รูปภาพ/ตัวละคร/เนื้อเรื่อง เป็นเพียงเรื่องสมมติแต่งเพื่อความบันเทิงเท่านั้นตัวละครในเรื่อง "เสี่ยชัย" พ่อนายอ้วน เป็นผู้วางแผนฆ่าลุงป้าของนายกร และร่วมมือกับไออ้วนข่มขืนแฟนตอน ม.ต้น ของพระเอก
"ศักดิ์" รุ่นพี่หน่วยรบพิเศษที่สนิทกับพระเอก อาศัยอยู่ที่เชียงราย.............................................
“มีคำสั่งยกเลิกภารกิจคุ้มครองคุณหนูทั้งสาม”
ชายหนุ่มไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงโดนยกเลิกภารกิจ เขาโทรไปหารุ่นพี่ศักดิ์เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ปรากฏว่าพ่อของหวานเป็นคนยกเลิกเอง แต่ข่าววงในของรุ่นพี่เขาบอกว่าเป็นคู่หมั้นของเธอที่บอกให้เลิกจ้างเขา เพราะพวกนั้นจะคุ้มครองเองไม่ต้องให้คนนอกเข้ามายุ่งวุ่นวาย ทว่ารุ่นพี่มีข่าวสำคัญที่ให้ชายหนุ่มต้องเผลอยิ้มด้วยความดีใจ
“ไอกรอีกสองวันเสี่ยชัยและลูกชายมีนัดสำคัญค้าของเถื่อนและยาเสพติดล็อตใหญ่ที่จังหวัดเชียงราย ส่วนพิกัดกูจะส่งไปให้ในไลน์ มึงจะเอายังไง กูรับงานมาแล้วจะให้ส่งคนไปช่วยไหม? หรือมึงจะลุยเดี่ยว มึงตัดสินเอาเลยแต่ทำอะไรคิดให้รอบคอบนะโว้ย”
ศักดิ์เอ่ยเตือนรุ่นน้องด้วยความหวังดี เพราะเขารู้ดีว่ารุ่นน้องมีความแค้นกับเสี่ยชัย ถึงมันจะไม่รู้เรื่องราวในอดีตทว่าจากที่มันให้เขาตามสืบ บ่งบอกได้เลยว่าในอดีตไอกรคงมีเรื่องเลวร้ายจากสองพ่อลูกเป็นแน่
“ขอบคุณมากครับพี่ที่เป็นห่วงผม” กรพูดอย่างซาบซึ้ง รุ่นพี่คนนี้เปรียบเสมือนพี่ชายแท้ๆของเขาอีกคน (ที่สนิทในหน่วยรบพิเศษมีอยู่สองคน ภูมิกับศักดิ์)
“เออ.....จะทำอะไรก็คิดๆดีละ” ศักดิ์พูดเตือนสติอีกครั้ง
“ผมจะบุกเป็นแนวหน้าเองครับพี่ ส่วนพี่เตรียมกำลังเสริมรออยู่ด้านนอกได้เลย งานนี้พวกเราต้องจับเสี่ยชัยให้ได้” กรพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน จนศักดิ์ที่ฟังอยู่สะดุ้งโหยง พลางคิดในใจว่า ‘เสี่ยชัยชะตามันขาดแน่ๆ’
ชายหนุ่มพูดจบก็วางสายไป พร้อมอ่านข้อความพิกัดสถานที่ที่รุ่นพี่ส่งมาให้ เขาแสยะยิ้มเล็กน้อย สมองของเขาประมวลผลวิเคราะห์สถานการณ์อย่างรวดเร็ว ภารกิจคุ้มครองสามสาวไม่ได้สำคัญกับตัวเขามากนัก ฉะนั้นสิ่งแรกที่ต้องทำคือจัดการเสี่ยชัยกับไออ้วน จากนั้นเขาคงต้องไปตามนามบัตรที่คุณนายให้เอาไว้ เพื่อสอบถามชาติกำเนิดของตนเอง
ชายหนุ่มส่งข้อความไปหาแจนบอกเธอว่าเขามีธุระต้องไปทำ 1 อาทิตย์ ซึ่งเธอไม่ต้องเป็นห่วงเขา แต่เขายังไม่ได้บอกเรื่องที่โดนปลดออกจากการเป็นบอดี้การ์ด ในเมื่อไอสองหนุ่มคู่หมั้นบีบบังคับเขาแบบนี้ คงต้องตอบโต้ให้พวกนั้นกระอักเลือดสักหน่อย กรไม่ได้แวะเข้าไปที่บ้านพัก เขาเลือกกลับไปหน่วยลับเพื่อเตรียมตัวสำหรับปฏิบัติการครั้งนี้
.....................................................................
