เจียวที่บอกว่าแถวโรงงานมีแต่อาหารเผ็ดๆ  คุณแม่ของคุณนพเป็นคนตอบแทนลูกสาวว่า

"คุณนพไม่กินเผ็ดจ๊ะตั้งแต่เล็กๆแล้ว ไม่เอาเลยทั้งที่ทางแม่เค้านี่เป็นคนใต้นะ"

"อ่อมิน่าวันนั้นที่ตูนโพสแหย่ พี่นพถึงเอาภาพไข่เจียวมาให้ดู"

แต่คำตอบของเพื่อนทำเอาเธอรู้สึกแปลบไปที่หัวใจ

"แหม สร้างภาพนะสิ  ไม่ใช่ไข่เจียวเปล่าๆนะ  ไข่เจียวหมูสับนะนั่น  พี่แววเค้าเห็นว่าโรงอาหารมีแต่กับข้าวเผ็ดๆเลยไปทำมาให้เอง แต่พี่นพบอกไม่หมด เราโทรไปถามถึงได้รู้"

"แหมก็ดีแล้วที่มีคนมาช่วยดูแล"

เธอฝืนตอบไปทั้งๆใบหน้านั้นสลด โดยที่ไม่พ้นการสังเกตของลูกสะใภ้บ้านนี้แล้วการสนทนาก็วนไปถึงเรื่องที่นพจะไปดูงานที่เยอรมัน ตูนก็บ่นออกมาว่าเสียดายต้นกับใจไปไม่ได้ และช่วงที่ไปดูงานนั้นตรงกับวันเกิดของนพพอดี ฐารีบจำวันเกิดของนพทันทีแต่ปากก็บอกเพื่อนไปว่า

"งั้นเธอก็บินตามไปฉลองย้อนหลังให้สิ  พ่อกับแม่ก็ไปด้วยนี่ถือโอกาสฉลองที่เมืองนอกเลย"

"พี่นพเค้าไม่เคยสนใจวันเกิดของเค้าเลย  วันเทศกาลอื่นๆก็อย่าได้หวังพี่นพไม่เคยสนใจด้วย  เราตั้งแต่เกิดมาเคยได้ ช็อกโกแล็ตวันวาเลนไทน์จากพี่นพแค่หนเดียว  แถมเป็นช็อกโกแล็ตที่เค้าจะซื้อมากินเองด้วย"

ต้นหัวเราะทันทีก่อนบอกไปยังน้องสาว

"ยังจำได้อีกหรือ ช็อคโกแล็ต 5 บาทนั่นนะ"

"จำได้สิพี่ ตูนทวงของขวัญวันวาเลนไทน์  พี่นพทำหน้า งงๆ ก่อนล้วงกระเป๋าเสื้อส่งช็อกโกแล็ตให้แล้ววิ่งไปเล่นเกมส์เพลย์ต่อ แถมมาบอกทีหลังว่าจะซื้อมากินเองด้วย  ส่วนวันเกิดเคยได้ทอฟฟี่เม็ดเดียวจ้า ที่ขาย 2เม็ด บาทแล้วแบ่งให้เรา 1เม็ด จากนั้นไม่เคยได้เลย  ฉะนั้นสาวๆคนไหนที่หวังจะได้ของขวัญหรือข้อความหวานๆในวันสำคัญๆจาก อีตาวิศวะคนนี้ทำใจได้เลย  พี่แกไม่เคยสนอะไรเลย"

น้องสาวพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อแต่ผู้เป็นพ่อบอกต่อมาว่า

"ที่ได้ของอย่างอื่นไม่พูดนะ  ส่วนวันสำคัญของนพนั้นมีอยู่ไม่กี่วัน คือวันที่แม่เค้าเสีย เค้าจะไปทำบุญถ้าอยู่ด้วยกันเราก็จะไปกันทั้งบ้าน แต่ถ้าเค้าไปอยู่ที่อื่นเค้าก็จะไปทำคนเดียวนะฐา  ทำเสร็จแล้วเค้าก็จะโทรมาบอกพ่อ คุณแม่เค้าพาไปตั้งแต่นพเล็กนะ เลยทำมาถึงทุกวันนี้  ส่วนอีกวันก็วันเกิดคุณแม่เค้า  นพจะมีช่อดอกไม้มั่ง  พวงมาลัยมั่งไม่ก็ของที่เค้าจะให้คุณแม่เค้าตลอด และก็วันเกิดยายกับป้าเค้าที่พังงาที่นพจะส่งของขวัญไปให้ทุกปี  ส่วนวันที่เหลือเจ้าตัวไม่เคยสนใจเลยดูเหมือนจะไม่จำด้วย"

"นพเค้าจะเป็นแบบนี้แหละฐา  ตอนเล็กๆมีงานวันเกิดให้เค้านะแต่พอโตขึ้นเจ้าตัวไม่สนในเลยไม่จัด   เรื่องอื่นๆก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ยิ่งเรื่องพวกความเชื่อนี่ไม่สนใจเลย  ฐาพอจะเชื่อเรื่องพวกดวงอะไรพวกนี้หรือเปล่าละ"

ต้นเป็นเล่าต่อและถามเพื่อนน้องสาวในประโยคหลัง

"ก็เชื่อคะพี่  ยิ่งไปถือศีลหรือบวชนี่  ฐาเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ เรื่องกรรมมากขึ้นคะ"

"พ่อกับพี่ก็เชื่อ นะ พ่อมีพระดีๆเต็มคอ เพราะเคยทำงานปราบพวกโจรมาก่อน  เลยสืบต่อมาถึงพี่ที่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่นพไม่เลย ตัวเค้าไม่มีพระอะไรติดตัวเลย แค่ไหว้พระก็พอแล้ว เรื่องอื่นนพไม่เคยเชื่อ อยากทำอะไรก็ทำ บางเรื่องก็ทำเอาคุณแม่งอนมา2-3วันแล้ว"

"เรื่องอะไรหรือคะแม่"

เธอหันไปถามมารดาของเพื่อน ซึ่งยิ้มออกมาก่อนตอบว่า

"ก็แหมเราก็ผู้หญิงนะลูกเรื่องพวกนี้เชื่อบ้างก็ไม่เสียหาย  ตอนที่จะซื้อรถคันนี้ให้เค้า  แม่ไปดูดวงวันเกิดให้คุณนพ ปรากฏว่าวันเกิดเค้าจะไปถูกโฉลกกับรถสีขาวไม่ก็สีเงิน แต่คุณนพอยากได้สีดำ ตอนแรกแม่ก็ไม่ยอม  แต่เจ้าตัวอ้อนวอนจนใจอ่อน  แต่ก็ทำเอาเราเสียความรู้สึกไปเหมือนกัน"

"ใจอ่อนเพราะลูกอ้อนของลูกรักแต่ก็มาบ่นต่อคุณนพแอบไปซื้อมอเตอร์ไซด์มาขับ"

พ่อเป็นคนเสริมต่อทำทำเอาฐายิ้มออกมา เท่ากับวันนี้เรื่องที่สนทนาจะเป็นเรื่องของนพเกือบทั้งหมด  ทำให้ฐาได้รู้เรื่องของนพมากขึ้นว่าเป็นคนแบบไหน ก่อนที่เธอจะขอตัวกลับบ้านเพราะพรุ่งนี้เธอมีถ่ายแบบที่ต่างจังหวัดเลยขอตัวกลับก่อนซึ่งทั้งพ่อกับแม่ของนพต่างบอกว่า อยากให้ฐามากินข้าวที่บ้านบ่อยๆเธอได้แต่ยิ้มไม่รับคำ ก่อนจะขอตัวกลับตูนเป็นคนเดินไปส่งเพื่อนแต่ฐาแวะไปที่กรงของเจ้าฮักกี้ทั้งสองก่อนบอกกับเพื่อนว่า

"โตขึ้นเยอะเลยนะนี่เห็นในเฟซนึกว่าจะไม่โตขนาดนี้"

"ใช่แล้วโตเร็วมากซนด้วย แรงเยอะขึ้น ต้องดุไม่งั้นเอาไม่อยู่"

ฐาอุ้มตัวที่ชื่อบอมขึ้นมาก่อนที่จะขอให้เพื่อนถ่ายรูปให้แล้วเอากลับไปในกรงแล้วเดินไปที่รถ  แต่เธอรู้สึกว่าถูกมองอยู่ เธอหันไปมองที่หน้าบ้านแล้วก็ไม่มีใครมองมาจึงเงยหน้ามองที่ไปชั้น 2

"อะไรหรือฐา"

"เปล่า ไม่มีอะไรหรอก"

เธอปฏิเสธเพื่อน ตูนเห็นเพื่อนมองไปที่ตัวบ้าน จึงอธิบายไปว่า

"ที่มีระเบียงนะ ห้องพ่อกับแม่จ๊ะ ส่วนทางซ้ายมือเราที่ดูเหมือนติดกันเป็นห้องคุณนพ แต่มีห้องพระกั้นหน้าต่างเล็กๆ2บานนั่นแหละห้องพระที่กั้นกลางไว้แม่บอกว่าให้คุณนพอยู่ใกล้ห้องพระเพราะจะได้มาไหว้แม่ได้สะดวก รูปแม่พี่นพอยู่ในห้องนั้นด้วยนะ  ส่วนอีกด้านมุมขวาห้องพี่ต้น ส่วนเราลูกคนเล็กไปโน่นอยู่ตรงข้ามห้องพี่ต้น  เราจะยึดห้องพี่ต้นแม่ก็ไม่ยอม เป็นไงละ ห้องคุณนพนู่นได้รับแสงแดงตอนเช้ามองลงมาก็เห็นสระว่ายน้ำ  ส่วนคนเล็กเรารอแสงแดดตอนเย็น"

ตูนบ่นแบบไม่มีความหมาย ทำเอาฐายิ้มแล้วบอกว่า

"ฝากบอกพี่นพด้วยนะขอให้หายไวๆ"

ก่อนอำลาเพื่อนแล้วขับรถสปอร์ตของเธอ ออกจากบ้านระหว่างทางที่กลับเธอนึกย้อนไปถึงเรื่องที่คุยกันเธอรู้สึกสงสารนพ เรื่องที่กลัวเข็มเธอคิดว่านพน่าจะมีความทรงจำแบบที่พ่อบอกและเหมือนเป็นเด็กที่ต้องการความอบอุ่นจากผู้เป็นแม่ เธอพอจะเข้าใจนพมากขึ้นว่าเป็นคนแบบไหนก่อนจะคิดว่า

"ดูๆไปก็น่าสงสารนะ แต่ดีที่แม่เลี้ยงเอาใจใส่ยิ่งกว่าลูกตนเอง เหมือนจะเป็นคนเอาแต่ใจแต่ก็ไม่ใช่  จะว่าไม่ใช่คนโรแมนติคก็ไม่ใช่นะอ้อนแม่เก่งซะขนาดนั้น แต่ทำไมกำแพงของเธอมันช่างหนาจัง"

เธอคิดพร้อมถอนหายใจยิ่งไปนึกถึงประโยคที่เพื่อนเธอเล่าถึงหมอแวว ที่ดูออกว่าเพื่อนเธอนั้นออกจะชื่นชมหมอแววมาก แต่ความคิดเธอก็สิ้นสุดลงเมื่อแฟนเธอโทรเข้ามาหา ฐาบอกแฟนว่ากำลังกลับบ้านก่อนวางสาย เธอไม่ค่อยจะมีอารมณ์คุยกับแฟนเพราะใจพะวงไปถึงลูกชายคนกลางของบ้านที่เธอพึ่งจากมา   แล้วฐาก็จอดรถข้างทางก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนพิมพ์ข้อความส่งไปให้ชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะก่อปัญหาหัวใจให้เธอว่า

"หายไวๆนะคะ  เป็นห่วง"

พอเธอขับรถออก ฐานึกย้อนไปถึงตอนที่ พี่ชายนพบอกว่า นพไม่เคยเชื่อเรื่องดวงทำให้เธอนึกไปถึงพระอาจารย์ที่เธอนับถือซึ่งท่านได้ทักเธอมาเมื่อไม่นานนี้ว่า ดวงของเธอนั้นอาจจะต้องเสียของบางอย่างออกไปแต่อาจจะได้ของที่มีคุณค่ามากกว่ามาทดแทน แต่ของชิ้นนี้ต้องใช้ความพยามยามถึงจะได้มา  แต่ถ้าเธอไม่อยากได้ก็ไม่เป็นไรถ้าปล่อยไปก็จะมีคนอื่นที่เหมาะสมได้ไปครอบครองแทน แต่มันต้องขึ้นกับตัวของฐาเองและพรหมลิขิตด้วย

ส่วนตูนพอเดินเข้าไปในบ้านก็พบว่าพี่สะใภ้กำลังนั่งคุยกับแม่อยู่ส่วนพ่อกับพี่ชายขึ้นไปดูอาการของนพ พอลูกสาวคนเล็กนั่งบนโซฟาร์ พี่สะใภ้ก็ถามทันทีว่า

"ตูนฐามีแฟนหรือยัง"

"เหมือนจะมีแล้วคะ  แต่เจ้าตัวไม่เปิดเผย ตูนเห็นเพื่อนๆนางแบบเค้าแซวๆกันตอนวาเลนไทน์ ทำไมหรือคะพี่ใจ"

"พี่ลองคุยเล่นๆกับคุณแม่ว่า ถ้าฐากับนพจะเป็นยังไงพี่เห็นว่าฐาหน้าตาน่ารัก"

ทำเอาตูนหัวเราะออกมา

"โธ่พี่ใจ  มันคนละแนวเลย  พี่นพไม่เข้าสังคมเท่าไหร่ เหมือนฤาษีเฝ้าถ้ำ ยายฐานี่ออกสังคมมีปาร์ตี้ตลอด คงจะยากคะ ไลฟ์สไตล์คนละแบบเอาง่ายๆ ฐานี่ใช้กระเป่าใบละเป็นแสนเป็นหมื่น  ส่วนพี่นพใช้กระเป๋าตังส์จนโทรม จนตูนไม่ก็คุณแม่ซื้อใหม่  "

"ว่าพี่เค้าอีกแล้ว  ทีเราละใช้ใบละเท่าไหร่ยะตูน ฐาเค้าทำงานซื้อมาใช้เอง เรายังก็ขอพ่อ ขอแม่ให้ซื้อให้"

หญิงสาวย่นหน้า เพราะโดนแม่ว่าก่อนตอบว่า

"ก็ตูนเป็นลูกเจ้าของร้านเพชรนี่คะ ก็ต้องใช้ของมียี่ห้อ ไม่งั้นเสียชื่อแม่หมด  แล้วอีกอย่างนะพี่ใจ ฐานะเค้าชอบผู้ชายแบบที่คอยเอาใจ และโรแมนติกนิดๆ"

พอพูดจบคนพูดก็สะดุดใจอะไรออกไป พร้อมคิดไปว่า


"พี่นพนี่นะไม่โรแมนติก"


แต่ผู้เป็นแม่ได้แต่ส่ายหัวเมื่อได้ยินคำตอบของลูกสาวส่วนใจเอาแต่ยิ้มไม่พูดอะไรต่อ  แต่เธอเห็นก่อนที่ฐาจะกลับนั้นแอบมองไปทางบันได  ถ้าความเข้าใจของเธอไม่ผิด เธอมั่นใจว่าฐานั้นแอบสนใจนพแน่นอนเพราะดูจากทีท่าในวันนี้ ที่จะนั่งฟังเหมือนจะเก็บข้อมูลของนพตลอดยิ่งพูดถึงหมอแวว ใบหน้าของหญิงสาวดูจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักแต่ต้องสังเกตดีๆ   ใจนั้นเป็นหญิงที่มีความละเอียดอ่อนอยู่คนหนึ่ง ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าน้องชายสามีของเธอนั้น ที่แท้จริงเป็นคนแบบไหน จากบุคลิกที่ดูขี้อาย

แต่ถ้าใครมาเห็นตอนพูดกับคุณแม่แล้ว ผู้หญิงคนไหนจะไม่ชื่นชม ทั้งลูกอ้อนทั้งน้ำเสียง ที่เจ้าตัวแสดงออกมาให้เห็นมันกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจของผู้หญิงหลายๆคน  และเป็นคนที่โรแมนติกโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว ใจนั้นดูออกจากสิ่งที่นพทำหลายอย่างๆ ไม่ว่าจะให้กับเธอและสามี หรือคุณแม่ของนพจากสิ่งของหรือช่อดอกไม้ที่นพมอบให้ซึ่งมันสร้างความประหลาดใจให้ทุกครั้ง และที่เธอนั่งคุยกับแม่สามีก็เป็นเรื่องนี้ เพราะแม่สามีมาบอกเรื่องที่นพมาเล่ามาระบายให้ฟัง แต่ไม่ยอมบอกว่าแอบชอบใครอยู่ ทำเอาสะใภ้ของบ้านนี้พอจะปะติปะต่อเรื่องราวแต่ยังไม่โอกาสเล่าให้คุณแม่ของคุณนพฟังได้แต่เกริ่นไปว่าฐาหน้าตาน่ารักไม่รู้จะเป็นแบบที่นพชอบหรือเปล่า และกำลังจะขยายความเพิ่ม ลูกสาวคนเล็กก็เดินเข้ามาก่อน ใจเลยไม่ได้บอกกับแม่ของสามี แต่หันไปหยั่งเชิงกับตูนซึ่งเป็นไปตามที่เธอคิดว่า ตูนนั้นมองข้ามเพื่อนตัวเองไปสนิท

แต่แล้วตูนนั้นที่คิดได้ว่า  ทำไมพี่ชายเธอจะไม่โรแมนติก เธอนึกย้อนไปวันที่เธอรู้ว่าสอบติดเภสัช นพนั้นทำหน้าเฉยๆ  ไม่พูดอะไรมากนอกจากคำว่า "ก็ดี"  ทำเอาน้องสาวน้อยใจจนพ่อพาไปเลี้ยงฉลอง  นพก็ไม่พูดอะไรออกมาเอาแต่กิน อย่างเดียว  แต่พอวันต่อมาเธอกลับบ้านแล้วขึ้นไปบนห้องนอนพบว่า บนเตียงมีช่อดอกไม้ช่อใหญ่วางอยู่บนเตียง  พร้อมการ์ดแสดงความยินดีจากผู้เป็นพี่ชายคนกลาง   เหมือนกับวันที่เธอรับปริญญานพก็เอาช่อดอกไม้ที่ตนเองสั่งทำเป็นพิเศษมามอบให้น้องสาว ซึ่งเพื่อนของเธอหลายคนต่างชมกันว่าสวย แถมตอนที่นพไปเรียนเมืองนอก จะมีโปสการ์ดไม่ก็สิ่งของเล็กๆน้อยๆส่งมาเธอกับพี่ต้นทุกเดือนแต่เธอก็คิดไปว่า ยังไงก็ไม่ใช่  เพราะคู่นี้นิสัยต่างกันเยอะไม่มีทางที่จะมาคบกันได้


ส่วนฐานั้นเข้าใจถูกต้องว่ามีคนมอง เพราะนพนั้นมองลงมา  นพที่พึ่งฟื้นจากพิษไข้ได้ลุกขึ้นมาดูตรงหน้าต่าง  เพื่อจะมาดูรถว่าแขกของบ้านกลับไปหรือยัง   นพไม่อยากจะพบหน้าของฐาด้วยเหตุผลที่ตัวเองบอกไม่ได้  แต่เห็นหญิงสาวที่กำลังเดินไปที่รถหันมามองบนห้อง  นพเลยหลบจากหน้าต่างเดินมานั่งที่เตียงได้ครู่เดียวแต่ยังไม่ทันทำอะไรพ่อกับพี่ชายเข้ามาดูอาการ

"เป็นยังไงบ้างลูก"

ผู้เป็นพ่อเดินเอามือเข้ามาแตะหน้าผากลูกชาย นพตอบพ่อไปด้วยเสียงที่ยังแหบอยู่ว่า

"ค่อยยังชั่วแล้วครับ  นพว่าจะลงไปทานข้าวจะได้กินยา"

"อืมตัวอุ่นๆ เดินไหวหรือปล่า ถ้าไม่ไหวพ่อจะให้เอาขึ้นกินบนนี้"

นพพยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืน  พ่อเห็นลูกชายไม่มีอาการซวนเซจึงพยักหน้าแต่เดินเข้ามาประคอง แล้วบอกว่า

"มา  พ่อช่วยดูให้กลัวหน้ามืด ค่อยๆเดินลูก"

ผู้เป็นพ่อเดินประคองลูกชายออกไปจากห้องนอนโดยมีพี่ชายคนโตเดินนำออกไปก่อน  จนมาถึงข้างล่าง คุณแม่ได้ถาม ว่าทำไมถึงลงมาพ่ออธิบายแทน ส่วนนพนั้นยิ้มให้คุณแม่ ก่อนที่พ่อจะพาเดินไปห้องอาหาร คุณแม่สั่ง     ตูนให้ไปบอกห้องครัวให้เอาข้าวต้มมาให้ลูกชาย  นพนั้นใช้การพยักหน้าหรือส่ายหน้าแทนเพราะรู้ว่าตัวเองไม่มีเสียงเมื่อพี่ชายกับพี่สะใภ้ถามถึงอาการ  จนน้องสาวเดินเข้ามาในห้องอาหาร  แล้วเอามือแตะไปที่หน้าผากพี่ชายกับซอกคอ ก่อนบอกว่า

"อ้าดีขึ้น  ยาที่พี่แววจัดมาให้ดีจริงๆ กินเสร็จแล้วกินยาเลยนะคะคุณนพ จะได้หายไวๆคุณแม่จะได้ไม่กังวล ดีไม่ดีได้ซื้อโรงบาลมาตั้งหน้าบ้าน   พี่แววโทรมาถามด้วยว่าพี่นพมาถึงหรือยัง  ตูนจัดการให้เรียบร้อยแล้วนะคะ"

พี่ชายไม่ตอบอะไร จนข้าวต้มมาตั้งบนโต๊ะ นพนั่งกินได้ไม่กี่คำก็อิ่มก่อนเอายามากินแล้วขึ้นไปนอนต่อทันที ครั้งนี้เป็นคุณแม่ที่ตามไปส่งบนห้อง จนทุกอย่างเรียบร้อย ต้นกับใจลาพ่อกับแม่เพื่อกลับบ้านโดยน้องสาวเดินไปส่ง แต่คนป่วยพอขึ้นไปบนห้องจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปิด สายตาเห็นว่าข้อความส่งเขามา พอเห็นเป็นข้อความจากฐา ทำให้จิตใจของนพนั้นดีขึ้นเหมือนมียาทิพย์ที่ช่วยรักษาอาการป่วย พอถึงช่วงสายๆวันต่อมา ฐานั้นที่อดห่วงนพไม่ได้ก็โทรมาหาเพื่อน ซึ่งตูนได้บอกว่า

"เมื่อคืนเธอกลับไปได้แป็บเดียวพี่นพก็ลงมากินข้าว  แต่ตอนนี้สงสัยยังไม่ตื่นนะไม่เห็นลงมา แม่ก็ปล่อยให้นอนให้พักเยอะๆ แต่ไม่เป็นไรแล้วละเมื่อคืนก็ไม่ค่อยมีไข้แล้ว แม่ไปวัดให้อีกทีเหลือ 37 กว่าๆ แค่ไม่มีเสียงเท่านั้นแหละ"

"โอเค จ้าไม่มีอะไรหรอกเห็นว่าป่วยก็เลยโทรมาถาม ก็ดีแล้วที่ดีขึ้น"

"แหมเธอ หมอเค้าจัดยาอย่างดีมาให้ด้วยละ  แต่ขอบใจมากนะไว้ตื่นแล้วจะบอกให้ว่าเธอโทรมาถามอาการ"

ก่อนที่ตูนจะวางสายโดยหารู้ไม่ว่ามีประโยคที่ไปสะกิดความรู้สึกของเพื่อนอย่างจังๆ ฐานั้นอยากจะติดต่อนพแต่ไม่รู้ว่าอาการเป็นอย่างไรเลยไม่กล้า ต้องโทรหาเพื่อนแทน เมื่อคืนพอถึงบ้านเธอได้โพสภาพที่เธอถ่ายคู่กับฮักกี้ตัวชื่อบอมพร้อมข้อความว่า

"เจอครั้งแรกเมื่อปลายปีตัวเล็กนิดเดียว ตอนนี้ตัวโตขึ้นมากอุ้มแทบไม่ไหวแล้ว  เจ้าของดูแลดีมาก"

แล้วแท็กไปที่เฟซบุ๊กของตูนที่เจ้าตัวตอบมาว่า

"ใช่แล้ว แต่ทั้งซนทั้งดื้อมากๆเลย สั่งอะไรก็ไม่ค่อยทำ แต่เป็นบุญของแกนะบอมที่ได้ถ่ายรูปคู่กับคนสวย"

ก่อนที่ฐาจะกลับไปทำงานด้วยใจที่ไม่ค่อยเป็นสุขเท่าไหร่ซึ่งทั้งวันนั้นทั้งวัน ทั้งนพทั้งตูนไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรในโซเชี่ยลเลยจน เช้าวันต่อมา  ฐาเห็นตูนโพสคลิปพร้อมคำบรรยายว่า

"คนป่วยคงค่อยยังชั่วขึ้นตื่นแต่เช้า ปั่นจักรยานไปซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งที่ตลาด  ไอ้เรานึกว่าจะมีลาภปากก่อนไปทำงาน ที่ไหนได้ของบอมกับบูมค้า    แล้วดูไอ้หมาทรยศทีเราสั่งมันไม่ค่อยทำทีพี่นพสั่งมันทำตามทุกอย่าง      #โธ่หมูปิ้งก็ไม่ได้กิน  #หมาคู่ใจก็ทรยศ #สะเทือนใจ"

ภาพที่เธอเห็นคือนพ ที่หน้ายังดูเซียวๆอยู่นั่งอยู่ในศาลาริมสระว่ายน้ำ แล้วป้อนหมูปิ้งให้ฮักกี้ 2 ตัว ที่ดูจะทำตามคำสั่งของนพทุกอย่าง ไม่ว่าจะให้ สวัสดี ขอมือ หรือสั่งให้นั่ง แต่เสียงของนพนั้นยังแหบอยู่

ฐากดไลท์ทันทีแต่ก่อนที่เธอจะพิมพ์อะไร หมอแววก็พิมพ์เข้ามาทันที

"บูมกับบอมน่ารักจังค่าแถมแสนรู้ด้วยน้องตูนดูแลดีจริงๆ  คนป่วยก็ดูดีขึ้น แล้วนี่ ปั่นจักรยานได้แล้ว" 


ทำเอาเธอไม่พิมพ์ข้อความอะไรและไม่ดูว่าเพื่อนเธอตอบอะไรหมอแวว  ความสับสนในใจของฐามีมากขึ้น เธอพยายามบอกกับตัวเองว่า เธอมีแฟนแล้ว แต่ทำไมช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมานี่ทำไมเธอถึงสนใจนพทั้งๆที่เจอกันไม่กี่ครั้ง โทรคุยกันไม่กี่ครั้ง เธอพยายามที่จะทำเป็นไม่สนใจเรื่องของนพแต่มันทำไม่ได้และที่สำคัญเธออยากจะคุยกับนพแต่มันไม่มีโอกาสที่จะได้คุย เหมือนกับตอนที่เธอเห็นข่าวว่ามีโรงงานไฟไหม้ที่สุราษฎร์ ด้วยความตกใจเธอรีบโทรหาเพราะนึกว่าเป็นโรงงานที่นพทำงานอยู่โดยไม่ฟังข่าวโดยละเอียด แต่กลับไปเจอน้ำเสียที่เรียบเฉยของชายหนุ่มตอบกลับก่อนจะวางสาย ยิ่งทำให้เธอไม่กล้าที่จะโทรหานพ

kaithai

การตั้งความหวังไว้สูง เมื่อไม่ได้ตามหวัง ย่อมต้องผิดหวังมาก
แต่ถ้าไม่มีการตั้งความหวัง ก็ย่อมไม่มีความสำเร็จเช่นกัน




คำเตือน  ก่อนคอมเม้นต์ จากเจ้แว่น
................................................................................................................
ใครจะอ่านผลงานทุกตอนในห้องนี้ ถ้าทำตามกติกา-เงื่อนไขนี้ไม่ได้ แล้วรีพลายมักง่ายผ่านไปที หรือ รีพลาย ขอบคุณครับ,ขอบคุณ,ขอบคุณค่ะ,ติดตามครับ,สนุกมากครับ,ติดตามต่อ. อะไรประมาณนี้ จะแบนเลยนะ ขอบคุณมากๆครับ ก็ไม่ต้อง thank,thank you,thx ขี้หมาหลายแหล เหล่านี้ก็อย่าให้เห็น จัดรูดแบนไปยาวๆถ้าเจอ นี่เป็นข้อตกลงไว่ก่อนอ่านระหว่างเจ้าของงาน กับสมาชิก ::Angry:: ถ้า รีพลายผิดเงื่อนไขมาหรือ โชว์พาล์วอยู่มานาน โชว์เก๋า โชว์สด โชว์เกรียน ทำมึนลองมาจะแบนเลย เพื่อสมาชิกอีกส่วนที่พร้อมทำตามกติกา ::Cheeky:: เพราะไม่เช่นนั้น รีพลายคุณอาจทำให้ สมาชิกที่ปฏิบัติตามพลอยอดอ่านไปด้วย ฉะนั้นไม่แน่ใจ อย่าพิมพ์เอามักง่ายมั่วๆ..ถ้าคิดว่า กฏนี้มันยากก็ไปหาที่อื่นเสพนะ อย่าเข้ามาใช้มาอ่านงานที่ห้องนี้ อ๋อ ใครโดน pm เตือนถ้ายังมึนจะแบนจาก 6 เดือนเป็น 1ปี. .

กฎที่วางนี่ไม่ได้เขียนเอา ฮา เนอะ แบนจริงใครอยู่นานแล้วคงรู้จัก แว่น ดี..คิดว่า ฉันแบนจริงหรือเตือนเอาสนุกเล่นๆ..อย่าๆลอง เดี๋ยวจะเสียความรู้สึกด้วยรีพลายคุณเอง ทำตามเงื่อนไข ยากอะไร หรือ จะโชว์เกรียน..เตือน,ขอร้อง,ขอความร่วมมือ แล้วเมื่อไม่รักษาสิทธิ์-ประโยชน์คุณเอง ก็แบนไปใช้เวปอื่น. .
................................................................................................................

myzzr

นพกับฐานี่ใครจะรุกใครก่อนกัน น่าลุ้น
ท่าน twintower อยากเปลี่ยนตอนจบนี่ สงสารคนอ่านด้วยครับ ปวดตับกับนพและฐาพอแล้ว อย่าให้แฟนๆปวดตับกับตอนจบเลย

ขออนุญาตท่านtwintowerและท่านkaithai ขอ

"การที่เราจะตั้งความหวังอะไรไว้สูงๆแล้วคิดไปเองว่ามันต้องเป็นแบบที่เราคิด แต่พอมันไม่ใช่อย่างที่เราคิด อย่างที่เราต้องการ อย่างที่เราหวังไว้ มันจะทำให้เราผิดหวังได้ขนาดไหน"

การตั้งความหวังไว้สูง เมื่อไม่ได้ตามหวัง ย่อมต้องผิดหวังมาก
แต่ถ้าไม่มีการตั้งความหวัง ก็ย่อมไม่มีความสำเร็จเช่นกัน

ไปใช้นะครับ

biggiggog

เดินเรื่องมาแนวนี้ ออกได้หลายหน้า
วัดใจกันหน่อยว่าสุดท้ายจะออกหน้าไหน
ขอบคุณมากๆครับ ::Dizzy::



elviswhat

เอาใจช่วยนพเลย เหมือนคุณ twintower เขียนจบไว้ทิ้งท้ายแบบมีเงื่อนงำ ไม่อยากให้จบแบบหักมุมเลย จริง ๆ ขอให้สมหวังกะฐานะ เอาใจช่วย

therasak

จะสมหวังหรือผิดหวังก็อยู่ที่การกระทำของแต่ละคน นพ ฐา เพลง ใครจะข้ามกำแพงหรือทำให้นพทะลายกำแพงออกมาได้ ลุ้นกันตัวโก่งเลย

biochem

สงสารแฟนฐาก็สงสารนะ คือไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย

สงสารนพด้วย ที่ต้องทนทรมานใจ

แต่สงสารฐามากกว่า ทำไมไม่เลือกผม.....

ไม่ใช่สิ ทำไมไม่เจอนพก่อนนี้นะ

สมนึก ดวงดี

ชอบจังเนื้อเพลงที่นพ ร้องให้แม่ฟังมันทำให้รู้สึก อ่านแล้วได้ใจจริงๆขอบคุณครับ

peat

แอบหวังว่าตอนจบจะhappyนะครับ..
จะได้ไม่เจ็บปวดหัวใจกัน

swss2511

แม้ไม่มีเสียว แต่ต้องตามลุ้นเอาใจช่วยตลอดอยากให้เข้าใจกันเร็วๆ

peddo

ภาคที่แล้วชื่อดูดุเดือดแต่พอเปลี่ยนชื่อก็กลับเป็นหวานแหววเชียวนะครับ ฮอตทั้งสาวและหนุ่มถ้าจะลงเอยได้ยาก แม้อยากเชียร์หมอแววแต่ก็เดาว่าเธอคงแห้ว ขอบคุณครับ

durocman

เรื่องราวมันช่างบีบหัวใจแต่ละคนเสียจริง จะลงเอยแบบไหนน้อ วอนท่านไรท์ขออย่าให้มีเรื่องเศ้าเลย สาธุ

psm_mach

เรื่องสนุกครับ ลุ้นไปด้วยว่าจะลงเอยยังไง ขนาดนพป่วยฐายังไม่มีโอกาสทำคะแนนเลย หมอแววนำไปไกลแล้ว

somc217

เป็นตอนนึงที่มีเนื้อหากินใจดี แม้ว่าจะไม่มีบทเสียว
แต่เนื้อหาก็ยังน่าติดตาม เพื่อลุ้นว่าสุดท้าย นพจะจบกับใคร
ขอบคุณมากๆครับ

pinmonkey

รักกันทางโซเชียล ไม่เหมือนพูดคุยกันจริง ๆ พูดคุยกันจริงๆ ถ้าใจไม่จริงก็ยุ่งขิงในหัวใจ ใครทำใจได้ก็ดีไป ใครทำไม่ได้อย่างเขาก็เศร้าใจ ทายตอนจบไม่ออกครับ แต่ผมว่าน่าจะลงเอยกับฐานะครับ ขอบคุณมากครับ