เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องแต่ง บุคคลภายในเรื่องเป็นบุคคลในจินตนาการไม่ได้มีเค้าโครงจากเรื่องจริงแต่อย่างใดต้องขอบคุณคุณ testman ที่มาแนะนำให้ผมลงส่วนที่อัพเดทเพิ่มของบทที่ 9 ไว้ในบทที่ 10ครับ มีคำแนะนำอะไรสำหรับบทนี้กันอีกยินดีรับฟังและถ้าทำได้จะนำไปปรับปรุงครับ
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
บทที่9 ในส่วนของ 60 , 70 และ 100%
แสงตะวันขึ้นจากขอบฟ้าเกือบเต็มดวงเมื่อผมลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนเพลีย “เชี่ยเอ้ย! สายแล้วๆๆ ไม่น่าดึกเลยกู”ผมสบถออกมาก่อนจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนักศึกษา ฉีดน้ำหอมแบบซักแห้งแล้วคว้ากระเป๋าออกจากห้องแถวโทรมๆวิ่งกระหืดกระหอบไปสุดซอย โชคยังดีที่รถเมล์กำลังจะออกตัวผมเลยคว้าที่จับพุ่งขึ้นไปก่อนประตูจะปิดอย่างฉิวเฉียด...แม่งเอ้ย! เหนื่อยแต่เช้าเลย...ผมรำพึงกับตัวเองก่อนจะควักเงินออกมาจายกระเป๋ารถเมล์อย่างยากลำบากกับสภาพคนแน่นๆในตอนสายแบบนี้
“ฟู่ววว”ผมถอนหายใจ พยายามทำตัวให้เหนื่อยน้อยที่สุดจะได้ไม่ต้องมีเหงื่อออกมาให้เหนียวเหนอะหนะเพราะแค่สภาพอัดกันเป็นปลากระป๋องแบบนี้มันก็ทรมานใจมากเกินพอแล้ว
ยังไม่ทันจะหายเหนื่อยดีผมก็เห็นใครคนหนึ่งยืนถัดจากผมไปข้างหน้าอยู่สองสามคน ด้วยหุ่นที่คุ้นตาทำให้ผมรู้ทันทีว่าคนๆนั้นคือใครผมเลยจัดแจงค่อยๆแทรกตัวผ่านความแออัดเข้าไปอย่างยากลำบากจนคนข้างหน้าผมถึงกับมองมาแบบเคืองกับความไร้มารยาท แต่ใครจะสนล่ะในเมื่อพี่แต้วยืนอยู่ข้างหน้านี่เองจะให้ไปยืนเบียดเสียดกับลุงๆป้าๆน่ะเหรอ ขอมาเบียดกับเมียสาวคนสวยคนนี้ดีกว่า...เอ๊ะ! หรือว่าจะทำอะไรมากกว่าเบียดดี...
ผมนึกไปนึกมาอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจแกล้งครูสาวให้ตกใจเล่นด้วยการจิ้มนิ้วชี้ไปยังชายโครงครูสาวเบาๆ “อย่าหันมาถ้าไม่อยากโดนเหล็กเสียบ”เสียงแหบพร่าที่ถูกดัดขึ้นกับการถูกนิ้วจิ้มเอวทำให้ครูสาวถึงกับสะดุ้งโหยงแต่ทำนิ่งไว้ นั่นยิ่งทำให้ผมได้ใจขึ้นไปอีก “อยู่นิ่งๆอย่าโวยวายเดี๋ยวจะเจ็บตัว”ผมกำชับก่อนจะเลื่อนมืออีกข้างลงจากราวจับมาจับเอวเธอแทน
พี่แต้วดูจะตื่นๆไม่น้อยถึงกับพยายามเบี่ยงสะโพกหลบแต่พอโดนผมกดนิ้วแรงขึ้นเลยต้องหยุดและปล่อยให้ผมค่อยๆลูบไล้บั้นท้ายงอนงามชวนเคลิ้มภายใต้กระโปรงพรีสสีดำสั้นแค่เข่า “นิ่งๆไว้ขอแค่นิ้วพอ แต่ถ้าโวยวายได้โดนเหล็กเสียบแน่” เสียงข่มขู่อันแหบพร่าของผมทำให้ครูสาวถึงกับตัวสั่นน้อยๆไม่กล้าแม้แต่จะขยับมันทำให้ผมยิ่งลูบคลึงบั้นท้ายงอนๆนั้นด้วยความย่ามใจก่อนจะล้วงมือหายเข้าไปใต้กระโปรง
“!!!”
 
พี่แต้วสะดุ้งกับสัมผัสมืออันหยาบกระด้างของผมที่ลูบไล้บนก้นเธอโดยมีแค่กางเกงในผ้าฝ้ายบางๆขวางไว้ ซึ่งผมไม่ได้รีบร้อนอะไรมากมายค่อยๆจับค่อยๆบีบก้นเนียนนิ่มนั่นช้าๆ ป่ายมือลากผ่านร่องเนินเนื้อทีละน้อยให้เธอคุ้นชินอยู่สักพักก่อนจะเปลี่ยนเป็นวางนิ้วลงไปบนกรีบเนินอวบอูม
พี่แต้วหนีบขาเข้าชิดกันในทันทีด้วยความหวาดกลัวแต่มีหรือจะพ้นมือผม แค่ผมอาศัยจังหวะที่รถเบรคติดไฟแดงจนเราเซด้วยกันทั้งคู่ ตวัดเตะส้นเท้าเธอเบาๆให้แยกขาออกแล้วยืนสกัดขาไว้อย่างนั้นไม่ให้หุบได้ทุกอย่างก็เข้าทางผมหมด ครูสาวจึงถูกผมถูไถนิ้วขึ้นลงช้าๆผ่านร่องแคมอันแฉะเยิ้มขึ้นมาถึงร่องก้นเรียกน้ำรักของเธอให้ออกมาเปียกลื่ยกางเกงในมาขึ้นเรื่อยๆ “ขอเข้าไปหน่อยนะ” ผมกระซิบเบาๆพอให้เธอได้ยินก่อนจะแหวกกางเกงในเยิ้มๆสอดนิ้วเข้าไปในร่องรักเปียกลื่นอย่างง่ายดายในทันที
“อุ...”ครูสาวเผลอตัวอุทานเบาๆออกมาก่อนจะก้มหน้าลงข่มเสียงครางเอาไว้ระหว่างที่ถูกผมไชนิ้วเข้าไปเล่นสนุกในร่องสาวอย่างเมามันจนขาเธอสั่นพร้อมกับแรงตอดขมิบที่มีมากขึ้นและแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“แฉะมากแล้วนะ ป้ายหน้าลงกันดีกว่า”ผมกระซิบแต่ผิดคิดเธอกลับส่ายหน้าช้าเหมือนจะปฎิเสธ ผมเลยเอานิ้วจิ้มเอวเธแรงขึ้นอีก “จะลงดีๆหรือจะลงไปกองดีล่ะ” แต่คำขู่ผมกลับไม่ได้ผล พี่แต้วกลับยิ่งขืนตัวหนีบขากลับอีกครั้งโดยไม่สนใจเลยว่านิ้วผมยังคาในร่องเธออยู่ “พี่แต้ว ลงป้ายหน้ากันเถอะนะ หันมาสิ”ผมกลับมาใช้เสียงปกติเรียกเธออีกครั้งพร้อมกับชักมือออกจากร่องสาวปล่อยให้เธอหันกลับมามอง พอครูสาวเห็นว่าคนข้างหลังเธอเป็นใครก็ถึงกับเม้มปากถลึงตาใส่แม้ใบหน้าจะยังแดงก่ำอยู่ก็ตาม
“เรานี่นะ!!”
“ขอโทษน้า...ลงป้ายหน้ากันก่อนเถอะ”ผมขอแกมบังคับด้วยการจูงมือเธอฝ่าคนไปกดกริ่งรถเมล์ ไม่นานนักรถก็จอดสนิทปล่อยให้ผมลงโดยมีพี่แต้วตามมาแต่โดยดี
“นี่ทำอะไรเนี่ยเกิดมีใครเห็นบนรถเมล์นั่นเราน่ะจะโดนนะ”
“ห่วงเหรอ”ผมถามยิ้มๆแล้วจับมือพาเดินเข้าสวนสาธารณะหลังป้ายรถเมล์ พี่แต้วเดินตามผมมาต้อยๆอีกครั้งอย่างว่าง่าย
“ห่วงสิถามได้”
“เมื่อกี้ตอนชวนลงมาแล้วพี่ไม่ยอมลงผมดีใจมากเลยนะ จะเก็บความสาวไว้ให้ผมคนเดียวใช่รึเปล่า”ผมรุกถามต่อจนครูสาวหน้าแดงก่ำ
“พูดบ้าๆ ห่วงลูกในท้องต่างหาก ใครจะปล่อยให้ใครก็ไม่รู้มาทำให้ลูกพี่เจ็บล่ะ”
“แล้วถ้าเป็นพ่อของลูกชวนล่ะพี่จะให้ทำมั้ย”ผมถามก่อนจะดึงมือเธอขึ้นมาจูบอย่างอ่อนโยนทำเอาครูสาวหน้าแดงถึงใบหูเม้มปากหลยตาเป็นระวิง
“บ้า! เมื่อคืนแอบมาหาพี่แล้วยังไม่พออีกเหรอ”
“ก้มีเมียสวยจะให้รู้จักพอได้ไงล่ะจริงมั้ย”ผมขโมยหอมแก้มเธออีกฟอดทำเอาครูสาวรีบเบี่ยงหน้าหลบ
“ว้าย! ตาบ้านี่เดี๋ยวคนอื่นเห็นหรอก”
“งั้นเข้าห้องน้ำไปหอมกันคนจะได้ไม่เห็น”
“ไม่เอาๆๆ”พี่แต้วรีบปฎิเสธแต่กลับไม่ได้ขัดขืนสักนิดเมื่อผมจูงเธอไปยังห้องน้ำหญิงภายในสวนสาธารณะ
โขคดีที่เข้าไปแล้วยังไม่มีคนเข้ามาใช้ผมเลยเลือกไปเข้าห้องในสุด ปิดประตูล็อคกลอนอย่างรวดเร็ว “ทีนี้ก็ไม่มีคนเห็นแล้วจริงมั้ย”ผมถาม กอดครูคนสวยเข้ามาแนบชิดโย้มตัวเข้าไปหอมแก้มทั้งสองข้างฟอดแล้วฟอดเล่า “อืม...หอดดีจัง”
“พอแล้วตาบ้า”พี่แต้วอมยิ้มขวยเขินภายในอ้อมกอด เอามือสองข้างมายันอกผมไว้ “หอมพอรึยังจะได้ไปรอรถเมล์ นี่พี่จะสายแล้วนะ”
“รู้อยู่ว่าผมพาเข้ามาทำอะไร”ผมกระซิบเสียงแหบโหยด้วยความต้องการล้ำลึก พี่แต้วได้ฟังแล้วถึงกับเม้มปากน้อยๆก่อนจะถูกผมดันร่างเธอไปติดประตูแล้วตามไปประกบจูบขบเม้มแผ่วเบา
ครูสาวไม่แม้แต่จะต่อต้านกลับยอมให้ผมขบเม้มริมฝีปากได้อย่างนุ่มนวลอ่อนโยนและค่อยๆเปิดปากส่งลิ้นออกมาหาผมเอง “อืมมมม อืมมมม”เสียงครางในลำคอเราสองคนดังแผ่วเบาแต่พอที่จะให้เราได้ยิน มันเหมือนเป็นเสียงกระตุ้นที่ทำให้มือเราทั้งสองคนเลื่อนลงมาช่วยกันปลดเข็มขัดแก้กางเกงผมลง
“ครูแต้วระวังไปทำงานสายนะครับ”
 
“ใครสนล่ะ ทำแต้วอยากรับผิดชอบเลย”เธอจับเอ็นเนื้อแข็งเป็นอิสระค่อยๆรูดเปิดหัวถอกแดงก่ำออก ก้มดูมันด้วยดวงตาหยาดเยิ้ม “ชอบสีนี้จัง เห็นแล้วเสียวทุกทีเลย”เธอคุกเข่าลงแบบไม่สนใจสภาพพื้นห้องน้ำสักนิก ริมฝีปากแดงด้วยลิปสติกค่อยๆอ้าอมท่อนเนื้อแข็งเข้าไปทั้งแท่งช้าๆ ตวัดลิ้นเลียเคลือบน้ำลายให้ชุ่มโชก
“อา...เป็นครูมาทำแบบนี้มันไม่เหมาะสมมั้งพี่ อูยย เลียหัวแบบนี้ก็เสียวสิ...เมียจ๋า...”ผมครางออกมาด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย แกล้งเรียกเมียให้สาวสวยตรงหว่างขามีอารมณ์ร่วมไปด้วยพร้อมกับใช้สองมือจิกหัวครูสาวที่มัดผมหางม้ารวบตึงให้โยกเข้าโยกออกเพื่อสร้างความเสียวให้มากขึ้นไปอีก “อา...ทั้งดูดทั้งเลียแบบนี้แหละใช่เลย อา...แข็งจะแย่แล้วพอเถอะเมียจ๋า” ผมคลายมือออกจากผมที่เริ่มยุ่งเหยิงนิดๆปล่อยให้พี่แต้วได้คายท่อนเอ็นออกมาหอบหายใจนิดๆ
“แคกๆ ยาวเข้าไปในคอเลย เมียเกือบอ้วกแหนะ”ครูสาวบ่น ลุกขึเนดันผมให้นั่งลงบนฝาชักโครกก่อนจะอ้าขาขยับเข้าคร่อม ในตำแหน่งนี้มันทำให้หน้าผมอยู่พอดีกับทรวงอกอูมอิ่ม ซึ่งดูเหมือนเธอจะรู้ใจเพราะไม่ทันที่ผมจะได้ทำอะไรเธอก็ดึงหน้าผมเข้าซบกลางอกหอมกรุ่นทันที แน่นอนว่าผมไม่มีทางปฎิเสธอยู่แล้วเลยยิ่งส่ายหน้าซุกไซ้กลางหว่างเต้าให้ครูสาวได้หลับตาครางอย่างเคลิบเคลิ้ม “อืมม ดีจัง เพิ่งเคยโดนแบบนี้เลยนะรู้มั้ย”
“เต้าเมียทั้งนุ่มทั้งหอมมากเลย คิดแล้วอยากให้ผัวของเมียไปทำงานเร็วๆจริงๆ”ผมเงยหน้าขึ้นรำพึงมองใบหน้าสวยที่ก้มลงมองผมกลับราวกับคุณแม่ผู้อบอุ่นอ่อนโยน แต่ในระหว่างที่เรามองตาหวานซึ้งกันอยูมือผมก็ล้วงเข้าไปใต้กระโปรงเพื่อแหวกขอบกางเกงในครูสาวเปิดช่องทางเข้าสู่ปากร่องหยาดเยิ้มเรียบร้อย “นั่งลงมาที่รัก”
พี่แต้วคลี่ยิ้มน้อยๆดูหวานล้ำ ย่อตัวลงมาช้าๆให้เนินสาวอันบอบบางค่อยๆคลี่ตัวเปิดอ้ารับเอาเอ็นเนื้อแข็งเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายเธอทีละนิด “...อุ...อูวว อืมมม”เธอเงยหน้าขึ้นช้าๆหลับตาพริ้มและทิ้งน้ำหนักลงมากระทั่งแก่นกายจมหายเข้าไปในร่องเนื้อได้ทั้งแท่ง “ไม่ชินกับท่านี้สักที ขอช้าๆนะเมียจุก”
“ได้สิ”ผมยิ้มแสยะ ก่อนจะปล่อยตัวปล่อยใจให้ครูสาวคนสวยเผยอริมฝีปากบดจูบและเดินเครื่องควบขี่อย่างเชื่องช้า “อืมมม ข้างในตัวเมียมันอุ่นดีจัง...สบายควยผัวมากเลย”
“อา...อา...ย-อย่าหยาบคายต่อหน้าลูกสิคะ อา...ม-มัน...มันก็ทำเมียรู้สึกดีเหมือนกันนั่นแหละ อา...เหมือนมัน ย-ยาวเข้ามาถึงสะดือเลย”
“ของผัวที่บ้านยาวแบบนี้มั้ย”ผมถามระหว่างที่สองมือค่อยๆเลิกเสื้อและปลิ้นบราเธอออกไปด้วย
“ย-อย่าพูดถึงเขาตอนนี้สิ อูววว”พี่แต้วอุทาน เลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นมากดหัวผมไว้นิ่ง ปล่อยให้ทรวงอกกลมกลึงของว่าที่คุณแม่ถูกดูดเม้มด้วยอารมณ์รักคุกรุ่น “อา! ย-อย่าเลียสิ ม-มันเสียวนะ อ๊ะ!!”ครูสาวหลุดปากอุทานออกมาก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองทัน หน้านิ่วคิ้วขมวดกับการถูกฟันขบเน้นเบาๆที่ยอดอก และยิ่งนิ่วหน้าก้มมองมากขึ้นอีกเมื่อผมไม่ยอมหยุดปาก “อื้อ!! อื้อ!! อื้อ!!!”เธอจิกนิ้วเกร็งกับไหล่ผม ส่ายหน้าไปมาราวกับต้องการจะห้าม แต่ยิ่งถูกฟันแข็งๆขบคลึงเม็ดปทุมถันเธอกลับยิ่งส่ายเอวบดโยกหนักหน่วงขึ้นอีก ยิ่งเพิ่มดีกรีความร้อนแรงขึ้นหลายเท่า “อื้อ!! อื้อ!! อ๊ะ!! อี๊ยยยย!!!”ครูสาวที่กำลังเด้งสะโพกโยกหนักอย่างเมามันถูกผมดึงมือทั้งสองข้างของเธอลงมาแนบร่างไม่ให้ปิดปากได้อีกและยังโยกเอวขึ้นกระแทกกลับจึงยิ่งทำให้ครูสาวคนสวยเชิดหน้าขึ้นร้องครางอย่างคนใกล้หลุดโลก
“ร้องออกมาดังๆเลยเมียจ๋า เรามาเสร็จพร้อมกันเลยนะที่รัก!”ผมคำรามลั่นพยายามยกเอวกระแทกรับบั้นท้ายงอนสวยแรงขึ้น หนักขึ้นและถี่ขึ้นกระทั่งพี่แต้วทนกลั้นเสียงอีกต่อไปไม่ไหว
“อ๊ะ!! ผัว!! อ๊ะ!! อ๊ะ!! อ๊ายยย!!!!!”พี่แต้วร้องลั่น ทิ้งตัวลงอัดเนินเนื้อฉ่ำลงมารับเข้าไปสุดโคนเอ็น ภายในกลีบสาวกระตุกตอดระรัวเรียกเอาน้ำกามคาวข้นให้ต้องพ่นออกมาจากอาวุธแข็งแกร่งเข้าสู่โพรงสวรรค์อันเป็นเป้าหมายอย่างมากมายเหลือล้น
เรานิ่งซึมซับความซ่านสยิวกันอยู่ครู่สั้นๆก่อนจะผ่อนลมหายใจหอบหนักออกมาและค่อยๆกอดจูบกันอีกครั้งด้วยความแช่มชื่น
“สายแล้วไม่มีสอนเหรอครับครูแต้ว”
“แล้วที่สายนี่เพราะใครล่ะ...”ครูสาวกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะจูบประทับรอยลิปสติกกับแก้มผม “หมดแรงลุกเลยเนี่ย ช่วยหน่อยได้มั้ย”
“ได้สิ”ผมพยักหน้ายิ้มๆจับครูสาวยืนขึ้น ถอนลำเอ็นที่ถูกดูดจนกลายเป็นสุญญากาศออก
บล็อค!!