ในคืนวันส่งมอบสินค้า
วันส่งของล็อตใหญ่ สถานที่ของพวกมันคือโกดังล้างแห่งหนึ่ง กรแอบมาซุ่มรอตั้งแต่ 1 ทุ่ม เพราะพวกมันส่งขอเวลาเที่ยงคืน เขาเลือกจะแอบซุ่มดูที่ต้นใหญ่หลายคนโอบที่ห่างจากโกดังประมาณ 100 เมตร บริเวณโดยรอบเป็นป่าทึบ มีต้นไม้ใหญ่เรียงรายมากมาย ซึ่งโกดังแห่งนี้ห่างจากถนนใหญ่เกือบ 5 กิโลเมตร
เขารอจนประมาณเกือบห้าทุ่มกว่า ก็มีกลุ่มคนที่น่าจะเป็นคู่ค้าของเสี่ยชัย เดินทางมาพร้อมลูกน้องเกือบ 10 คน ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจ คือ คนที่เดินนำหน้าเหมือนหัวหน้ากับเป็นหญิงสาวอายุประมาณ 30 ปี และสิ่งสำคัญเธอมีสร้อยคอรูปทรงเดียวกับเขา แต่สร้อยคอของเธอเป็นรูปหงส์ ส่วนสร้อยคอของเขาเป็นรูปมังกร
‘มันหมายความว่าไงวะเนี่ย’
กรคิดในใจด้วยความสับสนงุนงง พร้อมกับถอดแว่นส่องทางไกล แล้วเอื้อมมือไปจับสร้อยที่ห้อยอยู่บนคอ มันมีสีทองอร่าม ทำมาจากทองคำแท้ๆ ด้านบนเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมมีตัวอักษรภาษาจีนโบราณแกะสลักไว้ ด้านล่างถูกแกะสลักเป็นลายมังกร ตรงกลางมีกางเขนเป็นตัวเชื่อมแผ่นสี่เหลี่ยมและมังกรเอาไว้
ต่อมาอีก 5 นาที เสี่ยชัยของเขาก็เดินทางมาถึง พร้อมกับลูกน้องเกือบ 10 คน แค่ดูจากท่าทางของลูกน้องทั้งสองฝ่ายบ่งบอกได้เลยว่าระดับมืออาชีพ โชคดีที่มุมของเขาสามารถเห็นทั้งสองฝ่ายได้อย่างชัดเจน ส่วนกำลังเสริมของนายกรรออยู่ด้านนอกแล้ว หากเขาส่งสัญญาณพวกเขาจะมาถึงโกดังภายใน 5 นาที
กรที่นั่งอยู่บนต้นไม้ใหญ่ใส่แว่นส่องทางไกล ดูการเคลื่อนไหวของทั้งสองฝ่าย สีหน้าของทุกคนดูเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก เนื่องจากครั้งนี้มีมูลค่าในการแลกเปลี่ยนเกือบ 100 ล้านบาท ทำให้สีหน้าของทุกคนจริงจังมากกว่าปกติ เช่นเดียวกับนายกรเขาตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
“เช็คของ” สาวสวยกระซิบลูกน้องคนสนิท เช่นเดียวกับเสี่ยชัยที่บอกให้ลูกน้องเช็คเงิน โดนทั้งสองฝ่ายได้เดินไปยังโต๊ะตรงกลางโกดัง ทุกย่างก้าวของพวกมันเหมือนเวลาผ่านไปนานนับปี
ทว่าขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังเช็คของแลกเปลี่ยนอยู่นั่นเอง มีเสียงดัง “ปัง.....ปัง....ปัง” เสียงกระสุนปืนดังต่อเนื่องหลายนัด ร่างที่ไร้วิญญาณของชายชุดดำนอนจมกองเลือดเกลื่อนไปหมด นายกรมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความมึนงง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เสี่ยชัย บัดซบ” กรเอ่ยเรียกชื่อศัตรูคู่แค้นด้วยความโมโห หลังเห็นเสี่ยชัยนอนจมกองเลือดอยู่กับพื้น และผู้ที่ลงมือยิงปืนไม่ใช่คู่ค้าของเสี่ยชัย แต่เป็นลูกน้องคนสนิทของเสี่ยชัยเองที่เป็นคนลงมือ
“นั่นมันนายเทิด มือขวาของเสี่ยชัยไม่ใช่เหรอวะ โว้ย มันเกิดบ้าอะไรวะเนี่ย” กรหัวอย่างหัวเสีย ก่อนเขาโทรศัพท์เพื่อติดต่อรุ่นพี่ ทว่าคำสั่งของรุ่นพี่ทำให้เขาต้องคิ้วขมวด
“ยกเลิกภารกิจ เบื้องบนยังไม่ต้องการจับกุมคนเหล่านี้ พวกมันมีอำนาจมากเกินไป ถึงพวกเราจับไปไม่นานมันก็ออกมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม” นั่นเป็นเหตุผลที่พี่ศักดิ์อธิบายให้เขา
ชายหนุ่มได้แต่นิ่งเงียบ ปล่อยให้นายเทิดกับสาวปริศนาพูดคุยกันอยู่สักครู่ แล้วทั้งหมดก็แยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่สามารถรู้ได้ว่าพวกนายเทิดกับผู้หญิงคนนั้นคุยเรื่องอะไรกัน แต่เขาพอจะอ่านปากคำสุดท้ายของเธอได้ “ดีมาก” จากคำพูดของเธอเขาพอจะเดาได้ว่าอย่างน้อยหญิงสาวคนนี้น่าจะมีอำนาจเหนือกว่านายเทิดแน่นอน
หลังจากที่ทุกคนไปหมดแล้ว ในโกดังเหลือเพียงร่างของเสี่ยชัยกับลูกน้องที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น เขาลงจากต้นไม้ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโกดัง เพื่อดูศพเสี่ยชัยเป็นครั้งสุดท้าย ทว่าเมื่อมาถึงเขาต้องแปลกใจ เสี่ยชัยกับหายใจรวยรินอย่างแผ่วเบา
“เฮ้อ......เสี่ยชัยฆ่าคนอื่นมามากมาย พอคราวของตนเองกลับถูกลูกน้องทรยศ ชีวิตคนเราไม่ยั่งยืนจริงๆ” กรบ่นพึมพำเบาๆ แม้ว่าเขาจะแค้นเสี่ยชัยมากเพียงใด ทว่าตอนนี้เขาได้อโหสิกรรมให้เสี่ยชัยไปแล้ว เพราะเสี่ยชัยนอนรอเวลาว่าเมื่อไรมัจจุราชจะพรากชีวิตไปเท่านั้น
“ชะ.....ช่ว..........” เสี่ยชัยพยายามอ้าปากขอความช่วยเหลือ ใบหน้าที่เคยหยิ่งทะนง กลับไม่หลงเหลือแม้แต่น้อย แววตาที่เคยดุร้ายโหดเหี้ยมไม่มีให้เห็นอีกต่อไป มีเพียงแววตาอ้อนวอนร้องขอความช่วยเหลือเท่านั้น
นายกรมองเสี่ยอย่างสมเพช เขาไม่รู้สึกสงสารแต่ก็ไม่ได้รู้สึกสะใจอะไร นายกรมองดูเสี่ยชัยเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะพูดออกมาว่า “ไม่ต้องห่วงเสี่ยชัย ผมจะอาสาทวงสมบัติทุกอย่างของเสี่ยมาให้เอง” ทว่าคำพูดของนายกรไม่ได้หมายความว่าเขาจะทวงสมบัติให้ไออ้วน แต่เขาจะยึดมันมาเป็นของตนเอง
คำพูดของนายกรไม่ต่างจากความเป็นจริงมากนัก เมื่อนายเทิดกลับไปมันได้โยกย้ายทรัพย์สินของเสี่ยชัยไปเกือบหมด โดยมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดที่นายเทิดได้ไปเป็นมีมูลค่าเกือบ 300 ล้านบาท แถมมันยังสร้างหนี้สินในชื่อเสี่ยชัยอีกมากมาย จนไออ้วนเกือบซวยไม่มีที่อยู่ โชคดีที่คุณหญิงอัปสรมีฐานะที่ร่ำรวยไม่แพ้เสี่ยชัย ทำให้เธอไม่มีปัญหาในการเลี้ยงดูลูกชาย
คุณหญิงอัปสรไม่ได้ให้เงินลูกชายใช้แบบล้างผลาญเหมือนเสี่ยชัย ถึงเสี่ยชัยกับคุณบุ๋มยังคงท่องเที่ยวอยู่ด้วยกันบ้าง แต่ทั้งสองหย่ากันมานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยเสี่ยชัยเป็นคนดูแลไออ้วน ส่วนคุณบุ๋มดูแลคุณแก้ว ซึ่งเหตุการณ์การทรยศของนายเทิดทำให้สมบัติที่จะเป็นของไออ้วนหายวับไปกับตา
จากชีวิตลูกคุณหนูทำให้ไออ้วนกลายเป็นชีวิตเหมือนคนธรรมดาเท่านั้น คุณบุ๋มรู้จักนิสัยของสามีและลูกชายเป็นอย่างดี จึงไม่ได้รู้สึกรักหรือมีความผูกพันมากมายนัก เธอเพียงทำหน้าที่แม่คนหนึ่งเท่านั้น โดยให้เงินนายอ้วนใช้เดือนละ 20000 บาท ในการเรียนจบมหาลัย มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ไออ้วนจะทำได้ เพราะก่อนหน้านั้นมันใช้เงินแต่ละเดือนไม่ต่ำกว่า 100000 บาท (สุดท้ายแล้วชีวิตของไอ้อ้วนจะดำเนินไปอย่างไร รอลุ้นกันไป อีกนานเลยกว่าจะมีบท)
‘ไอเทิดหักหลังเสี่ยชัยแบบนี้มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย สร้อยเส้นนั้นทำไมมันเหมือนของตูได้ เฮ้อ!!’
กรถอนหายใจอย่างงุนงง หัวสมองสับสนไปหมดไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ชายหนุ่มค่อยๆ วิเคราะห์เหตุการณ์ที่ผ่านมาอย่างใจเย็น เรื่องของเสี่ยชัยเขาคงปล่อยผ่าน เมื่อเห็นร่างไร้วิญญาณของเสี่ยชัยนอนตายคาโกดัง ส่วนไออ้วนในอนาคตเขาค่อยแก้แค้นเอาคืนยังไม่สาย ในใจอดเป็นห่วงความปลอดภัยของบุ๋มกับแก้วมิได้
เขาโทรไปเล่าเรื่องราวการเสียชีวิตของเสี่ยชัยให้กับฟ้าฟัง (แม่ครูแอน) รวมถึงการหักหลังของลูกน้องคนสนิท อย่างน้อยเขามั่นใจได้ว่าอิทธิพลของสามีเธอสามารถคุ้มครองสองแม่ลูกได้ ทว่าคำตอบที่รับกลับเป็นเสียงหัวเราะคิกคักของเธอ ก่อนที่แม่ของครูแอนจะเล่าถึงฐานะของคุณหญิงบุ๋มที่ร่ำรวยกว่าสามีเสียอีก เธอจึงบอกเขาไม่ต้องกังวลเรื่องของสองแม่ลูก จากนั้นทั้งคู่หยอกล้อกันนิดหน่อยก่อนจะวางสายไป
…………………………………………..…
กรเดินทางถึงสนามบินดอนเมืองในเช้าวันรุ่งขึ้น ด้วยสายการบินนกแอร์ นามบัตรของคุณนายเป็นเบาะแสเพียงชิ้นเดียวที่นำไปสู่เรื่องชาติกำเนิด ชื่อของเธอคือ ลินดา ธรรมมาภิวัตน์ จากที่เขาสืบมาได้เธอเป็นหนึ่งในห้าผู้นำตระกูล “ธรรมมาภิวัตน์” ตระกูลแห่งนี้มีความร่ำรวยเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย และเธอเป็นผู้หญิงที่มีอิทธิพลติด 1 ใน 100 คนแรกของโลก (จัดอันดับเฉพาะฝ่ายหญิง) สถานที่ตั้งของบริษัทเธออยู่ที่สีลมใจกลางกรุงเทพฯ
“โอ้โหทำไมมันสูงขนาดนี้วะเนี่ย”
กรเหม่อมองตึกสูงที่สุดในประเทศไทย บริษัทในเครือธรรมาภิวัตน์สูงทั้งสิ้น 120 ชั้น ดูจากการตกแต่งภายนอกไม่ต้องบอกก็เดาได้เลยว่าตึกแห่งนี้มีการลงทุนที่สูงมาก เขาเดินเข้าไปในตึกสอบถามประชาสัมพันธ์เพื่อติดต่อขอพอคุณลินดา แต่โชคร้ายที่เธอไม่อยู่เนื่องจากออกไปประชุมข้างนอก หญิงสาวจะเข้ามาทำงานในวันพรุ่งนี้ เขาจำใจต้องออกมาด้วยความเสียดาย
“เฮ้อ!! เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่แล้วกัน ไปเก็บของที่โรงแรมก่อนดีกว่า”
ชายหนุ่มโบกรถแท็กซี่ไปยังโรงแรมที่จองไว้ ขณะที่นั่งรอห้องพักอยู่ที่ล็อบบี้ เหมือนสวรรค์ยังปราณีเขาเห็นคุณนายสาวที่เคยช่วยที่ลานจอดรถเดินผ่านมาล็อบบี้พอดี กรรีบวิ่งไปดักหน้าเธออย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย!! มาขวางคุณลินดาทำไมวะ”
หนึ่งในสี่บอดี้การ์ดผลักร่างของเขาออกไป เมื่อชายหนุ่มเบื้องวิ่งมาขวางทางเจ้านาย ชายทั้งสี่ขยับล้อมลินดาอย่างรวดเร็ว บ่งบอกถึงความเป็นมืออาชีพ
“อ้าว!! เธอนั่นเอง......ทำไมถึงมาอยู่ที่ดีได้ละจ๊ะ พวกนายถอยไปเขาเป็นคนรู้จักของฉันเอง”
ลินดาเอ่ยทักเมื่อเห็นหน้าของเขา ร่างงามเดินแหวกบอดี้การ์ดมาคุยกับเขาในระยะประชิด เธอรู้ว่าชายหนุ่มมีคำถามมากมายจะคุยกับเธอ แต่ว่าตอนนี้ไม่สะดวกที่จะคุย
“ผมอยากทราบเรื่องราวทั้งหมดครับ” กรเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ฉันมีประชุมต่อในช่วงบ่ายต่อ ตอน1 ทุ่มเธอมารอฉันที่ล็อบบี้แล้วกัน ฉันจะมารับเธอไปดินเนอร์พร้อมกับเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ถ้ามีเรื่องอะไรติดต่อมาที่เบอร์นี้นะ”
ลินดาพูดจบก็ยื่นกระดาษให้เขา เธอและเหล่าบอดี้การ์ดจะเดินขึ้นลิฟต์ไป
..........................................................................
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
ลินดา
ณ เวลา 1 ทุ่มตรงที่ล็อบบี้โรงแรม
ชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนส์สีดำ รูปร่างที่สูงใหญ่ บวกกับหน้าตาที่หล่อเหลา ทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ส่งสายตาหวานฉ่ำให้กับเขา กรเพียงยิ้มตอบพวกเธอเท่านั้น เขานั่งรอนัดของลินดาสาวสวยผู้ทรงอำนาจ เวลาผ่านไปประมาณ 5 นาที มีชายหนุ่มใส่สูทสีดำเชิญเขาไปขึ้นรถ
ภายในรถคันหรูแทบจะไม่มีการสนทนาใดเลย บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา ตลอดทางเกือบ 20 นาที เขาและเธอไม่ได้พูดคุยกันเลย เมื่อรถจอดเธอเดินนำเขาไปที่เรือลำหนึ่ง ก่อนจะกระซิบข้างหูเขาว่า
“ขอโทษทีนะ ฉันไม่อยากให้ใครรู้เรื่องที่พวกเราจะคุยกันแม้แต่คนของฉัน วันนี้พวกเราจะดินเนอร์พร้อมกับล่องเรือชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาไปด้วย เธอคงไม่ว่าอะไรฉันหรอกนะ”
“ไม่มีปัญหาครับ” ชายหนุ่มตอบด้วยความเข้าใจ
ลินดาเลือกที่จะเล่าเรื่องบนเรือ เพราะว่าหลายเดือนมานี้เธอแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ทุกวันต้องทำงานหนักเกือบตลอดเวลา สาวสวยจึงอาศัยจังหวะนี้เป็นการผ่อนคลายไปในตัว เรือลำใหญ่ออกจากท่าเรือเมื่อทั้งสองเดินขึ้นไปแล้ว บนเรือมีโต๊ะอาหารที่ถูกจัดวางไว้เรียบร้อย แต่พวกเขาเลือกที่จะเดินคุยกันแทน
“ว่าแต่เธอชื่ออะไรจ๊ะ ฉันเองยังไม่ได้ขอบคุณเรื่องในวันนั้นเลย ฉันต้องขอบใจเธอจริงๆที่มาช่วยฉันไว้”
“ผมชื่อกรครับ ส่วนเรื่องวันนั้นไม่ต้องคิดมากหรอกครับ”
“คุณลินดาบอกว่าไม่ต้องการให้ใครรู้เรื่อง ทำไมถึงเลือกมาที่เรือที่ต้องมีคนขับ คนเสิร์ฟอาหารด้วยละครับ”
เขาถามด้วยความสงสัย เรื่องที่เธอพูดมันขัดกับสิ่งที่ทำ กรจ้องมองใบหน้าขาวนวลที่สะท้อนกับแสงจันทร์ในยามค่ำคืน เธออยู่ในชุดราตรีสีดำที่ตัดกับผิวขาวเนียน หากว่าตอนนี้เป็นช่วงปกติเขาคงดีใจและตื่นเต้นที่ได้มีโอกาสดินเนอร์กับสาวสวยอย่างลินดา
“ไม่ต้องห่วงหรอกจ๊ะ คนบนเรือนี้ฉันรับรองได้เลยว่าพวกเขาเชื่อใจได้แน่นอน” สาวสวยยิ้มอย่างเชื่อมั่น
“ครับ แต่ผมต้องการทราบเรื่องที่คุณพูดค้างในวันนั้น”
คำพูดของเขาทำให้เธอนิ่งเงียบไป แววตาของเธอแฝงไว้ด้วยความเศร้า ลินดาหลับตาช้าๆ เหมือนกำลังรวมรวบความคิด ก่อนเธอจะเอ่ยปากทำลายความเงียบ
“ใช่ฉันรู้จักพ่อแม่ของเธอ พ่อของเธอเป็นพี่ชายแท้ของฉันเอง ส่วนแม่ของเธอเป็นเพื่อนสนิทที่ฉันรักที่สุด พ่อเธอมีชื่อว่า กิต ส่วนแม่เธอชื่อ สร้อย พวกเขาเป็นคู่รักที่เหมาะสมกันมาก แต่ความรักของทั้งคู่มันมีอุปสรรคเนื่องจากสร้อยเป็นลูกสาวของคู่อริของตระกูลฉัน
เมื่อพ่อของฉันรู้ว่าพี่กิตไปหลงรักลูกสาวศัตรูคู่แค้น ท่านโกรธมากถึงกับจะตัดพ่อตัดลูก พี่กิตดึงดันที่จะครบกับแม่เธอต่อไป ทั้งๆ ที่เขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว จนต่อมาสร้อยเกิดตั้งท้องกับพี่ชายฉัน ในตอนแรกพวกเขาก็จะพอปิดเรื่องราวทั้งหมดได้ แต่เมื่อสร้อยท้องโตขึ้นความลับเลยแตก และโศกนาฏกรรมก็เกิดขึ้นในคืนที่เธอมีอายุครบรอบ 1 ปี”
ลินดาหยุดพูด ดวงตาของเธอเอ่อไปด้วยน้ำตา กรยื่นมือไปหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อ แล้วซับน้ำตาให้ญาติของเขาที่เพิ่งรู้จักเป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปี สาวสวยพยักหน้าขอบคุณ ก่อนเริ่มเล่าเรื่องต่อ
“บีซึ่งเป็นคู่หมั้นของพี่กิต เธอโกรธสร้อยเป็นอย่างมากที่มาแย่งคนรักของเธอ และทำให้เธอน้อยใจกระโดดตึกฆ่าตัวตาย นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้แค้น ฉันสืบมาได้ในตอนหลังว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือพ่อของบี เขาได้ส่งมือปืนไปถล่มตระกูลของสร้อย
และได้ส่งมือปืนมาลอบฆ่าครอบครัวของเธอ โชคร้ายที่ตอนนั้นพ่อของฉันยังโกรธพี่กิตอยู่ พี่ชายฉันเลยไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากเขา พี่กิตและสร้อยหอบเธอหนีจากบ้าน หลังจากนั้นพวกเขาก็หายสาบสูญ แม้ว่าพวกเราจะตามสืบหาร่องรอยพวกเขาอย่างไร ก็ไม่เคยได้ข่าวคราวเลยสักนิดเดียว แต่สวรรค์ยังคุ้มครองที่ฉันได้เจอกับเธอ”
หญิงสาวพูดจบเธอก็ปล่อยโฮร้องไห้ออกมา ร่างงามเดินมากอดเขาด้วยความรัก ความคิดถึง ชายหนุ่มตรงหน้าเปรียบเสมือนตัวแทนของพี่ชายและเพื่อนรักเธอ ลินดาใช้เวลาเกือบ 20 ปี ในการสืบข่าวของครอบครัวพี่ชายเธอ ในที่สุดเธอก็ตามหาทายาทของพี่ชายเจอแล้ว
“แล้วคุณแน่ใจได้ยังไงครับ ว่าผมเป็นลูกชายของพี่ชายคุณ”
ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่แววตาของเขาแสดงออกถึงความหวั่นไหว หลังจากได้ฟังเรื่องทั้งหมดจากลินดา
“ฮือ......เพราะสร้อยเส้นนั้นไงละ มันมีทั้งหมด 5 เส้น เพราะพ่อฉันมีลูกทั้งหมด 5 คน ในวันที่ท่านอายุครบ 50 ปี ท่านได้มอบสร้อยทั้งห้าให้แก่ลูกทุกคน.............ฮือออ”
ลินดาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แม้เธอจะร้องสะอึกสะอื้นอยู่ก็ตาม ความตื้นตันที่ได้เจอหลานชายมันทำให้ผู้หญิงที่แกร่งแบบเธอต้องแสดงความอ่อนไหวออกมา การร้องไห้ครั้งสุดท้ายมันเนิ่นนานจนเธอเองยังจำไม่ได้
“แล้วสร้อยของคุณลินดา…..” กรพูดไม่ทันจบสาวสวยใช้มือเรียวนุ่มจับสร้อยที่สวมบนคอขาวผ่อง มาโชว์ให้ชายหนุ่มดูอย่างชัดเจน สายตาเขาจ้องมองสร้อยในมือของหญิงสาว สร้อยทั้งสองเส้นเหมือนกันราวกับฝาแฝด มีเพียงสิ่งเดียวที่แตกต่างกันคือ จี้เขาเป็นรูปมังกร ส่วนจี้ของลินดาเป็นรูปกิเลน
“แล้วคุณลินดา.........” กรพูดไม่ทันจบ หญิงสาวก็เอานิ้วมาแตะที่ปากของเขา แล้วส่ายหน้าเบาๆ
“อย่าเรียกฉันว่าคุณเลย เรียกฉันว่าอาเถอะนะ” สาวสวยพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน จนชายหนุ่มเผลอมองเธอ ท่วงท่าของลินดาเหมือนมีมนต์สะกดให้ชายหนุ่มหลงใหลได้อย่างง่ายดาย
“ตกลงครับ” กรพยายามสงบสติอารมณ์ หญิงสาวเบื้องหน้าคืออาแท้ๆ ของเขา
“แหม!! เรียกอาลินดาให้ชื่นใจหน่อยสิจ๊ะ หลานรัก” เสียงหวานใสของเธอพูดออกมา
“อาลินดา” กรพูดด้วยความเขิน ตัวเขาเองไม่รู้เป็นอะไรแค่เรียกชื่อญาติสาวคนหนึ่ง กับทำให้หัวใจของเขาตื่นเต้นขนาดนี้ ลึกๆในจิตใจของเขามันแอบดีใจที่ได้เจอคนในครอบครัวอีกครั้ง
จุ๊ฟ!! ลินดาหอมแก้มหลานสุดหล่อด้วยความรัก นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้สัมผัสกับคำว่า “ครอบครัว” ภายนอกหลายคนอาจมองว่าตระกูลของเธอรวยเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย ชีวิตของเธอคงจะมีความสุข สะดวกสบาย ลั้นลาได้อย่างเต็มที่ แต่ในความเป็นจริงพี่น้องของเธอแต่ละคนล้วนต้องการอำนาจ คอยจะเชือดเฉือนตัดกำลังอยู่ตลอดเวลา ยังไม่รวมศึกจากภายนอกที่ทำให้เธอทำตัวแข็งแกร่งเหมือนเป็นผู้ชายคนหนึ่ง
“อาลินดาไม่ทราบข่าวคราวของพ่อและแม่เลยเหรอครับ” กรถามคุณอาคนสวยที่คล้องแขนเขาเอาไว้
“พ่อของเธอฉันไม่ได้ยินข่าวของเขาเลย แต่ของสร้อยมีข่าวว่าเธออาศัยอยู่ที่อเมริกา ซึ่งฉันได้ข้อมูลนั้นมาเมื่อ 3 ปีก่อน”
“อเมริกา” กรพูดเบาๆ ในใจลึกๆ อดดีใจไม่ได้ว่ายังมีข่าวคราวของแม่เขาอยู่
ทว่าลินดาไม่รู้เลยว่าภายในใจของชายหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่ ‘มันบังเอิญเกินไปหรือไม่ อยู่ดีๆ เขาช่วยลินดาจากโจรร้าย แล้วเธอก็มาบอกว่าเป็นญาติเพียงคนเดียวของเขา แม้เธอจะมีสร้อยที่เหมือนกับเขา เพราะเรื่องทั้งหมดมันดูง่ายดายเกินไป เขาไม่อาจปักใจเชื่อเรื่องทั้งหมดได้ แม้ว่ามันจะมีโอกาสเป็นเรื่องจริงอยู่มากพอสมควร งานนี้ต้องตามสืบอย่างละเอียดซะแล้ว’
......................................................
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน