" อันเรื่องราวตัณหานี้สาหัส ถ้าใครตัดเสียได้ฉันให้ถอง
สู้อุตส่าห์หัดวิชาหาเงินทอง ก็เพราะของสิ่งเดียวมันเกี่ยวกวน "
...........................................
จั่วหัวด้วยบทกลอน ที่สุนทรภู่กวีเอกของโลกเขียนถึงตัณหาของมนุษย์ แม้ตัวคนเขียนจะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่เรื่องราวของตัณหายังคงมีอยู่ ฝังลึกอยู่ในใจทุกผู้คน มีพลังอำนาจมากยิ่งกว่าพายุเฮอริเคน ที่พัดโหมกระหน่ำ ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีอยู่ ให้พังทลายราบลงในชั่วพริบตา เรื่องราวที่ผมจะบอกเล่านี้ก็เป็นอีกเรื่องราวหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับตัณหาที่เกิดขึ้นกับผู้ชายคนหนึ่งและผู้หญิงอีกสองคน ที่เริ่มต้นจากความใคร่ พัฒนามาเป็นความรักในภายหลัง พอความรักเพาะบ่มจนได้ที่ ทุกสิ่งทุกอย่างก็จบลงแค่ชั่วข้ามคืน...
ความทุกข์ ความเสียใจ ความสิ้นหวังของสามคน เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของแต่ละคนจากหน้ามือเป็นหลังมือ กระจัดกระจาย แยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง ต้องใช้เวลาอีกหลายปี กว่าที่แต่ละคนจะกลับมายืนในจุดที่ควรจะยืนอยู่ในทุกวันนี้ ผมเองยังเสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนทุกวันนี้ ที่วันนั้นตัดสินใจด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล
แต่เพื่อความสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของเวปมาสเตอร์สาวสวยของบอร์ดแห่งนี้ ผมจึงขอเล่าแค่ในส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับความรักและความใคร่ ในฐานะของผู้ชายคนหนึ่งที่มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ เรื่องนี้ไม่มีเจตนาที่จะชี้ว่าใครถูก ใครผิด และอีกอย่างแม้ว่าตัดสินได้ใครผิดหรือใครถูก มันก็หามีประโยชน์อะไรในวันนี้ รังแต่จะเพิ่มความทุกข์มากขึ้นเท่านั้น
ก่อนที่จะก้าวเดินไปข้างหน้า ลองหันกลับมาดูข้างหลังกันก่อนดีมั๊ย ลองทำความเข้าใจกับภูมิหลังของแต่ละชีวิตที่โลดแล่นอยู่ในเรื่องนี้กันสัก นิด ผม ผู้ชายที่ชื่อ ไข่นุ้ย เป็นชื่อธรรมดาที่แสนจะธรรมดามาก แต่เป็นชื่อที่พ่อแม่เรียกมา ตั้งแต่ยังแก้ผ้าเล่นน้ำในแม่น้ำหน้าบ้าน แต่พอผมโตขึ้น การที่ใครมาเรียกชื่อแบบนี้ มันเหมือนกับเป็นการดูถูกกันอย่างแรง คำว่าไข่ที่นำหน้าอยู่มันก็เลยถูกตัดออก เหลือเพียงคำว่า "นุ้ย" คำเดียวสั้นๆ และผมก็ชอบคำนี้มากกว่า
ส่วนผู้หญิงสองคนที่ผ่านเข้ามาในถนนชีวิตของผม คนแรกเป็นสาวใหญ่ ขาว สวย หมวย อวบอิ่ม เกิดที่เชียงใหม่ ชื่อ พี่บุษย์ สาววัย 30 ที่เพียบพร้อมทั้งทรัพย์สิน เงินทอง ชื่อเสียง และเกียรติยศ จนผมเองไม่แน่ใจว่ามีอะไรบ้าง ที่เธออยากมีแล้วเธอไม่มี ส่วนผู้หญิงคนที่สอง ชื่อ น้อย สาวสุโขทัยผู้พกพาความสวย ตำแหน่งเทพีรับประกันความงามของเธอ น้อยเป็นคนที่มีความมั่นใจสูงมาก น้อยเกือบจะรวบรวมคุณลักษณะของผู้หญิงในจินตนาการของผมเกือบครบถ้วน เราทั้งสามคนถือว่าจบการศึกษาชั้นดี มาจากมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงของประเทศทุกคน แต่เราก็มาติดบ่วงกามตัณหาที่พวกเราสร้างขึ้นมาเอง ในพวกเราสามคนนี้ มีของสิ่งหนึ่งที่ชอบเหมือนกันนั่นคือ เที่ยว เที่ยวกันได้ทุกวันหยุด และบางทีวันที่ไม่หยุดก็ยังเที่ยว ด้วยเหตุนี้ตั้งแต่บทแรกจนถึงบทสุดท้าย บทรักของพวกเรามักเกิดนอกสถานที่ แตกต่างกันตามกรรมวาระ และวันเวลา ในชีวิตจริงพวกเราสามคนยังคงแสดงละครชีวิตกันอยู่จวบจนทุกวันนี้
แต่เรื่องที่เกี่ยวกับกลกามความรักของผมกับน้อย จบลงหลังจากกลับจากภูหินร่องกล้า ในสมัยที่ผมยังหนุ่มผู้ชายคนหนึ่งที่มีผู้หญิงมากกว่าหนึ่งคน ยังจัดเข้าพวกมักมากในกามคุณ และแน่นอนที่สุดย่อมไม่ใช่คนดีของสังคม และไม่ใช่เรื่องง่ายที่สังคมจะยอมรับเช่นกัน
พันธนาการ กฏเกณฑ์ทางสังคม ยังคงเป็นสิ่งที่เราต้องรับรู้ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ชอบก็ตาม แต่ตราบใดที่เรายังยืนหยัดอยู่ในสังคม เราก็ยังคงต้องยึดถือปฏิบัติเช่นกัน แต่พอแค่นี้แหละ มันค่อนข้างซับซ้อนและยากเกินกว่าที่ใครคนใดคนหนึ่งจะใช้เวลาสั้นๆ อธิบายให้เข้าใจตรงกัน และอีกอย่างมันก็ไม่เกี่ยวข้องกับซีรี่ส์ของผม
ซีนของเรื่องเกิดขึ้นครั้งแรกที่เมืองชล เป็นสถานที่ที่แรกที่ผมพบกับพี่บุษย์และน้อย ซีนจบของเรื่องคือเพชรบูรณ์ ซึ่งจริงๆ แล้วมันรูดม่านมาตั้งแต่สุโขทัยแล้ว ผมตั้งใจว่าจะออดอ้อนพี่บุษย์ เขียนอะไรเล็กๆน้อยๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ในตอนท้าย เพื่อสรุปผลลัพธ์ของเรื่องทั้งหมด และเธอก็ยินยอม พี่บุษย์ตามใจผมเสมอ ไม่ว่าจะเป็นในอดีตหรือแม้แต่ปัจจุบันนี้ เธอเกือบจะเป็นตัวแทนหนึ่งเดียวของความทรงจำของผมในช่วงเวลานั้นที่ผมมี เหลืออยู่ในทุกวันนี้
แม้ว่าเรื่องนี้ในตอนท้าย มันจะไม่จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง พระเอกแต่งงานกับนางเอก ตามแบบฉบับหนังไทยที่มีคนเขียนสคริปท์ไว้ล่วงหน้า แต่อย่างน้อยที่สุด อยากให้มองว่า สิ่งหนึ่งที่ผู้หญิงสองคนนี้สอนให้ผมเข้าใจ คือ
ผู้หญิงต้องการ.."..ความรัก..." มากกว่าเซ็กซ์หรือความใคร่ แต่ในขณะที่ผู้ชายต้องการความใคร่มากกว่าความรัก ผู้หญิงแยกแยะความรักออกจากความใคร่ชัดเจน แต่ผู้ชายกลับเอาความรักกับความใคร่มารวมอยู่ด้วยกัน สิ่งที่สำคัญกว่าคือเราจะบริหารความรักกับความใคร่อย่างไรให้มันสมดุลกัน ลองถามใจคุณดูว่ามันควรจะเป็นแบบใดดี
จากนี้ไป ขอให้ใช้วิจารณญาณในการอ่าน เรื่องราวของผู้ชายที่ชื่อนุ้ย กับผู้หญิงคนที่หนึ่งที่ชื่อพี่บุษย์และผู้หญิงคนที่สองที่ชื่อน้อย สองนางเอกในเรื่องของผม และผมก็เคยยื่นข้อเสนออยากให้มาเป็นนางเอกในชีวิตจริงของผม
".......พี่บุษย์ที่ผมรู้จักในวันแรก ผมคิดว่าเธอไม่น่าจะเป็นนางพยาบาลที่ทำงานบนวอร์ด เพราะเธอสวยเกินกว่าจะมาขลุกอยู่กับคนป่วย มันขาดความรื่นรมย์ เธอน่าจะยืนรับหน้าอยู่ที่เคาเตอร์ผู้ป่วยนอกมากกว่า แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้คือ เธอเป็นพยาบาลด้วยหัวใจ และเธอสร้างทัศนคติที่ดีต่อวิชาชีพนี้ให้กับผม ผมชื่นชมผู้ใช้วิชาชีพนี้ทุกคน แต่ไม่ใช่เพราะเครื่องแบบที่เธอสวมใส่ แต่ที่หัวใจงดงามของพวกเธอ พี่บุษย์เป็นคนขรึม พูดน้อยในตอนแรก เธอเหมือนคนในชาติตระกูลสูง แตะต้องไม่ได้ แต่จริงๆ แล้ว เธอแตะต้องได้ และเป็นผู้หญิงที่ผมชื่นชม แม้ในทุกวันนี้ก็ตาม......."
==========
### บทที่ 1 พบเธอครั้งแรกที่เมืองชล ###
ในช่วงหน้าฝนของปีหนึ่ง ผมประสบอุบัติเหตุ บาดเจ็บปางตายอยู่เหมือนกัน ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหลายวัน อุบัติเหตุครั้งนี้เหมือนทุกขลาภของผม ที่นี่ ผมพบกับพี่บุษย์และน้อย ด้วยความที่เป็นคนจากบ้านมาไกลคนหนึ่ง ผมจึงเป็นคนป่วยไร้ญาติ ทางบริษัทก็เลยจ้างพยาบาลพิเศษมาคอยดูแล ไม่ใช่ว่าบริษัทมีสวัสดิการดีอะไรหรอกนะ เพียงแต่อยากให้หายไวๆ จะได้กลับไปทำงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จ ก็เท่านั้นเอง พยาบาลคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เธอคือพี่บุษย์ คนสวยของผม
พี่บุษย์ผิวขาวเนียนแบบสาวชาวเหนือ หมวย อวบอิ่ม มีน้ำมีนวล บุคลิกภายนอกเคร่งขรึม เป็นผู้ใหญ่ พี่บุษย์พยาบาลพิเศษของผมช่วยดูแลผม เกือบทุกอย่าง ให้กินยา เช็ดเนื้อ เช็ดตัว ความที่ผมเดินไปไหน มาไหนไม่สะดวกนัก ผมก็มีพี่บุษย์นี้แหละเป็นเพื่อนคุย ฝากซื้อของบ้าง แอบซื้อข้าวกล่องบ้างในบางครั้ง อาหารในโรงพยาบาลที่ไหนๆรสชาติก็ใกล้เคียงกัน ไม่กินได้เป็นดีที่สุด ความช่างพูด ช่างเจรจาของผมช่วยให้ผมสนิทสนมกับพี่บุษย์ในเวลาอันรวดเร็ว พี่บุษย์มีเพื่อนอยู่ 2-3 คนที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นพิเศษ น้อยคือคนที่ผมสะดุดตามากที่สุด ช่างสวยงามเสียเหลือเกิน นางฟ้าจำแลง ตะละแม่พิชญาของผมน้อย สวยหวาน สูงโปร่ง สมส่วน น่ารักน่าชัง ย้อมผมสีน้ำตาล ตามแบบฉบับของสาวมั่น ผมจะพบเจอน้อยเฉพาะตอนกลางวันเท่านั้น น้อยจะมาคอยเช็คการทำงานของพยาบาลบนตึก เพื่อทำคู่มือคุณภาพการบริการอะไรสักอย่าง ผมไม่ค่อยใส่ใจกับงานของเธอนัก สนใจรูปร่าง หน้าตาของเธอมากกว่า เพราะความสวยของเธอ ทำให้ผมแอบมองเธออยู่บ่อยครั้ง แต่ผมก็ไม่กล้าคิดอะไรมากไปกว่านั้น แต่ใจลึกๆ ก็ถวิลหา วันไหนน้อยไม่มาก็เหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง ลึกๆผมคิดในใจแบบนี้ จิตเริ่มปฏิพัทธ์อยากทำความรู้จักมากกว่านี้เสียแล้ว ส่วนใหญ่ผมจะรู้เรื่องของน้อยผ่านทางพี่บุษย์ เธอจะชวนเล่าเรื่องโน้น ชวนคุยเรื่องนี้ จนผมรู้สึกไม่เบื่อที่ต้องมานอนเล่นที่โรงพยาบาล
ในตอนแรกๆนี้ ผมก็ไม่คิดอะไรในทางชู้สาวกับพี่บุษย์เลย แต่ก็มีบ้างที่แอบมองเนินอกขาวๆ เนียนๆ ผ่านร่องกระดุมเสื้อของเธอในยามที่เธอช่วยเช็ดตัวผมประมาณนั้น ตามประสาผู้ชายกิเลศหนาคนหนึ่ง แต่ความที่เธอเป็นคนมีหน้าอก หน้าใจเหลือเฟือก็ทำให้ใจผมปั่นป่วนไปบ้างเหมือนกัน และก็มีบ้างในบางครั้งที่พี่บุษย์เช็ดตัวให้ผม น้องหนูของผมแสดงอาการดีใจออกนอกหน้าไปบ้าง ไม่ยอมรักษาหน้าเจ้าของ แสดงอาการฮึดฮัด แต่ก็ได้แค่นั้น
เรื่องราวความสัมพันธ์ติดเรทของผมกับพี่บุษย์เกิดขึ้นเมื่อพี่บุษย์เธอมา เช็ดตัวให้ผมในเย็นวันหนึ่ง อย่างที่บอกเธอเป็นคนหน้าอกใหญ่ พอเธอก้มเช็ดตัวผมก็เห็นร่องอกขาวเนียนของเธอ ผมอาจจะแอบดูเพลินไปนิด น้องหนูของผมเริ่มพองก๋าขึ้นเรื่อยๆ ผมว่าตอนแรกเธอคงไม่เห็น เพราะมัวแต่เช็ดโน่น เช็ดนี่ แต่ตอนที่เธอเช็ดถึงบริเวณหน้าท้องของผม เธอคงสังเกตเห็น ผมเห็นพี่บุษย์อมยิ้ม ผมนะหรือ อายครับ อายมากด้วย แทบจะแทรกแผ่นดินหนี และรู้สึกเสียมารยาทอย่างที่สุด
พอพี่บุษย์เช็ดตัวผมเสร็จ เธอเอามือมาตีเบาๆ ที่น้องหนูของผม แล้วบอกว่านอบหลับซะ อย่าฟุ้งซ่านนะจ๊ะ พ่อตัวดี ผมกังวลกับการเสียมารยาทของผม แต่ก็พยายามคิดในแง่ดีว่าเธอคงเห็นเรื่องแบบนี้บ่อย จนชิน และคงไม่คิดอะไรมาก ผมพยายามหาเหตุผลมารองรับความคิดของผม เพื่อลบความรู้สึกผิดที่ตัวเองก่อขึ้น กิจกรรมในโรงพยาบาลของผมไม่มีอะไรมากอยู่แล้ว กินกับนอน สำหรับวันนั้นพอกินยาเสร็จผมล้มตัวลงนอนเช่นเคย โดยปกติจิตใจกระวนกระวายแบบนี้ผมหลับไม่ค่อยหลับ แต่ฤทธิ์ยาที่กินเพื่อให้คนไข้พักผ่อน ร่างกายผมก็สุดฝืน ผมหลับนานแค่ไหน ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก สะลึมสะลือตื่นขึ้นอีกทีตอนที่พี่บุษย์ปลุกให้ลุกขึ้นกินยา "ตื่นๆ ถึงเวลากินยาแล้ว" เธอเขย่าปลุกผม "กินยาอีกแล้วเหรอ" ผมงัวเงียพยุงตัว ลุกขึ้นกินยาอย่างขัดเสียไม่ได้ นิสัยผมเป็นคนกินยายากมาก โอกาสที่จะกินยาหมดตามหมอสั่งมีแค่ 50-50 เท่านั้น แม้แต่ในปัจจุบันก็ตามที
ผมกินยาเสร็จก็ล้มตัวลงนอนตามเดิม พี่บุษย์เอื้อมมาจัดผ้าห่มคลุมให้ผมเหมือนเดิม "ขอบคุณครับพี่" ผมเอ่ยขอบคุณเธอ เธอยิ้มพยักหน้ารับรู้
ช่วงจังหวะที่พี่บุษย์เอื้อมมือมาคลุมผ้าห่มเรียบร้อยแล้ว มือเธอลูบมือผ่านกลางลำตัวผม กระซิบข้างหูผมเบาๆ "เก็บกดมานานแล้วใช่มั๊ย เราน่ะ พี่เห็นออกอาการมาหลายวันแล้วนะ" ผมหูผึ่งเลย "พี่ว่าอะไรนะ" ผมถามย้ำเพื่อความแน่ใจ ทั้งๆที่ได้ยินชัดเต็มสองหู "ให้พี่ช่วยมั๊ย เป็นการส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับหน้าที่" พร้อมคำพูด สิ่งที่เธอทำต่อคือเอามือค่อยๆ ลูบเน้นๆ ลงบนเป้ากางเกงของผม สำหรับคนอดอยากอย่างผม บวกกับความตื่นเต้น แค่ชั่วอึดใจเดียวน้องหนูของผมก็ผงาดโชนเต็มที่ ผมดึงผ้าห่มออกจากตัว "ใจร้อนจังนะ" เธอล้อผม แต่มือรูดกางเกงผมลงครึ่งเข่า ตอนนี้ลำลึงค์ของผมก็พบกับอิสรภาพ ไร้สิ่งพันธนาการโดยสิ้นเชิง ท่อนเนื้อของผมออกมาอวดส่วนสัดต่อหน้าพี่บุษย์ เธอไขว่คว้าลำเนื้อ "ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะเรา" ลำเนื้อของผมพอถูกมือเธอ มันยิ่งแข็ง เกร็งขึ้นอีก พี่บุษย์เริ่มรูดขึ้น รูดลง ช้าบ้าง เร็วบ้าง ผมต้องเม้มปากแน่น มันเริ่มเสียวมากขึ้น มากขึ้น "อยากมั๊ย" เธอพูดพร้อมกับก้มหน้าหอมแก้มผมฟอดใหญ่ "อยากมากเลยครับพี่" ผมตอบด้วยเสียงแหบพร่า "เดี๋ยวพี่จะทำให้มีความสุข...สุดยอดเลย เอามั๊ย" ผมก็ครับๆ ลูกเดียว
ไม่รู้อะไรมาดลใจให้ผมเอื้อมมือไปคว้าหน้าอกของพี่บุษย์เข้าเต็มมืออย่าง อัตโนมัติ มันหยุ่นมือจนผมเกิดอารมณ์อยากมากขึ้น บางทีผมคงมีจิตใต้สำนึกอยากจับเต้าอวบของเธอมานานแล้ว พอมีความต้องการมือมันก็เลยทำงานตามที่ใจปรารถนาทันที... โอ...นมเธอใหญ่เต็มมือจริงๆ..พี่บุษย์เห็นว่าผมทำอย่างนั้น เธอถามผม "อยากจับเหรอ" ผมพยักหน้ารับทันที "ครับ" เธอละมือจากลำเนื้ออุ่นๆของผม ปลดเปลื้องเสื้อผ้าส่วนบนของเธอจนเปลือยเปล่า ในที่สุดก้อนเนื้ออวบใหญ่กลางหน้าอกของเธอก็ไม่มีอะไรปิดบังอีกแล้ว คราวนี้มือผมก็จับ บีบเคล้นเข้ากับเนื้อแท้ของเธออย่างมันมือ บีบนวด คลึงเคล้น บี้ยอดปทุมถันของเธออย่างที่ใจปรารถนา ทำไมช่างดีอย่างนี้
พี่บุษย์ก็เริ่มเสียว หายใจแรงขึ้น มือก็สาวลำลึงค์ของผมแรงขึ้น "ชอบมั๊ย" "...ชอบครับ" " ดีมั๊ย..." "ดีครับ" ผมเริ่มเสียวจับขั้วหัวใจ ผมบอกพี่บุษย์ "น้ำจะออกแล้วพี่...อูยยย" เธอเร่งมือเร็วขึ้น ในขณะที่มืออีกข้างนวดคลึง ลูบไล้ลูกกระโปกของผม ผมงี้รู้สึกเสียวอย่างบอกไม่ถูก สะท้านไปทั้งตัว ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ "น้ำจะออกแล้ว...อูยยย...ผมไม่ไหวแล้วครับพี่" ในที่สุดผมก็หลั่งหยาดน้ำรัก ถะทั่งออกมาเหมือนทำนบแตก ก้นขมิบยวบๆ หลั่งธารน้ำรักไหลเยิ้มลงมาตามง่ามมือของพี่บุษย์ มันมากมายเสียเหลือเกิน ส่วนหนึ่งอาจเนื่องจากผมไม่ได้เอาน้ำออกมาหลายวัน เหนื่อยหอบ นี้ขนาดไม่ได้ทำเองนะเนี๊ย แต่ยอมรับว่ามีความสุขมาก
พี่บุษย์ฟุบลงบนอกผม ผมรับรู้และซึมซับความอบอุ่นจากการสัมผัส โอบกอดของเธอ พี่บุษย์เสยไรผมที่หล่นลงมาปรกหน้าของผมอย่างเอาใจ
"สบายตัวแล้วใช่มั๊ย" ผมยิ้ม แต่หอมแก้มเธอเบาๆ
"ขอบคุณมากครับพี่" ผมเอ่ยขอบคุณเธอด้วยใจจริง เธอยิ้ม
"ไม่เป็นไรหรอก...พี่อยากช่วยเธอ" "ครับ...แต่พี่ยังไม่เสร็จ"
ผมถามเธอด้วยความเป็นห่วง "ทำไม เธอจะช่วยพี่หรืองั๊ย...ช่วยตัวเองให้ได้ก่อนเถอะ พี่มีวิธีของพี่ก็แล้วกัน เธอไม่ต้องเป็นห่วง เข้าใจมั๊ย"
ผมจูบที่ริมฝีปากช่างเจรจาคู่นั้นเป็นการขอบคุณ พี่บุษย์จูบตอบอย่างเต็มใจ เธอลุกขึ้นทำความสะอาดให้ผม ก่อนที่จะบอกว่า "นอนหลับนะจ๊ะ คนดี" เธอพูดพร้อมกับห่มผ้าให้ผมใหม่ กระซิบเบาๆ ที่ข้างหู "นอนหลับฝันดีจ๊ะ" "ขอบคุณครับพี่" ผมยิ้มรับอย่างเป็นสุขที่สุด โรงพยาบาลก็สามารถกลายเป็นสวรรค์ได้เหมือนกัน ผมคิดในใจ พี่บุษย์หายเข้าไปในห้องน้ำ ผมไม่รู้ว่าเธอเข้าไปทำอะไรบ้าง เพราะตอนที่เธอออกมา ผมหลับไปแล้ว ผมรู้ทีหลังว่าพี่บุษย์นอนเฝ้าผมเกือบทั้งคืน ผมเริ่มมีอบอุ่นใจอย่างประหลาด อย่างน้อยที่สุดผมรู้ว่าผมยังมีคนห่วงใยเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง หรือนี้คือความรัก ไม่มีคำตอบใดๆในวันนั้น
วันต่อมา พี่บุษย์ก็แวะมาดูอาการผมตามปกติ สิ่งที่เธอทำกับผม ผมยังคิดว่าเหมือนกับฝันไป เธอเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตกดึกเธอก็แวะมาดูโน่น ดูนี่เหมือนเดิม ผมไม่กล้าเรียกร้องความต้องการที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจ แต่สำหรับผมคลื่นลมในหัวใจที่เคยสงบเงียบเริ่มปั่นป่วนมากขึ้น เหมือนพายุใหญ่กำลังจะมาเยือน
ภาพพี่บุษย์ชัดขึ้น ชัดขึ้น....ในจินตนาการของผม.
ก่อนวันที่ผมออกจากโรงพยาบาล หมอบอกว่าผมใช้เวลาในโรงพยาบาลมานานพอแล้ว ถึงเวลาย้ายกลับไปนอนที่บ้านได้ น้องๆ ที่คุ้นเคยกันในโรงพยาบาลมาแสดงความยินดีกับผม พี่บุษย์ก็เป็นหนึ่งในนั้น เธอแวะมาหาผมตอนเย็นของวันนั้น
"ดีใจมั๊ย...พรุ่งนี้ก็ได้กลับบ้านแล้ว" ผมใจหายเหมือนกัน
"ดีใจครับ...แต่ผมคงไม่เห็นหน้าพี่อีก"
"แหม เธอก็แวะมาหาพี่ได้นี่ พี่ไม่ได้หายไปไหน ยังอยู่ที่นี่แหละ" เธอยืนกอดอกตอบผมยิ้มๆ
"ผมจะเลี้ยงข้าวพี่"
"ฮื้อ...เอาซิ...นัดล่วงหน้าก็แล้วกัน"
"ครับ...แต่ว่า...พี่แวะมาหาผมคืนนี้ได้มั๊ย"
ผมรวบรวมความกล้าทั้งหมดพูดออกไป "แน๊...รู้นะ...คิดอะไรอยู่...พักผ่อนเถอะ เดี๋ยวพี่ต้องไปทำงานต่อ" พี่บุษย์จากไปโดยที่ไม่ยอมรับปากอะไรเลย แต่ผมรู้ว่าเธอต้องมาแน่นอน ผมนอนรอพี่บุษย์อย่างใจจดใจจ่อ หลังเที่ยงคืนพี่บุษย์ก็แวะมาหาผม ผมดึงแขนเธอเข้ามาใกล้ๆ หอมแก้มเธออย่างรักใคร่ "คิดถึงจังเลย...รู้มั๊ย" ผมบอกเธอ "ปากหวานเหมือนกันนะเรา...อื้อ" เธอร้องออกมา "อยากลงไปนั่งข้างล่างนะครับ" ผมบอกเธอพร้อมกับบุ้ยปากไปที่โซฟาด้านล่าง พี่บุษย์ช่วยพยุงผมลงมาอย่างตามใจ ผมโอบแขนกอดเธอ พร่ำพรอดคำหวานต่อกัน "ผมจะไม่ลืมพี่เลย" "ขอให้จริงเถอะ กลัวแต่ไปแล้วไปลับนะซิ"
ผมนั่งคลอเคลียแนบชิด สัมผัสได้ถึงไออุ่นของกันและกัน ด้วยวัยหนุ่มที่ยังมีพละกำลังเหลือเฟือ อารมณ์พิศวาทย่อมเกิดขึ้นได้ง่ายดาย กับถ่านไฟเก่าที่เคยจุดติดมาแล้วครั้งหนึ่ง
และตอนนี้ผมมีความต้องการอีกแล้ว มือผมเริ่มวนเวียนอยู่ฐานเต้าอวบเต่งของพี่บุษย์ เธอเองก็คงมีความต้องการเช่นเดียวกับผม พี่บุษย์แอ่นอกอวบให้ผมลูบไล้อย่างเต็มใจ อกอูมของเธอเบียดล้นทะลักพุ่งดันเสื้ออย่างท้าทาย มือผมเริ่มปลดเสื้อเธอออกพร้อมกับบราเซียตัวน้อย เผยให้เห็นร่องอกขาวสะอาดยวนใจ นิ้วมือไล้ไปตามร่องอกขาวคู่นั้น ความนุ่มหยุ่นมือของหน้าอกคู่นั้นทำให้ผมลืมตัว
"อื้ยย.... ซี๊ด.... อย่าซนนักซิ" พี่บุษย์เสียงสั่นเพราะผมเริ่มบีบขยี้หัวนมของเธอ เธอแอ่นอกอวบขึ้น พร้อมกับที่ร่างของเธอขยับเบียดชิดเข้าเสียดสีกับร่างของผม มือของเธอควานเข้าไปในเป้ากางเกงของผม สัมผัสกับแท่งเนื้อขนาดเขื่องที่กำลังพองตัวสู้มือของเธอ "อูยย... เธอนี่ไวไฟจริงๆ เลยนะ ... อูยย" พี่บุษย์พูดพร้อมกับงัดออกมาลูบไล้ไปตามเงี่ยงอันพองตัวบานออกราวกับดอกเห็ด ของมัน ผมเอื้อมมืออีกข้างลอดใต้กระโปรงของเธอเข้าไปสัมผัสกับโคกอวบใหญ่นอกร่มผ้า จากการสัมผัสผมรู้ว่าโคกของเธอเปียกเยิ้มด้วยน้ำหล่อลื่นที่เธอหลั่งออกมา ด้วยความเสียวกระสัน
พี่บุษย์ยืนขึ้น รูดกางเกงในโยนทิ้ง เธอก้มลงนั่งตรงหน้าผม จับท่อนเนื้อของผมกระทอกเล่นอย่างช้าๆ จ้องมองมันอย่างเสียวซ่าน หัวเงี่ยงบานพองก๋าสู้มือเธอเต็มที่ "เธอเป็นโรคสังคมรังเกียจอะไรหรือเปล่า" พี่บุษย์ถามผมอย่างไม่วางใจนัก "อูยย.... ผมปลอดภัยครับพี่" "แน่ใจนะ" "ด้วยเกียรติครับ" "พี่เป็นอะไรไป พี่เอาเธอตายแน่" พี่บุษย์พูดพร้อมกับก้มลงจูบหัวหยักของผมอย่างรักใคร่ "อูย... พี่... ซี๊ด.... เสียวดีจัง เอามันเข้าปากพี่ซิครับ.... ผมทนไม่ไหวแล้ว.. ซี๊ด"
พี่บุษย์อ้าปากจิ้มลิ้มของเธออ้าอมหัวหยักของผม ผมรับรู้ถึงความอบอุ่นภายในปากของเธอในขณะที่ท่อนเอ็นของผมเลื่อนไหลเข้าไป ผมตัวเกร็งไปด้วยความเสียวสะท้าน พี่บุษย์เลียไล้ไปตามลำเนื้อไล่ลงมาจนถึงลูกกระโปก แล้วเริ่มเม้มริมฝีปากดูดอมมันอย่างไม่รังเกียจ " พี่ครับ....อูย... ผมเอาพี่ได้มั๊ย... ซี๊ดด" ผมร้องถามเมื่ออารมณ์หื่นถึงขีดสุด "เอาไว้ก่อนดีกว่านะ....เธอยังไม่หายดี..เดี๋ยวพี่ทำให้แบบนี้ก่อน" พี่บุษย์พูดพร้อมกับดูดมันเน้นๆ ที่ปลายหัวหยัก ขณะที่มือก็สาวท่อนเอ็นของผมเร็วขึ้น ผมหน้าแหงนด้วยความเสียว "พี่.... ผมไม่ไหวแล้วนะ...จะออกแล้ว"เธอละปากจากท่อนเอ็นของผม "ปล่อยออกมาเลยค่ะ" เธอพูดพร้อมกับรูดมันอย่างรวดเร็ว
การเดินทางของผมมาถึงจุดหมายแล้ว ร่างผมกระตุกเฮือกอย่างแรง พร้อมกับฉีดพุ่งน้ำกามหลั่งไหลออกมาอย่างมากมาย พี่บุษย์เบือนหน้าหลบน้ำรักของผม เธอรูดต่ออีกครู่หนึ่ง ก่อนที่ผมจะหมดสภาพลงอย่างเหนื่อยอ่อน "อูยย.... ผมรักพี่...ขอบคุณครับ" ผมก้มลงจุ๊บเบาๆ กับริมฝีปากจิ้มลิ้มของเธอ พี่บุษย์กอดเอวผมซุกใบหน้าลงกับหน้าท้องของผม ผมพรมจูบลงบนศีรษะของเธออย่างรักใคร่
เรื่องในคืนนั้นยังไม่จบแค่นี้ หลังจากพี่บุษย์ทำให้ผมขึ้นสวรรค์แล้ว เธอคลอเคลียอยู่ข้างผม เธอบอกว่า "เธอช่วยพี่หน่อยนะ" เธอถามผมว่า "เลียให้พี่ได้มั๊ย พี่ปลอดภัย" ผมเห็นเธอดูดของผมอย่างไม่รังเกียจ ผมก็ตอบตกลง "ครับพี่" พี่บุษย์ยิ้ม หอมแก้มผมแล้วจูงมือผมเดินไปที่เตียงคนไข้ เธอดึงชายกระโปรงขึ้นสูง ผมคิดได้แล้วว่าพี่บุษย์จะทำอย่างไร อา...เนินพระจันทร์ของพี่บุษย์ นี้เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นของเธอชัดๆ
ผมก้มลงไปหาโคกสวาทของเธอ ใช้นิ้วเขี่ยร่องรูรักอย่างช้าๆ กลีบแคมสีชมพูของเธอยังแนบชิดสนิท มีเมือกสวาทไหลเยิ้มออกมา ผมฟุบหน้าลงไปคลุกเคล้าและเล็มอย่างเต็มใจ พี่บุษย์ยกสะโพกขึ้นสูงพลางกดหัวผมลงไปที่ร่องเนินสวาทของเธอ ผมไล้ลิ้นเลียไปตามร่องแคมอย่างช้าๆ " อูยยย....ซี๊ดดด.... พี่เสียวจังเลย... ซี๊ดดด ... โอย ... ดีจังเลยค่ะ .... ซี๊ดดด" ผมดูดเน้นกับติ่งเสียวของเธออย่างย่ามใจ เมื่อเห็นอาการตอบสนองของเธอ
พี่บุษย์กระเด้งสะโพกอย่างมีความสุขขณะที่ลิ้นของผมรุกล้ำเข้าไปในรูสวาทของ เธอ สะโพกผายส่ายร่อนรับลิ้นของผม ที่กลางแอ่งน้ำรักของพี่บุษย์มีน้ำเสียวหลั่งไหลออกมาเนืองนอง ผมกวาดปลายลิ้นดูดซับกำซาบซ่านกับธารรักของเธอ พี่บุษย์สูดปากครางด้วยความเสียว "อูยยย....ซี๊ด....โอ้ยย...ซี๊ดด.... พี่เสียวไปหมดแล้ว.. ซี๊ด....พี่ไม่ไหวแล้ว.. ซี๊ดดด" พี่บุษย์ตัวสั่นระริก ถะทั่งลาวารักออกมา ในขณะที่ใบหน้าสะบัดเริดด้วยความสุขเสียว กลีบเนื้อของเธอทั้งขมิบทั้งตอดเป็นระยะตามธรรมชาติ
พี่บุษย์หอบหายใจเหมือนนักวิ่งที่วิ่งเข้าสู่หลักชัย หายใจระรวย ผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมด หลับตาพริ้ม...เธอเดินทางสู่สรวงสวรรค์ของเธอแล้วอย่างสุขสมในรสรัก
หลังจากเราเสร็จสมอารมณ์หมายกันแล้ว พี่บุษย์ก็มานั่งคลอเคลียกับผมต่อที่โซฟา ก่อนที่เธอจะลุกไปเอาผ้าชุบน้ำมาทำความสะอาดคราบรักของผม "ยืมผ้าเช็ดตัวหน่อยนะ" "เอ้า ไม่กลับไปนอนบ้านแล้วเหรอ" ผมแซวเธอ ทั้งๆที่รู้ว่ายังไงเธอก็ไม่กลับแน่นอน "ใครบอกเธอ พี่จะนอนนี่" ผมยิ้ม ก่อนที่เธอจะเดินไปอาบน้ำ ชำระคราบรัก และกลับออกมาในชุดคนไข้ของผม ซึ่งดูแปลกดีสำหรับผม
"เอ้า ถึงเวลานอนแล้วคนป่วย" เธอพยุงผมขึ้นนอนบนเตียง ผมโน้มคอเธอลงมาจูบ "นอนหลับฝันดี ครับพี่" "จ๊ะ" คืนนั้นพี่บุษย์ยึดโซฟาผมเป็นที่นอนของเธอ การที่คนสองคนคิดเห็นคล้อยตามกัน ตามใจซึ่งกันและกัน นี้คืออีกนิยามหนึ่งของความรักหรือเปล่า ยังคงไม่มีคำตอบในวันนั้น
แต่นี่คือ จุดเริ่มของความสัมพันธ์เรทเอ็กซ์ของพี่บุษย์กับผมที่แท้จริง หลังจากวันนั้นผมออกจากโรงพยาบาล แม้ว่าใจอยากอยู่ต่ออีกสักสองสามวัน ความสัมพันธ์ระหว่างพี่บุษย์กับผมพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา พี่บุษย์เหมือนกับความใฝ่ฝันในเรื่องเซ็กซ์ของผม เธอนุ่มนวล ตอบสนอง ช่างเอาใจ ผมยอมรับว่าหลงใหลในลีลารัก ลีลาสวาทของเธอมาก หลังจากผมออกจากโรงพยาบาล พี่บุษย์แวะเวียนไปหาผมอย่างสม่ำเสมอ ด้วยความที่มีพยาบาลดี ผมหายวันหายคืน...
และในคืนหนึ่งที่ร่างกายผมกลับมาเหมือนเดิม เราสองคนก็ร่วมมือแสดงบทรักที่แนบสนิทชิดเชื้อกัน ด้วยความเต็มใจของเราทั้งสองคน...