เสียงเบาแต่เร้าใจดังพอให้เราสองคนได้ยิน พี่แต้วหน้าแดงก่ำมองค้อนและตีไหล่ผมเป็นเชิงตัดพ้อ “ตาบ้า...ปล่อยน้ำเข้ามาซะเยอะเลย ไปซื้อผ้าอนามัยมาให้เลยนะ”
“ได้เลยครับครูแต้ว เดินไม่ไหวล่ะสิขาสั่นแบบนี้ นั่งพักก่อนนะเดี๋ยวไปซื้อมาให้”
“พาไปส่งโรงเรียนด้วยนะ”
“จ้าๆ”
กว่าจะมาถึงมหาลัยก็เกือบ 10 โมง แถมวิชาเช้าเรียน 9 โมง ถึงเที่ยงอีก เท่ากับว่าผมมาสายไม่ทันคาบเช้าไปซะแล้ว พอคิดได้อย่างนั้นผมเลยจำใจเดินเอื่อยๆไปทางห้องชมรม หวังจะเข้าไปนั่งเล่นเพลินๆในห้องแอร์เย็นๆจนกว่าจะเที่ยงแล้วค่อยออกมาหาอะไรกินแล้วไปเรียนช่วงบ่ายแทน
มาถึงห้องชมรมผมก็เข้าห้องส่วนตัวไปเอนตัวลงนั่งพักเหนื่อยทั้งจากอากาศที่ร้อนและอาการวิงเวียนนิดๆของคนเพิ่งเสียน้ำมาหยกๆ กระทั่งค่อยรู้สึกผ่อนคลายขึ้นถึงตบหน้าตัวเองเบาๆ
“ตื่นๆๆ เฮ่ยตื่นสิวะ!!!”
เพี๊ยะ!!
“โอ้ย!!”ผมสะดุ้งโหยง ตื่นขึ้นมาด้วยอาการงงงวยกับความเจ็บปวดร้อนผ่าวบนแก้ม สายตาผมค่อยๆรับข้อมูลจากสภาพรอบข้างอย่างงงๆก่อนสมองจะเริ่มทำงานอีกครั้ง “เชี่ย!! สายแล้ว”
...เออ สายแล้ว อยู่ ม.แล้ว เอ็งน่ะตื่นสายข้าเลยพามา ม.เองเลย...
“ว่าไงนะ!?! นี่แกแอบใช้ร่างอีกแล้วเหรอ”
...นี่ช่วยนะเว่ย! ตื่นสายแล้วยังจะมาโวยวาย แต่ข้าก็ตื่นสายเหมือนกันว่ะ เข้าเรียนคาบเช้าไม่ทันแล้วเลยพามานั่งในนี้แทน...
“...เออๆ ขอโทษด้วยนะ ขอบใจมากที่พามา ม. ยังไงคาบเช้าก็ไม่ใช่วิชาสำคัญอะไรอยู่แล้วค่อยเข้าบ่ายๆก็ได้” ผมบอกออกไปอย่างไม่ค่อยรู้สึกซีเรียสนัก “แต่ช่วงนี้แปลกๆว่ะ เพลียเป็นบ้าเลย”
...ก็เล่นสาวซะไม่ได้พักอย่างนี้ แถมบอกให้เก็บอักษรก็ไม่ค่อยจะไปหามาเพิ่มมันก็ต้องเพลียสิวะ...
“แกนี่มันฮาว่ะ อย่างกับว่าจะไปหาง่ายๆ...เออ พูดถึงเรื่องนี้แล้วนึกขึ้นได้ เมื่อวานที่พูดเรื่องวิธีขโมยตัวตนนี่มันคือยังไงอธิบายมาหน่อยเถอะ”ผมถามไอ้ตัวแกงเกอร์ด้วยความสงสัย
...ก็อย่างที่เคยบอก เดิมทีเหล่าคีพเปอร์คือพ่อมดผู้รักษาอักษรแห่งโลกอีกมิติที่ช่วยใช้ถ้อยคำสร้างโลกนี้ขึ้นมาให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น ในเมื่อเราเป็นพ่อมดเราก็ต้องใช้เวทย์ได้อยู่แล้ว...
“อธิบายซะยืดเลย เรื่องใช้เวทได้ไม่ได้ยังไงนั่นช่างมันเถอะ เข้าเรื่องได้แล้ว จะขโมยตัวตนใครได้ ในเมื่อตัวตนใครก็ตัวตนมันอยู่แล้ว ให้ไปแทนที่คนอื่นแล้วให้คนอื่นมารับกรรมแทนแบบนี้ไม่เอาด้วยหรอกนะ”
...เรื่องนั้นเอ็งก็ตัดสินใจเอาเองสิวะ ว่าจะขโมยตัวตนใคร แต่บอกไว้ตรงนี้ให้เข้าใจเลยนะว่าตัวตนมันไม่ใช่อัตลักษณ์ ตัวตนคือการคงอยู่ของสิ่งของหรือบุคคลบนโลกนี้ แต่อัตลักษณ์คือสิ่งที่แสดงออกถึงความแตกต่างของตัวตนในคนหรือสิ่งของนั้นๆ อย่างเอ็งที่ไม่มีตัวตน ประวัติหรือข้อมูลเอ็งที่เป็นอัตลักษณ์ของเอ็งจะไม่สามารถแสดงออกมาให้คนอื่นเห็นได้ รวมทั้งร่างกายที่เป็นอัตลักษณ์ของเอ็งก็จะค่อยๆจางหายไปเพราะไม่มีตัวตนให้แสดงออกมาบนโลกใบนี้ เพราะงั้นไม่ว่าเอ็งจะไปขโมยตัวตนใครมา ก็เหมือนเอ็งได้มีตัวตนเพื่อแสดงอีตลักษณ์ของเอ็งให้ชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง เอ็งจะขโมยตัวคนใครมาก็ได้ไม่ได้หมายความว่าเอ็นต้องไปแทนที่คนนั้น...
“งั้นถ้าขโมยตัวตนของโต๊ะหรือเก้าอี้มาแทนได้มั้นล่ะ”
...ข้าว่าข้าเคยอธิบายให้เอ็งฟังแล้วนะไอ้กะโหลกหนา ตัวตนสิ่งไม่มีชีวิต ขโมยมาใช้ เอ็นก็จะค่อยๆเป็นสิ่งไม่มีชีวิตไงล่ะ แต่ถ้าเอ็งจะไปขโมยสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่คนมา เอ็งก็จะมีตัวตนเหมือนสิ่งมีชีวิตที่เอ็งขโมยมา สรุปนะ ถ้าอยากเป็นคน เอ็นต้องขโมยตัวตนของคนมาเท่านั้น ข้าไม่อธิบายซ้ำแล้วนะ หงุดหงิดโว้ย!...
“เอาน่ะๆ ใจเย็นๆก่อน” ผมรีบปลอบ ก็อย่างว่าแหละนะคนมันสงสัยถ้าทำคนอธิบายได้แค่คนเดียวโกรธก็ไม่ได้คำตอบอื่นพอดีน่ะสิ “ไม่ถามเรื่องพวกนั้นแล้วโอเคมั้ย”
...งั้นก็ดี เข้าเรื่องเลย วิธีขโมยตัวตนที่เอ็งต้องเรียนและต้องเรียนให้รู้เรื่องด้วยเพราะข้ามีหน้าที่ปกป้องชีวิตเอ็งกับข้าไว้...
จากนั้นแกงเกอร์ก็สอนเนเรื่องวิธีการขโมยตัวตน พื้นฐานการใช้มนต์ของคีพเปอร์มีหลักใหญ่อยู่ 3 อย่างคือ
1.วงเวทย์
2.เวทย์
3.ต้องเป็นผู้มีเลือดของผู้รักษาอักษร
การร่ายเวทย์ไม่จำเป็นต้องใช้วงเวทย์เพียงให้เงื่อนไขของการใช้คาถานั้นๆตรงกับที่คาถาต้องการก็พอแต่วงเวทย์จำเป็นต้องร่ายเวทปลุกเพื่อให้วงเวทย์ทำงานไม่ว่าเงื่อนไขนั้นจะครบหรือไม่เพียงแค่เป้าหมายอยู่ในวงเวทย์ก็จะสำฤทธิ์ผล
วงเวทย์จะมีหลายแบบหลายวิธีใช้แต่เวทที่ใช้ปลุกวงเวทจะมีเพียงคาถาเดียวคือ
“ข้าขอน้อมอัญเขิญทวยเทพแห่งอักษรปลุกปลอบและปลดปล่อยอักขราเวทย์ให้เป็นอิสระจากพันธกาลด้วยเถิด”
พอร่ายเวทย์เสร็จแล้วแค่เพ่งจิตไปยังวงเวทนั้น จะอยู่ที่ไหนขอแค่ให้จำได้และรู้ว่าเป็นวงเวทอะไรมันก็จะทำงานทันที
ผมฟังแกงเกอร์อธิบายแล้วออกจะมึนๆเหมือนโดนอัดข้อมูลจำนวนมากเข้าหัวในทีเดียวเลยต้องถามไอ้เจ้าอาจารย์ผู้กวนประสาทไปหน่อย “แล้วที่อธิบายมานี่มันสำคัญยังไงต้องจำอะไรบ้างเนี่ย”
...ที่ข้าสอนคืนพื้นฐานที่ต้องจำแต่เอาง่ายๆนะ เอ็งต้องจำเวย์บทนี้บทเดียวเพื่อเอาไปปลุกวงเวทย์ที่ข้าจะสอนให้เขียน จำแค่นั้นพอ ถ้าจำไม่ได้อีกข้าคงหมดปัญญาช่ายแล้วล่ะ...
“คาถามันยาวอยู่นะจะให้จำทีเดียวหมดได้ไง พอจะมีหนังสือแนะนำมั้ย แบบหนังสือเวทย์อะไรอย่างนี้น่ะ”
...เอ็งก็จดสิวะ ตำราเวทย์อย่างที่เอ็งว่าน่ะไม่มีหรอกนะ ความรู้มันถ่ายทอดกันทางสายเลือดคีพเปอร์เท่านั้นแหละ และข้านี่แหละคือความรู้ คือตำราเวทย์ที่จะสอนเอ็ง สรุปคือถ้าจำไม่ได้ไปหาอะไรจดซะ...
“โอเคๆๆ เดี๋ยวไปหากระดาษแป๊บ”ผมรีบหยิบ A4 ปึกนึงออกมาจากกระเป๋าจดตามที่มันสอนผมทันที
...จดแล้วท้องจำให้ขึ้นใจเร็วๆด้วยนะ แค่คาถาบทเดียวอย่าช้านักเพราะข้าไม่มีเวลามาเอ้อระเหยกับเอ็งมากหรอกนะ รีบๆจดข้าจะได้สอนเอ็งเขียนวงเวทย์ต่อ...
“เออๆเสร็จแล้วๆ ต่อเลย”
...งั้นจดแล้วจำให้ขึ้นใจนะ วงเวทย์เป็นศาสตร์แห่งรูปร่างที่มีมายาวนานแล้ว วงกลมคือความไม่สิ้นสุด ความมหาศาลหรือก็คือการเพิ่มพลังให้อักษรที่ไม่ได้เปล่งถ้อยคำออกมาให้มีพลังเทียบเท่ากับการร่ายเวทย์ปกติ
“ประมาณว่าเป็นวงจรทวีแรงดัน เพิ่มโวล์ตของไฟฟ้าอะไรทำนองนั้นสินะ”
...อ่า...เอาเป็นว่าอย่างที่เอ็งเข้าใจง่ายๆนั่นแหละ เรียกวงจรทวีแรงดันก็ได้ เพราะงั้นทุกครั้งที่วาดวงเวทย์ต้องมีวงกลมเป็นองค์ประกอบหลัก เป็นสิ่งที่ล้อมกรอบเวทย์คาถาที่ต้องการจะให้แสดงผล เข้าใจนะ...
“อ่า เข้าใจๆ”
...และที่ข้าบอกไว้ว่า การใช้วงเวทย์ไม่ต้องสร้างเงื่อนไขให้ครบอย่างตอนร่ายคาถาก็เพราะเอ็งต้องเขียนเงื่อนไขทั้งหมดของคาถาเอาไว้ในวงเวทย์แล้ว เงื่อนไขนั้นห้ามขาดเด็ดขาดแต่จะเขียนเกินก็ไม่ได้ไม่งั้นคาถาจะไม่เป็นผล...
“ไอ้เงื่อนไขนี่มันคือยังไง ไม่เห็นเข้าใจเลย”
...เออ ข้าจะอธิบายอยู่นี่ไง อย่างที่เอ็งโดนคาถาขโมยตัวตนมันมีเงื่อนไขคาถาว่า คนที่จะร่ายคาถาต้องสร้างรอยแผลและดื่มเลือดของเป้าหมายเข้าไปก่อนจะร่ายคาถา นั่นแหละเอ็งถึงจะโดนขโมยตัวตนได้ แต่ถ้าใช้วงเวทย์เอ็งต้องเขียนเงื่อนไขเช่นคำว่า รอยแผล เลือด การกินดื่ม อะไรประมาณนี้เพื่อให้ครบเงื่อนไขของคาถานี้...
“อ้อ...อย่างนี้นี่เอง”ผมรีบจดกันลืมอย่างรวดเร็ว อันที่จริงก็จดไม่ต่อยทันหรอกเพราะมันไม่รอผมเลยสักนิดแต่ก็พยายามจะจดให้หมดทุกคำ
...ที่สำคัญ หลังจากที่เอ็งเขียนแล้ว เอ็งต้องจำวงเวทย์ที่เอ็งเขียนให้ได้ว่าอยู่ที่ไหน แค่จำได้หรือมองเห็นแล้วรู้ว่ามันคือวงเวทย์อะไรเอ็งก็สามารถสั่งให้มันทำงานเมื่อไหร่ก็ได้ตามแต่เอ็งจะพอใจ แต่ถ้าเอ็งจำไม่ได้หรือไม่รู้ว่ามันคือวงเวทย์อะไร ไม่ว่าเอ็งจะร่ายเวทย์ปลุกยังไงมันก็ไม่แสดงผลแน่นอน...
“คือ...ต้องวาดวงเวทย์ให้ได้แล้วยังต้องจำคาถาปลุกวงเวทย์อีก คือยากว่ะ จะให้จำหมดได้ไงวะ”ผมเริ่มจะหมดกำลังใจจะเรียนรู้ต่อเพราะจะวาดวงเวทย์วงนึงต้องจำคาถาที่จะท่องให้ได้ จำเงื่อนไขให้ได้แถมยังต้องจำคาถาปลุกให้ได้อีก สำหรับผมนี่มันอย่างกับต้องเรียนการเป็นพ่อมดด้วยวิธีลัดแบบไม่มีพื้นฐานเลยสักนิด ซึ่งแน่นอนว่าทำไม่ได้หรอก
...เอ็งนี่มันยุ่งยากจริง เอาเป็นว่าลืมๆพื้นฐานไปให้หมดเลยแล้วกัน แล้วให้ข้ายืมแขนเอ็งแป๊บ ข้าจะวาดวงเวทย์สำเร็จรูปให้เอ็งดูแล้วหัดวาดให้เหมือนด้วยล่ะ วงเวทย์ที่ข้าจะวาดข้าจะเขียนเวทย์ปลุกกำกับเข้าไปด้วยเพราะงั้นแค่เอ็งนึกถึงมันแล้วสั่งให้ทำงานมันก็จะทำงานทันทีไม่ต้องท่องคาถาอะไรให้ยุ่งยากละข้ารำคาญ...
“มีแบบสำเร็จก็น่าจะรีบบอก เอ้าเขียนให้ดูได้เลย”
...ก็ข้าไม่นึกว่าแค่พื้นฐานเอ็งจะจำไม่ได้นี่หว่า เออช่างเหอะข้าผิดเองที่นึกว่าเอ็งจะสอนง่าย เอาเป็นว่าเขียนให้เหมือนแล้วกัน...
แกงเกอร์ใช้แขนของผมค่อยๆวาดวงเวทย์ขึ้นมาอย่างประณีตบนกระดาษ A4 แผ่นใหม่ ยังดีที่ผมยังมีหัวศิลปะอยู่บ้างเลยคิดว่าพอจะลอกๆเอาได้แต่ก็ถือว่าผมตัดสินใจถูกจริงๆที่ไม่คิดจะเรียนอะไรยุ่งยากแบบนี้เพราะอักษรที่มันเขียนไม่ใช่อักษรภาษาไทยหรืออังกฤษเลยสักนิด มันดูเหมือนตัวขีดๆอย่างกับกิ่งไม้ยังไงอย่างนั้นมากกว่าแปลว่าถ้าผมคิดจะเรียนเขียนวงเวทย์ผมคงต้องเรียนภาษาอีกภาษาด้วยแน่
วงเวทย์ที่สวยงามค่อยปรากฏขึ้นอย่างสวยงามพอดีกับแผ่นกระดาษดูชัดเจน เรียบง่ายแต่ดูทรงพลัง ผมออกจะประทับใจไม่น้อยกับสิ่งที่เห็นและได้แต่จ้องมองมันกระทั่งถูกเขียนจนเสร็จ “สวยดีนะ”
...และทรงพลังด้วย เอาไปจำแล้วเขียนให้คล่องล่ะไอ้โง่ ข้าไม่ไหวล่ะขอตัวไปพักก่อนแล้วกัน...
“ไอ้...ไอ้นี่!!” ผมได้แต่เคืองกับคำด่าของมัน คิดแล้วหงุดหงิดจริงๆที่มัยออกมาที่ไรต้องคอยแขวะผมตลอดแต่ผมดันทำอะไรมันไม่ได้เลยสักนิด คิดแล้วหงุดหงิดจริงๆ
ตรู๊ดดดด ตรู๊ดดดดดด ตรู๊ดดดดดดด
เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋า
“ฮัลโหล ว่าไงวะเคน”
“ยังจะมีหน้ามาถามว่าว่าไงอีกเหรอ ห่าไม่ยอมมาเข้าเรียนทั้งเช้าเลยนะมึงน่ะ หายหัวบ่อยเลยนะพักนี้”
“โทษทีกูตื่นสายว่ะเลยไปเรียนไม่ทัน ว่าแต่เมื่อเช้ามีงานอะไรมั้ยวะ นี่กูเพิ่งมาถึง ม.”
“ไม่มี เหมือนเคยแหละ อ.บ่นๆแล้วก็เลิก มึงอยู่ ม.แล้วใช่มั้ย งั้นไปกินข้าวกันดีกว่า พีดีกูมีข่าวดีจะบอกมึงด้วย”
“ข่าวดีอะไรวะ”
“เออน่ะ รีบๆมาหากูมา กูกำลังจะออกจากห้องแล้วเนี่ย”
ผมวางสายแล้วรีบออกจ่กห้องชมรมไปหาไอเคน พอมาถึงหน้าห้องเท่านั้นแหละผมเข้าใจทันทีเลยว่าข่าวดีที่มันจะบอกคืออะไร
“อ้าวเฮ่ย! มาพอดีเลยมึง”เคนยิ้มกว้าง มีสาวสวยหุ่นเพรียวบางควงแขนอยู่ข้างตัวมัน “กูแนะนำให้รู้จัก คนนี้แฟนกู ชื่อจ๋อมแจ๋ม”
“สวัสดีครับ”ผมทัก ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เห็นคนที่คลั่งใคล้น้องมายด์อย่างมันจะยอมตัดใจแล้วไปหาแฟนใหม่แต่ก็ต้องยอมรับแหละว่าแฟนมันสวยน่ากินจริงๆ “นี่มึงมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย”
“เพิ่งคบกันเมื่อวานนี่แหละ ไงล่ะแฟนกูน่ารักล่ะสิ ห้ามมองนะเว่ยคนนี้ของกู”เคนตบไหล่ผมเป็นเชิงหยอกก่อนจะหันไปหาแฟนมัน “ไปกินข้าวกันดีว่าครับแจ๋มเดี๋ยวเคนแนะนำคนอื่นให้รู้จักด้วย”
“แนะนำ?”ผมถามมันงงๆ นี่มันจะไปกินข้าวกับใครอีกเนี่ย
“ต้องแนะนำสิวะก็กูจะไปกินข้าวกับพวกน้องมายด์ไง มึงนี่แปลกคน ทุกทีก็ไปกินข้าวเที่ยงกับพวกมายด์อยู่แล้วนี่หว่า”
“คือว่า...วันนี้กู...”ผมชักไม่ค่อยแน่ใจกับเรื่องที่จะไปกินข้าวกับน้องมายด์เท่าไหร่หลังจากที่ได้สารภาพรักไป มันทำให้ผมอึดอัดไม่น้อยเลยถ้าจะต้องไปกินข้าวกับสาวน้อยคนที่ผมเพิ่งสารภาพรักไป
“มาอ้ำอึ้งอะไรของมืง กูฝากน้องมายด์สั่งข้าวเผื่อไปแล้วไปกินกับกูนี่แหละ”ไอ้เคนตัดสินให้เรียบร้อย สุดท้ายผมเลยโดนมันลากมานั่งกินกับกลุ่มน้องมายด์จนได้
บนโต๊ะอาหารกลางโรงอาหารผมรู้สึกได้ถึงความอึดอัดเกินจะอธิบายแม้ว่าไอ้เคนจะชวนสาวๆให้เฮฮาไปกับการสนทนาไร้สาระเกี่ยวกับเรื่องของมันและแฟนแต่ผมรู้สึกได้ว่ามายด์ไม่ได้สนุกไปกับคำพูดของไอ้เคนเลยสักนิด ตรงข้ามกลับนั่งยิ้มแหยๆให้มุกของมันไปทีแล้วรีบตักข้าวเข้าปากราวกับจะให้ช่วงเวลาบนโต๊ะอาหารนี้จบไปอย่างรวดเร็วซะอย่างนั้นซึ่งนั่นคงไม่ได้ต่างจากผมเท่าไหร่เพียงแค่ผมไม่ได้แสดงออกโจ่งแจ้งขนาดนั้นและคอยลอบดูมายด์อยู่ตลอดเวลาเท่านั้นเอง และแม้ว่าบทสนทนาบนโต๊ะอาหารจะครื้นเครงสักแค่ไหนแต่ผมกลับไม่กล้าแม้แต่จะชวนมายด์คุยเลยสักนิด
“นี่มายด์ เป็นอะไรเหรอดูไม่ร่าเริงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”น้องฝนเป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับจับไหล่เพื่อนสาวเขย่าให้มายด์รู้ตัว
“ป-เปล่านี่ฝน”
“ฝนเห็นนะว่ามายด์แปลกไปน่ะ เมื่อวานถามอะไรก็ไม่บอกสักคคำ ไปเจออะไรมาเล่าได้นะ พวกเราอยู่ข้างมายด์เสมอนะ”ฝนยังไม่วายปลอบเพื่อนสาวที่มีอาการซึมเซาต่อ
“นั่นสิ เมื่อวานไปเจออะไรมาไหนบอกว่าแค่ออกไปเดินเล่นเฉยๆไง เห็นพอแกกลับมาแล้วเหมือนแกอึ้งๆอย่างกับไปตกใจอะไรมางั้นแหละ”เหนิงถามเพื่อนต่อด้วยความสงสัยทำให้ผมได้สติขึ้นมาว่าบนโต๊ะไม่ได้มีแค่ผมกับน้องมายด์แต่ยังมีแฟนสาวขี้หึงคนนี้อยู่ด้วยอีกคนทำให้ผมรีบปรับตัวให้กลับมาปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นทันที
“เปล่าๆ ไม่ต้องห่วงหรอก แค่ช่วงนี้เพลียๆน่ะเดี๋ยวก็หาย”น้องมายด์รีบแก้ข่าว กลับมาปั้นยิ้มร่าเริมสดใสให้เพื่อนได้เห็นอย่างเดิม แต่ไม่ว่าใครมองก็รู้ว่าสาวน้อยหน้าหวานไม่ได้ร่าเริงสดใสอย่างที่แสดงออกเลยสักนิด
“เอาน่ะน้องมายด์ อย่ากังวลไปเลย ที่เครียดๆนี่เพราะกลัวโดยลักพาตัวไปอีกใช่มั้ย หลังจากนี้ไม่ต้องห่วงเลย มีพี่เคนคนนี้อยู่ทั้งคน รับรองพี่ไม่ให้มายด์เจอไอ้พวกบ้ากามมาลักพาตัวไปอีกแน่นอน”มันตบอกตัวเองด้วยความมั่นใจทำเอาผมขำไม่น้อยกับท่าทางอวดเก่งของมัน แต่ที่ฮากว่าคือ...
“แล้วทำไมต้องออกตัวซะขนาดนี้ฮะ! เดี๋ยวเถอะ มีแจ๋มแล้วยังจะไปทำเจ้าชู้กับน้องมายด์อีกนะ”เสียงจ๋องแจ๋มเอ็ดมันทันทีพร้อมกับบิดแขนหยิกมันด้วยความหมั่นใส้
“โอ้ย!!ๆ เปล่าเจ้าชู้นะแจ๋ม พี่น้องกันก็ต้องช่วยกันสิ เค้าก็รักแจ๋มคนเดียวนั่นแหละจะหึงเค้าไปทำไมล่ะ ต่อให้มีคนสวยกว่าน้องมายมายจีบเค้าก็ไม่ไปไหนหรอก”
“แหวะ!!”สาวๆทั้งโต๊ะถึงกับคลื่นใส้กับคนมีความรักอย่างไอ้เคนทันที ขนาดจ๋องแจ๋มยังตีไหล่มันแล้วยิ้มหน้าแดงด้วยความเขิน
“บ้า! เงียบไปเลยอีตานี่”
ผมหัวเราะไปกับภาพหยอกเย้าของคนมีความรักแต่ในใจกลับไม่ได้รู้สึกรื่นเริงดีใจไปอย่างที่แสดงออกเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับยิ่งรู้สึกกังวลมากขึ้นไปอีกกับทีท่าของมายด์ที่ดูจะอึดอัดใจเมื่ออยู่บนโต๊ะอาหารกับผม...นั่นอาจจะหมายความว่ามายด์ไม่ได้ชอบผมเลยสักนิดก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงมันก็อาจดีสำหรับผมที่ไม่ต้องรู้สึกผิดที่พลั้งปากสารภาพรักไปทั้งๆที่มีเหนิงอยู่ทั้งคนแล้วแต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกเจ็บไม่น้อยเหมือนกันเพราะน้องมายด์เป็นรักแรกของผมและเป็นคนที่ผมแอบปลื้มมาโดยตลอดตั้งแต่ที่สาวน้อยหน้าหวานคนนี้ได้ย่างเท้าเข้ามาในมหาลัย
ระหว่างที่ผมอยู่ในห้วงความคิดนั้นผมรู้สึกได้ว่ามีใครคนหนึ่งกำลังใช้ขาสะกิดผมอยู่ใต้โต๊ะเรียกเอาสติผมกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว พอหันมองคนที่นั่งตรงข้ามถึงได้รู้ว่าเหนิงกำลังจ้องผมอยู่อย่างนิ่งเงียบด้วยสีหน้าไม่พอใจอะไรบางอย่าง
“ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะเดี๋ยวมา ถ้ามาช้าฝากเก็บจานด้วยเลยนะ”เหนิงหันไปพูดกับแพรก่อนจะลุกเดินออกจากโต๊ะไปทั้งอย่างนั้นทำเอาคนทั้งโต๊ะถึงกับหยุดมองด้วยความแปลกใจนิดๆ
“น้องเหนิงนี่หน้านิ่งตลอดเลยนะ พี่ถามจริงชีวิตนี้เคยยิ้มให้พวกน้องเห็นกันบ้างมั้ยเนี่ย”เคนแซวทันทีเมื่อสาวหน้านิ่งเดินออกไปพ้นโรงอาหารทำเอาแฟนสาวของมันทุบอีกทีพร้อมกับดุที่มันแซวรุ่นน้อง
ผมพอเดาได้ว่าเหนิงคงอยากคุยกับผมและคงไม่พอใจอะไรผมสักอย่างด้วยแต่จะให้ลุกไปเลยก็กลัวคนทั้งโต๊ะจะสงสัยเลยต้องนิ่งไว้ก่อนซึ่งทุกอย่างคงไม่พ้นสายตานักข่าวสาวประจำกลุ่มแน่ๆ
แพรวามองจ้องผมเป็นเชิงดุก่อนจะพยักเพยิดนิดๆให้ผมรีบไปหาเหนิงเหมือนจะรู้อะไรบางอย่างที่ผมไม่รู้และมันคงเป็นเรื่องคอขาดบาดตายแน่ๆ ผมเลยต้องรีบลุกตามด้วยความกังวล
“เฮ้ย! เคน กูลืมชีทวิชาตอนบ่ายไว้ที่บ้านว่ะ กลับบ้านแป็บนะ ไว้เจอกันในคาบเลย”
“เออๆ มาเรียนด้วยนะมึงอย่าขาดแบบคาบเช้าล่ะ ได้ข่าวว่า อ.นพมาสอนแทน อ.จ๋าด้วย”
“โอเคแล้วเจอกันในคาบ” ผมทิ้งท้ายก่อนจะลุกพรวดพราดออกมาจากโรงอาหาร ออกมาถึงก็เห็นเหนิงยืนรออยู่มุมตึกก่อนแล้ว พอเหนิงเห็นผมก็เดินลิ่วนำไปลานจอดรถทันที ส่วนผมน่ะเหรอแน่นอนต้องเดินตามคนหน้าบูดไปต้อยๆอยู่แล้ว “เป็นอะไรไปเหรอเหนิง บอกพี่หน่อยได้มั้ย”
“เปล่านี่ แล้วตามมาทำไม” สาวหน้านิ่งพูดเสียงแข็งชวนขนลุกก่อนจะขึ้นรถไปนั่งฝั่งคนขับ และแม้จะถามผมเป็นเชิงไล่แต่ก็ไม่ยอมออกรถจนผมขึ้นไปนั่งข้างๆนั่นแหละ...นี่แหละน้าที่เขาว่าผู้หญิงปากไม่ตรงกับใจ
 
“ก็พี่เห็นเหนิงทำหน้าแบบนี้พี่ก็ต้องเป็นห่วงสิ”
“แน่ใจนะว่าที่ตามมาเพราะห่วง เห็นจ้องยัยมายด์ตลอดเลยไม่ใช่เหรอ”เหนิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบขึ้นกว่าเดิมไปอีกทำให้ผมทั้งกลัวทั้งขนลุกไม่น้อย เหมือนกับเป็นเด็กที่ถูกแม่จับได้ว่าไปทำอะไรผิดมาก็ไม่ปาน “...พี่ยัง...รักยัยมายด์อยู่เหรอ”
นั่นเป็นคำถามสุดท้ายก่อนที่เราสองคนจะปล่อยให้เสียงเครื่องยนต์ของรถเข้ามาดังก้องกระหึ่มท่ามกลางความเงียบ ผมรู้ดีว่าถ้าตอบไปตามความจริงเหนิงคงโกรธมากแน่ๆแต่จะให้โกหกเหรอ...นั่นไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเลยในเมื่อเหนิงสังเกตเห็นชัดๆว่าผมแอบมองน้องมายด์อยู่ตลอด สรุปคือยังไงก็ควรพูดความจริงไปก่อนเผื่อโทษหนักจะได้เป็นเบาแต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะพูดความจริงซึ่งรู้อยู่เต็มอกว่ามันจะทำร้ายจิตใจสาวน้อยตรงหน้าอย่างแน่นอน
รถยนต์หักเลี้ยวเข้ามาจอดในบริเวณตึกร้างที่ผมมาช่วยน้องมายด์ไว้จากการถูกฉุดเหมือนกับจะยิ่งตอกย้ำให้ผมพูดความจริงยังไงอย่างนั้น “ว่าไงพี่ ยังรักยัยมายด์อยู่ใช่มั้ย”
“...ใช่ พี่ยังชอบมายด์อยู่”สัญชาตญาณบอกให้ผมยอมรับผิดแค่กึ่งเดียว แทนที่จะพูกว่ารักผมเลยพูดว่าชอบแทนอย่างไม่ค่อยเต็มปากนัก
“วันนี้พี่กับยัยมายด์ดูแปลกๆนะ มีอะไรจะเล่าให้เหนิงฟังรึเปล่า”สาวห้าวหน้านิ่งหันมามองผมด้วยสายตาดุดันสร้างความอึดอัดให้ผมไม่น้อย ยอมรับเลยว่ามันทำให้ผมคิดคำโกหกอะไรไม่ออกจริงๆ
“เหนิง พี่...”
“พอแล้ว เหนิงไม่อยากฟัง ไม่อยากรู้ด้วยว่าพี่ไปทำอะไรกับยัยมายด์มา แค่ตอบเหนิงมาสองอย่างพอ พี่แอบคบกับยัยยมายด์อยู่ใช่มั้ย”
“ไม่นะ พี่ไม่ได้แอบคบกับมายด์แน่นอน ...ถึงพี่จะยังชอบมายด์แต่พี่รับรองว่าไม่มีอะไรแบบนั้นแน่” ผมยืนยันหนักแน่น รู้สึกโล่งใจไม่น้อยกับคำถามที่ได้ฟังเพราะอย่างน้อยผมกับมายด์เราไม่ได้มีอะไรมากกว่าพี่น้องกันจริงๆ
“ก็ได้ เหนิงจะเชื่อพี่ แล้ว...เหนิงถามแค่คำเดียว ระหว่างเหนิงกับมายด์พี่จะเลือกใคร?”สาวห้าวทำหน้าจริงจังราวกับว่าคำถามนี้มันจะชี้ชะตาผม และสิ่งที่ทำให้ผมถึงกับใจหายคือ สาวน้อยหน้านิ่งของผมค่อยๆมีนำตาหน่วงคลอขึ้นมาพร้อมกับขอบตาค่อยๆแดงก่ำขึ้นด้วย นั่นมันทำให้ผมหัวใจกระตุกวูบ ตระหนักได้ทันทีว่าผมได้ทำร้ายจิตใจของสาวน้อยคนนี้ไปมากเกินไปแล้ว ผมกลับไปหลงไหลกับความรักลมๆแล้วของผมกับมายด์ทั้งที่มีคนตรงนี้อยู่ทั้งคน
“...พี่ขอโทษนะที่ทำร้ายจิตใจเหนิงแต่ยังไงพี่ก็รักเหนิงนะ”
“พี่จะไม่ทิ้งเหนิงไปคบกับยัยมายด์ใช่มั้ย”
“พี่สัญญา พี่จะไม่ทิ้งเหนิงแน่นอน ไม่ว่าเหนิงจะถามกี่รอบพี่ก็รับรองว่าจะไม่ทิ้งเหนิงแน่ เรื่องที่เกิดมันแค่อารมณ์ชั่ววูบจริงๆและพี่จะไม่ทำอีกแล้ว”ผมแทบจะเอาหัวรับประกันกับเหนิงได้เลยว่าระหว่างผมกับมายด์จะไม่เกิดอะไรแบบนี้ขึ้นอีกด้วยความสงสารแฟนสาวคนนี้แต่อีกใจก็รู้สึกลำบากใจไม่น้อยที่แม้ว่ากับมายด์ผมจะไม่ยอมให้เกิดแต่กับคนอื่นที่ผมแอบนอกใจเหนิงไปก่อนหน้านี้ผมไม่สามารถบอกหรือยอมรับได้จริงๆว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกในเมื่อสาวๆเหล่านั้นก็เป็นของผมไม่ต่างขากเหนิงเลยสักนิด
“ถ้างั้นเหนิงถามได้มั้ยว่าเมื่อวานพี่ทำอะไร ยัยมายด์ถึงแปลกไปแบบนี้”
“พี่...พี่เจอมายด์ตอนกำลังออกตามหามายด์ แล้วเราก็ไปนั่นเล่นที่ร้านกาแฟนกัน จากนั้นเพราะอะไรไม่รู้พี่ถึงได้...บอกว่าชอบมายด์ออกไป พอมายด์ได้ยินแบบนั้นมันก็เป็นแบบนี้แหละ”
“...”เหนิงเบิกตานิดนึงราวกับอึ้งกับเรื่องที่ผมเล่า น้ำตาหยดน้อยๆค่อยๆไหลรินลงมาอาบสองข้างแก้มและค่อยมากขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้กับความเสียใจ “ถ้ายัยมายด์ตอบตกลงพี่คงจะทิ้งเหนิงไปแล้วใช่มั้ย พี่ไม่ได้รักเหนิงแล้วใช่มั้ย”
ผมพอจะรู้ว่าถ้าสารภาพความจริงเรื่องคงเกิดแน่แต่ขนาดว่าผมเตรียมใจมาแล้วพอเจออาการปล่อยโฮพร้อมกับคำพูดตัดพ้อผมก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน ได้แต่คดว่าจะทำยังไงให้เหนิงหยุดด้วยประสบการณ์การปลอบอันน้อยนิด ผลเลยกลายเป็นว่าผมโอบดึงเหนิงเข้ามาจูบนิ่งแทนการพูดปลอบ
