หลังจากวันนั้น ผมก็โทรหาฝน เธอได้เล่าให้ พ่อ และแม่ฟังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราทั้ง 2 คน แล้ว และดูเหมือนว่า โชคดีที่พ่อของฝน แม้จะดูอายุมาก แต่ไม่ใช่คนหัวโบราณแบบที่ผมคิด ท่านเปิดใจ ยอมรับกับเรื่องที่เกิดได้ ทำให้ผมไปบ้านของฝน จากสัปดาห์ละครั้งก็เปลี่ยนเป็น 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนนึงก็เพื่อไปดูบอล และแน่นอนว่าทุกครั้งที่บอลจบก็ย่องไปหาฝน ก็จะมีเรื่องบนเตียง(ถ้าฝนนั้นยังไม่นอน)
โดยผมมักจะเป็นฝ่ายไปรุกเร้าเธอก่อน แม้บางครั้งที่ดูเหมือนจะไม่ยอมโดยการพยายามห้ามร้องอย่า แต่หลังจากโดนรบเร้าด้วยการเอื้อมมือไปลูบไล้ทั้งสองเต้าผ่านเสื้อผ้าแล้วค่อยๆ เลื่อนลงไปข้างล่าง ลูบไล้เนินหีช้าๆ รวมทั้งปลุกเป่าอารมณ์ ด้วยการเล่นไซร้ซอกคอเพียงเบาๆ หอมแก้มอีกเล็กน้อย ก็ทำให้ฝนนั้นมีอารมณ์ตอบอ่อนระทวยหมดแรงขัดขืน จนในที่สุดเธอก็ครางเบาๆเป็นสัญญาณให้รู้ว่าเธอพร้อมสำหรับคืนนั้นแล้ว
และแน่นอนทุกครั้งที่ผมกับฝนเย่อกัน เราทั้งคู่ต่างก็ส่งเสียงครางประสานกันระงม จนบางครั้งเสียงก็ดังเกินจนเล็ดลอดออกไปนอกห้อง(พ่อฝนเป็นคนบอก)หลังจากนั้นผมก็เข้าออกภายในบ้านหลังนี้เป็นประจำสม่ำเสมอ เสมือนว่าบ้านนี้เป็นบ้านอีกหลังของผมก็ไม่ปาน แน่นอนว่าเรื่องดูบอลนั้นผมก็ยังดู ทุกแมตช์ ส่วนเรื่องบนเตียงกับฝนนั้น ก็ยังคงเส้นคงวาเสมอ เพียงแต่ลดความถี่ลงจากแต่ก่อน
แต่ชดเชยด้วยการเปลี่ยนสถานที่ เช่น จากที่เคยเล่นกระหน่ำกันบนเตียง ซะส่วนใหญ่ ก็ลากเธอไปกระหน่ำ แทงตรงหน้าห้องน้องเธอบ้าง หน้าห้องของคุณน้าก็เคย รวมทั้ง บางครั้งก็นึกคึก ไปจัดโดยให้เธอหันหน้าออกนอกบ้าน แม้ตอนแรกดูเธอจะไม่ยอมแต่หลังจากอารมณ์ขึ้น คงไม่ต้องบรรยายมากใช่ไหมครับ ?
แล้วช่วง 1 ปีผ่านไปผมก็มีส่วนร่วมในบ้านนี้มากขึ้นไม่ใช่แค่เกี่ยวข้องกับฝนเพียงอย่างเดียวแต่ รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ อาทิ วันเกิดของน้า ทั้งสองคน ขวัญ รวมทั้งไปเที่ยงร่วมกันทั้งครอบครัว โดยมีผมไปด้วย แน่นอนว่าเรื่องกามกิจนอกสถานที่ก็มีบ้างตามโอกาสอันสมควร
.........................
พอขึ้น ม.5 นั้นดูเหมือนจะไม่มีอะไรโลดโผนมากนักความรัก และเรื่องเรียนของฝน ถ้าจะมีเพิ่มเติมก็คงจะเป็น ลีลาบนเตียงของฝนที่จัดจ้านขึ้น รวมทั้งเธอมีลูกเล่น เช่น รู้จักการออรัล รวมทั้งการขึ้นหย่ม พอผมถามว่าไปหัดมาจากไหน เธอก็ตอบมาว่า ของแบบนี้มันศึกษากันได้ สำหรับผม แม้จะดูแปลกใจบ้าง แต่ก็ดีใจหล่ะครับ ที่เรื่องบนเตียงจะมีสีสันมากขึ้นกว่าเดิม จนกระทั่งฝนขึ้นชั้น ม.6 สิ่งที่ทำให้ผมดูแปลกใจอยู่ไม่น้อย
คือ ฝนนั้นเริ่มแต่งหน้าเป็นบ้างครั้ง(ปกติผมจะไม่ค่อยได้เห็นฝนแต่งหน้าเท่าไหร่) และขวัญ เริ่มเข้าเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนเดียวกันกับฝน ผมจึงได้รับคำไหว้วานจาก คุณน้า ให้ช่วยไป รับ ขวัญ กลับจาก รร. ด้วย เนื่องจากเห็นว่าอยู่ โรงเรียนเดียวกันกับฝน ดูเหมือนว่าตารางเรียนของฝน จะทำให้ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับ ขวัญมากขึ้น เนื่องจาก ตารางเรียนของเธอ มีวิชาที่ต้องเรียน มากกว่าขวัญ อยู่ 4 วิชา ทำให้ผมกับ ขวัญ มักจะมาหาที่นั่งรอ ฝนเพื่อกลับด้วยกันในคราวเดียวเสมอๆ
ช่วงแรก ๆนั้น อาจเพราะยังไม่รู้ว่าจะพูดกันเรื่องอะไร เลยทำให้เราทั้งคู่ต่างก็ไม่ค่อยได้พูดจากัน เป็นอย่างนี้ได้ราวๆเดือนนึง จนกระทั่งขวัญมีเรื่องมาเล่า ผมถึงได้ เริ่มคุยกับขวัญ หัวข้อที่เราคุยกันมันก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอะไรหรอกครับ ก็เป็นเรื่อง ขวัญนี่แหละ เธอมักบ่นให้ผมฟังอยู่เสมอๆว่า โดนเพื่อนแซวว่า “ นั่นแฟนมารอรับหรอ ? ” หรือไม่ก็ “ มีแฟนแล้วก็ไม่บอกกันมั่งเลย อิจฉาว่ะ ” อะไรทำนองนี้ตลอด
ซึ่งเธอก็ได้เล่า ถึงความสัมพันธ์กับผม ให้เพื่อนๆฟัง บรรดาเพื่อนสนิทเธอเชื่อ แต่กับคนที่ไม่สนิทมากก็ยังคงแซวเธออยู่เสมอๆ ผมเองก็มองขวัญแล้วก็ได้แต่ส่ายหัว พร้อมกับบอกว่า
" ปล่อยๆพวกปากหมามันแซวไปเหอะ ไม่จริง ก็คือไม่จริง ขวัญเองก็ไม่ได้ชอบพี่นี่นา "
ขวัญเองก็ยิ้ม แล้วก็พูดผสมโรง เออออไปกับผม พอฝนเรียนเทอมแรกเสร็จ เธอก็บอกกับคุณน้าว่า ขออนุญาตไปค้างบ้านเพื่อนเพื่อติวหนังสือ ในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งก็ได้รับการอนุญาต จากคุณน้า ตัวผมเองก็ยังมาเป็นประจำอยู่เสมอๆ ดูเหมือนว่าการไปติวหนังสือของขวัญ จะทำให้เราทั้งคู่ห่างเหินเรื่องบนเตียงมาก จากที่เคยเอากันเฉลี่ย เดือน4-5 ครั้ง ก็เหลือเพียงเดือนละครั้ง สองครั้งเท่านั้น
ผมเองก็ได้แต่ทำใจปลอบกับตัวเองว่าเพื่ออนาคตของแฟนอดทนไว้ เรื่องราวระหว่างผมกับขวัญก็ดดำเนินไปแบบนี้ บางครั้ง ผมกับฝนก็ทะเลาะกันตามประสาคู่รักทั่วไป แต่ก็มักจะได้ขวัญมาคอยช่วยไกล่เกลี่ยจน เราทั้งคู่คืนดีกันอยู่เสมอๆ ดูเหมือนความรักของผมกับฝนจะไปกันได้ด้วยดีและคงไม่น่าจะมีขวัญได้ แต่เหตุการณ์ในช่วงไปเที่ยวฉลองสอบวันสุดท้ายจบ เป็นชนวนเหตุให้ผมไม่ได้รักกับฝนไปโดยปริยาย
ส่วนความสัมพันธ์ผมกับขวัญก็สนิทกันมากขึ้น เพียงแต่ไม่ได้มีความรู้สึกในเชิงชู้สาว โดยส่วนตัวนั้นขวัญเป็นคนที่ช่างพูด(และเป็นคนที่เก็บความลับได้เก่งเอามากๆ)บางครั้งก็ถามถึงเรื่อง ผมกับฝน แบบไม่เกรงอกเกรงใจว่า
“ ไม่ได้เอากันแบบนี้ไม่อึดอัดแย่หรอคะ ? ” ผมก็ได้แต่หัวเราะแล้วพูดว่า
“ ไม่เป็นไร ” ทุกครั้งไป
ในช่วงวันสุดท้ายของการสอบนั้นฝนและเพื่อนหลาย ๆ คนในห้องต่างก็รวมตัวตัดสินใจไปเที่ยว รีสอร์ตทางภาคเหนือ 3 วัน 2 คืน โดยมีทั้งผมและขวัญ(ที่พยายามอ้อนวอน พ่อกับแม่ของเธอ)ได้มาด้วยทั้งหมดรวม 9 คน ชาย 4 หญิง 5 แต่พอวันที่ไปจริงๆก็มีคนเพิ่มมานั่นคือบรรดา แฟนของเพื่อนๆ อีก 4 ฝนทำให้บรรยากาศโดยรวมเรียกว่าคึกคักตลอดทาง
เมื่อพวกเราไปถึงที่พักแล้วก็แบ่งห้องเป็น 2 หลังด้วยกัน เนื่องจากคนเยอะกว่าที่ตกลงกับทางเจ้าของที่พักไว้ บรรดาเพื่อนๆ ของฝนก็แบ่งห้อง คร่าวๆ สำหรับเป็นคู่ๆ ไป 1 ห้องนอนได้ 4 คน ส่วนห้องของผม ก็มี ผม ฝน ขวัญ และคู่ ของเพื่อน ขวัญอีก 1 คู่ ผมจึงให้ขวัญไปนอนบนเตียงกับฝนแล้ว อาสามานอนที่โซฟาที่อยู่ไม่ไกลจากเตียงแทน
คืนแรกนั้นในที่พักบรรดาผู้ชายทั้งหมด ก็รวมตัวกันในห้องโถง เปิดทีวีนั่งเชียร์บอล ทีมเดียวกันบ้าง ต่างทีมบ้างก็แซวกันตอนผลจบในแต่ละคู่ไป พอดูบอลจบก็แยกย้ายกันไป แต่ไม่ได้นอนกันหรอกครับ ต่างคนต่างก็ย่องไปหาแฟนตัวเอง(รวมทั้งผมด้วย)
พอไปถึงที่เตียงผมก็สะกิดปลุกฝนเบาๆ ดูเหมือนว่า เธอจะไม่ได้หลับอยู่ ผมโน้มตัวลงไปหาพร้อมกระซิบเบาๆว่า
“ ขอนะ...” ดูเหมือนฝนจะอายมากๆ ผมจึงสะกิดแล้วชี้ไปทางอีกคู่ที่ตอนนี้กำลังเริ่มแลกลิ้นกันพัลวันโดยไม่สนใครในห้องแล้ว
ดูเหมือนฝนจะสนใจหนังสดตรงหน้าเอาเสียมากๆ จนถึงกับมองตาไม่กระพริบ จนพอทั้งคู่เริ่มโหมกระหน่ำซอยกันแล้ว ผมเอื้อมมือไปโอบฝน จากนั้นก็ค่อยๆ เลื่อนลงมาช้าๆถึงหว่างขา พอสัมผัสดูก็รู้ว่าหนังสดเริ่มส่งผลแล้ว กางเกงของฝนเปียกชุ่มไปด้วยน้ำหล่อลื่น ผมจึงไม่รอช้าจับหน้าฝนหันมา แล้วประกบริมฝีปากบดเบียดจากนั้นเราทั้งคู่ก็แลกลิ้นกันดู
หลังจากนั้นฝนก็เอื้อมมือมาโอบกอดผมไว้จากนั้น ผมจึงเพียงดึงกางเกงชุดนอนของฝนลงพร้อมกับถอดกางเกงตัวเองลงไปกองกับพื้น จากนั้นก็ขึ้นคร่อมฝน ดูเหมือนฝนจะจะกลัวเรื่องน้องน้องเห็นจึงได้ทำท่าจุ๊ปาก พร้อมชี้มาทางขวัญ ที่หันหลังให้เราทั้งคู่ไป ผมจึงพยักหน้า จากนั้นก็ค่อยๆ กดควยเข้าไปที่รู
ดูเหมือนฝนจะพยายมเม้มเสียงไว้
” อืมมม อืมมม...” แต่พอผมเริ่มถอย เข้าออก แล้วเริ่มแทงเร็วขึ้น เสียงที่พยายามก็ปล่อยหลุดออกมา
“ อ๊ะ อ๊ะ...อ๊า ... อ๊า.....” ภายในห้องคืนนั้น มีเพียงเสียงระงม จากคู่รักทั้ง 2 คู่ที่ดังออกมา
หลังจากเกมรักคืนนั้นจบลง พวกเราต่างก็ไปอาบน้ำทั้งหมด ต่างพลางหัวเราะ แล้วต่างก็แยกย้ายกันไปนอน จน ช่วงเที่ยงของวันถัดมาพวกเราก็มากินข้าวเที่ยงกัน แล้วก็พาไปกันไปเดินห้าง กันเป็นหมู่คณะ พอตกเย็น พวกเราทั้งหมดก็ตั้งวงกินเหล้ากัน จากที่รวมตังหุ้นกันมา ซื้อเหล้ามาได้ 3 ขวด
ตอนแรกๆพวกเราต่างก็เกรงใจกัน ผสมเหล้าแบบบางๆอยู่ แต่พอเริ่มไปได้ ประมาน 2 ช.ม เหล้าก็เริ่มผสมหนักขึ้น ประมาน ช.มนึงผ่านไป เหล้าขวดแรกก็หมดลง แล้วอยู่ๆ ก็มีคนในวงเหล้าตะโกนมาว่า
“มาเล่นเกมกันป่าว ?” เราทั้งหมดก็ต่างก็กำลังคึกได้ที่ก็ตกลงตะโกน
" เอา ๆ ๆ ๆ " กันถ้วนหน้า แล้วคนที่ถามก็บอก กติกาเกมการแข่งขันก็ง่ายๆ
“ เริ่มจากกูก่อนนี่แหละ เป็นตัวอย่าง เริ่มเกม DoD Drink or Dance เลือกเอา ถ้าไม่เต้นก็กินเหล้าที่ตั้งอยู่กลางวง ถ้าหลับถือว่าแพ้ คนชนะได้เงิน ค่าเหล้าคืนไปเลย...”
แล้วเงินค่าเหล้าทั้ง 3 ขวดก็วางไว้กลางโต๊ะพร้อมเหล้า 1 แก้วแล้วเกมก็เริ่มขึ้นโดย วนทางขวามือ ในกลุ่ม แรกๆก็เลือกกินเหล้ากันหมดหล่ะครับ แต่พอผ่านไปสักพักก็เริ่มมีคนเลือกเต้นกัน จนในที่สุด ก็มีคนเริ่มทยอยหลับกัน แน่นอนว่า คนแรกก็คือขวัญนั่นแหละผมจึงต้องอุ้มไปวางบนเตียง แล้วกลับมาที่วงต่อ พอกินกันไปได้สักพัก พวกผู้หญิงที่เหลือก็เริ่มทยอยหลับกันไปหมด
ผมเองพอฝนหลับไปแล้วก็ตัดสินใจยอมแพ้ แกล้งหลับสักพักก็ลุกแล้วบอกว่าไม่ไหวแล้ว แล้วก็เดินกลับไปห้อง แล้วก็ไปอาบน้ำ พอถึงโซฟาก็เอนตัวลง ตอนที่ใกล้จะหลับแล้วนั่นเองผมก็ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามาในห้อง ผมเองก็เดาว่าคงเป็นเพื่อนฝนหล่ะนะ คงจะเข้ามานอนแล้วหล่ะมั้ง แล้วสักพัก ก็มีเสียงประตูปิด
แต่แทนที่ห้องจะเงียบ กลับมีเสียงจ๊วบจ๊าบดังขึ้น พร้อมกับมีเสียงของฝนถามมา
“ พี่เขาหลับแล้วเหรอ ? ” นี่จากที่จะหลับก็แทบจะเรียกว่าตาค้างเลยทีเดียว จึงพยายามมองก็เห็นเพียงเงารางๆจากแสงจันทร์ที่ส่องเข้ามา
ดูเหมือนฝ่ายชายจะพยักหน้าแล้วทั้งคู่ต่างก็ปลดเปลื่้องเสื้อผ้าของตัวเองออก จากนั้นก็เริ่มมีเสียงครางไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเสียงของฝนเองนั่นแหละครับ พอสักพัก เสียงครางของฝนก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ สักพักใหญ่ๆ ฝนก็ครางร้องเสียงหลง เมื่ออีกฝ่ายเริ่มซุกหน้าลงไปตรงหว่างขา แล้วเริ่มละเลงลิ้น
ดูเหมือน ณ.เวลานั้นฝนคงจะลืมความสัมพันธ์ ที่มีกับผมจนหมดสิ้น เพราะฝนได้แต่ร้องเรียก
“ผัวจ๋า.... อ๊า....ซี๊ด...... เมียเสียวหีเหลือเกิน..... ”
ดูเหมือนฝ่ายชาย จะละเลงลิ้นปลุกปั่นจนในที่สุดฝนก็กระตุกตัวเกร็งเพราะเสร็จสมไป เพียงแต่อีกฝ่ายนั้น ยังไม่เสร็จ จึงให้ฝนเป็นฝ่ายขึ้นขย่ม หลังจากฝนเริ่มขึ้นคร่อมฝ่ายชายแล้ว เธอก็จัดการกดสะโพกตัวเอง ให้โหนกหีบดเบียดฝ่ายชาย พลางถามว่า
“ ชอบไหมคะ ผัวขา....” ฝ่ายชายนั้นไม่ตอบ ได้ร้องคราง พอฝนเริ่มโยกเอวไปสักพักจนกระทั่งฝ่ายชายเริ่มเด้งเอวสวนมา
ในที่สุดทั้งคู่ก็ประสานเสียงระงม จนทั้งฝน และชายคนนั้น เสร็จสมทั้งคู่ และดูเหมือนว่า แค่ครั้งเดียวคงยังไม่พอฝ่ายชายได้พยุงฝนไปที่ห้องน้ำ แล้วเริ่มบรรเลง รักในห้องน้ำอีกคำรบหนึ่ง ผมเองแม้พยายามข่มตาหลับ ก็หลับไม่ลงจนกระทั่งเกือบเช้า ด้วยความอิดโรยจึงผลอยหลับไป
...........................
หลังจากเกิดเรื่องในคืนนั้น ความรู้สึกภายในของผมก็สับสนปนเปกันไปหมด ภายในหัวของผม มีเพียงแค่ 2 คำถาม ซ้ำวกไปวนมา
“ เธอรักเขาตอนไหน ”..... “ ทำไมถึงไม่รักเรา ” ......
จนกระทั่ง ฝนได้เข้ามหาวิทยาลัย ฝนได้เลือกเข้ามหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งซึ่งเธอได้บอกกับ พ่อและแม่ของเธอว่า ส่วนหนึ่งเพราะชอบในสายวิชานี้อยู่แล้ว ส่วนผมนั้นรู้ถึงอีกเหตุผลของฝนดี ว่าที่เธอเลือกเพราะมี ชายคนที่เธอเรียกเขาว่าผัว เลือกเรียนมหาลัยนั้นด้วย ดูเหมือนฝนนั้นจะยังไม่รู้ว่าผมได้เห็นเหตุการณ์ในวันนั้นเธอจึงยังคงวางตัวเหมือนเป็นแฟนผมเช่นเคย เพียงแต่ผมนั้นแทบจะไม่มีอารมณ์ตอบสนองกับเธอเลย
และเรื่องนี้เองที่เป็นชนวนเหตุให้ฝนทะเลาะกันกับผมอย่างหนัก ก่อนที่เธอจะขอย้ายไปอยู่หอใกล้ๆกับมหาลัยที่เรียน หลังจากที่ฝนได้เริ่มเรียนมหาลัยแล้ว ชีวิตของผมก็ยังคงดำเนินต่อไปตามปกติ ไปรับขวัญกลับบ้านและไปรับฝน กลับมาบ้านช่วงทุกๆสิ้นเดือน เพียงแต่สภาพของผมตอนนั้นบอกได้เลยว่าไม่ต่างอะไรกับร่างไร้วิญญาณ
เหตุการณ์ผ่านไป สำหรับผมที่ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เรื่องราวในช่วงนั้น แทบจะเรียกว่าไม่ได้จดจำอะไรเลย จนกระทั่งถึงวันเกิดขวัญ ซึ่งปีนี้ก็ยังฉลองกันตามปกติ เพียงแต่ฝนนั้นอยู่หอ หลังจากช่วงเป่าเค้กผ่านไปขวัญก็ได้ ทวงถามของขวัญ ซึ่งตอนนั้นผมไม่ได้เตรียมอะไรไปเลย ดูเหมือนขวัญจะงอแง ไปพักใหญ่ๆ ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ได้แต่ขอโทษขอโพยเธอยกใหญ่แทน
จนกระทั่ง คุณน้าแยกย้ายกันไปเข้านอน ก่อนผมกลับ ขวัญก็ได้เดินมาหาผม แล้วกวักมือเรียกผมไปหา พอผมก้มลงไปฟัง เธอก็พูดขึ้นว่า
“ งั้นขอเป็นแฟน แทนของขวัญละกันค่ะ ” ไม่เพียงแค่พูดปากเปล่าเท่านั้น เธอยังแนบริมฝีปาก มาที่แก้มผม เบาๆ
สำหรับผมตอนนั้นก็เรียกได้ว่า ถึงจะสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่เจอแบบนั้นไปก็ตกใจอยู่ไม่น้อย ขวัญดูเหมือนจะเข้าใจในท่าทีของผม จึงทำมือเป็นรูปไกปืน ทำท่ายิง แล้วร้อง
” ปัง! หนูเอาจริงนะคะพี่ ” ก่อนที่จะหันหลังเดินกลับไป และปล่อยให้ผมกลับบ้านไปแบบ งง ที่สุดในชีวิต
แล้ววันถัดมา ขวัญก็เล่นรุกเร้าผมโดยไม่ทันตั้งตัว จากปกติที่เธอนั่งหันด้านข้างเข้าหา เธอจงใจนั่งซ้อนแบบทั่วไป แน่นอนว่าสองเต้าที่กลมกลึงได้รูปไม่แพ้พี่ของเธอทาบหลังผมอย่างจงใจเพียงแต่ว่า เป็นอย่างนี้ทุกวัน บางวันเธอก็แกล้งโดยการโน้มตัวมากระซิบข้างหูระหว่างรถติดว่า
“ พี่ขาหนูชอบพี่นะคะ ” ไม่ก็ ” พี่คะ ไม่ชอบหนูหรอคะ ”
ส่วนตัวผมเองนั้นก็ได้แต่อ้ำอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก ความคิดในหัวของผมตีกันมั่ววุ่นวายไปหมดระหว่างคุณธรรมและความต้องการใจนึงนั้นก็อยากลิ้มลอง น้องเขยผู้นี้ แต่ก็อีกแหละครับ สำหรับผม ไม่ว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธ ก็คงบอกได้เพียงว่า แพ้ทุกประตู จะตอบตกลงก็แพ้ใจตัวเอง จะไม่รับก็เหมือนกัยเสียโอกาสทองไป
แม้กระทั่งวันหยุดเธอยังอ้อนวอนขอร้องให้ผมพาเธอไปเที่ยวกับเธอ ดูเหมือนเธอตั้งใจที่จะเดินควงแขนผมประหนึ่งว่า เราทั้งคู่เป็นแฟนกัน สำหรับผมถึงจะไม่ได้รักฝน แต่ก็ยังคงเกรงใจฝนและพ่อแม่ของเธออยู่ จึงทำให้ผมนั้นไม่รู้ว่าควรจะวางตัวแบบไหนจริงๆเป็นอย่างนี้จนกระทั่ง ในที่สุด ก็ถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง..........
...............................................