เหนิงดิ้นอึกอักรัวกำปั้นทุบอกหนาครั้งแล้วครั้งเล่า น้ำตาหยดน้อยๆที่อาบชุ่มแก้มพาลทำให้ผมรู้สึกเปียกชื้นไปด้วยแต่ยังไงผมก็ไม่มีทางปล่อยริมฝีปากสาวหมวยให้เป็นอิสระแน่ มันรู้สึกราวกับว่าถ้าผมถอนจูบออกตอนนี้มันจะให้ให้ผมเสียสาวน้อยตรงหน้าไปตลอดกาลยังไงอย่างนั้น
“อื้อ!! อึ...อือ อืมมมมม”ยิ่งผมดึงรั้งร่างเพรียวบางเอาไว้นานสาวน้อยยิ่งค่อยๆหายพยศลงเรื่องๆ มือสองข้างค่อยๆทุบช้าลงกระทั่งหยุดนิ่งอยู่บนอกผม ริมฝีปากน้อยๆเผยอเปิดช้าๆเป็นโอกาสให้ผมสอดลิ้นเข้าไปทีละน้อยเพื่อหยั่งเชิง “อืมมม” เหนิงครางแผ่วเปิดปากให้กว้างขึ้นอีกนิดพร้อมทั้งส่งลิ้นเรียวบางหวานฉ่ำมาต้อนรับลิ้นผม
ผมช้อนสะโพกสาวในชุดนักศึกษาทรงเออุ้มจากเบาะคนขับให้มานั่งคร่อมเผชิญหน้ากันบนตักก่อนจะปัดเส้นผมยาวเคลียไหล่ไปข้างหลังเพื่อปาดเช็ดน้ำตาบนแก้มนุ่ม “...พี่ไม่อยากเห็นน้ำตาเหนิงเลยรู้มั้ย พี่รักเหนิงนะ และมั่นใจได้เลยว่าพี่จะไม่ทิ้งเหนิงไปไหนแน่”
เหนิงเม้มปากน้อยๆสบตาผมด้วยแววตาสดใสขึ้น “แล้วไปบอกชอบมายด์ทำไมล่ะ”
“พี่จะได้ตัดใจจากมายด์ได้ไง บอกให้ในใจพี่หายค้างคาไปเลยเพราะยังไงพี่ก็รู้ว่าพี่มีเหนิงเป็นตัวจริงของพี่อยู่แล้ว”ผมด้นสดไปทั้งอย่างนั้นแม้จะรู้สึกว่ามันดูแถไปนิดแต่สาวหมวยของผมดูจะไม่สนใจจะจับผิดเท่าไหร่
สาวหมวยค่อยๆยิ้มกว้างขึ้นก่อนจะชี้นิ้วจิ้มมาบนอกผม“แล้วอย่าไปบอกชอบใครในกลุ่มเหนิงอีกนะ กับคนอื่นยังพอให้อภัยแต่ถ้ากับเพื่อนเหนิงล่ะก็พี่จบไม่สวยแน่”
พอเห็นเหนิงยิ้มออกผมเลยยิ้มออกมาบ้างด้วยความโล่งใจว่าในที่สุดก็เคลียจบสักที“พี่เข็ดแล้วจ้าแม่เสื่อ พี่ไม่ทำอักแล้ว”
“รู้ว่าเหนิงเอาจริงก็ดี” สาวหมวยจับแก้มทั้งสองข้างของผมไว้ ก้มเอาหน้าผากมาชนหน้าผาก ส่งสายตาหวานปนซุกซนมาให้ “ก่อนมีเหนิงน่ะเจ้าชู้ยังไงเหนิงไม่สนหรอกแต่มีเหนิงแล้วงดหื่นกับคนอื่นะ”
“แล้วหื่นกับเหนิงได้มั้ย”
สาวหมวยยิ้มไม่ตอบ เชิดหน้าผมขึ้นก่อนจะก้มลงประกบจูบหวานชื่นดุดัน ลิ้นเล็กๆของแม่เสือสาวสอดตวัดหาลิ้นผมเพื่อรัดพันมันอย่างโหยหิว สายตาซุกซนสานสายตากับผมราวกับจะบอกความต้องการที่มีออกมาให้ผมได้รับรู้ “...มีถุงมั้ย” เสียงถามแหบพร่าจากปากหญิงสาวในตอนนี้มันช่างทรงเสน่ห์สำหรับผมมากเหลือเกิน มันมากซะจนเจ้าท่อนล่างของผมแข็งไปหมด
“ไม่มี”
“...งั้นอย่าแตกข้างในนะ”เหนิงพูดราวกับถุงยางไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเธอเลยสักนิดก่อนจะก้มมองเป้ากางเกงผมเพื่อรูดซิปเปิดดึงเอาแท่งเอ็นดำเมี่ยมขนาดเท่าข้องมือเด็กสาวออกมาสู่ภายนอก ส่วนผมก็ไม่ยอมน้อยหน้าถลกชายกระโปรงทรงเอขึ้นถึงเอวก่อนจะแหวกขอบกางเกงในสีดำสนิทให้พ้นปากร่องอวบอูม เหนิงโหย่งตัวขึ้นใช้มือจับท่อนเอ็นแข็งกลางหว่างขาช่วยนำทางให้หัวบานจรดจ่อกับปากร่องลื่นก่อนจะค่อยทิ้งน้ำหนักลงมาทีละน้อยให้ปากร่องฟิตแน่นได้เข้าห่อหุ้มหัวถอกทีละน้อย “อ-อูวววว เข้ามาแล้ว ข-ของพี่เข้ามาข้างในเหนิงแล้ว”
“อูยยย ร่องฟิตกว่าเดิมรึเปล่าเนี่ยเหนิง หรือว่าเพราะไม่สวมถุงมันถึงฝืด”ผมถามไปก็จับสะโพกอาหมวยช่วยดึงกดลงมาด้วยอีกแรง
“ช-ช้าๆสิพี่เดี๋ยวของเหนิงพังหมด”สาวน้อยหน้านิ่งคราง ก้มมองท่อนเนื้อของผมที่ค่อยๆถูกกลีบเนื้ออวบอิ่มบวมแดงกลืนกินแบบไม่วางตา
“ก็เล่นใส่ทรงเอรัดๆมาขึ้นคร่อมแบบนี้ถึงไม่ใช่พี่ก็คงทนไม่ไหวล่ะ เซ็กซี่แบบนี้พี่จะเย็ดให้บานเลย”
“พ-พูดบ้าๆ ซี๊ดดด”เหนิงหลับปี๋ตาเม้มกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะตัดสินใจกดสะโพกทิ้งตัวลงรับเอาโคนเอ็นเข้าไปในร่างทั้งหมดทีเดียว “อูยยย เหนิงไม่ไปขึ้นคร่อมของผู้ชายคนอื่นหรอกนะเหนิงจะขึ้นให้แต่พี่คนเดียวเท่านั้นแหละ” สาวหมวยบรรจงจูบหน้าผากผมอย่างนุ่มนวลก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาน้อยๆ “คนอะไรยาวเข้าไปชนข้างในเหนิงเลย ถ้าของเหนิงพังนะรับผิดชอบด้วย”
“ไม่พังพี่ก็รับผิดชอบ”ผมเลื่อนมือจากสะโพกสาวหมวยขึ้นมาค่อยๆแกะกระดุมเสื้อนักศึกษาออกทีละเม็ดเพื่อรอเวลาให้ร่องรักอ่อนนุ่มได้ปรับขนาดเข้ากับเอ็นเนื้อและหลั่งชโลมเมือกลื่นออกมาให้มากกว่านี้ซะก่อนและดูเหมือนเหนิงจะรู้ว่าผมอยากให้พักยกชั่วคราวเช่นกัน “เมื่อกี้ไอ้เคนมันแซวว่าเหนิงหน้านิ่งตลอด พี่อยากให้มันมาเห็นตอนนี้จังว่าเหนิงของพี่ยิ้มสวยแค่ไหน”
“ทำมาพูดดี”สาวหมวยแก้มแดงแทบหุบยิ้มไม่อยู่
“รู้มั้ยว่าตอนยิ้มเหนิงสวยมาก”ผมถามไปก็ค่อยๆแหวกเสื้อนักศึกษาออก ดึงรั้งเอาบราเซียสีเนื้อขึ้นให้เนินอกกลมกลึงพอดีมือหลุดเป็นอิสระออกมาชูชันต่อหน้า
“งั้นพี่ก็ควรจะดีใจนะที่ได้เห็นเหนิงยิ้มแค่คนเดียว อุ๊ย!! ตาบ้า”เหนิงอุทานด้วยความเสียวสยิวเมื่อทรงอกอวบอัดเต่งตึงถูกประกบดูด สาวน้อยหลับตาลงแอ่นทรวงอกเข้าหามากขึ้นอีกนิด รับแรงดูดเม้มเชื่องช้าชวนทรมานพร้อมกับส่งเสียงครางฮือๆเบาหวิว สองมือโอบกอดรอบลำคอกดหัวเข้าซบแน่นกับเนินอกขาว สะโพกน้อยๆเริ่มยกตัวขึ้นทีละน้อยก่อนจะทิ้งตัวลงมารับท่อนเอ็นเข้าไปมิดครั้งแล้วครั้งเล่า “อา... พี่เป็นของเหนิงแล้วนะ...อา...ห้ามมีใคร...อา...ที่ไหนอีก...อา...แม้แต่คนเดียว อูว...”
ในไม่ช้าเสียงครางแผ่วเบาก็ค่อยๆลอยละล่องปนเปกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อของจังหวะรักอันหนักหน่วงท่ามกลางตึกร้างไร้ผู้คน ผมหลับตาลงปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติ ให้เอ็นเนื้อแข็งเขม็งได้ถูกกระตุ้นจากแรงตอดดูดภายในตัวสาวหมวยมากขึ้นมากขึ้น สองมือช้อนก้อนเนื้อนุ่มของสองแก้มก้นเนียนราวกับแก้มเด็กเพื่อลดแรงกระแทกกระทั้นให้เบาลงในขณะที่ปากยังคงประกบดูดเม้มเม็ดประทุมถันสีชมพูอ่อนกลางอกทีละข้างด้วยความโหยหาราวกับไม่ได้ทำรักกับเรือนร่างนนี้มานานแสนนาน
“อูววว ส-เสียว แฮก-แฮก มันทำเหนิงเสียวไปหมด พ-พี่ช่วยเหนิงด้วย พี่...ซี๊ดดดด”สาวหมวยถึงกับตัวงอร้องแทบไม่เป็นภาษาเมื่อถูกผมเลื่อนมือกลับมาจับสะโพกอีกครั้งเพื่อช่วยดึงรั้งให้เหนิงกระแทกกระทั้นลงมาหนักหน่วงรุนแรงขึ้น ใบหน้าสวยจึงเริ่มบิดเบี้ยวด้วยความเสียวซ่านเกินจะรับและตอบโต้ผมกลับด้วยแรงตอดรัดหนึบแน่น “ม-ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว! อี๊ยยยย”สาวหมวยตัวกระตุกทิ้งสะโพกลงมาอย่างแรงรับเอาท่อนเนื้อเข้าไปทั้งแท่งพร้อมกับกอดรัดผมไม่ให้ขยับด้วยร่างสั่นสะท้าน ผลร้ายมันจึงตกมาที่ผมที่กำลังจะแตกเพราะแรงตอดแต่จะจอดทั้งอย่างนี้ไม่ได้เลยต้องอั้นเอาไว้สุดกำลัง จับสะโพกนุ่มยกขึ้นให้มันหลุดเป็นอิสระอย่างฉิวเฉียด
ปรี๊ดดดดด พรืดดดด พรืดดดด
เมือกกามคาวข้นพุ่งพ่นออกมาเป็นสายกลับเข้าไปในร่องแคมที่ปากทางเข้าปิดลงมาไม่สนิทก่อนจะฉีดรดเปรอะเปื้อนเต็มกางเกงในและหว่างขาขาว
ผมปล่อยเหนิงกลับลงมานั่งบนตักด้วยความโล่งใจ “ฟูวววว เกือบไปแล้ว”
“...”สาวหมวยคลายกอดออกยังคงหอบหนัก สายตาหวานเยิ้มจ้องผมด้วยใบหน้านิ่ง “แฮก-แฮก...ม-มันไม่ได้แตกข้างในเหนิงใช่มั้ย”
“...พี่...พี่ว่ากินยาคุมกันไว้ก่อนดีกว่ามั้ย”ผมตอบไปอย่างนั้นเพราะไม่มั่นใจเหมือนกันว่าน้ำที่พ่นออกมามันเข้าไปข้างในเหนิงมากแค่ไหนแต่ที่แน่ๆคือผมชักออกมาทันแบบเฉียดฉิวจะเสียงพลังไปมากๆ
“ถ้ารู้ว่าต้องกินยาคุมอย่างนี้ปล่อยให้แตกในดีกว่าจะได้ไม่เลอะเทอะ”สาวหมวยยิ้มน้อยๆด้วยแววตาซุกซน ก้มหน้าลงมองเอ็นเนื้อกึ่งอ่อนกึ่งแข็งเปียกเยิ้มกลางหว่างขาก่อนจะคว้ามันไปรูดรีดเอาเมือกคาวภายในออกมารดบนกางเกงในผ้าลื่นสีดำ “น้ำเยอะแบบนี้เห็นแล้วหิวเลย”
“ยังไม่พออีกเหรอเหนิง”ผมถามมองดูนาฬิกาบนคอนโซลรถแล้วอดเสียดายไม่ได้...ถ้ามีเวลามากกว่านี้อีกหน่อยคงได้เพลินกว่านี้แน่
“ก็จะบ่ายแล้วไม่ใช่เหรอพี่ เวลาเข้าห้องน้ำไม่มีแบบนี้เหนิงก็ต้องช่วงล้างให้ด่วยปากสิ”
“ของเราก็เลอะเต็มกางเกงในเลยนะ อีกอย่าง...ไปหาซื้อยาคุมกันก่อนเถอะเดี๋ยวจะเข้าเรียนสาย”
“ก็ได้”เหนิงทำหน้าเสียดายนิดๆก่อนจะจับเอ็นเนื้อผมเข้ากางเกงรูดซิปปิด “เลอะมือไปด้วยเลยเนี่ย”สาวหมวยบ่นยิ้มๆ
เราสองคนจัดชุดกันแบบลวกๆให้พอเรียบร้อยก่อนที่เหนิงจะขับพาผมไปซื้อยาคุมมาให้ จากนั้นถึงมาส่งผมที่ตึกเรียน
“กางเกงในเลอะขนาดนั้นไม่ถอดเหรอ”ผมถามเป็นครั้งสุกท้ายก่อนจะก้าวลงจากรถ
“ให้เลอะน้ำพี่แล้วค่อยฉีดน้ำหอมเอายังดีกว่าปล่อยโล่งๆให้คนอื่นเห็นของเหนิงนะพี่”
“ก็เราใส่ทั้งสั้นทั้งรัดทำไมล่ะ”
“เพราะคนแถวนี้นั่นแหละเลยอยากใส่มาอวด”
ผมได้แต่ยิ้มด้วยความรู้สึกอบอุ่นในใจกับคำพูดของเหนิงแล้วเปิดประตูก้าวเท้าลงมายังตึกเรียน...เฮ้อ! ในที่สุดก็หมดปัญหา ชาตินี้ไม่ขอยุ่งวุ่นวายกับเพื่อนเหนิงอีกแล้ว...ผมรำพึงในใจแต่ไม่ทันได้โล่งใจเมื่อโทรศัพท์ผมกลับแจ้งเตือนข้อความจากแชตเฟสให้ผมต้องเปิดดู
‘นี่ฝนนะคะ ฝนอยากกินน้ำสลัดพี่แล้ว พรุ่งนี้เช้าเอามาให้ได้มั้ยคะพี่’
/ 9:
ก่อนเข้านิยายมาสร้างบรรยากาศในผับกันหน่อยครับ
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
บทที่ 10
ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าตรู่ เช้ายิ่งกว่าทุกวันเพราะเช้าวันนี้ต้องไปหาฝนแต่เช้าเพื่อให้อาหารสูตรพิเศษกับสาวหน้าใสจอมเปิ่น
“...ตื่นเช้าไปมั้ยวะเนี่ย ตีห้าแบบนี้ไปถึงคงยังไม่มีใครมาเลยมั้ง”ผมหยิบโทรศัพท์มาดูแล้วบ่นด้วยความง่วงงุน “อะไรวะ ไอเคนส่งอะไรมาในไลน์วะเนี่ย”ผมเห็นแจ้งเตือนไลน์ไอ้เคนแล้วอดสงสัยไม่ได้เพราะมันขึ้นแจ้งเตือนว่าผมได้รับวีดีโอกว่า 10 แจ้งเตือน พอผมเปิดเข้าไปดูเท่านั้นแหละถึงกับตาสว่างทันที
...คลิปกูกับแจ๋ม กูถ่ายมาฝากเผื่อมึงอยากดู...
 
นั่นคือข้อความก่อนที่มันจะส่งคลิปมา พอเปิดคลิปแรกไอ้หนูผมก็ถึงกับตั้งผงาดทันที
ภายในคลิป จ๋อมแจ๋มในชุดนักศึกษากดอัดคลิปแล้วกลับไปนั่งหันข้างเหยียดขายาวบนตักกอดจูบกับไอ้เคนอย่างเปิดเผยบนโซฟานุ่มสีเทาอ่อน
“อืม....ให้อัดคลิปทำไมเหรอเคน”
“จะอัดไปให้ไอ้ที่เคนแนะนำให้รู้จักวันนี้ดูน่ะ...เอ่อ...มันชื่ออะไรจำไม่ได้ แจ๋มนึกออกใช่มั้ยว่าคนไหน”
“เคน!!! อีตาบ้า นึกว่าจะอัดไว้ดูกันสองคน ปิดกล้อง...อุ!!”แจ๋มไม่ทันได้พูดจบไอ้เคนก็จับแฟนสาวบนตักมาจูบต่อพร้อมกับบีบปากให้เปิดแล้วสอดลิ้นล้วงลึกเข้าไปในช่องปากเล็กๆนั่น สาวร่างบางดิ้นอึกอักได้ไม่นานกำปั้นที่ทุบอกมันก็ค่อยๆคลายออกเป็นวางมือนิ่งบนแผ่นอกแข็ง “อืมมมม”
“เชื่อด้วยเหรอแจ๋ม”
“อีตาบ้า ตกใจหมดนึกว่าจะถ่ายไปให้คนอื่นดูจริงๆ”
“พูดแบบนี้แล้วเสียวมั้ยล่ะ”มันถามยิ้มๆลูบไล้ท่อนขาเรียวขาวขึ้นมาถึงทรวงอกคับแน่นในชุดนักศึกษา จ๋อมแจ๋มเม้มกัดริมฝีปาก หรี่ตาปรือยั่วยวนด้วยสายตาไปพร้อมกับจับกุมมือหยาบใหญ่บนทรวงอกให้บีบเคล้นหนักหน่วงมากขึ้นอีก
“ตอนนี้แฉะไปหมดแล้วล่ะเคน”
“อยากให้มันดูเหรอ”
“ก็ตื่นเต้นดีนะ”
“งั้นลองคิดว่ากล้องคือมันแล้วดูดไอติมอุ่นให้มันดูหน่อยดีมั้ย”เคนเสนอ “ไปหยิบกล้องมาสิเดี๋ยวเคนถ่ายให้ แล้วแจ๋มแสดงให้มันดูให้เต็มที่เลยเป็นไง”
“อืม...แค่คิดของแจ๋มก็เยิ้มไปหมดแล้วเคน”สาวสวยดาวเภสัชจูบเม้มริมฝีปากไอ้เคน ทอดสายตาหวานเยิ้มให้ก่อนจะลุกมาหยิบกล้องแล้วภาพทุกอย่างก็ตัดไป...
...แค่เห็นคลิปแรกเอ็นเนื้อในกางเกงผมก็แข็งจนปวดไปหมดทำเอาผมอยากดูคลิปต่อไปทันทีเลยจริงๆแต่คิดได้ว่าขืนดูต่อผมได้เหนื่อยแน่ ไหนๆก็จะเหนื่อยแล้วคงต้องเหนื่อยให้คุ้มค่าเสียหน่อย พอคิดแบบนั้นเลยไปหาขวดเปล่ามาเตรียมรองน้ำที่จะกระฉอกออกพร้อมกับเปิดคลิปต่อ...
...ในคลิป สาวสวยร่างผอมเพรียวกำลังนั่งคุกเข่าต่อหน้าไอ้เคนที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าไปเรียบร้อย แจ๋มจับเอ็นเนื้อขนาดเต็มมือรูดถอกเปิดให้หัวบานแดงโผล่ออกมาพร้อมกับเงยหน้ามองกล้องด้วยรอยยิ้ม
“ดูดีๆนะแจ๋มจะกินใส้กรอกเคนแล้ว อ้ามม อืมมม”ใบหน้าสวยๆก้มลงอ้าปากกว้างๆอมท่อนเอ็นเข้าไปทั้งแท่งได้อย่างง่ายดายก่อนจะโยกหัวขึ้นลงช้าๆและนุ่มนวล
“อา...สมแล้วที่หัวดี สอนใช้ปากไปครั้งเดียวจำได้หมด เยี่ยมเลย...อูยยย ปากก็นุ่มลิ้นก็ อา...นั่นแหละแจ๋ม ใช้ปลายลิ้นเลียที่หัวนั่นแหละ อ-อา ใช่เลย ในปากเลยนะแจ๋ม”
“อืมมมม”เสียวสาวสวยครางตอบราวกับกำลังอร่อยกับเอ็นเนื้อมันสุดๆทำเอาผมเสียวซ่านต้องเร่งสาวท่อนเนื้อต่ออย่างได้อารมณ์ ยิ่งกล้องซูมหน้าแจ๋มตอนดูดเอ็นเนื้อขนาดพอๆกับของผมจนแก้มตอบมันยิ่งทำให้ผมจินตนาการไปไกลว่าแฟนเพื่อนคนนี้กำลังดูดของผมอยู่ก็ไม่ปาน
“อา...แจ๋ม ดูดหนักๆเลยเมียจ๋า ผัวจะพ่นน้ำเข้าปากเมียให้หมดทุกหยดเลย”ผมคราง ยิ่งดูแจ๋มทั้งดูดทั้งชักทั้งเล่นพวงไข่ไอ้เคนมันยิ่งทำให้ผมอยากจนอธิบายไม่ถูกแทบจะอยากลองจับแจ๋มมากระแทกท่อนเนื้อแข็งเขม็งใส่ปากกว้างๆสีชมพูระเรื่อนั่นจริงๆ
เสียงครางจากปากไอ้เคนเร่งเร้าให้ดาวเภสัชสาวโยกหัวถี่ก่อนจะคายออกมาจับมันตั้งขึ้นแล้วเลียลากตั้งแต่พวงไข่ขึ้นไปถึงส่วนหัวบานช้าๆ “เจ้าตัวน้อยเคนสั่นไปหมดแล้วนะ ปล่อยน้ำออกมาให้แจ๋มกินได้แล้ว” ใบหน้าอันน่ารักสดใสเรียกร้องความต้องการอย่างเปิดเผยพร้อมกับเงยหน้าอ้าปากต่อหน้ากล้อง จับโน้มท่อนเอ็นลงมาให้หัวบานจ่อปาก รูดชักถี่แรง
“ซี๊ดดด แจ๋ม อูย ซี๊ดดดด”เคนถึงกับส่งเสียงครางออกมาด้วยความทรมาน กล้องในมือสั่นจนภาพเบลอแต่ยังพอเห็นได้ว่ามีเมือกข้นสีขุ่นขาวพ่นเป็นสายออกมากจากปลายหัวแดงอย่างแรงเลอะใบหน้าสวยๆตั้งแต่แก้ม เบ้าตา ขึ้นไปถึงหน้าผาก ก่อนจะกดมันเข้าปากแล้วรูดเอาน้ำที่เหลือให้หยดย้อยลงไปฉ่ำเต็มลิ้น...
...ผมมองจอโทรศัพท์ดูแจ๋มอ้าปากโชว์เมือกคาวข้นข้างในต่อหน้ากล้องก่อนจะหุบปากเม้มกลืนลงคอไปทั้งหมดแล้วคลิปก็ตัดอีกครั้ง ผมไม่จำเป็นต้องเปิดดูต่อเพราะในตอนนี้ขวดแก้วถูกเติมเต็มเรียบร้อยด้วยลูกๆนับล้านพร้อมกับน้ำเชื่อมกลูโคสขาวข้นพร้อมให้ฝนกินแทนน้ำสลัดเป็นที่เรียบร้อย อีกทั้งเวลาก็ล่วงเลยมากว่าครึ่งชั่วโมงเกินกว่าที่ผมจะมานี่งดูชะตากรรมของแฟนไอ้เคนว่าจะเป็นยังไงต่อเลยลุกไปอาบน้ำแต่งตัวคว้ากระเป๋าออกจากห้องไป
ผมมารอน้องฝนอยู่ภายในครัวของห้องชมรมอันเงียบเหงาได้ไม่นานนักสาวหน้าใสจอมเปิ่นก็เปิดประตูห้องชมรมเดินหิ้วถุงผักสลัดฮัมเพลงเข้ามาอย่างอารมณ์ดี
“พี่มานานรึยังคะ ฝนขอโทษนะคะที่ให้รอ”
 
“ไม่เป็นไรพี่ก็เพิ่งมา เตรียมผักมาแล้วใช้มั้ยจะได้ทำสลัดกันเลย”ผมลุกจัดแจงหยิบกะละมังเล็กมาเตรียมใส่ผัก ฝนหยิบถุงผักสลัดออกมาฉีกเทลงไปก่อนจะหยิบขวดน้ำสลัดบริสุทธิ์เตรียมจะตามลงไป “เดี๋ยวๆๆ นี่จะไม่ล้างผักก่อนเหรอฝน”
“...ต้องล้างด้วยเหรอคะพี่”สาวหมวยทำหน้าเอ๋อๆเล่นเอาผมต้องส่ายหน้ายิ้มๆพลางถอนหายใจ รู้สึกขำในความน่าเอ็นดูเอามากๆ
“ก่อนทำอาหารทุกอย่างนั่นแหละ ผักน่ะจะสกปรกหรือไม่สกปรกก็ต้องล้างเผื่อมีเศษฝุ่นเศษผงอะไรมันจะได้สะอาดก่อนกิน นี่ถามจริงเคยทำอาหารมาก่อนรึเปล่า” ผมถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่ในใจ
สาวน้อยส่ายหน้าทำตาบ้องแบ๊วชวนมองทำให้ผมอดขำไม่ได้ “ปกติคุณแม่ทำให้ฝนกินไม่ก็ป้าช้อยคนครัว...ฝนไม่เคยทำเองเลยค่ะ คุณแม่สั่งไม่ให้เข้าไปเล่นในครัวเลย แหะๆๆ”
“เป็นตัวป่วนในครัวน่ะสิแม่ถึงห้าม”ผมถามพลางหยิบผักในกะละมังใบเล็กไปล้างในซิงค์ให้พอสะอาดก่อนจะวางต่อหน้าฝน “เอ้าเสร็จแล้ว ที่เหลือก็เทน้ำสลัดแล้วคลุก”
ฝนจัดการเทน้ำสลัดข้นๆลงไปหมดกระปุกก่อนจะหยิบพายปาดคลุกเมือกสีขาวเยิ้มไปมาให้เคลือบทั่วใบผักสีเขียวสดให้ขุ่นหม่นเป็นสีหยก “ฝนแค่เคยทำไข่ดาวแล้วทำกระทะไหม้กับลืมปิดเตาเองนะคะไม่ได้ป่วนซะหน่อย”สาวน้อยแก้ตัวโดยไม่ได้รู้เลยว่าผมที่มองเธออยู่ข้างหลังกำลังรอชมฉากกินสลัดของเธออย่างใจจดใจจ่อ
“นั่นแหละเรียกป่วน ดีนะไม่ระเบิดเอา แต่ไม่เป็นไรเดียวพี่สอนทำอาหารเองถ้าเราสนใจ”ผมแกล้งเนียนบีบไหล่ทั้งสองข้างของฝน...เอาตรงใจนี่คิดอกุศลอยากจับกดแม่สาวเปิ่นคนนี้แล้วอัดร่องสักยกเอาให้ได้ปล่อยน้ำสลัดสดๆเข้าไปเต็มหว่างขาแต่ยังเกรงใจเหนิงกับคำที่บอกว่าห้ามแตะต้องเพื่อนๆในกลุ่มเด็ดขาดผมเลยได้แต่คิดแต่ไม่ลงมือ
“จริงนะคะ! พี่เนี่ยใจดีมากเลย”สาวหมวยหันมายิ้มหน้าบาน ท่าทางมีความสุขมากๆ คงเพราะแม่ห้ามเข้าครัวล่ะมั้งพอผมอาสาจะสอนเรื่องในครัวให้ถึงได้ทำสีหน้าเหมือนเด็กน้อยได้ของเล่นใหม่อย่างนี้ “ทำน้ำสลัดให้ฝน จะสอนฝนทำกับข้าวแถมยังช่วยฝนตอนนั้นอีก ขอบคุณมากเลยนะคะที่ดีกับฝน” สาวหมวยหยุดมือลง “ตอนนั้นถ้าไม่ได้พี่ช่วยไว้ฝนจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
“คิดมากไปได้ ฝนไม่เป็นไรพี่ก็ดีใจแล้ว”ผมตบไหล่สาวน้อยเบาๆก่อนจะเลี่ยงฉากซึ้งไปนั่งฝั่งตรงข้าม ส่งยิ้มให้สาวน้อยอีกครั้งเพื่อเรียกรอยยิ้มบนใบหน้าหวานๆให้กลับคืนมา “รีบๆกินได้แล้วเราน่ะ เดี๋ยวเพื่อนเรามาเห็นพี่จะโดนสวดเอาว่าทำน้ำสลัดไม่แบ่งคนอื่น”
“แล้วทำไมพี่ถึงไม่ทำน้ำสลัดให้มายด์กับพวกฝนกินกันให้หมดเลยล่ะคะ”สาวน้อยนั่งลงถามคำถามเข้าเป้าสุดๆเล่นเอาผมจุกพูดไม่ออกไม่รู้จะตอบว่ายังไง จะตอบตรงๆว่าเพราะเหนิงห้ามเดี๋ยวจะพาลพาสาวเปิ่นสงสัยอีกเปล่าๆเลยเลี่ยงตอบแบบแถๆไปแล้วหวังเอาเองว่าน้องฝนคงจะไม่สงสัย
“พี่ไม่ค่อยว่างน่ะ ก็ถ้าพี่ทำให้พวกเรากินเดี๋ยวพวกเราก็มาขอให้พี่ทำให้อีก แล้วน้ำสลัดของพี่มันมีขั้นตอนเยอะ ทำยากพี่เลยคิดว่าถ้าต้องทำให้กินทุกคนสู้พี่ไม่ทำให้ใครกินเลยจะดีกว่าแต่กับฝนพี่จะยกเว้นให้ก็ได้แต่เราต้องแอบกินคนเดียวห้ามแบ่งใครนะ”
“โห! พี่เนี่ยใจดีจัง ถ้าฝนมีแฟนนะจะหาแบบพี่นี่แหละ ดีกับฝนทุกอย่างแถมยังตามใจฝนด้วย”สาวหมวยพูดด้วยแววตาเป็นประกายราวกับเด็กน้อยวาดหวังถึงเจ้าชายในฝันชวนให้ผมขำไม่ได้แต่ต้องแอบกลั้นเอาไว้เพราะไม่อยากให้สาวเปิ่นรู้ตัว
“งั้นไม่มาเป็นแฟนกับพี่ซะเลยล่ะ”ผมถามขำๆแต่สาวหมวยถึงกับหยุดเหม่อลอยกลับมามองหน้าผมด้วยพวงแก้มแดงซ่านไม่พูดไม่จา “หน้าแดงเลยนะเรา พี่ล้อเล่น ฮ่าๆๆ”
“พี่นี่นะ!”ฝนค้อนควักทำงอน “ไม่คุยกับพี่แล้ว แกล้งฝนเรื่อยเลย กินสลัดดีกว่า...ฮ่า!! หอมน่ากินจัง”เธอยกกะละมังใส่สลัดผักขึ้นมาสูดกลิ่นใกล้ทำหน้าตาราวกับว่ามันสดชื่นหอมหวานยังไงอย่างนั้น ส่วนผมน่ะเหรอ ไม่ต้องบอกเลยว่าตอนนี้แข็งเอามากๆแทบอยากรูดซิปออกมาระบายให้รู้แล้วรู้รอดจริงๆ
ฝนค่อยๆตักผักสลัดที่อาบเคลือบไปด้วยเมือกคาวข้นเข้าปากเคี้ยวช้าๆอย่างมีความสุขทีละคำจนเมือกคาวไหลเยิ้มจากมุมปากหยดย้อยลงมาเลอะเสื้อตรงเนินอกเป็นดวง ส่วนผมได้แต่มองตาค้างพลางจินตนาการไปไกลถึงภาพสาวหน้าหมวยกำลังนั่งคุกเข่าเปลือเปล่าอวดโชว์เนินอกขาวสะอาดเต็มมือขณะกำลังรูดชักและเลียอมเอ็นเนื้อผมอย่างเอร็ดอร่อยก่อนจะรับน้ำรักไปเต็มหน้าเต็มปากด้วยสีหน้าเดียวกับตอนกินสลัดนี่...แค่คิดก็ฟินสุดๆแต่จะทำยังไงให้เป็นแบบนั้นในตอนนี้ผมยังไม่รู้เพราะอันที่จริงผมไม่กล้าขัดคำขู่ของแม่เสือเหนิงหรอก ขืนมารู้เข้าทีหลังจะได้เป็นเรื่องใหญ่โตเอา
“อร่อยจัง น้ำสลัดทั้งข้นทั้งลื่นกลืนลงคอง่ายแบบนี้แถมกลิ่นออกคาวๆหอมๆแบบนี้ฝนไม่เคยเห็นที่ไหนเคยทำเลย พี่สอนฝนทำได้มั้ยคะ นะๆๆสอนฝนนะแล้วฝนจะไม่กวนพี่อีกเลย”
“ก็สูตรพี่จะไปเหมือนที่เขาทำกันได้ไงล่ะ ส่วนเรื่องจะให้สอนน่ะ นี่สูตรลับประจำตระกูลพี่เลยนะถ้าฝนอยากรู้ก็ต้องมาเป็นแฟนพี่แล้วล่ะ”
“โห...งั้นยอมเป็นแฟนวันนึงก็ได้ บอกฝนหน่อยนะๆๆ”สาวหมวยทำหน้าตาออดอ้อนอย่างน่ารักน่าชังยิ่งปลุกไอ้หนูผมให้แข็งจนอึดอัดไปอีก...ตาย กูตายแน่แบบนี้...
“เจ้าเล่ห์นะเรา พอเลย แกล้งคบแบบนี้พี่ไม่บอกหรอก”
“ก็ได้...”
“ก็ได้อะไร”ผมขนลุกซู่ ใจนึงอยากให้ฝนตกลงเป็นแฟนอยู่หรอกแต่อีกใจก็ยังไม่อยากแอบคบแล้วมีปัญหากับเหนิงทีหลัง ผมเลยกะว่าถ้าฝนบอกจะคบก็คงต้องบอกให้เป็นพี่น้องกันไปก่อน
“ก็พี่ต้องทำน้ำสลัดให้ฝนกินทุกวันไง”พลิกล็อค!! ผมทั้งโล่งทั้งเสียดายนิดๆแต่ก็พอเดาได้นั่นแหละว่าว่าสวยไร้เดียงสาอย่างฝนคงยังรักยังคบกับใครไม่เป็นแหงๆ
“ได้สิได้ พี่ทำแล้วต้องกินให้หมดด้วยล่ะ”ผมกำชับ
หลังจากต้องตื่นมาเสียน้ำแต่เช้าแล้วต้องมานั่งดูฝนกินสลัดสุดเสียวผมก็ขอตัวไปนอนงีบฟุบกับโต๊ะอยู่ในห้องล้างรูปเก่าตามเคย หลับไปนานแค่ไหนบอกไม่ได้แต่รู้ได้แค่ว่าความเสียวและความรู้สึกเปียกๆอุ่นๆที่เจ้าหนูของผมมันทำให้รู้สึกตัวตื่น ความคิดแว๊บแรกของผมเลยคือน้องฝนแน่ๆที่กำลังดูดเอาๆเรียกน้ำผมให้ออกมาแบบนี้ มันทำให้ผมทั้งเสียวทั้งตกใจไปพร้อมๆกันถึงกับต้องรีบก้มลงไปดูหน้าคนใต้โต๊ะแต่พอเห็นคนที่กำลังดูดควยเล่นไข่ผมอย่างเพลิดเพลินอยู่ก็ถึงกับต้องยิ้มออกมา
“เล่นพี่แต่เช้าเลยนะเหนิง”ผมแซวสาวหมวยที่กำลังโยกหัวดูดเลียพวงเอ็นรผมอย่างเอร็ดอร่อยไม่ยอมหยุดปากพลางจับผมดำมันเงาขยุ้มแน่นช่วยโยกไปด้วยอีกแรง “แอบมาทำแบบนี้กับพี่มันไม่ดีนะเหนิง เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าพอดี”
 
เหนิงโยกหัวดูดเลียต่ออีกครู่สั้นๆก่อนจะขืนมือผมไว้เพื่อถอนปากออกจากเอ็นดุ้นใหญ่ชุ่มน้ำลาย “คนเขาคอแห้งก็ต้องหาน้ำกินสิพี่”
“ใจคอจะกินให้พี่แห้งตายแบบไม่คุยกันก่อนเลยเหรอเหนิง”ผมเชยคางสาวหมวยขึ้นมาถามด้วยควมเอ็นดู ใจเริ่มนึกอยากจะหยุดที่คนๆนี้ไปทั้งชีวิตเพราะถึงเหนิงจะหน้านึ่งดูไร้อารมณ์กับคนอื่นหรืออาจจะดูน่าเบื่อสำหรับใครหลายๆคนแต่เวลาอยู่กับผม รอยยิ้ม เสียงหัวเราะหรือแม้แต่เสียงครางของเหนิงมันทั้งสวยและเพราะจับใจผมเลยทีเดียว แม้จะไม่ได้เป็นแม่วัวเหมือนอเล็กซ์แต่ก็เต็มไม้เต็มมือน่าจับ แม้จะไม่ออดอ้อนไร้เดียงสาเหมือนขิมแต่ทุกสัมผัสจากปากเธอทำให้ผมต้องเสียวซ่าน แม้จะไม่ได้หอมหวานชวนหลงไหลแบบพี่แต้วแต่ก็มีเสน่ห์ในแบบของตัวเองที่ทำให้ผมอยากลิ้มลองและทำเหนิงท้องไม่รู้กี่ครั้ง และที่สำคัญแม้จะไม่ได้เป็นเลสแบบพี่กอล์ฟแต่ทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันสาวห้าวคนนี้ใจถึงและใส่ใจทุกรายละเอียดของผมยิ่งกว่าพี่กอล์ฟซะอีก
เหนิงยิ้มหวานค่อยๆมุดออกมาจากโต๊ะมาซบกอดคอผมแบบที่เรียกได้ว่าหน้าใกล้กันแค่ลมหายใจรด “เป็นแฟนกันแค่มองตากันก็รู้ใจแล้วยังจะต้องคุยอะไรอีกล่ะ”
ผมสบตาแฟนสาว มันมีประกายคุโชนอยู่ในดวงตาเร่าร้อนบ่งบอกชัดเจนว่าเธอกำลังต้องการอะไรจากผม “ยังไม่ได้ซื้อถุงนะ”
“มียาคุมอยู่ไม่ใช่เหรอ”สาวหมวยหน้านิ่งกัดฟันเม้มริมฝีปากยั่วยวนด้วยแววตาซุกซนเจ้าเล่ห์ กระดิกนิ้วชี้ชวนให้ผมไฟลุกพรึบแทบจะทันที ในตอนนี้ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่าถ้าแตกในเข้าไปคงได้เสียตัวอักษรแน่แต่ในเมื่อแฟนสาวของผมต้องการขนาดนี้...การได้ปล่อยข้างในก่อนไปเรียนมันก็คงจะดีไม่น้อย
ผมแทบจะยอมพลีกายถวายอักษรให้เหนิง ลุกขึ้นจับสาวห้าวผู้หลงติดในรสรักของผมให้นอนหงายลงบนโต๊ะตรงหน้า “วันนี้ใส่พรีสมาเหรอ”ผมถามพลางจับกระโปรงอัดกลีบยาวถึงข้อเท้าถกขึ้นมากองบนหน้าท้อง
เหนิงจับชายกระโปรงไว้ปล่อยให้ผมจัดการรูดกางเกงในสีฟ้าอ่อนลงไปกองบนพื้นพลางจ้องสบตาอย่างเร่าร้อน “ทรงเอเลอะขนาดนั้นคงใส่มาหรอก น้ำใครก็ไม่รู้ข้นเต็มกระโปรงเลย”
“ดีเพราะพี่หวง แล้วจำไว้ด้วยนะถ้าใส่ทรงเอมาอีกพี่จะเอาให้เลอะทั้งข้างนอก...ทั้งข้างในเลย”ผมวนนิ้วรอบปากแคมตอนพูดว่าทั้งข้างนอกก่อนจะสอดกระทั้นเข้าไปภายในทั้งนิ้วทำเอาสาวหมวยถึงกับเชิดหน้าอ้าปากค้าง เมือกรักค่อยๆไหลออกมาชุ่มแฉะนิ้วผมทีละน้อยแต่คงต้องหยุดนิ้วไว้แค่นี้ก่อนเพราะผมอยากทำอย่างอื่นกับเนินเนื้ออวบอัดนูนสวยนี้มากกว่า
ผมจับท่อนขาเรียวขาวขึ้นยกพาดบ่าทั้งสองข้าง คุกเข่าลงให้หน้าอยู่เสมอกับเนินหม้อนูนกว้างขวาง ขนรอบๆไม่ได้ขึ้นคลุมมิดแค่พอมีบางๆทำให้ไม่ดูรกตา กลีบยังคงเป็นสีชมพูสดสวยมันวาวน่ามองแม้ว่าปากแคมทั้งสองข้างจะปิดไม่สนิทแล้วก็ตาม “โดนแค่นิ้วนี่แฉะแล้วเหรอ”
“แฉะตั้งแต่ดูดให้พี่แล้ว...จะทำอะไรก็เร็วเถอะเหนิงไม่ไหวแล้ว อุ๊ย!!”สาวหมวยสะดุ้งโหยงกับสัมผัสจากลิ้นและใบหน้าผมที่ซบลงไปเลียกินน้ำทิพย์จากร่องหินอันอ่อนนุ่ม เอวคอดสวยบิดส่ายช้าๆด้วยความทรมานแต่กลับไม่ยอมหลบหนีไปไหนแถมยังแอ่นหาปากผมเป็นระยะราวกับต้องการถูกทรมานยังไงอย่างนั้น “พ-พี่ เหนิงเสียว อืออออ ย-อย่าหยุดนะพี่”เสียงออดอ้อนอ่อนหวานดังระงมจากปาดสาวห้าว ฝ่ามือทั้งสองข้างจับหัวผมไว้ไม่ให้ถอยหนีไปไหน เสนอมาแบบนี้มีเหรอที่ผมจะไม่สนอง
ผมยอมปล่อยให้เหนิงจับกดโดยดี ซุกจมูกสูดกลิ่นสบู่หอมๆปนกลิ่นสาบสาวเข้ามาเต็มปอดพร้อมกับตวัดลิ้นเลียเล่นตรงติ่งแตดเรียกเอาน้ำทิพย์ให้ไหลชโลมลิ้นเป็นสาย ยิ่งตวัดลิ้นเล่นมากเท่าไหร่สาวหมวยยิ่งส่งเสียงร้องครวญครางดังมากเท่านั้นจนผมชักเริ่มหวั่นๆว่าถ้าน้องชมรมเข้ามาในตอนนี้คงได้เจอหนังสดของผมเข้าแน่ๆ แต่ไครล่ะจะทนไหวในเมื่อเนินเนื้ออันหอมหวานของแฟนมาอยู่ตรงหน้ามันก็ต้องยอมปล่อยเลยตามเลยให้เหนิงส่งเสียงร้องไปอย่างอิสระส่วนผมก็ค่อยๆห่อลิ้นแข็งๆตวัดฉกติ่งเสียวสลับกับแหย่แยงนิ้วเข้าไปในโพรงรักอันอบอุ่น
“ซี๊ดดด อูยยย น-เหนิงไม่ไหวแล้วพี่ เหนิง-เหนิงจะเสร็จแล้ว!!!!!”สาวหมวยอุทานลั่นกดหัวผมแน่นจนจมูกผมอัดกับเนินหัวหน่าว หายใจไม่ออกซ้ำยังตวัดสองขารัดซ้ำราวกับกลัวว่าผมจะดิ้นหลุดทำให้ผมต้องอ้าปากสูดเอาลมหายใจเข้าปอดแทนแต่เหมือนทุกอย่างถูกคำนวณเอาไว้ น้องเหนิงปลดปล่อยน้ำทิพย์อุ่นๆแตกซ่านกระเซ็นออกมาอย่างมากมายเข้าปากอาบเลอะเปียกชุ่มเต็มหน้าก่อนจะค่อยๆนอนแผ่หราหอบเหนื่อยเต็มกำลัง
ผมค่อยๆแกะมือเหนิงออก ลุกขึ้นมาโน้มจูบแฟนสาวบนโต๊ะด้วยความรัก เหนิงยกนิ้วขึ้นแตะปากห้ามผม ล้วงอีกมือหยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำแห่งความรักบนใบหน้าให้ผม “ดูสิเลอะเทอะหมดเลย”
“ก็แฟนน้ำเยอะนี่”ผมกระซิบ เม้มจูบริมฝีปากนุ่มแผ่วเบา “ตาพี่ปล่อยน้ำใส่เหนิงบ้างแล้วนะ”
“ข้างในนะพี่เดี๋ยวกระโปรงเลอะ”
“พูดจาแบบนั้ระวังพี่จะเสกเด็กเข้าท้องไม่รู้ด้วยนะ”ผมขู่คำรามในลำคอ จับท่อนเอ็นแข็งจ่อถูร่องสาวเอาน้ำเมือกลื่นๆชโลมไล้หัวถอกก่อนจะค่อยๆดันมันเข้าไปทั้งลำอย่างง่ายดาย
“อูยยยย ส-เสกเลยสิ เหนิงจะเป็นแม่ให้ลูกพี่เอง”
คำพูดของเหนิงขณะถูกผมอัดกระแทกโคกเนื้อนูนขาวมันทำให้ผมอารมณ์ขึ้นสุดๆขนาดว่าอยากให้เหนิงท้องขึ้นมาจริงๆเลยทีเดียว จากการโยกกระเด้าธรรมดามันจึงกลายเป็นการส่งเอวเข้าไปอัดกระแทกเน้นทุกดอกเพื่อเวลาถึงฝั่งผมจะได้กดเข้าไปให้สึกที่สุดเพื่อปลดปล่อยลูกๆนับล้านเข้าไปในท้องว่าที่คุณแม่
“ซี๊ดดด ท-ทำไมมันเข้าลึกกว่าทุกทีอย่างนี้ อูย พ-พี่ อูยยย เหนิงจะแตกอีกแล้วพี่”สาวหมวยร้องปากคอสั่น สองมือจิกกำขอบโต๊ะทั้งสองข้างเพื่อระบายอารมณ์ แอ่นเนินสาวรับแรงบดกระแทกเน้นๆให้เสียวซ่านยิ่งขึ้นไปอีก “อูยยยยย”
“อา! เหนิง ค-คราวนี้ปล่อยให้ท้องเลยนะ”ผมพูดตะกุกตะกักพยายามคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้เพลินไปกับแรงตอดมากกว่าปกติของแฟนสาว
“ค่ะพี่ แรงๆเลยเหนิงรอเรียนจบไม่ไหวแล้ว อูย ซี๊ดดด ใกล้แล้วผัวขา เหนิงจะถึงแล้ว”
ตรู๊ดดดดดด ตรู๊ดดดดดดดดด ตรู๊ดดดดดดดดดดดด
สาวหมวยกำลังจะเสร็จไปก่อนอย่างง่ายดายแต่กลับต้องมาสะดุดเพราะเสียงมือถือในกางเกงผม ตอนแรกเราแทบไม่ใส่ใจกับมันสักนิดหวังจะกระแทกให้เสร็จสมใจก่อนค่อยว่ากันแต่ยิ่งนานเหนิงยิ่งดูหงุดหงิดจนหมดอารมณ์จะให้ผมกระแทกต่อ
“ร-รับสายก่อนเถอะพี่เหนิงรำคาญ”สาวหมวยยันตัวขึ้นนั่งปล่อยให้เอ็นเนื้อแข็งเขม็งลื่นแฉะของผมหลุดออกเพื่อไม่ให้ผมได้กระแทกต่อผมเลยต้องล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างเซ็งๆแต่นั่นถือเป็นเรื่องผิดพลาดที่สุดในชีวิตเพราะชื่อสายเรียกเข้านั้นไม่ใช่ใครที่ไหน ‘ไนท์ว่าที่ภรรยา’ คือชื่อที่ขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผมช็อคแค่ไหนกับการปล่อยให้หมอสาวเม็มชื่อใส่โทรศัพท์เองโดยม่ได้สนใจเช็คในตอนนั้นแถมในตอนนี้เหนิงยังเห็นเต็มๆด้วย เรียกได้ว่าผมหมดคำจะแก้ตัวเลยจริงๆ
ใบหน้าที่เพิ่งมีความสุขพร้อมทั้งส่งเสียงครางระริกไปเมื่อครู่ในตอนนี้กลับนิ่งเฉยราวกับรูปปั้นหินอันน่ากลัว ดวงตาเรียวเล็กมีน้ำตาเอ่อเรื่อขึ้นมาคลอหน่วงอยู่ภายใน เหนิงดันตัวผมออก ลุกขึ้นยืนหยิบกางเกงในมาสวมช้าๆราวกับระเบิดไกอ่อนที่พร้อมจะลั่นจุดชนวนให้ระเบิดขึ้นมาได้ทุกเมื่อ
“มันไม่ได้มีอะไรอย่างที่เหนิงคิดนะ พี่กับหมอไนท์ไม่ได้คุยกันอีกเลยตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลแล้วจริงๆนะ”ผมรีบละล่ำละลักพูดหวังว่าเหนิงจะรับฟังแต่ไม่เลย มันกลับกลายเป็นว่าผมเองนี่แหละไปโง่จุดระเบิดลูกนี้เข้ากับมือตัวเองซะเอง
“ขอโทษนะเหนิงกินข้าวไม่ได้กินหญ้า”
“เหนิงพี่...”
“คำพูดพี่เชื่ออะไรได้บ้างตอนนี้เหนิงไม่รู้แล้ว พอเถอะเหนิงไม่อยากร้องไห้กับเรื่องนี้แล้ว”
“แต่ว่า...”
“จะคุยกับว่าที่เมียพี่ก็คุยไปสิ พอทีจากนี้เราจบกัน!”เหนิงพูดโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองผมเลยด้วยซ้ำ นั่นยิ่งทำให้ผมเจ็บยิ่งกว่าการโดนมีดกรีดหัวใจซะอีก ...โอเคผมยอมรับว่าที่ผ่านมานอกลู่นอกทางบ่อย มีคนโน้นคนนี้แทบจะตลอดเวลาแต่ผมมั่นใจนะว่าพักนี้ผมไม่แม้แต่จะเก็บอักษรเพิ่มหรือไปมีอะไรกับใครนอกจากเหนิงเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้หรอกว่าผมรักเหนิงขนาดยอมทิ้งพลังอำนาจไปตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ในตอนนี้ที่กำลังจะเสียเหนิงไปผมยอมรับเลยว่าผมรักเหนิงหมดหัวใจจริงๆ
“เดี๋ยวสิเหนิง”ผมคว้าข้อมือเหนิงไว้ กำมันแน่นราวกับม่ามันฟางเส้นสุดท้ายแต่เธอกลับสะบัดมันให้หลุดออกอย่างไม่ไยดี หันมองมองผมทั้งน้ำตารินก่อนจะพูดชัดๆต่อหน้าผม
“ไม่คิดเลยนะว่าผู้ชายที่เหนิงรักทั้งหัวใจ เห็นว่าเป็นคนดีจะเห็นเหนิงมีค่าคนของเล่นเอาไว้คั่นเวลา พอแล้ว...เหนิงเจ็บพอแล้ว แล้วรู้ไว้ด้วยนะสำหรับเหนิงการกระทำมันเสียงดังกว่าคำพูด”
ประโยคสิดท้ายมันก้องดังในหัวให้ผมรู้สึกราวกับถูกค้อนทุบอย่างแรง แต่ผมไม่ใช่พระเองเอ็มวีที่จะมานี่งใจสลายปล่อยให้เหนิงเดินไปเฉยๆ ในเมื่อผมรู้ว่าหัวใจผมอยู่ที่ไหนถ้าจะยื้อผมจะยื้อให้สุด
ผมดึงแขนเหนิงกลับเข้ามาในห้อง กอดรัดเอวคอดกิ่วแน่นพร้อมกับประกบริมฝีปากจูบลงไปอย่างนุ่มนวลที่สุด...น่าเสียดายมันไม่เหมือนกับในหนังรักโรแมนติก ผลกรรมมันลบล้างกับแค่จูบไม่ได้เสียงปึ๊กจากการแทงเข่าเข้ากลางขากับเสียงดังฉาดพร้อมกับใบหน้าผมที่สะบัดอย่างแรงจึงเป็นสิ่งต่อมาที่เกิดขึ้นก่อนเหนิงจะเดินออกไปทั้งอย่างนั้นปล่อยให้ผมนอนกองลงกับพื้น ทั้งจุกทั้งเจ็บจนพูดไม่ออก รู้สึกเคืองเหมือนกันที่หมอไนท์โทรมาตอนนี้ทั้งที่ร้อยวันพันปีไม่เคยแม้แต่จะโทรมาแต่ต้องยอมรับว่ามันเป็นความผิดผมเองที่เริ่มนอกใจเหนิงก่อน
...เอะอะโวยวายอะไรกันวะ คนยิ่งง่วงๆอยู่...
“เหนิง...ทิ้งชั้นไปแล้วว่ะ”
...เพราะอะไร มันเกิดอะไรขึ้นตอนข้านอนไหนเล่ามาซิ...
“ก็เพราะมีมึงไง ทั้งหมดนี่ก็เพราะมึงที่ทำให้กูต้องมั่วคนอื่นไปทั่วอย่างนี้!!”ผมรู้สึกของขึ้นทั้งโกรธทั้งเคืองสุดๆกับการที่ต้องมีพลังบ้าๆนี่
...มาโทษกันแบบนี้ก็ไม่ถูกสิ ข้าไม่ได้ป้อนคำหวานให้อีผู้หญิงพวกนั้นนะ เอ็งเองไม่ใช่เหรอที่ทำและทำทุกอย่างด้วยตัวเอ็งเอง...
“ก็ถ้าไม่ต้องรวบรวมอักษรพวกนี้...”
...ถามจริงๆเถอะเรื่องทั้งหมดมันเกิดเพราะเอ็งเองไม่ใช่เหรอ ข้าดูความทรงจำตอนช้าเกิดมาในตัวเอ็งหมดแล้ว ทั้งหมดก็เพราะเอ็งอยากได้สาวฝรั่งตาน้ำข้าวนั่นและตอบรับท่านชินเอง มันไม่ใช่เพราะต้องรวบรวมอักษรหรอกแต่มันเป็นเอ็งเองที่เลือกทางนี้...
ผมได้แต่เงียบเมื่อไอ้แกงเกอร์มันพูดแบบนี้...มันพูดมีเหตุผล คงเพราะผมเองที่ปล่อยเลยตามเลย หลงพลังจนเป็นแบบนี้ แต่ก็อย่างว่าแหละนะคนที่ไม่เคยป๊อปในหมู่สาวๆ เป็นได้แค่เฟรนโซนมาตลอดตั้งแต่เด็กพอได้พลังที่ทำให้ตัวเองมีอำนาจกับจิตใจคนอื่นมันก็ต้อหลงระเริงเป็นธรรมดา...มันก็สมควรแล้วที่พอเจอความรักจริงๆเข้าแล้วมันจะพังไม่เป็นท่าเพราะความไม่รู้จักพอ
...เอาน่ะอย่าเศร้านักเลย ในเมื่อเขาทิ้งเอ็งไปแล้วยังจะมาคร่ำครวญอ่ะไรให้เสียใจอีกวะ เอ็งก็รู้ว่าศัตรูเอ็งไม่ได้มีแค่พวกคีพเปอร์ด้วยกันแต่ยังมีพวกรีดเดอร์อีกที่คอยตามหาเอ็ง ยังไงซะถึงเอ็งจะเป็นคนดีไม่นอกใจอีนี่เอ็งก็ต้องเก็บอักษรเพื่อเอาชีวิตรอดอยู่ดี ไหนจะเรื่องที่ตัวเอ็งกำลังจะหายไปอีก ถามหน่อยเถอะถ้าอีนั่นรู้มันจะเข้าใจแล้วยอมให้เอ็งไปนอนกับคนอื่นไปขโมยตัวตนคนอื่นเหรอ เอ็งคิดว่าคนขี้หึงไม่ฟังอะไรเลยแบบนั้นจะยอมรับเรื่องคอขาดบาดตายของเอ็งได้เหรอ...
“แต่...”
...ข้ารู้ว่ามันยากที่เอ็งจะตัดใจจากคนที่เอ็งรักแต่ยังไงมันก็ต้องจบไม่สวยเข้าสักวัน รับฟังเหตุผลข้าเถอะแล้วใช้มันทำใจให้ลืมซะ ยิ่งเอ็นยอมรับมันได้เร็วเอ็งก็จะมีความสุขเร็ว ข้าอยู่ข้างเอ็งเสมอนะไอ้เพื่อนยาก...
คำพูดของแกงเกอร์ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น...อย่างน้อยก็ทำให้ผมรู้สึกดีที่ยังมีใครสักคนอยู่เคียงข้างคอยปลอบเวลาที่ผมไม่สามารถบอกความจริงหรือเรื่องราวอะไรให้คนอื่นฟังได้ “ขอบใจนะเว่ยที่ปลอบ ...กูจะจำคำพูดมึงไว้”
...สนิทหน่อยมาเรียกกูมึงเลยนะไอ้นี่ ลามปามเดี๋ยวปั๊ดตบ ฮ่าๆๆ...
มื้อเที่ยงในวันนี้มันไม่น่าอภิรมย์เลยสักนิดสำหรับผม ไม่ต้องเดากันให้เหนื่อยว่าเพราะอะไรในเมื่อมีน้องมายด์ที่ทำหน้าลำบากใจเมื่อเจอผมอยู่คนนึงแล้วแต่ในวันนี้ยังมีอีกคนที่ไม่แม้แต่จะชายตามองผมอีก...เรื่องมายด์ช่างมันเถอะเพราะในตอนนี้ผมสนใจเหนิงมากยิ่งกว่าใครบนโต๊ะซะอีกแต่ก็ได้แต่นิ่งเงียบไม่กล้าทัก การกินข้าวทั้งอารมณ์แบบนี้มันจึงราวกับว่าผมตักตะกั่วเข้าปาก ยิ่งกินยิ่งรู้สึกหนักอึ้งแม้ว่าน้องฝนกับน้องแพรจะดูร่าเริงเป็นปกติและไอ้เคนก็ยังคุยเฮฮาปาร์ตี้เหมือนเดิมก็ตาม พอหมดพักเที่ยงผมจึงตัดสินใจโดดคาบบ่ายไปแอบนั่งหงอยอยู่ในห้องชมรมคนเดียวเพื่อทบทวนความผิดของตัวเองที่ทำให้เหนิงเสียใจได้ขนาดนี้
...นี่แหละนะรักมากก็ต้องเจ็บมากเป็นธรรมดา ปกติพวกมนุษย์นี่พออกหักแล้วเขาไปทำอะไรที่ไหนเพื่อจะให้ได้ลืมกันวะเนี่ยข้าล่ะเบื่ออารมณ์เศร้าของเอ็งจริงๆ...
“ที่กูยอมตัดใจจากมายด์ ที่กยอมทิ้งรักแรกของกูไปมันไม่ได้ช่วยให้เหนิงรู้เลยเหรอวะว่ากูรักเหนิงมากแค่ไหน”
...ข้าบอกไม่ได้หรอกนะว่าอารมณ์ผู้หญิงเป็นยังไงหรือคิดอะไร แต่ในเมื่อเอ็งบอกว่าเอ็งพยายามเป็นคนดี จะหยุดทุกอย่างเพื่ออีนี่แล้วมันมีแต่จะแย่ลง ทำไมเอ็งไม่ปล่อยตัวเองให้สนุกกับชีวิตไห้สุดไปเลยล่ะวะ ไหนๆดีไม่ได้ก็ใช้ชีวิตให้มันคุ้มที่ได้มีพลังแบบนี้ไปซะเลยสิจะได้ลืมๆเรื่องเศร้านี่ซะที...
“อารมณ์นี้จะให้สนุกอะไรวะ แค่คิดถึงหน้าเหนิงกูก็ไม่มีอารมณ์ไปคุยกับคนอื่นแล้ว”
...ให้ข้าแสดงให้เอ็งดูมั้ยล่ะ...
“...”ผมนิ่งเงียบตัดสินใจชั่วขณะ รู้ว่าที่มันพูดหมายความว่าอะไร อันที่จริงเพิ่งอกหักมาแบบนี้ผมไม่อยากทำอะไรไม่อยากเจอใครเลยด้วยซ้ำ ถ้าได้ไปนั่งสงบใจอยู่ในจิตใจตัวเองอย่างที่เคยเข้าไปในบ้านไอ้แกงเกอร์นั่นอีกสักครั้งก็คงดีเหมือนกัน “อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ตอนนี้กูไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้นนั่นแหละ”
...งั้นสลับตัวกัน แล้วเอ็งก็เลิกทำตัวเศร้าได้แล้ว ดูข้าแล้วสนุกไปกับข้า เดี๋ยวข้าจะถ่ายทอดความรู้สึกไปให้ข้างใน...
ประตูห้องเปิดอ้าออกทำให้ผมตกใจ กลัวว่าใครที่หน้าประตูจะได้ยินอะไรที่พูดคนเดียวไปเมื่อครู่แต่พอเห็นว่าแพรไม่ได้มีท่าทางสงสัยอะไรแถมยังเดินเข้ามานั่งหันข้างให้บนโต๊ะแล้วจ้องผมซะอีก
“พี่มีอะไรกับยัยเหนิงเหรอ เห็นมันหน้าบูดอย่างกับตูดลิงทั้งวันเลย”
“นี่โดดเรียนมาเหรอ”
“พี่ก็โดดนี่...ไม่ต้องนอกเรื่อง ตอบมาว่ามีปัญหาอะไรกับเพื่อนแพร”
“...พี่เลิกกับเหนิงแล้ว”ผมตอบเสียงเศร้า “ไม่สิเหนิงบอกเลิกพี่แล้ว เมื่อเช้านี้เอง พี่ไม่รู้แล้วว่าจะทำยังไงต่อไป”
“แล้วมีปัญหาอะไรกัน แพรพอจะช่วยอะไรได้บ้างมั้ยพี่”
“มันซับซ้อนน่ะ แต่แพรช่วยเรื่องนี้ไม่ได้หรอก”
“ซับซ้อนอะไรไหนบอกแพรมาดิ พี่ก็รู้ว่าปิดแพรไม่ได้หรอก”สาวหน้าหวานกอดอกรอฟังอย่างตั้งใจผมเลยได้แต่ยอมเปิดปากให้สาวจอมจุ้นฟัง
“จำหมอที่รักษาพี่ตอนโดนงูกัดได้มั้ย”
“...จำได้สิ หมอหน้าหมวยๆหน่อยน่ะเหรอพี่ แล้วทำไมเหรอ”
“ก็พี่ไปจีบเขาแล้วขอแลกเบอร์กันแล้วเขาก็พิมพ์ชื่อตอนเม็มเบอร์มาแบบนี้น่ะ”ผมหยิบโทรศัพท์ให้แพรดู แม่นักข่าวสาวประธานชมรมข่าวหยิบไปดูแว๊บเดียวถึงกับหัวเราะ
“ฮะๆๆ สม เป็นแพรมาเห็นแบบนี้ก็ทิ้งเหมือนกันแหละ รู้งี้ไปปลอบเหนิงแทนดีกว่า”
“เดี๋ยวสิแพร ฟังพี่ก่อน”ผมรีบรั้งแพรไว้ไม่อยากให้แพรเข้าใจผมผิดไปอีกคน “พอออกจากโรงพยาบาลพี่ก็ไม่ได้คุยกับหมอเขาอีกเลยนะไม่เชื่อดูประวัติการโทรก็ได้ ตอนนี้พี่มีแค่เหนิงคนเดียวจริงๆ แต่จู่ๆหมอเขาก็โทรมา...ตอนพี่กำลังไปได้ดีกับเหนิง...”
“ก็สมควรอยู่ดีนั่นแหละ ดันไปเจ้าชู้ก่อนเองนี่นา”
“พี่รู้พี่ผิด พี่เข้าใจที่เหนิงทิ้ง พี่ถึงไม่ตื้อไม่เรียกร้องอะไรให้เหนิงกลับมาแต่ว่าแพร พี่พยายามกลับตัวแล้วนะ”ผมก้มหน้ายอมรับชะตากรรม รู้หรอกว่าแพรคงไม่เห็นใจแต่อย่างน้อยขอแค่สักคนที่รู้ว่าผมสำนึกผิดกับเรื่องที่ทำไปจริงๆ “พี่ไม่ได้บอกหรอกนะว่าเป็นคนดีแต่ตอนนี้ที่พี่มีคือเหนิงคนเดียวจริงๆ”
ตรู๊ดดดดดดด ตรู๊ดดดดดดดด ตรู๊ดดดดดด
เหมือนสวรรค์แกล้ง สายเรียกเข้าจากหมอไนท์ดังขึ้นอีกครั้งในมือแพร แพรหันมองผมราวกับยังเคลือบแคลงสงสัยอยู่ “ถ้าพี่พูดจริงงั้นแพรขอเปิดสปีคเกอร์ฟังด้วยนะ”
“...แล้วแต่แพรเลย”
แพรรับสายก่อนจะกดสปีคเกอร์ให้เสียงออกลำโพงโทรศัพท์ ในไม่ช้าเสียงหวานๆของหมอไนท์ก็ดังขึ้นมาจนได้
“ดีใจจังเก่งรับสายแล้ว”
“มีอะไรครับพี่หมอ”
“ยังจะถามไนท์อีก ได้เบอร์ไปไม่เคยโทรหากันเลยนะ”หมอสาวตัดพ้อต่อว่าผมผ่านโทรศัพท์ให้แพรซึ่งเป็นคณะลูกขุนตัดสินความผิดเพียงหนึ่งเดียวของผมได้ยินอย่างชัดเจน
“ช่วงนี้ยุ่งๆน่ะครับ”
“งั้นไม่เป็นไร ไนท์โทรมาจะบอกว่าอีกเดือนนึงไนท์จะแต่งงานแล้วแฟนไนท์เลยไปหาหมอดู ดูฤกษ์ดูยามแล้วหมอดูเขาทักมาว่าจะถูกสวมเขา...ช่วงนี้เราห่างกันสักพักนะเก่ง ไนท์ไม่อยากให้แฟนรู้เรื่องนี้”
“...”ผมหันไปมองแพรชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจพูดอะไรออกไปให้เด็ดขาดแสดงให้แพรได้เห็นไปเลยว่าผมไม่ได้คบเหนิงเล่นๆอย่างที่แพรเข้าใจ
“ผมว่าเราเป็นแค่พี่น้องกันดีกว่านะครับ ยังไงพี่ก็มีสามีอยู่แล้ว ส่วนผมก็มีแฟนแล้ว ผมไม่อยากให้เรื่องของเรามันผิดไปมากกว่านี้ แค่นี้นะครับ”แล้วผมก็กดตัดสายไปก่อนจะหยิบมือถือในมือแพรมากดบล็คเบอร์ทันที ไม่แม้แต่จะสนใจด้วยซ้ำว่าคนที่ปลายสายจะรู้สึกกับคำพูดนี้ยังไงเพราะผมกำลังทั้งเจ็บทั้งเคว้ง “รู้งี้พี่ไม่น่าไปนอกใจเหนิงเลยนะ แค่นึกสนุกไปชั่วคราวแค่นั้นเอง”
“พี่สำนึกได้ก็ดีแล้ว เอางี้ดีกว่าเดี๋ยวแพรพาไปปลอบ เปลี่ยนบรรยากาศซะหน่อยเผื่อจะดีขึ้น แล้วแพรจะจะช่วยพูดกับเหนิงให้แต่ขึ้นอยู่กับเหนิงด้วยนะว่าจะกลับมาคบพี่รึเปล่า”แพรบอก คงเห็นว่าผมจริงจังกับเหนิงมั้งเลยจะช่วยแต่มันก็ดีเหมือนกันที่มีคนมาเข้าใจผมอย่างที่เป็นนี้อีกคน
“ขอบคุณนะแพรแต่พี่อยากอยู่คนเดียว”
“ไม่ได้พี่ น้องชวนทั้งทีขัดได้เหรอ ยังไงคืนนี้พี่ก็ต้องไป”
“แพรจะพาพี่ไปไหน”
“ก็ผับไง เตรียมตัวไว้เลย ทุ่มนึงแพรจะไปรับ”
เสียงรถยนต์ครางแผ่วอยู่หน้าห้องแถวแสนรักของผมก่อนจะเงียบหายไป...ตอนนี้เป็นเวลาทุ่มนึงแล้วจะมีใครได้นอกจากสาวหมวยตาเหยี่ยวที่นัดกันเอาไว้ตั้งแต่บ่าย ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อเสียงโทรศัพท์มือถือผมก็ดังขึ้นพร้อมกับชื่อแพรเด่นหราบนหน้าจอเฉลยคำตอบในใจผมให้ได้รู้
“ฮัลโหลพี่ แพรมาถึงแล้วนะแต่งตัวเสร็จรึยัง”
“เสร็จแล้วๆเดี๋ยวพี่ออกไปนะ”ผมตัดสายก่อนจะลงจากชั้นสองออกไปหน้าตึกแถว
รถยนต์มาซด้าซีวิคสีขาวปลอดตลอดทั้งคันดูโฉบเฉี่ยวในยามราตรี ล้อแม็กสีแดงก่ำทั้งดูตัดและเข้ากับตัวรถมากแม้ว่าจะไม่หรูหราเทียบขั้นรถเบนซ์อย่างเหนิงแต่เรียกได้ว่าสาวหมวยคนนี้มีรสนิยมเอามากจริงๆ แต่ตัวรถไม่สามารถดึงดูดสายตาผมได้เลยเมื่อเปิดประตูเข้าไปนั่งและได้เห็นสาวน้อยเจ้าของรถฝั่งคนขับ
แพรวาในชุดสายเดี่ยวสีดำ กางเกงขาสั้นแค่น่องสีขาวแถบดำกับผ้าคาดคอสีดำดูสะดุดตาไม่น้อยไปกว่าตัวรถ ริมฝีปากสีแดงโอล์โรสดูเข้ากับชุดทั้งชุดบ่งบอกว่าตัวคนแต่งมีรสนิยมมากแค่ไหนซึ่งผมไม่เคยได้รู้มาก่อนเลยว่าแพรจะดูเด่นสะดุดตาเป็นสาวได้ขนาดนี้ทั้งที่เคยไปถ่ายแบบริมทะเลด้วยกันมาก่อนแต่ในตอนนั้นคงเพราะสายตาของผมกำลังจ้องมองแต่มายด์อยู่ถึงไม่ได้รับรู้ถึงความน่ามองนี้จากแพร
 
“มองคนสวยเหรอพี่ เดี๋ยวบอกเหนิงนะ”แพรหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ชวนให้ใจละลายก่อนจะหันกลับไปขับรถถอยออกจากหน้าตึกแถว “เดี๋ยวพาไปผับแถวข้าวสารรับรองเลยว่าพี่ลืมเศร้าได้แน่ๆ”
“รู้ได้ไง เคยไปเหรอแพร”
“ไม่เคยจะพาพี่ไปถูกมั้ยล่ะคะแหม”แพรแขวะผมเข้าให้จนได้ “ก็เคยไปแหละแต่ไม่บ่อย แพรไปปล่อยผีตอนเครียดๆน่ะ”
“อ้าว! งั้นพวกมายด์ก็เคยมาด้วยเหรอ”
“บ้าเหรอพี่ พวกลูกคุณหนูเขาจะมาเที่ยวแบบนี้กันได้ไงล่ะ แพรมาคนเดียวหรอก บรรยากาศมันได้เลยมาติดที่นี่น่ะ”
“แล้วใส่ชุดนี้เที่ยวกลางคืนแบบนี้แม่ไม่ว่าเหรอ”ผมถามพลางเหลือบมองต้นขาขาวๆของแพรไปด้วย แค่มองเฉยๆเอ็นเนื้อในกางเกงผมยังแข็งจนตุงได้เลยทีเดียวไม่ต้องสืบเลยว่าคนอื่นจะคิดยังไงเมื่อเห็นแพรในชุดนี้
“แม่จะว่าได้ไง แม่แพรเสียไปนานแล้ว ส่วนพ่อแพรน่ะป่านนี้ยังติดงานอยู่อยู่ที่ลาวอยู่เลย”
“ขอโทษนะพี่ไม่รู้...”
“อย่าใส่ใจเลยพี่ ว่าแต่พี่เถอะ แพรพาเที่ยวทั้งทีพี่ต้องหายเศร้านะ”
“ถ้าลงทุนขนาดนี้พี่คงต้องหายแล้วล่ะแพร”
กว่าจะมาถึงสิ่งที่เรียกว่าผับ ผมบอกได้เลยว่านี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่ผมได้มาในสถานที่แบบนี้ บรรยากาศรอบข้างมันช่างอึกทึกครึกโครมไปด้วยเสียงดนตรีบีทหนักๆเร้าใจชวนให้ร่าเริง ส่วนสาวเจ้าถิ่นก็จูงมือผมตรงดิ่งพามานั่งเคาน์เตอร์บาร์ก่อนในทันที
“วันช็อต 2”แพรสั่งเสียงดังแข่งกับดนตรีพร้อมชูสองนิ้วให้บาร์เท็นเดอร์เข้าใจชัดเจนก่อนจะหันมาหาผมพร้อมกับพูดอะไรบางอย่าง “....”
ผมทำหน้านิ่วคิ้วขมวดพยายามฟังให้ได้ยินชัดขึ้นแต่เสียงนั้นไม่ได้ดังกว่าเสียงดนตรีเลยสักนิด แพรก็คงรู้ว่าผมไม่ได้ยินถึงได้โน้มตัวเข้ามาใกล้ๆพร้อมกับพูดให้ดังขึ้นอีกนิด
“พี่คอแข็งแค่ไหนเนี่ย”
คำถามนี้ดังชัดเจนในหูแต่ที่ชัดยิ่งกว่าคือเนินอกขาวๆเมื่อคอเสื้อกว้างๆมันตกลงมาโดยที่สาวเจ้าของร่างไม่ทันได้ระวัง มันทำให้ผมเห็นชัดๆเลยว่าก้อนเนื้อนูนข้างในมันช่างขาวเนียนตัดกับบราเซียสีดำมันวาวน่ามองแม้ว่ามันจะไม่ได้ดูใหญ่สะบึมหรือดูเต็มไม้เต็มมือก็ตาม
“...”ผมทำเป็นไม่สนใจทั้งที่ในใจเริ่มอยากลองของกับนักข่าวสาวก่อนจะตอบคำถามก่อนหน้านี้ไป “ไม่รู้สิพี่ไม่เคยกิน เหล้ามันแพง”
“เอางี้ วันนี้แพรเลี้ยง กินเต็มที่เลยพี่”แพรวายื่นแก้วช็อตให้ผมก่อนจะหยิบของตัวเองขึ้นมากระดกน้ำใสๆไร้สีเย็นยะเยือก มันทำเอาผมร้อนวาบลงไปถึงกระเพาะเลยทีเดียว “ฮ่า! พี่ อีก2” สาวหมวยสั่งอีก “หมดแก้วนี้ฉลองคนโสดแล้วไปเต้นกัน”
ผมได้แต่ยิ้มรับแก้วช็อตมากระดกรวดอีกรอบ ครั้งนี้พอปรับตัวได้ทุกอย่างมันก็ดูโอเคกว่าแก้วแรกเยอะทีเดียว แต่ในระหว่างที่ผมกำลังติดใจรสอันน่าลุ่มหลงของเหล้าเพียว สาวหมวยก็ควักแบงค์จ่ายบาร์เทนเดอร์ไปก่อนจะลากผมออกไปยังลานหน้าเวทีเพลงที่มีผู้คนมากหน้าหลายตาพอควรกำลังเมามันส์กับบรรยากาศของเพลงอิเล็กทรอนิกส์แดนส์อันเมามันของวงดนตรีดังวงหนึ่ง
เราสองคนโยกตัวไปมา กู่ร้องตามเสียงนักร้องอันทรงพลังราวกับมีมนต์สะกดให้เราต้องทำตามทุกครั้งที่เธอสั่งแต่นั่นกลับทำให้เรารู้สึกทั้งสนุกทั้งเพลินไปกับมันจนไม่อยากหยุดตะโกน เราสองคนมองหน้ากันยิ้มๆ แพรตะโกนอะไรบางอย่างอีกครั้งและเป็นอีกครั้งที่เสียงดนตรีเข้ามากลบเสียงพูดของสาวน้อยไม่ให้ผมได้ยิน คราวนี้แพรจึงดึงผมให้โน้มตัวไปใกล้พร้อมกับเงยหน้าขึ้นตะโกนอีกครั้ง
“สนุกมั้ย!!”
ผมยิ้มพยักหน้าพยักหน้าให้เด็กสาวก่อนจะก้มละพูดข้างหูแพรบ้าง “พี่เขินว่ะแพร เต้นไม่ออกเลย!”
“งั้นไปหาโต๊ะนั่งกันดีกว่าพี่!”
เราสองคนแหวกฝูงชนออกมาหาโต๊ะนั่ง แพรโบกมือเรียกพนักงานร้านก่อนจะยัดแบงค์พันใส่มือเพื่อให้ช่วยหาโต๊ะให้ แน่นอนว่าด้วยอำนาจกระดาษสีเทามันย่อมรุนแรงกว่าสีอื่น ไม่นานนักพนักงานคนนั้นก็พาเราสองคนมายังโต๊ะว่างในมุมที่เสียงเพลงค่อนข้างเบาพร้อมกับรีบดึงกระดาษที่เขียนว่าจองบนโต๊ะออกอย่างรวดเร็ว
“เหล้าโปรนึงด้วยนะคะ”
...เสียงดนตรีในจังหวะแดนซ์พอเบาลงมันค่อยสบายหูขึ้นหน่อย เราสองคนเลยนั่งคุยกันไปกระดกกันไปเพลินๆ ในจังหวะนี้คนอกหักมันได้ฟิลกินเหล้าจริงๆ ยิ่งมีคนปลอบสวยๆมานั่งปลอบไปกินไปแบบนี้มันยิ่งน่าเมามากๆแต่จะให้เมาตอนนี้มันยังเร็วเกินปสำหรับผมเมื่อสายตามองผ่านผู้คนมากมายแล้วดันบังเอิญเห็นสาวสามคนสวยสะดุดตานั่งอยู่ในอีกมุมหนึ่งของร้านและชื่อของพวกเธอที่ล่องลอยในอากาศดันน่าสนใจซะด้วยสิ
carina ,Candice ,Deborah อักษรที่ผมกำลังต้องการถึงสองตัวนั่งอยู่รวมกันแถมยังสวยทั้งสามคนแม้จะสวยกันไปคนละแบบ อย่างนี้มันสมควรเสี่ยงเก็บอักษรซะหน่อยแล้ว
“วันนี้ไม่เมาไม่เลิกนะพี่”
“โอเค ไม่เมาเราไม่เลิก แต่พี่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะแพร”
“โห่พี่! รีบๆมานะ”เสียงของสาวหมวยเริ่มจะดังจากการยกแก้วไปหลายรอบ แพรคงจะเริ่มเมาแล้วเพราะตอนนี้เล่นกินไปหน้าแดงไปแต่นี่ไม่ใช่เวลาของแพรมันจึงต้องจัดลำดับความสำคัญใหม่กันซะหน่อย
“Excume, Where’s toilet? (ขอโทษครับห้องน้ำไปทางไหน)”
“Behide the Bar (ข้างหลังบาร์ค่ะ)”สาวไฟหน้าอย่างใหญ่ในชุดเสื้อกล้ามขาวกับกางเกงผ้ายืดตอบผมพร้อมกับชี้ไปยังบาร์เหล้าที่ก่อนหน้านี้ผมไปกินเหล้าช็อตกับแพรมา (เพื่อไม่ให้ต้องเสียเวลาแปลกันเอาเป็นว่าผมจะแปลเป็นภาษาไทยให้เลยก็แล้วกัน)
 
“ผมเพิ่งเคยมาน่ะครับ เลยถามเอาไว้ก่อน อ้อ!เรียกผมว่าเก่งได้นะครับ ผมนั่งกับน้องที่โต๊ะฝั่งโน้นแหนะครับ”ผมยื่นมือไปหาเพื่อทำความรู้จัก
“อ้อ...ค่ะ คาริน่าค่ะ”เธอตอบก่อนจะยื่นมือมาจับทักทายผมตามมารยาทก่อนจะปล่อยให้ผมยื่นไปเช็คแฮนด์อีกสองสาว
“แคนดิสค่ะ”
 
“เดบร้าค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
 
“อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะครับ คือผมเป็นช่างภาพอิสระ พอดีเห็นพวกคุณสามคนสวยสะดุดตามันก็เลยอดทำความรู้จักไม่ได้เผื่อจะได้ชวนไปถ่ายแบบอะไรอย่างนี้น่ะครับ”
“ว้าว! ฮ่ะๆๆ ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำชม”เดบร้าหัวเราะ “ว่าแต่น้องสาวแน่เหรอคะที่มาด้วย มากับแฟนเราก็ไม่ว่านะ เราไม่ถือ”สาวผมบลอนส่งสายตาอ่อยเหยื่อมาให้ผมอย่างไม่ปิดบังทำเอาเพื่อนสาวทั้งสองในโต๊ะอมยิ้มน้อยๆ
“น้องสาวครับ...คือน้องพามานี่วันนี้เพราะผมเพิ่งถูกแฟนทิ้งนี่แหละครับ”ผมพูดเศร้าๆก่อนจะดึงน้ำเสียงให้กลับมาสดใสเหมือนเดิม “แต่ช่างมันเถอะครับ ผมมานี่เพื่อจะได้ลืมๆมันไป ขอชนแล้วหน่อยได้มั้ย”แล้วผมก็ตีเนียนคุยโน่นนี่และชนไปอีกหลายแก้วพลางใช้โอกาสนี้แอบลูบไล้ต้นขาขาวของสาวในเดรสแดงไปพร้อมกับร่ายเวทย์สะกดใจสาวคนนี้อยู่ในใจไปด้วย ...จิตเจ้าไม่ใช่ของเจ้า จิตเจ้าเป็นของข้า กายเจ้าไม่ใช่ของเจ้า กายเจ้าเป็นของข้า จงทำตามจิตข้า...ก่อนจะเป่าหาเธอเบาๆ
จริงๆเวทย์สะกดใจมันค่อนข้างจะใช้ยากพอสมควรเพราะเงื่อนไขของมันคือต้องเป็นคนที่อยากผูกสัมพันธ์กับเราหรือเคยนอนกับเรามาก่อนถึงจะใช้เวทย์นี้ได้และใช้แล้วมนต์จะคงอยู่แค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแต่เหมือนว่าสาวผมทองคนนี้จะต้องการอะไรบางอย่างจากผมพอท่องปุ๊บสาวผมทองก็มีอาการเหม่อลอยทันที ผมจึงรีบสั่งในใจให้เธอพูดอวยผมให้คาริน่าฟัง
“เพิ่งเลิกกับแฟนมาแบบนี้ก็พอดีเลยสิคะ คาริน่าเป็นพยาบาลพอดีอย่างนี้ให้ดามใจให้ได้เลย”
“ฮะๆแกก็พูดไป”สาวหน้าหมวยทรงโตหัวเราะ “เห็นมองเก่งตาเป็นมันดันมาโยนให้เพื่อนซะงั้นแหละ”
“แหมพูดอย่างนี้ผมก็เขินสิครับฮ่ะๆๆ”ผมหัวเราะแก้เขิน
“แต่ดูเหมือนจะชอบเลยน้า...”แคนดิสแซวผมต่อทันทีคราวนี้ผมเลยทำหน้าเคร่งขรึมจริงจังขึ้นมาหน่อยก่อนจะลุกขึ้นค้อมตัวผายมือเป็นเชิงขอมือ
“ถ้างั้นผมขอให้คุณพยาบาลช่วยไปที่ฟลอกับผมหน่อยได้มั้ยครับจะได้ช่วยดามใจผมให้หายเจ็บ”
“แหม เก่งตลกนะเนี่ย”สาวสวยในเสื้อกล้ามยิ้มก่อนจะวางมือลงบนมือผมรับคำเชิญ ดูๆไปอย่างกับว่าเธอก็ไม่ได้รังเกียจผมเหมือนกันผมเลยจูงมือเธอไปเต้นที่ฟลอก่อนจะสั่งให้เดบร้าอวยผมให้แคนดิสฟังไปพลางๆ
เราสองคนอยู่บนฟลออันหนาแน่น มีผู้คนกระโดด เต้น โยก ไปกับเสียงเพลงอันเมามันไม่หยุด เราสองคนก็เป็นหนึ่งในนั้นที่น้ำเปลี่ยนนิสัยพาให้บรรยากาศมันสดใสและร่างกายก็ขยับไปตามเสียงเพลงกระทั่งเริ่มมีหนุ่มๆเข้ามาเต้นใกล้ๆและเริ่มจะเบียดผมให้ออกห่างจากคาริน่านั่นแหละผมถึงคิดทวงสิทธิ์คืนด้วยการดึงเธอมาประจันหน้ากอดเอวหลวมๆ สาวต่างชาติดูจะตกใจไม่น้อยแต่ก็อมยิ้มออกมาเหมือนพอใจที่ผมทำแล้วคล้อมแขนกอดคอผมกลับโดยไม่แยแสสายตาหนุ่มๆที่มองเราด้วยความผิดหวัง
“มาที่นี่บ่อยมั้ย”
“ก็เฉพาะที่เพื่อนมาด้วยแหละค่ะ ทำไมเหรอ”
“ผมจะได้รู้ว่าหนุ่มๆจีบคุณบ่อยแค่ไหนไงล่ะ”ผมทำเป็นหึงพลางมองสาวสวยยิ้มกว้างออกมา
“ไม่หล่อก็จีบไม่ติดหรอกค่ะ”
“แล้วผมถือว่าจีบติดมั้ยในความคิดคุณ”
 
“อือ...”เสียงครางแผ่วเบาดังให้ผมหวั่นใจชั่วขณะ กลัวว่าแพรจะตื่นแต่มีแค่เสียงครางเท่านั้นผมจึงจัดการค่อยๆเลิกเสื้อปลดบราเซียสีดำเข้าชุดออก
“นึกว่าจะแบนนะเนี่ย”ผมรำพึงกับเนินอกขาวสะอาดไร้ไฝฝ้าอันอวบอูมดูเต็มมือใช่ย่อยก่อนจะก้มลงดูดชิมยอดถันท่ามกลางความมืดของห้องนอนอย่างหิวกระหาย “อืมมม อืมมม อืมมมม จ๊วบบ”
“อือออ”เสียงครางของแพรดังขึ้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้ผมเลือกที่จะไม่สนใจแล้วดูดเลียสลับไปทั้งสองเต้าอย่างเพลิดเพลินจนยอดเต้าฉ่ำแฉะไปด้วยน้ำลาย
“แพร พี่ขอชิมหอยแพรหน่อยนะ”ผมพูดพลางถกถอดกางเกงขาสั้นกับกางเกงในลงไปกองปลายเท้าแต่ดูเหมือนว่าคราวนี้สาวน้อยจะรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว
“ทามอารายน่ะเพ่...”เสียงถามอ้อดังขึ้นเล่นเอาผมถึงกับชงักแต่ก็ทำได้แค่นั้นในเมื่อแพรอยู่ในสภาพเปลือยล่างแบบนี้มีเหรอผมจะยอมปล่อยไปเฉยๆ
“ขอพี่ทำให้แพรมีความสุขนะ”
“อย่า...อ-อา...อา พี่...”เสียงอุทานยานๆของคนเมาดังไม่หยุดปากเมื่อถูกผมซุกหน้าเข้าไปฟอนเฟ้นเม้มเลียกลีบเนื้ออันอ่อนนุ่มชื้อฉ่ำไปด้วยเมือกสวาทอย่างเมามัน เสียงร้องห้ามเริ่มกลายเป็นเสียงคร่ำครวญของสาวหมวยปริ่มว่าจะขาดใจปนสุขสมในคราวเดียวกัน มือน้อยเอื้อมคว้าหัวผมคล้ายว่าจะผลักออกแต่นิ่งค้างอยู่อย่างนั้น “อูยยยย โอวววว”เสียงร้องยังคนดังต่อเนื่องไปตามการบรรเลงลิ้นใส่กลีบสาวไม่ลดละก่อนจะตัดสินใจแทงลิ้นเข้าไปลิ้มรสคาวของเนื้อสดภายในร่องให้แพรได้แดะสะโพกขึ้นด้วยความสยิวซ่านสุดตัว โพรงรักอันคับแคบหดตัวตอดรัดลิ้นผมหนึบหนับพร้อมกับขับน้ำทิพย์ออกมาให้ได้ดื่มกินเรื่อยๆ
ผมค่อยๆชักลิ้นออกมาเปลี่ยนเป็นเลียเม็ดแตดสีแดงสดอันเล็กๆบนยอดเนินต่อ “โอววว โอ๊วววว อ๊ะ! อ๊า! อ๊า! อี๊ยย!!!!” สาวน้อยได้สยิวซ่านขึ้นเรื่อยๆก่อนจะขาดเป็นห้วงๆและตัวกระตุกสั่นหงึกๆเสร็จสมถึงใจจนน้ำฉี่สีอำพันถึงกับไหลทะลักออกมาเป็นฝอยอาบชุ่มหน้าผมอย่างจัง กลิ่นของมันคล้ายกลิ่นละมุดราวกับว่าเหล้าที่เพิ่งกินไปเมื่อไม่นานนี้ถูกกลั่นกรองออกมาอีกครั้ง มันทำให้ผมไม่เสียดายเลยที่จะลงลิ้นเลียกินมันจากเนินสาวให้จนหมดจดทำเอาสาวหมวยสะดุ้งครางฮึกๆแบบคนอารมณ์ขึ้นถึงขีดสุดแล้วยังเจอบทเสียวต่อเนื่องไม่ให้พัก
“น้ำแพรอร่อยจัง”ผมชมขยับขึ้นคร่อมจูบแพรที่ในตอนนี้มีสติอยู่บ้างแล้ว สาวหมวยไม่ขืนอีกปล่อยให้ผมตวัดลิ้นสอดจูบอย่างนุ่มนวลล้อเล่นไปกินลิ้นของเธอจนอิ่มหนำถึงถอนจูบออกพรมจูบลงมาตามเนินอกถึงกลีบสาวอีกครั้งพลางคิดจะเผด็จศึกสาวหมวยให้รู้แล้วรู้รอดไป
ผมค่อยๆถอดกางเกงออกรูดทิ้งไปเผยให้แพรได้เห็นเอ็นเนื้อดำมะเมี่ยมเป็นลำใหญ่ในเงามืด สาวหมวยปรือตาอันหนักอึ้งเยิ้มฉ่ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์และแรงราคะขึ้นมองมันตอนผมกำลังขึ้นคร่อมแล้วเริ่มโวยวายด้วยเสียงอ้อแอ้ยืดยาวอีกครั้ง
“อย่าน้า...พี่อย่าทามแพรน้า...”
...เฮ่ย! มึงจะทำอะไรน่ะ กูให้ยืมร่างไม่ได้หมายความว่ามึงมาทำแบบนี้กับเพื่อนเหนิงได้นะ...เสียงเจ้าของร่างดังก้องพาลให้ผมรู้สึกขัดใจไม่น้อย
...ข้าขอไม่ได้เหรอวะ นังแพรนี่ชอบเอ็งนะเชื่อข้าสิ ทำไปมันก็ไม่โวยวายหรอก...ผมอ้างเหตุผลให้เจ้าของร่างฟังเพื่อเกลี้ยกล่อมให้มันยอมปล่อยให้ผมจัดการเหยื่อสาวตา จริงๆจะไม่ฟังมันก็ได้แต่เชื่อเลยว่าถ้าผมหมดกำลังจะคุมร่างนี้ได้อีกมันคงไม่ยอมให้ผมออกมาอีกเป็นครั้งที่สองแน่
...ไม่! ห้ามแตะต้องเพื่อนเหนิงเด็ดขาด แค่กูทำเหนิงเสียใจเพราะเจ้าชู้กูก็รู้สึกแย่พอแล้วอย่าให้กูกับเหนิงต้องมองหน้ากันไม่ติดอีกเลยเถอะ...
...เออๆ ก็ได้วะ แต่นังนี่มันแอบชอบเอ็งจริงๆนะข้าสัมผัสได้...
...อย่ามาโม้ให้กูหลงกลหน่อยเลย...
...งั้นเชื่อใจข้าสิแล้วข้าจะแสดงให้ดู...
...
เจ้าของร่างเงียบไปผมเลยถือว่ามันยอมให้ผมพิสูจน์ ผมเลยเลื่อนตัวขึ้นให้เอ็นเนื้อผ่านร่องสาวไปอยู่เหนือหัวแพรแทน “พี่ไม่ทำแพรหรอกแต่พี่อยากให้แพรช่วยพี่บ้างได้มั้ย”ผมถามพลางเอามือนึงกุมควยส่วนอีกมือลูบผมแพรให้สาวน้อยสงบ
“ยางงายยเหรออพี่”
“อมให้พี่ได้มั้ย แค่อมเฉยๆก็พอ”ผมอ้อนขอพร้อมกับสาวเอ็นเนื้อเปิดหัวถอกยิ้มน้ำจ่อใกล้ๆปากแพร
สาวหมวยหยีตามองหัวบานวาววับก่อนจะเงยมองผม “อย่าทามแพรน้า...”
“พี่ไม่แพรหรอก แค่อมให้ก็พอ ช่วยพี่หน่อยได้มั้ยครับคนสวย”
“อ้า...”แพรอ้าปากกว้างทั้งยังตาปรือๆอยู่อย่างนั้นปล่อยให้ผมค่อยกดหัวถอกใส่เข้าไปในปาก แพรค่อยๆหุบปากอมมันเข้าไปช้าๆ จากนั้นไม่รู้เพราะหิวหรืออะไรสาวหมวยถึงเริ่มใช้ลิ้นเลียและดูดให้จนมันขยายตัวแข็งเต็มปาก “อืมมมม อืมมมม”
...ไงล่ะเชื่อข้ารึยังว่าแพรชอบมึง ข้าจะทำมากกว่านี้มันก็ยอมแต่เอาเถอะข้าจะหยุดให้แค่นี้พอ เสร็จในปากมันน่าเสียดายน้ำ ข้าไปเสร็จในร่องอีสาวนมโตสามคนโน่นดีกว่า...ผมว่าพลางชักท่อนเอ็นออกจากปากแพรที่ดูเหมือนจะติดลมชะโงกหัวตามขึ้นมาแลบลิ้นเลีย
“จาอาวปายหนายยย แพรอยากกีนน้ามมมม”
“เป็นเด็กดีนอนในห้องเฉยๆสิแพร ถ้าทำตัวน่ารักพี่จะกลับมาให้น้ำกินนะ”ผมสวมกางเกงเข้าที่ โน้มตัวลงบดจูบสาวน้อยอย่างนุ่มนวลอ่อนโยนกระทั่งผล็อยหลับไปถึงได้ลุกออกมาจากตรงนั้นอย่างแผ่วเบา “จริงๆเอ็งก็อยากเอามันเหมือนกันล่ะวะข้ารู้หรอก ไม่งั้นเอ็งคงห้ามข้าตั้งแต่ดูดปากมันไปแล้ว”ผมเปรยเสียงแผ่ว เป็นคำพูดไร้สาระสำหรับใครก็ตามที่มาได้ยินแต่เป็นคมมีดกรีดใจเจ้าของร่างที่ยังคงหลบอยู่ในตัวผม
 
......
/>ผมแก้พล็อตสำหรับบทนี้ไป 4-5 รอบ สำหรับตอนท้าย หาแนวเรื่องให้มันลงตัวไม่ได้สักทีเลยแก้อยู่นั่นแหละจนกว่าจะพอใจ...มันก็ออกมาอย่างที่อ่านกันนี่แหละครับ ถูกใจไม่ถูกใจยังไงติชมกันได้นะครับ ส่วนบทหน้าผมว่าเดือนหน้าอีกแหงๆ อย่างกับว่าเป็นรายเดือนยังไงไม่รู้ บทที่แล้วลงวันที่9 บทนี้ลงใกล้เคียงกัน แต่เชื่อเถอะไม่ได้อยากให้เป็นรายเดือนหรอก เอาเป็นว่าเสร็จสมบูรณ์แล้วค่อยลงดีกว่า แบบนั้นไม่กดดันตัวเองแล้วงานก็น่าจะออกมาดีกว่ามานั่งกดดันแต่งด้วย(แอบกระซิบนิดนึง 5-6 บทแรกที่ลงไปเร็วๆจริงๆผมใช้เวลาเขียนครึ่งปีหรือกว่านั้นเลยนะแต่เพิ่งมารู้จักเว็บนี้ไงเลยเพิ่งเอามาลงได้แบบรวดๆในตอนแรก5555)แค่นี้แหละ ส่วนโพลที่1 เหนิง ,2 อเล็กซานดร้า , 3 แต้ว (ได้ข้อมูลมาแล้วจะเพิ่มบทให้ก็ยากแต่ว่าจะลองหาเนียนๆดูครับ) และตบท้ายเหมือนเดิม มุมตอบคำถามครับบายครับ
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
--------------------------------------------------------------------------------------------
เข้าสู่ห้องสารบัญหนังสือ
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน