ในวันที่รักหลงทาง 111 - 120 by (goldfinger007)
ในวันที่รักหลงทาง #111
ทำไมตัวละครเก่าๆ มันโผล่มาอีรุงตุงนังจังวุ้ย
**รบกวนคอมเมนท์เกี่ยวกะเนื้อหาในตอนหน่อยนะฮะ อยากอ่านฟี้ดแบคจากคนอ่าน**
-----------------
=======================================
ในวันที่รักหลงทาง #111
=======================================
การได้กลับมาเจอหน้าไอซ์โดยบังเอิญ ทำให้ความรู้สึกผิดที่เคยเจือจางลงไปในใจของโมจนเกือบที่จะกลายเป็นเพียงสะเก็ดแผล มันกลับมาปรากฏกายแจ่มชัดขึ้นอีกครั้ง สิ่งเดียวที่เขาปรารถนาในเวลานี้ ก็คือการได้มีโอกาสเอ่ยปากขอโทษเธออีกครั้งแบบต่อหน้า และหวังว่ากาลเวลาที่ผ่านมาเนิ่นนานหลายปี มันจะพอช่วยบรรเทาบาดแผล และทำให้เธอยอมเอ่ยปากให้อภัยแก่เขาสักครั้ง เท่านั้นก็คงพอแล้ว ต่อให้เธอและเขาจะไม่ได้กลับมาคบกันเหมือนเดิมก็ตาม...
และแม้ว่าโมจะกลับไปแก้ไขเนื้องานต่างๆ ของตนเองจนสามารถขายงานให้บริษัทของไอซ์ผ่านแล้ว แต่ทว่าการแก้ไขความผิดพลาดในอดีต มิได้ง่ายดายเหมือนการแก้งานให้ลูกค้าเลยแม้แต่น้อย เมื่อถึงเวลานัดหมาย ชายหนุ่มจึงได้พบว่าอดีตแฟนสาวของเขานั้น เลือกที่จะหนีหน้าไม่ยอมมาเข้าประชุมด้วย และปล่อยให้ไหมกับลูกทีมเป็นคนติดต่อประสานกับเขาและชาติไปเลย ส่วนตัวเธอกลับเลือกที่จะเลี่ยงไปเข้าประชุมอื่นในบริษัทแทน เป็นอย่างนี้ติดๆ กันถึงสองครั้งสองครา ทำให้ไม่ว่าโมจะอยากเอ่ยปากขอโทษเธอกับสิ่งที่เขาได้ทำลงไปมากมายสักแค่ไหน แต่เขาก็ไม่เคยได้รับโอกาสนั้นจากเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ซึ่งจะให้เขาไปป้วนเปี้ยนวิ่งวุ่นเพื่อตามหาตัวเธอในบริษัทเองมันก็คงดูทะแม่งๆ ชอบกล สุดท้ายโมจึงได้แต่หอบเอาความรู้สึกอึดอัดติดค้างในใจนี้เก็บไว้กับตัวตลอดเวลาที่ต้องร่วมงานกับบริษัทของเธอ กระทั่งเวลาผ่านไปจนเกือบจะหมดเดือนสิงหาคมนั่นแหละ ชายหนุ่มจึงค่อยมีโอกาสได้เจอหน้าไอซ์ในที่ประชุมอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดมือไปอีกแล้ว หลังจากประชุมเสร็จ เขาจะพยายามหาจังหวะขอเวลาคุยกับเธอตามลำพังให้ได้
การประชุมผ่านไปได้สำเร็จด้วยดี เมื่อสบจังหวะเหมาะๆ ในตอนที่ทุกคนกำลังจะลุกออกไปจากห้อง พอเห็นไอซ์ทำท่าเก็บข้าวของเตรียมจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ โมจึงรีบลงมือตามที่ตั้งใจไว้ทันที
“คุณไอซ์ครับ พอจะสะดวกคุยอีกนิดมั้ยครับ?” โมเกริ่นเรียกชื่อเธอเพื่อเตรียมเข้าเรื่อง ฝ่ายหญิงสาวเมื่อถูกทักเช่นนั้นก็ออกอาการสะดุ้งเล็กๆ และเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาด้วยแววตาประหลาดใจปนสงสัย ไม่นึกว่าเขาจะกล้าเปิดฉากชวนเธอคุยตรงๆ แบบนี้ ในขณะที่ทั้งชาติและไหมซึ่งรับรู้เรื่องราวระหว่างทั้งสองคนมาตลอดก็ได้แต่ปั้นหน้าอึ้งๆ ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน
“คะ?” ไอซ์หลุดปากขานตอบกลับไปอย่างไม่ทันตั้งตัว ทว่าไม่ทันที่โมจะได้พูดต่อ บทสนทนาระหว่างทั้งสองก็ถูกขัดขึ้นมากลางคันเสียก่อน
“ไอซ์” เสียงใครบางคนเอ่ยเรียกชื่อไอซ์จากหน้าห้องประชุม และทำให้ทุกคนที่ยังเหลืออยู่ในห้องต่างหันหน้ามองตามเป็นทิศทางเดียวกัน เช่นเดียวกับหนุ่มโมที่แอบหงุดหงิดเล็กๆ เมื่อถูกขัดจังหวะ ตรงหน้าเขาคือชายหนุ่มหน้าตี๋หน้าตาสะอาดสะอ้านในชุดสูท ใบหน้าของชายคนนั้นดูคุ้นตา ทว่าโมก็นึกไม่ออกว่าเขาเคยเจอคนๆ นี้ที่ไหนมาก่อน ที่รู้ๆ คือเจ้าหมอนี่ดันเลือกจังหวะเสนอหน้าเข้ามาได้ผิดเวล่ำเวลาเอามากๆ
“อ้าว! พี่แน็ค ทำไมมาเร็วจังคะ? นี่ยังไม่เที่ยงเลย ไอซ์พึ่งจะประชุมเสร็จหมาดๆ เนี่ย” ไอซ์หันไปคุยกับชายคนดังกล่าว และเมื่อได้ยินเธอเอ่ยชื่อคนๆ นั้นออกมา ก็ทำให้โมถึงกับแอบอุทานร้องเฮ้ยขึ้นมาในใจ สิ่งแรกที่ทำให้เขาตกใจก็คือ ชายคนดังกล่าวแท้จริงแล้วก็คือเจ้าหนุ่มรุ่นพี่ที่ชื่อแน็ค ซึ่งเคยมีประเด็นมาป้วนเปี้ยนตีสนิทกับไอซ์จนทำให้เขาเกิดอารมณ์หึงหวงเป็นเรื่องทะเลาะกับเธอมาแล้วยกใหญ่ และอย่างที่สองที่ทำให้ชายหนุ่มตกอกตกใจก็คือ ไอ้บทสนทนาที่ฟังดูใกล้ชิดสนิทสนมเหมือนว่าทั้งสองคนมีนัดจะไปไหนกันต่อนี่แหละ
“พี่ไม่อยากให้ไอซ์รอนานไง ก็เลยมานั่งรอแทน เห็นว่าพึ่งเลิกประชุมกันก็เลยแวะมาทักก่อน” ชายที่ชื่อแน็คตอบเธออย่างอารมณ์ดี มาดของเขาในปัจจุบันนั้นได้ลบภาพตากล้องหนุ่มมาดเซอร์ในหัวของโมออกไปจนหมดสิ้น เส้นผมที่เคยยาวรุงรังเกะกะ บัดนี้ถูกตัดแต่งเสียสั้นพร้อมกับปาดแว็กซ์จัดทรงจนมันวาวไม่เหลือเค้าเดิม หนวดเคราถูกโกนจนเกลี้ยงเรียบร้อย เสื้อยืดกางเกงยีนส์ปอนๆ ถูกแทนที่ด้วยชุดสูท เสื้อเชิ้ต กางเกงสแล็คเข้ารูป และรองเท้าหนังสีน้ำตาล ดูให้ลุคแบบนักธุรกิจหนุ่มมาดทันสมัย
“ใจร้อนจริ๊ง พ่อคนคลั่งรัก” ไหมเอ่ยปากแซวแทรกกลางระหว่างทั้งคู่ จนสองหนุ่มสาวออกอาการเคอะเขินขึ้นทันตา
“เปล่าน้า ก็แค่หิวแล้ว เลยออกมารอเร็วไปหน่อยเอง” แน็คตอบแก้ตัวพลางเอามือเกาหัวแกรกๆ
“งั้นรอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวไอซ์รีบเอาของไปเก็บที่ห้องก่อน เมื่อกี้คุณโมจะคุยอะไรกับไอซ์นะคะ?” ไอซ์ว่า แล้วหันกลับมาคุยกับโมที่ยังคงยืนนิ่งอึ้งอยู่ภายในห้องประชุมนั้น
“อ๋อ... เปล่าครับ แค่จะบอกว่า เดี๋ยวตัวสไลด์วันนี้ทางผมจะส่งมาให้ในเมล์อีกทีนะครับ” โมพูดตะกุกตะกักแก้ขัดออกไป ไม่กล้าชวนเธอคุยเหมือนอย่างที่ตั้งใจไว้ตอนแรก
“โอเค ขอบคุณค่ะ งั้นพี่ไหม เดี๋ยวหนูไปกินข้าวกับพี่แน็คก่อนนะ เดี๋ยวจะรีบกลับมา ไม่เกินบ่ายสองหรอก” ไอซ์หันไปคุยกับเพื่อนสาวรุ่นพี่
“ย่ะ กินให้อร่อยเถอะ ไม่ต้องรีบเข้ามาก็ได้” ไหมอมยิ้มเจ้าเล่ห์
“งั้นเดี๋ยวพี่ช่วยถือของไปเก็บให้นะ” แน็ครีบอาสาเข้ามาช่วยหอบหิ้วคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คและสัมภาระต่างๆ ของไอซ์ พร้อมกับเดินนำหน้าเธอไปที่ห้องทำงาน
“ขอบคุณค่ะ” ไอซ์ส่งยิ้มน้อยๆ ให้หนุ่มรุ่นพี่ จังหวะที่เดินอ้อมผ่านหน้าบานกระจกห้องประชุมนั้น สายตาของเธอก็แอบชำเลืองมองมาทางหนุ่มโมชั่วขณะ รู้สึกสะใจเล็กๆ ที่ได้เห็นสีหน้าอ้ำอึ้งเหมือนคนบ้าใบ้ของเขา ก่อนที่เธอจะรีบเบือนสายตาหลบแล้วเดินตามหลังแน็คไปไวๆ
“โอ๊ย! อิจฉาเนอะ มีหนุ่มมารอรับไปทานข้าวถึงห้องประชุม” ไหมได้ทีแกล้งพูดแซวดังๆ กับลูกน้องในทีม เพื่อจงใจให้กระทบโมที่ฟังอยู่ด้วย
“โรแมนติกสุด ชาติไหนหนูจะมีผู้ชายมาตามเอาใจแบบนี้มั่งเนี่ย เฮ้อ” ลูกทีมสาวร่างท้วมคนหนึ่งบ่นตัดพ้อกับตัวเอง
“แกก็ต้องลดน้ำหนักก่อนสิยะ เลิกกินชาบูทุกคืนก่อนเลย เดี๋ยวก็มีคนมาจีบเองแหละ” ไหมแซว พร้อมกับเสียงหัวเราะของลูกทีมคนอื่นๆ รวมถึงตัวสาวน้อยที่ถูกเอ่ยแซว ซึ่งหัวเราะดังลั่นกว่าเพื่อน
“งั้นพวกผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ไว้อัพเดทเรียบร้อยแล้วจะรีบส่งมาให้ตรวจอีกที” ชาติเอ่ยลาพร้อมยกมือไหว้ลูกค้าทั้งหมด ทำให้โมที่กำลังนั่งใจลอยต้องรีบยกมือไหว้และผุดลุกขึ้นเดินตามเพื่อนหุ้นส่วนออกไปแบบงุนงง มันเหมือนจู่ๆ เขาก็โดนค้อนปอนด์ฟาดเข้ามาเต็มกบาล เหตุการณ์ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากโดยที่เขาตั้งตัวแทบไม่ติด ความรู้สึกเจ็บแปล๊บแปลกๆ มันเกิดขึ้นกลางใจ ทั้งที่เขากับเธอก็ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว แต่ไอ้ความรู้สึกหึงหวงเหล่านี้มันคืออะไรกันนะ ชายหนุ่มได้แต่ถามตัวเองไปตลอดทาง
“ไหวป่ะวะมึง?” ชาติเอ่ยถามขึ้นขณะรถกำลังติดไฟแดง วันนี้พวกเขานั่งรถของชาติมาประชุมด้วยกัน ขากลับชายหนุ่มจึงต้องติดรถรุ่นพี่กลับออกมาด้วย
“ยังไงวะพี่?” โมถามกลับแบบงงๆ เพราะเขามัวแต่ใจลอยคิดเรื่องไอซ์วนไปวนมาอยู่ภายในหัว
“ก็เหมือนคุณไอซ์เค้าจะมีคนคุยใหม่แล้วเนี่ย” หนุ่มรุ่นพี่เจาะจงหัวข้อ
“ไหวดิพี่ ผมกับเค้าไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย” โมทำปากแข็งตอบกลับไป ทั้งที่ในหัวนั้นยังสลัดเรื่องเธอออกไปไม่ได้เลยตั้งแต่เดินออกจากห้องประชุมมา
“เออ ถ้าได้งั้นก็ดี จะได้ไม่มีปัญหาเวลาทำงานด้วยกัน กูกลัวมึงดาวน์แล้วพาลให้งานไม่คืบหน้า จะมีปัญหาทีหลัง” ชาติเอ่ย
“โธ่ นึกว่าพี่ห่วงผม ที่แท้ก็ห่วงงานนี่หว่า” ชายหนุ่มบ่นอุบอิบเมื่อได้ฟังเจตนา
“ห่วงมึงไปก็ไม่ได้อะไร แต่ห่วงงานอ่ะได้ตังค์โว้ย” ชาติว่าแล้วก็หัวเราะร่วน พอเห็นสัญญาณไฟเขียวแล้วเท้าของหนุ่มร่างท้วมก็กดเหยียบคันเร่งและขับออกไป
ทางฝั่งของไอซ์และแน็ค ทั้งสองมีนัดกินข้าวเที่ยงด้วยกันที่ร้าน Bo.lan ร้านอาหารไทยชื่อดังระดับมิชลินสตาร์บนเส้นถนนสุขุมวิท ซึ่งทางฝ่ายหญิงสาวเป็นผู้ระบุเลือกร้านนี้มาโดยเฉพาะ แม้ว่าใครหลายคนจะบ่นว่าเมนูที่นี่ราคาแพงเกินไปเมื่อเทียบกับความเป็นอาหารสไตล์ไทยๆ แต่สำหรับหนุ่มแน็คแล้ว เขาไม่เคยหวั่นที่จะต้องทุ่มเทเงินทองหรือแรงกายแรงใจลงไป ตราบใดที่สิ่งนั้นจะมอบความสุขให้กับหญิงสาวผู้เป็นที่หมายปองได้
หนุ่มแน็ค อดีตตากล้องรุ่นพี่มาดเซอร์ที่ไอซ์เคยร่วมงานถ่ายแบบเมื่อสมัยเรียน น้อยคนนักที่จะรู้ว่าแท้จริงแล้วที่บ้านเขานั้นค่อนข้างมีฐานะ เพราะเป็นทายาทกิจการร้านเครื่องเทศและสมุนไพรเก่าแก่ในย่านเยาวราช ยิ่งในช่วงปีหลังๆ ที่เขาขึ้นมารับช่วงสืบทอดกิจการต่อจากพ่อแบบเต็มตัว และสามารถปิดดีลส่งออกวัตถุดิบระยะยาวให้กับลูกค้ารายใหญ่ที่จีนได้ ก็ทำให้กิจการของที่บ้านเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ตัวเขาเองแอบปลื้มสาวรุ่นน้องมาตั้งแต่ตอนสมัยเรียนแล้ว ติดที่ว่าเวลานั้นเธอเองยังมีเจ้าของหัวใจ ทำให้ชายหนุ่มก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปก้าวก่ายล่วงเกินอะไรเธอมาก ได้แต่เก็บความรู้สึกดีๆ นั้นเอาไว้กับตัวเองเงียบๆ กระทั่งเมื่อได้รู้ข่าวดีว่าหญิงสาวนั้นพึ่งเลิกรากับแฟนหนุ่มและกลับมาเป็นโสดอีกครั้ง ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเดินหน้าจีบเธอแบบเต็มที่ เขาเริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนคุยเล่นคลายเหงาผ่านโปรแกรมแชทในระหว่างที่หญิงสาวยังเรียนอยู่ต่างประเทศ
กระทั่งเมื่อเธอบินกลับมาอยู่ไทยแล้ว ชายหนุ่มก็เริ่มหาจังหวะนัดแนะไปเจอหน้าเธอบ่อยๆ โดยอ้างเรื่องไปช่วยถ่ายรูปงานให้บ้าง หรือช่วยแนะนำเรื่องวัตถุดิบเกี่ยวกับพวกเครื่องเทศที่ตนเองมีข้อมูลลึกซึ้งให้เธอบ้าง ทำให้ทั้งสองค่อยๆ สนิทสนมกันมากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อแน็คตัดสินใจเอ่ยปากระบายความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้อย่างยาวนานออกไปตรงๆ ทางฝ่ายของไอซ์ก็เพียงแค่แบ่งรับแบ่งสู้ ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้ตอบรับคำขอเป็นแฟนของเขาออกไปตรงๆ โดยอ้างว่าตนเองยังไม่พร้อมที่จะมีแฟนใหม่ในเวลานี้ เพียงแต่เธอเองก็แอบรู้สึกประทับใจในความเป็นคนดี ซื่อสัตย์ และมั่นคงของเขา จึงยอมเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ทำคะแนนหัวใจตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
เมื่อไปถึงร้านแล้วชายหนุ่มก็ตรงเข้าไปแจ้งคิวที่จองเอาไว้เพื่อระบุโต๊ะที่นั่ง ไม่นานจากนั้นเมนูอาหารต่างๆ ก็ถูกทยอยนำออกมาเสิร์ฟตามคอร์สที่พวกเขาเลือกเอาไว้ ไล่ตั้งแต่เมนูเรียกน้ำย่อยอย่างยาดอง ‘ม้ากระทืบโรง’ ซึ่งทางร้านบรรยายสรรพคุณไว้ว่าจะช่วยกระตุ้นต่อมรับรสและทำให้มื้ออาหารหลังจากนี้อร่อยถูกลิ้นยิ่งขึ้น ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะจริง เพราะเมนูต่างๆ ที่ถูกนำมาเสิร์ฟถัดจากนั้นก็ล้วนแต่อร่อยถูกปากของลูกค้าทั้งสองเกือบทุกจาน
“อันนี้อร่อยดีนะ แต่แอบเผ็ดไปนิดนึง น้ำตาซึมเลยเนี่ย” แน็คเอ่ยถึงเมนูน้ำพริกตรงหน้าที่พึ่งกินเข้าไป ใบหน้าเขากลายเป็นสีแดงระเรื่อ จากฤทธิ์ความเผ็ดร้อนของส่วนผสม
“อร่อยเนอะ ตอนแรกคิดว่าพี่แน็คจะกินไม่ไหวซะอีก ปกติไม่ชอบกินเผ็ดนี่นา” ไอซ์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นสภาพชายหนุ่มรุ่นพี่ที่ใบหน้าอาบชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อเม็ดโต ดูท่าว่าเขาจะเผ็ดจริง เพราะเห็นดื่มน้ำเปล่าจนหมดไปสองแก้วติดๆ กันแล้ว
“ก็เห็นเค้าบรรยายซะเคลิ้มว่าเมนูที่นี่ใช้แต่วัตถุดิบออร์แกนิกดีๆ ก็เลยไม่อยากพลาดอะไรไป สงสัยจะลืมประเมินสังขารตัวเอง” ชายหนุ่มกล่าวติดตลก เรียกเสียงหัวเราะขำขันจากผู้ฟัง
“ดูสิ หน้าแดง เหงื่อแตกไปหมดแล้วเนี่ย เอ้า เช็ดหน้าหน่อยค่ะ” ไอซ์ยิ้มหวาน พลางหยิบกระดาษทิชชู่ยื่นส่งให้ชายหนุ่มรับเอาไปซับเหงื่อบนหน้าผากอย่างอารมณ์ดี
“ขอบคุณครับ” หนุ่มรุ่นพี่กล่าวด้วยน้ำเสียงปลาบปลื้ม
“ไอซ์ลองไปหาข้อมูลมาก่อนมา ทั้งพริกแล้วก็ผักทุกอย่างที่นี่ เค้าใช้ของออร์แกนิก ปลอดสารหมดเลย พวกเนื้อก็ใช้แบบที่ไม่ฉีดยาปฏิชีวนะ ถึงราคาจะค่อนข้างสูง แต่ถ้าแลกกับความอร่อย แล้วก็ความสบายใจ คิดว่ายังไงก็คุ้มนะคะ ถ้าจะพาคนที่บ้านมากิน” ไอซ์บรรยายสรรพคุณของวัตถุดิบที่พวกเขากินกันอยู่บนจานด้วยท่าทีสนุกสนาน เวลาเป็นเรื่องเกี่ยวกับอาหาร เธอมักจะกระตือรือร้นและมีความสุขเป็นพิเศษ ทั้งตอนพูดคุยและรวมไปถึงตอนกินด้วย
“นี่พี่ก็กำลังคิดๆ อยู่ ว่าจะลองหาพวกผักปลอดสารมาให้แม่เค้าทำกับข้าวที่บ้านน่ะ แต่บางทีไปเดินดูในห้างก็รู้สึกว่ามันแพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน” แน็คบ่นถึงปัญหาที่ตนเองพบเจอ
“จริงๆ เราสามารถสั่งซื้อจากพวกเกษตรกรที่ทำไร่ออร์แกนิกโดยตรงก็ได้นะคะพี่แน็ค ไอซ์มีคอนแทคอยู่หลายเจ้าเลย มีตั้งแต่โซนโคราชไปจนถึงเชียงใหม่โน่นแน่ะ และถ้าเราซื้อประจำเค้าก็มีบริการส่งเป็นรอบๆ ให้ทุกอาทิตย์ ซื้อกับคนปลูกยังไงก็ถูกกว่าซื้อผ่านในห้างค่ะ” สาวรุ่นน้องรีบเสนอทางออกให้
“งั้นก็ดีเลยครับ ยังไงวันหลังพี่อาจจะต้องให้ไอซ์ช่วยเรื่องติดต่อซัพพลายเออร์พวกนี้อีกทีนะ แม่พี่คงดีใจแน่ๆ เค้าชอบทำกับข้าวอยู่แล้ว ทุกวันนี้ก็ได้แต่ลองปลูกพวกผักไฮโดรทำสลัดกินกันเองที่บ้าน” ชายหนุ่มกล่าวรับลูก เขายินดีอยู่แล้วหากมีโอกาสให้ได้สานสัมพันธ์กับเธอเพิ่มมากขึ้นในทุกๆ เรื่อง เผลอๆ ถ้าโชคดี บางทีเขาอาจจะมีโอกาสได้พาเธอไปแนะนำให้กับคนในบ้านได้รู้จักล่วงหน้าเพราะเรื่องนี้เลยก็เป็นได้
“ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ แต่ไอซ์ว่า ถ้าเลี่ยงได้ ยังไงพี่แน็คก็พยายามเลี่ยงพวกผักไฮโดรไว้จะดีกว่านะคะ” ไอซ์หย่อนคำเตือนจนชายหนุ่มทำหน้างงๆ
“ทำไมล่ะครับ? ผักไฮโดรมันก็ปลอดภัยดีไม่ใช่เหรอ ที่บ้านพี่ก็ไม่ได้ใช้ยาอะไรเลยนะนอกจากน้ำกับปุ๋ย” หนุ่มรุ่นพี่ย่นคิ้วสงสัย เขาค่อนข้างมั่นใจว่าผักที่ปลูกกินเองที่บ้านนั้นปราศจากสารเคมีหรือยาฆ่าแมลงแน่ๆ เพราะเป็นคนลงมือเองกับมือ
“ก็จริงค่ะ แต่พี่แน็คลืมไปรึเปล่า ว่าไอ้ที่อยู่ในปุ๋ยก็คือสารเคมีทั้งนั้นเลยนะ อันนั้นอ่ะ พืชดูดเข้าไปเป็นอาหารมันเต็มๆ เลยค่ะ อันตรายพอๆ กับผักที่ใช้ยาฆ่าแมลงนั่นแหละ” หญิงสาวเฉลย ทำให้คู่สนทนาค่อยถึงบางอ้อ
“อ๊ะ! จริงด้วยแฮะ พี่ก็ลืมคิดมุมนี้ไป” แน็คพยักหน้ายอมรับ
“ไอซ์รู้มาจากตอนที่ไปดีลกับซัพพลายเออร์ที่เค้าทำไร่ออร์แกนิกน่ะค่ะ เค้าก็สอนให้ฟังว่าผักปลอดสารมันก็มีเลเวลของมัน ไล่ตั้งแต่ผักธรรมดาๆ ที่ใช้ยาฆ่าแมลงแบบที่เรารู้จัก ผักปลอดภัยที่เว้นช่วงไม่ใช้ยาก่อนเก็บหลายวัน ผักไฮโดรที่พี่แน็คปลูก แล้วก็ข้ามไปเป็นพวกผักออร์แกนิก ที่มีทั้งแบบใช้ปุ๋ยจากมูลสัตว์ แล้วก็ที่บริสุทธิ์สุดๆ คือใช้ปุ๋ยจากพืชออร์แกนิกด้วยกันเอง ลึกซึ้งมากเลยเนอะ” ไอซ์เล่าด้วยน้ำเสียงสดใส
“ไอซ์เก่งมากเลยอ่ะ ขนาดบ้านพี่ทำพวกรับซื้อเครื่องเทศอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ยังไม่เคยรู้เรื่องเลเวลของผักแบบนี้เลย” หนุ่มรุ่นพี่ชม
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ พอดีมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเนื้องานที่ทำอยู่แล้วน่ะ ก็เลยจำเป็นต้องรู้ ขายอาหารออร์แกนิก ถ้าไม่รู้เรื่องผักออร์แกนิก ก็ยังไงๆ อยู่เนอะ อย่างพี่ไหมหรือน้องๆ ในทีมที่พี่แน็คเห็นในห้องประชุมวันนี้อ่ะ รู้เยอะกว่าไอซ์อีกมั้ง” สาวรุ่นน้องกล่าวอย่างถ่อมตัว ทว่าทางฝั่งคู่สนทนากลับทำหน้านิ่งคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาหลังจากฟังเธอพูดจบประโยค
“เออ ไหนๆ ก็พูดเรื่องนี้แล้ว พี่ขอถามอะไรหน่อยสิ เมื่อกี้ตอนที่อยู่ในห้องประชุม พี่เห็นไอซ์กำลังคุยกับคนๆ นึงอยู่” หลังจากนั่งกินกันจนใกล้จะจบคอร์สแล้ว แน็คก็หาจังหวะเปิดประเด็นชวนคุยขึ้นมา สีหน้าเขาดูเรียบเฉยขณะตั้งคำถาม แต่ก็ไม่อาจเก็บซ่อนอาการสงสัยใคร่รู้ที่ทะลุผ่านออกมาทางแววตาทั้งสองข้าง หญิงสาวรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังอยากรู้เรื่องอะไร จึงตอบออกไปตรงๆ
“ค่ะ นั่นโม แฟนเก่าไอซ์เอง บังเอิญพี่ไหมเค้าไปจ้างบริษัทของโมมาทำพวกงานออกแบบให้น่ะค่ะ ไอซ์ก็ไม่รู้มาก่อนเหมือนกัน มารู้เอาตอนเข้าห้องประชุมนี่แหละ” ไอซ์ตอบเรียบๆ พยายามไม่แสดงอาการประหม่าใดๆ ออกไปในเนื้อเสียง
“โห... บังเอิญจัง แล้วไอซ์ไม่อึดอัดแย่เหรอ? ไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้วนี่ ใช่มั้ย?” แน็คมิได้แสดงอาการหึงหวงออกมา ทว่าเลือกที่จะถามเธอต่อด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย
“เอาจริงๆ ก็อึดอัดนิดหน่อยนะคะพี่แน็ค แต่พี่ไหมชอบงานเค้า น้องๆ ในทีมก็ชอบกันหมด แถมเค้าก็ทำงานได้เร็วดี ไม่มีปัญหาอะไร คิดว่าก็คงร่วมงานกันไปก่อนจนกว่าจะเสร็จ แล้วค่อยแยกย้ายทางใครทางมันไปค่ะ” ไอซ์ตอบ พร้อมกับแสร้งฝืนยิ้มแห้งๆ ออกมา รอยยิ้มของเธอดูปลอมจนแม้แต่ชายหนุ่มผู้แสนซื่ออย่างแน็คก็ยังจับสังเกตได้
“แต่ไม่รู้ว่าโมเค้าจะรู้สึกยังไงบ้างเนอะ กลับมาเจอกันแบบนี้ ถ้าเกิดเค้ายังรักไอซ์อยู่จะทำไงเนี่ย?” แน็คแกล้งตั้งคำถาม แล้วยกแก้วน้ำขึ้นจิบระหว่างรอคำตอบของเธอ
“คงเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ไอซ์คงไม่เลือกที่จะหาเรื่องใส่ตัวอีกแล้วล่ะ พี่แน็คก็รู้นี่ ที่ผ่านมาไอซ์ดาวน์ไปขนาดไหน กว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้” ไอซ์ตอบทันที ที่ผ่านมาเธอเองก็คอยระบายเรื่องนี้ให้เขาฟังมาบ้างแล้ว ในตอนที่ทั้งคู่แชทคุยกันสมัยก่อน
“อืม ก็จริงเนอะ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ
“หรือว่าพี่แน็คกำลังหึงไอซ์อยู่คะ?” ไอซ์ยิงคำถามกลับแล้วอมยิ้มเจ้าเล่ห์
“แฮะๆ เอาจริงๆ ก็ไม่ได้ถึงกับหึงอะไรหรอกครับ พี่รู้ว่าไอซ์เป็นคนฉลาด คงไม่เลือกทางที่จะทำให้ตัวเองลำบากอยู่แล้ว เพียงแต่ได้กลับมาเจอหน้าโมเค้าอีกครั้งตอนนี้มันก็เลยรู้สึกแปลกๆ ชอบกล” แน็คส่ายหัวน้อยๆ ก่อนจะตอบกลับมาด้วยท่าทีสบายๆ
“ว้า... ไอ้เราก็นึกว่าพี่จะหึงไอซ์มากกว่านี้ซะอีก สงสัยจะไม่ได้รู้สึกอะไรกันแล้วล่ะมั้ง” หญิงสาวแสร้งเอ่ยติดตลกด้วยน้ำเสียงจริตจะก้านที่แม้แต่ตนเองก็ยังอดแปลกใจไม่ได้ ว่าทำไมตัวเธอถึงพัฒนามาได้ไกลถึงเพียงนี้
“โธ่ พี่จะกล้าไปหึงได้ยังไง ก็เราสองคนยังไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย ในเมื่อไอซ์ยังไม่ยอมรับคำขอเป็นแฟนของพี่เลย ใครกันแน่ที่ไม่รู้สึก” แน็คย้อนกลับมาด้วยน้ำเสียงเว้าวอน จนหญิงสาวอดหลุดขำกับท่าทีออดอ้อนเหมือนกับเด็กของเขาไม่ได้
“แหม พี่แน็คก็... ขอเวลาไอซ์อีกนิดนะคะ ไอซ์ยังไม่พร้อมที่จะคบใครจริงจังนี่นา แต่นอกจากพี่แน็คแล้วก็ไม่มีใครแล้วนะ ที่ไอซ์จะรู้สึกสนิทใจด้วยแบบนี้” ไอซ์อ้อนกลับ ทำเอาเจ้าหนุ่มถึงกับปลาบปลื้มจนหน้าบานเป็นจานดาวเทียม
“ได้ยินแค่นี้พี่ก็ตายตาหลับแล้ว คร่อก... กกกกก” เขาหยอดมุก
แม้ว่ามุกของชายหนุ่มจะฝืดแสนฝืด และตัวไอซ์เองก็ยังไม่ได้รู้สึกชอบพอเขาแบบเต็มร้อยขนาดนั้น แต่ลึกๆ เธอก็ยังแอบรู้สึกอุ่นใจเมื่อมีเขามาคอยตามติดชิดใกล้อยู่แบบนี้ อีกทั้งยังช่วยทำให้ผู้ชายคนอื่นๆ ไม่กล้าเข้ามายุ่มย่ามด้วย เพราะนึกว่าเธอมีเจ้าของเป็นตัวเป็นตนแล้ว ถึงจะรู้ดีว่าการทำแบบนี้มันเป็นการเอาเปรียบความรู้สึกของอีกฝ่ายมากเกินไปก็ตาม แต่เธอก็ยังแอบหวังอยู่ลึกๆ ด้วยเช่นกัน ว่าในท้ายที่สุดแล้ว ถึงวันหนึ่ง หัวใจของเธอก็คงจะยอมเปิดรับความดีของแน็คเข้าไปเองนั่นแหละ... เพียงแค่มันยังไม่ใช่เวลานี้ก็เท่านั้น...
=======================================
แน่นอนว่าความสัมพันธ์ที่กำลังคืบหน้าไปเรื่อยๆ อย่างเชื่องช้าระหว่างแน็คและไอซ์ ย่อมกลายเป็นเสี้ยนหนามทิ่มแทงในความรู้สึกลึกๆ ของหนุ่มโมอยู่ไม่น้อย ต่อให้ตัวเขากับเธอจะมีสถานะความสัมพันธ์ปัจจุบันเป็นแค่ลูกค้าและนายจ้างก็ตาม แต่ในอีกมุมหนึ่ง ตัวเขาเองก็ยังถือเป็น ‘อดีตแฟน’ คนแรกและคนเดียวของเธอด้วย การที่หญิงสาวจะเดินหน้ามีความสัมพันธ์กับชายคนอื่นไปเลยนั้น มันย่อมทำให้เขากับเธอยิ่งห่างไกลกันออกไปจากเดิมอีก อย่าว่าแต่จะให้กลับมาคืนดีกันได้เลย แค่จะหาโอกาสกล่าวขอโทษกับเธอตรงๆ ก็คงจะเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก จนเขาต้องนำเอาความอึดอัดดังกล่าวไประบายให้แก่เพื่อนรุ่นพี่อย่างบัวบูชาฟัง
“พี่เข้าใจใช่มั้ยที่ผมระบายมานี้” โมเอ่ยถามความเห็นของคู่สนทนา
“อือ...อือ... อือ... ออออ” ทว่าถ้อยคำที่บัวบูชาตอบมานั้นกลับมีแต่เสียงอู้อี้ที่ฟังไม่ได้ศัพท์จนชายหนุ่มต้องถามซ้ำ
“ยังไงนะ?” เขาถาม
“ชั้นบอกว่า... มันต้องเอามาถามตอนนี้ด้วยเหรอ? ตาบ้านี่” สาวรุ่นพี่ถอนริมฝีปากออกมาจากท่อนเอ็นของเขา ก่อนจะเอ่ยแบบเคืองๆ ทำให้ชายหนุ่มพึ่งนึกขึ้นได้ว่าที่จริงแล้วเขากับบัวบูชากำลังนัวเนียกันอยู่ภายในห้องคอนโดของเธอ แถมสาวเจ้ากำลังมุดลงไปใช้ปากปรนเปรอความเสียวให้เขาอยู่ด้วยซ้ำ
หลังกลับมาจากทริปงานแต่งของไผ่ที่ภูเก็ต ความสัมพันธ์ระหว่างโมกับบัวบูชาก็กลับมาสนิทแนบแน่นในระดับถึงเนื้อถึงตัวกันใหม่อีกครั้ง หลังจากที่ถูกเว้นช่วงไปยาวนาน นับตั้งแต่ตอนที่นายโมฝึกงานจบเมื่อหลายปีก่อนโน่น แต่ยังไม่ทันไร เขาก็ดันทะเล่อทะล่าไปทำให้เธอขุ่นเคืองใจเสียแล้ว
“โอ๊ย ขอโทษๆ พี่บัว ผมลืมตัวไปหน่อย ไม่คิดว่าพี่จะหึง” โมรีบกล่าวง้อเธอ แต่ก็ดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว เพราะสาวเจ้าชิงตั้งท่าจะลุกหนีออกจากเตียงด้วยอาการไม่สบอารมณ์
“ไม่ได้หึงย่ะ แต่ไม่ชอบโดนหยามต่างหาก ทำต่อเองไปเลยนะ พี่ไม่ทำให้แล้ว” บัวบูชาบ่นอุบ และกำลังจะลุกออกจากเตียง แต่เจ้าหนุ่มแสบก็ไม่ยอมปล่อยให้เธอหลุดมือไปง่ายๆ เขารีบเอื้อมมือไปตะครุบคว้าร่างขาวผ่องของเธอในชุดชั้นในสีครีมแบบเข้าชุดมากอดไว้แน่น พร้อมกับเริ่มใช้มือปลาหมึกลูบไล้เลื้อยไปมาตามจุดสัมผัสที่ชวนอ่อนไหวบนกายเธอ
“น่านะ เดี๋ยวผมชดเชยให้แบบถึงใจเลย” โมอ้อน พลางก้มหน้าไปซุกไซ้สูดดมความหอมจากลำคอของอีกฝ่าย มือซ้ายออกแรงบีบขยำลงไปที่เต้านมนอกยกทรงเธอเป็นจังหวะ จนเจ้าก้อนเนื้อนุ่มนิ่มมันบุบบี้ยุบไปตามแรงบีบขยำ ส่วนมือขวาอีกข้างก็ค่อยๆ สอดล้วงเข้าไปใต้ร่มผ้ากางเกงชั้นในเธอ พร้อมกับคลำนิ้วมือเขี่ยไปทั่วเนินง่ามขาจนร่างงามนั้นสั่นสะท้าน
“อุ๊ย! อีตาบ้า อือ... อออออ ปล่อยน้า ไม่ต้องมายุ่งเลย” บัวบูชาพยายามจะขัดขืน แต่ลีลาเล้าโลมปลุกอารมณ์ของเขามันทำให้เรี่ยวแรงเธอพลอยอ่อนปวกเปียกลงไปเรื่อยๆ ได้แต่นั่งตัวเกร็งหลับตาปี๋ ส่งเสียงครางซี้ดซ้าดไม่ขาดปาก
เมื่อเห็นว่าเธอดิ้นหนีไปไหนไม่รอดแล้ว ชายหนุ่มจึงพุ่งสมาธิไปที่นิ้วมือข้างขวา บรรจงใช้นิ้วหัวแม่มือกดคลึงบี้ไปที่บริเวณปุ่มกระสันนอกเนื้อผ้ากางเกงชั้นในเป็นวงกลม ด้วยท่าทีที่อ่อนโยนแผ่วเบา ทว่าแฝงไว้ซึ่งความต่อเนื่อง ส่วนนิ้วกลางกับนิ้วนางก็คอยปาดลูบไปที่ปากร่องเสียวของเธอ จนสาวเจ้าข่มกลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่อยู่
“อาห์... ซี้ดส์... โอ๊ย โม... ซี้ดส์ อย่าเขี่ยตรงนั้น มะ... มันเสียว... วววว” บัวบูชาร้องครวญ สองมือเอื้อมไปจับยึดที่ท่อนแขนของเขาทั้งสองข้าง แต่ทว่าเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านนั้นมลายหายไปหมดสิ้น ตรงกันข้าม น่องขาทั้งสองของเธอมันกลับเผลอแหวกอ้ากว้างออกโดยไม่ทันรู้ตัว คล้ายกับจงใจเชื้อเชิญให้หนุ่มรุ่นน้องยิ่งบรรเลงเพลงดัชนีกับของสงวนของเธออย่างเต็มอกเต็มใจ
“ก็ผมตั้งใจให้พี่เสียวนี่นา” โมยิ้มกริ่ม แล้วบรรจงโน้มใบหน้าลงไปฟัดที่ทรวงอกทั้งสองข้างของเธอ มือซ้ายที่คอยประคองทรวงเต้าเธออยู่ก็ออกแรงดันยกทรงให้เปิดเลื่อนขึ้น ก่อนจะขบงับริมฝีปากลงไปดูดชิมเนื้อสาวของเธอเสียงดัง จ๊วบ... บบบบ
บัวบูชาเจอปลุกอารมณ์ทั้งบนและล่างจนตัวอ่อนปวกเปียก ได้แต่ส่งเสียงครวญคราง พลางแอ่นเรือนกายให้อีกฝ่ายได้ฟอนเฟ้นขยำขยี้อย่างสาสมใจ ความรู้สึกเสียววูบวาบแล่นผ่านจากท้องน้อยเรื่อยมาถึงทรวงอกและจุกยอดปทุมถัน พร้อมกันนั้นก็รู้สึกได้ถึงอาการชุ่มฉ่ำที่กำลังเอ่อซึมออกมาจากปากร่องเสียวของตนเอง ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าหนุ่มผู้กำลังใช้มือลูบไล้เล่นกับส่วนล่างของเธออยู่นั้นก็ย่อมต้องรับรู้ได้ถึงอาการดังกล่าว และทำให้เขาเบนเป้าหมายจากการใช้ปากดูดกินเต้านมเธอ เปลี่ยนมาเป็นการใช้ลิ้นละเลงเลียที่เป้ากางเกงชั้นในสีครีมของเธอแทน!
แค่เลียด้านนอกยังไม่สาแก่ใจพอ โมจึงใช้นิ้วมือข้างหนึ่งเกี่ยวแหวกขอบกางเกงในตัวบางจิ๋วของเธอให้ถ่างอ้าออก พร้อมกับสอดแยงปลายลิ้นที่ห่อเกร็งเป็นทรงกรวยแหลม กดทิ่มเข้าไปในโพรงเนื้ออ่อนนุ่มที่ชุ่มฉ่ำ จนร่างงามของเธอถึงกับเกร็งกระตุกเฮือกๆ พร้อมเอื้อมมือทั้งสองข้างลงไปจิกขยุ้มที่เส้นผมของเขา และส่ายสะบัดใบหน้าแผดเสียงครวญครางดังๆ อย่างถึงอกถึงใจ
“อุ๊ย! โม ซี้ดส์ อื้อ... ออออ ย่ะ... อย่าคว้านแบบน้าน... นนนนน ซี้ดส์ พี่เสียว... วววววว” ความรู้สึกเสียวสยิวแล่นจี๊ดพุ่งตรงจากกลางลำตัวไปสู่สมองของสาวสวย ทำเอาก้นเธอเกร็งกระตุกลอยแทบไม่ติดเตียง ขณะถูกหนุ่มรุ่นน้องใช้สองมือรองช้อนบั้นท้ายเพื่อ ‘ยกซด’ ยิ่งหยาดน้ำหวานหลั่งทะลักออกมานองเปรอะเต็มปากเต็มคางมากเท่าไหร่ ชายหนุ่มก็มีแต่จะออกแรงยิ่งตะบี้ตะบันดูดกินมันเข้าไป จนคราบน้ำรักเหนียวใสยืดไหลย้อยเปรอะไปทั่วทั้งจมูก ริมฝีปาก และปลายคางของเขา กระทั่งฝ่ายสาวรุ่นพี่ก็ยังต้องร้องขอเวลานอกเพราะกลัวว่าตนเองจะทนไม่ไหวเสียก่อน
“โอ๊ย! โม!โอ๊ย พี่ไม่ไหวแล้ว... ววว พอก่อน... พี่อยากได้ของโมแล้ว ใส่เข้าไปที ซี้ดส์... สสสส” บัวบูชาร้องขอออกมาอย่างหมดอาย เมื่อถูกหนุ่มรุ่นน้องโลมเลียกินน้ำหวานจากร่างเธอจนขนลุกซู่ชูชันไปทั้งร่าง หน้าท้องเพรียวบางนั้นออกอาการเกร็งขมิบเห็นเป็นระลอกคลื่นอย่างน่าดูชม
“พี่ยอมผมแล้วใช่มั้ย อิอิ” โมถอนริมฝีปากออกมาพูดหยอกล้ออย่างอารมณ์ดี
“ตาบ้านี่ พอเลย ไม่ต้องเล่นแล้ว จะทำก็ทำดีๆ” บัวบูชาบ่นอุบด้วยสภาพที่เหนื่อยหอบแฮ่กๆ ตัวโยน ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งบีบบี้ลงไปที่โคนจมูกของเขาเป็นการเอาคืน
ต่างฝ่ายต่างลุกขึ้นจัดการกับร่างกายของตนเองเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับศึกใหญ่ ฝั่งบัวบูชาลุกขึ้นปลดเปลื้องอาภรณ์สองชิ้นสุดท้ายออกจากร่างขาวผ่องของเธอ ในขณะที่หนุ่มโมลุกเดินไปหยิบเอาถุงยางออกมาสวมครอบลงไปที่ดอกเห็ดยักษ์ตรงหว่างขาตัวเอง เมื่อพร้อมดีแล้วพวกเขาก็ปีนกลับขึ้นเตียงมานอนกอดจูบกันต่อด้วยความหื่นหิว ปลายลิ้นของทั้งคู่เกี่ยวกระหวัดแลกน้ำลายกันอย่างดูดดื่ม มือไม้ส่ายสะเปะสะปะ คลำสำรวจในเรือนร่างของกันและกัน ในขณะที่ชายหนุ่มใช้นิ้วสอดแยงล้วงเล่นที่รูสาวของเธอ สาวสวยก็ไม่ยอมน้อยหน้า เอื้อมมือลงไปถอกรูด สลับกับใช้นิ้วหัวแม่มือเขี่ยบี้ที่ปลายหัวเห็ดเป็นการตอบโต้อย่างสาสมกัน
และเมื่ออารมณ์ใคร่ไต่สูงจนเกินที่จะห้ามใจได้ บัวบูชาก็ตัดสินใจออกแรงผลักร่างของหนุ่มรุ่นน้องให้ลงไปนอนหงาย แล้วตามไปนั่งประกบคร่อมอยู่เหนือร่างเขาในทันใด มือหนึ่งเธอประคองจับที่อาวุธเขาให้ตั้งตรง ขณะที่สะโพกแอ่นร่อนเข้าหาปลายหอกอย่างช้าๆ พอเล็งตรงกันแล้วเธอก็ค่อยๆ ทิ้งน้ำหนักลง กดสะโพกให้แนบชิดไปกับหน้าขาเขา พร้อมกับที่ปากร่องอันคับแน่นก็ค่อยๆ อ้ากลืนเจ้าดุ้นเนื้อยักษ์นั้นเข้าไปอย่างยากลำบาก แม้ว่าร่องเนื้อด้านในนั้นจะอาบชุ่มไปด้วยน้ำหล่อลื่นแล้วก็ตาม
“ซี้ดส์... อาห์ อู๊ย ของโมเนี่ย... ทำกี่ทีก็จุกทุกทีเลย อึ๋ย... ยยยย” บัวบูชาครางกัดริมฝีปาก แต่ยังพยายามขย่มบดก้นเข้าหาตัวเขาตลอดอย่างไม่ย่อท้อในท่านั่งยองๆ รู้สึกได้ถึงความจุกเสียดที่ทิ่มลึกเข้ามาในร่าง ทีละน้อย... ทีละน้อย... จนท้ายที่สุดร่างเนื้อของทั้งสองก็แนบสนิทชิดกัน เมื่อท่อนเอ็นของชายหนุ่มถูกกลืนกินลงไปจนมิดลำ รู้สึกทั้งจุกเสียดทั้งสะใจไปทั้งโพรงเนื้อ
“ของพี่ก็ตอดแน่นสุดๆ เหมือนกันคร้าบ อู้ว... ววววว เสียบสุดแล้วเนี่ย” โมยั่วเย้าเธอกลับ
“ขอพักแป๊บ จุก” สาวสวยกล่าวและหัวเราะเขินๆ
หลังจากตั้งหลักได้แล้ว บัวบูชาก็ค่อยๆ ขยับกายช้าๆ สองมือเธอวางทาบไปที่เตียงนอนพร้อมแอ่นร่างกายส่วนบนให้เอนโล้ไปทางด้านหลัง เพื่อให้ร่างกายส่วนล่างเบียดเข้าหาอาวุธของเขาได้แบบลึกที่สุด แล้วเธอก็เริ่มเกร็งสะโพกโยกขย่มขึ้นลงเบาๆ ขึ้นสุด ลงสุด ก่อนจะค่อยๆ เร่งความเร็วในการขย่มให้ไวขึ้น โดยมีสองมือของชายหนุ่มคอยเอื้อมประคองคว้าจับอยู่ที่ทรวงเต้าทั้งสองข้างของเธอแบบไม่ยอมให้ห่างมือ บางจังหวะก็ออกแรงขยำขยี้จนก้อนเนื้อนุ่มมันบุบบี้ไม่เป็นทรง ยิ่งสร้างความเสียวกระสันให้แก่สาวรุ่นพี่จนต้องเร่งออกแรงขย่มเป็นพัลวัน ยิ่งโยกแรงก็ยิ่งเสียว
“มันมั้ยพี่บัว?” โมถามกระตุ้นอารมณ์ ขณะออกแรงขยำขยี้บี้เคล้นที่หัวนมเธอทั้งสองข้างพร้อมกัน
“มันซี่... มันมาก ของโมเอามันถึงใจพี่ อ๊าย... สสส... ซี้ดส์ อาห์” บัวบูชาร้องตอบเสียงสั่น จนเมื่อทนไม่ไหว เธอจึงต้องขยับเปลี่ยนท่า โดยเอนกายโล้มาทางด้านหน้า พร้อมกับออกแรงดึงให้ชายหนุ่มขยับยันกายขึ้นมาในท่วงท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน สองมือเธอโอบคว้าไว้ที่รอบลำคอของเขา ขณะก้มหน้าลงไปประทับจูบแลกลิ้นกับชายหนุ่มอย่างถึงอกถึงใจ โดยที่ร่างกายท่อนล่างก็ยังคงเร่งโขยกขย่มใส่ดุ้นเนื้ออ้วนๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนแรงลง เมื่ออารมณ์หื่นของเธอมันกำลังไต่ทะยานสูงขึ้นไปจนจวนเจียนจะถึงจุดสุดยอดของห้วงอารมณ์ในไม่ช้า
“อืม... มมมมม อื้ม... มมมม โอ๊ย เสียว... เสียวมาก จะเสร็จแล้ว” ความเสียวซ่านที่เกินห้ามใจทำให้บัวบูชาต้องละจูบออกมาร้องครวญคราง ใบหน้าของสาวสวยบิดเบี้ยวเหยเก คิ้วทั้งสองข้างย่นขมวดเข้าหากันด้วยอารมณ์เสียวซ่านเกินห้ามใจ ปลายเล็บเธอจิกขยุ้มลงไปที่ทั่วกายเขา โดนหัวไหล่บ้าง ต้นแขนบ้าง แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ถือสาหาความ เพราะรู้ว่าเธอกำลังสุขล้นจนควบคุมตนเองไม่อยู่ แถมเขายังช่วยออกแรงเด้งเอว ส่งอาวุธให้ทิ่มเสยเข้าไปในรูสาวที่ฉ่ำเยิ้มของเธอจนน้ำหล่อลื่นกระฉอกเปรอะออกมารัวๆ เสียงเนื้อหวดกระทบกันดัง ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ! จนกระทั่งสาวเจ้าเกร็งกระตุกสั่นไปทั้งกาย
“อ๊ะ! อ๊าย... ซี้ดส์ โม... โมขา... โอ้ว สะ... เสร็จ เสร็จแล้ว... วววววว!!!” บัวบูชากรีดร้องสุดเสียง ก่อนจะทิ้งตัวขย่มลงใส่ร่างของเขาในจังหวะสุดท้าย แล้วเกร็งกระตุกค้างแน่นิ่งจังงันไปชั่วขณะ ใบหน้าเธอแอ่นแหงนเชิดหลับตาพริ้ม พร้อมกับส่งเสียงครางออกมาดังๆ ยาวๆ เนื้อกายสาวทั่วร่างกระตุกยวบๆ โดยเฉพาะที่บริเวณร่องเนื้ออ่อนภายในร่างที่มันกำลังหดขมิบยวบๆ รัดใส่ท่อนเนื้อยักษ์ที่เสียบค้างอยู่กลางลำตัว รู้สึกเบาหวิวไร้ซึ่งเรี่ยวแรงไปทั้งร่าง ดีว่าสองมือของเจ้าหนุ่มยังช่วยจับประคองที่บั้นท้ายเธออยู่ สาวสวยจึงไม่เสียหลักเซล้มลงไป
แต่ทว่าเจ้าหนุ่มนั้นกลับใจร้ายนัก แม้จะเห็นว่าสาวรุ่นพี่กำลังอยู่ในสภาพที่อ่อนแอ ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะป้องกันตัว แต่เขากลับเลือกที่จะออกแรงเกร็งกระเด้งเอว สวนอาวุธให้ทิ่มใส่ร่องเนื้อของเธอแบบย้ำๆ ซ้ำๆ ในจังหวะที่สาวสวยยังค้างคาอยู่ในอาการเสียวซ่านสุดขีด เจอไม้นี้เข้าไปเธอจึงแทบจะร้องกรี๊ดๆ ออกมา พยายามจะดิ้นหนี แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะสองมือของหนุ่มรุ่นน้องคอยเอื้อมคว้าจับยึดเอาไว้มั่นไม่ยอมปล่อย
โมแกล้งแทงใส่เธอในท่านี้อยู่แค่ไม่นาน ก่อนที่เขาจะใช้พละกำลังที่เหนือกว่า จัดการจับพลิกร่างเปลือยเปล่าของบัวบูชาที่ท่วมท้นไปด้วยหยาดเหงื่อให้พลิกมาอยู่ในท่าคลานคุกเข่า สายตาเขาจับจ้องมองภาพความงดงามตรงเบื้องหน้าด้วยอารมณ์ลำพองใจ สาวสวยรุ่นพี่ผู้มีพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตา สติปัญญา และฐานะ บัดนี้กำลังคุกเข่าหมอบราบคาบกับเตียงนอน แอ่นก้นงอนๆ กับสะโพกผายที่สวยได้รูปจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอให้เขาตะปบบีบขยำได้ตามใจชอบ ก่อนที่เขาจะจัดการสอดใส่ดุ้นเนื้อยักษ์ให้มุดกลับเข้าไปในร่องรูที่เคยเป็นที่อยู่ของมันเมื่อครู่
“ซี้ดส์... สสสส์ อาห์ โอ๊ย โม พี่จะขาดใจอยู่แล้ว ขอพี่พักก่อน... อ๊าย... ซี้ดส์... สสส!!!” บัวบูชาร้องเสียงหลงเมื่อโดนเล่นงานซ้ำอย่างต่อเนื่อง แต่ชายหนุ่มที่กำลังหื่นจัดก็ไม่ได้ใส่ใจคำร้องอ้อนวอนของเธอ และเริ่มออกแรงแดะเอว ขยับสาวอาวุธเข้าออกในตัวเธอเร็วขึ้น... เร็วขึ้น... พร้อมกับเสียงร้องครวญครางกระเส่าของสาวสวยที่เริ่มดังขึ้นตามมา จนเมื่อทนไม่ไหว เธอจึงต้องฟุบหน้าหมอบลงไปกับเตียงอย่างหมดสภาพ และปล่อยตัวปล่อยใจให้หนุ่มรุ่นน้องเสพสมกับเรือนร่างของเธอโดยไม่คิดขัดขืนใดๆ อีก
โมเองก็เสียวซ่านไม่แพ้เธอ เขาใช้สองมือคว้าประคองจับที่บั้นเอวของสาวรุ่นพี่ และโถมกำลังเฮือกสุดท้ายที่มี จัดการตอกดุ้นเนื้อที่แข็งราวกับท่อนไม้กดทะลวงเข้าออกในตัวเธอแบบถี่ยิบๆ ราวกับปืนกลชุด แต่ละดอกที่กดเข้าไปนั้นรุนแรงจนร่างของสาวสวยถึงกับเซถลาไปมา เต้านมแกว่งกระเพื่อมราวลูกตุ้มนาฬิกา ลอยไปลอยมาในอากาศ เสียงเนื้อหน้าขาฟาดกระทบเนื้อแก้มก้นดังสนั่นลั่นห้อง แข่งกับเสียงครวญครางโหยหวนอย่างคนจะขาดใจของบัวบูชาที่เวลานี้ไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีกแล้ว ไม่ว่าบั้นท้ายของสาวสวยจะพยายามขยับหนีไปทางไหน ก็จะมีเจ้าดุ้นเนื้อสีคล้ำเข้มนั้นคอยตามประกบกระทุ้งไม่ห่าง จนกระทั่ง...
“ซี้ดส์ อู้ว... วววว พี่บัว... แตกแล้วครับ นี่! นี่! นี่!” โมคำรามประกาศชัยชนะ พร้อมกับอัดกระทุ้งดุ้นเนื้อในจังหวะเร็วระรัวอย่างถี่กระชั้น เล่นเอาร่างงามตรงหน้ากระเด้งกระดอนจนทรงตัวไม่อยู่ ถึงกับเข่าอ่อนล้มฟุบลงไปนอนราบกับเตียงนอน ซึ่งเขาก็ยังคงตามประกบกดแช่อาวุธให้เสียบค้างคาไว้ในตัวเธอ ตลอดช่วงเวลาที่กำลังสาดกระสุนน้ำเชื้อระเบิดใส่ถุงจนหมดไม่เหลือสักหยด ต่างฝ่ายต่างนอนหอบแฮ่กๆ อย่างหมดเรี่ยวแรงจากเกมกามอันเร่าร้อนที่พึ่งผ่านพ้นไปแบบหมาดๆ
“หนัก” บัวบูชาบ่นเมื่อเริ่มรับน้ำหนักจากร่างใหญ่หนาของชายหนุ่มที่นอนทับอยู่บนแผ่นหลังของเธอไม่ไหว เจ้าหนุ่มได้ยินดังนั้นก็รีบพลิกร่างออกมานอนหอบอยู่ข้างๆ เธอ มือไม้ก็ส่ายสะเปะสะปะไปตระกองกอดรวบร่างที่ชุ่มเหงื่อของเธอมานอนกอดไว้ด้วยอารมณ์รักใคร่ ซึ่งสาวสวยก็ยอมยื่นมือออกมาโอบกอดเขากลับเช่นกัน
“แล้วตกลงพี่คิดยังไงกับเรื่องที่ผมเล่าเมื่อกี้?” ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้น
“เรื่องอะไร?” บัวบูชาเอ่ยถามอย่างเหนื่อยอ่อนโดยไม่ยอมลืมตาขึ้นมา ความอ่อนเพลียยังไม่ทันจางหายไปจากร่างอวบอิ่มและขาวผ่อง ซึ่งบัดนี้ปรากฏร่องรอยแดงช้ำเป็นจ้ำๆ จากแรงหื่นของหนุ่มรุ่นน้องที่ฝากผลงานเอาไว้บนตัวเธอ
“ก็เรื่องที่ผมไปเจอไอซ์มาไง พี่ว่าผมควรจะหาทางขอโทษเค้าแบบเป็นเรื่องเป็นราวดีมั้ย” โมจั่วหัวเรื่อง
“ยังจะพูดต่ออีก! เด็กบ้านี่! แฟนเก่าตัวเองก็จัดการเคลียร์กันเองย่ะ ชั้นขี้เกียจยุ่งด้วย ไม่อยากกลายเป็นหมาทีหลัง!” เธอแว้ดใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะรีบลุกเดินหนีไปเข้าห้องน้ำโดยไม่เหลียวหลังกลับมามอง
=======================================
เรื่องของไอซ์ยังคงติดค้างและวนเวียนอยู่ภายในหัวของโมตลอดมา ไม่เว้นแม้แต่ในยามที่ชายหนุ่มต้องรับหน้าที่สารถีขับรถไปส่งเปิ้ล พี่สาวคนโตขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิในเย็นวันหนึ่ง การได้มาเหยียบสถานที่แห่งนี้อีกครั้งทำให้เขาอดหวนนึกย้อนไปถึงภาพวันสุดท้ายที่แอบตามมาส่งเธอขึ้นเครื่องไปเรียนต่อที่อังกฤษเมื่อหลายปีก่อนไม่ได้ ความรู้สึกสิ้นหวังและเกลียดตัวเองในวันนั้นยังคงปรากฏแจ่มชัดอยู่ภายในหัวใจ เกลียดที่ตัวเขาเองนี่แหละเป็นคนทำให้ทุกอย่างจบลงในรูปแบบนี้ และเปิดช่องว่างให้ชายอื่นได้เข้ามาอาสาทำหน้าที่ดูแลอยู่ข้างกายเธอแทน แถมใครที่ว่า... ดันเป็นคนที่เขาเคยแอบเหม็นขี้หน้ามาก่อนอย่างไอ้พี่แน็คเสียอีก
“นี่แกเป็นบ้าไรเนี่ย?” เปิ้ลโพล่งถามขึ้นมา เรียกสติของชายหนุ่มให้หวนคืนกลับมายังเหตุการณ์ปัจจุบันอีกครั้ง สองพี่น้องยามนี้กำลังเดินเข็นรถเข็นวนเวียนไปมาเพื่อหาที่นั่งพัก ระหว่างรอให้เพื่อนๆ ของเปิ้ลตามมาสมทบด้วยกัน
“ทำไม?” โมหันหน้าไปคุยกับพี่สาวด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ มือก็เข็นรถเข็นที่บรรทุกกระเป๋าเดินทางใบโตของพี่สาวไปเรื่อยๆ อย่างเนือยๆ
“ก็ทำเป็นเดินนิ่งเงียบ หน้าเป็นตูดมาเกือบห้านาทีละ ไม่พูดอะไรกับชั้นซักคำ มีปัญหาอะไรอีก?” พี่สาวถามด้วยท่าทีหมั่นไส้ปนรำคาญใจ แต่ก็แฝงไว้ด้วยอารมณ์เป็นห่วงเจ้าน้องชายตัวดีอยู่ลึกๆ
“เปล่า ไม่ได้เป็นไร แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย” เขาบ่ายเบี่ยง ยังไม่สะดวกใจที่จะเล่าเรื่องนี้ให้คนที่บ้านฟัง
“เออ ตามใจ ไม่เล่าก็ไม่เล่า ขี้เกียจเซ้าซี้ แหม... ทำเป็นมีลับลมคมใน โตแล้วนี่ เดี๋ยวนี้มีอะไรก็ไม่ยอมเล่าให้พี่สาวคนสวยฟังแล้วนะ” เปิ้ลพูดเย้าแหย่ด้วยความหมั่นไส้น้องชาย
“เออน่า บอกว่าไม่มีก็ไม่มีสิ โน่น เจอที่ว่างแล้ว ไปจองที่ก่อนไป” ชายหนุ่มชี้ไม้ชี้มือสั่ง สนามบินวันนี้มีผู้โดยสารค่อนข้างหนาแน่น ทำให้แม้แต่ม้านั่งรอบนอกก็ยังถูกจับจองจนเต็มเกือบหมด บางคนขี้เกียจเสียเวลาก็ปักหลักนั่งรอมันกับพื้นเสียเลย
ชายหนุ่มโดนพี่สาวบังคับให้นั่งรอเป็นเพื่อนเธอ ระหว่างที่รอเพื่อนร่วมทริปคนอื่นๆ เดินทางตามมาสมทบ ด้วยความเบื่อหน่ายเขาจึงคอยหาจังหวะเดินปลีกวิเวกไปรอบๆ เพื่อฆ่าเวลา เดี๋ยวแวะไปซื้อน้ำบ้าง เข้าห้องน้ำบ้าง จนกระทั่งถึงรอบสุดท้าย จังหวะที่ชายหนุ่มกำลังจะเดินกลับไปถึงม้านั่งที่เปิ้ลนั่งรออยู่ ก็บังเอิญได้ยินเสียงใครบางคนเอ่ยเรียกชื่อเขาดังๆ ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูคุ้นหู ทว่าไม่อาจระบุได้ในทันทีว่าเป็นเสียงของใคร
“โม!” เสียงใสๆ ของหญิงสาวคนหนึ่งร้องเรียกชื่อเขา ดังพอที่จะกระชากความสนใจของชายหนุ่มให้ต้องหยุดชะงักและหันซ้ายหันขวามองหาที่มาของเสียงดังกล่าว กว่าจะรู้ว่ามาจากทางไหน เจ้าตัวคนเรียกก็เดินปรี่เข้ามาเกือบจะประชิดถึงตัวแล้ว
“ลูกไม้เหรอ!?” โมอุทานเสียงหลง เมื่อได้เห็นใบหน้าอันคุ้นเคยของอดีตเพื่อนสาวมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง ภายใต้ชุดยูนิฟอร์มสีแดงแรงฤทธิ์ของสายการบินชื่อดัง
“ใช่โมจริงๆ ด้วย โห ตอนแรกเกือบจำไม่ได้แน่ะ” ลูกไม้ อดีตเพื่อนสาวที่รู้จักกันจากเมื่อครั้งเรียนพิเศษกล่าวทักทายเขาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและร่าเริง แววตาของเธอยังคงเปล่งประกายสดใสเหมือนในสมัยก่อน ใบหน้าสวยหวานนั้นถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพง ทำให้ยิ่งขับความงดงามของเธอขึ้นไปอีกขั้น เส้นผมสีน้ำตาลอมดำถูกมัดรวบไว้เป็นทรงดูเรียบร้อยและมีเสน่ห์ในเวลาเดียวกัน แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดบนใบหน้าของลูกไม้ ก็คือรอยยิ้มสดใสเห็นฟันเรียงกันเป็นแผงสวย ที่ยังคงสร้างความประทับใจให้โมทุกครั้งที่ได้เห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรอยยิ้มดังกล่าวนั้นมันเกิดขึ้นมาจากการได้มาพบเจอเขาอีกครั้ง
“แฮะๆ จำไม่ได้ใช่มั้ย พอดีช่วงนี้งานหนัก โทรมไปหน่อย” โมตอบเขินๆ แวบแรกเขาแทบไม่กล้าจ้องสบตากับเธอนานๆ เพราะรู้สึกเคอะเขินเมื่อถูกแววตากลมโตอันแสนจะสดใสนั้นจับจ้องในระยะประชิด แต่ผ่านไปไม่นาน ชายหนุ่มก็พอจะลดความเกร็งเขินลงไปได้บ้าง เมื่อพบว่าสาวเจ้าเองก็ดูจะมีอาการเคอะเขินเล็กๆ ปรากฏให้เห็นเช่นกัน ตามประสาของคนที่เคยมีอดีตลึกซึ้งร่วมกันมาก่อน ทำให้ภาพความทรงจำในวันวานเก่าๆ มันค่อยๆ หลั่งไหลและย้อนกลับขึ้นมาในหัวของสองหนุ่มสาวโดยไม่รู้ตัว
ร่างผอมบางของลูกไม้ในอดีตนั้นบัดนี้ดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลขึ้น ทรวดทรงองค์เอวเมื่ออยู่ภายใต้ชุดยูนิฟอร์มรัดรูปก็ทำให้ทั้งหน้าอกหน้าใจและสะโพกผายของเธอมันดูโค้งเว้าชัดเจนมากกว่าปกติ ท่อนขาเรียวยาวนั้นสวมทับไว้ด้วยถุงน่องสีน้ำตาลอ่อน ช่วยขับเสริมความเซ็กซี่ให้กับกระโปรงทรงเอที่ยาวปิดคลุมลงมาถึงแค่บริเวณน่องขาเหนือหัวเข่า ข้างกายเธอคือกระเป๋าเดินทางแบบมีล้อลากสีดำสนิทใบใหญ่เทอะทะ ไม่ว่าจะมองยังไง ก็ต้องยอมรับว่าลูกไม้นั้นช่างเหมาะกับชุดยูนิฟอร์มของแอร์โฮสเตสจริงๆ
“บังเอิญมากเลยอ่ะ โอ๊ย ไม่อยากเชื่อเลย ดีใจจัง ไม่เจอกันตั้งกี่ปีแล้วเนี่ย เป็นสิบปีได้มั้ย? แล้วโมทำงานอะไรอยู่ตอนนี้? สบายดีนะ?” ลูกไม้ที่เก็บอาการตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ ยิงคำถามเร็วระรัวใส่เขาเป็นชุดๆ โดยไม่เปิดโอกาสให้พูดสวน ทำเอาชายหนุ่มแทบตั้งหลักตอบคำถามเธอไม่ทัน
“เราทำสตูดิโอออกแบบกับรุ่นพี่อยู่น่ะ ก็รับงานคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยๆ ตามแต่ใครจะจ้าง รวมๆ ก็สบายดี มีเหนื่อยบ้างเป็นพักๆ แล้วลูกไม้ล่ะ? ทำอยู่สายการบินนี้เหรอ?” โมตอบ พลางชี้นิ้วไปที่ชุดยูนิฟอร์มสีแดงอันโดดเด่นของเธอ
“อื้อ เค้าพึ่งย้ายมาแอร์เอเชียได้สองปีเอง ก่อนหน้านี้ทำอยู่นกแอร์น่ะ” หญิงสาวเรียบเรียงลำดับให้ฟัง
“เก่งอ่ะ แต่ก่อนลูกไม้ยังให้เราสอนโจทย์ภาษาอังกฤษอยู่เลย มาเจอกันวันนี้ กลายเป็นแอร์ไปซะละ แซงเราไปไกลลิบ” โมเอ่ยชื่นชมเธอพร้อมอดกวาดสายตามองสำรวจชุดยูนิฟอร์มของเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น
“ไม่หรอก ก็แค่พูดสื่อสารได้ เดี๋ยวนี้มันมีคลาสสำหรับเรียนเป็นแอร์โดยเฉพาะนะ รู้เปล่า?” ลูกไม้กล่าวอย่างถ่อมตัว รู้สึกเคอะเขินเล็กๆ ที่ถูกชายหนุ่มเอ่ยชมเธอคำโต
“ไม่ม้าง อยู่โน่นมาตั้งหลายปี ยังไงก็ต้องพูดคล่องแหละ ยิ่งเป็นคนคนคุยเก่งแบบลูกไม้ด้วย ไม่งั้นอึดอัดแย่ อิอิ” เขากล่าวติดตลก
“แก ชั้นจะเข้าไปเทอร์มินอลแล้วนะ พวกเจี๊ยบมันเข้าไปรออยู่ข้างในแล้ว แกคุยกับเพื่อนไปก่อนก็ได้” เปิ้ลเอ่ยแทรกขึ้นมากลางวง หลังจากถูกน้องชายทิ้งให้นั่งแกร่วรอคอยอยู่พักใหญ่ๆ
“เอ้อๆ โอเคๆ นี่พี่เปิ้ล พี่สาวเราเอง ส่วนนี่ลูกไม้ เพื่อนโม” โมหันไปแนะนำให้ทั้งสองได้รู้จักชื่อของกันและกัน
“หวัดดีค่ะ” หญิงสาวรีบยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“หวัดดีจ้ะ คุยกันไปเถอะ ไปละไอ้โม แต๊งกิ้วนะ” เปิ้ลกล่าวตัดบทเรียบๆ ก่อนจะเดินปลีกตัวออกไปไวๆ
“บายๆ เดินทางปลอดภัยเน้อ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นโบกลาพี่สาวแทบไม่ทัน ไม่รู้ว่าเธอได้สนใจสังเกตเขาด้วยรึเปล่า
ชายหนุ่มยืนชำเลืองมองจนกระทั่งเห็นเธอเดินลับไปไกลพอสมควรแล้ว จึงค่อยหันกลับมาคุยกับเพื่อนสาวต่อ
“เป็นไงมั่งเนี่ย ไม่เจอตั้งนาน มีแฟนยัง?” โมยิงคำถามออกไปโดยไม่ได้คิดอะไร ทว่าทางฝ่ายลูกไม้เมื่อเจอถามแบบนี้เข้าไปก็ถึงกับเสียอาการไปเลย
“แล้วโมล่ะ?” หญิงสาวเลือกที่จะตอบคำถามด้วยการถามกลับ
“ยังเลย โสดมาหลายปีแล้วเนี่ย” ชายหนุ่มตอบซื่อๆ ไม่ได้คิดอะไร
“เค้าก็... คงเหมือนกันแหละมั้ง” เธอตอบเอียงอายขวยเขิน ถึงตรงนี้ชายหนุ่มจึงเริ่มจับสังเกตอาการผิดปกติของเธอได้
“เอ้ย! ที่ถามนี่ไม่ได้ตั้งใจจะจีบนะ แค่อยากรู้เรื่องทั่วไปเฉยๆ” โมโบกไม้โบกมือแก้ต่างเป็นพัลวัน เพราะกลัวเธอเข้าใจผิด
“อ้าว... แล้วทำไมถึงจะไม่จีบล่ะ? ก็โสดด้วยกันทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ?” ลูกไม้นิ่งเว้นช่วงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
“ฮะ?” รอบนี้เป็นทางฝั่งของเจ้าหนุ่มที่ออกอาการชะงักอึ้งไปเพราะตามสถานการณ์ไม่ทัน ไม่คิดว่าเธอจะถามออกมาเช่นนั้น
“ล้อเล่น... นนนนน ฮะๆๆ โมทำหน้าเหวอไปเลยอ่ะ เค้าล้อเล่นหรอกน่า” หญิงสาวหลุดขำก๊ากกับอาการอ้ำอึ้งของเขา
“เอ๊า! ปั้ดโธ่! แล้วกัน นึกว่าพูดจริงซะอีก ไม่งั้นจะได้จีบแล้วเนี่ย ฮะๆๆ” พอตั้งตัวได้ โมเลยไหลตามน้ำไปกับมุกตลกของเธอแทน
“ก็จีบสิ ไม่ได้ห้ามอะไรนี่นา” ลูกไม้ยิ้มยั่วเย้าอีก
“พอๆๆ เลิกล้อเล่นซักทีเถอะ เดี๋ยวก็หลงเชื่อไปกันใหญ่ ลูกไม้นี่นะ” ชายหนุ่มแกล้งบ่นออกมาแบบไม่จริงจังนัก ความสดใสร่าเริงและมีชีวิตชีวาของลูกไม้ยังคงทำให้เขารู้สึกแพ้ทางเธอเหมือนในวันเก่าๆ
“ฮิฮิฮิ” หญิงสาวหัวเราะเสียงแหลมเล็กชอบใจเหมือนเด็กๆ
พวกเขายืนคุยกันได้ไม่นานก็จำต้องร่ำลากันเสียก่อน เนื่องจากหญิงสาวมีไฟลท์บินที่จะต้องรีบไปเตรียมตัวขึ้นเครื่อง แต่ก่อนลาจาก พวกเขาก็ยังไม่ลืมที่จะแลกเปลี่ยนเบอร์โทรและไอดีไลน์สำหรับไว้ติดต่อพูดคุยกันในภายหลัง รอยยิ้มเห็นฟันอันสดใสที่ลูกไม้ส่งมาให้ทิ้งท้ายก่อนแยกกัน ทำให้ชายหนุ่มแอบเผลออมยิ้มคนเดียวระหว่างเดินกลับมาขึ้นรถ และถึงขั้นหลงลืมความรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านที่เกิดขึ้นตอนขามาไปจนหมดสิ้น...
=======================================
การที่พวกเขาห่างเหินกันไปเนิ่นนาน ทำให้อารมณ์โหยวันเวลาเก่าๆ มันพรั่งพรูออกมาในใจของชายหนุ่ม… เมื่อมีเวลาว่าง โมจึงมักจะหาโอกาสแชทไปคุยเล่นกับลูกไม้อยู่เป็นประจำ ซึ่งทางฝั่งของหญิงสาวเองก็ดูยินดีที่ได้พูดคุยกับเขาเสมอ จากการคุยเล่นเป็นประจำ ก็ทำให้ทั้งสองเริ่มพัฒนามาเป็นการนัดเจอหน้าพูดคุยกินข้าวเพื่อรำลึกความหลังในวันเก่าๆ
ช่วงท้ายของเดือนกันยายน โมตัดสินใจนัดลูกไม้มากินข้าวเที่ยงกันเป็นครั้งแรกที่ห้างสยามพารากอน แม้ว่าสถานการณ์การแพร่กระจายของฝุ่นพิษร้าย PM 2.5 ในเวลานี้จะสร้างความยากลำบากในการใช้ชีวิตของคนเมืองเช่นพวกเขาอยู่ไม่น้อย แต่สองหนุ่มสาวก็ยังเต็มใจที่จะฝ่ามลพิษเพื่อออกมาใช้เวลาอยู่ร่วมกันอยู่ข้างนอก มากกว่าการจะต้องนั่งอุดอู้อยู่ในห้องคอนโดแคบๆ ของตนเองในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
ชายหนุ่มตั้งใจไปให้ถึงที่หมายก่อนเวลานัดเล็กน้อยเพราะไม่อยากให้เธอต้องรอนาน ทว่าพอไปถึงแล้วเขากลับพบว่าหญิงสาวเองดันเป็นฝ่ายที่มารออยู่ก่อนหน้าเขาเสียอีก หลังจากเดินวนเวียนเลือกร้านกันอยู่เกือบ 20 นาที ในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจเลือกร้าน Another Hound Cafe เป็นจุดพักท้องในวันนี้ แม้ราคาอาหารในร้านจะค่อนข้างแพงกว่าร้านอาหารริมทางที่ทั้งสองเคยนั่งกินด้วยกันบ่อยๆ สมัยยังเป็นเด็กนักเรียนลิบลับ แต่พวกเขาในวันนี้ก็สามารถจ่ายได้อย่างไม่รู้สึกเสียดายเงินอะไร
ต่างฝ่ายต่างสั่งอาหารจานหลักของตนเองมาคนละจาน โมเลือกสปาเก็ตตี้หมูก้อนซอสมะเขือเทศ ส่วนลูกไม้เลือกสั่งสปาเก็ตตี้เส้นดำผัดฉ่ากับกุ้งสุดและหอยเชลล์ พร้อมจานแชร์อีกสองอย่างเป็นแซลมอนซาชิมิ และ ปีกไก่ทอดน้ำปลา อาหารที่นำมาเสิร์ฟว่าเอร็ดอร่อยแล้ว แต่ยังไม่อร่อยเท่ากับการพูดคุยรำลึกความหลังกันอย่างออกรสของหนุ่มสาวทั้งสองคน
หญิงสาวเล่าย้อนอดีตให้ฟัง นับตั้งแต่วันที่เธอตัดสินใจบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลียเพียงลำพัง ได้ประสบพบเจอประสบการณ์ทั้งดีและแย่มากมาย ทั้งความอ้างว้างโดดเดี่ยวจากการต้องห่างไกลบ้านเกิดเมืองนอน การถูกเหยียดผิวเป็นครั้งแรกจากฝรั่งสันดานเสียบางคนที่นั่น การได้รู้จักและเรียนรู้วัฒนธรรมต่างๆ จากบรรดาเพื่อนนานาชาติในคลาส ไปจนถึงความรักกับหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวที่จบลงไปแล้ว จนหล่อหลอมให้ลูกไม้ในวันนี้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็งกว่าวันก่อนๆ แม้เธอจะไม่ได้อ่อนต่อโลกและไร้เดียงสาเหมือนเช่นตอนเด็กๆ อีกต่อไปแล้ว แต่หญิงสาวก็ยังคงเก็บรักษาความร่าเริงสดใสที่มีเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน
ขณะที่เรื่องเล่าของฝั่งชายหนุ่มนั้นก็ยิ่งสนุกเพลิดเพลินไม่แพ้กัน เมื่อมองย้อนหลังกลับไปในเวลานี้ การเลิกรากับอดีตคนรักที่คบหากันมานานที่สุดในชีวิต จนเตลิดเปิดเปิงไปใช้ชีวิตเป็นคนติดเกาะทำเรื่องไร้สาระบ้าบอไปวันๆ ได้ไปเมาหัวราน้ำอยู่ในเทศกาลฟูลมูนตลอดช่วงเวลา 3 วัน 3 คืน เคียงข้างเหล่าเพื่อนร่วมอุดมการณ์ทั้งไทยและเทศ ซึ่งสุดท้ายกลับจบลงด้วยโศกนาฏกรรมที่ยากจะลืมลง ซึ่งโมเลือกที่จะเล่ามันในแบบรวบรัดและกระชับโดยไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรมากนัก
“เห... แสดงว่าโมก็ต้องได้เจอสาวๆ สวยๆ ที่งานฟูลมูนเยอะแยะเลยอ่ะดิ?” ลูกไม้ยิงคำถามขึ้นระหว่างฟังเขาเล่าถึงช่วงที่เคยเมาจนน็อกหลับหัวทิ่มคาหาดมาแล้ว
“แหม มันก็มีบ้าง ก็เทศกาลปาร์ตี้ คนมารวมตัวกันอ่ะเนอะ” โมตอบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง กลัวว่าเธอจะคิดตัดสินเขาจากการกระทำในอดีต ทว่าลูกไม้กลับมิได้คิดเช่นนั้น พอฟังถึงตรงนี้ แววตากลมโตของเธอกลับยิ่งเปล่งประกายขึ้นแจ่มชัดกว่าเดิม
“แล้ว... แล้วโมเคย เอ่อ... มีเซ็กส์กับคนแปลกหน้าที่มางานรึเปล่า พวกนักท่องเที่ยวต่างชาติน่ะ” ลูกไม้หันซ้ายหันขวาอย่างระแวงว่าคนรอบข้างจะได้ยิน ก่อนที่เธอจะยื่นหน้าไปใกล้โมพร้อมกับป้องปากกระซิบถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“เฮ้ย! ถามกันโต้งๆ งี้เลยเหรอ?” โมหลุดขำออกมาเบาๆ
“ก็เค้าไม่เคยไปงานฟูลมูนเลยนี่ เคยแต่ได้ยินจากคนอื่นเล่าว่ามันตื่นเต้นอย่างโน้นอย่างนี้อยู่ข้างเดียว ขนาดฝรั่งเพื่อนเราที่ออสฯยังเคยไปแล้วกลับมาเล่าให้เราฟังเลย ว่าที่นั่นอ่ะ โหย... ‘ออร์จี้’ กันสุดเหวี่ยง” หญิงสาวกระซิบต่อ
“มันก็... มันก็มีแหละลูกไม้ เราอยู่ที่นั่นตั้งเกือบปีแน่ะ จะโกหกว่าไม่เคยเลยมันก็ยังไงๆ อยู่” ชายหนุ่มยอมรับแบบเขินๆ แต่ก็ยังออกอาการเคอะเขินไม่เท่าฝั่งคนฟัง ที่แม้ว่าใบหน้าเธอจะเริ่มเป็นสีแดงระเรื่อเพราะความตื่นเต้นแล้ว แต่ก็ยังคงคอยกระเซ้าถามโน่นถามนี่จากเขาไม่ยอมหยุดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“โมเคยกับคนชาติไหนบ้างเหรอ?” ลูกไม้ยิ่งถามยิ่งเจาะลึกลงไปเรื่อยๆ
“โอ๊ย พอก่อน ลูกไม้ จะสัมภาษณ์ลึกไปแล้ว” ชายหนุ่มทนเขินไม่ไหว อดสงสัยไม่ได้ว่าเธอไปเผลอซึมซับประสบการณ์แบบไหนมาตอนที่เรียนอยู่ออสเตรเลีย ถึงกลายเป็นคนทะลึ่งตึงตัง กล้าพูดกล้าคุยเรื่องสัปดนได้ตรงๆ แบบนี้
“อ๊ะ! ขอโทษที เค้าลืมตัวไป เรื่องแบบนี้คนไทยเค้าไม่ค่อยคุยกันเนอะ” ลูกไม้หัวเราะแฮะๆ เมื่อนึกได้ว่าตนเองกำลังละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายจนเกินไป
“เราถามบ้างดีกว่า คบกับฝรั่งแล้ว ต่างกับตอนที่คบคนไทยมั้ย? แล้วตอนนี้ลูกไม้โอนเอนไปทางฝั่งไหนมากกว่า?” โมชิงเป็นฝ่ายยื่นไมค์ถามเธอคืนไปบ้าง
“หมายถึงว่าโอนเอียงไปทางคนไทยหรือต่างชาติมากกว่าน่ะเหรอ?” หญิงสาวทวนคำถามเพื่อความแน่ใจ
“อื้อ” เขาพยักหน้ารับ
“มันก็พูดยากนะ คือมันก็ต่างกันอยู่แล้ว ด้วยลักษณะนิสัยพื้นฐาน ฝรั่งเค้าก็พูดกันตรงๆ อ่ะ มีปัญหาอะไร ก็บอกมาเลย ไม่ค่อยกั๊กไว้แบบคนไทย แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดีไปทั้งหมด บางคนมันก็รักรุนแรง เลิกรุนแรงอ่ะ หมายถึงในแง่อารมณ์ความรู้สึกนะ ส่วนคนไทยก็ดีตรงเวลามีปัญหากันก็ค่อนข้างประนีประนอมมากกว่า พยายามเลี่ยงไม่ให้ถึงขั้นแตกหัก ถึงบางทีมันจะกลายเป็นการเก็บซ่อนปัญหาไว้ใต้พรมบ้าง เราว่ามันก็ขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหนนะ อย่างเวลาอยู่ไทยแบบนี้ เราว่าเราก็พรีเฟอร์ไปทางคนไทยมากกว่า มันยืดหยุ่นดี” ลูกไม้พยายามเรียบเรียงความรู้สึก
“ก็แปลว่าตอนนี้อยู่ไทย ก็จะชอบคนไทยมากกว่า?” โมลากคำถามไปต่อ
“อือ มั้ง” ลูกไม้คิดนิดหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ายิ้มอ่อน
“แล้วตอนนี้ก็โสดอยู่ด้วย?” ชายหนุ่มถามอีก
“ช่าย ทำไมเหรอ? โมจะจีบเค้าเหรอ?” หญิงสาวถามชี้นำ แล้วก็หลุดหัวเราะคิกคักกับตัวเองเบาๆ
“ยัง! แหม ทำไมเชียร์ให้เราจีบจัง? รีบเหรอคุณ?” เขาหัวเราะตามเธอไปอีกคน
“อ้าว ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ เค้าก็โสด โมก็โสด ถ้าถูกใจกันจะลองคบกันก็ไม่เห็นจะเสียหาย” ลูกไม้อมยิ้มเจ้าเล่ห์
“มันก็ใช่แหละ แต่ว่าพอโดนลูกไม้พูดชวนเองแบบนี้มันก็รู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้ มันไม่ชินอ่ะ ปกติผู้ชายเค้าต้องเป็นคนเริ่มก่อนไม่ใช่เรอะของแบบนี้” โมเอ่ยอย่างอ่อนใจ รู้สึกเหมือนกำลังโดนเธอแกล้งปั่นหัวอยู่
“ก็ถ้าไม่รีบคบกัน เกิดโมไปคบคนอื่นก่อน ถึงตอนนั้นเค้าก็กลายเป็นมือที่สามเหมือนสมัยก่อนน่ะสิ ที่โมพึ่งมาบอกตอนหลังว่าจริงๆ มีแฟนอยู่แล้ว แต่ก็ยังจงใจจะหลอกฟันเค้าแล้วทิ้ง” จู่ๆ หญิงสาวก็ทำหน้าเคือง แล้วกล่าวโทษเขาขึ้นมาซะอย่างนั้น
“เดี๋ยวๆๆๆๆ เดี๋ยวก่อน ตอนนั้นก็เต็มใจกันทั้งคู่ไม่ใช่เรอะ ถ้าจำไม่ผิด ลูกไม้เองที่เป็นคนชวนเราไปนะวันนั้น” โมทำหน้าเลิ่กลั่กลนลานขึ้นมา และรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน ท่าทีลุกลนของเขาทำให้สาวเจ้าอดขำออกมาไม่ได้
“โอ๊ย เค้าล้อเล่นหรอกน่า ไม่ต้องแก้ตัวซะรัวขนาดนี้ก็ได้” ลูกไม้หัวเราะร่าชอบใจ
“เรื่องแบบนี้ ใครเค้าเอามาพูดเล่นกันเล่า เราก็นึกว่าลูกไม้โกรธจริงซะอีก” ชายหนุ่มตัดพ้อ
“จะว่าไป... เรื่องวันนั้นน่ะ...” ลูกไม้กระซิบกระซาบคล้ายว่าจะพูดอะไร แต่ก็หยุดไว้แค่นั้น ก่อนกวักมือเรียกให้โมยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ เธอโน้มใบหน้าเข้าไปหา พลางยกมือป้องปากเพื่อเตรียมกระซิบข้างหูเขา ขณะที่ฝ่ายชายหนุ่มก็ตั้งท่ารอฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“เราจำได้นะ ว่าวันนั้นโมทำเราเสร็จตั้งหลายทีแน่ะ แถมยังบังคับให้เรากลืนของโมเข้าไปด้วย” ลูกไม้กระซิบด้วยน้ำเสียงยั่วยวนสุดขีด เล่นเอาเจ้าหนุ่มที่นั่งฟังถึงกับขนลุกตัวเกร็ง ไอ้หนูเกร็งกระตุกตุ้บๆ ขึ้นมาในทันตา เขาผงะใบหน้าถอยหลังมาจ้องมองเธอด้วยสีหน้าตื่นตะลึง
“ลูกไม้! ไม่ได้เจอกันหลายปี เราว่าลูกไม้ทะลึ่งขึ้นเยอะเลยนะ” โมอุทานอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ขณะที่สาวเจ้าหัวเราะคิกคักหน้าแดง
“ก็เรื่องจริงนี่” เธอตอบกลับหน้าตาเฉย สีหน้าเจ้าเล่ห์นั้นช่างดูน่ามันเขี้ยวนัก
“รู้แล้วว่าเรื่องจริง แต่มันใช่เรื่องมั้ยเนี่ย มาคุยอะไรกันตรงนี้คร้าบ?” ชายหนุ่มหันซ้ายหันขวา กลัวว่าลูกค้าโต๊ะอื่นจะมาได้ยินเข้า
หลังจากใช้เวลานั่งกินข้าวพูดคุยกันพอหอมปากหอมคอ จนเจ้าหนุ่มแอบรู้สึกปวดตึงที่บริเวณเป้ากางเกงแล้ว ลูกไม้ก็ชักชวนให้เขาไปเดินเลือกซื้อของเป็นเพื่อนต่อที่ชั้นบน โดยเธอตั้งใจมาหาซื้อของขวัญสำหรับฉลองวันเกิดให้แม่ ผู้ซึ่งกำลังจะมีอายุครบ 58 ปีในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้านี้
มันเป็นช่วงเวลาประมาณครึ่งวันอันแสนสั้นทว่าเต็มไปด้วยความสุข เมื่อชายหนุ่มมีโอกาสได้กลับมารื้อฟื้นความหลัง พร้อมๆ กับสร้างความทรงจำร่วมกันกับเธอในห้วงเวลาปัจจุบัน โดยที่ต่างฝ่ายก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้นัดเจอกันแบบนี้อีกทีเมื่อไร ด้วยตารางงานที่ค่อนข้างแน่นของพวกเขาทั้งคู่ ก่อนที่สองหนุ่มสาวจะต้องแยกย้ายกันกลับที่พักของตัวเองเมื่อท้องฟ้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีอึมครึม
ชายหนุ่มอดเปรียบเทียบความรู้สึกตอนที่ได้ใช้เวลาอยู่กับลูกไม้และไอซ์ขึ้นมาในหัวตัวเองไม่ได้ แม้จะเป็นการบังเอิญกลับมาพบเจอเหมือนๆ กัน ทว่าความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวทั้งสองคนนั้นกลับแตกต่างกันไปแบบคนละโลก สำหรับไอซ์ มันมีแต่ความรู้สึกห่างเหิน เย็นชา และอึดอัดกระอักกระอ่วนใจ เมื่อเธอยังคงจำฝังใจกับความผิดที่เขาเคยก่อไว้ และไม่ยอมให้อภัยง่ายๆ ในขณะที่ฝั่งลูกไม้นั้นกลับเป็นตรงกันข้าม เพราะมีแต่ความสบายใจ อุ่นใจ และมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะเวลาที่เขาได้จ้องสบตากับเธอ
หรือบางที... ไอ้ความรู้สึกเหล่านี้ มันอาจจะกำลังทำหน้าที่กระซิบบอกใบ้ให้รู้ว่าเขาควรจะเลือกเดินหน้าไปทางไหนอยู่ก็เป็นได้...
=======================================
“มึงว่าไงนะ? มึงกับไอซ์เนี่ยนะ? ทำงานด้วยกัน?” ป๋อมถามย้ำๆ ซ้ำๆ อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เมื่อได้ยินโมเอ่ยปากเล่าสถานการณ์ปัจจุบันระหว่างตัวเขาและอดีตสาวคนรักให้ฟังในวงเหล้า ซึ่งประกอบไปด้วยหนุ่มโม สาวป๋อม แล้วก็หนุ่มเจ็ท ผู้เป็นสามีของสาวแว่น ตรงเบื้องหน้าของพวกเขามีแก้ววางอยู่สามใบ สองในนั้นบรรจุเครื่องดื่มมึนเมาไว้ให้สองหนุ่มกระดกยก ส่วนอีกแก้วคือน้ำเปล่าของหญิงสาวผู้ปฏิเสธของมึนเมาอย่างหนักแน่น ภายหลังค้นพบว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์ได้สองเดือนกว่าแล้ว นอกจากความปลอดภัยของลูกในท้องแล้ว ก็จะได้มีคนรับหน้าที่ขับรถกลับบ้านแทนสามีที่กำลังเมาอีกด้วย
“เออ บริษัทเค้ามาจ้างบริษัทกูออกแบบ” โมตัดสินใจสารภาพความจริงที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟัง ภายหลังจากอุบเงียบเก็บเรื่องนี้กับตัวมาพักใหญ่ๆ ด้วยเพราะไม่อยากตกเป็นขี้ปากนินทาของใครต่อใคร ซึ่งล้วนแต่มีภาพจำฝังหัวว่าเขาเคยทำเรื่องเลวร้ายกับเธอเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว
“ไหงงั้น? บังเอิญเหรอ? หรือมึงวางแผนอะไรไว้?” เจ็ทชิงถามแทนภรรยาสาว
“บังเอิญล้วนๆ พรหมลิขิตบันดาลชักพา ให้กูต้องเข้าไปนั่งอึดอัดกันในห้องประชุมทุกครั้งเลยเนี่ย” ชายหนุ่มบ่นเซ็งๆ
“ฟ้าชังสวรรค์แกล้งมั้ยล่ะมึง เกลียดขี้หน้ากันนัก พระเจ้าเลยประทานพรให้ต้องมาทำงานด้วยกันซะเลย” ป๋อมแค่นหัวเราะเยาะใส่เพื่อนอย่างสะใจลึกๆ
“เค้าอ่ะเกลียดขี้หน้ากูข้างเดียว ส่วนกูไม่ได้อะไรซักหน่อย จริงๆ ว่าจะหาโอกาสนัดเจอเค้าเพื่อขอโทษอีกครั้งอยู่เนี่ย เสือกสะดุดตอ เจอก้างขวางคอซะก่อน เลยยังไม่ได้ทำซักที” โมว่า
“ทำไม? ไปเจออะไรมา?” ทั้งเจ็ทและป๋อมต่างถามขึ้นพร้อมกันอย่างกระตือรือร้น นาทีนี้ไม่มีใครสนใจแตะต้องอาหารบนโต๊ะแล้วเพราะกำลังคุยติดพันกันอย่างเมามัน
“เหมือนเค้าจะมีคนคุยอยู่ตอนนี้อ่ะดิ วันที่ไปประชุมล่าสุด กูกำลังจะเอ่ยปากขอเวลาคุยส่วนตัวกับเค้าอยู่แล้ว ไอ้ผู้ชายคนนั้นแม่งก็ดันโผล่หัวมาขัดคอถึงห้องประชุมซะงั้น ทั้งที่ไม่ได้ทำงานอยู่นั่นด้วยนะ สรุปว่าก็เลยยังไม่ได้คุยอะไรกันเพิ่ม” โมเล่าย้อนความอย่างละเอียดด้วยน้ำเสียงเจ็บใจ นึกแล้วยังแอบเคืองไม่หายที่ถูกโจทย์เก่ามาขัดจังหวะ
“เป็นใครมาจากไหนวะ? มึงรู้จักมั้ย?” เจ็ทถาม
“หล่อป่ะ? หรือว่ารวย?” ป๋อมถามแทรก และแม้คุณสมบัติของแน็คจะตรงกับที่สาวแว่นเอ่ยทักมาทั้งสองข้อ แต่หนุ่มโมก็เลือกที่จะเลี่ยงไปตอบคำถามของเจ็ทแทนเพราะไม่สบอารมณ์ที่จะต้องพูดชมแน็ค
“แม่งชื่อแน็ค เป็นรุ่นพี่ไอซ์ที่จุฬา แม่งเหมือนเคยพยายามจะเข้ามาจีบไอซ์ตอนสมัยเรียนด้วย แต่โดนกูเบรกหัวทิ่มไป พอตอนนี้ทางสะดวกแม่งคงใส่แบบไม่ต้องกั๊ก ไอ้ห่าเอ๊ย พูดแล้วก็เจ็บใจว่ะ ตอนนั้นไอซ์ยังเถียงกูอยู่เลยว่าไอ้แน็คแม่งไม่ได้คิดอะไร ก็แค่สนิทกันแบบพี่น้องเฉยๆ มึงดูดิ สุดท้ายเป็นไง” โมระบายออกมาเต็มเหนี่ยว คาดหวังว่าจะได้รับคำปลอบประโลมจากเพื่อนทั้งสอง
“สุดท้ายเค้าก็มาลงเอยกันไง จบบริบูรณ์ สมน้ำหน้า” ป๋อมตอกใส่หน้า เอาคืนที่ชายหนุ่มแกล้งเมินคำถามของเธอเมื่อครู่
“ตกลงว่าแค่คุยกันหรือคบกันแล้ว?” เจ็ทยิงคำถามต่อเพราะยังรู้สึกไม่เคลียร์กับเรื่องที่ญาติผู้น้องเล่า
“ไม่รู้ว่ะ ก็เห็นมารับไอซ์ไปกินข้าวถึงออฟฟิศน่ะ มึงคิดว่ายังไงล่ะ?” โมถามกลับ
“อาจจะยังแค่จีบกันอยู่ก็ได้มั้ง กูก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ที่กูอยากรู้มากกว่าคือ แล้วถ้าเค้าสองคนคบกัน มึงจะหงุดหงิดทำไมวะ? ก็ไหนบอกว่าตัดใจจากเค้าได้แล้วไม่ใช่เหรอไง?” เจ็ทยิงคำถามแทงใจดำออกมา ทำเอาโมถึงกับสะอึก
“เออว่ะ แล้วกูจะไปพาลใส่สองคนนั้นทำไมวะ?” ชายหนุ่มได้แต่นึกสงสัยกับตัวเองเงียบๆ ในหัว แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป
“หมาหวงก้าง แบบนี้เค้าเรียกว่าหมาหวงก้าง ตัวเองไม่ได้กิน ก็ไม่ยอมให้คนอื่นได้กิน ยี้! พวกลูสเซอร์” ป๋อมที่ฟังอยู่เลยโพล่งออกมาด้วยสีหน้าล้อเลียน
“ไอ้ห่าป๋อม นี่ถ้าไม่ติดว่ามึงท้องอยู่นะ นี่กูด่ายับไปแล้วนะเนี่ย แทนที่จะให้กำลังใจกัน เสือกพูดซ้ำเติมอยู่ได้” โมชักฉุน
“ก็มันจริงมั้ยล่ะ มึงลองทบทวนที่ตัวเองทำอยู่ดิ มานั่งด่าเค้าลับหลังแบบนี้ จบกันแล้วก็ให้มันจบไปดิวะ จะไปผูกใจเจ็บอะไรอยู่อีก ก็ตั้งใจทำงานให้จบ แล้วก็แยกย้ายทางใครทางมันไป จะได้ไม่ต้องมารู้สึกติดค้างเหนี่ยวรั้งกันนานกว่านี้ มึงเองก็จะได้เดินหน้าต่อ ไอซ์เค้าก็จะได้เดินหน้าต่อไปเหมือนกัน” สาวแว่นย้อนกลับ เจอดอกนี้เข้าไปโมก็ได้แต่นั่งเงียบกริบอีกครั้ง
“ทำไมวันนี้กูถึงรู้สึกเหมือนมานั่งให้พวกมึงเทศนาเลยเนี่ย…” โมโอดครวญ พลางยกแก้วเบียร์ตัวเองขึ้นจิบดับกระหาย รู้สึกใบหน้าร้อนวูบๆ ไม่รู้ว่าเพราะเริ่มจะเมาหรือเพราะละอายที่โดนเพื่อนด่า
“ก็มันจริงป่ะล่ะ นี่หวังดีหรอกนะ ถึงได้พูดตรงๆ” ป๋อมสวนโครม
“เออ รู้หรอกน่า” ชายหนุ่มสะบัดหน้าใส่เพื่อนอย่างรำคาญใจ
“แม่ง... เซ็งว่ะ จนป่านนี้แล้วกูเองแม่งยังไม่มีห่าอะไรซักอย่าง ทั้งที่คนอื่นเค้าเริ่มลงหลักปักฐานกันหมดแล้ว ไอซ์ก็มีธุรกิจของตัวเอง มีคนดูใจใหม่ ส่วนมึงสองคนแม่งก็แต่งงานจนมีลูกกันแล้ว” โมเอ่ยตัดพ้อต่อชะตากรรมของตนเอง
“มึงเองก็มีสตูดิโอออกแบบของตัวเองไม่ใช่รึไง? คอนโดก็มี รถก็มี มาบอกว่าไม่มีได้ไง?” เจ็ทเถียง
“มันหมายถึงเรื่องแฟนมากกว่ามั้ง แม่งเห็นคนอื่นเค้ามีแฟนกันไปหมด ส่วนตัวเองหัวเดียวกระเทียมลีบน่ะสิ” ป๋อมเอ่ยทัก
“รู้ดีนัก ไอ้แว่น” โมบ่นเพื่อนด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้
“แน่น๊อน” สาวแว่นตอบเสียงสูงท้าทาย
“ถ้างั้นก็เลือกเอาซักคนจากสาวๆ ในสต็อกของมึงไปดิ ไม่น่าจะยากมั้ง อยู่ที่มึงเองแหละ ว่าจะกล้าหยุดกับใครจริงๆ จังๆ ซักทีรึเปล่าเหอะ” เจ็ทชี้ช่อง เพราะรู้ดีว่าทุกวันนี้เจ้าญาติผู้น้องเองก็มีสาวๆ เข้ามาคอยพัวพันไม่ห่างกาย ติดแค่ว่ายังไม่ยอมปักหลักกับใครสักที
“ว่าแต่มึงสองตัวเหอะ ไหนตอนแรกบ่นว่าไม่ค่อยมีเวลาทำการบ้านไง สุดท้ายเป็นไง ป่องซะงั้น” โมแซวเพื่อนคืนบ้าง
“เค้าเรียกน้อยแต่มาก คุณภาพเหนือปริมาณเว่ย” ป๋อมสวน
“เฮ้ยๆ หลังปริมาณก็เยอะแล้วนะเมียจ๋า มาบอกว่าน้อยได้ไง” เจ็ทรีบท้วงเพราะกลัวถูกญาติตัวเองเหยียดหยาม
“จ้าๆ เยอะก็เยอะ แต่หลังจากนี้อ่ะ บอกไว้เลยนะว่าน้อยแน่นอน เดี๋ยวมันไปมีผลกับลูก” หญิงสาวรีบดักคอ
“โห่ ป๋อมอ่ะ มันไม่อันตรายขนาดนั้นหรอกน่า หมอเค้าก็บอกแล้วนี่ว่ามีได้” สามีหนุ่มโอดครวญเมื่อรู้ชะตากรรมตัวเองล่วงหน้า
“ก็มีได้ไง แต่ไม่ได้ให้มีบ่อยๆ เหมือนแต่ก่อน ก็ต้องหัดควบคุมบ้าง เอาให้ลูกปลอดภัยที่สุด เสี่ยงไปก็ไม่คุ้ม รอคลอดก่อนค่อยกลับมาทำบ่อยๆ ทีหลัง” ภรรยาสาวยืนกรานหนักแน่น ดูเหมือนสัญชาตญาณความเป็นแม่ในตัวเธอมันเริ่มจะถูกปลุกขึ้นมาแล้ว แม้ว่าจะยังไม่ทันได้เห็นหน้าลูกในท้องก็ตาม
“อยากเห็นหน้าลูกพวกมึงไวๆ ว่ะ อยากรู้ว่าจะออกมาเป็นผู้หญิงรึผู้ชาย” โมยิ้มน้อยๆ
“ถ้าลูกกูเป็นผู้หญิงนะ กูจะพาไปดูหน้ามึงวันละสามเวลาเลย บอกลูกว่าเนี่ย ผู้ชายแบบนี้แหละ ที่หนูต้องหลีกให้ไกลๆ ไม่ต้องไปเอามาทำแฟน ประเดี๋ยวจะน้ำตาตกเช็ดหัวเข่าแบบเพื่อนแม่” ป๋อมแขวะ
“ระวังเถอะ ถ้าสุดท้ายได้ลูกชายออกมา ลูกมึงอาจจะนิสัยเหมือนกูก็ได้ สายเลือดความกะล่อนฝั่งพ่อมันแรงเว่ย จริงมั้ยวะเจ็ท?” โมย้อนคืน แล้วหันไปพยักพเยิดหน้าให้ญาติผู้พี่
“นิสัยเหมือนมึงน่ะ กูไม่ว่าหรอก อย่าทะลึ่งออกมาหน้าเหมือนมึงก็แล้วกัน ไม่งั้นกูคงคิดว่าเมียตัวเองมีชู้กะมึงแน่ๆ” เจ็ทตบมุกปิดท้าย เรียกเสียงหัวเราะจากญาติผู้น้อง พร้อมๆ กับที่ฝ่ามือของภรรยาสาวก็ฟาดป้าบเข้าไปที่ต้นแขนของสามีเต็มๆ
ในวันที่รักหลงทาง #112
ผมลืมไปมันวันเสาร์แล้วนี่หว่า อัพช้าเลย 555
ม.112 มันเหี้ย แต่ตอน 112 ไม่เหี้ยนะครับ
**รบกวนคอมเมนท์เกี่ยวกะเนื้อหาในตอนหน่อยนะฮะ อยากอ่านฟี้ดแบคจากคนอ่าน**
-----------------
คำแนะนำของเจ็ทที่บอกให้โมลองตัดสินใจคบใครสักคนอย่างจริงจังดู ฟังเผินๆ ก็เหมือนจะเป็นประโยคธรรมดาทั่วๆ ไป ทว่ากลับกระทบใจเขาอย่างมาก เพราะนับตั้งแต่วันที่ชายหนุ่มกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพฯ ถึงแม้จะมีผู้หญิงมากหน้าหลายตาสลับสับเปลี่ยนแวะเวียนเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ทว่าก็ยังไม่มีใครเลยที่จะสามารถเติมเต็มหัวใจของเขาให้คลี่คลายลงจากความเหงาได้ อาจเป็นเพราะตัวเขาเองนี่แหละ ที่ดันไปขีดเส้นความสัมพันธ์เหล่านั้นให้เป็นแค่คู่นอนเพียงชั่วคราวตั้งแต่ต้น ทำให้ท้ายที่สุดก็เลยไม่มีผู้หญิงคนไหนจะกล้าคิดจริงจังกับเขาด้วยเช่นกัน พวกเธอเพียงแค่แวะเวียนเข้ามาตักตวงความสนุกชั่วครั้งชั่วคราว แล้วก็พร้อมจะแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของใครของมัน
ซึ่งตอนแรกๆ ก็ดูจะเป็นทางเลือกที่สบายใจสำหรับโมดีอยู่หรอก แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ ความอ้างว้างก็เริ่มจะเข้ามาเกาะกุมหัวใจมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งได้เห็นเพื่อนๆ คนอื่น ต่างปักหลักมีแฟนเป็นตัวเป็นตนกันแบบจริงจัง บางรายก็ถึงขั้นแต่งงานแต่งการ มีลูกเต้าเป็นครอบครัวใหญ่โต ก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มอดที่จะมองย้อนกลับมายังชีวิตอันโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาของตนเองไม่ได้ ในขณะที่ทั้งเจ็ทและป๋อมกำลังจะกลายเป็นพ่อคนแม่คน แล้วตัวเขาล่ะมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง? จะดื้อด้านใช้ชีวิตหนุ่มโสดแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงวันที่หันกลับมามองแล้วไม่พบใครอยู่ข้างๆ กายเลยงั้นหรือ? บางทีมันอาจจะถึงเวลาแล้วก็ได้... ที่เขาควรจะเลือกเดินหน้าคบหากับใครสักคนแบบเป็นเรื่องเป็นราวสักที...
จากบรรดาหญิงสาวทั้งหมดที่ตัวเขาสนิทสนมใกล้ชิดด้วยในยามนี้ ก็เห็นจะมีเพียงแค่สี่ชื่อเท่านั้นที่ชายหนุ่มรู้สึกผูกพันลึกซึ้งกับพวกเธอมากที่สุด นั่นคือ นิ่ม บัวบูชา แนน และคนสุดท้ายที่พลิกความคาดหมายที่สุดก็คือลูกไม้ ที่สามารถเบียดแทรกตัวเข้ามาอยู่ในลิสต์อันดับต้นๆ ของเขาได้อย่างรวดเร็ว ทั้งที่เขาพึ่งจะได้กลับมาเจอหน้าเธอแค่เพียงไม่ถึงเดือนดีด้วยซ้ำ
สำหรับนิ่มนั้น แม้จะรู้จักกันหลังสุดในสี่คนนี้ แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาที่สวยหวานหยาดเยิ้ม ชาติตระกูลดี การศึกษาดี และไหนจะนิสัยใจคอของเธอที่เป็นผู้หญิงเรียบร้อยพูดจาอ่อนหวาน ทว่าเวลาเปิดศึกกันบนเตียงก็สามารถตั้งรับทุกกระบวนท่าของเขาได้อย่างไม่ยอมถอยหนี ทำให้เธอคือผู้หญิงในอุดมคติของเขา แทบจะเรียกว่าเป็นภาพตัวแทนของไอซ์ในอดีตเลยก็ว่าได้
ขณะที่แนนเองก็มีเรื่องราวผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง ผ่านอะไรๆ มาด้วยกันมากมายบนเกาะ เขาจึงยังรู้สึกว่ามีหลายสิ่งที่ต้องคอยดูแลรับผิดชอบชีวิตเธอ ความสวยนั้นอาจจะน้อยที่สุดในกลุ่มนี้ แต่ลีลาฝีไม้ลายมือบนเตียงกลับฉกาจฉกรรจ์แบบหาตัวจับยาก แม้ว่าช่วงหลังๆ นี้สาวเจ้าจะดูเหมือนกำลังอินเลิฟกับเด็กหนุ่มวัยกระเตาะที่ไปรู้จักกันที่ร้านนวด จนคล้ายจะหลงลืมเขาไปบ้างก็ตามที
ส่วนบัวบูชานั้นคือภาพสะท้อนของสาวรุ่นพี่สุดเซ็กซี่ สวย เก่ง ฉลาด และประสบความสำเร็จ นิสัยใจคอก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ เป็นตัวของตัวเอง ซึ่งทำให้ชายหนุ่มยิ่งรู้สึกภูมิใจที่สามารถเอื้อมมือไปคว้าเธอมาครอง พร้อมกับปราบพยศเธอบนเตียงนอนได้อย่างราบคาบ ต่อให้อายุของเขากับเธอจะค่อนข้างห่างไกลกันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย
สุดท้ายคือลูกไม้... เขารู้จักเธอมานานที่สุด แม้จะมีช่วงที่ห่างเหินกันไปค่อนข้างนาน แต่ด้วยวัยที่เท่ากัน มีความสนใจหลายๆ อย่างใกล้เคียงกัน ทำให้ลูกไม้ยังคงติดตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเขาเสมอ รูปร่างหน้าตานั้นไม่ต้องพูดถึง นิสัยใจคอที่สดใสร่าเริง ติดโก๊ะนิดๆ มาวันนี้กลับเพิ่มเติมด้วยความทะลึ่งตึงตัง กล้าหยอกล้อ ทำให้เธอดูมีชีวิตชีวาขึ้นไปอีก และที่สำคัญ ชุดยูนิฟอร์มแอร์โฮสเตสคือเป้าหมายที่ชายหนุ่มเองใฝ่ฝันอยากลิ้มลองประสบการณ์คาชุดมาตั้งแต่สมัยหัดดูหนังโป๊ใหม่ๆ แล้ว ครั้งก่อนที่ได้ใกล้ชิดกันก็ดันคร่อมผิดจังหวะ เพราะเป็นช่วงที่เขามีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว ซึ่งแตกต่างจากยามนี้ที่ตัวเขานั้นถือครองสถานะหนุ่มโสด ไม่มีพันธะผูกพันใดๆ ถ้าจะเริ่มต้นใหม่กับเธอก็ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
ความสูสีทัดเทียมของพวกเธอทั้งสี่คน ทำให้โมเองก็ยังคิดไม่ตกว่าควรจะตัดสินใจเดินหน้าสานสัมพันธ์กับใครแบบจริงจังดี เพราะหากเขาตัดสินใจเลือกไปแล้ว มันย่อมหมายความว่าเขาจำเป็นจะต้องตัดความสัมพันธ์ทางกายกับผู้หญิงคนอื่นๆ ซึ่งก็รวมถึงหญิงสาวอีกสามคนที่เหลือด้วย ทำให้เขาชักจะเริ่มจะลังเลขึ้นมาว่ามันคุ้มค่าดีแล้วใช่มั้ย ที่จะเลือกโยนสถานะหนุ่มโสดที่ตนเองฟูมฟักมาทิ้งไปง่ายๆ เช่นนี้
และในระหว่างที่ชายหนุ่มยังคงไม่อาจตัดสินใจเลือกได้แบบเด็ดขาดนั้น ทว่าความสัมพันธ์ครั้งใหม่ที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับลูกไม้ มันก็ดูเหมือนจะยิ่งเดินหน้าทำคะแนนแซงสาวๆ อีกสามคนที่เหลือมากขึ้นทุกทีๆ...
แม้จะไม่เคยมีฝ่ายใดระบุสถานะระหว่างพวกเขาสองคนออกมาอย่างชัดเจน แต่ทั้งโมและลูกไม้ต่างก็รับรู้ตรงกันว่า การที่พวกเขาทั้งสองคนได้กลับมาเจอหน้า พูดคุย และสนิทสนมกันใหม่อีกครั้งนั้น มันคือสถานะของชายหญิงที่กำลังสานสัมพันธ์กันไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ ยิ่งได้เจอหน้ากันมากเท่าไร ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็มีแต่ยิ่งสนิทแนบแน่นกันมากขึ้นเท่านั้น และมันย่อมหมายรวมไปถึงความสนิทสนมใกล้ชิดที่เกิดขึ้นทางกายระหว่างหนุ่มสาวทั้งสองด้วย...
หลังจากนัดกินข้าว เดินเล่นซื้อของด้วยกันมา 2 ครั้ง ในที่สุดโมก็ตัดสินใจเอ่ยชวนเธอไปดูหนังด้วยกัน ซึ่งสำหรับมุมมองของเขาแล้ว การไปดูหนังระหว่างชายหนุ่มหญิงสาวแบบสองต่อสอง มันคือการไปเดทกันอย่างเป็นทางการ เป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกให้รู้ว่าหนุ่มสาวคู่นี้กำลังมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเกินเลยกว่าคำว่าเพื่อนทั่วๆ ไป ซึ่งแน่นอนว่าลูกไม้เองก็ตอบตกลงไปแต่โดยดี แทบจะในทันทีที่เขาเอ่ยปากชวนเธอผ่านโทรศัพท์ด้วยซ้ำ คล้ายว่าเธอเองก็แอบเฝ้ารอให้เขาออกปากชวนอยู่นานแล้ว
16.15 น. ของวันศุกร์… ด้วยความที่ลูกไม้มักจะติดไฟลท์บินตลอดทั้งในวันเสาร์และวันอาทิตย์ ทำให้โมตัดสินใจขยับวันนัดหมายมาเป็นตอนเย็นวันศุกร์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หญิงสาวสะดวกที่สุด ส่วนตัวเขานั้นจะหยุดงานเมื่อไรก็ได้อยู่แล้ว ซึ่งนี่คือข้อดีอีกอย่างของการเป็นเจ้านายตัวเอง ขอแค่สุดท้ายแล้วยังสามารถปิดงานได้ทันตามเวลาที่ลูกค้ากำหนดก็พอแล้ว
โดยจุดนัดหมายของพวกเขาคือโรงหนังขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ชั้นบนสุดของห้างสยามพารากอน ห้างหรูใจกลางเมืองซึ่งกลายเป็นจุดนัดหมายประจำของพวกเขาในช่วงหลัง หากเป็นในยามปกติ ชายหนุ่มมักจะเลือกเดินทางมาที่นี่โดยรถไฟฟ้าประจำทาง เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่มักจะติดขัดจนน่าอึดอัดใจ แต่เพราะเมื่อเช้าเขาต้องเข้าไปปิดงานที่สตูดิโอมาก่อน จึงทำให้ชายหนุ่มหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญกับการจราจรอันติดขัดในช่วงเย็นวันศุกร์บนเส้นถนนพระราม 1
วันนี้หญิงสาวปรากฏกายมาในชุดเดรสสายเดี่ยวแบบเปิดไหล่ ตรงช่วงเอวมีสายคาดรัดเพิ่มความกระชับขับเน้นทรวดทรงของผู้สวมใส่ ชายกระโปรงบานสั้นเหนือเข่านั้นดูพลิ้วเป็นลอนจีบคล้ายกลีบดอกไม้ในยามที่เธอขยับกายเคลื่อนไหว ใบหน้าที่สวยหวานอยู่แล้วนั้นถูกแต่งแต้มบางๆ ด้วยเครื่องสำอาง ดูไม่มากแต่ก็ไม่น้อยจนเกินไป เส้นผมสีน้ำตาลอมดำที่เคยถูกมัดรวบเรียบร้อยในตอนที่สวมใส่ชุดยูนิฟอร์มของสายการบิน วันนี้ถูกปล่อยเป็นอิสระจนยาวลอนสลวยลงมาถึงบริเวณแผ่นหลัง ดูมีชีวิตชีวากว่าปกติ
“รอนานมั้ย?” ลูกไม้ปรี่เข้ามาทักถามเขาทันทีเมื่อเห็นหน้า บางทีเธอก็มาถึงก่อนเขา และบางคราวเขาก็มาถึงก่อนเธอ ซึ่งครั้งนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างหลังอีกเช่นกัน
“ไม่นานหรอก สิบนาทีได้มั้ง พอดีเราเผื่อเวลาเยอะไป” โมยิ้มตอบอย่างอารมณ์ดี พวกเขาทักทายกันสั้นๆ ก่อนจะพากันไปต่อแถวเพื่อจองตั๋วเข้าชม
โดยหนังที่พวกเขาเลือกคือเรื่อง Kingsman : The Golden Circle หนังแอ็คชั่นสายลับสุดไฮเทคภาคต่อ ซึ่งทั้งสองล้วนเคยดูภาคแรกมาก่อนแล้วทั้งคู่ โดยฝั่งลูกไม้นั้นออกอาการปลื้มในตัวนักแสดงหลักอย่างโคลิน เฟิร์ธแบบออกนอกหน้า เพราะเคยหลงเสน่ห์เขาจากผลงานเรื่องเก่าๆ อย่าง Love Actually ซึ่งสาวเจ้าก็ชมเช้าชมเย็น จนโมอดแซวถึงสเป็คหนุ่มใหญ่วัยป๋าของเธอไม่ได้
รอบฉายที่ได้คือหกโมงตรง หรือก็คืออีกร่วมๆ 2 ชั่วโมง ทั้งสองจึงมีเวลาเพียงพอเหลือเฟือ สำหรับการย้ายลงไปกินมื้อเย็น และเดินช็อปปิ้งตากแอร์กันฆ่าเวลากันก่อน หลังจากเดินดูโน่นดูนี่จนเริ่มเบื่อแล้ว เส้นทางของพวกเขาทั้งสองจึงมาจบลงที่ร้านหนังสือคิโนะคุนิยะบนชั้น 3 ขณะที่ยังเหลือเวลาอีกราวๆ 20 นาที ก่อนที่หนังจะเริ่มฉาย
“โมๆ ดูนี่สิ” ลูกไม้ส่งเสียงร้องเรียกให้โมที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออัตชีวประวัติของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดผู้จัดการทีมอันดับหนึ่งตลอดกาลของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ทีมฟุตบอลสุดรักที่เขาคอยเฝ้าตามเชียร์มาตั้งแต่เด็กๆ พอโดนเธอเรียก ชายหนุ่มจึงต้องละสมาธิออกจากหน้ากระดาษลงชั่วคราว
“ว่าไง?” เขาเอ่ยถามขณะเดินก้าวยาวๆ มายังชั้นหนังสือตรงจุดที่เธอยืนอยู่ ในมือยังถือหนังสืออัตชีวประวัติเล่มโตติดมาด้วย
“จำเล่มนี้ได้เปล่า?” หญิงสาวหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาชูอวดต่อหน้าเขาอย่างตื่นเต้น
บนหน้าปกพื้นขาวคือรูปวาดสไตล์โบราณ มีรูปผู้ชาย ผู้หญิง เครื่องพิมพ์ดีด ดอกไม้ สวนสนุก และเด็กชายตัวน้อยอีกสองคน ถูกจัดวางรวมกันอยู่ตรงกลางอย่างสมดุล ตัวหนังสือสีแดงและน้ำเงินบนที่อยู่เหนือรูปเหล่านั้นเขียนระบุชื่อเอาไว้อย่างชัดเจนว่า ‘นายเท้าซ้าย เด็กชายเท้าขวา’
“โอ๊ย! จำได้สิ ทำไมจะจำไม่ได้ เล่มนี้ลูกไม้เคยหยิบให้เราลองอ่าน สุดท้ายก็เสียตังค์ซื้อจนได้ หนังสืออะบุ๊กเล่มแรกเลยเนี่ย” โมเอ่ย น้ำเสียงร่าเริงขึ้นทันตา พร้อมกับภาพความทรงจำในวันวานที่แล่นวาบขึ้นมาในหัวอย่างแจ่มชัด สมัยก่อนเขาก็เคยใช้เวลาแวะเวียนตามร้านหนังสือในห้างแบบนี้กับเธอมาก่อน สมัยที่เรียนพิเศษอยู่ห้องเดียวกัน
“คิดถึงจังเนอะ” ลูกไม้หยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาแนบอกด้วยสีหน้าชื่นมื่น
“สงสัยจะขายไม่ค่อยดีเนอะ ถึงวันนี้ก็ยังขายไม่หมดเลย” เขาหยอดมุกติดตลก
“บ้า! นี่มันเวอร์ชั่นใหม่แล้ว ขายดีจนต้องพิมพ์ซ้ำต่างหาก” เธอพูดแก้ให้ แต่ก็ไม่วายหลุดหัวเราะร่วนชอบใจออกมา
ใกล้ได้เวลาหนังฉาย พวกเขาจึงชักชวนกันย้ายขึ้นมารอที่ชั้นโรงหนัง โดยไม่ลืมที่จะแวะเข้าห้องน้ำทำธุระของตนเองให้เสร็จสรรพก่อนที่จะถึงเวลาต้องเข้าไปในโรงจริงๆ
“นี่ รอบนี้อย่าลืมเช็คดีๆ นะตอนออกมาจากห้องน้ำ อย่าให้กระโปรงมันไปหนีบข้างในอีกล่ะ” โมเอ่ยแซวเธอตรงหน้าห้องน้ำ
“รู้! ไม่ต้องแซวเลย” ลูกไม้ค้อนใส่ ก่อนจะแลบลิ้นให้เขาทิ้งท้ายด้วยสีหน้างอนๆ ทว่ากลับดูน่ารักน่าชังในสายตาของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มที่เสร็จธุระก่อนจึงเดินไปต่อแถวซื้อข้าวโพดคั่วและเครื่องดื่มรอเธอ เขาสั่งน้ำอัดลมแก้วใหญ่สำหรับแบ่งกันกินสองคน พร้อมด้วยข้าวโพดคั่วรสชีสและรสหวานผสมกันอย่างละครึ่ง ซึ่งล้วนแต่เป็นรสชาติที่หญิงสาวโปรดปรานในสมัยก่อน พอลูกไม้ตามมาสมทบ จึงอดประทับใจไม่ได้ที่พบว่าเขายังคงจดจำรายละเอียดความชอบต่างๆ ของเธอได้อย่างแม่นยำ แม้จะผ่านไปเนิ่นนานเป็นปีๆ แล้วก็ตาม
และแล้วก็ถึงเวลาเริ่มฉาย ตัวหนังยังคงพกพาความสนุกสนานตามสไตล์หนังสายลับยุคใหม่ ซึ่งอุดมไปด้วยฉากแอ็คชั่นหวือหวาอลังการ รวมถึงมุกตลกโปกฮาต่างๆ ที่สอดแทรกคู่กันมาตลอดทั้งเรื่อง เสียงระเบิดในจอดังสลับกับเสียงหัวเราะของผู้ชมที่ดังขึ้นเป็นระยะๆ แต่แม้ว่าตัวหนังจะค่อนข้างสนุกและตื่นเต้นได้ที่ ทว่าชายหนุ่มกลับไม่สามารถตั้งสมาธิให้จดจ่อเกาะติดไปกับเนื้อหาบนจอได้มากนัก ด้วยเพราะในหัวของเขามันเฝ้าแต่คิดว่าอยากจะลองยื่นมือไปเกาะกุมมือเธออยู่แทบจะตลอดเวลา เผลอๆ จะคิดมานับตั้งแต่ที่โลโก้ค่ายหนังพึ่งปรากฏขึ้นมาบนจอภาพยนตร์ด้วยซ้ำ
บรรยากาศมืดๆ หนาวๆ เย็นๆ ภายในโรงหนังนั้นช่างเอื้อให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกโหยหาไออุ่นขึ้นมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว และเมื่อความอดทนของชายหนุ่มมันเกิดหมดลง จึงทำให้โมตัดสินใจที่จะค่อยๆ เอื้อมมือขวาของตนเอง เลื่อนเข้าไปหาอุ้งมือซ้ายอันเรียวเล็กของหญิงสาวซึ่งกำลังวางพาดอยู่บนพนักเก้าอี้ ทีละน้อย ทีละน้อย ความที่ลูกไม้กำลังใจจดจ่ออยู่กับภาพบนจอ จึงทำให้เธอไม่ทันสังเกตเห็นถึงการกระทำของชายหนุ่ม จนมารู้ตัวเอาอีกทีก็ตอนที่รู้สึกว่ามีอะไรบางมันแตะถูกมือเธอนั่นแหละ
แม้จะเริ่มรู้ตัวแล้ว ทว่าลูกไม้เองกลับเลือกที่จะทำเพียงแค่ก้มหน้าลงไปมองตามที่อุ้งมือของตนเอง แล้วก็นั่งนิ่งเงียบ ไม่ได้พูดอะไรออกมา และก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับถอนมือออกไปไหนด้วย เธอเพียงนั่งนิ่งๆ ปล่อยให้เขาค่อยๆ สอดนิ้วเข้ามาเกาะกุมมือเธออย่างช้าๆ เธอเงยหน้าขึ้นมองตาเขา ชายหนุ่มเมื่อรู้ว่าถูกมองก็ได้แต่ปั้นหน้ายิ้มเขินๆ ก่อนที่เขาจะได้เห็นรอยยิ้มขวยเขินปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอเช่นเดียวกัน แล้วทั้งคู่ก็ละสายตากลับไปมองที่จอภาพยนตร์ต่ออีกครั้ง โดยที่อุ้งมือของพวกเขาก็ยังคงเกาะกุมกันเอาไว้อย่างแนบแน่นแบบเงียบๆ รู้สึกได้ถึงไออุ่นที่ส่งผ่านถึงผิวหนังของกันและกัน
ความรู้สึกในอกของชายหนุ่มยามนี้มันมีทั้งตื่นเต้น เคอะเขิน แต่ก็มีความสุขเหลือเกิน ไม่แตกต่างอะไรกับความรู้สึกข้างในของหญิงสาวผู้กำลังนั่งจับมือเขาอยู่ข้างๆ บรรยากาศมันเหมือนเด็กวัยรุ่นสิวเห่อสองคนที่กำลังพยายามจะหัดจีบกันในเดทแรก ทั้งที่จริงๆ อายุอานามของทั้งคู่นั้นเลยวัยดังกล่าวมานานนมแล้ว จนกระทั่งเมื่อหนังจบลง และโรงภาพยนตร์เริ่มเปิดไฟกลับมาสว่างอีกครั้ง พวกเขาทั้งสองคนก็ยังคงนั่งจับมือกันต่อไปเรื่อยๆ จวบจนถึงเวลาที่จะต้องลุกออกจากโรงจริงๆ นั่นแหละ ที่ทั้งคู่จึงยอมปล่อยมือ
“โอ๊ย ภาคนี้มันเว่อร์มากเลยอ่ะ แฮร์รี่รอดกลับมาเฉย โดนยิงจ่อๆ ขนาดนั้น ขี้โม้มากเลย” ลูกไม้ระบายอารมณ์หลังดูอย่างออกรสออกชาติกับโม ระหว่างที่พวกเขากำลังเดินลงบันไดเลื่อนเพื่อไปยังลานจอดรถ ซึ่งชายหนุ่มอาสาที่จะขับรถไปส่งเธอที่คอนโด
“ทำไงได้ ก็กระแสตัวละครมันดีเกิน มีแต่คนบ่นที่แฮร์รี่ตายภาคแรก สงสัยคงไม่มั่นใจกับตัวละครที่เหลือมั้ง พระเอกมันก็จืดเหลือเกินนี่นา” โมออกความเห็นบ้าง
“แต่เอาจริงๆ เค้าก็แอบดีใจนะ เสียเมอร์ลินไป อย่างน้อยก็ยังได้แฮร์รี่กลับมาช่วย ไม่งั้นภาคหน้าเหลือแต่เด็กๆ คงยิ่งน่าเบื่อไปกันใหญ่ แต่ตลกตัวร้ายภาคนี้อ่ะ โดนยัดไส้เครื่องบด กลายเป็นเบอร์เกอร์เฉยเลย” หญิงสาวพูดกลั้วหัวเราะ
ระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกันอย่างเพลิดเพลินนั้น เสียงริงโทนโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มก็ดังแทรกขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน พอเขาลองหยิบขึ้นมาดูว่าใครโทรมา พอเห็นเป็นชื่อของนิ่ม สีหน้าของชายหนุ่มก็เกิดชะงักค้างนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบปั้นหน้ายิ้มแย้มเพื่อหวังจะกลบเกลื่อนอาการผิดปกติ แม้มันจะเป็นเพียงห้วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่ไม่กี่วินาที ทว่าสีหน้าดังกล่าวนั้นก็ไม่อาจรอดพ้นจากสายตาของหญิงสาวที่แอบลอบสังเกตท่าทีของเขาอยู่ในระยะประชิด
“รับสายก่อนก็ได้” ลูกไม้กล่าวเปิดช่องให้เขา และชิงเดินปลีกตัวออกไปดูเสื้อผ้าบนตู้กระจกดิสเพลย์ใกล้ๆ แทน ชายหนุ่มจึงพอจะมีจังหวะเวลาส่วนตัวในการรับสายที่โทรเข้ามาได้แบบสะดวก
“ฮัลโหลนิ่ม” โมเอ่ยทักทายถึงคนในสาย แม้จะยืนอยู่ห่างจากลูกไม้ประมาณหนึ่งแล้ว ทว่าสองขาของชายหนุ่มก็ยังคงเลือกที่จะพาเจ้าของร่างเดินออกห่างมาอีกอยู่ดี จนไปหยุดยืนอยู่ที่ริมระเบียงกระจก ไกลจากร่างของเธอร่วมๆ สิบเมตรโน่น
“โม สะดวกคุยมั้ยคะ?” นิ่มเอ่ยถามกลับมาอย่างสุภาพ
“กำลังจะเดินไปขึ้นรถครับ แต่คุยได้ๆ นิ่มมีไรเหรอ?” โมรีบตัดบทถามถึงธุระของเธอโดยไว เพราะไม่อยากให้คู่นัดของเขาต้องคอยนานเกินไป เขาไม่ได้เจอะเจอะกับสถานการณ์ที่คล้ายๆ รถไฟชนกันแบบนี้มานานมากแล้ว แม้ว่านี่จะเป็นเพียงแค่สายโทรศัพท์ ไม่ใช่การพบเจอซึ่งๆ หน้า แถมตัวเขาเองตอนนี้ก็ยังอยู่ในสถานะโสดด้วยก็ตาม
“พรุ่งนี้โมว่างรึเปล่า? พอดีนิ่มไปเล่นเกมในเพจรีวิวอาหาร แล้วได้วอยเชอร์กินฟรีพันนึงของร้านแม่คูซีน อยู่ตรงบางปู ได้มาตั้งพันนึงแน่ะ ก็เลยคิดถึงโมขึ้นมา สนใจมั้ย?” ครูสาวบอกจุดประสงค์
“อ้าว แล้วคุณแม่นิ่มล่ะ เค้าไม่อยากกินหรอ?” ชายหนุ่มถามกลับด้วยความเกรงใจ เขารู้ดีว่าหญิงสาวและคุณแม่นั้นสนิทกันค่อนข้างมาก จึงไม่อยากที่จะไปเบียดเบียนแย่งโควต้าของอีกฝ่าย
“ไม่เป็นไร ช่วงนี้แม่เค้ากำลังคุมคอเลสเตอรอลน่ะ เลยไม่ค่อยอยากทานพวกอาหารทะเลเท่าไหร่ โมสนใจมั้ย? เราไม่ต้องเน้นพวกกุ้งกับปูก็ได้นะ สั่งเป็นพวกปลา หรือปลาหมึกแทน เห็นว่าที่นั่นเค้าทำปลากะพงอร่อย” หญิงสาวพยายามโน้มน้าวใจเต็มที่
“พรุ่งนี้ใช่มั้ย... ได้ๆ เอาสิ งั้นเดี๋ยวเรากลับถึงห้องแล้วค่อยนัดเวลาละเอียดๆ กันอีกทีนะ” โมตกลงยอมรับปากเธอไปง่ายๆ
“โอเคจ้า เดี๋ยวโมสะดวกแล้วไลน์มาก็ได้ เดี๋ยวนิ่มโทรไปใหม่” คู่สนทนาทำเสียงดีใจ
“ครับๆ ไว้คุยกัน” ชายหนุ่มรีบจบรีบวางสาย เสร็จแล้วก็ถอนใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินกลับมาสมทบกับลูกไม้ที่ยืนเล่นมือถืออยู่ พอเธอเงยหน้าขึ้นมาเห็นเขา หญิงสาวก็เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาในทันที
“ฮั่นแน่... สาวเหรอจ๊ะ?” ลูกไม้เอ่ยเย้าแหย่เหมือนรู้ทัน มาถึงตรงนี้ ชายหนุ่มจึงต้องตัดสินใจ ว่าเขาจะเลือกว่าจะปิดบังความจริงจากเธอเพื่อไม่ให้มีผลไปกระทบกับความสัมพันธ์ที่กำลังคืบหน้า หรือจะเลือกสารภาพความจริงทุกอย่างออกไปตรงๆ พร้อมกับภาวนาว่าอีกฝ่ายจะรับได้และยอมเข้าใจในสิ่งที่เขาเป็นอยู่ ซึ่งท้ายที่สุด ชายหนุ่มก็ตัดสินใจกัดฟันวัดดวงกับตัวเลือกในข้อหลัง
“อืม... ก็ใช่แหละ” โมยอมรับซื่อๆ เขาไม่อยากโกหกปิดบังเธอซ้ำรอยเดิมอีกแล้ว จึงสารภาพความจริงทุกอย่างให้อีกฝ่ายฟังในระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินอยู่ในลานจอดรถ ทั้งเรื่องที่ตัวเขากำลังคบหากับนิ่มในฐานะของ FWB และที่สำคัญคือเธอไม่ใช่ผู้หญิงเพียงคนเดียวในชีวิตเขาเวลานี้ด้วย
“ถ้าลูกไม้จะรังเกียจเรา เราก็เข้าใจนะ” โมพูดเปรยๆ ออกมาอย่างรับชะตากรรม เป็นจังหวะเดียวกับที่พวกเขาเดินมาหยุดอยู่ข้างรถมาสด้าสีดำคันเก่าของชายหนุ่มพอดิบพอดี หญิงสาวก้มหน้าไปครู่หนึ่ง แล้วก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องสบตาเขา สีหน้าเธอไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจดังที่เขาว่า ตรงกันข้าม มันกลับมีประกายสดใสบางอย่างวาบขึ้นมาบนแววตาของเธอเสียอีก
“เราอยากฟังมากกว่านี้อีกอ่ะ โมเล่าให้เราฟังอีกได้เปล่า?” ลูกไม้เอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น น้ำเสียงเธอฉายแววความอยากรู้อยากเห็นผสมปนเปกับความตื่นเต้นที่เก็บอาการไว้ไม่อยู่
เมื่อถึงจุดนี้ ชายหนุ่มจึงถูกสาวเจ้าบังคับให้เล่าถึงความสัมพันธ์ต่างๆ ที่มันพัวพันรายล้อมอยู่รอบตัวเขาอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของนิ่ม แนน บัวบูชา ตลอดจนถึงหญิงสาวคนอื่นๆ ที่ผ่านเข้ามาและผ่านเลยไปเพียงชั่วครั้งคราวโดยไม่เคยได้ติดต่อกันอีก เขาเล่าทุกผู้หญิงทุกคน ทุกความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น เล่าออกไปแบบซื่อตรง โดยไม่พยายามที่จะปิดบังข้อมูลใดๆ จากผู้ฟังเลยแม้แต่น้อย
ตลอดระยะเวลาที่ชายหนุ่มนั่งเล่าเรื่องราวต่างๆ อยู่บนรถยนต์ที่จอดติดเครื่องอยู่ภายในลานจอดรถนั้น หญิงสาวก็จะคอยพยักหน้ารับฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ ดวงตาเบิกกว้างเป็นระยะๆ ในทุกๆ ครั้งที่ความตื่นเต้นมันพลุ่งพล่านอยู่ภายในใจ จนกระทั่งเมื่อชายหนุ่มพูดประโยคสุดท้ายจบ สาวเจ้าก็หลุดอมยิ้มน้อยๆ ออกมา ท่ามกลางสีหน้างุนงงระคนแปลกใจของโมที่ได้เห็นอาการของเธอ ซึ่งตรงกันข้ามกับที่เขาคาดหวังไว้แบบคนละขั้ว
“โมสุดยอดอ่ะ อย่างกับเสือผู้หญิงในนิยายแน่ะ” ลูกไม้เริ่มต้นพูด ขณะที่โมยังไม่แน่ใจว่าเธอกำลังพูดประชดเขาอยู่หรือเปล่า
“เอ้ย! แต่ทุกวันนี้เราก็ไม่ได้ไปหลอกลวงใครอีกแล้วนะ คนที่มายุ่งด้วยเค้าก็รู้กันหมด ว่าเราตกลงกันเป็นความสัมพันธ์แบบนี้ คบกันหลวมๆ ฟรีๆ ไม่ได้ครอบครองกัน แค่เวลาเหงาก็มีคนให้ไปหา ไปอยู่เป็นเพื่อนบ้างบางเวลา อย่างไอ้แนนเพื่อนเราทุกวันนี้มันก็เริ่มไปติดเด็กมหาฯลัยแทนละ เผลอๆ จะลืมเราไปแล้วมั้ง” ชายหนุ่มพยายามอธิบายถึงความบริสุทธิ์ใจของตนเอง
“ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย โมอ่ะ จะรีบร้อนตัวไปไหน?” ลูกไม้ยิ้มน้อยๆ ให้เขา
“ก็ไม่รู้นี่ ปกติคนที่ได้ฟังเรื่องแบบนี้เค้าต้องด่าเราไม่ใช่เหรอ? ทำไมลูกไม้ไม่ด่าเราบ้างง่ะ?” โมที่เริ่มอดรนทนไม่ไหว จึงเอ่ยปากถามความรู้สึกเธอออกไปตรงๆ
“อืม... มมมม เราว่า มันก็แฟร์ๆ ดีนะ ถ้าตัดสินใจที่จะคบกันแบบนั้นแล้ว ก็แค่ไม่ก้าวก่ายล่วงเกินขอบเขตที่ตกลงกันไว้ เท่านั้นก็น่าจะโอเคแล้ว ฝรั่งเค้าก็ทำกันเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ ที่โน่นส่วนใหญ่เค้าจะมีคู่กันแค่ทีละคนง่ะ” หญิงสาวว่า พอฟังถึงตรงนี้สีหน้าของชายหนุ่มก็พลอยเจื่อนลง ได้แต่ก้มหน้ามองพื้นเพราะนึกว่ากำลังถูกเธอว่ากระทบอยู่
“แล้วโมคิดยังไง? ถ้าเกิดจะเพิ่มเค้าเข้าไปอยู่ในลิสต์ด้วยอีกคน?” ลูกไม้เอ่ยประโยคที่ทำให้ชายหนุ่มถึงกับหันขวับตาค้างกว้าง
“ห๊ะ?? ลูกไม้ว่าไงนะ?” โมอุทานถามอย่างไม่เชื่อหู
“เค้าพูดตรงไปเหรอ? โมจะหาว่าเค้าแรดเกินมั้ยเนี่ย?” หญิงสาวหัวเราะเขินกับคำพูดตัวเอง
“ไม่ๆๆ ไม่ได้จะว่าอะไร เราแค่... แค่ตกใจเฉยๆ ไม่คิดว่าลูกไม้จะชวนตรงๆ แบบนี้ขึ้นมา” เขาพูดตะกุกตะกัก ยังตั้งหลักรับมือกับบทสนทนาดังกล่าวได้ไม่ดีเท่าไรนัก
“ก็แค่... ไม่อยากให้เสียเวลากันไปมากกว่านี้อ่ะ เค้าว่าโมเองก็น่าจะพอรู้ๆ อยู่ว่าเราสองคนรู้สึกยังไงกัน เพียงแต่... ถ้าโมยังแฮปปี้กับการใช้ชีวิตโสดแบบนี้ เค้าก็ไม่อยากจะเข้าไปบังคับฝืนใจให้โมต้องเปลี่ยนแปลงอะไร ถ้าโอเคที่จะคบกันแบบ ‘เพื่อน’ เค้าก็เข้าใจได้” ลูกไม้หยุดคิดนิดหนึ่ง แล้วจึงอธิบายความรู้สึกตัวเองเพิ่มเติม พอฟังถึงตรงนี้ชายหนุ่มก็พอจะเริ่มตั้งหลักคิดตามเธอได้
“แล้วลูกไม้จะรับได้เหรอ? ถ้าเกิดเราไปๆ มาๆ หาผู้หญิงคนอื่นแบบนี้” โมยิงคำถามสำคัญออกไปทันที
“ทำไมอ่ะ? มันเยอะมากเลยเหรอ? เกินสิบคนป่ะเนี่ย?” ลูกไม้ชักออกลูกลังเลเมื่อโดนถามเข้าแบบนั้น
“ไม่ๆๆ ก็แค่... ประมาณ... เอ่อ... มันก็ใช้คำว่าแค่ไม่ค่อยได้เนอะ ประมาณสามคนแล้วกัน” ชายหนุ่มกลั้นใจตอบออกมาอย่างยากลำบาก ตัดตัวเลือกอื่นๆ ในใจทิ้งไปจนเหลือเพียงแค่หญิงสาวอีกสามคนที่เขายังตัดใจไม่ขาด
“รวมเค้าแล้วป่ะ?” เธอถามกลับมาอย่างรวดเร็ว
“แฮะๆ... ยังง่ะ” เขากล่าวอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง
“อืม... ก็เยอะเหมือนกันแฮะ แต่ไม่เป็นไร ก็ยังไม่ถึงห้าคน ยังนับนิ้วด้วยมือข้างเดียวได้” ลูกไม้พูดเหมือนเป็นเรื่องตลก
“ลูกไม้ ถามจริง ลูกไม้โอเคที่จะทำแบบนี้กับเราเหรอ?” เมื่อเห็นว่าลูกไม้ทำท่าจะเอาจริง โมจึงจำเป็นที่จะต้องถามย้ำกับเธออีกรอบ เพราะไม่อยากให้ความสัมพันธ์ดีๆ ที่มีอยู่มันเกิดผิดเพี้ยนจนกลายเป็นการมองหน้ากันไม่ติดในท้ายที่สุด
“โมรู้ป่ะ? โมถามเค้าแบบนี้เป็นครั้งที่สองแล้วนะ คราวก่อนก็ตอนที่เราสองคนกำลังจะมีอะไรกัน ก่อนที่เราจะไปเรียนต่อ จำได้มั้ย?” หญิงสาวย้อนถามเขากลับ พอฟังเธอพูดชายหนุ่มก็เลยร้องอ๋อออกมา
“เออว่ะ เราเคยพูดแบบนี้เหมือนกันนี่นา” เขาหลุดขำกับความบังเอิญ
“แล้วตอนนั้นเค้าตอบว่าไง จำได้เปล่า?” ลูกไม้ถามด้วยรอยยิ้มยั่วเย้า
“จำไม่ได้ว่าตอบว่าอะไร แต่จำได้ว่าจบวันนั้นลูกไม้เดินเซๆ กลับไปนะ” โมยิ้มตอบเธอด้วยความยียวนที่มากยิ่งกว่า
“โอ๊ย! คนบ้า! ทะลึ่งๆๆๆ! ห้ามล้อเค้า! ก็นั่นมันครั้งแรกนี่นา คนมันไม่เคยอ่ะ ก็ต้องเจ็บเป็นธรรมดา” ลูกไม้แหวใส่ พลางทุบกำปั้นใส่หัวไหล่เขารัวๆ ด้วยความเขิน
“แต่ถ้าเป็นตอนนี้... คงไม่เจ็บเหมือนตอนนั้นแล้วมั้ง” เขายิ้มกริ่ม
“ก็ไม่แน่นะ เค้าทำกับโมครั้งเดียว ยังจำได้ถึงวันนี้เลยอ่ะ ว่าของโมใหญ่ จุก ฮิฮิ” สาวเจ้าพูดแล้วก็หัวเราะชอบใจเสียงแหลม
แล้วจู่ๆ เสียงพูดคุยของทั้งสองก็พลันสะดุดลงไปชั่วขณะ มันเป็นจังหวะที่ทั้งคู่ต่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ ซึ่งดันมาเกิดขึ้นพร้อมกันพอดิบพอดี มีแต่เสียงแอร์และเครื่องยนต์ที่ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง สายตาของทั้งสองต่างจับจ้องมองหน้ากัน ในระยะเก้าอี้นั่งที่ห่างกันไปเพียงแค่ไม่ถึงคืบ ยังคงไม่มีใครกล่าวอะไรออกมา แม้ว่าใบหน้าของพวกเขาจะค่อยๆ ขยับเคลื่อนเข้าไปใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ... จนกระทั่งริมฝีปากของพวกเขาประทับเข้าหากันอย่างแผ่วเบา เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี...
กลิ่นหอมหวานอ่อนๆ จากลิปสติกลอยแตะจมูกเขา ขณะที่ริมฝีปากของทั้งคู่ค่อยๆ บดเคลื่อนเข้าหากันอย่างเนิบช้า ทว่าหนักแน่น มีเสียงคราง ‘อืม… มมมม’ ดังลอดออกมาจากลำคอของทั้งคู่เบาๆ ในยามที่พวกเขากำลังเสพรับรสจูบของอีกฝ่ายด้วยอารมณ์โหยหา สองมือของหญิงสาวเป็นฝ่ายรุกเข้ามาประคองจับที่ใบหน้าของชายหนุ่มก่อนเป็นคนแรก พร้อมๆ กับที่เขาเองก็เริ่มเพิ่มน้ำหนักในการบดปากจูบใส่เธอ และเริ่มใช้ปลายลิ้นซุกซนนั้นควานสำรวจรุกล้ำเข้าไปในโพรงปากหญิงสาว จนเธอเผลอผงะถอยหนีเล็กๆ ด้วยอารามตกใจ แต่ครู่เดียวก็รีบโน้มกายกลับมาหาเขาใหม่ พร้อมกับเริ่มใช้ลิ้นจู่โจมเขากลับคืนไปบ้าง
พวกเขากอดจูบกันอยู่บนรถที่จอดนิ่ง ยาวนานต่อเนื่องร่วมๆ 2 นาที จนโมอดรนทนต่อไปอีกไม่ไหว เขาจึงเผลอเอื้อมมือขวาวาดลงไปจับที่ก้อนเนื้อนุ่มนิ่มของเธอบริเวณทรวงอก ทำเอาลูกไม้ถึงกับสะดุ้งด้วยอารามตกใจ ริมฝีปากที่กำลังบดจูบกับชายหนุ่มอยู่นั้นก็เกิดอาการชะงักหยุดไปในทันที ก่อนที่หญิงสาวจะเป็นฝ่ายใช้มือดันหน้าอกชายหนุ่มให้ขยับถ่ายห่างออกไปจากตัวเธอ เป็นเชิงว่าให้พอแค่นี้ก่อน ต่างฝ่ายต่างจ้องสบตากันด้วยอารมณ์เคลิบเคลิ้ม ใบหน้าแดงระเรื่อ หอบหายใจแรง มีคราบน้ำลายไหลยืดหยดย้อยที่มุมปากของทั้งสองฝ่าย
“ลูกไม้... วันนี้ลูกไม้ต้องรีบกลับไปไหนรึเปล่า?” โมเอ่ยถามเธอเสียงสั่นเทิ้ม แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ได้เอ่ยความต้องการออกมาแบบตรงๆ แต่ทั้งเขาและลูกไม้ต่างก็เข้าใจตรงกันถึงความในที่ซ่อนอยู่ภายในประโยคคำถามนี้อย่างแจ่มชัด
“เค้าว่า... วันนี้อย่าพึ่งเลยโม มันเร็วไปนิดนึง เค้ายังทำใจไม่ทัน” ลูกไม้ที่ใจกล้ามากกว่า จึงเอ่ยปากปฏิเสธออกมาตรงๆ แบบไม่ต้องอ้อมค้อม ซึ่งแม้ว่าชายหนุ่มเองจะแอบผิดหวังเล็กๆ แต่เขาก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะหงุดหงิดอะไรกับคำตอบของเธอ
“อื้อ! ไม่เป็นไร เราก็ไม่ได้จะเร่งรัดอะไรหรอก เอาไว้ถ้าพร้อมกันทั้งคู่เมื่อไหร่ ค่อยให้มันเป็นไปตามที่ควรจะเป็นก็ได้ ไม่รีบๆ” ชายหนุ่มส่งยิ้มกว้างให้เธอเพื่อยืนยันถึงความเต็มใจ แม้ว่าอาวุธของเขามันจะกำลังตื่นตัวและตื่นเต้นคับเต็มเป้ากางเกง จนชวนให้รู้สึกอึดอัดอยู่ในเวลานี้ก็ตาม
“จ้ะ เค้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพร้อมเมื่อไหร่ เอาเป็นว่า... ถ้าโมทรีตเค้าดีๆ ไม่แน่บางทีเค้าอาจจะเปลี่ยนใจเร็วกว่านี้ก็ได้น้า” หญิงสาวกล่าวลากเสียงพร้อมอมยิ้มเจ้าเล่ห์
“อะไรๆ นี่กำลังจะสื่ออะไรอยู่รึเปล่า? แปลว่าถ้าอยากให้อะไรๆ มันเดินหน้าไวๆ ต้องให้เราเอาอกเอาใจมากกว่านี้ใช่มั้ยเนี่ย?” โมเอ่ยถามแล้วก็หลุดขำกับท่าทีซุกซนของเธอ
“ก็ไม่รู้สิ ขึ้นอยู่กับโมแล้วล่ะ” ลูกไม้ย้อน
“ได้ เดี๋ยวเราจะลากลูกไม้มาเลี้ยงข้าวเลี้ยงหนังทุกอาทิตย์เลย อย่าปฏิเสธก็แล้วกัน” เขาชี้นิ้วขู่ทำหน้าเข้ม จนเธอหลุดหัวเราะออกมา
“พูดเล่น! ไม่ต้องเลี้ยงอะไรก็ได้ แค่แบ่งเวลามาให้เค้ามั่งก็พอ กลัวโมจะคิวแน่นจนไม่มีเวลาให้เค้าเฉยๆ หรอกน่า” ลูกไม้เอ่ย
“แหม ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า นานๆ เราจะนัดกับใครซักที นอกนั้นก็ทำงานๆๆ งานเรายุ่งจะตาย ลูกไม้ก็รู้อยู่ เนี่ย พอมีเวลาว่างก็คิดถึงลูกไม้เป็นคนแรกเลยนะ เห็นมั้ย?” โมรีบพูดออดอ้อนเอาใจเธอ
“จ้าๆ เชื่อก็เชื่อ หวังว่าจะเป็นแบบนี้ไปตลอดแล้วกัน กลัวจะหายไปกลางทางซะก่อน” เธออมยิ้ม
“ไม่หายหรอก... ถ้ายังไม่ได้...” เขาหยอดมุก
“อุ๊ย! โมนี่ ทำไมเป็นคนแบบนี้ ลามกๆๆๆ” ลูกไม้แหวใส่เขาพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิกแขนเขารัวๆ จนชายหนุ่มต้องดิ้นหนีเป็นพัลวัน ทั้งหัวเราะและร้องโอดโอยออกมาพร้อมๆ กัน
“ล้อเล่นๆ โอ๊ย เจ็บๆ ยอมแล้วๆ ไม่แกล้งแล้ว” โมโอดครวญเสียงอ่อน
“อย่าเล้ย! รู้หรอกน่าว่าคิดจริง ผู้ชายก็แบบนี้แหละ มันร้ายนัก เห็นเค้าเป็นเหยื่อ จะรังแกเมื่อไหร่ก็ได้ตามใจชอบ” หญิงสาวทำหน้างอนตุ๊บป่อง จนเขาอดนึกเอ็นดูท่าทีเธอไม่ได้
“โอ๋ๆๆ ไม่เอา ไม่งอนน้า” โมทำเสียงออดอ้อนง้อเธอ พูดไม่พูดเปล่า เจ้าหนุ่มยังทะลึ่งเอื้อมมือไปโอบคว้าตัวเธอเข้ามากอดข้ามที่นั่งอีกด้วย จนสาวเจ้าออกอาการขัดเขินจนหน้าแดงแป๊ด
“เนี่ยๆๆ พึ่งพูดอยู่แหมบๆ ลวนลามเค้าอีกแล้ว ทำไมเป็นคนแบบนี้” ลูกไม้ทั้งอายทั้งเขิน แต่ก็ยังยอมนั่งนิ่งให้เขาเนียนโอบกอดเธออยู่อย่างนั้นต่อไปโดยไม่ขัดขืนอะไร
“ลูกไม้ตัวนิ่มจังเนอะ” เขาเอ่ยปากชมเธอ ขณะใช้ท่อนแขนโอบกระชับใส่ร่างบางนั้นไม่ห่าง รู้สึกได้ถึงความอ่อนนุ่มจากต้นแขน กลิ่นกายที่หอมฟุ้งนั้นเตะจมูกเขาจนทำให้เจ้าหนูตรงกลางหว่างขามันออกอาการเต้นกระตุกตุบๆ เบาๆ แม้จะยังไม่ถึงขั้นเด้งผงาดปึ๋งปั๋ง แต่ก็พาลให้ความคิดของชายหนุ่มมันลอยเตลิดเปิดเปิงไปไกล
“อ่ะ พอใจยัง ดึกแล้วนะเนี่ย เมื่อไหร่จะไปส่งเค้าซักที?” หญิงสาวค้อนถาม ชายหนุ่มจึงยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ ก่อนจะขับรถไปส่งเธอถึงหน้าคอนโด
=======================================
ข้ามมาที่เย็นวันเสาร์... เป็นคราวของครูนิ่มที่สลับคิวเข้ามาทำให้หัวใจของโมเกิดความสับสนปั่นป่วนดูบ้าง
โมขับรถไปรับนิ่มถึงหน้าปากซอยบ้านของเธอตั้งแต่ช่วงสี่โมงเย็น และใช้เวลาอีกราวๆ หนึ่งชั่วโมงเศษบนท้องถนน ก็สามารถพาตัวเองไปถึงร้านอาหารแม่คูซีนที่ตั้งอยู่บริเวณริมอ่าวบางปู จังหวัดสมุทรปราการ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่โมมีโอกาสได้มาเยี่ยมเยียนสถานที่แห่งนี้ แม้จะเคยได้ยินเสียงร่ำลือถึงบรรยากาศวิวทะเลยามเย็นอันสวยงามจากใครต่อใครมานานนมแล้ว แต่เมื่อได้ลองมาชมด้วยตาตนเองจริงๆ เขาจึงพบว่าที่นี่สวยกว่าภาพในหัวที่เคยจินตนาการเอาไว้มากทีเดียว
ทิวทัศน์ริมอ่าวทะเลนั้นคือผืนน้ำที่ทอดยาวกว้างไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา มีฝูงนกนางนวลบินโฉบเฉี่ยวหากินอยู่รอบอ่าว บางตัวที่ใจกล้าหน่อยก็ร่อนถลาลงมาจิกกินอาหารนานาชนิดที่นักท่องเที่ยวโปรยล่อไว้ให้ตามพื้น ท้องฟ้าเบื้องบนค่อนข้างปลอดโปร่งไร้ม่านเมฆ แต่แสงอาทิตย์ที่ส่องลงมาก็อ่อนแรงละริบหรี่เกินกว่าที่จะสร้างความระคายเคืองให้แก่ผิวพรรณของใครต่อใคร มิหนำซ้ำยังมีกระแสลมหอบใหญ่ที่คอยพัดผ่านมอบความเย็นสบายให้แก่ฝูงชนที่มาเที่ยวเล่น บ้างก็เป็นนักท่องเที่ยวต่างถิ่นที่แวะเวียนผ่านทางมาแบบโม บ้างก็เป็นชาวบ้านในชุมชนใกล้ๆ ที่ออกมานั่งกินลมชมวิวพักผ่อนหย่อนใจเป็นกิจวัตรปกติของพวกเขาอยู่แล้ว
โมแต่งกายมาในชุดลำลอง เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้าอ่อน กับกางเกงยีนส์เข้ารูปตัวเก่ง และรองเท้าผ้าใบยี่ห้ออาดิดาสสีขาว ดูเท่แบบทะมัดทะแมง ขณะที่ครูสาวก็แต่งกายมาในลุคสบายๆ ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป เสื้อชีฟองคอวีแขนกุดสีขาว สวมทับด้วยเสื้อคลุมคาร์ดิแกนแขนยาวเนื้อผ้าบางเบาสีมินท์ ท่อนล่างเป็นกางเกง 7 ส่วน ผ้าโรเชฟสีเบจแบบเอวสูง สวมทับอยู่บนเสื้อตัวในอีกทีหนึ่ง ขณะที่รองเท้าเธอก็เลือกสวมเป็นรองเท้าส้นแบนสีใกล้เคียงกับกางเกง ดูคุมโทน อีกทั้งยังเดินเหินได้สะดวก ไม่เมื่อยอีกด้วย
พวกเขาแวะถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศกันเพียงช่วงสั้นๆ ก่อนที่เสียงโครกครากจากกระเพาะอาหารของชายหนุ่มจะส่งสัญญาณเตือนให้รู้ว่าถึงเวลาที่เขาควรจะต้องหาอะไรมาเติมใส่ท้องบ้างแล้ว ทั้งคู่จึงชักชวนกันเดินเข้าไปนั่งในร้านเพื่อที่จะสั่งอาหารมากินกัน ลูกค้าในร้านค่อนข้างแน่นขนัด มีทั้งหนุ่มสาววัยละอ่อน ไปจนถึงครอบครัวใหญ่ที่ยกขบวนมากินกันทั้งบ้าน คล้ายเป็นเครื่องรับรองถึงความอร่อยให้กับตัวร้าน
พอโมลองเปิดเมนูขึ้นมาดูจึงพบว่าราคาอาหารของที่นี่ก็จัดว่าแรงเอาเรื่องเหมือนกัน ตามประสาของร้านอาหารในแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ซึ่งนอกจากค่าเซอร์วิสชาร์จ และ vat แล้ว ก็มักจะคิดรวมค่าบรรยากาศสวยๆ รวมเข้าไปด้วย โชคดีที่มื้อนี้พวกเขามีวอยเชอร์กินฟรีมูลค่าหนึ่งพันบาทพกติดตัวมา จึงทำให้ประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้มากโขทีเดียว แค่กับข้าวสี่อย่าง และข้าวอีกสองจานก็ถือว่าเกินพอแล้วสำหรับลูกค้าจำนวนแค่สองคนบนโต๊ะนี้
ครู่เดียวอาหารก็ทยอยถูกนำออกมาเสิร์ฟที่โต๊ะ นิ่มเลือกสั่งปลากะพงทอดน้ำปลา เมนูจานโปรดของโมมากินคู่กับ ปลาหมึกย่าง และหอยนางรมสด ในขณะที่ก็เลือกสั่งกุ้งเผามาให้นิ่มกินโดยเฉพาะอีกหนึ่งจาน เพราะรู้ดีว่านิ่มนั้นชอบกินกุ้งมาก แม้ตัวเขาเองจะกินไม่ได้ก็ตาม อาหารแต่ละจานจัดว่ารสชาติอร่อยถูกปาก แถมยังเป็นเมนูที่พวกเขาชื่นชอบอยู่แล้ว ทำให้ทั้งสองต่างก็เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของอาหารมื้อนี้เป็นอย่างมาก เมื่ออาหารในจานมันอร่อยอยู่แล้ว ก็เลยทำให้บทสนทนาบนโต๊ะยิ่งอร่อยถูกคอเป็นพิเศษ
“ตอนแรกนึกว่าจะกินกันไม่หมดซะอีก ที่ไหนได้ ซัดกันหมดไม่เหลือซักจาน” โมเอ่ยขณะจิ้มปลาหมึกชิ้นสุดท้ายป้อนเข้าปากตัวเอง ฝ่ายนิ่มเองก็กำลังเพลิดเพลินอยู่กับการใช้มือแกะกุ้งตัวสุดท้ายในจานของตัวเองเช่นเดียวกัน ส่วนปลากะพงกับหอยนางรมนั้นถูกพวกเขาจัดการหมดไปตั้งนานแล้ว
“อิ่มเนอะ เมื่อกี้ตอนสั่งยังคิดอยู่เลยว่าอยากลองสั่งไอติมมากินล้างปาก แต่สงสัยจะไม่ไหวละ” นิ่มว่า ก่อนจะจัดการพาเจ้ากุ้งตัวสุดท้ายเดินทางเข้าสู่กระเพาะที่เริ่มแน่นของเธอ
“เอามั้ยอ่ะ? ถ้าอยากกินก็สั่งได้นะ” โมเอ่ยถามเพราะเข้าใจว่าเธอยังอยากกินอยู่
“โนๆๆ ไม่ไหวแล้วตอนนี้ ถ้ากินอีกมีหวังพุงออกแน่” นิ่มรีบโบกมือปฏิเสธทันที เริ่มรู้สึกว่ากางเกงที่ใส่อยู่ในตอนนี้ดูจะอึดอัดคับแน่นกว่าตอนขามาอย่างเห็นได้ชัด
“งั้นเช็คบิลเลยมั้ย เดี๋ยวจะมืดซะก่อน” ชายหนุ่มเอ่ยปากชวน
“จ้ะ เช็คบิลเลยก็ได้” หญิงสาวพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
พวกเขาใช้เวลากินมื้อเย็นกันค่อนข้างเร็ว ทำให้ยังพอจะมีเวลาเหลือพอให้ได้เดินย่อยกันอีกรอบก่อนที่ท้องฟ้าจะเริ่มมืด แสงอาทิตย์ในยามปริ่มๆ จะลับขอบฟ้านั้นอาบย้อมให้ท้องฟ้าทั้งมวลกลายเป็นโทนสีแสดดูแปลกตา ไม่พ้นกลายเป็นฉากหลังให้บรรดาสาวๆ ที่มาเยือนที่นี่ได้ใช้ถ่ายรูปเซลฟี่ให้ตัวเองอย่างสนุกสนาน ซึ่งแม้แต่นิ่มเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยปากขอให้โมช่วยถ่ายรูปเธอคู่กับวิวทะเลเก็บเอาไว้กับเขาบ้าง
“โมรู้มั้ย? นี่เป็นครั้งแรกเลยนะ ที่เราสองคนออกมาเที่ยวด้วยกันแบบนี้” นิ่มเอ่ยขึ้นมา ระหว่างที่พวกเขากำลังเดินรับลมชมวิวกันอยู่บนสะพานเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ห่างจากตัวร้านอาหารไม่ไกลเท่าไรนัก
“ครั้งแรก ยังไงนะ?” โมทวนคำถาม เพราะไม่เข้าใจถึงประโยคที่เธอกำลังจะสื่อ
“ก็ปกติแล้ว เวลาเรานัดกันมันก็จะรีบๆ ใช่ม้า มาเจอกันแป๊บๆ แล้วก็กลับ ไม่มีเวลาได้ออกมาเที่ยวไกลๆ ด้วยกันแบบนี้” พอหญิงสาวเอ่ยถึงตรงนี้ ชายหนุ่มเลยพึ่งจะถึงบางอ้อ รู้สึกจุกเล็กๆ เพราะคำพูดของเธอมันสะท้อนให้รู้ว่าเขามองเห็นความสำคัญของเธอเป็นเพียงแค่คู่นอน ที่จะนัดเจอกันเพียงเพื่อที่จะไปมีอะไรด้วยเท่านั้น
“ขอโทษนะ นิ่มโกรธใช่มั้ย ที่เราเอาแต่นัดเจอนิ่มแค่เฉพาะเวลานั้น…” โมเอ่ยเสียงอ่อย สีหน้าสำนึกผิด เขาไม่กล้าพอที่จะมองหน้าเธอในตอนนี้ จึงเลือกที่จะยืนเกาะขอบสะพานและเสมองออกไปยังทะเลไกลๆ แทน
“เปล่าๆๆ นิ่มไม่ได้จะว่าอะไรโมนะ นิ่มดีใจต่างหาก ที่วันนี้เราได้มาเที่ยวด้วยกัน ไม่งั้นนิ่มก็ไม่รู้จะได้ไปเที่ยวที่ไหนเมื่อไหร่น่ะ” นิ่มรีบแก้ต่าง พร้อมกับพูดให้เขาสบายใจ
“แล้วนี่... นิ่มบอกคุณแม่ว่ามากินกับใครเนี่ย?” เขาถาม เพราะรู้ดีว่าเธอเองคงไม่สามารถบอกความจริงกับคนที่บ้าน ว่ามีนัดเดทกับ ‘เพื่อนคู่ขา’ ที่ไม่ใช่แฟนแบบเขาแน่ๆ
“บอกว่ามากับพี่ภาอ่ะ” นิ่มเอ่ยและยิ้มเขินๆ ‘พี่ภา’ ที่ว่า ก็คือเพื่อนสาวรุ่นพี่ที่เธอมักจะใช้อ้างชื่อกับคนที่บ้านบ่อยๆ ยามที่ต้องการจะออกมาใช้เวลาขลุกอยู่ข้างนอกกับโม
“ว่าแล้ว” โมฟังแล้วก็พยักหน้าน้อยๆ เขาเองก็แอบรู้สึกผิดที่ทำให้เธอต้องคอยโกหกหลบๆ ซ่อนๆ อยู่แบบนี้ มันเหมือนเขากำลังเสพสุขแบบเห็นแก่ตัวอยู่คนเดียว ในขณะที่อีกฝ่ายเองต้องคอยดิ้นรน เพียงเพื่อที่จะมีโอกาสได้ออกมาพบหน้าเขา
“ถ้าพี่ภารู้ก็คงไม่โกรธหรอก แต่แกน่าจะขำแน่ๆ เลยอ่ะ” นิ่มพูดกลั้วหัวเราะ
“ถามจริงๆนิ่มเสียใจมั้ยที่ตัดสินใจมาคบกับเราแบบนี้?” โมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมจริงจัง จ้องสบตาเธอเพื่อรอที่จะฟังคำตอบ
“หมายถึง คบกันแบบที่ไม่ได้เป็นแฟนกันน่ะเหรอ?” คู่สนทนาทวนคำถามให้ชัดเจน
“อืม ก็ที่คบกันอยู่แบบตอนนี้” ชายหนุ่มพยักหน้า หญิงสาวก้มหน้านิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบ
“ไม่หรอก ไม่ได้เสียใจอะไรนะ เพียงแค่... บางที นิ่มก็แอบคิดเล่นๆ นะ ว่าถ้าเกิดเราสองคนเลือกที่จะคบกันแบบจริงๆ จังๆ สุดท้ายแล้วความสัมพันธ์มันจะอยู่กันได้ยืดยาวมานานแบบนี้รึเปล่า” ครูสาวเอ่ยความรู้สึกออกมา คล้ายเป็นการบอกใบ้แบบกลายๆ ให้เขารู้ว่า ลึกๆ แล้วเธอเองก็แอบคาดหวังถึงความสัมพันธ์ที่จริงจังจากเขาอยู่เช่นเดียวกัน แม้ว่าเจ้าตัวจะยังไม่มีความกล้ามากพอที่จะเรียกร้องถึงความต้องการในใจออกมาตรงๆ
ถึงตรงนี้... ความสับสนในหัวใจของโมจึงยิ่งขยายตัวใหญ่ขึ้นกว่าเดิม จากที่เขาเคยตั้งใจว่าจะลองเดินหน้าสานสัมพันธ์กับลูกไม้อย่างจริงจัง ทำไปทำมา... กลับกลายเป็นว่าหญิงสาวดูเหมือนจะอยากคบหากับเขาในฐานะของเพื่อนคลายเหงาเสียนี่ ตรงกันข้ามกับฝั่งของนิ่ม ที่เขาตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรกว่าจะรักษาสถานะความสัมพันธ์เอาไว้เป็นเพียงแค่คู่นอนเท่านั้น... ทว่าดูเหมือนความรู้สึกของอีกฝ่ายมันกำลังค่อยๆ พัฒนาเกินเลยไปมากกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้ชายหนุ่มคิดไม่ตกว่าสุดท้ายแล้วเขาควรจะเลือกทางไหนดี?
“อ๊ะ! แต่โมไม่ต้องคิดมากนะ ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้นิ่มก็มีความสุขดีอยู่แล้ว แค่มีเวลามาเจอหน้ากันบ้าง ก็ช่วยให้นิ่มไม่เหงาแล้วล่ะ” นิ่มกล่าวย้ำ เมื่อเห็นเขาก้มหน้านิ่งเงียบอยู่นาน จนเธอเริ่มกลัวว่าจะตนเองจะเผลอไปพูดกดดันให้เขารู้สึกผิดขึ้นมา
“ขอบคุณนะนิ่ม นิ่มดีกับเรามาตลอดเลยอ่ะ จริงๆ เราไม่คู่ควรกับนิ่มเลยด้วยซ้ำ กลัวว่าตัวเองจะเป็นคนรั้งให้นิ่มเสียโอกาสที่จะไปเจอกับคนอื่นที่ดีกว่า แทนที่จะมาติดอยู่กับเราแบบนี้” โมเอ่ยอย่างซึ้งใจ
“ไม่หรอกโม โมก็ดีกับนิ่มเหมือนกันแหละ ถ้านิ่มไม่มีความสุข นิ่มก็คงไม่ฝืนทนอยู่ตรงนี้นานๆ หรอก นิ่มไม่ได้บ้านะ” ครูสาวเอ่ยพร้อมกับจ้องตาเขาตรงๆ สีหน้าเอาจริงเอาจังของเธอทำให้เขาหลุดอมยิ้มเอ็นดูออกมาจนได้
“นั่นสิ นิ่มหัวดีจะตาย ไม่งั้นจะคุมนักเรียนซนๆ แบบนั้นไหวเหรอ?” โมหยอดมุก
“เกี่ยวกันตรงไหนเล่า” นิ่มพูดเก้อเขินเมื่อถูกแซวถึงอาชีพของเธอ
“ยังไงก็... ขอบคุณนะนิ่ม ที่ชวนเรามาเที่ยวด้วยกันวันนี้ เรามีความสุขมากเลย” ชายหนุ่มยิ้มและกล่าวขอบคุณเธอจากใจ และเอื้อมมือไปกุมมือเธอมาบีบเบาๆ นานแล้วเหมือนกันที่เขาไม่ได้มีโอกาสมาเที่ยวในสถานที่ที่ตนเองไม่เคยมาแบบนี้
“อื้อ นิ่มก็มีความสุขเหมือนกัน” หญิงสาวออกอาการใจเต้นตึกตัก แรงบีบจากอุ้งมือที่อบอุ่นของเขาทำให้ใจเธอลอยเตลิดไปถึงไหนต่อไหน นี่กระมัง ความรู้สึกของคนที่กำลังหลงแบบสุดขีด
“ไว้วันหลังมาเที่ยวกันใหม่ แบบที่ไม่ต้องมีเรื่องนั้นเข้ามาเกี่ยว ถือเป็นการเดทแบบจริงๆ จังๆ ดีมั้ย?” ชายหนุ่มเอ่ยปากชวนเธอ หญิงสาวที่แอบมีใจให้เขาอยู่ข้างเดียวมานานแล้ว เมื่อได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับฉีกยิ้มกว้างอย่างไม่มีเม้ม
“อื้อ! ไว้มาเที่ยวกันอีก เมื่อไหร่ก็ได้ที่โมว่าง” ครูสาวรับคำทันทีโดยไม่เสียเวลาตรึกตรอง เรื่องอนาคตจะเป็นยังไงก็ไม่เห็นจำเป็นต้องรีบไปคาดคั้นคำตอบให้ปวดหัว อย่างน้อยแค่ทุกวันนี้เธอกับเขายังมีความสุขเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันก็โอเคแล้ว...
“Koisuru Fortune Cookie มาลุ้นดูสิ อาจจะเจอความหวังที่ยังรออยู่
Hey Hey Hey เผื่อจะดี ลองวัดกันดู เสี่ยงแต่คงต้องยิ้มต้องสู้กันไป
Heart no Fortune Cookie มาลุ้นดูสิ อาจจะเจอหัวใจของเธอข้างใน
Hey Hey Hey . Hey Hey Hey
รักไม่รัก จะรักไม่รัก ก็ลองเสี่ยงดูอีกสักนิด
ปาฏิหาริย์และดวงชะตา อาจทำให้เราไม่คาดคิด
ฉันมั่นใจว่าเราจะเป็นดั่งฝัน ในวันแห่งความรัก สักวันหนึ่ง”
ท่วงทำนองเพลง ‘คุกกี้เสี่ยงทาย’ ของวง BNK48 ที่ฮิตระเบิดระเบ้อทั่วบ้านทั่วเมืองในปีนี้ ดังลอดผ่านลำโพงจากร้านอาหารใกล้ๆ ลอยคลอมาตามลม ช่างประจวบเหมาะกับบทสนทนาของสองหนุ่มสาวแบบพอดิบพอดี สายตาของพวกเขาทอดมองวิวทะเลออกไปไกลๆ โดยไม่ยอมปล่อยมือออกจากกัน
แต่ถึงแม้จะเอ่ยคำสัญญากันเป็นมั่นเป็นเหมาะแบบนั้น ท้ายที่สุดแล้ว... คืนนี้หนุ่มสาวทั้งสองก็ยังมาจบลงที่ม่านรูดใกล้ๆ บนถนนศรีนครินทร์อยู่ดี...
ชายหนุ่มตั้งใจจะใช้การร่วมรักอันเร่าร้อนในคืนนี้ เพื่อเป็นการแสดงความขอโทษเธออย่างจริงใจ อย่างน้อยๆ ก็น่าจะช่วยทำให้เธออิ่มเอมกับความสุขทางกายกลับไปบ้างไม่มากก็น้อย แม้จะไม่สามารถชดเชยความรู้สึกต่างๆ ที่เสียไปก่อนหน้านี้ได้ก็ตาม... ซึ่งแม้ว่าในตอนแรก นิ่มเองไม่ได้ตั้งใจที่จะมามีอะไรกับเขาด้วยในคืนนี้ แต่เมื่อถูกชายหนุ่มเอ่ยปากชวนให้เลี้ยวรถเข้าไปที่ม่านรูดใกล้ๆ หญิงสาวก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้าน้อยๆ พร้อมกับยิ้มเคอะเขินออกไป ก็จะให้เธอตอบปฏิเสธไปได้ยังไงล่ะ ในเมื่อถูกเขาใช้มือลูบไล้ลวนลามเล่นที่หน้าขาของเธอมาตลอดทางจนหว่างขาเกิดอาการร้อนวูบวาบและคันยุบยิบแทบทนไม่ไหวอยู่แล้ว
พลันที่ประตูห้องปิดสนิทลง พวกเขาก็ไม่ยอมปล่อยให้เวลาสูญไปโดยเปล่าประโยชน์ ต่างฝ่ายต่างโผเข้าหากันและกัน โอบตระกองกอดร่างของอีกฝ่ายไว้แนบแน่น พร้อมกับโน้มใบหน้าเข้าไปดูดปากแลกลิ้นกันอย่างเร่าร้อนและหิวโหย แม้ว่าจะมีอาหารทะเลอัดแน่นอยู่เต็มท้องของทั้งคู่ก็ตาม บทสนทนาหวานๆ ชวนโรแมนติกริมทะเลเมื่อครู่ถูกหลงลืมไปชั่วคราว สิ่งเดียวที่โผล่เข้ามาในหัวของพวกเขายามนี้คือการเสพสุขจากเรือนกายตรงหน้าให้เต็มคราบ
มือไม้ของทั้งชายและหญิงต่างส่ายสะเปะสะปะ ลูบไล้ไปตามลำตัวของอีกคน มือเขาตะปบขยำนมเธอ ส่วนมือเธอก็สอดล้วงเข้าไปจับสำรวจที่อวัยวะกลางหว่างขาของเขา ซึ่งบัดนี้มันกำลังเริ่มที่จะตื่นตัวและแข็งผงาดอยู่เต็มกางเกงแล้ว ความอวบใหญ่และแข็งปั๋งของมันทำให้ครูสาวอดไม่ได้ที่จะต้องออกแรงบีบขยำและกำรูดลงไปที่ลำโคนอวบแรงๆ ด้วยอารมณ์มันเขี้ยว เรียกเสียงครางอืมยาวๆ ดังลอดออกมาจากลำคอของชายหนุ่มที่ตกเป็นฝ่ายตั้งรับแบบไม่ทันรู้ตัว
“นิ่มใจร้อนจัง” โมถอนปากออกมาพูดแซวเธอ แต่หญิงสาวในยามนี้กำลังกระหายหิวจากรสสัมผัสของเขาแบบเต็มที่ เธอไม่ได้เจอหน้าเขามานานเป็นเดือนแล้ว จึงชิงยื่นหน้าเข้าไปประกบจูบปากแลกลิ้นกับเขาต่อโดยไม่เสียเวลาต่อความยาวสาวความยืด ปลายลิ้นของพวกเขาเกี่ยวกระหวัดรัดรึงกันราวกับงู น้ำลายเหนียวๆ ใสๆ ไหลยืดย้อยออกมาตามขอบมุมปาก หยดลงไปถึงปลายคาง เกิดเป็นเสียงจูบปากดัง ‘จ๊วบ’ ‘จั๊บ’ ฟังดูชวนสยิวหู แต่ก็กระตุ้นอารมณ์หื่นให้แก่คนทั้งคู่เป็นอย่างมาก ขณะที่ริมฝีปากบนกำลังประกบเบียดชนกัน เจ้าดุ้นเนื้อท่อนล่างมันก็พยายามแอ่นเบียดเข้าหาเนินสวาทของครูสาวยิกๆ แม้จะมีอุ้งมือของเธอคอยทำหน้าที่เป็นกันชนคอยรองรับอยู่ด้านหน้าก็ตามที
ไม่ใช่แค่ฝ่ายครูสาวเองที่กำลังหื่นจัด ทางฝั่งของชายหนุ่มเองก็แอบเก็บกดอารมณ์ค้างมาตั้งแต่ตอนที่จูบกับลูกไม้ในลานจอดรถเมื่อคืน พอมีโอกาสได้มากอดจูบลูบคลำอยู่กับร่างนุ่มนิ่มขาวบางของหญิงสาวตรงหน้า ก็เลยทำให้เขาอดใจไม่ไหว ต้องก้มหน้าลงไปไล่พรมจูบฟอนฟัดตามเรือนร่างของเธออย่างหิวโหย ไล่ตั้งแต่ลำคอเรียวขาว เรื่อยมาจนถึงบริเวณทรวงอกด้านนอกเสื้อ ซึ่งเมื่อเขาลองใช้มือสองข้างออกแรงบีบขยำลงไปพร้อมกับเอาหน้าซุกลงไปที่ก้อนเนื้ออ่อนนุ่ม เจ้าของร่างก็เพียงออกอาการเสียวสะท้านตัวเกร็ง และใช้มือโอบรัดที่ศีรษะของเขาด้วยอารมณ์วาบหวิว โดยไม่มีทีท่าว่าจะห้ามปรามใดๆ เหมือนดังเช่นคราวของลูกไม้
“นิ่มตัวหอมจัง เราชอบกลิ่นแบบนี้ ใส่น้ำหอมอะไรมาเหรอ?” โมเอ่ยถามขณะสูดดมกลิ่นกายสาวเธอเข้าไปเต็มปอด มือสองข้างก็ไม่ยอมหยุดนิ่ง แต่พยายามสอดล้วงเข้าไปที่ใต้ชายเสื้อ เพื่อเกาะกุมลูบไล้ไปที่ทรวงอกทั้งสองของเธอพร้อมๆ กัน
“อืม... มมมมม กลิ่นครีมอาบน้ำมั้ง นิ่มไม่ได้ใส่น้ำหอมอะไรเลยนะ” นิ่มแหงนหน้าครางตอบ
“แล้วตรงนี้ล่ะ จะหอมมั้ย?” เขาเอ่ยยั่วเย้า และเอื้อมมือซ้ายลงมาลูบไล้ที่บริเวณเป้ากางเกงด้านล่างของเธออย่างซุกซน
“ทะลึ่ง...” ครูสาวเขินแหลก เนื้อตัวสั่นสะท้านทุกครั้งที่ถูกนิ้วมือเขากดน้ำหนักลงมายังจุดกระสันเสียว
ชายหนุ่มไม่เสียเวลารอช้า เขาตัดสินใจบุกทันที จัดการใช้มือปลดตะขอกางเกงเธอ ออกแรงรูดมันลงไปพร้อมๆ กับกางเกงชั้นในสีครีมที่เธอสวมอยู่ภายใน ไม่ทันได้สังเกตเห็นถึงคราบน้ำเหนียวๆ ที่เกาะเลอะติดอยู่บนเป้ากางเกงด้วยซ้ำ พอกางเกงหลุดพ้นข้อเท้าเธอไปแล้ว เขาก็จัดการดันร่างเธอให้เอนหงายลงไปที่เตียงนอน และรีบมุดหน้าลงไปจัดการละเลงลิ้นดูดชิมรสชาติน้ำสวาทที่เอ่อซึมออกมาบริเวณปากร่องเสียว ทำเอาสาวเจ้าถึงกับครางฮือไม่ขาดปาก ทั้งจิกทั้งขยุ้มลงมาที่เส้นผมของชายหนุ่มอย่างเมามัน แต่เขาก็ไม่ยอมหยุดการกระทำ กลับยิ่งเร่งจังหวะการดูดเลีย สลับกับใช้นิ้วลูบไล้และเขี่ยคลึงไปรอบๆ ปากถ้ำจนนิ้วกลางเปียกลื่น... แล้วเขาก็จัดการกดชำแรกมันเข้าไปในกายเธอ
“อุ๊! ซี้ดส์... สสสส!! อาห์ โมขา... อ๊าย... สะ... เสียว... ววว เสียวจัง” นิ่มตัวแอ่นกระตุกแหงนหน้าหอบหายใจดังเฮือก มือไม้ส่ายสะเปะสะปะไปทั่ว ขณะโดนเขาจัดการตกเบ็ด พร้อมกับเม้มปากดูดกินที่ติ่งเสียวด้านนอกของเธอพร้อมๆ กัน จนครูสาวผู้แสนเรียบร้อยต้องปลดปล่อยความร้อนร่านออกมาอย่างสุดกลั้นผ่านเสียงครางกระเส่า เธอเรียนรู้จากการร่วมรักที่ผ่านๆ มากับโม ว่าการปลดปล่อยอารมณ์ออกมาแบบเต็มที่ จะสร้างความสุขเสียวได้มากกว่าการอดกลั้นข่มมันเอาไว้ ง่ามขาเธอสั่นเกร็งระริก หน้าท้องหดเกร็งเป็นลอนๆ เมื่อถูกความเสียวจี๊ดๆ ทิ่มแทงใส่กลางลำตัวเป็นระลอกๆ
“โอ๊ย โม ถ้าทำต่อ... เดี๋ยวนิ่มจะเสร็จซะก่อนน้า... อู๊ย ซี้ดส์... สสสส อาห์” นิ่มร้องครวญบอกด้วยอารมณ์หื่นที่ลุกโชน เนื้อกายเธอสั่นสะท้อน ก้นกระดกยกร่อนแทบไม่ติดเตียง มือทั้งสองข้างยามนี้เอื้อมไปขยำขยี้ใส่ผ้าปูที่นอนแรงๆ เพื่อช่วยระบายความเสียว แต่เสียงครวญครางของเธอกลับยิ่งไปกระตุ้นให้ชายหนุ่ม ยิ่งเร่งชักนิ้วกดคลึงเข้าออกในตัวเธอถี่ยิบๆๆๆ พร้อมกับก้มหน้าก้มตาดูดเลียไปทั่วปากทางเข้าถ้ำ จนน้ำหล่อลื่นเปียกเปรอะกระจายเต็มหน้าเขา
“อู๊ย... โม... อู๊ย... ยยยยย สสส... ซี้ดส์ นิ่ม... นิ่ม... ว้าย! ตายแล้ว! ซี้ดส์!!!” ครูสาวเกร็งคอแหงนหน้าเริดหาเพดาน หลับตาปี๋ คิ้วขมวดยับย่น พร้อมกับแหกปากร้องกรี๊ดออกมา เมื่อโดนชายหนุ่มคู่ขาจัดการส่งเธอไปถึงสวรรค์ตั้งแต่ระฆังยกแรกยังไม่ทันจะดัง
โมใช้หลังมือปาดคราบน้ำรักออกจากมุมปากของเขา ขณะจ้องมองภาพเรือนร่างของนิ่มที่กำลังนอนกางขาหอบแฮ่กๆ หมดสภาพอยู่บนเตียงนอน ในสภาพที่กางเกงท่อนล่างถูกปลดเปลื้องออกไปหมดแล้ว เนินสาวสีแดงฉ่ำกับพงขนอันบางเบานั้นเปรอะเปื้อนไปด้วยรอยคราบน้ำรักที่หลั่งนองออกมาผสมปนอยู่กับคราบน้ำลายของชายหนุ่ม ที่สุดท้ายแล้วก็ไหลเยิ้มนองผ่านง่ามขาลงไปถึงแก้มก้น มันเป็นภาพที่ยั่วอารมณ์จนทำให้ชายหนุ่มต้องรีบลุกไปจัดการกับเสื้อผ้าของตนเอง จนกลับมายืนอวดของดีที่ผงาดโด่เด่พร้อมกับสวมถุงยางครอบให้มันเสร็จสรรพ เป็นการบอกใบ้ว่าความสนุกที่แท้จริงกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในอีกไม่ช้านี้แล้ว
ครูสาวที่นอนทอดกายอย่างหมดแรง พยายามที่จะปรือตาขึ้นมามองหน้าเขา แต่กว่าที่เธอจะตั้งตัวได้ ชายหนุ่มก็รีบรุดปีนขึ้นมาประชิดถึงตัวเธอบนเตียงนอนแล้ว เขาใช้สองมือดันถลกชายเสื้อเธอขึ้นไป เผยให้เห็นถึงยกทรงลูกไม้สีขาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง ซึ่งเขาไม่สนใจจะเสียเวลาใดๆ กับมัน ใช้มือคู่เดิมดันถลกเจ้ายกทรงขึ้นไปกองคาไว้เหนือเนินอก และก้มหน้าลงไปงับดูดที่จุกยอดปทุมถันทั้งสองข้าง สลับกันไปมาด้วยความหื่นหิว ส่วนมือที่ว่างอยู่ก็เลื่อนลงไปเล่นสนุกกับร่องเสียวด้านล่างเพื่อปลุกอารมณ์เธอให้กระเจิดกระเจิงอย่างต่อเนื่อง
นิ่มเองยังไม่ทันคลายจากความสุขเสียวที่พึ่งแตกพ่าย พอโดนปลุกเร้าซ้ำๆ แบบติดๆ กัน ก็ทำเอาเธอต้องเปล่งเสียงครางโหยหวนออกมาเป็นระลอกๆ เนื้อกายเกร็งกระตุก ดิ้นเร่าๆ อยู่ภายใต้อุ้งมือและริมฝีปากของเขาที่ทำงานประสานกันอย่างลงตัว ท่อนแขนเธอโอบรัดไปที่ลำคอเขาพร้อมกับออกแรงดึงรั้งให้กดแนบเข้าหาทรวงอกตัวเอง พร้อมกับแอ่นกายให้อีกฝ่ายได้ตักตวงความสุขจากเรือนร่างของเธออย่างเต็มที่
หลังจากไล่ฟัดชิมรสชาติเนื้อกายสาวของเธอจนเต็มคราบแล้ว ก็ถึงคราวที่โมจะต้องลงมือเผด็จศึก เขาจัดการใช้มือดันแหวกหน้าขาทั้งสองข้างของเธอให้กางอ้ากว้าง พลอยทำให้กลีบดอกไม้ที่ปิดสนิทอยู่เหนือปากทางเข้าถ้ำมันปริแยกออกห่างจากกันโดยอัตโนมัติ เปิดเผยให้เห็นถึงเนื้ออ่อนสีแดงแจ๋ที่ซุกซ่อนตัวอยู่ภายในอุโมงค์ถ้ำอันฉ่ำเยิ้ม แล้วเขาก็จับจ่อส่วนปลายของอาวุธร้ายที่ผงาดแข็งตัวเต็มที่ กดแนบเข้าไปที่กลางรอยแยกเบาๆ ครูสาวที่รู้ซึ้งถึงชะตากรรมของตนเองดี ก็รีบขบเม้มริมฝีปาก หลับตาพริ้ม และเกร็งร่างรอรับความเจ็บปวดที่กำลังจะแทรกกายเข้ามาในตัวเธอ
“อุ๊! อู๊ย... อู๊ย... ยยย ซี้ดส์ อือ... อออออ” ไม่ทันขาดคำ เสียงครางของเธอก็ดังลอดออกมาจากลำคอ เมื่อส่วนหัวของดุ้นเนื้อค่อยๆ จมหายเข้าไปในรอยแยก พร้อมๆ กับการออกแรงกระเด้าก้นเสริมแรงของชายหนุ่ม เขาค่อยๆ กระดก... กระดก... และบดสะโพกหมุนวนเป็นวงกลมแบบช้าๆ เนิบๆ พร้อมกับคอยมองจ้องสังเกตอาการจากสีหน้าของหญิงสาวคู่ขาที่นอนเกร็งอยู่เบื้องล่าง แม้จะรู้สึกจุกแน่นและอึดอัดทรมาน แต่ดูเหมือนว่าเธอจะยังอดทนกับมันได้ กระทั่งสุดท้ายแล้ว ชายหนุ่มก็สามารถกดฝังอาวุธตนเองเข้าไปจอดแช่คาอยู่ในตัวเธอได้แบบสุดลำโคน ความจุกแน่นกระตุ้นให้โพรงเนื้ออ่อนนุ่มเกิดอาการตอดขมิบตุบๆ สู้กับท่อนเอ็นของเขาด้วยอารามตื่นเต้นหวาดเสียว
“โอย... ยยย แค่ใส่เข้ามา นิ่มก็เสียวจะแย่อยู่แล้วเนี่ย มันชนไปหมดเลย” นิ่มโอดครวญด้วยสีหน้าอึดอัดทรมาน แต่ถ้อยคำและน้ำเสียงของเธอกลับดูเหมือนต้องการจะเชิญชวนให้ชายหนุ่มออกแรงขยับกายเสียมากกว่า
“ดีสิ โมอยากเห็นนิ่มเสียวกว่านี้อีก เอาให้เสียวจนทนไม่ไหวเลยยิ่งดี” โมตอบด้วยรอยยิ้มยินดี พลางเริ่มต้นแดะเอวสาวอาวุธกดเข้าออกในตัวเธอแบบช้าๆ เนิบๆ ส่วนมือก็เอื้อมไปบีบขยำที่เต้านมเธอและใช้นิ้วกดบี้ที่จุกถันจนเธอร้องซี้ด
“โอ๊ย เอางั้นเลยเหรอ โมใจร้าย ซี้ดส์... อู๊ย... เบาๆ น้า มันจุก อือ” ครูสาวดิ้นส่ายสะบัดใบหน้า จะหนีก็หนีไม่ออก เพราะโดนท่อนเนื้อเขาเสียบปักค้างอยู่กลางลำตัว ได้แต่นอนแผ่หลายอมรับสภาพ
ทุกอย่างเป็นไปตามวิถีทางของมัน... จากเนิบช้าไปเป็นเร็วระรี่... จากนุ่มนวลไปสู่ความหนักหน่วง... เสียงครางที่เคยแผ่วเบาก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นเสียงร้องครางโหยหวนแบบเต็มเสียง... ความที่ทั้งสองเคยมีอะไรกันมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ทำให้ต่างฝ่ายต่างก็จับจุดรู้ใจของกันและกันเป็นอย่างดี ไม่ว่าชายหนุ่มจะออกแรงตะบี้ตะบันในท่วงท่าใด หญิงสาวก็พร้อมจะเด้งกายรับแรงกระแทกของเขาอย่างไม่ย่อท้อ ไล่ตั้งแต่การซอยในท่วงท่าเบสิกธรรมดาๆ เปลี่ยนมาเป็นการช้อนขาสาวเจ้าขึ้นมาวางพาดบ่าแล้วกดสโตรกแบบนุ่มนวลแต่ยาวและลึกแทน และจบลงที่การจับร่างเธอตะแคงพลิกหันข้าง แล้วตามประกบสอดใส่กระแทกเธอจากทางด้านหลัง พร้อมกับเร่งตะบันเอวเข้าออกแบบลึกสุดโคน จนเต้านมขาวๆ แกว่งกระเพื่อมไปมาตามแรงอัด
“โมขา... ซี้ดส์ อาห์ อู๊ย มันทิ่มลึกจัง นิ่มจุกไปหมดแล้ว โอ๊ย... ยยยย โมเก่งที่สุดเลย อ๊าง... สสสส” นิ่มละล่ำละลักร้องครางไม่ขาดปาก ท่านี้ทำให้ไอ้หนูของเขามันครูดลึกเข้าไปถึงผนังถ้ำด้านในของเธอ
“เราใกล้แล้วนะ นิ่มล่ะ? เสร็จอีกรอบไหวมั้ย?” โมเอ่ยถามเสียงสั่น ขณะเร่งตะบันอาวุธกดถี่ยิกๆๆ ได้ยินเสียงเนื้อหวดกระทบกัน ความรุนแรงนั้นทำเอาเจ้ากลีบเนื้อสาวที่ปิดมิดชิดในตอนแรกถึงกับปลิ้นเข้าปลิ้นออกตามการเคลื่อนไหวของตอเนื้อยักษ์ที่กำลังขุดลึกเข้าไปข้างใน
“อาห์... นิ่มก็จะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน อูย...ยยยย โมทำแรงๆ เลย ซี้ดส์!” ครูสาวร้องตอบ แม้ยามปกตินิ่มจะดูเป็นผู้หญิงนิสัยเรียบร้อยขี้อาย แต่ยามอยู่บนเตียงนอน รสนิยมทางเพศของเธอมันกลับเอนเอียงไปทางเซ็กส์แบบหนักหน่วงรุนแรง ซึ่งโมเองก็พร้อมจะสนองตอบให้ถึงอกถึงใจเธออยู่เสมอ
“เอานะ! ไปแล้วนะ!” ชายหนุ่มประกาศกร้าว แล้วเอื้อมมือที่กำลังเกาะกุมบั้นเอวเธอเอาไปจับขยำไว้ที่เต้านมขาวอวบ พร้อมกับเร่งสปีดในการโขยกบั้นเด้า ส่งอาวุธมุดทะลวงใส่ตัวเธออย่างหนักหน่วงรุนแรง เพื่อมุ่งหน้าไปสู่ฉากจบที่รออยู่... เสียงเนื้อกระทบกันดัง ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ!! รัวระเร็วราวกับปืนกลชุด ทำเอาสาวเจ้าถึงกับมุดหน้าลงไปซุกกับหมอน สองมือจิกขยำขยี้ใส่ผ้าปูเตียง
“เสร็จ... เสร็จอีกแล้ว โอ๊ย! โมขา ระ... แรงๆ เลย นิ่มจะ... นิ่มจะถึงแล้ว ว้าย! ซี้ดส์!!” ครูสาวเปล่งเสียงร้องดังขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่ร่างของเธอจะออกอาการสั่นสะท้าน ตัวกระตุกเกร็งเฮือกๆ อย่ารุนแรง ใบหน้าแอ่นเริดหงายไปด้านหลัง เปล่งเสียงครางโหยหวนออกมาอย่างหมดอาย พร้อมกับหยาดน้ำรักที่พรั่งพรูออกมาอาบชุ่มไปทั้งง่ามขา
“เราก็แตกแล้วเหมือนกัน... อู้ว!!” โมเองพอเห็นอาการของหญิงสาวคู่ขา อารมณ์หื่นก็พลอยพุ่งปรี๊ดขึ้นถึงจุดสุดยอด แรงบีบตอดอย่างรุนแรงจากภายในโพรงเนื้อทำให้เขาออกแรงสาวเอ็นกระแทกได้อีกไม่กี่ชุด ก็ต้องคำรามลั่น และระเบิดน้ำเชื้ออัดแน่นถุงยางด้วยอาการเสียวซ่านสุดขีด
ทว่านั่นยังไม่ใช่ฉากจบสุดท้ายที่แท้จริง... เพราะหลังจากนอนเล่นกอดก่ายดูโทรทัศน์กันยาวนานจนหายเหนื่อยแล้ว พวกเขาก็จูงแขนกันเดินไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวด้วยกัน ความที่ห้องน้ำมีพื้นที่ค่อนข้างแคบ ทำให้ทั้งคู่ต้องยืนเบียดเสียดแนบชิดกันอยู่ใต้ฝักบัว ต่างฝ่ายต่างผลัดกันฟอกสบู่ถูกทำความสะอาดให้แก่เรือนร่างของอีกฝ่ายด้วยอารมณ์รักใคร่สิเน่หา ทว่าพอมือไม้แตะโดนตัวกันมากๆ เข้า เจ้าอารมณ์หื่นที่เคยมอดดับลงไปชั่วคราว ก็พลอยถูกจุดติดขึ้นมาอีกครั้ง เพราะตอนที่นิ่มพยายามจะฟอกสบู่ถูทำความสะอาดเจ้าแก่นกายความเป็นชายของโม เจ้าดุ้นเนื้อที่ทำท่าคล้ายว่าจะหลับคอตกในทีแรก ก็ค่อยๆ กระดกหัวสู้กับอุ้งมือนุ่มๆ ของหญิงสาว จนกระทั่งสุดท้ายแล้วมันก็ผงาดแข็งตัวขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
“อะไรเนี่ยโม? พึ่งทำไปหมาดๆ ทำไมมันถึงแข็งขึ้นมาอีกล่ะ?” นิ่มเอ่ยเขินๆ แต่มือยังคงออกแรงรูดถอกฟอกสบู่ให้เขาไปเรื่อยๆ พร้อมกับที่ตาเธอก็จ้องมองภาพส่วนหัวเห็ดสีแดงที่ถูกปลิ้นเข้าปลิ้นออกอยู่ใต้อุ้งมือตนเองอย่างไม่วางตา
“อยู่กับนิ่มทีไร มันก็คึกแบบนี้ตลอดแหละ ยิ่งโดนนิ่มทำความสะอาดแบบนี้... ซี้ดส์... ก็ยิ่งขึ้น” โมหลับตาพริ้มและร้องครางออกมาเบาๆ อย่างสุขใจ คำชมจากปากเขาทำให้สาวเจ้าออกอาการปลาบปลื้มสุดหัวใจ เธอจึงหยิบฝักบัวขึ้นมาฉีดพรมน้ำลงไปที่ดุ้นเนื้อของเขาจนสะอาดเอี่ยม แล้วค่อยๆ คุกเข่าทรุดตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้นกระเบื้อง โดยที่มือก็ยังคงออกแรงกำอาวุธของเขาไว้อยู่แบบนั้น
“มา เดี๋ยวคราวนี้นิ่มจะทำให้สะอาดกว่าเดิม” นิ่มเอ่ยอย่างอารมณ์ดี และค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้าไปหาแก่นกายของเขา ริมฝีปากเธออ้าอมเข้าไปที่ส่วนหัวอันบานโร่ มือซ้ายประคองจับอยู่ที่ลำโคน ส่วนมือขวาอีกข้างก็เอื้อมไปจับที่แก้มก้นของเขาพร้อมกับออกแรงดันมันเข้าหาตัวเธอ เจอแบบนี้เข้า เจ้าหนุ่มโมก็เลยได้แต่แหงนหน้าร้องซี้ดๆ อย่างสุขสมใจ
“อู๊ย... ยยยย นิ่ม ทำไมเก่งแบบนี้?” โมสูดปากคราง ขณะเสพรับรสสัมผัสจากโพรงปากอันคับแคบที่กำลังห่อรูดกลืนกินอาวุธของเขาเข้าไปทั้งลำ ปลายลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดรัดไปรอบๆ ทำเอาชายหนุ่มถึงกับเสียวจี๊ดๆ จนเผลอเอื้อมมือไปขยุ้มดึงผมเธออย่างลืมตัว
หญิงสาวโก่งคอผงกหัว ขย้อนกลืนดุ้นเนื้อของเขาเข้าไปอย่างยากลำบาก ขนาดที่อวบใหญ่เต็มลำคอ ทำให้เธอเริ่มรู้สึกเมื่อยปาก สุดท้ายหญิงสาวก็เลยต้องยอมถอนปากออกมา และเปลี่ยนเป็นการใช้ลิ้นตวัดเลียไปรอบๆ ส่วนหัวเห็ดสีแดงนั้นแทน แต่แค่นั้นก็ทำให้เจ้าหนุ่มหื่นแทบคลั่งตายแล้ว และรีบดึงร่างเธอขึ้นมาดูดปากเป็นการขอบคุณเธอ
เมื่ออารมณ์หื่นถูกจุดติดขึ้นอีกครั้ง การอาบน้ำก็แปรเปลี่ยนไปเป็นการกอดจูบลูบไล้ฟองสบู่ไปตามเรือนกายของอีกฝ่าย ด้วยเจตนาที่ต้องการจะปลุกอารมณ์ให้กันและกัน จนสุดท้ายพวกเขาก็พากันมาจบลงที่เตียงนอนตัวเดิม ในท่วงท่าที่ชายหนุ่มกำลังตามคุกเข่าประกบสอดใส่ดุ้นเนื้อเข้าสู่ร่างกายของหญิงสาวจากทางด้านหลัง
“ทำไม... วันนี้โมฟิตจัง? อาห์ ซี้ดส์... แรงไม่ตกเลย” นิ่มโอดครวญ ขณะคุกเข่าโก้งโค้ง แอ่นบั้นท้ายให้เขากดสอดอาวุธเข้ามาในตัวเธอแบบเนิบช้า
“สงสัยเป็นเพราะพลังหอยนางรมที่โด๊ปเข้าไปเมื่อกี้” โมพูดติดตลก ทำเอาเธอหลุดหัวเราะตามทั้งที่กำลังรู้สึกจุกเสียดจนแน่นท้อง
“บ้า ไม่เกี่ยวมั้ง จริงเหรอ? อูย... ยยย” ครูสาวยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ที่แน่ๆ คือเจ้าดุ้นเนื้อของเขาน่ะมันเสียบเข้าไปเต็มลำโคนแล้ว
“ไม่หรอก อยู่กับนิ่ม ไม่ต้องใช้อะไรโด๊ป เราก็หื่นได้ตลอดแหละ” เขาปั้นหน้ายิ้มทะเล้น มือก็คอยบีบลูบไล้ไปตามเนื้อกายเธอ
“อันนี้เชื่อ” เธอหัวเราะขัน
แต่จังหวะที่พวกเขากำลังนัวเนียตัวติดแนบชิดกันอยู่นั้นเอง จู่ๆ เสียงริงโทนโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวก็ดังขึ้น กระชากความสนใจของหนุ่มสาวทั้งสองให้ต้องหันมองตามที่มาของเสียง
“เดี๋ยวนะ นี่กี่โมงแล้วเนี่ย?” นิ่มเอ่ยถามเหมือนพึ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเธอออกมาใช้เวลากับเขานานเกินไปแล้ว
“จะสี่ทุ่มแล้ว ทำไมเหรอ?” โมเหลียวไปมองนาฬิกาแขวนบนผนังแล้วเอ่ยถามอย่างงงๆ
“ลืมไปเลย ว่าจะช่วยแก้ซีวีให้น้ำมนต์คืนนี้” หญิงสาวเอ่ย ก่อนจะคลานไปหยิบเอาโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าสะพายบนพื้นขึ้นมารับสายด้วยอารามรีบเร่ง มือไม้ก็โบกสะบัดจัดทรงผมอันยุ่งเหยิงของตัวเองไปพลางๆ
“ฮัลโหล พี่นิ่มอยู่ไหนเนี่ย?” เสียงน้ำมนต์เอ่ยถามทะลวงผ่านหูโทรศัพท์ แทบจะในทันทีที่พี่สาวกดรับสาย
“ชั้นออกมากินข้าวกับเพื่อนที่บางปู ที่ได้วอยเชอร์กินฟรีมาไง” นิ่มตอบกลับไป พยายามเก็บซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ไม่ให้ปรากฏออกมาในเนื้อเสียง
“เอ้า! แล้วจะกลับเมื่อไหร่เนี่ย?” น้องสาวถามด้วยอารมณ์ขัดใจ เมื่อรู้ว่าตนเองโดนพี่สาวทิ้งไว้ให้รอเก้อที่บ้าน
“แป๊บนึงๆ เดี๋ยวจะกลับแล้วเนี่ย” นิ่มบอกเสียงอ่อน
จังหวะที่สองสาวกำลังโต้เถียงกันอยู่นั้น ฝ่ายโมที่เหมือนโดนทอดทิ้งอยู่เบื้อง ก็กำลังจับจ้องมองภาพร่างงามอันเปลือยเปล่าของนิ่มอยู่ด้วยอารมณ์กลัดมันเต็มที่ เพราะดันมาถูกสายโทรศัพท์แทรกขัดจังหวะกลางคันในตอนที่เขากำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกันอยู่ ความที่ครูสาวกำลังนอนคว่ำราบไปกับที่นอน ทำให้บั้นท้ายกลมกลึงของเธอมันลอยเด่นเตะตาเขาอย่างชัดเจน และก่อนที่นิ่มจะทันรู้ตัว ชายหนุ่มก็เคลื่อนกายตามมาประกบแนบชิดกับร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาว พร้อมกับสอดใส่อาวุธภายใต้ถุงยางอันเปียกลื่น เสียบเข้าไปในร่องสวาทอันชุ่มฉ่ำของเธอแบบกะทันหัน
“อุ๊ย! ซี้ดส์!!! อือ... ออออออ” นิ่มอุทานเบิกตาค้าง เกือบถอนโทรศัพท์ออกจากใบหน้าแทบไม่ทัน ก่อนที่เธอจะรีบหันไปมองค้อนใส่ชายหนุ่มคู่ขาแบบเคืองๆ
“นี่! ทำไรเนี่ย? นิ่มคุยโทรศัพท์กับน้องอยู่ ไม่เอา” หญิงสาวกระซิบกระซาบเสียงดุ มือข้างหนึ่งก็คอยปิดป้องช่องลำโพงโทรศัพท์เอาไว้เพื่อไม่ให้น้องสาวในสายได้ยิน
“ก็คุยไปก่อนสิ ไม่ต้องสนใจเราหรอก” โมฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ และเอื้อมมือไปบีบขยำบั้นท้ายของเธอเบาๆ อย่างซุกซน
“แต่ว่า...” ครูสาวทำท่ากังวลใจ ทว่าคู่สนทนาปลายสายก็ไม่ได้ใจเย็นพอที่จะปล่อยให้เธอนิ่งเงียบนานขนาดนั้น
“ตกลงไปกินกับใครอ่ะ?” น้ำมนต์ถามจี้ ทำเอาพี่สาวถึงกับชะงักไปชั่วขณะไม่รู้จะตอบยังไง
“ก็... ก็พี่ภาไง” นิ่มที่กำลังลนลานเมื่อนึกชื่อใครขึ้นมาได้ก็รีบตอบออกไป
“อ้าว ไหนว่าพี่ภาไปสิงค์โปรวีคนี้” ยังไม่ทันไรคู่สนทนาก็เหมือนจะจับโป๊ะเธอได้ง่ายๆ
“โอ๊ย ทำไมยัยมนต์มันรู้ดีนักนะ” นิ่มยกมือขึ้นปิดป้องลำโพงพร้อมกับบ่นอุบอิบ ทั้งที่จริงๆ แล้วเธอเองนั่นแหละที่เป็นคนเล่าเรื่องนี้ให้น้องตัวเองฟังแท้ๆ
“ยังไงเนี่ย? หรือว่าไปกับผู้ชาย ใคร? บอกมาเลยนะ ห้ามกั๊ก เร็วๆ” น้ำมนต์ทำเสียงกระตือรือร้นอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที เซนส์ของหญิงสาวช่างแม่นยำนัก เพียงคุยกันไม่กี่ประโยคเธอก็จับจุดของพี่สาวได้อย่างง่ายดาย
“มากับเพื่อน เพื่อนจริงๆ” นิ่มยังพยายามจะบ่ายเบี่ยง จะว่าไป ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา จะเรียกว่าเป็นเพื่อนก็คงไม่ผิดนัก เพียงแค่เป็นเพื่อนที่มีผลประโยชน์บางอย่างร่วมกัน
“เพื่อนผู้หญิงหรือเพื่อนผู้ชาย? ชื่ออะไร เค้ารู้จักมั้ย?” น้ำมนต์ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ นิสัยชอบเอาชนะของเธอเป็นสิ่งที่พี่สาวคุ้นชินกันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ แล้ว ถ้าจะเอาอะไรให้ได้ เธอก็ต้องได้
“เออ ก็ได้ ชั้นมากับโม พอใจยัง” นิ่มที่รู้ตัวว่าโกหกต่อไปก็ป่วยการ เลยยอมรับสารภาพตรงๆ ก่อนที่หญิงสาวจะได้ยินเสียงร้องกรี๊ดวี้ดว้ายอย่างตื่นเต้นดังลอดกลับมาในสายโทรศัพท์
ในวันที่รักหลงทาง #113
พรุ่งนี้ผมพาติดธุระกับที่บ้าน ขอขยับมาอัพเป็นคืนวันนี้แทนแล้วกันนะครับ
**รบกวนคอมเมนท์เกี่ยวกะเนื้อหาในตอนหน่อยนะฮะ อยากอ่านฟี้ดแบคจากคนอ่าน**
-----------------
“อ่ะ น้ำมนต์อยากคุยด้วย” นิ่มเอ่ยด้วยสีหน้าเอือมระอาน้อง ก่อนจะยื่นโทรศัพท์มือถือส่งให้โมรับไปคุยสายต่ออย่างไม่เต็มใจ
“ฮัลโหลครับ?” โมเอ่ยทักทายคนในสายด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี สวนทางกับเจ้าของโทรศัพท์ ด้วยเพราะตัวเขาเองไม่ได้เจอหน้าน้ำมนต์มานานมากแล้ว จึงมีอารมณ์คิดถึงปะปนอยู่ในคำทักทายดังกล่าวไม่น้อย
“ฮั่นแน่ แอบไปกินอะไรกันมาสองคนคะ ไม่ชวนเลยนะ” น้ำมนต์กล่าวทักเขาอย่างอารมณ์ดีไม่แพ้กัน น้ำเสียงระรื่นแหลมเล็กของเธอนั้นยังคงสดใสและแฝงไว้ซึ่งความขี้เล่น ไม่ต่างจากวันแรกที่เขาได้พบเจอที่เกาะพะงัน
“กินอาหารทะเลน่ะ อิ่มแปล้เลย น้ำมนต์เป็นไงบ้าง สบายดีนะ?” โมตอบไปตามจริง โดยไม่ได้เอ่ยถึงสถานการณ์ในเวลาปัจจุบัน ว่านอกจากหอยสดในจานที่กินเข้าไปเมื่อตอนเย็นแล้ว ยังมีหอยฉ่ำๆ ของพี่สาวเธอที่เขากำลังเสพสุขและเพลิดเพลินจากมันอยู่ด้วย
“สบายดีจ้า แล้วโมล่ะ? โอเคดีนะ?” น้ำมนต์ตอบชัดถ้อยชัดคำ และถามเขากลับตามประสาของคนที่ห่างเหินกันไปนาน
“ก็ดีครับ ช่วงนี้ก็วุ่นๆ งานเยอะนิดหน่อย ตามประสาคนร้อนเงินน่ะ โชคดี วันนี้มีเจ้ามือพามาเลี้ยงอาหารทะเลถึงบางปู สบายกระเป๋าเลย” ชายหนุ่มกล่าวติดตลก พร้อมกับเอื้อมมือไปบีบขยำก้นนิ่มด้วยอารมณ์มันเขี้ยวแทนการขอบคุณ ฝ่ายครูสาวเองก็ทำท่าสะดีดสะดิ้ง แกล้งขยับโยกก้นหนีมือเขาไปมาอย่างสนุกสนาน
“แล้วนี่มัวทำอะไรกันอยู่เนี่ย ดึงตัวพี่สาวเค้าไว้ไม่ยอมให้กลับบ้านกลับช่องเนี่ย หื้ม?” น้ำมนต์ที่เหมือนจะรู้ทัน จึงแกล้งลักไก่ถามออกมา พอได้ยินแบบนั้น ชายหนุ่มเลยเกิดปิ๊งไอเดียซุกซนบางอย่างขึ้นมาได้ ตามประสาของคนทะลึ่งทะเล้นเป็นนิสัย
“ทำอะไรอยู่เหรอ... ก็... งั้นดูเอาเองละกันนะ” โมพูดเกริ่นไว้เท่านั้น แล้วตัดสินใจกดปุ่มเปิดกล้องเป็นโหมดวิดีโอคอล พร้อมกับชูโทรศัพท์มือถือเพื่อโชว์ให้น้ำมนต์ได้เห็นถึงสภาพเรือนร่างเปลือยเปล่าของพี่สาวเธอ ซึ่งกำลังโดนท่อนเอ็นยักษ์ของเขาเสียบคาอยู่กลางร่าง ฝั่งนิ่มที่นอนก้มหน้างุดๆ อยู่ทางด้านหน้า จึงไม่ทันตัวรู้เลยว่าชายหนุ่มคู่ขากำลังแอบแกล้งอะไรเธออยู่
“นี่! สองคนนี้! แอบไปเล่นสนุกกันไม่ชวนเลยนะ” เสียงน้ำมนต์โหวกเหวกโวยวายระคนหัวเราะ ดังลอดออกมาจากลำโพง กระตุ้นความสงสัยของนิ่มจนต้องรีบเอี้ยวตัวกลับไปมองตามว่าเกิดอะไรขึ้น พอเห็นว่าชายหนุ่มกำลังชูกล้องโทรศัพท์มือถือถ่ายจ่อมาที่ตัวเธอเท่านั้นแหละ สาวเจ้าก็ส่งเสียงร้องวี้ดว้ายออกมาอย่างตกอกตกใจ
“ว้าย! โม! จะบ้าเหรอ? ทำอะไร!?” ครูสาวร้องลั่น และดิ้นขลุกๆ หมายจะหลบออกไปนอกโฟกัสกล้อง แต่ก็หนีไปไหนไม่พ้น เพราะโดนน้ำหนักตัวของชายหนุ่มกดทับไว้อยู่ สุดท้ายเมื่อตระหนักแล้วว่าคงหนีไปไหนไม่รอดแน่ๆ เธอเลยเลือกที่จะใช้วิธีหนีหน้าทุกคนด้วยการนอนฟุบหน้าคว่ำลงไปกับเตียงเสียเลย
“อายทำไม? คนกันเองทั้งนั้น มากกว่านี้น้ำมนต์ก็เคยเห็นมาแล้วนี่” โมเอ่ยปากแซว พลางนึกถึงภาพคืนวันอันสนุกสุดเหวี่ยงระหว่างพวกเขาทั้งสามคนบนเกาะพะงัน มันเป็นความทรงจำที่บ้าบอจนเขาเองแทบเชื่อไม่ลงด้วยซ้ำว่าจะเคยเกิดขึ้นจริง
“ไม่เอา! ปิดเถอะ” นิ่มเขินแหลก สะบัดมือไม้ปัดใส่กล้องเป็นพัลวัน โดนบ้างไม่โดนบ้าง เพราะเธอเองไม่กล้าหันไปมองเขาตรงๆ
“ห้ามปิดเด็ดขาดนะพี่โม ถ้าพี่นิ่มปิดกล้อง เค้าฟ้องแม่จริงๆ ด้วยว่าพี่นิ่มแอบหนีไปเที่ยวกับผู้ชาย” น้ำมนต์รีบสั่งการเสียงดุ
“โอ๊ย! ยัยบ้า อะไรของแกเนี่ย? จะบังคับทำไม?” พี่สาวโดนขู่ไปดอกนี้ก็ถึงกับมึนตึ้บ ไปต่อไม่ถูก
“ทำต่อเลยโม เดี๋ยวเราช่วยเชียร์อยู่ตรงนี้เอง” น้องสาวตัวดี เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วก็เผยรอยยิ้มซุกซนออกมาบนใบหน้าทันที
เมื่อได้แรงยุจากกองเชียร์ข้างสนาม เจ้าหนุ่มหื่นจึงออกอาการคึกคักเหมือนพยัคฆ์ติดปีก ตั้งใจจะโชว์ฟอร์มอวดฝีไม้ลายมือที่มีให้น้ำมนต์ได้ชมเป็นขวัญตา เขาจัดการใช้มือซ้ายที่ว่างอยู่ ช้อนสะโพกรั้งร่างขาวบางให้แอ่นก้นโด่งสูงขึ้น พร้อมกันนั้นก็ออกแรงกดสวนอาวุธทิ่มเข้าหาร่องเนื้อเปียกของนิ่มเป็นจังหวะ ทำเอาสาวเจ้าถึงกับหลุดปากร้องอู๊ยๆ ออกมาอย่างสุดกลั้น แม้จะพยายามยกมือขึ้นปิดป้องปากไว้ แต่ก็ยังมีเสียงครางสยิวเล็ดลอดออกมาจากอุ้งมือเธออยู่ดี
การออกแรงกระแทก พร้อมๆ กับต้องคอยประคองถือโทรศัพท์ในมือให้อยู่นิ่งนั้นค่อนข้างจะสร้างความลำบากแก่โมมากพอสมควร สุดท้ายชายหนุ่มจึงตัดสินใจนำโทรศัพท์มือถือของนิ่มเอาไปวางพิงไว้กับโคมไฟบนโต๊ะหัวเตียง ในตำแหน่งที่แน่ใจว่าน้องสาวของเธอจะได้รับชมภาพการแสดงต่างๆ แบบจะแจ้งชัดเจนที่สุด พอมือไม้ทั้งสองข้างเป็นอิสระแล้ว ชายหนุ่มก็จัดการสอดมือล้วงเข้าไปขยำขยี้บีบคลึงเต้านมขาวอวบของนิ่มจนมันบุบบี้ไม่เป็นทรง ปลายนิ้วออกแรงกดบี้ลงไปที่จุกถันทั้งสองข้างจนเธอสูดปากร้องครางซี้ดซ้าดด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวเหยเก
ฝ่ายน้ำมนต์ที่ตั้งใจว่าจะใช้เวลาก่อนนอนในคืนนี้เพื่อแก้ไขเอกสารสมัครงาน ก็เลยเป็นอันว่าต้องพับธุระดังกล่าวเก็บลงไปชั่วคราวก่อน เพราะดันมีเรื่องน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าโผล่แทรกขึ้นมากลางคัน ดวงตาทั้งคู่ของหญิงสาวจ้องแป๋วอยู่ที่ภาพหนังสดบนจอโทรศัพท์แบบตาไม่กระพริบ ลมหายใจเริ่มเกิดอาการติดขัด ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงซ่าน ขณะจ้องมองภาพเรือนกายขาวโพลนของพี่สาวที่กำลังโดนชายหนุ่มร่างคล้ำกว่า ไล่อัดกระแทกจนตัวกระเด็นกระดอนราวกับลูกตุ้มที่ไร้ทิศทาง เสียงครางโหยหวนนั้นดังพอที่จะทำให้หญิงสาวต้องรีบกดลดเสียงลำโพง เพราะกลัวว่าคนอื่นในบ้านที่เดินผ่านไปมาหน้าห้องนอนจะเกิดได้ยินเข้า และหลงเข้าใจผิดคิดไปว่าเธอกำลังแอบดูหนังโป๊อยู่
สาวสวยเพ่งสายตามองภาพบนจอด้วยอารมณ์ตื่นเต้นระคนงุ่นง่าน แม้ว่าภาพจากมุมกล้องที่เห็นในตอนนี้จะค่อนข้างไกลกว่ามุมกล้องเดิมในตอนแรก แต่มันก็ทำให้เธอมองเห็นภาพการเคลื่อนไหวต่างๆ ในมุมมองที่กว้างขึ้น รวมถึงได้เห็นสีหน้าร้อนร่านและเสียวเกร็งของพี่สาวสุดที่รัก ผู้กำลังส่ายสะบัดใบหน้าไปมาในยามที่โดนหนุ่มโมกดกระทุ้งอาวุธเข้าออกแบบถี่ยิบๆ ภาพดังกล่าวกระตุ้นให้ผิวกายของน้ำมนต์เกิดอาการร้อนผ่าวๆ วูบวาบไปหมด และอดไม่ได้ที่จะต้องใช้มือข้างที่ว่างอยู่ ลูบไล้ไปที่ทรวงอกและหน้าท้องของตนเอง เรื่อยไปจนถึงบริเวณร่องเขาเร้นลับที่ซุกซ่อนตัวเองอยู่ภายใต้ชายเสื้อยืดตัวหลวมโคร่ง ซึ่งเป็นอาภรณ์เพียงชิ้นเดียวที่หญิงสาวกำลังสวมใส่อยู่ในตอนนี้
‘อาห์ ดุ้นเนื้อดุ้นนี้สินะ ที่เคยตอกกระทุ้งใส่เข้ามาในตัวเราจนจุกเสียดถึงใจไปหมด’ สาวสวยหวนคิดถึงรสชาติความสุขสยิวที่ชายหนุ่มเคยป้อนให้เธอแบบลืมไม่ลง ยิ่งเห็นก็ยิ่งนึกอิจฉาพี่สาวผู้แสนเรียบร้อย ที่ยังมีโอกาสได้ตักตวงความสุขจากท่อนเนื้อยักษ์นั้นมาจนถึงทุกวันนี้ นี่ถ้าไม่ติดว่าเธอเองก็พอจะรู้ว่าพี่สาวกำลังแอบมีใจให้แก่ชายหนุ่มอยู่ลึกๆ บางที... คนที่กำลังนอนแอ่นก้นโด่งให้เขากดแทงอาวุธเข้าออกอยู่ในตอนนี้ มันอาจจะกลายเป็นเธอก็ได้ เฮ้อ... คิดแล้วก็ทั้งอิจฉาทั้งงุ่นง่านไปพร้อมๆ กัน นิ้วมือที่คอยป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณปากร่องเสียว ก็ออกแรงกดคลึงเขี่ยลงไปยังปุ่มกระสันอันบวมเป่ง ตลอดเวลาที่เฝ้ามองภาพบนจอ
และสุดท้าย เมื่ออารมณ์ใคร่มันท่วมท้นจนเกินกว่าที่เธอจะเก็บกดมันเอาไว้ได้ น้ำมนต์จึงตัดสินใจรูดเสื้อยืดที่ตนเองสวมอยู่ทิ้งไปทางเหนือศีรษะ เปิดเปลือยผิวกายที่ขาวเนียนล่อนจ้อนเฉกเช่นเดียวกันกับพี่สาวของเธอ ผิดกันแค่ว่าหญิงสาวเองไม่มีชายหนุ่มคู่ขาคนไหนมาปรนเปรอความสุขให้เหมือนอย่างที่นิ่มกำลังได้รับอยู่ในเวลานี้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะเธอนั้นยังมีเจ้าดิลโด้ลำเขื่องผิวขรุขระสีม่วงสดใส ที่แอบเก็บซุกซ่อนเอาไว้ในกล่องลับใต้ตู้เสื้อผ้า สำหรับเอามาใช้เป็นตัวช่วยเสริมสร้างความสุขเฉพาะกิจให้แก่ตนเองในค่ำคืนนี้อยู่
น้ำมนต์ใช้นิ้วมือลูบไล้สำรวจลงไปที่บริเวณปากร่องสาวของตัวเองอย่างแผ่วเบา สภาพของปากทางเข้าในเวลานี้เริ่มที่จะมีคราบน้ำหล่อลื่นใสๆ เอ่อซึมออกมาจนเกิดเป็นแอ่งน้ำขังขนาดย่อมๆ และเปียกชุ่มชื้นติดเยิ้มไปตามปลายนิ้วของหญิงสาวที่กำลังวาดไปมาเป็นวงกลม ติ่งเนื้อสีแดงอมชมพูที่โผล่แลบออกมาจากรอยแยกของหุบเขานั้นออกอาการเต่งตึงและบวมเป่ง จนซุกซ่อนกายได้ไม่มิด แค่นั่งมองคนอื่นพลอดรักกันแค่ไม่กี่นาที ร่างกายเธอก็ร้อนผ่าวๆ และฉ่ำเยิ้มได้ถึงเพียงนี้ ถ้าได้เป็นคนที่โดนเองมันจะเสียวซ่านถึงใจสักเพียงไหนกันนะ?
“สงสัยจะห่างจากเรื่องพวกนี้นานไปหน่อยแล้วมั้งเรา?” น้ำมนต์บ่นกับตัวเองคนเดียวเงียบๆ ขณะจ่อแท่งเนื้อซิลิโคนลำใหญ่รูดไปตามรอยแยกบริเวณปากร่อง สัมผัสที่เย็นกว่านิ้วมือ ทำให้ร่างของเธอพลอยสั่นสะท้านและออกอาการแอ่นเกร็งจนตัวงอ ทว่าหญิงสาวกลับไม่สามารถหยุดมือได้ เธอใช้นิ้วมืออีกข้างแบะถ่างกลีบเนื้อสาวตรงปากทางเข้าที่ประกบปิดเกือบชิดกันให้แหวกอ้าออกเล็กๆ เผยให้เห็นถึงอุโมงค์เนื้ออ่อนสีแดงอมชมพู ที่ผนังถ้ำถูกอาบเคลือบไปด้วยน้ำเมือกลื่นใสเป็นมันวาว แล้วเธอก็บรรจงกดสอดเจ้าดุ้นเนื้อซิลิโคนนั้นเข้าไปในตัวอย่างช้าๆ
ส่วนหัวที่หนาแข็งและบานโร่คล้ายดอกเห็ด ทำหน้าที่เป็นดั่งหัวรถจักรที่บุกทะลวงคว้านเข้าไปในโพรงเนื้ออ่อนนุ่มอย่างง่ายดาย พอสอดมันเข้าไปได้เกือบครึ่งลำ หญิงสาวก็รู้สึกจุกเสียดจนต้องหยุดยั้งมือไว้ก่อน พร้อมกับแอ่นแหงนหน้าเชิดหลับตาพริ้มด้วยอาการเสียวซ่าน กัดริมฝีปากและส่งเสียงร้องครางซี้ดๆ ออกมาอย่างเร้าใจ กระทั่งเมื่อตั้งหลักได้แล้ว เธอก็ใช้มือขวาข้างถนัด จัดการสาวดิลโด้แยงเข้าออกใส่รูรักของตัวเองอย่างมันมือ ขณะที่มือซ้ายก็คอยประคองโทรศัพท์ยกค้างไว้ เพื่อติดตามชมภาพการร่วมรักของพี่สาวตนเองไปด้วยแบบไม่ยอมให้คลาดสายตา
น่าเสียดายที่ทั้งโมและนิ่มต่างก็ไม่อาจมองเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวได้ ด้วยว่ามุมกล้องที่น้ำมนต์กำลังถือจ่ออยู่นั้น มันจับโฟกัสอยู่เฉพาะช่วงบริเวณใบหน้าไปจนถึงลำคอเรียวยาวของเธอเท่านั้น ซึ่งต่อให้มองเห็นจริงๆ ทั้งคู่ก็คงไม่ได้สนใจที่จะมองมาอยู่ดี เพราะกำลังง่วนอยู่กับการตะบี้ตะบันทำกิจกรรมเข้าจังหวะร่วมกับคู่ขาตรงหน้าอยู่
“อู๊ย... ยยยยย โมขา... ซี้ดส์ นิ่ม... นิ่มเสียว... ววววว” นิ่มที่โดนโมกดกระทุ้งตอกอาวุธเข้าใส่โพรงเนื้ออย่างหนักหน่วง แถมทุกดอกก็ล้วนแต่ครูดโดนจุดเสียวภายในของเธอเข้าไปเต็มๆ จึงเริ่มออกอาการตุปัดตุเป๋ และส่งเสียงร้องครวญครางยาวๆ ออกมาอย่างสะใจ ด้วยอารมณ์ใคร่ที่ถูกจุดติดขึ้นใหม่อีกครั้ง สติสตังของครูสาวในเวลานี้ลอยละล่องเคลิบเคลิ้มไปกับรสรักที่ชายหนุ่มป้อนให้ จนลืมเลือนเรื่องน้องสาวตัวเองในโทรศัพท์ไปอย่างสิ้นเชิง ความจุกแน่นที่กดทะลวงเข้าออกใส่ตัวเธอรัวๆ มันทำให้หญิงสาวต้องกลั้นใจเกร็งขมิบก้นรับแรงกระแทกแบบสุดใจขาดดิ้น สองมือจิกขยุ้มลงไปบนผ้าปูที่นอนแรงๆ จนแทบจะฉีกกระชากทึ้งมันออกมา
รสชาติความเสียวแบบนี้แหละ ที่ทำให้หญิงสาวติดอกติดใจจนไม่อาจถอนตัวจากเขาได้ แม้จะแอบเผลอคิดน้อยใจลึกๆ อยู่บ่อยครั้ง ว่าสถานะของตนคงไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าแค่เพียงหญิงสาวอีกคนที่เขามีอะไรด้วย แต่พอถึงคราวที่มีอะไรกันทีไร ครูสาวก็ใจแตกเตลิดเปิดเปิง และหลงลืมเรื่องความน่าน้อยเนื้อต่ำใจเหล่านั้นไปจนหมดสิ้น รับรู้เพียงแค่ความสุขเสียวซ่านที่ทำให้ร่างของเธอเกร็งกระตุกด้วยความเสียวสยิว มันเหมือนมีใครบางคนเอาท่อนไม้ใหญ่ยักษ์เสียบทะลวงเข้ามาจนเธอรู้สึกจุกแน่นไปทั้งท้องน้อย เหมือนร่างกายกำลังจะขาดออกเป็นสองเสี่ยง และทุกๆ ครั้งที่เขาออกแรงขยับตัว ความเสียวสยิวที่ว่านั้นก็มีแต่จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนเธอแทบไม่อาจข่มกลั้นเสียงครางที่แปร่งเพี้ยนเอาไว้ได้
“เราก็เสียว... วววว เหมือนกัน ของนิ่มตอดแรงมาก ซี้ดส์... สสสส ฟิตอย่างกับของเด็กแน่ะ! สุดยอดเลย” โมกล่าวชมเปาะเสียงสั่น ขณะเกร็งหน้าท้องโขยกบั้นเด้า พร้อมกับใช้มือรั้งหน้าขาเธอดึงเข้าหาตัวด้วยจังหวะที่ประสานตรงกัน ความฟิตกระชับของอุโมงค์เนื้อสาวที่คอยตอดรัดแท่งเนื้อเขาอยู่ตลอดเวลา ทำให้ชายหนุ่มต้องพยายามเพ่งสมาธิและข่มกลั้นความเสียวเอาไว้อย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้ตนเองพลาดเสียหลักไถลไปถึงจุดสุดยอดไวจนเกินไป
“โอ๊ย! ซี้ดส์ โม... โอ๊ะ! โอ้ว... โอ้ว!! ซี้ดส์...!!!! งื๊อ!!!” ครูสาวเปล่งเสียงร้องโหยหวนด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวเหยเก ร่างกายเธอเกร็งสะท้านไปทุกสัดส่วน โดยเฉพาะโพรงเนื้ออ่อนภายในที่ออกอาการเกร็งขมิบประสานไปกับแรงกระแทกของดุ้นเนื้อแบบสู้ยิบตา แรงกระแทกของกายเนื้อทั้งสองนั้นดังสนั่นลั่นห้อง เสียงดัง ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ! เร็วระรัวเป็นจังหวะต่อเนื่อง ผสานไปกับเสียงครางสยิวของนิ่มที่เริ่มจะขาดห้วงและฟังแทบไม่เป็นภาษา
เสียงครางสยิวแปร่งหูของพี่สาว บวกกับภาพการเคลื่อนไหวที่ร้อนแรงบนหน้าจอ ทำให้น้ำมนต์ที่คอยมองจ้องอยู่ถึงกับเคลิบเคลิ้มตามไปด้วยคน มือขวากดแทงดิลโด้ไซส์ยักษ์ปักใส่รูเสียวของตนเองอย่างหนักหน่วงรุนแรง ทำเอากลีบเนื้อตรงปากทางเข้าถึงกับปลิ้นอ้าทะลัก หยาดน้ำหล่อลื่นเปรอะกระเซ็นเลอะเต็มง่ามขา แรงกดของเธอนั้นแทบไม่น้อยหน้าไปกว่าเรี่ยวแรงของชายหนุ่มที่กำลังแสดงฝีมืออยู่ในคลิปวิดีโอตอนนี้เลย ที่สำคัญ... ขนาดของเจ้าดุ้นเนื้อซิลิโคนเองก็ดูจะใกล้เคียงพอฟัดพอเหวี่ยงกับขนาดอาวุธคู่ใจของหนุ่มโม ซึ่งเธอเคยมีโอกาสได้ลิ้มรสมันมาแล้วด้วยตนเอง ตอนอยู่ที่เกาะพะงัน ทำให้น้ำมนต์เองก็พอจะจินตนาการถึงรสชาติความสุขเสียวซ่านที่พี่สาวกำลังได้รับอยู่ในขณะนี้
“ซี้ดส์... สสสส อาห์ โมขา... ควยโมใหญ่คับหีเราเลย อู๊ย... ซี้ดส์... ทั้งใหญ่... ทั้งแข็ง... แทงโดนไปหมดเลย อือ...” น้ำมนต์สูดปากร้องครางซี้ดๆ ออกมากับตัวเองอย่างคนเพ้อ เธอเอนกายหงายราบลงไปกับเตียงนอน ขาทั้งสองข้างแหกตั้งชันกางออกเป็นรูปตัวเอ็ม มือหนึ่งถือจับโทรศัพท์ ส่วนมืออีกข้างกำลังกดกระทุ้งดุ้นเนื้อซิลิโคนทิ่มใส่ร่างตัวเองยิกๆๆ พร้อมกับที่ในหัวก็คอยจินตนาการไปว่าตนเองนั้นกำลังนอนพลีกายให้ชายหนุ่มไล่โขยกอาวุธใส่รูเสียวตัวเองอย่างเมามัน
สองพี่น้องต่างเปล่งเสียงครางสยิวออกมาราวกับตั้งใจจะประชันแข่งขันกัน พอคนหนึ่งเริ่มต้นส่งเสียงร้องครางซี้ดซ้าดขึ้นมา อีกคนก็จะต้องเปล่งเสียงครางโหยหวนออกมาคลอเคลียอยู่ตลอด สลับกับเสียงของกายเนื้อเปลือยเปล่าที่กำลังหวดกระแทกกันอย่างต่อเนื่อง จนบรรยากาศมันดูราวกับว่าพวกเขาทั้งสามคนกำลังสวิงกิ้งพลอดรักอยู่บนเตียงเดียวกัน ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วต่างฝ่ายต่างก็อยู่ห่างไกลกันคนละโยชน์ ซึ่งก็ต้องขอบคุณสัญญาณอินเตอร์เน็ตอันลื่นไหลในยุคปัจจุบันนี้ ที่ทำให้สองศรีพี่น้อง สามารถแบ่งปันความสุขจากผู้ชายคนเดียวกันได้ แม้ว่าพวกเธอทั้งคู่จะอยู่กันคนละที่ก็ตาม
“อ๊ะ! อาห์... ซี้ดส์! อาห์!! มะ... ไม่... ไม่ไหวแล้ว... ววววว อ๊าย!!!” และสุดท้ายก็กลายเป็นฝั่งของนิ่ม ที่ตัดหน้าน็อกรอบแซงทุกคน ด้วยการวิ่งทะยานเข้าสู่เส้นชัยไปพร้อมกับอาการสุขล้นจนท่วมท้นรูเสียว ร่องเนื้อภายในออกอาการตอดขมิบแบบถี่ยิบๆๆ พร้อมกับหลั่งสายน้ำแห่งความสุขแตกราดท่อนเอ็นของโมที่กำลังกดกระทุ้งอยู่ในตัวเธอแบบรัวๆ ขณะที่เรือนกายภายนอกก็ออกอาการสั่นสะท้านอย่างรุนแรงราวกับโดนไฟช็อต สองมือจิกขยุ้มลงไปบนผ้าปูที่นอน พร้อมกับก้มหน้างุดๆ ใส่หมอน เพื่อหมายจะข่มกลั้นเสียงครางของตนเองเอาไว้ไม่ให้มันดังไปกว่านี้
แรงบีบรัดที่รุนแรงและอุ่นชื้นของกายสาว ทำให้โมเองก็ชักเริ่มที่จะทนฝืนต่อความเสียวไม่ไหว เขาเร่งตะบันอาวุธแทงเข้าออกใส่ตัวเธอแรงระรัวเป็นชุดสุดท้าย ก่อนที่จะเปล่งเสียงร้องคำรามออกมาดังลั่นอย่างสะใจ โถมกดกระทุ้งท่อนเอ็นตอกยัดเข้าไปในโพรงเนื้ออ่อนแบบลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมกับระเบิดน้ำเชื้อเหนียวขุ่นพุ่งปรี๊ดๆ ออกมาจนตุงถุงยาง ยิงสลุตจนกระทั่งไม่หลงเหลือกระสุนใดๆ ให้ตกค้าง แล้วจึงค่อยทิ้งตัวลงนอนทาบทับไปบนแผ่นหลังเปลือยเปล่าของครูสาวอย่างสุขสมและเหนื่อยอ่อน
ฝั่งผู้ชมเพียงหนึ่งเดียวอย่างน้ำมนต์ เมื่อได้เห็นนักแสดงหลักทั้งสองวิ่งตะกายถึงฝั่งฝันกันไปหมดแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่เธอจะต้องฝืนรั้งรอต่อไปอีก หญิงสาวโยนโทรศัพท์มือถือในมือทิ้งไปบนเตียงนอน และเปลี่ยนมาใช้นิ้วมือข้างที่ยังว่างอยู่นั้น จัดการกดบี้คลึงลงไปที่ปุ่มกระสันเสียวด้านนอก พร้อมกับใช้มืออีกข้างกดแยงดิลโด้ซอยเข้าออกใส่ร่างตัวเองแบบรัวๆๆ จนกระทั่งถึงจุดที่เธอไม่อาจเก็บกลั้นความเสียวเอาไว้ได้อีกแล้ว
“โอ๊ะ! โอ้ว... โอ้ว!! ซี้ดส์...!!! พี่นิ่ม... โมขา... โอ้ว!! แตก... แตกแล้ว!!!” น้ำมนต์เปล่งเสียงร้องออกมาอย่างสุดกลั้น เนื้อตัวกระตุกสั่นสะท้าน โพรงเนื้อภายในหดเกร็งขมิบยวบๆ แบบถี่กระชั้นโดยที่ไม่อาจควบคุมได้ ความรุนแรงของมันเล่นเอาเจ้าดิลโด้ที่กดเสียบค้างอยู่ในกาย ถึงกับพุ่งปรี๊ดกระเด็นหลุดออกมาจากโพรงเสียวของเธอจนกลิ้งตกลงไปบนพื้นเตียง เป็นอันว่าหญิงสาวคนสุดท้ายก็สามารถตะกายถึงฝั่งฝันตามนักแสดงทั้งสองคนไปได้แบบติดๆ กัน
“ฮัลโหล น้ำมนต์ยังอยู่มั้ย?” เป็นเสียงของโมที่เอ่ยถามขึ้นเมื่อพบว่าคู่สนทนายังคงไม่ได้วางสาย ทว่าภาพบนจอนั้นกลับมีแต่สีดำมืด
“ยังอยู่จ้า อยู่นี่ๆ” น้ำมนต์เอื้อมไปคว้าโทรศัพท์ที่วางคว่ำอยู่บนเตียงขึ้นมาจ่อกล้องเข้าหาใบหน้าที่แดงจัดและเปียกชุ่มเหงื่อ
“หายไปไหนมาเนี่ย?” ชายหนุ่มเอ่ยปากแซว
“ไป... ไปสวรรค์มา” สาวสวยว่าแล้วก็หัวเราะร่าชอบใจ
“พอแล้ว เลิกคุยได้แล้ว” เป็นฝั่งนิ่มที่เอ่ยแทรกขึ้น พร้อมกับคว้าโทรศัพท์มือถือจากโมเอาไปกดตัดสายทิ้งด้วยความขัดเขิน
“เอ้า! ยังคุยไม่ทันจบเลย ทำไมรีบวางจัง” โมทำหน้าเหลอหลาแกล้งเซ่อ
“จะคุยอะไรนักหนา ใช่เวลามั้ยเนี่ย? ฮึ! คนนิสัยไม่ดี” หญิงสาวปั้นหน้างอนใส่เขา เมื่อพบว่าตนเองดันพลาดท่าตกเป็นเหยื่อให้ชายหนุ่มแกล้งฉายหนังสดโชว์น้องสาวตัวเองแบบเต็มๆ ตา
“ง่าๆ อย่างอนน้า ก็แค่อยากให้น้ำมนต์ได้มีส่วนร่วมด้วยเฉยๆ ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งนานแล้ว” ชายหนุ่มอ้อนและเอื้อมมือไปดึงร่างเธอมากอดไว้แน่น
“อะไรๆ แค่นิ่มคนเดียวโมยังไม่พอใจอีกเหรอ? นี่จะลากน้ำมนต์เข้ามาเกี่ยวด้วยเนี่ยนะ?” นิ่มทำเสียงดุชี้นิ้วขู่
“เอ้ย! ไม่ใช่แบบน้าน ไม่ได้บอกว่านี่จะไปมีอะไรกับน้ำมนต์ซักหน่อย ก็แค่อยากให้นิ่มลองเปลี่ยนบรรยากาศ ทำกันแบบมีคนดูด้วยเฉยๆ” โมรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ กลัวว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจเจตนาเขาผิด คิดว่าจะตีเนียนไปวุ่นวายกับน้องสาวของเธอด้วยอีกคน
“ให้จริงเถอะ ถึงเราสองคนจะไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่เรื่องนี้นิ่มก็ไม่ยอมให้หรอกนะ บอกไว้ก่อน” หญิงสาวรีบพูดดัก
“จริงจริ๊ง เราไม่ใช่ขุนแผนนะ ใครจะกล้าสอยทั้งตะเภาแก้วและตะเภาทองพร้อมๆ กันล่ะคร้าบ” ชายหนุ่มตอบทันควัน
“นั่นมันไกรทองย่ะ! โมมั่วสุดๆ เลย” คู่สนทนาหลุดหัวเราะออกมาจนได้ ทั้งที่อุตส่าห์พยายามเก๊กเสียงขรึมอยู่ตั้งนาน
แล้วพวกเขาก็ต้องจูงมือกันเข้าไปอาบน้ำล้างตัวกันใหม่อีกหนึ่งรอบ เพียงแต่คราวนี้ไม่มีการล่วงละเมิดใดๆ ทั้งสิ้น เพียงตั้งหน้าตั้งตาฟอกสบู่ชำระคราบไคลให้กัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะรีบบึ่งรถพาเธอไปส่งถึงบ้าน เพราะกลัวว่าหากเถลไถลอยู่กันต่อจนดึกดื่นไปมากกว่านี้ ครอบครัวของเธอจะเริ่มนึกเป็นห่วงขึ้นมาเสียก่อน
“ขอบคุณนะโม วันนี้นิ่มมีความสุขมากเลย” นิ่มเอ่ยขอบคุณเขาขณะเตรียมจะก้าวลงจากรถยนต์ที่จอดนิ่งอยู่หน้าบ้าน
“ไม่หรอก เราต่างหากที่ต้องขอบคุณ อุตส่าห์พามาเลี้ยงข้าว แถมยังยอมให้เรานอนกอดด้วย” โมตอบพร้อมกับอมยิ้มซุกซน
“บ้า... พูดไรเนี่ย” ครูสาวทำหน้าเขินหลบตา
“ก่อนไป ขอหอมส่งท้ายซักที” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาดื้อๆ
“ทะลึ่งจัง” หญิงสาวบ่นอุบ แต่ก็ยอมหันแก้มให้เขาหอมฟอดใหญ่ส่งท้าย
“เฮ้อ ชื่นใจ” ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม
“ไปแล้วนะ เดี๋ยวแม่รอ” เธอกล่าวตัดบท หลังจากยื้อกันไปยื้อกันมาอยู่พักใหญ่ๆ
“จ้า ยังไงก็ฝากความคิดถึงไปหาน้ำมนต์ด้วยนะ ฝากบอกว่าคืนนี้สนุกดี ไว้ถ้านิ่มยอมค่อยหาโอกาสทำใหม่” เขาแหย่
“เดี๋ยวเถอะ! หยุดเลย” เธอค้อนใส่พร้อมกับชูกำปั้นขู่ ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไปในที่สุด
=======================================
ช่วงเย็นวันศุกร์... โมที่ใช้เวลาแทบจะตลอดทั้งอาทิตย์ ตรากตรำทำงานด่วนให้ลูกค้า จนถึงขั้นต้องยกทีมนอนค้างกันที่ออฟฟิศ พอปิดงานเสร็จเรียบร้อย อาการปวดเมื่อยบนเนื้อตัวก็ชักจะกำเริบขึ้นมา โดยเฉพาะตรงบริเวณไหล่และแผ่นหลังซึ่งเป็นดั่งศัตรูคู่ปรับตลอดกาลของคนทำงานออกแบบเช่นเขา พอมีเวลาว่างชายหนุ่มจึงรีบยิงนัดไปนวดน้ำมันที่ร้านของแนน
“ไปทำบ้าอะไรมาเนี่ย บ่าแข็งเป็นก้อนเลย?” แนนเอ่ยปากบ่น ขณะชโลมน้ำมันพร้อมออกแรงบีบนวดลงไปบนบ่าทั้งสองข้างของชายหนุ่มที่กำลังนอนหมอบคว่ำหน้าอยู่บนเตียงนวด สัมผัสที่เกิดขึ้นทำให้หมอนวดสาวรู้ได้ทันทีว่าเจ้าของร่างคงไปฝืนใช้งานมันเกินเหตุอีกครั้ง
“เออ อาทิตย์นี้ลุยงานหนักไปหน่อย แทบไม่ได้นอนเลยว่ะ ปวดเมื่อยไปหมดเลยเนี่ย อู๊ย... ยยย ตรงนั้นแหละ ดีๆๆ” โมกล่าวสลับกับส่งเสียงร้องครางหงิงๆ อย่างสะใจ เมื่อโดนอีกฝ่ายกดนวดลงตรงเส้นที่ตึงยึดอยู่พอดี
“บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่านั่งเกร็งท่าเดิมนานๆ เดี๋ยวก็เส้นพังหมดก่อนที่จะแก่หรอก ต่อให้ยุ่งแค่ไหนก็ต้องหัดขยับตัวเดินเหินบ้าง” แนนบ่นต่อราวกับเป็นแม่เขา มือก็คอยออกแรงบีบนวดลงไปบนแผ่นหลัง เรื่อยมาจนถึงบั้นเอวและสะโพกที่ชายหนุ่มแอบเก็บสะสมความเมื่อยล้าเอาไว้ข้างใน แม้น้ำเสียงนั้นจะฟังดูหงุดหงิดรำคาญ แต่ชายหนุ่มก็รู้ว่าเธอบ่นออกมาเพราะเป็นห่วงเขานั่นแหละ
“จ้า รู้แล้วจ้าแม่ ทำไงได้ ถ้าไม่ฝืนก็ปิดงานไม่ทันเดดไลน์ลูกค้าน่ะสิ คราวหน้าไม่มีแบบนี้อีกแล้ว สัญญา” โมเอ่ยปากรับคำเธอไปก่อน แม้จะรู้ดีว่าสุดท้ายแล้ววันหน้าเขาก็คงจะต้องหวนกลับมาให้เธอช่วยซ่อมร่างที่ใกล้จะพังมิพังแหล่อีกอยู่ดีนั่นแหละ
“แล้วช่วงนี้เป็นไงมั่ง?” หมอนวดสาวเกริ่นถามขึ้น พลางขยับมือเปลี่ยนจุดนวดไปเรื่อยๆ ด้วยความคล่องแคล่วชำนาญ
“เรื่องไร? งานเหรอ? หรือว่าเรื่องอื่น?” ชายหนุ่มย้อนถามให้ชัด
“ก็เรื่องทั่วๆ ไป อย่างเรื่องสาวๆ ในสต็อกแกอ่ะ สรุปตอนนี้มีคนไหนที่คิดจริงจังอยู่มั่งเนี่ย? หรือกะจะป้อไปเรื่อยๆ แบบนี้ตลอด?” หมอนวดสาวแกล้งเปิดประเด็นขึ้นมาลอยๆ ทำให้ชายหนุ่มเริ่มเอะใจขึ้นมาตะหงิดๆ ว่าอีกฝ่ายคงมีเจตนาบางอย่างอยู่ภายในใจ ถึงได้ชวนเขาคุยเรื่องสาวๆ ขึ้นมาเสียเฉยๆ
“ฮั่นแน่ ที่แกชวนคุยเรื่องนี้นี่ เพราะจริงๆ แล้วกำลังแอบหึงเราอยู่ใช่มะ?” โมถามเธอสวนกลับไป
“ฮึ! หลงตัวเอง ใครจะไปหึงคนอย่างแกได้ลง” แนนทำหน้าเหม็นเบื่อใส่เขา
“ไม่งั้นก็... เป็นแกเองนั่นแหละ ที่กำลังคิดจะจริงจังกับคนอื่นอยู่อ่ะดิ?” เขาเดาสุ่มต่อไปแบบไม่ยอมแพ้
“สู่รู้” หญิงสาวถึงกับออกอาการเคอะเขินเมื่อโดนเขาจับไต๋ได้อย่างง่ายดาย
“นั่นไง สรุปแล้วแกกับไอ้น้องนั่นคบกันจริงๆ แล้วใช่มะ?” เขาถามจี้ด้วยน้ำเสียงที่เก็บซ่อนความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ไม่อยู่
“เปล่า ไม่ได้คบ” แนนชิงตอบปฏิเสธกลับมาทันควัน
“อ้าว อะไร?” โมถึงกับชะงักเมื่อได้ฟังคำตอบที่ไม่ตรงกับสิ่งที่หวังเอาไว้
“แต่ว่า... ชั้นพาเค้าไปนอนค้างที่ห้องมาแล้ว” หญิงสาวบอกและทำท่าอมยิ้มเขินกับตัวเอง คำตอบของเธอยิ่งชวนให้เขารู้สึกงุนงงมากขึ้นไปอีก
“เอ๊า! สรุปคือยังไง? ชักงงแล้วเนี่ย เล่าให้มันรู้เรื่องดิ๊” เขาขมวดคิ้วถามตรงๆ
“เออ ก็กำลังจะเล่าอยู่เนี่ย แกแม่งใจร้อนเอง ก็วันก่อนใช่ป่ะ น้องเค้าชวนชั้นไปดูหนังมา แล้วกว่าหนังจะจบมันก็ดึกมากแล้ว น้องเค้าก็เลยอาสานั่งแท็กซี่กลับไปส่งชั้นที่ห้อง...” แนนค่อยๆ เกริ่นย้อนความ แต่ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกอีกฝ่ายถามแทรกขึ้นกลางคัน
“ดูเรื่องไรมา?” โมดันเฉไปสนใจเรื่องชื่อหนังที่เธอดูเสียอีก
“คิงส์แมนภาคสอง” หญิงสาวเฉลย ทำเอาชายหนุ่มถึงกับหลุดขำออกมา
“ห่า พึ่งไปดูมาเหมือนกัน โคตรบังเอิญเลย แม่งเว่อร์ดีเนอะ คนโดนยิงตายห่า ดันฟื้นกลับมาหน้าตาเฉย” เขาชวนคุยเรื่องหนัง
“เดี๋ยวก่อน กลับมาก่อน จะหลุดประเด็นอีกแล้ว” คู่สนทนาที่ไหวตัวทันจึงพยายามลากบทสนทนากลับเข้าประเด็นเดิม
“อ่ะ พอน้องเค้ามาส่งถึงห้อง แกก็เลยจัดการ เผด็จศึกเค้าคาห้องเชือดซะเลย?” โมสานต่อพร้อมกับหยอดมุกเสร็จสรรพ
“อุบาทว์ว่ะ ใช้คำให้มันดีๆ หน่อย” แนนมองค้อนตาขวาง
“ปิดเกม สังหารโหด ล่อมาชำแหละ ให้ใช้คำไหนล่ะ?” ชายหนุ่มยังไม่ยอมเลิกราง่ายๆ สุดท้ายเลยโดนหมอนวดสาวจัดการทิ้งศอกกดน้ำหนักลงไปที่กลางบั้นเอวแทนการเอาคืน
“โอ๊ยๆ! ล้อเล่นๆ เจ็บๆๆ หยุดก่อน ไม่แซวเลย ยอมแล้ว!” เขาร้องโอดโอยพร้อมกับพูดขอโทษเธอจ้าละหวั่น
“เออ รำคาญ” หญิงสาวกล่าวเสียงระอา ก่อนจะยอมผ่อนน้ำหนักบนข้อศอก
“อู๊ย... ไอ้โหดเอ๊ย... อ่ะ แล้วยังไงต่อ มานอนค้างที่ห้อง แล้วได้มีไรกันมั้ย?” โมยิงคำถามตรงๆ ไม่อ้อมค้อม
“ก็...” แนนอ้ำอึ้ง ออกอาการเขินจนชายหนุ่มพอเดาคำตอบได้ไม่ยาก
“ก็มี” เขาตอบให้แทน
“อือ ก็มี” เธอพยักหน้ายอมรับอายๆ
“กี่รอบ?” เขาถามลึกขึ้นกว่าเดิมอีก
“ถามซักไซ้จังวะ” หมอนวดสาวเขินจนหน้าแดงไปหมดแล้ว
“เออ ก็อยากรู้นี่ บอกมาเหอะน่า กี่รอบ?” ชายหนุ่มถามซ้ำ
“สอง กลางคืนรอบนึง ตอนเช้าอีกรอบนึง แล้วเค้าก็กลับไปตอนสายๆ” เธอยอมเล่ารายละเอียดให้ฟังในที่สุด
“เออ ก็ไม่มากไม่น้อยเกินไป กำลังดี” ชายหนุ่มว่า
“อือ” คู่สนทนาขานตอบ แล้วก็นิ่งเงียบไปชั่วครู่เพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
“ใหญ่มะ?” โมยิงคำถามที่สงสัยออกไป ทำเอาหมอนวดสาวถึงกับพ่นลมหายใจแรงๆ พร้อมกับส่ายหัวอย่างระอา
“ทำแมะ? จะอยากรู้ไปทำไมนักหนา จะเปรียบเทียบกะของตัวเองรึไง? ฮึ!?” แนนเท้าสะเอวถาม
“ใหญ่กว่า หรือ เล็กกว่า บอกมา” ชายหนุ่มกระตุ้น
“เล็กกว่าอยู่แล้วอีบ้า ของแกมันผิดปกติ” คู่สนทนายอมบอกในที่สุด ใบหน้ากลายเป็นสีแดงแป๊ดไปถึงใบหู
“แล้วลีลาล่ะ?” เขายิ้ม แต่ยังไม่ยอมหยุด
“โอ๊ย น้องเค้าพึ่งเด็กอยู่ จะไปสู้อะไรกับแกได้ เอาเป็นว่าทำชั้นเสร็จได้ทุกครั้งก็แล้วกันน่า” แนนตัดบทอย่างรำคาญ
“ถึงขนาดนี้แล้ว ตกลงก็ยังไม่ได้คบกันอีก? ทำไมวะ?” โมเปลี่ยนเรื่องถามใหม่ พอคุยกันมาถึงจุดนี้หมอนวดสาวก็เผลอหยุดมือเลิกนานไปชั่วขณะ ในหัวพยายามนึกทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปพลางๆ
“ตอนที่เอากันเสร็จรอบดึก เค้าก็ถามชั้นมาตรงๆ นะว่าจะติดไรมั้ย ถ้าเกิดจะลองคบกันดู” แนนค่อยๆ ย้อนเหตุการณ์ต่อ
“เออ แล้วติดอะไรเล่า? จะเล่นตัวทำเพื่อ?” ชายหนุ่มยิ่งฟังยิ่งนึกรำคาญกับอาการเล่นตัวของเพื่อนสาวคนนี้
“ก็มันยังไม่ค่อยแน่ใจนี่หว่า รู้สึกว่ามันเร็วไปเปล่าวะ? พึ่งรู้จักกันได้ไม่กี่เดือน ยังไม่ทันรู้นิสัยตื้นลึกหนาบางดีเลย แล้วถ้าเกิดตกลงคบกันไปแล้วมันไม่ใช่ ก็ต้องเสียเวลา เสียความรู้สึกกันเปล่าๆ” แนนพยายามเรียบเรียงความรู้สึก
“โว๊ะ! คิดมากไปแล้วไอ้แนน ถ้ารู้สึกชอบกัน ก็ลองคบไปก่อน ศึกษาดูใจกันไปเรื่อยๆ ถ้ามันจะใช่มันก็ใช่ ถ้ามันไม่ใช่ก็ค่อยถอยออกมา มันไม่มีหรอกไอ้คำว่าเสียเวลาน่ะ ถ้าปล่อยให้คาราคาซังไปนานๆ แบบนั้นต่างหากเว่ยที่เรียกว่าเสียเวลา” โมรีบพลิกตัวขึ้นมาให้คำแนะนำเพื่อนด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไร้ซึ่งท่าทีขี้เล่นอย่างที่เป็นมาตลอดการนวด
“แล้วถ้าชั้นตกลงคบกับน้องเค้าไปจริงๆ แล้วแกจะทำใจได้เหรอ?” เธอถามกลับ
“ทำไมวะ? ทำไมแกคิดว่าเราจะทำใจไม่ได้?” โมทำหน้างงๆ ไม่เข้าใจ
“เอ้า ก็ถ้าชั้นกับน้องเค้าเป็นแฟนกัน แกก็มีอะไรกับชั้นไม่ได้แล้วนะ ไม่เข้าใจเหรอ?” แนนขยายความให้ฟัง
“เออ เรื่องนั้นน่ะรู้อยู่แล้ว ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ก็ดีใจด้วย ถึงไม่ได้มีไรกันแล้ว ก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมนี่หว่า” โมตอบทันทีเหมือนไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรสักนิด
“เหรอ ชั้นนึกว่าแกจะเสียใจกว่านี้ซะอีก” หญิงสาวแอบแปลกใจเล็กๆ กับท่าทีของเขา
“ไอ้เสียใจน่ะไม่เสียใจหรอก แต่เสียดายก็คงมีบ้าง แต่มันก็เข้าใจได้เว่ย ถ้าอีกคนจะมีความสัมพันธ์จริงจัง ยังไงมันก็ควรยินดีมากกว่า” เขาตอบชัดถ้อยชัดคำ จนเธอยอมพยักหน้าเออออตาม
“หรือแกเองต่างหาก ที่ยังตัดสินใจเลือกไม่ได้ ระหว่างเรากับน้องเค้าวะ อารมณ์แบบทาทาอ่ะ ขาดเธอก็เหงา ขาดเขาก็คงเสียใจ” ชายหนุ่มยิงมุกแซวเธอ พร้อมกับร้องเพลงแซวอย่างอารมณ์ดี
“ฝันไปเหอะ น้ำหน้าอย่างแกน่ะ ตัดไปชั้นก็ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น” หมอนวดสาวสวนโครมพร้อมกับแลบลิ้นใส่อย่างทะเล้น
“เออ ถ้างั้นก็อย่าเล่นตัวมาก เดี๋ยวเกิดวันดีคนดี น้องแม่งเปลี่ยนใจขึ้นมา ถึงตอนนั้นจะมาเสียดายทีหลังนะเฟ้ย” โมชิงพูดดักคอ
“อืม ไว้เจอกันครั้งหน้าค่อยไปให้คำตอบก็ได้ พุธหน้าเค้าก็มานวดอีก” แนนเอ่ยพร้อมกับพยักหน้าน้อยๆ แทนการตอบรับ
“ดีแล้ว ถ้าคบกันเมื่อไหร่ก็บอกด้วยแล้วกัน เดี๋ยวจะพาไปเลี้ยงฉลอง จะชวนน้องเค้ามาด้วยก็ได้นะ” ชายหนุ่มยิ้มกริ่มให้
“ไม่เอาหรอก ใครจะพามาให้แกแซว บ้าเปล่า เอ้า! คว่ำลงไปได้แล้ว จะได้รีบๆ นวดต่อให้จบ เสียเวลา” เธอพูดพลางใช้มือดันหลังเขาให้นอนคว่ำลงไปตามเดิม แต่พอถึงจุดที่ต้องเปลี่ยนมานวดด้านหน้าบ้าง จังหวะที่ชายหนุ่มพลิกตัวขึ้นมานอนหงาย หมอนวดสาวจึงสังเกตเห็นถึงอาการ ‘โด่เด่’ ที่ตั้งตุงทะลุผ้าขนหนูออกมาอย่างชัดเจนเต็มสองตา
“เฮ้ย ทำไมแข็ง? แค่นวดเฉยๆ เอง” แนนอุทานอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นสภาพอาวุธที่กำลังแข็งตัวเต็มที่ของเขา
“แหม ฟังเรื่องที่แกเล่าขนาดนี้ ไม่แข็งให้มันรู้ไป ปวดตั้งแต่ตอนนอนคว่ำแล้วเฟ้ย” โมตอบชัดถ้อยชัดคำ
“เหรอ... ถ้างั้น... เอาไงดีน้า?” หมอนวดสาวยิ้มเยาะ พลางเอื้อมมือลงไปคว้าหมับจับที่ท่อนลำของเขาเข้าเต็มกำมือ
“อุ! ไอ้บ้า ทำเป็นเล่นไป... พอเลย เดี๋ยวก็เลยเถิดหรอก” ชายหนุ่มเกร็งท้องด้วยอาการสยิว ไอ้หนูเขาน่ะมันพร้อมสู้มาตั้งแต่ต้นแล้ว ตั้งแต่ตอนที่เธอยังไม่ทันแตะสัมผัสโดนเลยด้วยซ้ำ
“ถ้าไม่หยุดจะทำไม?” แนนถามแบบท้าทายพลางจ้องตาเขา มือก็ออกแรงกำบีบลงไปเบาๆ พอให้ร่างกายของชายหนุ่มเกิดอาการสั่นสะท้านตัวเกร็ง ต้องเผลอสูดปากร้องซี้ดออกมาเบาๆ เมื่อโดนนิ้วมือซุกซนคลึงเข้าไปที่สวนหัวผ่านทางนอกผ้าขนหนู
“อูย... ยยยย ก็ไหนบอกว่าจะหยุด เพราะจะไปคบกับน้องเค้าไง” เขาทวนคำที่เธอบอกเมื่อครู่ หน้าตาเหยเก
“ก็ยังไม่ได้คบกันนี่ คิดซะว่า... เป็นบริการส่งท้าย ก่อนที่จะไม่มีโอกาสอีกแล้วกัน” หญิงสาวเอ่ยเพียงเท่านี้ ก่อนจะใช้มือกระตุกผ้าขนหนูที่แสนเกะกะโยนทิ้งไปกับพื้น ปล่อยให้เจ้างูยักษ์ของเขามันดีดผึงออกมาท้าทายสายตาเธอ
“ไม่เจอกันนานนะตัวเล็ก” แนนเอ่ยหยอกเย้า พลางใช้มือซ้ายชักรูดที่ท่อนลำ ขณะที่มือขวาก็เอื้อมไปลูบไล้ที่บริเวณท้องน้อยของเขาเพื่อเสริมสร้างความเสียวแบบทวีคูณ
“ไม่เล็กเฟ้ย...” โมเถียง พร้อมกับเกร็งร่าง งัดท่อนเนื้อให้กระตุกหงึกๆ สู้มือเธอ ราวกับจะประกาศว่าของข้าน่ะใหญ่คับฟ้า
“ยังไงก็เล็กกว่าปากชั้นแล้วกัน” เธอสวนกลับ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไป อ้าปากครอบอมลงไปที่ส่วนหัว ออกแรงโก่งคอเพียงครั้งเดียว ก็สามารถกลืนกินท่อนลำไปได้เกือบครึ่ง พร้อมกับเสียงครางซี้ดที่หลุดลอดออกมาจากลำคอของชายหนุ่ม
“โอย... ยยยย ถ้างั้นก็เอาที่แกสบายใจเลย ซี้ดส์ อืม... มมมม” โมครางหลับตาพริ้ม ก่อนจะทิ้งตัวนอนหงายราบลงไปอย่างสบายอารมณ์ สองมือเกาะที่ขอบเตียง ขณะรอลุ้นความเสียวที่อีกฝ่ายกำลังจะมอบให้
“อืม... มมมมม” แนนส่งเสียงครางอืมในลำคอแทนคำตอบ เพราะมีดุ้นเนื้ออุดคับอยู่เต็มปาก เธอค่อยๆ ผงกหัวรูดกินมันเข้าไปลึกขึ้นๆ จนกระทั่งท่อนเนื้อยักษ์เข้าไปจอดคาอยู่เต็มแก้ม จากนั้นจึงค่อยๆ ออกแรงผงกหัวรูดปากเข้ากับท่อนเนื้ออย่างเชื่องช้า เสียงดูดดังชัดเต็มสองหู เพราะไม่ใช่แค่ฝั่งของชายหนุ่มเท่านั้นที่กำลังอยู่ในอาการเสียดาย แต่ฝั่งของหญิงสาวเองก็อดคิดถึงรสชาติความสุขที่เจ้าสิ่งนี้เคยมอบให้เธอไม่ได้เหมือนกัน
แนนออกแรงห่อปากดูดเอ็นของเขาจนแก้มตอบด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความเอร็ดอร่อย เสียงดังจ๊วบ...บบบบบบ จ๊วบ... บบบบบบบบ น้ำมันนวดสูตรพิเศษแบบกินได้ นอกจากไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ปากแล้ว ยังช่วยเพิ่มกลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้เธอเพลิดเพลินตลอดการดูด พอดูดกินมันจนหนำใจแล้วเธอก็ยอมคายท่อนเนื้อออกมา และเปลี่ยนมาใช้ลิ้นตวัดเลียไปรอบๆ บริเวณหัวหยักที่เปียกชุ่มโชก เรียกเสียงครางซี้ดออกมาจากปากเขา เมื่อปลายลิ้นอ่อนนุ่มตวัดไปโดนที่รอยแยกเล็กจิ๋วแบบพอดิบพอดี บั้นเอวของชายหนุ่มถึงกับแอ่นเกร็งกระเด้ง ขณะปล่อยกายสบายใจให้เธอใช้ปากปรนเปรอความสุขให้ ไล่ตั้งแต่ส่วนปลายหัว ลำโคน เรื่อยมาจนถึงพวงไข่นุ่มนิ่มทั้งสองข้าง ที่โดนลิ้นเธอลากเลียอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยอ่อน
แล้วแนนก็วกริมฝีปากกลับมากลืนกินที่ยอดเสาเข็มด้านบนอีกครั้ง คราวนี้เธอตั้งใจห่อปากรูดกลืนมันเข้าไปจนสุดลำโคน ตอเนื้อที่ใหญ่หนานั้นครูดผ่านโพรงเนื้อแคบๆ ที่ทั้งอุ่นชื้นและอ่อนนุ่ม จนกระทั่งทิ่มเข้าไปลึกสุดคอหอยเธอ เกือบทำให้หญิงสาวสำลักเพราะขนาดที่ใหญ่โตเกินไปของมัน จนต้องรีบขยับถอนศีรษะออกมาเล็กน้อยเพื่อตั้งหลัก พออะไรๆ มันเริ่มเข้าที่เข้าทางดีแล้ว หญิงสาวจึงเริ่มออกแรงผงกหัวขึ้นลงอีกครั้ง โดยใช้ปลายลิ้นนุ่มๆ เกี่ยวกระหวัดรัดไปรอบๆ ลำโคน ตลอดเวลาที่เธอกำลังดูดกินมัน ด้วยเจตนาจะมอบความสุขส่งท้ายให้แก่ชายหนุ่มแบบสุดความสามารถ
“อู๊ย... ยยยยย แม่เจ้าประคุณเอ๊ย นี่กะจะเอาให้แตกคาปากกันเลยใช่มั้ยเนี่ย?” โมส่งเสียงครางสยิวหน้าตาเหยเก แอ่นกระเด้งบั้นเอวยิกๆๆ เมื่อเจอทีเด็ดของเพื่อนสาว ประเคนใส่ให้เขาแบบไม่ยั้งมือ ไม่สิ ต้องบอกว่าไม่ยั้งปากมากกว่า หมอนวดสาวไม่ได้โต้ตอบอะไรออกมาเป็นคำพูด แต่กลับยิ่งเร่งความเร็วและความหนักหน่วงในการดูดเอ็นเนื้อในปาก พร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างช่วยตั้งประคองท่อนลำ มือหนึ่งกระตุกชักรูดที่ลำโคนอวบ ส่วนมืออีกข้างก็คอยลูบไล้ขยำขยี้เล่นที่พวงไข่ เดี๋ยวซ้าย... เดี๋ยวขวา... โดยที่ริมฝีปากก็ยังคงทำหน้าที่เป็นตัวสร้างความสุขเสียวให้แก่เขา จนกระทั่งถึงจุดหนึ่ง ชายหนุ่มก็ออกอาการไม่ไหวให้เห็น
“อู๊ย... แก จะอั้นไม่อยู่แล้วน้า... ซี้ดส์... อู๊ย... เอางี้เลยเหรอ? อุ๊! อู๊ย... แตกแล้ว... ววววว!!! อู้ว!!!” โมร้องออกมาอย่างสุดเสียว สองมือที่เคยเกาะขอบเตียง เปลี่ยนมาจับประคองที่ศีรษะของหญิงสาว พร้อมกับเด้งสะโพกอัดท่อนเนื้อใส่ปากเธอแบบถี่ยิบๆ แล้วระเบิดน้ำเชื้ออุ่นข้นล้นเข้าไปเต็มๆ ปากเธอ ซึ่งหมอนวดสาวที่เจนจัดสนามดีพอ ก็จัดการห่อเม้มปาก พร้อมกับออกแรงดูดกลืนมันเข้าไปจนหมดไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว เล่นเอาเขาแทบตัวแห้งหมดสภาพคาปากของเธอไปเลย
“แหวะ โคตรคาวเลย” แนนสบถ พลางใช้หลังมือเช็ดไปรอบๆ ขอบปากของตัวเองด้วยสีหน้าไม่ปลื้ม เป็นอันจบการนวดเพียงเท่านี้
“แล้วจากนี้แกจะทำไงต่อวะ?” โมเกริ่นถามระหว่างที่กำลังจะแยกทางกัน และเตรียมจะลงไปชำระเงินข้างล่าง
“เรื่องไร?” แนนถามขณะก้มหน้าก้มตาเก็บข้าวของจัดการความเรียบร้อยต่างๆ ในห้อง
“เรื่องนวดพิเศษกับลูกค้าไง จะทำอยู่ป่ะ?” เขาขยายความ
“ก็... ไม่รับงานพิเศษไง ถ้าเกิดว่าตกลงคบกับน้องเค้าแล้ว” เธอตอบทันทีไม่เสียเวลาคิดด้วยซ้ำ
“ถามจริง?” ชายหนุ่มแอบนึกแปลกใจกับคำตอบ เพราะที่ผ่านมา ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันบนเกาะ หญิงสาวคนนี้คือนักล่าสวาทตัวจริงที่เขาเองยังต้องยอมแพ้กับความบ้ากามของเธอด้วยซ้ำ
“จะมีแฟนแล้ว ก็ไม่ควรมั่วป่ะวะ?” แนนหันมาตอบสบตาเหมือนว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างการกินข้าว ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเขาจะถามแบบนั้นทำไม นั่นสินะ การไม่นอกลู่นอกทางขณะมีแฟน มันก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ใครๆ ก็ทำกันอยู่แล้ว จะมีแค่คนซื่อบื้อๆ แบบเขานี่แหละที่ทำผิดพลาดซ้ำซาก
“เออ จริงของแก” โมตอบและอมยิ้ม รู้สึกประทับใจในความซื่อตรงของเพื่อนสาวคนนี้
“แต่เฉพาะลูกค้าผู้ชายนะ ถ้าเป็นลูกค้าผู้หญิงก็ยังรับเหมือนเดิม” หญิงสาวตอบหักมุมอีกรอบ
“เฮ้ย! พึ่งพูดอยู่หยกๆ ว่าไม่ควรมั่วไม่ใช่เรอะ?” เขาถามเสียงแหลม
“มันไม่เหมือนกัน ผู้หญิงกับผู้ชาย ถ้าผู้หญิงด้วยกัน ก็ไม่ถือว่านอกใจหรอกน่า อิอิ” หมอนวดสาวพูดกลั้วหัวเราะอย่างทะเล้น
“ตูว่าแล้ว... ววววว ไอ้นี่มันอดไม่ได้แหงมๆ” เขาส่ายหัวพร้อมกับอมยิ้มอย่างอ่อนใจ ก่อนจะบอกลาเธอเพื่อแยกย้ายกลับบ้าน
แม้จะแอบรู้สึกใจหายลึกๆ ที่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแนน กำลังจะต้องลดระดับถอยห่างออกไป เมื่อเธอตัดสินใจแล้วว่าจะเดินหน้าคบหากับเด็กหนุ่มรุ่นน้องคนอื่น แต่อีกใจหนึ่ง ชายหนุ่มก็รู้สึกโล่งใจเช่นกัน เพราะนั่นเท่ากับว่าตัวเขาเองสามารถปล่อยวางเรื่องของแนนลงได้อย่างสบายใจ และทำให้ตัวเลือกที่ยังคลุมเครือในใจ นั้นหลงเหลือเพียงแค่หญิงสาวอีกสามคนเท่านั้น...
=======================================
ผู้หญิงคนสุดท้ายที่โมรู้สึกมีใจให้ก็คือบัวบูชา... สาวรุ่นพี่คนสวย ที่ตอนนี้ประสบความสำเร็จสุดๆ จากการผันตัวมาเป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องสำอางของตัวเอง แต่ถึงฐานะของเธอจะร่ำรวยอู้ฟู่แบบพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือแล้ว ทว่าบัวบูชาก็ยังคงเลือกที่จะครองตัวเป็นโสด โดยไม่คิดจะยอมตกลงปลงใจกับผู้ชายคนไหนที่สลับหน้าหมุนเวียนกันเข้ามาขายขนมจีบเธอเลย ไม่เว้นแม้แต่เจ้าหนุ่มรุ่นน้องคนสนิทอย่างโม ที่ดูจะมีแต้มต่อมากกว่าผู้ชายคนอื่นๆ เพราะเธอยินยอมที่จะมีอะไรกับเขาด้วย...
“ฮัลโหลพี่บัว ว่าไงครับ” โมกดรับสายเรียกเข้าจากบัวบูชา และกล่าวทักทายเธอไปในสายอย่างอารมณ์ดี
“เย็นนี้โมว่างมั้ย? แวะมาเจอกันที่ห้องพี่หน่อย สะดวกรึเปล่า” บัวบูชาเอ่ยความประสงค์แก่เขาแบบไม่รอให้เสียเวลา
“เย็นนี้เหรอ ว่างสิว่าง แต่ว่าผมอาจจะเลิกช้านิดนึงนะ กำลังเร่งปิดงานให้จบ น่าจะไม่เกินทุ่มนึงหรอก พี่รอได้เปล่า?” เขาทวนตารางชีวิตตัวเองและบอกไป
“อื้อๆ เอาเป็นว่ามาถึงแล้วก็โทรมาละกัน แค่นี้นะ” เธอกล่าวและเตรียมจะกดตัดสาย
“ได้คร้าบ เจอกันๆ” เขาตอบอย่างระรื่น เพราะนึกไปว่าที่เธอเรียกหานั้นเป็นเพราะทนคิดถึงกันไม่ไหว
โชคดีที่เขาสามารถปิดงานได้ไวกว่าที่คิดเอาไว้ ชายหนุ่มจึงไปถึงที่พักของเธอได้เร็วกว่าที่นัดหมายเอาไว้ในตอนแรก พอทั้งคู่เข้ามาอยู่ในห้องพักของบัวบูชาแบบเป็นส่วนตัวแล้ว สาวรุ่นพี่ก็ชักชวนเขาลงนั่งพูดคุยกันบนโซฟาด้วยท่าทีจริงจังโดยไม่รีรอให้เสียเวลา สร้างความประหลาดใจเล็กๆ แก่เขา
“พี่บัวมีไรเปล่าครับ? ทำไมวันนี้ดูจริงจังผิดปกติ” โมเอ่ยถามออกไปตามที่เห็นจากสีหน้าและอาการของเจ้าของห้องในเวลานี้
“โมจำเรื่อง ‘เดอะคลับ’ ที่พี่เคยเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ได้มั้ย?” บัวบูชารอให้เขานั่งลงบนโซฟาเรียบร้อยแล้วจึงค่อยเดินมานั่งประกบอยู่ข้างๆ พร้อมกับเอ่ยชื่ออะไรบางอย่างขึ้นมา มันเป็นชื่อที่ฟังดูค่อนข้างพื้นๆ และไม่มีจุดเด่นใดๆ เลย ทำให้ชายหนุ่มต้องตั้งสตินึกอยู่ครู่ใหญ่ๆ กว่าจะถึงบางอ้อว่ามันเป็นชื่อของสถานที่แห่งหนึ่ง
“ไอ้ที่ว่าเป็นเหมือนเซ็กส์คลับของคนรวย ที่พี่ชอบไปอ่ะนะ?” โมทวนความจำพร้อมกับตอบออกไป เขาเองพอจะเคยได้ฟังเรื่องราวของสถานที่แห่งนั้นจากเธอมาบ้าง และรู้ว่าสาวสวยมักจะแวะไปใช้บริการที่นั่นอยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้นึกสนใจอะไร เพราะหลงเข้าใจว่ามันก็คงไม่แตกต่างจากการไปเที่ยวอาบอบนวดของหนุ่มๆ ทั่วไปนั่นแหละ
“พี่พึ่งไปมาอีกรอบเมื่ออาทิตย์ก่อน ก็เลยได้คลิปนี้มา” บัวบูชากล่าว และยื่นโทรศัพท์มือถือจากมือตนเองส่งให้เขารับไปเปิดดู หน้าจอโทรศัพท์เกิดแสงสว่างวาบเมื่อชายหนุ่มใช้นิ้วมือกดสัมผัสให้มันทำงาน ก่อนที่เขาจะต้องเบิกตาค้างอย่างตะลึง เมื่อได้เห็นถึงสิ่งที่กำลังฉายค้างอยู่บนนั้น
มันเป็นคลิปวิดีโอของผู้หญิงสองคนที่กำลังเดินอยู่ภายในลานจอดรถแห่งหนึ่ง ซึ่งภาพที่เห็นนั้นแม้จะไม่ได้มีรายละเอียดที่คมชัดมากนัก เพราะถูกถ่ายมาจากกล้องติดรถยนต์อีกคันหนึ่ง และแม้จะมีแว่นกันแดดบดบังเกือบครึ่งหน้า แต่ใบหน้าที่ถูกถ่ายติดมานั้นก็สามารถระบุได้อย่างไม่ยากเย็น ว่านั่นคือใบหน้าของไอซ์ อดีตคนรักของเขาอย่างแน่นอน แถมคนที่กำลังเดินยิ้มแย้มอยู่ข้างๆ เธอ ก็คือไหม เพื่อนหุ้นส่วนที่ทำร้านอาหารมาด้วยกันนั่นเอง
“นี่มันอะไรครับพี่บัว? พี่ไปเจอเค้าที่ไหน?” โมหลุดปากถามออกไปด้วยอารมณ์สงสัยที่เอ่อล้นอก
“ที่ลานจอดรถเดอะคลับ พี่จอดรถเติมแป้งอยู่ กะว่าจะลงแล้ว แต่เห็นคนเดินผ่านมาพอดี ก็เลยรอให้เค้าเดินผ่านไปก่อน ค่อยตามออกไปทีหลัง แต่พอเค้าเดินมาใกล้ๆ ก็เริ่มรู้สึกคุ้นหน้า แต่ว่ายังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ เลยลองเซฟวิดีโอจากกล้องหน้ารถมาให้โมดูเนี่ย ดีนะที่ใช้กล้องเกาหลีรุ่นนี้ ดับเครื่องไปแล้วก็ยังบันทึกได้” บัวบูชาย้อนความ แม้จะไม่เคยพบหน้ากันตรงๆ มาก่อน แต่เธอก็เคยได้ฟังเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับไอซ์จากชายหนุ่มอยู่บ่อยครั้ง แถมยังเคยเห็นหน้าค่าตาจากรูปโปรไฟล์ในไลน์ส่วนตัว ซึ่งชายหนุ่มแอบเปิดให้ดูก่อนหน้านี้มาแล้วครั้งสองครั้ง
“หมายความว่าไง พี่กำลังจะบอกว่า...?” โมเอ่ยออกไปได้เพียงเท่านั้น แล้วก็นิ่งอึ้งไป ไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก
“พี่ว่าเค้าน่าจะเป็นลูกค้าที่นี่อยู่เหมือนกัน” คำตอบของบัวบูชานั้นทรงพลังราวกับสายฟ้าฟาดที่ผ่าลงกลางกบาลของเขา วินาทีนั้น ภาพต่างๆ ในหัวของชายหนุ่มก็พลอยปะติดปะต่อเข้าด้วยกันอย่างเป็นเรื่องราว ถ้าเดอะคลับคือสถานที่ปลดปล่อยอารมณ์ด้านมืดของบรรดาคนมีกะตังค์ ที่ไม่สามารถระบายออกข้างนอกได้... นั่นก็หมายความว่า... ไอซ์เองก็มีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียว ที่จะเข้าไปใช้บริการในสถานที่แห่งนั้น... นั่นคือเซ็กส์! และย่อมเป็นเซ็กส์ที่ไม่ธรรมดาด้วย!
ไอซ์ที่เขาเคยรักคนนั้นน่ะนะจะกล้าทำเรื่องที่มันสุดโต่งแบบนี้? แล้วสิ่งที่เธอทำลงไปตอนอยู่ที่นั่นมันจะเป็นอะไรบ้าง? เขาจินตนาการนึกภาพไม่ออกจริงๆ ก็จากท่าทีที่เห็นเวลาไปคุยงานกัน มันก็ดูปกติธรรมดา ไม่มีอะไรส่อแววไปในทางนั้นเลยนี่นา... ขณะที่โมกำลังตกอยู่ในอาการตื่นตะลึงและได้แต่นั่งอ้าปากค้างอยู่กับที่นั้น บัวบูชาก็ค่อยๆ เล่าขยายความถึงที่มาที่ไปของเหตุการณ์ที่เห็นในคลิปให้เขาฟังอย่างละเอียดขึ้น
วันนั้นเป็นช่วงหัวค่ำของคืนวันศุกร์ มันเป็นวันที่สาวสวยเจ้าของกิจการเครื่องสำอาง สุดแสนจะวุ่นวายกับการตระเวนตรวจตราสินค้าตัวอย่างที่โรงงานถึงย่านนวนคร และยังต้องขับรถย้อนกลับมาประชุมกับซัพพลายเออร์ผู้ผลิตแพคเกจจิ้งให้ครีมกันแดดรุ่นใหม่ของบริษัทที่ใจกลางเมือง ความเคร่งเครียดของงานที่เข้มข้น ทำให้เธอตัดสินใจจะให้รางวัลกับตนเองในช่วงค่ำคืน ด้วยการแวะมาใช้บริการที่เดอะคลับ ก่อนจะกลับไปนอนหลับเป็นตายที่ห้องคอนโดแบบอิ่มเอมและหลับเป็นตาย
การสวิงกิ้งโดยมีหนุ่มหล่อต่างชาติสองคนผลัดกันปรนเปรอมอบความเสียวซ่านให้แก่เธอในเวลาเดียวกัน คือรูปแบบที่บัวบูชามักใช้บริการกับที่นี่มาโดยตลอด ความรู้สึกที่ถูกสองหนุ่มรุมปลุกปล้ำพร้อมๆ กัน จนเหมือนเธอไม่สามารถดิ้นรนขัดขืนได้ นอกจากต้องน้ำแตกเสร็จแล้วเสร็จอีก ก่อนที่จะถูกสองหนุ่มหุ่นกำยำพร้อมด้วยพละกำลังอันล้นเหลือ จัดการบีบบังคับให้ต้องเสร็จกิจน้ำแตกแบบซ้ำๆ ติดๆ กันจนแทบลุกจากเตียงไม่ขึ้น มันเป็นความสุขเสียวที่เต็มอิ่ม ในแบบที่เธอไม่สามารถหาได้จากที่อื่นๆ ไม่เว้นแม้แต่การร่วมรักอันเร่าร้อนสองต่อสองกับโมก็ตาม ทำให้เธอมักจะต้องแวะเวียนมาใช้บริการที่เดอะคลับแห่งนี้ แทบจะอาทิตย์เว้นอาทิตย์เลยก็ว่าได้ เงินทุกบาททุกสตางค์ที่บริจาคไป จึงถือว่าถูกและคุ้มค่าเอามากๆ ในสายตาของเธอ เมื่อแลกกับความสุขที่ได้รับ
ความที่ต้องตะลอนไปโน่นไปนี่มาทั้งวัน ทำให้เธอตัดสินใจแวะเติมเครื่องสำอางอยู่ในรถตัวเองเงียบๆ เพื่อแต่งแต้มความสวยเสริมความมั่นใจ ก่อนที่จะเดินเข้าไปใช้บริการในตึก และนั่นเองที่ทำให้สาวสวยมีโอกาสได้สังเกตเห็นถึงคนแปลกหน้าทั้งสองคนที่กำลังเดินตัดผ่านหน้ารถของเธอไปที่ประตูทางขึ้นลิฟท์ ซึ่งมีไม่บ่อยครั้งนักที่เธอจะบังเอิญได้เจอะเจอหน้าลูกค้าคนอื่นๆ ที่เดินทางมาใช้บริการในเวลาเดียวกันแบบตัวเป็นๆ
เนื่องจากลานจอดรถอันกว้างขวางของที่นี่ถูกขุดซอยย่อยลงไปมากถึง 8 ชั้น แบ่งโซนเป็นชั้นของลูกค้าชาย-หญิงชัดเจน และพื้นที่การจอดรถแต่ละคันก็ถูกกระจายกันออกไปอย่างเป็นสัดส่วน ไม่ให้อยู่ใกล้กันจนเกินไป มีลิฟท์จำนวน 4 ตัว กระจายกันอยู่ตามผนังแต่ละฝั่ง เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกค้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ประจำการนอกตึกนั้น ก็จะคอยระมัดระวังไม่ให้คิวของลูกค้าที่กำลังเข้ามาใช้บริการต้องเกิดปะหน้ากันโดยบังเอิญด้วย
เมื่อเทียบกับจำนวนลูกค้าที่มีไม่เยอะ และความถี่เฉลี่ยของคนที่มาใช้บริการในช่วงเวลาแตกต่างกันแล้ว จึงแทบไม่มีโอกาสที่ลูกค้าแปลกหน้าสองรายจะบังเอิญเจอกัน หากว่าไม่ได้ตั้งใจนัดกันมาตั้งแต่ต้นแล้ว แต่เพราะบัวบูชากำลังนั่งแช่อยู่ภายในรถตัวเอง ทำให้จังหวะที่ไอซ์กับไหมเดินทางมาถึงตึกนั้นกลายเป็นจังหวะที่เหลื่อมชนกันพอดิบพอดี
สัญชาตญาณแห่งความอยากรู้อยากเห็น ทำให้บัวบูชารีบละมือจากการแต่งหน้า และเพ่งความสนใจไปที่การจ้องพินิจใบหน้าของคนทั้งสองที่กำลังเดินผ่านหน้ารถเธอไปแทน น่าประหลาดที่หนึ่งในนั้นให้ความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา แต่ก็นึกไม่ออกว่าเธอเคยเห็นใบหน้าดังกล่าวมาจากไหน ซึ่งการที่หญิงสาวคนดังกล่าวมาปรากฏตัวในที่แบบนี้ก็ยิ่งชวนสงสัยไปกันใหญ่ ด้วยความไวดั่งปีศาจ สัญชาตญาณก็บอกให้เธอหยุดการเคลื่อนไหวของนิ้วมือทั้งสิบ และรีบเอื้อมมือควานหาโทรศัพท์มือถือในรถแต่ไม่เจอ เพราะเธอฝากมันไว้กับเจ้าหน้าที่ข้างนอกตึกแล้ว
จนเมื่อหญิงสาวทั้งสองคนเดินหายลับขึ้นลิฟท์ไปแล้ว บัวบูชาจึงค่อยนึกออก ว่าผู้หญิงคนที่เธอสงสัยน่าจะเป็นคนเดียวกับแฟนเก่าของโม ซึ่งชายหนุ่มเคยเปิดรูปให้ดูมาก่อน พอรู้ว่าตนเองพลาดโอกาสทองแบบหนึ่งในร้อยที่จะบันทึกหลักฐานกลับไปด้วย เธอเลยได้แต่นั่งสบถด้วยความเจ็บใจอยู่ภายในรถเพียงลำพัง กระทั่งกลับถึงห้องตัวเองนั่นแหละ สาวสวยจึงนึกขึ้นได้ว่าเจ้ากล้องหน้ารถของเธอนั้น มันสามารถเก็บบันทึกภาพได้ตลอดเวลาแม้จะดับเครื่องยนต์ไปแล้ว เป็นที่มาของคลิปที่โมกำลังนั่งจ้องมองอยู่ตอนนี้
ไอซ์จะไปที่แบบนั้นทำไม? ก็เธอกำลังคบหากับไอ้พี่แน็คเวรนั่นอยู่ไม่ใช่เหรอ? หรือเธอแอบปิดบังความลับจากหมอนั่นอยู่? หรือไอ้บ้านั่นจะหลอกให้เธอทำอะไรผิดๆ ลงไปกันแน่? ทำไม ทำไม ทำไม คำถามมากมายเกิดขึ้นในใจของชายหนุ่ม ความสับสนผสมปนเปกับความเป็นห่วงแล่นพล่านอยู่ภายในกาย เมื่อได้รู้ว่าหญิงสาวคนที่เขาเคยรักมากที่สุดในชีวิต หากไม่นับรวมสมาชิกในครอบครัวของตัวเองแล้ว กำลังเดินหลงผิดไปในเส้นทางอันสุ่มเสี่ยงและแสนจะอันตราย แค่คิดภาพว่าอดีตแฟนสาวผู้แสนบริสุทธิ์ กำลังนอนแหกแข้งแหกขาในสภาพเปลือยเปล่า และรอบกายรายล้อมไปด้วยร่างกำยำเปลือยเปล่าของบุรุษเพศ ก็ทำให้ใจเขาเหี่ยววูบลงไปในพริบตา ใบหน้าเริ่มซีดเซียวจนสาวรุ่นพี่เองก็ยังจับสังเกตได้
“โม ใจเย็นๆ นะ อย่าพึ่งคิดในแง่ร้ายเกินไป จริงๆ แล้วมันอาจจะไม่ได้น่ากลัวแบบที่โมคิดก็ได้” บัวบูชาพยายามจะพูดปลอบใจหนุ่มรุ่นน้อง แต่คำปลอบโยนของเธอมันก็ลอยเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเขาออกไปราวกับสายลมที่ไร้ความหมาย
“ขอโทษนะครับพี่ ผมขอเวลาแป๊บนึง” โมเอ่ยตัดบทเรียบๆ ก่อนจะลุกเดินออกไปนอกระเบียง พร้อมกับล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองขึ้นมา ก่อนจะเลื่อนนิ้วไล่หารายชื่อของไอซ์จากในแอพไลน์ แล้วตัดสินใจกดโทรออก…
“ฮัลโหล... สวัสดีค่ะ” รออยู่ครู่ใหญ่ๆ ก็มีเสียงตอบรับออกมาจากปลายสาย เป็นเสียงอันคุ้นเคยของไอซ์ที่เอ่ยขึ้นมาอย่างสงบนิ่งเรียบเย็น ไร้วี่แววของความตระหนกและตื่นเต้น แม้ว่าในยามปกติแล้ว เขาจะไม่เคยโทรไปคุยกับเธอส่วนตัวแบบนี้เลยก็ตาม
“ฮัลโหลครับไอซ์ สะดวกคุยมั้ยครับ?” โมที่กำลังร้อนใจจึงเผลอเอ่ยเรียกชื่อเธอออกไปตรงๆ
“ก็... ยุ่งๆ แต่พอจะคุยได้นิดหน่อยค่ะ คุณโม มีอะไรรึเปล่าคะ?” หญิงสาวจงใจย้ำสรรพนามอันห่างไกล ทำให้ชายหนุ่มเหมือนตระหนักว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่นั้นไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกันเหมือนเดิมอีกแล้ว
“คือ... ตอนนี้คุณไอซ์กำลังคบหากับใครอยู่รึเปล่าครับ?” โมพยายามจะพูดเกริ่นเพื่อหาทางเข้าประเด็น เขาไม่กล้าพอที่จะพูดชื่อเดอะคลับตรงๆ เลยต้องอ้อมไปไกลถึงสถานะความสัมพันธ์ในปัจจุบันของเธอ เพื่อที่จะได้ไล่เรียงบทสนทนาได้โดยไม่น่าเกลียด
“ถามทำไมคะ?” น้ำเสียงของคู่สนทนาพลันแข็งกระด้างขึ้นมาทันที ด้วยว่าหญิงสาวนั้นเข้าใจไปว่าชายหนุ่มกำลังพยายามจะชวนเธอคุยรื้อฟื้นถึงเรื่องราวในครั้งเก่าก่อน ซึ่งเธอไม่ต้องการจะถูกกระชากกลับไปยังความทรงจำอันแสนเจ็บปวดพวกนั้นอีกแล้ว
“เอ่อ... ก็... ก็ผมเข้าใจว่าตอนนี้คุณไอซ์กำลังคบกับคนที่ชื่อแน็คอยู่ใช่มั้ยครับ” ชายหนุ่มเอ่ยอ้างถึงชื่อของหนุ่มรุ่นพี่ที่เขาไม่ถูกชะตา แต่นั่นกลับยิ่งทำให้อารมณ์ของหญิงสาวพลอยขุ่นมัวมากขึ้นไปอีก
“ขอโทษนะคะ ไอซ์ไม่เห็นว่าเรื่องนั้นจะเกี่ยวอะไรกับงานที่เราทำกันอยู่เลย และอีกอย่าง เรื่องพวกนี้มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณโมซักหน่อย” ไอซ์พูดตอกใส่หน้าเขาตรงๆ จนชายหนุ่มถึงกับหน้าชาไปต่อไม่ถูก
“คือผมแค่อยากจะรู้ว่าคุณไอซ์รู้จักชื่อเดอะ...” โมยังไม่ทันจะกล่าวจบประโยค ก็โดนอีกฝ่ายพูดแทรกสวนขึ้นมากลางคันเสียก่อน
“ถ้าคุณโมไม่ได้จะคุยเรื่องงาน งั้นไอซ์ขอตัวก่อนนะคะ ไม่สะดวกเท่าไหร่ค่ะ” เธอตัดบทห้วนๆ ก่อนจะกดตัดสายทิ้ง
“เอ๊า! อะไรวะ?” ชายหนุ่มสบถเสียงขรม และต่อให้เขาจะพยายามกดโทรหาเธออีกกี่ครั้ง ทว่าหญิงสาวก็ไม่ยอมรับสายจากเขาเลย สุดท้ายเขาเลยต้องเดินกลับเข้ามายังห้องรับแขกด้วยอารมณ์หงุดหงิด หน้านิ่ว จนสาวรุ่นพี่ที่เป็นเจ้าของห้องต้องเอ่ยปากทักถาม
“ไปไหนมา? อย่าบอกนะว่าเธอโทรไปหาเค้า?” บัวบูชาเดาถูกเป๊ะๆ
“อือ ยังไม่ทันได้คุยอะไรเลย โดนตัดสายทิ้ง” โมตอบเซ็งๆ ก่อนจะโยนโทรศัพท์ในมือตัวเองลงไปที่โซฟาตรงหน้า แรงเหวี่ยงของมันทำให้ตัวเครื่องกระเด้งจากเบาะแล้วกระเด็นลงไปตกใส่พื้นห้อง จนสาวรุ่นพี่ต้องรีบเก็บขึ้นมาวางให้ที่โต๊ะรับแขก
“แล้วจะวู่วามโทรไปกวนเค้าทำไมเล่า?” เธอตำหนิซ้ำ
“ก็ผมเป็นห่วงนี่” ชายหนุ่มตอบซื่อๆ โดยไม่ได้คิด
“เดี๋ยวก่อนโม พี่รู้นะว่าโมเป็นห่วงเค้า แต่เรื่องมันผ่านมาถึงวันนี้แล้ว โมจะยังไปห่วงเค้าในฐานะอะไรอ่ะ ก็เค้ามีคนคุยอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?” คำถามของบัวบูชา เหมือนตอกกระแทกใส่หน้าโมเต็มๆ
“แล้วพี่จะให้ผมทำเฉยๆ เหมือนไม่รู้สึกอะไรงั้นเหรอ?” เขาโอด
“ก็รู้ว่ามันน่าเป็นห่วง แต่นั่นมันก็ชีวิตของเค้านะโม” เธอแย้ง
“พี่บัว... พี่พาผมเข้าไปที่นั่นได้มั้ย? ผมอยากรู้ว่าความจริงแล้วมันเป็นยังไงกันแน่?” ชายหนุ่มไม่ละเลิกความพยายาม
“โธ่... ไม่ไหวหรอกโม ขนาดเมมเบอร์รวยๆ ที่นั่นยังไม่มีสิทธิ์พาคนนอกเข้าไปในตึกด้วยเลย คนที่จะไปที่นั่นได้ก็มีแค่เมมเบอร์ของเดอะคลับด้วยกัน กับพวกพนักงานเท่านั้นแหละ” คู่สนทนากล่าวปิดประตูความหวัง และทำให้ช่วงเวลาที่เหลือในค่ำคืนนั้นของชายหนุ่มมีแต่ความว้าวุ่นใจ แม้กระทั่งในยามที่เขาเดินทางกลับมานอนหลับที่ห้องคอนโดของตนเองแล้วก็ตาม
ชายหนุ่มจ้องมองคลิปแอบถ่ายที่บัวบูชาส่งมาให้เขาในไลน์อยู่แบบนั้นซ้ำๆ จนกระทั่งเข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาตีสอง แต่เขาก็ยังไม่สามารถข่มตานอนหลับได้สนิท รู้อยู่เต็มอก ว่าสำหรับเธอแล้ว ตัวเขาคงเป็นเพียงแค่ใครบางคนที่เธออยากจะลบเลือนออกไปจากชีวิต หากไม่ติดว่ายังคงต้องร่วมงานกันไปอีกสักระยะหนึ่ง แต่สำหรับตัวเขาเองล่ะ สถานะของมันคืออะไร? และเขารู้สึกยังไงกับเธอ? ทำไมถึงต้องร้อนรนกระวนกระวายกับเรื่องที่ได้รับรู้มาถึงเพียงนี้...? ทว่านั่นหาใช่คำถามหลักที่กำลังดังวนเวียนอยู่ภายในหัวของชายหนุ่มในตอนนี้
ผู้หญิงเรียบร้อยและอ่อนต่อโลกแบบไอซ์น่ะเหรอ จะกล้าเดินดุ่มๆ เข้าไปใช้บริการในที่แบบนั้นด้วยความตั้งใจของตัวเอง ไม่มีทาง เขาไม่เชื่อเด็ดขาด มันคงจะต้องมีเงื่อนงำบางอย่าง หรือไม่ก็มีใครบางคนที่ล่อลวงให้เธอหลงกลไปที่นั่นแน่ๆ ใช่แล้ว! คนที่จะให้คำตอบเขาได้ คงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าหญิงสาวอีกคนที่อยู่ด้วยกันในคลิปหรอก เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว ชายหนุ่มจึงตัดสินใจตรงไปหาคำตอบจากไหมทันที
โมรู้ดีว่าหากเขาปรากฏตัวดุ่มๆ เข้าไปหาเธอตรงๆ ที่บริษัท ก็คงจะกลายเป็นที่ผิดสังเกตในสายตาของไอซ์แน่ๆ ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะส่งข้อความขอนัดคุยธุระเรื่องงานกับไหมที่ร้านกาแฟ บริเวณล็อบบี้ชั้นล่างสุดของตึกสำนักงานที่พวกเธอเช่าอยู่แทน ซึ่งไหมก็ตกลงยอมรับคำนัด แม้ว่าจะไม่เข้าใจถึงเจตนาลึกๆ ของเขาก็ตามที เธอเองก็แอบอยากรู้ว่าชายหนุ่มจะมาไม้ไหน หรือว่าสุดท้ายแล้วเขาจะเบนเข็มหันมาจีบเธอแทน แค่นึกก็น่าสนุกแล้ว สุดท้ายหญิงสาวจึงยังไม่ได้เล่าเรื่องการนัดหมายนี่ให้สาวรุ่นน้องฟัง เพราะอยากจะลองมาเจอหน้าเขาตรงๆ เสียก่อน
“คุณไอซ์เค้าเคยเล่าให้ฟังมั้ยครับ ว่าแต่ก่อนผมกับเค้าเคยเป็นแฟนกันมาก่อน...” เมื่อทั้งคู่เจอหน้ากัน ชายหนุ่มก็ไม่ยอมปล่อยให้เสียเวลา และตัดสินใจสารภาพความจริงทั้งหมดให้เธอฟัง ไล่ตั้งแต่ว่าตัวเขากับไอซ์นั้นเคยเป็นอะไรกัน และความสัมพันธ์ดังกล่าวนั้นมันต้องจบลงไปด้วยเหตุผลอะไร ซึ่งหญิงสาวเองก็เพียงพยักหน้ารับฟังเรียบๆ โดยไม่ได้แสดงท่าทีตกใจใดๆ เพราะเธอเองก็เคยฟังจากปากของสาวรุ่นน้องมาก่อนแล้ว
“จริงๆ เรื่องพวกนี้ไอซ์เค้าก็เคยเล่าให้ฟังมาบ้างนะคะ แต่ไหมก็ไม่ได้จะไปตัดสินใจอะไรคุณโมจากเรื่องในอดีตหรอกนะ ถึงยังไงตอนนี้เราก็เป็นเพื่อนร่วมงานกัน คุณโมเองก็ทำงานได้ตามที่ไหมต้องการตลอด ก็เลยคิดว่าไม่จำเป็นต้องหยิบยกเอาเรื่องเก่าๆ มาคุยกันในห้องประชุม เพราะมันคนละส่วนกัน ไอซ์เค้าก็ตั้งใจแบบนั้นนะคะ” ไหมบอกความรู้สึกในส่วนของตนเองให้เขาฟัง
“ขอบคุณครับ” โมพยักหน้ารับอย่างสุภาพ ทว่าคำชมดังกล่าวก็ไม่สามารถทำให้เขาผ่อนคลายจากความกังวลไปได้
“แล้วคุณโมพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไมเหรอคะ?” เธอถามเขาตรงๆ และยกแก้วเครื่องดื่มที่บรรจุชามะนาวอยู่เกือบเต็มแก้วขึ้นมาจิบ ขณะรอฟังคำตอบจากปากเขา
ชายหนุ่มยังไม่ได้เปิดปากพูดอะไรในทันที เขาเพียงแต่เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางคว่ำหน้าไว้บนโต๊ะ แล้วเปิดคลิปวิดีโอที่บันทึกไว้มาแสดงให้เธอเห็นแบบชัดๆ พลันที่อีกฝ่ายได้เห็นคลิป สีหน้าของไหมก็แปรเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกตกใจ แก้วเครื่องดื่มในมือเกือบร่วงหล่น ดีว่ายังฝืนจับประคองเอาไว้ได้ เพราะเธอจำได้แทบจะในทันทีว่าคลิปที่เห็นนั้นมันถูกถ่ายมาจากที่ไหน
“คุณโมไปเอาคลิปนี้มาจากไหน? นั่นไหมนี่คะ?” ไหมพยายามฝืนเก็บอาการให้นิ่งสงบที่สุด พร้อมกับแกล้งถามหยั่งเชิงออกไป
“ไม่ต้องเฉไฉหรอกครับคุณไหม ผมรู้นะ ว่าไอ้เดอะคลับนั่นมันเอาไว้ทำอะไร คุณไหมใช่มั้ยที่เป็นคนพาไอซ์ไปที่แบบนั้น?” โมเค้นถามด้วยสีหน้าจริงจังเคร่งเครียด แทบจะเก็บซ่อนอารมณ์ที่พลุ่งพล่านเอาไว้ไม่อยู่
“ทำไมคะ? คุณโมเองก็ไม่ได้เป็นอะไรกับไหม แล้วก็ไอซ์นี่… จะอยากรู้ไปทำไม?” หญิงสาวถามสวนกลับมา โดยจงใจเน้นที่ชื่อไอซ์เป็นพิเศษ เพื่อย้ำเตือนสถานะของตัวเขาในเวลานี้
“เป็นสิครับ อย่างน้อยก็ในฐานะของคนเคยห่วง ผมไม่อยากให้ไอซ์... คุณไอซ์เค้าทำอะไรเสี่ยงๆ” โมเผลอเรียกชื่ออดีตคนรักออกไปแบบห้วนๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้เลยเปลี่ยนคำสรรพนามในการเรียกเสียใหม่
“คุณโมคะ ไอซ์น่ะเค้ามีคนคอยเป็นห่วงดูแลอยู่แล้วนะคะ คุณโมก็รู้จักไม่ใช่เหรอ? ก็คุณแน็คที่กำลังดูใจกันอยู่นั่นไง” ไหมจงใจเอ่ยอ้างชื่อของชายหนุ่มคนสนิทของไอซ์ ด้วยเจตนาจะกรีดแทงลงไปในความรู้สึกของคนฟัง อารมณ์หมั่นไส้เริ่มปะทุขึ้นมาในอก อีตานี่มันจะมายุ่งวุ่นวายอะไรอีกเนี่ย ทั้งที่เป็นคนนอกใจให้ไอซ์ต้องเจ็บปวดเจียนตายแบบนั้นแท้ๆ
“ใช่ครับ ดูใจ... แต่ยังไงก็ยังไม่ใช่แฟนกันนี่” โมพูดสวนออกมาโดยที่ไม่ได้แสดงอาการเจ็บใจใดๆ กับถ้อยคำของอีกฝ่าย ด้วยว่าเขาเองพึ่งได้ฟังประโยคทำนองนี้จากปากของบัวบูชามาแล้วในคืนก่อน
“คุณโม... ไหมชอบในความกระตือรือร้นของคุณนะคะ แต่เอาเป็นว่าเรื่องนี้น่ะ ให้ไอซ์เค้าตัดสินใจเองเถอะ ว่าจะทำยังไงกับชีวิตเค้าบ้าง มันเป็นความสุขของเค้า เค้าเลือกเองได้” ไหมยักไหล่ ก่อนจะวางแก้วเครื่องดื่มในมือลงไปบนโต๊ะในที่สุด หลังจากลืมตัวทนถือมันอยู่นานสองนาน ตั้งแต่ที่ชายหนุ่มแสดงคลิปดังกล่าวให้เธอดู
“ถ้าคุณไหมไม่คิดจะช่วยห้าม ถ้างั้นผมคงต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกให้คนที่บ้านคุณไอซ์เค้าช่วยห้ามแทนใช่มั้ยครับ?” โมที่นิ่งเงียบไปพักใหญ่ ตัดสินใจพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังในแววตา
“ไหมไม่ชอบการข่มขู่นะคะ” ไหมจ้องเขากลับอย่างไม่เกรงกลัว
“ไม่ใช่ขู่ครับ แต่เป็นการขอร้องอย่างจริงจัง” ชายหนุ่มกล่าวเรียบๆ ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร ดวงตาจ้องประสานกันอยู่เช่นนั้น คล้ายกับว่าใครที่หันหน้าหลบตาก่อนจะกลายมาเป็นผู้แพ้ ซึ่งท้ายที่สุดหญิงสาวก็คือคนๆ นั้น
“ขอร้องก็ไม่ชอบค่ะ แต่ถ้า... ให้เป็นการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมกันล่ะก็ แบบนั้นก็พอมีทางที่จะตกลงกันได้” ไหมก้มหน้าลงชั่วครู่เพื่อครุ่นคิด ก่อนที่ไอเดียบางอย่างจะสว่างวาบขึ้นมาในหัว จากนั้นเธอจะเงยหน้าขึ้นมาคุยกับเขาด้วยรอยยิ้มอันมีเลศนัย นี่แหละคือจังหวะที่เธอจะชิงเป็นฝ่ายเดินนำหน้าเขาไปก่อน
“ยังไงครับ? ผมไม่เข้าใจ” โมที่กำลังกระตือรือร้นสุดขีดก็รีบอ้าปากงับข้อเสนอที่เธอโยนมาให้ในทันใด
“ศุกร์นี้คุณโมว่างมั้ยคะ ถ้ามีอะไรที่ยังคาใจเดี๋ยวเราค่อยไปคุยกันต่อ ในที่ๆ มันส่วนตัวกว่านี้ดีกว่า” เธอบอกเป็นนัยๆ และทำให้เขาเข้าใจแทบจะในทันที
มันเป็นคำเชิญชวนที่น่าประหลาดใจ จากสถานการณ์อันซับซ้อนที่พวกเขากำลังงัดข้อต่อรองกันอยู่ ในเมื่ออีกฝ่ายเองก็ตระหนักดีอยู่แล้วว่าเขาเคยเป็นแฟนเก่าของเพื่อนสนิทเธอ แต่ขณะเดียวกัน... ข้อเสนอดังกล่าวก็ไม่ได้สุดโต่งเกินกว่าที่ชายหนุ่มจะพยายามทำใจรับได้ หากว่ามันจะช่วยให้เขาขยับเข้าใกล้ความจริงมากขึ้น
“ที่ไหนครับ?” โมยิงคำถาม เขาพร้อมจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รู้ความจริงทั้งหมด และเพื่อที่จะช่วยพาไอซ์กลับมาจากเส้นทางเดินที่เขาเชื่อว่ามันเป็นหนทางผิดๆ
“เดี๋ยวไหมจะส่งแอดเดรสไปให้ทางไลน์ส่วนตัว พร้อมกับเวลานัดไปให้ ยังไง ค่อยคุยกันต่ออีกทีนะคะ เดี๋ยวไหมต้องไปเข้ามีทติ้งกับทีมแล้ว คงไม่สะดวกจะคุยอะไรมากกว่านี้” ไหมกล่าวตัดบท พร้อมกับนัดแนะช่องทางการติดต่อกันเสร็จสรรพ
วันศุกร์... เวลาประมาณสามทุ่มครึ่ง ชายหนุ่มจึงเดินทางมาถึงสถานที่ที่อีกฝ่ายนัดหมายเอาไว้ ก่อนที่เขาจะพบว่ามันคือโรงแรมหรูราคาแพงที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ใจกลางเมือง รายล้อมไปด้วยอาคารสำนักงานและห้างหรูหลายแห่ง พอเขาเดินเข้ามาในล็อบบี้ก็ไม่ลืมที่จะส่งข้อความไลน์ไปหาเธอว่าตนเองได้มาถึงแล้ว ก่อนที่ไม่นานจะมีข้อความที่ระบุเลขห้องพักส่งกลับมาให้เขา ชายหนุ่มจึงเดินดุ่มๆ ไปขึ้นลิฟท์อย่างเงียบๆ โดยที่สายตาก็คอยกวาดมองสอดส่องไปรอบๆ เพื่อสำรวจสิ่งผิดปกติ แต่ก็ไม่พบเจออะไรแปลกตา
ชายหนุ่มเดินมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพัก ซึ่งมีหมายเลขเดียวกันกับที่เขาพึ่งเห็นบนหน้าจอโทรศัพท์ เขาหยุดสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เหมือนกำลังเตรียมตัวเตรียมใจ จะต้องบุกน้ำลุยไฟไปถึงไหน เขาก็พร้อมจะเสี่ยง เพื่อที่จะค้นหาคำตอบให้ได้ว่าอะไรทำให้ไอซ์ถึงเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนั้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะออกแรงเคาะประตูห้อง
‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก...’ เสียงเคาะประตูดังขึ้นทั้งสิ้นเป็นจำนวน 3 ครั้ง เกิดความเงียบงันขึ้นตรงกลางระหว่างช่วงเวลาที่ว่างเว้น ก่อนที่จะมีเสียงขานรับออกมาจากภายในห้องว่า ‘คะ?’ ชายหนุ่มจึงแจ้งชื่อของตนให้คนที่อยู่ภายในได้รับรู้ ถัดจากนั้นครู่เดียว... บานประตูก็ค่อยๆ ถูกแง้มเปิดออก พร้อมกับดวงตาอันคุ้นเคยของสาวไหมที่โผล่ลอดออกมาจากช่องว่างระหว่างวงกบและบานประตู พอเธอมั่นใจแล้วว่าเป็นเขาที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูห้องเพียงลำพัง หญิงสาวจึงยอมปลดโซ่ที่คล้องล็อกประตูออก และยินยอมให้เขาตามสมทบเข้าไปในห้องอย่างง่ายดาย
สภาพห้องพักนั้นบ่งบอกถึงความหรูหรามีระดับจากเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงระยับ ที่ตกแต่งผสมผสานกันอย่างลงตัว สอดรับกับสถาปัตยกรรมของตัวห้องที่ทั้งสะอาดสะอ้านและทันสมัย พื้นห้องถูกบุด้วยพรมขนสัตว์อย่างดีครอบคลุมทั่วทุกตารางนิ้ว จุดที่ชายหนุ่มเดินเข้ามาถึงเป็นที่แรกคือบริเวณห้องรับแขกขนาดย่อมๆ ที่เชื่อมต่อกับห้องนอนซึ่งมีขนาดกว้างขวางพอๆ กัน ด้านซ้ายมือคือตัวห้องน้ำที่สว่างกว้างขวางและสะอาดสะอ้าน ส่วนที่ลึกเข้าไปในห้องนอนคือบานประตูกระจกที่สามารถเปิดออกไปชมวิวทิวทัศน์ของตัวเมืองในยามค่ำคืนจากความสูงของตึกชั้น 25 ได้ ไหมเดินนำเขาไปนั่งคุยกันที่บริเวณโซฟาตัวใหญ่ใจกลางห้องรับแขก พอพวกเขานั่งลงเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มที่มีเป้าประสงค์ชัดเจนในใจก็เป็นฝ่ายเปิดฉากชวนคุยทันทีโดยไม่รีรอ
“คุณไหมจะให้ผมทำอะไร? เพื่อแลกกับสิ่งที่ผมอยากรู้…” โมพูดเจาะจงอย่างชัดถ้อยชัดคำ แววตาเอาจริงเอาจังไม่หวั่นไหว
“ใจร้อนจังเลยนะคะ ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรเลย แต่ก็ดีค่ะ เราจะได้มีเวลาด้วยกันนานๆ เอางี้ก็แล้วกัน ไหมขอถามคุณโมกลับดีกว่า ว่าคุณโมจะยอมทำได้แค่ไหน เพื่อที่จะทำให้ไหมยอมเปิดปากเล่าความจริง” ไหมตอบคำถามเขาด้วยอีกคำถามหนึ่ง แววตาไม่สะทกสะท้านต่อความเร่งรัดที่ชายหนุ่มพยายามกดดันเข้าใส่
“ทุกอย่างครับ แค่คุณไหมยอมตอบคำถามของผมทั้งหมด” ชายหนุ่มตอบทันทีไม่เสียเวลาคิด
“ดีค่ะ... ถ้างั้น คืนนี้คุณโมต้องเชื่อฟังคำสั่งไหมทุกอย่าง ไม่ว่าไหมจะสั่งอะไรก็ต้องยอมทำตาม แค่คืนนี้คืนเดียว ถ้าคุณโมทำได้... ไหมยินดีจะเล่าความจริงทุกอย่างเกี่ยวกับไอซ์ที่คุณโมไม่เคยรู้ให้ฟัง อยากรู้อะไร จะถามอะไร ไหมจะตอบให้ฟังทั้งหมดเลย...” หญิงสาวยื่นคำขาดพร้อมกับจ้องหน้าเขาอย่างท้าทายขณะรอคำตอบ ถ้าหากเขาจะเกิดลังเลเปลี่ยนใจเพราะนึกกลัวขึ้นมา เธอก็จะได้รู้เอาตอนนี้นี่แหละ ว่าผู้ชายตรงหน้านั้นไม่มีคุณค่าใดๆ ให้เธอต้องเสียเวลาด้วย อย่าว่าแต่จะยอมให้ไปยุ่งวุ่นวายกับไอซ์อีกเลย
“ตกลงครับ” ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วก็พยักหน้ารับข้อเสนอของเธอออกไป
พรุ่งนี้ผมพาติดธุระกับที่บ้าน ขอขยับมาอัพเป็นคืนวันนี้แทนแล้วกันนะครับ
**รบกวนคอมเมนท์เกี่ยวกะเนื้อหาในตอนหน่อยนะฮะ อยากอ่านฟี้ดแบคจากคนอ่าน**
-----------------
“อ่ะ น้ำมนต์อยากคุยด้วย” นิ่มเอ่ยด้วยสีหน้าเอือมระอาน้อง ก่อนจะยื่นโทรศัพท์มือถือส่งให้โมรับไปคุยสายต่ออย่างไม่เต็มใจ
“ฮัลโหลครับ?” โมเอ่ยทักทายคนในสายด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี สวนทางกับเจ้าของโทรศัพท์ ด้วยเพราะตัวเขาเองไม่ได้เจอหน้าน้ำมนต์มานานมากแล้ว จึงมีอารมณ์คิดถึงปะปนอยู่ในคำทักทายดังกล่าวไม่น้อย
“ฮั่นแน่ แอบไปกินอะไรกันมาสองคนคะ ไม่ชวนเลยนะ” น้ำมนต์กล่าวทักเขาอย่างอารมณ์ดีไม่แพ้กัน น้ำเสียงระรื่นแหลมเล็กของเธอนั้นยังคงสดใสและแฝงไว้ซึ่งความขี้เล่น ไม่ต่างจากวันแรกที่เขาได้พบเจอที่เกาะพะงัน
“กินอาหารทะเลน่ะ อิ่มแปล้เลย น้ำมนต์เป็นไงบ้าง สบายดีนะ?” โมตอบไปตามจริง โดยไม่ได้เอ่ยถึงสถานการณ์ในเวลาปัจจุบัน ว่านอกจากหอยสดในจานที่กินเข้าไปเมื่อตอนเย็นแล้ว ยังมีหอยฉ่ำๆ ของพี่สาวเธอที่เขากำลังเสพสุขและเพลิดเพลินจากมันอยู่ด้วย
“สบายดีจ้า แล้วโมล่ะ? โอเคดีนะ?” น้ำมนต์ตอบชัดถ้อยชัดคำ และถามเขากลับตามประสาของคนที่ห่างเหินกันไปนาน
“ก็ดีครับ ช่วงนี้ก็วุ่นๆ งานเยอะนิดหน่อย ตามประสาคนร้อนเงินน่ะ โชคดี วันนี้มีเจ้ามือพามาเลี้ยงอาหารทะเลถึงบางปู สบายกระเป๋าเลย” ชายหนุ่มกล่าวติดตลก พร้อมกับเอื้อมมือไปบีบขยำก้นนิ่มด้วยอารมณ์มันเขี้ยวแทนการขอบคุณ ฝ่ายครูสาวเองก็ทำท่าสะดีดสะดิ้ง แกล้งขยับโยกก้นหนีมือเขาไปมาอย่างสนุกสนาน
“แล้วนี่มัวทำอะไรกันอยู่เนี่ย ดึงตัวพี่สาวเค้าไว้ไม่ยอมให้กลับบ้านกลับช่องเนี่ย หื้ม?” น้ำมนต์ที่เหมือนจะรู้ทัน จึงแกล้งลักไก่ถามออกมา พอได้ยินแบบนั้น ชายหนุ่มเลยเกิดปิ๊งไอเดียซุกซนบางอย่างขึ้นมาได้ ตามประสาของคนทะลึ่งทะเล้นเป็นนิสัย
“ทำอะไรอยู่เหรอ... ก็... งั้นดูเอาเองละกันนะ” โมพูดเกริ่นไว้เท่านั้น แล้วตัดสินใจกดปุ่มเปิดกล้องเป็นโหมดวิดีโอคอล พร้อมกับชูโทรศัพท์มือถือเพื่อโชว์ให้น้ำมนต์ได้เห็นถึงสภาพเรือนร่างเปลือยเปล่าของพี่สาวเธอ ซึ่งกำลังโดนท่อนเอ็นยักษ์ของเขาเสียบคาอยู่กลางร่าง ฝั่งนิ่มที่นอนก้มหน้างุดๆ อยู่ทางด้านหน้า จึงไม่ทันตัวรู้เลยว่าชายหนุ่มคู่ขากำลังแอบแกล้งอะไรเธออยู่
“นี่! สองคนนี้! แอบไปเล่นสนุกกันไม่ชวนเลยนะ” เสียงน้ำมนต์โหวกเหวกโวยวายระคนหัวเราะ ดังลอดออกมาจากลำโพง กระตุ้นความสงสัยของนิ่มจนต้องรีบเอี้ยวตัวกลับไปมองตามว่าเกิดอะไรขึ้น พอเห็นว่าชายหนุ่มกำลังชูกล้องโทรศัพท์มือถือถ่ายจ่อมาที่ตัวเธอเท่านั้นแหละ สาวเจ้าก็ส่งเสียงร้องวี้ดว้ายออกมาอย่างตกอกตกใจ
“ว้าย! โม! จะบ้าเหรอ? ทำอะไร!?” ครูสาวร้องลั่น และดิ้นขลุกๆ หมายจะหลบออกไปนอกโฟกัสกล้อง แต่ก็หนีไปไหนไม่พ้น เพราะโดนน้ำหนักตัวของชายหนุ่มกดทับไว้อยู่ สุดท้ายเมื่อตระหนักแล้วว่าคงหนีไปไหนไม่รอดแน่ๆ เธอเลยเลือกที่จะใช้วิธีหนีหน้าทุกคนด้วยการนอนฟุบหน้าคว่ำลงไปกับเตียงเสียเลย
“อายทำไม? คนกันเองทั้งนั้น มากกว่านี้น้ำมนต์ก็เคยเห็นมาแล้วนี่” โมเอ่ยปากแซว พลางนึกถึงภาพคืนวันอันสนุกสุดเหวี่ยงระหว่างพวกเขาทั้งสามคนบนเกาะพะงัน มันเป็นความทรงจำที่บ้าบอจนเขาเองแทบเชื่อไม่ลงด้วยซ้ำว่าจะเคยเกิดขึ้นจริง
“ไม่เอา! ปิดเถอะ” นิ่มเขินแหลก สะบัดมือไม้ปัดใส่กล้องเป็นพัลวัน โดนบ้างไม่โดนบ้าง เพราะเธอเองไม่กล้าหันไปมองเขาตรงๆ
“ห้ามปิดเด็ดขาดนะพี่โม ถ้าพี่นิ่มปิดกล้อง เค้าฟ้องแม่จริงๆ ด้วยว่าพี่นิ่มแอบหนีไปเที่ยวกับผู้ชาย” น้ำมนต์รีบสั่งการเสียงดุ
“โอ๊ย! ยัยบ้า อะไรของแกเนี่ย? จะบังคับทำไม?” พี่สาวโดนขู่ไปดอกนี้ก็ถึงกับมึนตึ้บ ไปต่อไม่ถูก
“ทำต่อเลยโม เดี๋ยวเราช่วยเชียร์อยู่ตรงนี้เอง” น้องสาวตัวดี เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วก็เผยรอยยิ้มซุกซนออกมาบนใบหน้าทันที
เมื่อได้แรงยุจากกองเชียร์ข้างสนาม เจ้าหนุ่มหื่นจึงออกอาการคึกคักเหมือนพยัคฆ์ติดปีก ตั้งใจจะโชว์ฟอร์มอวดฝีไม้ลายมือที่มีให้น้ำมนต์ได้ชมเป็นขวัญตา เขาจัดการใช้มือซ้ายที่ว่างอยู่ ช้อนสะโพกรั้งร่างขาวบางให้แอ่นก้นโด่งสูงขึ้น พร้อมกันนั้นก็ออกแรงกดสวนอาวุธทิ่มเข้าหาร่องเนื้อเปียกของนิ่มเป็นจังหวะ ทำเอาสาวเจ้าถึงกับหลุดปากร้องอู๊ยๆ ออกมาอย่างสุดกลั้น แม้จะพยายามยกมือขึ้นปิดป้องปากไว้ แต่ก็ยังมีเสียงครางสยิวเล็ดลอดออกมาจากอุ้งมือเธออยู่ดี
การออกแรงกระแทก พร้อมๆ กับต้องคอยประคองถือโทรศัพท์ในมือให้อยู่นิ่งนั้นค่อนข้างจะสร้างความลำบากแก่โมมากพอสมควร สุดท้ายชายหนุ่มจึงตัดสินใจนำโทรศัพท์มือถือของนิ่มเอาไปวางพิงไว้กับโคมไฟบนโต๊ะหัวเตียง ในตำแหน่งที่แน่ใจว่าน้องสาวของเธอจะได้รับชมภาพการแสดงต่างๆ แบบจะแจ้งชัดเจนที่สุด พอมือไม้ทั้งสองข้างเป็นอิสระแล้ว ชายหนุ่มก็จัดการสอดมือล้วงเข้าไปขยำขยี้บีบคลึงเต้านมขาวอวบของนิ่มจนมันบุบบี้ไม่เป็นทรง ปลายนิ้วออกแรงกดบี้ลงไปที่จุกถันทั้งสองข้างจนเธอสูดปากร้องครางซี้ดซ้าดด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวเหยเก
ฝ่ายน้ำมนต์ที่ตั้งใจว่าจะใช้เวลาก่อนนอนในคืนนี้เพื่อแก้ไขเอกสารสมัครงาน ก็เลยเป็นอันว่าต้องพับธุระดังกล่าวเก็บลงไปชั่วคราวก่อน เพราะดันมีเรื่องน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าโผล่แทรกขึ้นมากลางคัน ดวงตาทั้งคู่ของหญิงสาวจ้องแป๋วอยู่ที่ภาพหนังสดบนจอโทรศัพท์แบบตาไม่กระพริบ ลมหายใจเริ่มเกิดอาการติดขัด ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงซ่าน ขณะจ้องมองภาพเรือนกายขาวโพลนของพี่สาวที่กำลังโดนชายหนุ่มร่างคล้ำกว่า ไล่อัดกระแทกจนตัวกระเด็นกระดอนราวกับลูกตุ้มที่ไร้ทิศทาง เสียงครางโหยหวนนั้นดังพอที่จะทำให้หญิงสาวต้องรีบกดลดเสียงลำโพง เพราะกลัวว่าคนอื่นในบ้านที่เดินผ่านไปมาหน้าห้องนอนจะเกิดได้ยินเข้า และหลงเข้าใจผิดคิดไปว่าเธอกำลังแอบดูหนังโป๊อยู่
สาวสวยเพ่งสายตามองภาพบนจอด้วยอารมณ์ตื่นเต้นระคนงุ่นง่าน แม้ว่าภาพจากมุมกล้องที่เห็นในตอนนี้จะค่อนข้างไกลกว่ามุมกล้องเดิมในตอนแรก แต่มันก็ทำให้เธอมองเห็นภาพการเคลื่อนไหวต่างๆ ในมุมมองที่กว้างขึ้น รวมถึงได้เห็นสีหน้าร้อนร่านและเสียวเกร็งของพี่สาวสุดที่รัก ผู้กำลังส่ายสะบัดใบหน้าไปมาในยามที่โดนหนุ่มโมกดกระทุ้งอาวุธเข้าออกแบบถี่ยิบๆ ภาพดังกล่าวกระตุ้นให้ผิวกายของน้ำมนต์เกิดอาการร้อนผ่าวๆ วูบวาบไปหมด และอดไม่ได้ที่จะต้องใช้มือข้างที่ว่างอยู่ ลูบไล้ไปที่ทรวงอกและหน้าท้องของตนเอง เรื่อยไปจนถึงบริเวณร่องเขาเร้นลับที่ซุกซ่อนตัวเองอยู่ภายใต้ชายเสื้อยืดตัวหลวมโคร่ง ซึ่งเป็นอาภรณ์เพียงชิ้นเดียวที่หญิงสาวกำลังสวมใส่อยู่ในตอนนี้
‘อาห์ ดุ้นเนื้อดุ้นนี้สินะ ที่เคยตอกกระทุ้งใส่เข้ามาในตัวเราจนจุกเสียดถึงใจไปหมด’ สาวสวยหวนคิดถึงรสชาติความสุขสยิวที่ชายหนุ่มเคยป้อนให้เธอแบบลืมไม่ลง ยิ่งเห็นก็ยิ่งนึกอิจฉาพี่สาวผู้แสนเรียบร้อย ที่ยังมีโอกาสได้ตักตวงความสุขจากท่อนเนื้อยักษ์นั้นมาจนถึงทุกวันนี้ นี่ถ้าไม่ติดว่าเธอเองก็พอจะรู้ว่าพี่สาวกำลังแอบมีใจให้แก่ชายหนุ่มอยู่ลึกๆ บางที... คนที่กำลังนอนแอ่นก้นโด่งให้เขากดแทงอาวุธเข้าออกอยู่ในตอนนี้ มันอาจจะกลายเป็นเธอก็ได้ เฮ้อ... คิดแล้วก็ทั้งอิจฉาทั้งงุ่นง่านไปพร้อมๆ กัน นิ้วมือที่คอยป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณปากร่องเสียว ก็ออกแรงกดคลึงเขี่ยลงไปยังปุ่มกระสันอันบวมเป่ง ตลอดเวลาที่เฝ้ามองภาพบนจอ
และสุดท้าย เมื่ออารมณ์ใคร่มันท่วมท้นจนเกินกว่าที่เธอจะเก็บกดมันเอาไว้ได้ น้ำมนต์จึงตัดสินใจรูดเสื้อยืดที่ตนเองสวมอยู่ทิ้งไปทางเหนือศีรษะ เปิดเปลือยผิวกายที่ขาวเนียนล่อนจ้อนเฉกเช่นเดียวกันกับพี่สาวของเธอ ผิดกันแค่ว่าหญิงสาวเองไม่มีชายหนุ่มคู่ขาคนไหนมาปรนเปรอความสุขให้เหมือนอย่างที่นิ่มกำลังได้รับอยู่ในเวลานี้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะเธอนั้นยังมีเจ้าดิลโด้ลำเขื่องผิวขรุขระสีม่วงสดใส ที่แอบเก็บซุกซ่อนเอาไว้ในกล่องลับใต้ตู้เสื้อผ้า สำหรับเอามาใช้เป็นตัวช่วยเสริมสร้างความสุขเฉพาะกิจให้แก่ตนเองในค่ำคืนนี้อยู่
น้ำมนต์ใช้นิ้วมือลูบไล้สำรวจลงไปที่บริเวณปากร่องสาวของตัวเองอย่างแผ่วเบา สภาพของปากทางเข้าในเวลานี้เริ่มที่จะมีคราบน้ำหล่อลื่นใสๆ เอ่อซึมออกมาจนเกิดเป็นแอ่งน้ำขังขนาดย่อมๆ และเปียกชุ่มชื้นติดเยิ้มไปตามปลายนิ้วของหญิงสาวที่กำลังวาดไปมาเป็นวงกลม ติ่งเนื้อสีแดงอมชมพูที่โผล่แลบออกมาจากรอยแยกของหุบเขานั้นออกอาการเต่งตึงและบวมเป่ง จนซุกซ่อนกายได้ไม่มิด แค่นั่งมองคนอื่นพลอดรักกันแค่ไม่กี่นาที ร่างกายเธอก็ร้อนผ่าวๆ และฉ่ำเยิ้มได้ถึงเพียงนี้ ถ้าได้เป็นคนที่โดนเองมันจะเสียวซ่านถึงใจสักเพียงไหนกันนะ?
“สงสัยจะห่างจากเรื่องพวกนี้นานไปหน่อยแล้วมั้งเรา?” น้ำมนต์บ่นกับตัวเองคนเดียวเงียบๆ ขณะจ่อแท่งเนื้อซิลิโคนลำใหญ่รูดไปตามรอยแยกบริเวณปากร่อง สัมผัสที่เย็นกว่านิ้วมือ ทำให้ร่างของเธอพลอยสั่นสะท้านและออกอาการแอ่นเกร็งจนตัวงอ ทว่าหญิงสาวกลับไม่สามารถหยุดมือได้ เธอใช้นิ้วมืออีกข้างแบะถ่างกลีบเนื้อสาวตรงปากทางเข้าที่ประกบปิดเกือบชิดกันให้แหวกอ้าออกเล็กๆ เผยให้เห็นถึงอุโมงค์เนื้ออ่อนสีแดงอมชมพู ที่ผนังถ้ำถูกอาบเคลือบไปด้วยน้ำเมือกลื่นใสเป็นมันวาว แล้วเธอก็บรรจงกดสอดเจ้าดุ้นเนื้อซิลิโคนนั้นเข้าไปในตัวอย่างช้าๆ
ส่วนหัวที่หนาแข็งและบานโร่คล้ายดอกเห็ด ทำหน้าที่เป็นดั่งหัวรถจักรที่บุกทะลวงคว้านเข้าไปในโพรงเนื้ออ่อนนุ่มอย่างง่ายดาย พอสอดมันเข้าไปได้เกือบครึ่งลำ หญิงสาวก็รู้สึกจุกเสียดจนต้องหยุดยั้งมือไว้ก่อน พร้อมกับแอ่นแหงนหน้าเชิดหลับตาพริ้มด้วยอาการเสียวซ่าน กัดริมฝีปากและส่งเสียงร้องครางซี้ดๆ ออกมาอย่างเร้าใจ กระทั่งเมื่อตั้งหลักได้แล้ว เธอก็ใช้มือขวาข้างถนัด จัดการสาวดิลโด้แยงเข้าออกใส่รูรักของตัวเองอย่างมันมือ ขณะที่มือซ้ายก็คอยประคองโทรศัพท์ยกค้างไว้ เพื่อติดตามชมภาพการร่วมรักของพี่สาวตนเองไปด้วยแบบไม่ยอมให้คลาดสายตา
น่าเสียดายที่ทั้งโมและนิ่มต่างก็ไม่อาจมองเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวได้ ด้วยว่ามุมกล้องที่น้ำมนต์กำลังถือจ่ออยู่นั้น มันจับโฟกัสอยู่เฉพาะช่วงบริเวณใบหน้าไปจนถึงลำคอเรียวยาวของเธอเท่านั้น ซึ่งต่อให้มองเห็นจริงๆ ทั้งคู่ก็คงไม่ได้สนใจที่จะมองมาอยู่ดี เพราะกำลังง่วนอยู่กับการตะบี้ตะบันทำกิจกรรมเข้าจังหวะร่วมกับคู่ขาตรงหน้าอยู่
“อู๊ย... ยยยยย โมขา... ซี้ดส์ นิ่ม... นิ่มเสียว... ววววว” นิ่มที่โดนโมกดกระทุ้งตอกอาวุธเข้าใส่โพรงเนื้ออย่างหนักหน่วง แถมทุกดอกก็ล้วนแต่ครูดโดนจุดเสียวภายในของเธอเข้าไปเต็มๆ จึงเริ่มออกอาการตุปัดตุเป๋ และส่งเสียงร้องครวญครางยาวๆ ออกมาอย่างสะใจ ด้วยอารมณ์ใคร่ที่ถูกจุดติดขึ้นใหม่อีกครั้ง สติสตังของครูสาวในเวลานี้ลอยละล่องเคลิบเคลิ้มไปกับรสรักที่ชายหนุ่มป้อนให้ จนลืมเลือนเรื่องน้องสาวตัวเองในโทรศัพท์ไปอย่างสิ้นเชิง ความจุกแน่นที่กดทะลวงเข้าออกใส่ตัวเธอรัวๆ มันทำให้หญิงสาวต้องกลั้นใจเกร็งขมิบก้นรับแรงกระแทกแบบสุดใจขาดดิ้น สองมือจิกขยุ้มลงไปบนผ้าปูที่นอนแรงๆ จนแทบจะฉีกกระชากทึ้งมันออกมา
รสชาติความเสียวแบบนี้แหละ ที่ทำให้หญิงสาวติดอกติดใจจนไม่อาจถอนตัวจากเขาได้ แม้จะแอบเผลอคิดน้อยใจลึกๆ อยู่บ่อยครั้ง ว่าสถานะของตนคงไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าแค่เพียงหญิงสาวอีกคนที่เขามีอะไรด้วย แต่พอถึงคราวที่มีอะไรกันทีไร ครูสาวก็ใจแตกเตลิดเปิดเปิง และหลงลืมเรื่องความน่าน้อยเนื้อต่ำใจเหล่านั้นไปจนหมดสิ้น รับรู้เพียงแค่ความสุขเสียวซ่านที่ทำให้ร่างของเธอเกร็งกระตุกด้วยความเสียวสยิว มันเหมือนมีใครบางคนเอาท่อนไม้ใหญ่ยักษ์เสียบทะลวงเข้ามาจนเธอรู้สึกจุกแน่นไปทั้งท้องน้อย เหมือนร่างกายกำลังจะขาดออกเป็นสองเสี่ยง และทุกๆ ครั้งที่เขาออกแรงขยับตัว ความเสียวสยิวที่ว่านั้นก็มีแต่จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนเธอแทบไม่อาจข่มกลั้นเสียงครางที่แปร่งเพี้ยนเอาไว้ได้
“เราก็เสียว... วววว เหมือนกัน ของนิ่มตอดแรงมาก ซี้ดส์... สสสส ฟิตอย่างกับของเด็กแน่ะ! สุดยอดเลย” โมกล่าวชมเปาะเสียงสั่น ขณะเกร็งหน้าท้องโขยกบั้นเด้า พร้อมกับใช้มือรั้งหน้าขาเธอดึงเข้าหาตัวด้วยจังหวะที่ประสานตรงกัน ความฟิตกระชับของอุโมงค์เนื้อสาวที่คอยตอดรัดแท่งเนื้อเขาอยู่ตลอดเวลา ทำให้ชายหนุ่มต้องพยายามเพ่งสมาธิและข่มกลั้นความเสียวเอาไว้อย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้ตนเองพลาดเสียหลักไถลไปถึงจุดสุดยอดไวจนเกินไป
“โอ๊ย! ซี้ดส์ โม... โอ๊ะ! โอ้ว... โอ้ว!! ซี้ดส์...!!!! งื๊อ!!!” ครูสาวเปล่งเสียงร้องโหยหวนด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวเหยเก ร่างกายเธอเกร็งสะท้านไปทุกสัดส่วน โดยเฉพาะโพรงเนื้ออ่อนภายในที่ออกอาการเกร็งขมิบประสานไปกับแรงกระแทกของดุ้นเนื้อแบบสู้ยิบตา แรงกระแทกของกายเนื้อทั้งสองนั้นดังสนั่นลั่นห้อง เสียงดัง ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ! เร็วระรัวเป็นจังหวะต่อเนื่อง ผสานไปกับเสียงครางสยิวของนิ่มที่เริ่มจะขาดห้วงและฟังแทบไม่เป็นภาษา
เสียงครางสยิวแปร่งหูของพี่สาว บวกกับภาพการเคลื่อนไหวที่ร้อนแรงบนหน้าจอ ทำให้น้ำมนต์ที่คอยมองจ้องอยู่ถึงกับเคลิบเคลิ้มตามไปด้วยคน มือขวากดแทงดิลโด้ไซส์ยักษ์ปักใส่รูเสียวของตนเองอย่างหนักหน่วงรุนแรง ทำเอากลีบเนื้อตรงปากทางเข้าถึงกับปลิ้นอ้าทะลัก หยาดน้ำหล่อลื่นเปรอะกระเซ็นเลอะเต็มง่ามขา แรงกดของเธอนั้นแทบไม่น้อยหน้าไปกว่าเรี่ยวแรงของชายหนุ่มที่กำลังแสดงฝีมืออยู่ในคลิปวิดีโอตอนนี้เลย ที่สำคัญ... ขนาดของเจ้าดุ้นเนื้อซิลิโคนเองก็ดูจะใกล้เคียงพอฟัดพอเหวี่ยงกับขนาดอาวุธคู่ใจของหนุ่มโม ซึ่งเธอเคยมีโอกาสได้ลิ้มรสมันมาแล้วด้วยตนเอง ตอนอยู่ที่เกาะพะงัน ทำให้น้ำมนต์เองก็พอจะจินตนาการถึงรสชาติความสุขเสียวซ่านที่พี่สาวกำลังได้รับอยู่ในขณะนี้
“ซี้ดส์... สสสส อาห์ โมขา... ควยโมใหญ่คับหีเราเลย อู๊ย... ซี้ดส์... ทั้งใหญ่... ทั้งแข็ง... แทงโดนไปหมดเลย อือ...” น้ำมนต์สูดปากร้องครางซี้ดๆ ออกมากับตัวเองอย่างคนเพ้อ เธอเอนกายหงายราบลงไปกับเตียงนอน ขาทั้งสองข้างแหกตั้งชันกางออกเป็นรูปตัวเอ็ม มือหนึ่งถือจับโทรศัพท์ ส่วนมืออีกข้างกำลังกดกระทุ้งดุ้นเนื้อซิลิโคนทิ่มใส่ร่างตัวเองยิกๆๆ พร้อมกับที่ในหัวก็คอยจินตนาการไปว่าตนเองนั้นกำลังนอนพลีกายให้ชายหนุ่มไล่โขยกอาวุธใส่รูเสียวตัวเองอย่างเมามัน
สองพี่น้องต่างเปล่งเสียงครางสยิวออกมาราวกับตั้งใจจะประชันแข่งขันกัน พอคนหนึ่งเริ่มต้นส่งเสียงร้องครางซี้ดซ้าดขึ้นมา อีกคนก็จะต้องเปล่งเสียงครางโหยหวนออกมาคลอเคลียอยู่ตลอด สลับกับเสียงของกายเนื้อเปลือยเปล่าที่กำลังหวดกระแทกกันอย่างต่อเนื่อง จนบรรยากาศมันดูราวกับว่าพวกเขาทั้งสามคนกำลังสวิงกิ้งพลอดรักอยู่บนเตียงเดียวกัน ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วต่างฝ่ายต่างก็อยู่ห่างไกลกันคนละโยชน์ ซึ่งก็ต้องขอบคุณสัญญาณอินเตอร์เน็ตอันลื่นไหลในยุคปัจจุบันนี้ ที่ทำให้สองศรีพี่น้อง สามารถแบ่งปันความสุขจากผู้ชายคนเดียวกันได้ แม้ว่าพวกเธอทั้งคู่จะอยู่กันคนละที่ก็ตาม
“อ๊ะ! อาห์... ซี้ดส์! อาห์!! มะ... ไม่... ไม่ไหวแล้ว... ววววว อ๊าย!!!” และสุดท้ายก็กลายเป็นฝั่งของนิ่ม ที่ตัดหน้าน็อกรอบแซงทุกคน ด้วยการวิ่งทะยานเข้าสู่เส้นชัยไปพร้อมกับอาการสุขล้นจนท่วมท้นรูเสียว ร่องเนื้อภายในออกอาการตอดขมิบแบบถี่ยิบๆๆ พร้อมกับหลั่งสายน้ำแห่งความสุขแตกราดท่อนเอ็นของโมที่กำลังกดกระทุ้งอยู่ในตัวเธอแบบรัวๆ ขณะที่เรือนกายภายนอกก็ออกอาการสั่นสะท้านอย่างรุนแรงราวกับโดนไฟช็อต สองมือจิกขยุ้มลงไปบนผ้าปูที่นอน พร้อมกับก้มหน้างุดๆ ใส่หมอน เพื่อหมายจะข่มกลั้นเสียงครางของตนเองเอาไว้ไม่ให้มันดังไปกว่านี้
แรงบีบรัดที่รุนแรงและอุ่นชื้นของกายสาว ทำให้โมเองก็ชักเริ่มที่จะทนฝืนต่อความเสียวไม่ไหว เขาเร่งตะบันอาวุธแทงเข้าออกใส่ตัวเธอแรงระรัวเป็นชุดสุดท้าย ก่อนที่จะเปล่งเสียงร้องคำรามออกมาดังลั่นอย่างสะใจ โถมกดกระทุ้งท่อนเอ็นตอกยัดเข้าไปในโพรงเนื้ออ่อนแบบลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมกับระเบิดน้ำเชื้อเหนียวขุ่นพุ่งปรี๊ดๆ ออกมาจนตุงถุงยาง ยิงสลุตจนกระทั่งไม่หลงเหลือกระสุนใดๆ ให้ตกค้าง แล้วจึงค่อยทิ้งตัวลงนอนทาบทับไปบนแผ่นหลังเปลือยเปล่าของครูสาวอย่างสุขสมและเหนื่อยอ่อน
ฝั่งผู้ชมเพียงหนึ่งเดียวอย่างน้ำมนต์ เมื่อได้เห็นนักแสดงหลักทั้งสองวิ่งตะกายถึงฝั่งฝันกันไปหมดแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่เธอจะต้องฝืนรั้งรอต่อไปอีก หญิงสาวโยนโทรศัพท์มือถือในมือทิ้งไปบนเตียงนอน และเปลี่ยนมาใช้นิ้วมือข้างที่ยังว่างอยู่นั้น จัดการกดบี้คลึงลงไปที่ปุ่มกระสันเสียวด้านนอก พร้อมกับใช้มืออีกข้างกดแยงดิลโด้ซอยเข้าออกใส่ร่างตัวเองแบบรัวๆๆ จนกระทั่งถึงจุดที่เธอไม่อาจเก็บกลั้นความเสียวเอาไว้ได้อีกแล้ว
“โอ๊ะ! โอ้ว... โอ้ว!! ซี้ดส์...!!! พี่นิ่ม... โมขา... โอ้ว!! แตก... แตกแล้ว!!!” น้ำมนต์เปล่งเสียงร้องออกมาอย่างสุดกลั้น เนื้อตัวกระตุกสั่นสะท้าน โพรงเนื้อภายในหดเกร็งขมิบยวบๆ แบบถี่กระชั้นโดยที่ไม่อาจควบคุมได้ ความรุนแรงของมันเล่นเอาเจ้าดิลโด้ที่กดเสียบค้างอยู่ในกาย ถึงกับพุ่งปรี๊ดกระเด็นหลุดออกมาจากโพรงเสียวของเธอจนกลิ้งตกลงไปบนพื้นเตียง เป็นอันว่าหญิงสาวคนสุดท้ายก็สามารถตะกายถึงฝั่งฝันตามนักแสดงทั้งสองคนไปได้แบบติดๆ กัน
“ฮัลโหล น้ำมนต์ยังอยู่มั้ย?” เป็นเสียงของโมที่เอ่ยถามขึ้นเมื่อพบว่าคู่สนทนายังคงไม่ได้วางสาย ทว่าภาพบนจอนั้นกลับมีแต่สีดำมืด
“ยังอยู่จ้า อยู่นี่ๆ” น้ำมนต์เอื้อมไปคว้าโทรศัพท์ที่วางคว่ำอยู่บนเตียงขึ้นมาจ่อกล้องเข้าหาใบหน้าที่แดงจัดและเปียกชุ่มเหงื่อ
“หายไปไหนมาเนี่ย?” ชายหนุ่มเอ่ยปากแซว
“ไป... ไปสวรรค์มา” สาวสวยว่าแล้วก็หัวเราะร่าชอบใจ
“พอแล้ว เลิกคุยได้แล้ว” เป็นฝั่งนิ่มที่เอ่ยแทรกขึ้น พร้อมกับคว้าโทรศัพท์มือถือจากโมเอาไปกดตัดสายทิ้งด้วยความขัดเขิน
“เอ้า! ยังคุยไม่ทันจบเลย ทำไมรีบวางจัง” โมทำหน้าเหลอหลาแกล้งเซ่อ
“จะคุยอะไรนักหนา ใช่เวลามั้ยเนี่ย? ฮึ! คนนิสัยไม่ดี” หญิงสาวปั้นหน้างอนใส่เขา เมื่อพบว่าตนเองดันพลาดท่าตกเป็นเหยื่อให้ชายหนุ่มแกล้งฉายหนังสดโชว์น้องสาวตัวเองแบบเต็มๆ ตา
“ง่าๆ อย่างอนน้า ก็แค่อยากให้น้ำมนต์ได้มีส่วนร่วมด้วยเฉยๆ ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งนานแล้ว” ชายหนุ่มอ้อนและเอื้อมมือไปดึงร่างเธอมากอดไว้แน่น
“อะไรๆ แค่นิ่มคนเดียวโมยังไม่พอใจอีกเหรอ? นี่จะลากน้ำมนต์เข้ามาเกี่ยวด้วยเนี่ยนะ?” นิ่มทำเสียงดุชี้นิ้วขู่
“เอ้ย! ไม่ใช่แบบน้าน ไม่ได้บอกว่านี่จะไปมีอะไรกับน้ำมนต์ซักหน่อย ก็แค่อยากให้นิ่มลองเปลี่ยนบรรยากาศ ทำกันแบบมีคนดูด้วยเฉยๆ” โมรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ กลัวว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจเจตนาเขาผิด คิดว่าจะตีเนียนไปวุ่นวายกับน้องสาวของเธอด้วยอีกคน
“ให้จริงเถอะ ถึงเราสองคนจะไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่เรื่องนี้นิ่มก็ไม่ยอมให้หรอกนะ บอกไว้ก่อน” หญิงสาวรีบพูดดัก
“จริงจริ๊ง เราไม่ใช่ขุนแผนนะ ใครจะกล้าสอยทั้งตะเภาแก้วและตะเภาทองพร้อมๆ กันล่ะคร้าบ” ชายหนุ่มตอบทันควัน
“นั่นมันไกรทองย่ะ! โมมั่วสุดๆ เลย” คู่สนทนาหลุดหัวเราะออกมาจนได้ ทั้งที่อุตส่าห์พยายามเก๊กเสียงขรึมอยู่ตั้งนาน
แล้วพวกเขาก็ต้องจูงมือกันเข้าไปอาบน้ำล้างตัวกันใหม่อีกหนึ่งรอบ เพียงแต่คราวนี้ไม่มีการล่วงละเมิดใดๆ ทั้งสิ้น เพียงตั้งหน้าตั้งตาฟอกสบู่ชำระคราบไคลให้กัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะรีบบึ่งรถพาเธอไปส่งถึงบ้าน เพราะกลัวว่าหากเถลไถลอยู่กันต่อจนดึกดื่นไปมากกว่านี้ ครอบครัวของเธอจะเริ่มนึกเป็นห่วงขึ้นมาเสียก่อน
“ขอบคุณนะโม วันนี้นิ่มมีความสุขมากเลย” นิ่มเอ่ยขอบคุณเขาขณะเตรียมจะก้าวลงจากรถยนต์ที่จอดนิ่งอยู่หน้าบ้าน
“ไม่หรอก เราต่างหากที่ต้องขอบคุณ อุตส่าห์พามาเลี้ยงข้าว แถมยังยอมให้เรานอนกอดด้วย” โมตอบพร้อมกับอมยิ้มซุกซน
“บ้า... พูดไรเนี่ย” ครูสาวทำหน้าเขินหลบตา
“ก่อนไป ขอหอมส่งท้ายซักที” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาดื้อๆ
“ทะลึ่งจัง” หญิงสาวบ่นอุบ แต่ก็ยอมหันแก้มให้เขาหอมฟอดใหญ่ส่งท้าย
“เฮ้อ ชื่นใจ” ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม
“ไปแล้วนะ เดี๋ยวแม่รอ” เธอกล่าวตัดบท หลังจากยื้อกันไปยื้อกันมาอยู่พักใหญ่ๆ
“จ้า ยังไงก็ฝากความคิดถึงไปหาน้ำมนต์ด้วยนะ ฝากบอกว่าคืนนี้สนุกดี ไว้ถ้านิ่มยอมค่อยหาโอกาสทำใหม่” เขาแหย่
“เดี๋ยวเถอะ! หยุดเลย” เธอค้อนใส่พร้อมกับชูกำปั้นขู่ ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไปในที่สุด
=======================================
ช่วงเย็นวันศุกร์... โมที่ใช้เวลาแทบจะตลอดทั้งอาทิตย์ ตรากตรำทำงานด่วนให้ลูกค้า จนถึงขั้นต้องยกทีมนอนค้างกันที่ออฟฟิศ พอปิดงานเสร็จเรียบร้อย อาการปวดเมื่อยบนเนื้อตัวก็ชักจะกำเริบขึ้นมา โดยเฉพาะตรงบริเวณไหล่และแผ่นหลังซึ่งเป็นดั่งศัตรูคู่ปรับตลอดกาลของคนทำงานออกแบบเช่นเขา พอมีเวลาว่างชายหนุ่มจึงรีบยิงนัดไปนวดน้ำมันที่ร้านของแนน
“ไปทำบ้าอะไรมาเนี่ย บ่าแข็งเป็นก้อนเลย?” แนนเอ่ยปากบ่น ขณะชโลมน้ำมันพร้อมออกแรงบีบนวดลงไปบนบ่าทั้งสองข้างของชายหนุ่มที่กำลังนอนหมอบคว่ำหน้าอยู่บนเตียงนวด สัมผัสที่เกิดขึ้นทำให้หมอนวดสาวรู้ได้ทันทีว่าเจ้าของร่างคงไปฝืนใช้งานมันเกินเหตุอีกครั้ง
“เออ อาทิตย์นี้ลุยงานหนักไปหน่อย แทบไม่ได้นอนเลยว่ะ ปวดเมื่อยไปหมดเลยเนี่ย อู๊ย... ยยย ตรงนั้นแหละ ดีๆๆ” โมกล่าวสลับกับส่งเสียงร้องครางหงิงๆ อย่างสะใจ เมื่อโดนอีกฝ่ายกดนวดลงตรงเส้นที่ตึงยึดอยู่พอดี
“บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่านั่งเกร็งท่าเดิมนานๆ เดี๋ยวก็เส้นพังหมดก่อนที่จะแก่หรอก ต่อให้ยุ่งแค่ไหนก็ต้องหัดขยับตัวเดินเหินบ้าง” แนนบ่นต่อราวกับเป็นแม่เขา มือก็คอยออกแรงบีบนวดลงไปบนแผ่นหลัง เรื่อยมาจนถึงบั้นเอวและสะโพกที่ชายหนุ่มแอบเก็บสะสมความเมื่อยล้าเอาไว้ข้างใน แม้น้ำเสียงนั้นจะฟังดูหงุดหงิดรำคาญ แต่ชายหนุ่มก็รู้ว่าเธอบ่นออกมาเพราะเป็นห่วงเขานั่นแหละ
“จ้า รู้แล้วจ้าแม่ ทำไงได้ ถ้าไม่ฝืนก็ปิดงานไม่ทันเดดไลน์ลูกค้าน่ะสิ คราวหน้าไม่มีแบบนี้อีกแล้ว สัญญา” โมเอ่ยปากรับคำเธอไปก่อน แม้จะรู้ดีว่าสุดท้ายแล้ววันหน้าเขาก็คงจะต้องหวนกลับมาให้เธอช่วยซ่อมร่างที่ใกล้จะพังมิพังแหล่อีกอยู่ดีนั่นแหละ
“แล้วช่วงนี้เป็นไงมั่ง?” หมอนวดสาวเกริ่นถามขึ้น พลางขยับมือเปลี่ยนจุดนวดไปเรื่อยๆ ด้วยความคล่องแคล่วชำนาญ
“เรื่องไร? งานเหรอ? หรือว่าเรื่องอื่น?” ชายหนุ่มย้อนถามให้ชัด
“ก็เรื่องทั่วๆ ไป อย่างเรื่องสาวๆ ในสต็อกแกอ่ะ สรุปตอนนี้มีคนไหนที่คิดจริงจังอยู่มั่งเนี่ย? หรือกะจะป้อไปเรื่อยๆ แบบนี้ตลอด?” หมอนวดสาวแกล้งเปิดประเด็นขึ้นมาลอยๆ ทำให้ชายหนุ่มเริ่มเอะใจขึ้นมาตะหงิดๆ ว่าอีกฝ่ายคงมีเจตนาบางอย่างอยู่ภายในใจ ถึงได้ชวนเขาคุยเรื่องสาวๆ ขึ้นมาเสียเฉยๆ
“ฮั่นแน่ ที่แกชวนคุยเรื่องนี้นี่ เพราะจริงๆ แล้วกำลังแอบหึงเราอยู่ใช่มะ?” โมถามเธอสวนกลับไป
“ฮึ! หลงตัวเอง ใครจะไปหึงคนอย่างแกได้ลง” แนนทำหน้าเหม็นเบื่อใส่เขา
“ไม่งั้นก็... เป็นแกเองนั่นแหละ ที่กำลังคิดจะจริงจังกับคนอื่นอยู่อ่ะดิ?” เขาเดาสุ่มต่อไปแบบไม่ยอมแพ้
“สู่รู้” หญิงสาวถึงกับออกอาการเคอะเขินเมื่อโดนเขาจับไต๋ได้อย่างง่ายดาย
“นั่นไง สรุปแล้วแกกับไอ้น้องนั่นคบกันจริงๆ แล้วใช่มะ?” เขาถามจี้ด้วยน้ำเสียงที่เก็บซ่อนความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ไม่อยู่
“เปล่า ไม่ได้คบ” แนนชิงตอบปฏิเสธกลับมาทันควัน
“อ้าว อะไร?” โมถึงกับชะงักเมื่อได้ฟังคำตอบที่ไม่ตรงกับสิ่งที่หวังเอาไว้
“แต่ว่า... ชั้นพาเค้าไปนอนค้างที่ห้องมาแล้ว” หญิงสาวบอกและทำท่าอมยิ้มเขินกับตัวเอง คำตอบของเธอยิ่งชวนให้เขารู้สึกงุนงงมากขึ้นไปอีก
“เอ๊า! สรุปคือยังไง? ชักงงแล้วเนี่ย เล่าให้มันรู้เรื่องดิ๊” เขาขมวดคิ้วถามตรงๆ
“เออ ก็กำลังจะเล่าอยู่เนี่ย แกแม่งใจร้อนเอง ก็วันก่อนใช่ป่ะ น้องเค้าชวนชั้นไปดูหนังมา แล้วกว่าหนังจะจบมันก็ดึกมากแล้ว น้องเค้าก็เลยอาสานั่งแท็กซี่กลับไปส่งชั้นที่ห้อง...” แนนค่อยๆ เกริ่นย้อนความ แต่ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกอีกฝ่ายถามแทรกขึ้นกลางคัน
“ดูเรื่องไรมา?” โมดันเฉไปสนใจเรื่องชื่อหนังที่เธอดูเสียอีก
“คิงส์แมนภาคสอง” หญิงสาวเฉลย ทำเอาชายหนุ่มถึงกับหลุดขำออกมา
“ห่า พึ่งไปดูมาเหมือนกัน โคตรบังเอิญเลย แม่งเว่อร์ดีเนอะ คนโดนยิงตายห่า ดันฟื้นกลับมาหน้าตาเฉย” เขาชวนคุยเรื่องหนัง
“เดี๋ยวก่อน กลับมาก่อน จะหลุดประเด็นอีกแล้ว” คู่สนทนาที่ไหวตัวทันจึงพยายามลากบทสนทนากลับเข้าประเด็นเดิม
“อ่ะ พอน้องเค้ามาส่งถึงห้อง แกก็เลยจัดการ เผด็จศึกเค้าคาห้องเชือดซะเลย?” โมสานต่อพร้อมกับหยอดมุกเสร็จสรรพ
“อุบาทว์ว่ะ ใช้คำให้มันดีๆ หน่อย” แนนมองค้อนตาขวาง
“ปิดเกม สังหารโหด ล่อมาชำแหละ ให้ใช้คำไหนล่ะ?” ชายหนุ่มยังไม่ยอมเลิกราง่ายๆ สุดท้ายเลยโดนหมอนวดสาวจัดการทิ้งศอกกดน้ำหนักลงไปที่กลางบั้นเอวแทนการเอาคืน
“โอ๊ยๆ! ล้อเล่นๆ เจ็บๆๆ หยุดก่อน ไม่แซวเลย ยอมแล้ว!” เขาร้องโอดโอยพร้อมกับพูดขอโทษเธอจ้าละหวั่น
“เออ รำคาญ” หญิงสาวกล่าวเสียงระอา ก่อนจะยอมผ่อนน้ำหนักบนข้อศอก
“อู๊ย... ไอ้โหดเอ๊ย... อ่ะ แล้วยังไงต่อ มานอนค้างที่ห้อง แล้วได้มีไรกันมั้ย?” โมยิงคำถามตรงๆ ไม่อ้อมค้อม
“ก็...” แนนอ้ำอึ้ง ออกอาการเขินจนชายหนุ่มพอเดาคำตอบได้ไม่ยาก
“ก็มี” เขาตอบให้แทน
“อือ ก็มี” เธอพยักหน้ายอมรับอายๆ
“กี่รอบ?” เขาถามลึกขึ้นกว่าเดิมอีก
“ถามซักไซ้จังวะ” หมอนวดสาวเขินจนหน้าแดงไปหมดแล้ว
“เออ ก็อยากรู้นี่ บอกมาเหอะน่า กี่รอบ?” ชายหนุ่มถามซ้ำ
“สอง กลางคืนรอบนึง ตอนเช้าอีกรอบนึง แล้วเค้าก็กลับไปตอนสายๆ” เธอยอมเล่ารายละเอียดให้ฟังในที่สุด
“เออ ก็ไม่มากไม่น้อยเกินไป กำลังดี” ชายหนุ่มว่า
“อือ” คู่สนทนาขานตอบ แล้วก็นิ่งเงียบไปชั่วครู่เพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
“ใหญ่มะ?” โมยิงคำถามที่สงสัยออกไป ทำเอาหมอนวดสาวถึงกับพ่นลมหายใจแรงๆ พร้อมกับส่ายหัวอย่างระอา
“ทำแมะ? จะอยากรู้ไปทำไมนักหนา จะเปรียบเทียบกะของตัวเองรึไง? ฮึ!?” แนนเท้าสะเอวถาม
“ใหญ่กว่า หรือ เล็กกว่า บอกมา” ชายหนุ่มกระตุ้น
“เล็กกว่าอยู่แล้วอีบ้า ของแกมันผิดปกติ” คู่สนทนายอมบอกในที่สุด ใบหน้ากลายเป็นสีแดงแป๊ดไปถึงใบหู
“แล้วลีลาล่ะ?” เขายิ้ม แต่ยังไม่ยอมหยุด
“โอ๊ย น้องเค้าพึ่งเด็กอยู่ จะไปสู้อะไรกับแกได้ เอาเป็นว่าทำชั้นเสร็จได้ทุกครั้งก็แล้วกันน่า” แนนตัดบทอย่างรำคาญ
“ถึงขนาดนี้แล้ว ตกลงก็ยังไม่ได้คบกันอีก? ทำไมวะ?” โมเปลี่ยนเรื่องถามใหม่ พอคุยกันมาถึงจุดนี้หมอนวดสาวก็เผลอหยุดมือเลิกนานไปชั่วขณะ ในหัวพยายามนึกทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปพลางๆ
“ตอนที่เอากันเสร็จรอบดึก เค้าก็ถามชั้นมาตรงๆ นะว่าจะติดไรมั้ย ถ้าเกิดจะลองคบกันดู” แนนค่อยๆ ย้อนเหตุการณ์ต่อ
“เออ แล้วติดอะไรเล่า? จะเล่นตัวทำเพื่อ?” ชายหนุ่มยิ่งฟังยิ่งนึกรำคาญกับอาการเล่นตัวของเพื่อนสาวคนนี้
“ก็มันยังไม่ค่อยแน่ใจนี่หว่า รู้สึกว่ามันเร็วไปเปล่าวะ? พึ่งรู้จักกันได้ไม่กี่เดือน ยังไม่ทันรู้นิสัยตื้นลึกหนาบางดีเลย แล้วถ้าเกิดตกลงคบกันไปแล้วมันไม่ใช่ ก็ต้องเสียเวลา เสียความรู้สึกกันเปล่าๆ” แนนพยายามเรียบเรียงความรู้สึก
“โว๊ะ! คิดมากไปแล้วไอ้แนน ถ้ารู้สึกชอบกัน ก็ลองคบไปก่อน ศึกษาดูใจกันไปเรื่อยๆ ถ้ามันจะใช่มันก็ใช่ ถ้ามันไม่ใช่ก็ค่อยถอยออกมา มันไม่มีหรอกไอ้คำว่าเสียเวลาน่ะ ถ้าปล่อยให้คาราคาซังไปนานๆ แบบนั้นต่างหากเว่ยที่เรียกว่าเสียเวลา” โมรีบพลิกตัวขึ้นมาให้คำแนะนำเพื่อนด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไร้ซึ่งท่าทีขี้เล่นอย่างที่เป็นมาตลอดการนวด
“แล้วถ้าชั้นตกลงคบกับน้องเค้าไปจริงๆ แล้วแกจะทำใจได้เหรอ?” เธอถามกลับ
“ทำไมวะ? ทำไมแกคิดว่าเราจะทำใจไม่ได้?” โมทำหน้างงๆ ไม่เข้าใจ
“เอ้า ก็ถ้าชั้นกับน้องเค้าเป็นแฟนกัน แกก็มีอะไรกับชั้นไม่ได้แล้วนะ ไม่เข้าใจเหรอ?” แนนขยายความให้ฟัง
“เออ เรื่องนั้นน่ะรู้อยู่แล้ว ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ก็ดีใจด้วย ถึงไม่ได้มีไรกันแล้ว ก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมนี่หว่า” โมตอบทันทีเหมือนไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรสักนิด
“เหรอ ชั้นนึกว่าแกจะเสียใจกว่านี้ซะอีก” หญิงสาวแอบแปลกใจเล็กๆ กับท่าทีของเขา
“ไอ้เสียใจน่ะไม่เสียใจหรอก แต่เสียดายก็คงมีบ้าง แต่มันก็เข้าใจได้เว่ย ถ้าอีกคนจะมีความสัมพันธ์จริงจัง ยังไงมันก็ควรยินดีมากกว่า” เขาตอบชัดถ้อยชัดคำ จนเธอยอมพยักหน้าเออออตาม
“หรือแกเองต่างหาก ที่ยังตัดสินใจเลือกไม่ได้ ระหว่างเรากับน้องเค้าวะ อารมณ์แบบทาทาอ่ะ ขาดเธอก็เหงา ขาดเขาก็คงเสียใจ” ชายหนุ่มยิงมุกแซวเธอ พร้อมกับร้องเพลงแซวอย่างอารมณ์ดี
“ฝันไปเหอะ น้ำหน้าอย่างแกน่ะ ตัดไปชั้นก็ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น” หมอนวดสาวสวนโครมพร้อมกับแลบลิ้นใส่อย่างทะเล้น
“เออ ถ้างั้นก็อย่าเล่นตัวมาก เดี๋ยวเกิดวันดีคนดี น้องแม่งเปลี่ยนใจขึ้นมา ถึงตอนนั้นจะมาเสียดายทีหลังนะเฟ้ย” โมชิงพูดดักคอ
“อืม ไว้เจอกันครั้งหน้าค่อยไปให้คำตอบก็ได้ พุธหน้าเค้าก็มานวดอีก” แนนเอ่ยพร้อมกับพยักหน้าน้อยๆ แทนการตอบรับ
“ดีแล้ว ถ้าคบกันเมื่อไหร่ก็บอกด้วยแล้วกัน เดี๋ยวจะพาไปเลี้ยงฉลอง จะชวนน้องเค้ามาด้วยก็ได้นะ” ชายหนุ่มยิ้มกริ่มให้
“ไม่เอาหรอก ใครจะพามาให้แกแซว บ้าเปล่า เอ้า! คว่ำลงไปได้แล้ว จะได้รีบๆ นวดต่อให้จบ เสียเวลา” เธอพูดพลางใช้มือดันหลังเขาให้นอนคว่ำลงไปตามเดิม แต่พอถึงจุดที่ต้องเปลี่ยนมานวดด้านหน้าบ้าง จังหวะที่ชายหนุ่มพลิกตัวขึ้นมานอนหงาย หมอนวดสาวจึงสังเกตเห็นถึงอาการ ‘โด่เด่’ ที่ตั้งตุงทะลุผ้าขนหนูออกมาอย่างชัดเจนเต็มสองตา
“เฮ้ย ทำไมแข็ง? แค่นวดเฉยๆ เอง” แนนอุทานอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นสภาพอาวุธที่กำลังแข็งตัวเต็มที่ของเขา
“แหม ฟังเรื่องที่แกเล่าขนาดนี้ ไม่แข็งให้มันรู้ไป ปวดตั้งแต่ตอนนอนคว่ำแล้วเฟ้ย” โมตอบชัดถ้อยชัดคำ
“เหรอ... ถ้างั้น... เอาไงดีน้า?” หมอนวดสาวยิ้มเยาะ พลางเอื้อมมือลงไปคว้าหมับจับที่ท่อนลำของเขาเข้าเต็มกำมือ
“อุ! ไอ้บ้า ทำเป็นเล่นไป... พอเลย เดี๋ยวก็เลยเถิดหรอก” ชายหนุ่มเกร็งท้องด้วยอาการสยิว ไอ้หนูเขาน่ะมันพร้อมสู้มาตั้งแต่ต้นแล้ว ตั้งแต่ตอนที่เธอยังไม่ทันแตะสัมผัสโดนเลยด้วยซ้ำ
“ถ้าไม่หยุดจะทำไม?” แนนถามแบบท้าทายพลางจ้องตาเขา มือก็ออกแรงกำบีบลงไปเบาๆ พอให้ร่างกายของชายหนุ่มเกิดอาการสั่นสะท้านตัวเกร็ง ต้องเผลอสูดปากร้องซี้ดออกมาเบาๆ เมื่อโดนนิ้วมือซุกซนคลึงเข้าไปที่สวนหัวผ่านทางนอกผ้าขนหนู
“อูย... ยยยย ก็ไหนบอกว่าจะหยุด เพราะจะไปคบกับน้องเค้าไง” เขาทวนคำที่เธอบอกเมื่อครู่ หน้าตาเหยเก
“ก็ยังไม่ได้คบกันนี่ คิดซะว่า... เป็นบริการส่งท้าย ก่อนที่จะไม่มีโอกาสอีกแล้วกัน” หญิงสาวเอ่ยเพียงเท่านี้ ก่อนจะใช้มือกระตุกผ้าขนหนูที่แสนเกะกะโยนทิ้งไปกับพื้น ปล่อยให้เจ้างูยักษ์ของเขามันดีดผึงออกมาท้าทายสายตาเธอ
“ไม่เจอกันนานนะตัวเล็ก” แนนเอ่ยหยอกเย้า พลางใช้มือซ้ายชักรูดที่ท่อนลำ ขณะที่มือขวาก็เอื้อมไปลูบไล้ที่บริเวณท้องน้อยของเขาเพื่อเสริมสร้างความเสียวแบบทวีคูณ
“ไม่เล็กเฟ้ย...” โมเถียง พร้อมกับเกร็งร่าง งัดท่อนเนื้อให้กระตุกหงึกๆ สู้มือเธอ ราวกับจะประกาศว่าของข้าน่ะใหญ่คับฟ้า
“ยังไงก็เล็กกว่าปากชั้นแล้วกัน” เธอสวนกลับ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไป อ้าปากครอบอมลงไปที่ส่วนหัว ออกแรงโก่งคอเพียงครั้งเดียว ก็สามารถกลืนกินท่อนลำไปได้เกือบครึ่ง พร้อมกับเสียงครางซี้ดที่หลุดลอดออกมาจากลำคอของชายหนุ่ม
“โอย... ยยยย ถ้างั้นก็เอาที่แกสบายใจเลย ซี้ดส์ อืม... มมมม” โมครางหลับตาพริ้ม ก่อนจะทิ้งตัวนอนหงายราบลงไปอย่างสบายอารมณ์ สองมือเกาะที่ขอบเตียง ขณะรอลุ้นความเสียวที่อีกฝ่ายกำลังจะมอบให้
“อืม... มมมมม” แนนส่งเสียงครางอืมในลำคอแทนคำตอบ เพราะมีดุ้นเนื้ออุดคับอยู่เต็มปาก เธอค่อยๆ ผงกหัวรูดกินมันเข้าไปลึกขึ้นๆ จนกระทั่งท่อนเนื้อยักษ์เข้าไปจอดคาอยู่เต็มแก้ม จากนั้นจึงค่อยๆ ออกแรงผงกหัวรูดปากเข้ากับท่อนเนื้ออย่างเชื่องช้า เสียงดูดดังชัดเต็มสองหู เพราะไม่ใช่แค่ฝั่งของชายหนุ่มเท่านั้นที่กำลังอยู่ในอาการเสียดาย แต่ฝั่งของหญิงสาวเองก็อดคิดถึงรสชาติความสุขที่เจ้าสิ่งนี้เคยมอบให้เธอไม่ได้เหมือนกัน
แนนออกแรงห่อปากดูดเอ็นของเขาจนแก้มตอบด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความเอร็ดอร่อย เสียงดังจ๊วบ...บบบบบบ จ๊วบ... บบบบบบบบ น้ำมันนวดสูตรพิเศษแบบกินได้ นอกจากไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ปากแล้ว ยังช่วยเพิ่มกลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้เธอเพลิดเพลินตลอดการดูด พอดูดกินมันจนหนำใจแล้วเธอก็ยอมคายท่อนเนื้อออกมา และเปลี่ยนมาใช้ลิ้นตวัดเลียไปรอบๆ บริเวณหัวหยักที่เปียกชุ่มโชก เรียกเสียงครางซี้ดออกมาจากปากเขา เมื่อปลายลิ้นอ่อนนุ่มตวัดไปโดนที่รอยแยกเล็กจิ๋วแบบพอดิบพอดี บั้นเอวของชายหนุ่มถึงกับแอ่นเกร็งกระเด้ง ขณะปล่อยกายสบายใจให้เธอใช้ปากปรนเปรอความสุขให้ ไล่ตั้งแต่ส่วนปลายหัว ลำโคน เรื่อยมาจนถึงพวงไข่นุ่มนิ่มทั้งสองข้าง ที่โดนลิ้นเธอลากเลียอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยอ่อน
แล้วแนนก็วกริมฝีปากกลับมากลืนกินที่ยอดเสาเข็มด้านบนอีกครั้ง คราวนี้เธอตั้งใจห่อปากรูดกลืนมันเข้าไปจนสุดลำโคน ตอเนื้อที่ใหญ่หนานั้นครูดผ่านโพรงเนื้อแคบๆ ที่ทั้งอุ่นชื้นและอ่อนนุ่ม จนกระทั่งทิ่มเข้าไปลึกสุดคอหอยเธอ เกือบทำให้หญิงสาวสำลักเพราะขนาดที่ใหญ่โตเกินไปของมัน จนต้องรีบขยับถอนศีรษะออกมาเล็กน้อยเพื่อตั้งหลัก พออะไรๆ มันเริ่มเข้าที่เข้าทางดีแล้ว หญิงสาวจึงเริ่มออกแรงผงกหัวขึ้นลงอีกครั้ง โดยใช้ปลายลิ้นนุ่มๆ เกี่ยวกระหวัดรัดไปรอบๆ ลำโคน ตลอดเวลาที่เธอกำลังดูดกินมัน ด้วยเจตนาจะมอบความสุขส่งท้ายให้แก่ชายหนุ่มแบบสุดความสามารถ
“อู๊ย... ยยยยย แม่เจ้าประคุณเอ๊ย นี่กะจะเอาให้แตกคาปากกันเลยใช่มั้ยเนี่ย?” โมส่งเสียงครางสยิวหน้าตาเหยเก แอ่นกระเด้งบั้นเอวยิกๆๆ เมื่อเจอทีเด็ดของเพื่อนสาว ประเคนใส่ให้เขาแบบไม่ยั้งมือ ไม่สิ ต้องบอกว่าไม่ยั้งปากมากกว่า หมอนวดสาวไม่ได้โต้ตอบอะไรออกมาเป็นคำพูด แต่กลับยิ่งเร่งความเร็วและความหนักหน่วงในการดูดเอ็นเนื้อในปาก พร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างช่วยตั้งประคองท่อนลำ มือหนึ่งกระตุกชักรูดที่ลำโคนอวบ ส่วนมืออีกข้างก็คอยลูบไล้ขยำขยี้เล่นที่พวงไข่ เดี๋ยวซ้าย... เดี๋ยวขวา... โดยที่ริมฝีปากก็ยังคงทำหน้าที่เป็นตัวสร้างความสุขเสียวให้แก่เขา จนกระทั่งถึงจุดหนึ่ง ชายหนุ่มก็ออกอาการไม่ไหวให้เห็น
“อู๊ย... แก จะอั้นไม่อยู่แล้วน้า... ซี้ดส์... อู๊ย... เอางี้เลยเหรอ? อุ๊! อู๊ย... แตกแล้ว... ววววว!!! อู้ว!!!” โมร้องออกมาอย่างสุดเสียว สองมือที่เคยเกาะขอบเตียง เปลี่ยนมาจับประคองที่ศีรษะของหญิงสาว พร้อมกับเด้งสะโพกอัดท่อนเนื้อใส่ปากเธอแบบถี่ยิบๆ แล้วระเบิดน้ำเชื้ออุ่นข้นล้นเข้าไปเต็มๆ ปากเธอ ซึ่งหมอนวดสาวที่เจนจัดสนามดีพอ ก็จัดการห่อเม้มปาก พร้อมกับออกแรงดูดกลืนมันเข้าไปจนหมดไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว เล่นเอาเขาแทบตัวแห้งหมดสภาพคาปากของเธอไปเลย
“แหวะ โคตรคาวเลย” แนนสบถ พลางใช้หลังมือเช็ดไปรอบๆ ขอบปากของตัวเองด้วยสีหน้าไม่ปลื้ม เป็นอันจบการนวดเพียงเท่านี้
“แล้วจากนี้แกจะทำไงต่อวะ?” โมเกริ่นถามระหว่างที่กำลังจะแยกทางกัน และเตรียมจะลงไปชำระเงินข้างล่าง
“เรื่องไร?” แนนถามขณะก้มหน้าก้มตาเก็บข้าวของจัดการความเรียบร้อยต่างๆ ในห้อง
“เรื่องนวดพิเศษกับลูกค้าไง จะทำอยู่ป่ะ?” เขาขยายความ
“ก็... ไม่รับงานพิเศษไง ถ้าเกิดว่าตกลงคบกับน้องเค้าแล้ว” เธอตอบทันทีไม่เสียเวลาคิดด้วยซ้ำ
“ถามจริง?” ชายหนุ่มแอบนึกแปลกใจกับคำตอบ เพราะที่ผ่านมา ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันบนเกาะ หญิงสาวคนนี้คือนักล่าสวาทตัวจริงที่เขาเองยังต้องยอมแพ้กับความบ้ากามของเธอด้วยซ้ำ
“จะมีแฟนแล้ว ก็ไม่ควรมั่วป่ะวะ?” แนนหันมาตอบสบตาเหมือนว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างการกินข้าว ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเขาจะถามแบบนั้นทำไม นั่นสินะ การไม่นอกลู่นอกทางขณะมีแฟน มันก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ใครๆ ก็ทำกันอยู่แล้ว จะมีแค่คนซื่อบื้อๆ แบบเขานี่แหละที่ทำผิดพลาดซ้ำซาก
“เออ จริงของแก” โมตอบและอมยิ้ม รู้สึกประทับใจในความซื่อตรงของเพื่อนสาวคนนี้
“แต่เฉพาะลูกค้าผู้ชายนะ ถ้าเป็นลูกค้าผู้หญิงก็ยังรับเหมือนเดิม” หญิงสาวตอบหักมุมอีกรอบ
“เฮ้ย! พึ่งพูดอยู่หยกๆ ว่าไม่ควรมั่วไม่ใช่เรอะ?” เขาถามเสียงแหลม
“มันไม่เหมือนกัน ผู้หญิงกับผู้ชาย ถ้าผู้หญิงด้วยกัน ก็ไม่ถือว่านอกใจหรอกน่า อิอิ” หมอนวดสาวพูดกลั้วหัวเราะอย่างทะเล้น
“ตูว่าแล้ว... ววววว ไอ้นี่มันอดไม่ได้แหงมๆ” เขาส่ายหัวพร้อมกับอมยิ้มอย่างอ่อนใจ ก่อนจะบอกลาเธอเพื่อแยกย้ายกลับบ้าน
แม้จะแอบรู้สึกใจหายลึกๆ ที่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแนน กำลังจะต้องลดระดับถอยห่างออกไป เมื่อเธอตัดสินใจแล้วว่าจะเดินหน้าคบหากับเด็กหนุ่มรุ่นน้องคนอื่น แต่อีกใจหนึ่ง ชายหนุ่มก็รู้สึกโล่งใจเช่นกัน เพราะนั่นเท่ากับว่าตัวเขาเองสามารถปล่อยวางเรื่องของแนนลงได้อย่างสบายใจ และทำให้ตัวเลือกที่ยังคลุมเครือในใจ นั้นหลงเหลือเพียงแค่หญิงสาวอีกสามคนเท่านั้น...
=======================================
ผู้หญิงคนสุดท้ายที่โมรู้สึกมีใจให้ก็คือบัวบูชา... สาวรุ่นพี่คนสวย ที่ตอนนี้ประสบความสำเร็จสุดๆ จากการผันตัวมาเป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องสำอางของตัวเอง แต่ถึงฐานะของเธอจะร่ำรวยอู้ฟู่แบบพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือแล้ว ทว่าบัวบูชาก็ยังคงเลือกที่จะครองตัวเป็นโสด โดยไม่คิดจะยอมตกลงปลงใจกับผู้ชายคนไหนที่สลับหน้าหมุนเวียนกันเข้ามาขายขนมจีบเธอเลย ไม่เว้นแม้แต่เจ้าหนุ่มรุ่นน้องคนสนิทอย่างโม ที่ดูจะมีแต้มต่อมากกว่าผู้ชายคนอื่นๆ เพราะเธอยินยอมที่จะมีอะไรกับเขาด้วย...
“ฮัลโหลพี่บัว ว่าไงครับ” โมกดรับสายเรียกเข้าจากบัวบูชา และกล่าวทักทายเธอไปในสายอย่างอารมณ์ดี
“เย็นนี้โมว่างมั้ย? แวะมาเจอกันที่ห้องพี่หน่อย สะดวกรึเปล่า” บัวบูชาเอ่ยความประสงค์แก่เขาแบบไม่รอให้เสียเวลา
“เย็นนี้เหรอ ว่างสิว่าง แต่ว่าผมอาจจะเลิกช้านิดนึงนะ กำลังเร่งปิดงานให้จบ น่าจะไม่เกินทุ่มนึงหรอก พี่รอได้เปล่า?” เขาทวนตารางชีวิตตัวเองและบอกไป
“อื้อๆ เอาเป็นว่ามาถึงแล้วก็โทรมาละกัน แค่นี้นะ” เธอกล่าวและเตรียมจะกดตัดสาย
“ได้คร้าบ เจอกันๆ” เขาตอบอย่างระรื่น เพราะนึกไปว่าที่เธอเรียกหานั้นเป็นเพราะทนคิดถึงกันไม่ไหว
โชคดีที่เขาสามารถปิดงานได้ไวกว่าที่คิดเอาไว้ ชายหนุ่มจึงไปถึงที่พักของเธอได้เร็วกว่าที่นัดหมายเอาไว้ในตอนแรก พอทั้งคู่เข้ามาอยู่ในห้องพักของบัวบูชาแบบเป็นส่วนตัวแล้ว สาวรุ่นพี่ก็ชักชวนเขาลงนั่งพูดคุยกันบนโซฟาด้วยท่าทีจริงจังโดยไม่รีรอให้เสียเวลา สร้างความประหลาดใจเล็กๆ แก่เขา
“พี่บัวมีไรเปล่าครับ? ทำไมวันนี้ดูจริงจังผิดปกติ” โมเอ่ยถามออกไปตามที่เห็นจากสีหน้าและอาการของเจ้าของห้องในเวลานี้
“โมจำเรื่อง ‘เดอะคลับ’ ที่พี่เคยเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ได้มั้ย?” บัวบูชารอให้เขานั่งลงบนโซฟาเรียบร้อยแล้วจึงค่อยเดินมานั่งประกบอยู่ข้างๆ พร้อมกับเอ่ยชื่ออะไรบางอย่างขึ้นมา มันเป็นชื่อที่ฟังดูค่อนข้างพื้นๆ และไม่มีจุดเด่นใดๆ เลย ทำให้ชายหนุ่มต้องตั้งสตินึกอยู่ครู่ใหญ่ๆ กว่าจะถึงบางอ้อว่ามันเป็นชื่อของสถานที่แห่งหนึ่ง
“ไอ้ที่ว่าเป็นเหมือนเซ็กส์คลับของคนรวย ที่พี่ชอบไปอ่ะนะ?” โมทวนความจำพร้อมกับตอบออกไป เขาเองพอจะเคยได้ฟังเรื่องราวของสถานที่แห่งนั้นจากเธอมาบ้าง และรู้ว่าสาวสวยมักจะแวะไปใช้บริการที่นั่นอยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้นึกสนใจอะไร เพราะหลงเข้าใจว่ามันก็คงไม่แตกต่างจากการไปเที่ยวอาบอบนวดของหนุ่มๆ ทั่วไปนั่นแหละ
“พี่พึ่งไปมาอีกรอบเมื่ออาทิตย์ก่อน ก็เลยได้คลิปนี้มา” บัวบูชากล่าว และยื่นโทรศัพท์มือถือจากมือตนเองส่งให้เขารับไปเปิดดู หน้าจอโทรศัพท์เกิดแสงสว่างวาบเมื่อชายหนุ่มใช้นิ้วมือกดสัมผัสให้มันทำงาน ก่อนที่เขาจะต้องเบิกตาค้างอย่างตะลึง เมื่อได้เห็นถึงสิ่งที่กำลังฉายค้างอยู่บนนั้น
มันเป็นคลิปวิดีโอของผู้หญิงสองคนที่กำลังเดินอยู่ภายในลานจอดรถแห่งหนึ่ง ซึ่งภาพที่เห็นนั้นแม้จะไม่ได้มีรายละเอียดที่คมชัดมากนัก เพราะถูกถ่ายมาจากกล้องติดรถยนต์อีกคันหนึ่ง และแม้จะมีแว่นกันแดดบดบังเกือบครึ่งหน้า แต่ใบหน้าที่ถูกถ่ายติดมานั้นก็สามารถระบุได้อย่างไม่ยากเย็น ว่านั่นคือใบหน้าของไอซ์ อดีตคนรักของเขาอย่างแน่นอน แถมคนที่กำลังเดินยิ้มแย้มอยู่ข้างๆ เธอ ก็คือไหม เพื่อนหุ้นส่วนที่ทำร้านอาหารมาด้วยกันนั่นเอง
“นี่มันอะไรครับพี่บัว? พี่ไปเจอเค้าที่ไหน?” โมหลุดปากถามออกไปด้วยอารมณ์สงสัยที่เอ่อล้นอก
“ที่ลานจอดรถเดอะคลับ พี่จอดรถเติมแป้งอยู่ กะว่าจะลงแล้ว แต่เห็นคนเดินผ่านมาพอดี ก็เลยรอให้เค้าเดินผ่านไปก่อน ค่อยตามออกไปทีหลัง แต่พอเค้าเดินมาใกล้ๆ ก็เริ่มรู้สึกคุ้นหน้า แต่ว่ายังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ เลยลองเซฟวิดีโอจากกล้องหน้ารถมาให้โมดูเนี่ย ดีนะที่ใช้กล้องเกาหลีรุ่นนี้ ดับเครื่องไปแล้วก็ยังบันทึกได้” บัวบูชาย้อนความ แม้จะไม่เคยพบหน้ากันตรงๆ มาก่อน แต่เธอก็เคยได้ฟังเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับไอซ์จากชายหนุ่มอยู่บ่อยครั้ง แถมยังเคยเห็นหน้าค่าตาจากรูปโปรไฟล์ในไลน์ส่วนตัว ซึ่งชายหนุ่มแอบเปิดให้ดูก่อนหน้านี้มาแล้วครั้งสองครั้ง
“หมายความว่าไง พี่กำลังจะบอกว่า...?” โมเอ่ยออกไปได้เพียงเท่านั้น แล้วก็นิ่งอึ้งไป ไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก
“พี่ว่าเค้าน่าจะเป็นลูกค้าที่นี่อยู่เหมือนกัน” คำตอบของบัวบูชานั้นทรงพลังราวกับสายฟ้าฟาดที่ผ่าลงกลางกบาลของเขา วินาทีนั้น ภาพต่างๆ ในหัวของชายหนุ่มก็พลอยปะติดปะต่อเข้าด้วยกันอย่างเป็นเรื่องราว ถ้าเดอะคลับคือสถานที่ปลดปล่อยอารมณ์ด้านมืดของบรรดาคนมีกะตังค์ ที่ไม่สามารถระบายออกข้างนอกได้... นั่นก็หมายความว่า... ไอซ์เองก็มีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียว ที่จะเข้าไปใช้บริการในสถานที่แห่งนั้น... นั่นคือเซ็กส์! และย่อมเป็นเซ็กส์ที่ไม่ธรรมดาด้วย!
ไอซ์ที่เขาเคยรักคนนั้นน่ะนะจะกล้าทำเรื่องที่มันสุดโต่งแบบนี้? แล้วสิ่งที่เธอทำลงไปตอนอยู่ที่นั่นมันจะเป็นอะไรบ้าง? เขาจินตนาการนึกภาพไม่ออกจริงๆ ก็จากท่าทีที่เห็นเวลาไปคุยงานกัน มันก็ดูปกติธรรมดา ไม่มีอะไรส่อแววไปในทางนั้นเลยนี่นา... ขณะที่โมกำลังตกอยู่ในอาการตื่นตะลึงและได้แต่นั่งอ้าปากค้างอยู่กับที่นั้น บัวบูชาก็ค่อยๆ เล่าขยายความถึงที่มาที่ไปของเหตุการณ์ที่เห็นในคลิปให้เขาฟังอย่างละเอียดขึ้น
วันนั้นเป็นช่วงหัวค่ำของคืนวันศุกร์ มันเป็นวันที่สาวสวยเจ้าของกิจการเครื่องสำอาง สุดแสนจะวุ่นวายกับการตระเวนตรวจตราสินค้าตัวอย่างที่โรงงานถึงย่านนวนคร และยังต้องขับรถย้อนกลับมาประชุมกับซัพพลายเออร์ผู้ผลิตแพคเกจจิ้งให้ครีมกันแดดรุ่นใหม่ของบริษัทที่ใจกลางเมือง ความเคร่งเครียดของงานที่เข้มข้น ทำให้เธอตัดสินใจจะให้รางวัลกับตนเองในช่วงค่ำคืน ด้วยการแวะมาใช้บริการที่เดอะคลับ ก่อนจะกลับไปนอนหลับเป็นตายที่ห้องคอนโดแบบอิ่มเอมและหลับเป็นตาย
การสวิงกิ้งโดยมีหนุ่มหล่อต่างชาติสองคนผลัดกันปรนเปรอมอบความเสียวซ่านให้แก่เธอในเวลาเดียวกัน คือรูปแบบที่บัวบูชามักใช้บริการกับที่นี่มาโดยตลอด ความรู้สึกที่ถูกสองหนุ่มรุมปลุกปล้ำพร้อมๆ กัน จนเหมือนเธอไม่สามารถดิ้นรนขัดขืนได้ นอกจากต้องน้ำแตกเสร็จแล้วเสร็จอีก ก่อนที่จะถูกสองหนุ่มหุ่นกำยำพร้อมด้วยพละกำลังอันล้นเหลือ จัดการบีบบังคับให้ต้องเสร็จกิจน้ำแตกแบบซ้ำๆ ติดๆ กันจนแทบลุกจากเตียงไม่ขึ้น มันเป็นความสุขเสียวที่เต็มอิ่ม ในแบบที่เธอไม่สามารถหาได้จากที่อื่นๆ ไม่เว้นแม้แต่การร่วมรักอันเร่าร้อนสองต่อสองกับโมก็ตาม ทำให้เธอมักจะต้องแวะเวียนมาใช้บริการที่เดอะคลับแห่งนี้ แทบจะอาทิตย์เว้นอาทิตย์เลยก็ว่าได้ เงินทุกบาททุกสตางค์ที่บริจาคไป จึงถือว่าถูกและคุ้มค่าเอามากๆ ในสายตาของเธอ เมื่อแลกกับความสุขที่ได้รับ
ความที่ต้องตะลอนไปโน่นไปนี่มาทั้งวัน ทำให้เธอตัดสินใจแวะเติมเครื่องสำอางอยู่ในรถตัวเองเงียบๆ เพื่อแต่งแต้มความสวยเสริมความมั่นใจ ก่อนที่จะเดินเข้าไปใช้บริการในตึก และนั่นเองที่ทำให้สาวสวยมีโอกาสได้สังเกตเห็นถึงคนแปลกหน้าทั้งสองคนที่กำลังเดินตัดผ่านหน้ารถของเธอไปที่ประตูทางขึ้นลิฟท์ ซึ่งมีไม่บ่อยครั้งนักที่เธอจะบังเอิญได้เจอะเจอหน้าลูกค้าคนอื่นๆ ที่เดินทางมาใช้บริการในเวลาเดียวกันแบบตัวเป็นๆ
เนื่องจากลานจอดรถอันกว้างขวางของที่นี่ถูกขุดซอยย่อยลงไปมากถึง 8 ชั้น แบ่งโซนเป็นชั้นของลูกค้าชาย-หญิงชัดเจน และพื้นที่การจอดรถแต่ละคันก็ถูกกระจายกันออกไปอย่างเป็นสัดส่วน ไม่ให้อยู่ใกล้กันจนเกินไป มีลิฟท์จำนวน 4 ตัว กระจายกันอยู่ตามผนังแต่ละฝั่ง เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกค้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ประจำการนอกตึกนั้น ก็จะคอยระมัดระวังไม่ให้คิวของลูกค้าที่กำลังเข้ามาใช้บริการต้องเกิดปะหน้ากันโดยบังเอิญด้วย
เมื่อเทียบกับจำนวนลูกค้าที่มีไม่เยอะ และความถี่เฉลี่ยของคนที่มาใช้บริการในช่วงเวลาแตกต่างกันแล้ว จึงแทบไม่มีโอกาสที่ลูกค้าแปลกหน้าสองรายจะบังเอิญเจอกัน หากว่าไม่ได้ตั้งใจนัดกันมาตั้งแต่ต้นแล้ว แต่เพราะบัวบูชากำลังนั่งแช่อยู่ภายในรถตัวเอง ทำให้จังหวะที่ไอซ์กับไหมเดินทางมาถึงตึกนั้นกลายเป็นจังหวะที่เหลื่อมชนกันพอดิบพอดี
สัญชาตญาณแห่งความอยากรู้อยากเห็น ทำให้บัวบูชารีบละมือจากการแต่งหน้า และเพ่งความสนใจไปที่การจ้องพินิจใบหน้าของคนทั้งสองที่กำลังเดินผ่านหน้ารถเธอไปแทน น่าประหลาดที่หนึ่งในนั้นให้ความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา แต่ก็นึกไม่ออกว่าเธอเคยเห็นใบหน้าดังกล่าวมาจากไหน ซึ่งการที่หญิงสาวคนดังกล่าวมาปรากฏตัวในที่แบบนี้ก็ยิ่งชวนสงสัยไปกันใหญ่ ด้วยความไวดั่งปีศาจ สัญชาตญาณก็บอกให้เธอหยุดการเคลื่อนไหวของนิ้วมือทั้งสิบ และรีบเอื้อมมือควานหาโทรศัพท์มือถือในรถแต่ไม่เจอ เพราะเธอฝากมันไว้กับเจ้าหน้าที่ข้างนอกตึกแล้ว
จนเมื่อหญิงสาวทั้งสองคนเดินหายลับขึ้นลิฟท์ไปแล้ว บัวบูชาจึงค่อยนึกออก ว่าผู้หญิงคนที่เธอสงสัยน่าจะเป็นคนเดียวกับแฟนเก่าของโม ซึ่งชายหนุ่มเคยเปิดรูปให้ดูมาก่อน พอรู้ว่าตนเองพลาดโอกาสทองแบบหนึ่งในร้อยที่จะบันทึกหลักฐานกลับไปด้วย เธอเลยได้แต่นั่งสบถด้วยความเจ็บใจอยู่ภายในรถเพียงลำพัง กระทั่งกลับถึงห้องตัวเองนั่นแหละ สาวสวยจึงนึกขึ้นได้ว่าเจ้ากล้องหน้ารถของเธอนั้น มันสามารถเก็บบันทึกภาพได้ตลอดเวลาแม้จะดับเครื่องยนต์ไปแล้ว เป็นที่มาของคลิปที่โมกำลังนั่งจ้องมองอยู่ตอนนี้
ไอซ์จะไปที่แบบนั้นทำไม? ก็เธอกำลังคบหากับไอ้พี่แน็คเวรนั่นอยู่ไม่ใช่เหรอ? หรือเธอแอบปิดบังความลับจากหมอนั่นอยู่? หรือไอ้บ้านั่นจะหลอกให้เธอทำอะไรผิดๆ ลงไปกันแน่? ทำไม ทำไม ทำไม คำถามมากมายเกิดขึ้นในใจของชายหนุ่ม ความสับสนผสมปนเปกับความเป็นห่วงแล่นพล่านอยู่ภายในกาย เมื่อได้รู้ว่าหญิงสาวคนที่เขาเคยรักมากที่สุดในชีวิต หากไม่นับรวมสมาชิกในครอบครัวของตัวเองแล้ว กำลังเดินหลงผิดไปในเส้นทางอันสุ่มเสี่ยงและแสนจะอันตราย แค่คิดภาพว่าอดีตแฟนสาวผู้แสนบริสุทธิ์ กำลังนอนแหกแข้งแหกขาในสภาพเปลือยเปล่า และรอบกายรายล้อมไปด้วยร่างกำยำเปลือยเปล่าของบุรุษเพศ ก็ทำให้ใจเขาเหี่ยววูบลงไปในพริบตา ใบหน้าเริ่มซีดเซียวจนสาวรุ่นพี่เองก็ยังจับสังเกตได้
“โม ใจเย็นๆ นะ อย่าพึ่งคิดในแง่ร้ายเกินไป จริงๆ แล้วมันอาจจะไม่ได้น่ากลัวแบบที่โมคิดก็ได้” บัวบูชาพยายามจะพูดปลอบใจหนุ่มรุ่นน้อง แต่คำปลอบโยนของเธอมันก็ลอยเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเขาออกไปราวกับสายลมที่ไร้ความหมาย
“ขอโทษนะครับพี่ ผมขอเวลาแป๊บนึง” โมเอ่ยตัดบทเรียบๆ ก่อนจะลุกเดินออกไปนอกระเบียง พร้อมกับล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองขึ้นมา ก่อนจะเลื่อนนิ้วไล่หารายชื่อของไอซ์จากในแอพไลน์ แล้วตัดสินใจกดโทรออก…
“ฮัลโหล... สวัสดีค่ะ” รออยู่ครู่ใหญ่ๆ ก็มีเสียงตอบรับออกมาจากปลายสาย เป็นเสียงอันคุ้นเคยของไอซ์ที่เอ่ยขึ้นมาอย่างสงบนิ่งเรียบเย็น ไร้วี่แววของความตระหนกและตื่นเต้น แม้ว่าในยามปกติแล้ว เขาจะไม่เคยโทรไปคุยกับเธอส่วนตัวแบบนี้เลยก็ตาม
“ฮัลโหลครับไอซ์ สะดวกคุยมั้ยครับ?” โมที่กำลังร้อนใจจึงเผลอเอ่ยเรียกชื่อเธอออกไปตรงๆ
“ก็... ยุ่งๆ แต่พอจะคุยได้นิดหน่อยค่ะ คุณโม มีอะไรรึเปล่าคะ?” หญิงสาวจงใจย้ำสรรพนามอันห่างไกล ทำให้ชายหนุ่มเหมือนตระหนักว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่นั้นไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกันเหมือนเดิมอีกแล้ว
“คือ... ตอนนี้คุณไอซ์กำลังคบหากับใครอยู่รึเปล่าครับ?” โมพยายามจะพูดเกริ่นเพื่อหาทางเข้าประเด็น เขาไม่กล้าพอที่จะพูดชื่อเดอะคลับตรงๆ เลยต้องอ้อมไปไกลถึงสถานะความสัมพันธ์ในปัจจุบันของเธอ เพื่อที่จะได้ไล่เรียงบทสนทนาได้โดยไม่น่าเกลียด
“ถามทำไมคะ?” น้ำเสียงของคู่สนทนาพลันแข็งกระด้างขึ้นมาทันที ด้วยว่าหญิงสาวนั้นเข้าใจไปว่าชายหนุ่มกำลังพยายามจะชวนเธอคุยรื้อฟื้นถึงเรื่องราวในครั้งเก่าก่อน ซึ่งเธอไม่ต้องการจะถูกกระชากกลับไปยังความทรงจำอันแสนเจ็บปวดพวกนั้นอีกแล้ว
“เอ่อ... ก็... ก็ผมเข้าใจว่าตอนนี้คุณไอซ์กำลังคบกับคนที่ชื่อแน็คอยู่ใช่มั้ยครับ” ชายหนุ่มเอ่ยอ้างถึงชื่อของหนุ่มรุ่นพี่ที่เขาไม่ถูกชะตา แต่นั่นกลับยิ่งทำให้อารมณ์ของหญิงสาวพลอยขุ่นมัวมากขึ้นไปอีก
“ขอโทษนะคะ ไอซ์ไม่เห็นว่าเรื่องนั้นจะเกี่ยวอะไรกับงานที่เราทำกันอยู่เลย และอีกอย่าง เรื่องพวกนี้มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณโมซักหน่อย” ไอซ์พูดตอกใส่หน้าเขาตรงๆ จนชายหนุ่มถึงกับหน้าชาไปต่อไม่ถูก
“คือผมแค่อยากจะรู้ว่าคุณไอซ์รู้จักชื่อเดอะ...” โมยังไม่ทันจะกล่าวจบประโยค ก็โดนอีกฝ่ายพูดแทรกสวนขึ้นมากลางคันเสียก่อน
“ถ้าคุณโมไม่ได้จะคุยเรื่องงาน งั้นไอซ์ขอตัวก่อนนะคะ ไม่สะดวกเท่าไหร่ค่ะ” เธอตัดบทห้วนๆ ก่อนจะกดตัดสายทิ้ง
“เอ๊า! อะไรวะ?” ชายหนุ่มสบถเสียงขรม และต่อให้เขาจะพยายามกดโทรหาเธออีกกี่ครั้ง ทว่าหญิงสาวก็ไม่ยอมรับสายจากเขาเลย สุดท้ายเขาเลยต้องเดินกลับเข้ามายังห้องรับแขกด้วยอารมณ์หงุดหงิด หน้านิ่ว จนสาวรุ่นพี่ที่เป็นเจ้าของห้องต้องเอ่ยปากทักถาม
“ไปไหนมา? อย่าบอกนะว่าเธอโทรไปหาเค้า?” บัวบูชาเดาถูกเป๊ะๆ
“อือ ยังไม่ทันได้คุยอะไรเลย โดนตัดสายทิ้ง” โมตอบเซ็งๆ ก่อนจะโยนโทรศัพท์ในมือตัวเองลงไปที่โซฟาตรงหน้า แรงเหวี่ยงของมันทำให้ตัวเครื่องกระเด้งจากเบาะแล้วกระเด็นลงไปตกใส่พื้นห้อง จนสาวรุ่นพี่ต้องรีบเก็บขึ้นมาวางให้ที่โต๊ะรับแขก
“แล้วจะวู่วามโทรไปกวนเค้าทำไมเล่า?” เธอตำหนิซ้ำ
“ก็ผมเป็นห่วงนี่” ชายหนุ่มตอบซื่อๆ โดยไม่ได้คิด
“เดี๋ยวก่อนโม พี่รู้นะว่าโมเป็นห่วงเค้า แต่เรื่องมันผ่านมาถึงวันนี้แล้ว โมจะยังไปห่วงเค้าในฐานะอะไรอ่ะ ก็เค้ามีคนคุยอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?” คำถามของบัวบูชา เหมือนตอกกระแทกใส่หน้าโมเต็มๆ
“แล้วพี่จะให้ผมทำเฉยๆ เหมือนไม่รู้สึกอะไรงั้นเหรอ?” เขาโอด
“ก็รู้ว่ามันน่าเป็นห่วง แต่นั่นมันก็ชีวิตของเค้านะโม” เธอแย้ง
“พี่บัว... พี่พาผมเข้าไปที่นั่นได้มั้ย? ผมอยากรู้ว่าความจริงแล้วมันเป็นยังไงกันแน่?” ชายหนุ่มไม่ละเลิกความพยายาม
“โธ่... ไม่ไหวหรอกโม ขนาดเมมเบอร์รวยๆ ที่นั่นยังไม่มีสิทธิ์พาคนนอกเข้าไปในตึกด้วยเลย คนที่จะไปที่นั่นได้ก็มีแค่เมมเบอร์ของเดอะคลับด้วยกัน กับพวกพนักงานเท่านั้นแหละ” คู่สนทนากล่าวปิดประตูความหวัง และทำให้ช่วงเวลาที่เหลือในค่ำคืนนั้นของชายหนุ่มมีแต่ความว้าวุ่นใจ แม้กระทั่งในยามที่เขาเดินทางกลับมานอนหลับที่ห้องคอนโดของตนเองแล้วก็ตาม
ชายหนุ่มจ้องมองคลิปแอบถ่ายที่บัวบูชาส่งมาให้เขาในไลน์อยู่แบบนั้นซ้ำๆ จนกระทั่งเข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาตีสอง แต่เขาก็ยังไม่สามารถข่มตานอนหลับได้สนิท รู้อยู่เต็มอก ว่าสำหรับเธอแล้ว ตัวเขาคงเป็นเพียงแค่ใครบางคนที่เธออยากจะลบเลือนออกไปจากชีวิต หากไม่ติดว่ายังคงต้องร่วมงานกันไปอีกสักระยะหนึ่ง แต่สำหรับตัวเขาเองล่ะ สถานะของมันคืออะไร? และเขารู้สึกยังไงกับเธอ? ทำไมถึงต้องร้อนรนกระวนกระวายกับเรื่องที่ได้รับรู้มาถึงเพียงนี้...? ทว่านั่นหาใช่คำถามหลักที่กำลังดังวนเวียนอยู่ภายในหัวของชายหนุ่มในตอนนี้
ผู้หญิงเรียบร้อยและอ่อนต่อโลกแบบไอซ์น่ะเหรอ จะกล้าเดินดุ่มๆ เข้าไปใช้บริการในที่แบบนั้นด้วยความตั้งใจของตัวเอง ไม่มีทาง เขาไม่เชื่อเด็ดขาด มันคงจะต้องมีเงื่อนงำบางอย่าง หรือไม่ก็มีใครบางคนที่ล่อลวงให้เธอหลงกลไปที่นั่นแน่ๆ ใช่แล้ว! คนที่จะให้คำตอบเขาได้ คงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าหญิงสาวอีกคนที่อยู่ด้วยกันในคลิปหรอก เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว ชายหนุ่มจึงตัดสินใจตรงไปหาคำตอบจากไหมทันที
โมรู้ดีว่าหากเขาปรากฏตัวดุ่มๆ เข้าไปหาเธอตรงๆ ที่บริษัท ก็คงจะกลายเป็นที่ผิดสังเกตในสายตาของไอซ์แน่ๆ ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะส่งข้อความขอนัดคุยธุระเรื่องงานกับไหมที่ร้านกาแฟ บริเวณล็อบบี้ชั้นล่างสุดของตึกสำนักงานที่พวกเธอเช่าอยู่แทน ซึ่งไหมก็ตกลงยอมรับคำนัด แม้ว่าจะไม่เข้าใจถึงเจตนาลึกๆ ของเขาก็ตามที เธอเองก็แอบอยากรู้ว่าชายหนุ่มจะมาไม้ไหน หรือว่าสุดท้ายแล้วเขาจะเบนเข็มหันมาจีบเธอแทน แค่นึกก็น่าสนุกแล้ว สุดท้ายหญิงสาวจึงยังไม่ได้เล่าเรื่องการนัดหมายนี่ให้สาวรุ่นน้องฟัง เพราะอยากจะลองมาเจอหน้าเขาตรงๆ เสียก่อน
“คุณไอซ์เค้าเคยเล่าให้ฟังมั้ยครับ ว่าแต่ก่อนผมกับเค้าเคยเป็นแฟนกันมาก่อน...” เมื่อทั้งคู่เจอหน้ากัน ชายหนุ่มก็ไม่ยอมปล่อยให้เสียเวลา และตัดสินใจสารภาพความจริงทั้งหมดให้เธอฟัง ไล่ตั้งแต่ว่าตัวเขากับไอซ์นั้นเคยเป็นอะไรกัน และความสัมพันธ์ดังกล่าวนั้นมันต้องจบลงไปด้วยเหตุผลอะไร ซึ่งหญิงสาวเองก็เพียงพยักหน้ารับฟังเรียบๆ โดยไม่ได้แสดงท่าทีตกใจใดๆ เพราะเธอเองก็เคยฟังจากปากของสาวรุ่นน้องมาก่อนแล้ว
“จริงๆ เรื่องพวกนี้ไอซ์เค้าก็เคยเล่าให้ฟังมาบ้างนะคะ แต่ไหมก็ไม่ได้จะไปตัดสินใจอะไรคุณโมจากเรื่องในอดีตหรอกนะ ถึงยังไงตอนนี้เราก็เป็นเพื่อนร่วมงานกัน คุณโมเองก็ทำงานได้ตามที่ไหมต้องการตลอด ก็เลยคิดว่าไม่จำเป็นต้องหยิบยกเอาเรื่องเก่าๆ มาคุยกันในห้องประชุม เพราะมันคนละส่วนกัน ไอซ์เค้าก็ตั้งใจแบบนั้นนะคะ” ไหมบอกความรู้สึกในส่วนของตนเองให้เขาฟัง
“ขอบคุณครับ” โมพยักหน้ารับอย่างสุภาพ ทว่าคำชมดังกล่าวก็ไม่สามารถทำให้เขาผ่อนคลายจากความกังวลไปได้
“แล้วคุณโมพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไมเหรอคะ?” เธอถามเขาตรงๆ และยกแก้วเครื่องดื่มที่บรรจุชามะนาวอยู่เกือบเต็มแก้วขึ้นมาจิบ ขณะรอฟังคำตอบจากปากเขา
ชายหนุ่มยังไม่ได้เปิดปากพูดอะไรในทันที เขาเพียงแต่เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางคว่ำหน้าไว้บนโต๊ะ แล้วเปิดคลิปวิดีโอที่บันทึกไว้มาแสดงให้เธอเห็นแบบชัดๆ พลันที่อีกฝ่ายได้เห็นคลิป สีหน้าของไหมก็แปรเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกตกใจ แก้วเครื่องดื่มในมือเกือบร่วงหล่น ดีว่ายังฝืนจับประคองเอาไว้ได้ เพราะเธอจำได้แทบจะในทันทีว่าคลิปที่เห็นนั้นมันถูกถ่ายมาจากที่ไหน
“คุณโมไปเอาคลิปนี้มาจากไหน? นั่นไหมนี่คะ?” ไหมพยายามฝืนเก็บอาการให้นิ่งสงบที่สุด พร้อมกับแกล้งถามหยั่งเชิงออกไป
“ไม่ต้องเฉไฉหรอกครับคุณไหม ผมรู้นะ ว่าไอ้เดอะคลับนั่นมันเอาไว้ทำอะไร คุณไหมใช่มั้ยที่เป็นคนพาไอซ์ไปที่แบบนั้น?” โมเค้นถามด้วยสีหน้าจริงจังเคร่งเครียด แทบจะเก็บซ่อนอารมณ์ที่พลุ่งพล่านเอาไว้ไม่อยู่
“ทำไมคะ? คุณโมเองก็ไม่ได้เป็นอะไรกับไหม แล้วก็ไอซ์นี่… จะอยากรู้ไปทำไม?” หญิงสาวถามสวนกลับมา โดยจงใจเน้นที่ชื่อไอซ์เป็นพิเศษ เพื่อย้ำเตือนสถานะของตัวเขาในเวลานี้
“เป็นสิครับ อย่างน้อยก็ในฐานะของคนเคยห่วง ผมไม่อยากให้ไอซ์... คุณไอซ์เค้าทำอะไรเสี่ยงๆ” โมเผลอเรียกชื่ออดีตคนรักออกไปแบบห้วนๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้เลยเปลี่ยนคำสรรพนามในการเรียกเสียใหม่
“คุณโมคะ ไอซ์น่ะเค้ามีคนคอยเป็นห่วงดูแลอยู่แล้วนะคะ คุณโมก็รู้จักไม่ใช่เหรอ? ก็คุณแน็คที่กำลังดูใจกันอยู่นั่นไง” ไหมจงใจเอ่ยอ้างชื่อของชายหนุ่มคนสนิทของไอซ์ ด้วยเจตนาจะกรีดแทงลงไปในความรู้สึกของคนฟัง อารมณ์หมั่นไส้เริ่มปะทุขึ้นมาในอก อีตานี่มันจะมายุ่งวุ่นวายอะไรอีกเนี่ย ทั้งที่เป็นคนนอกใจให้ไอซ์ต้องเจ็บปวดเจียนตายแบบนั้นแท้ๆ
“ใช่ครับ ดูใจ... แต่ยังไงก็ยังไม่ใช่แฟนกันนี่” โมพูดสวนออกมาโดยที่ไม่ได้แสดงอาการเจ็บใจใดๆ กับถ้อยคำของอีกฝ่าย ด้วยว่าเขาเองพึ่งได้ฟังประโยคทำนองนี้จากปากของบัวบูชามาแล้วในคืนก่อน
“คุณโม... ไหมชอบในความกระตือรือร้นของคุณนะคะ แต่เอาเป็นว่าเรื่องนี้น่ะ ให้ไอซ์เค้าตัดสินใจเองเถอะ ว่าจะทำยังไงกับชีวิตเค้าบ้าง มันเป็นความสุขของเค้า เค้าเลือกเองได้” ไหมยักไหล่ ก่อนจะวางแก้วเครื่องดื่มในมือลงไปบนโต๊ะในที่สุด หลังจากลืมตัวทนถือมันอยู่นานสองนาน ตั้งแต่ที่ชายหนุ่มแสดงคลิปดังกล่าวให้เธอดู
“ถ้าคุณไหมไม่คิดจะช่วยห้าม ถ้างั้นผมคงต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกให้คนที่บ้านคุณไอซ์เค้าช่วยห้ามแทนใช่มั้ยครับ?” โมที่นิ่งเงียบไปพักใหญ่ ตัดสินใจพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังในแววตา
“ไหมไม่ชอบการข่มขู่นะคะ” ไหมจ้องเขากลับอย่างไม่เกรงกลัว
“ไม่ใช่ขู่ครับ แต่เป็นการขอร้องอย่างจริงจัง” ชายหนุ่มกล่าวเรียบๆ ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร ดวงตาจ้องประสานกันอยู่เช่นนั้น คล้ายกับว่าใครที่หันหน้าหลบตาก่อนจะกลายมาเป็นผู้แพ้ ซึ่งท้ายที่สุดหญิงสาวก็คือคนๆ นั้น
“ขอร้องก็ไม่ชอบค่ะ แต่ถ้า... ให้เป็นการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมกันล่ะก็ แบบนั้นก็พอมีทางที่จะตกลงกันได้” ไหมก้มหน้าลงชั่วครู่เพื่อครุ่นคิด ก่อนที่ไอเดียบางอย่างจะสว่างวาบขึ้นมาในหัว จากนั้นเธอจะเงยหน้าขึ้นมาคุยกับเขาด้วยรอยยิ้มอันมีเลศนัย นี่แหละคือจังหวะที่เธอจะชิงเป็นฝ่ายเดินนำหน้าเขาไปก่อน
“ยังไงครับ? ผมไม่เข้าใจ” โมที่กำลังกระตือรือร้นสุดขีดก็รีบอ้าปากงับข้อเสนอที่เธอโยนมาให้ในทันใด
“ศุกร์นี้คุณโมว่างมั้ยคะ ถ้ามีอะไรที่ยังคาใจเดี๋ยวเราค่อยไปคุยกันต่อ ในที่ๆ มันส่วนตัวกว่านี้ดีกว่า” เธอบอกเป็นนัยๆ และทำให้เขาเข้าใจแทบจะในทันที
มันเป็นคำเชิญชวนที่น่าประหลาดใจ จากสถานการณ์อันซับซ้อนที่พวกเขากำลังงัดข้อต่อรองกันอยู่ ในเมื่ออีกฝ่ายเองก็ตระหนักดีอยู่แล้วว่าเขาเคยเป็นแฟนเก่าของเพื่อนสนิทเธอ แต่ขณะเดียวกัน... ข้อเสนอดังกล่าวก็ไม่ได้สุดโต่งเกินกว่าที่ชายหนุ่มจะพยายามทำใจรับได้ หากว่ามันจะช่วยให้เขาขยับเข้าใกล้ความจริงมากขึ้น
“ที่ไหนครับ?” โมยิงคำถาม เขาพร้อมจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รู้ความจริงทั้งหมด และเพื่อที่จะช่วยพาไอซ์กลับมาจากเส้นทางเดินที่เขาเชื่อว่ามันเป็นหนทางผิดๆ
“เดี๋ยวไหมจะส่งแอดเดรสไปให้ทางไลน์ส่วนตัว พร้อมกับเวลานัดไปให้ ยังไง ค่อยคุยกันต่ออีกทีนะคะ เดี๋ยวไหมต้องไปเข้ามีทติ้งกับทีมแล้ว คงไม่สะดวกจะคุยอะไรมากกว่านี้” ไหมกล่าวตัดบท พร้อมกับนัดแนะช่องทางการติดต่อกันเสร็จสรรพ
วันศุกร์... เวลาประมาณสามทุ่มครึ่ง ชายหนุ่มจึงเดินทางมาถึงสถานที่ที่อีกฝ่ายนัดหมายเอาไว้ ก่อนที่เขาจะพบว่ามันคือโรงแรมหรูราคาแพงที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ใจกลางเมือง รายล้อมไปด้วยอาคารสำนักงานและห้างหรูหลายแห่ง พอเขาเดินเข้ามาในล็อบบี้ก็ไม่ลืมที่จะส่งข้อความไลน์ไปหาเธอว่าตนเองได้มาถึงแล้ว ก่อนที่ไม่นานจะมีข้อความที่ระบุเลขห้องพักส่งกลับมาให้เขา ชายหนุ่มจึงเดินดุ่มๆ ไปขึ้นลิฟท์อย่างเงียบๆ โดยที่สายตาก็คอยกวาดมองสอดส่องไปรอบๆ เพื่อสำรวจสิ่งผิดปกติ แต่ก็ไม่พบเจออะไรแปลกตา
ชายหนุ่มเดินมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพัก ซึ่งมีหมายเลขเดียวกันกับที่เขาพึ่งเห็นบนหน้าจอโทรศัพท์ เขาหยุดสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เหมือนกำลังเตรียมตัวเตรียมใจ จะต้องบุกน้ำลุยไฟไปถึงไหน เขาก็พร้อมจะเสี่ยง เพื่อที่จะค้นหาคำตอบให้ได้ว่าอะไรทำให้ไอซ์ถึงเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนั้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะออกแรงเคาะประตูห้อง
‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก...’ เสียงเคาะประตูดังขึ้นทั้งสิ้นเป็นจำนวน 3 ครั้ง เกิดความเงียบงันขึ้นตรงกลางระหว่างช่วงเวลาที่ว่างเว้น ก่อนที่จะมีเสียงขานรับออกมาจากภายในห้องว่า ‘คะ?’ ชายหนุ่มจึงแจ้งชื่อของตนให้คนที่อยู่ภายในได้รับรู้ ถัดจากนั้นครู่เดียว... บานประตูก็ค่อยๆ ถูกแง้มเปิดออก พร้อมกับดวงตาอันคุ้นเคยของสาวไหมที่โผล่ลอดออกมาจากช่องว่างระหว่างวงกบและบานประตู พอเธอมั่นใจแล้วว่าเป็นเขาที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูห้องเพียงลำพัง หญิงสาวจึงยอมปลดโซ่ที่คล้องล็อกประตูออก และยินยอมให้เขาตามสมทบเข้าไปในห้องอย่างง่ายดาย
สภาพห้องพักนั้นบ่งบอกถึงความหรูหรามีระดับจากเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงระยับ ที่ตกแต่งผสมผสานกันอย่างลงตัว สอดรับกับสถาปัตยกรรมของตัวห้องที่ทั้งสะอาดสะอ้านและทันสมัย พื้นห้องถูกบุด้วยพรมขนสัตว์อย่างดีครอบคลุมทั่วทุกตารางนิ้ว จุดที่ชายหนุ่มเดินเข้ามาถึงเป็นที่แรกคือบริเวณห้องรับแขกขนาดย่อมๆ ที่เชื่อมต่อกับห้องนอนซึ่งมีขนาดกว้างขวางพอๆ กัน ด้านซ้ายมือคือตัวห้องน้ำที่สว่างกว้างขวางและสะอาดสะอ้าน ส่วนที่ลึกเข้าไปในห้องนอนคือบานประตูกระจกที่สามารถเปิดออกไปชมวิวทิวทัศน์ของตัวเมืองในยามค่ำคืนจากความสูงของตึกชั้น 25 ได้ ไหมเดินนำเขาไปนั่งคุยกันที่บริเวณโซฟาตัวใหญ่ใจกลางห้องรับแขก พอพวกเขานั่งลงเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มที่มีเป้าประสงค์ชัดเจนในใจก็เป็นฝ่ายเปิดฉากชวนคุยทันทีโดยไม่รีรอ
“คุณไหมจะให้ผมทำอะไร? เพื่อแลกกับสิ่งที่ผมอยากรู้…” โมพูดเจาะจงอย่างชัดถ้อยชัดคำ แววตาเอาจริงเอาจังไม่หวั่นไหว
“ใจร้อนจังเลยนะคะ ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรเลย แต่ก็ดีค่ะ เราจะได้มีเวลาด้วยกันนานๆ เอางี้ก็แล้วกัน ไหมขอถามคุณโมกลับดีกว่า ว่าคุณโมจะยอมทำได้แค่ไหน เพื่อที่จะทำให้ไหมยอมเปิดปากเล่าความจริง” ไหมตอบคำถามเขาด้วยอีกคำถามหนึ่ง แววตาไม่สะทกสะท้านต่อความเร่งรัดที่ชายหนุ่มพยายามกดดันเข้าใส่
“ทุกอย่างครับ แค่คุณไหมยอมตอบคำถามของผมทั้งหมด” ชายหนุ่มตอบทันทีไม่เสียเวลาคิด
“ดีค่ะ... ถ้างั้น คืนนี้คุณโมต้องเชื่อฟังคำสั่งไหมทุกอย่าง ไม่ว่าไหมจะสั่งอะไรก็ต้องยอมทำตาม แค่คืนนี้คืนเดียว ถ้าคุณโมทำได้... ไหมยินดีจะเล่าความจริงทุกอย่างเกี่ยวกับไอซ์ที่คุณโมไม่เคยรู้ให้ฟัง อยากรู้อะไร จะถามอะไร ไหมจะตอบให้ฟังทั้งหมดเลย...” หญิงสาวยื่นคำขาดพร้อมกับจ้องหน้าเขาอย่างท้าทายขณะรอคำตอบ ถ้าหากเขาจะเกิดลังเลเปลี่ยนใจเพราะนึกกลัวขึ้นมา เธอก็จะได้รู้เอาตอนนี้นี่แหละ ว่าผู้ชายตรงหน้านั้นไม่มีคุณค่าใดๆ ให้เธอต้องเสียเวลาด้วย อย่าว่าแต่จะยอมให้ไปยุ่งวุ่นวายกับไอซ์อีกเลย
“ตกลงครับ” ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วก็พยักหน้ารับข้อเสนอของเธอออกไป
ในวันที่รักหลงทาง #114
**รบกวนคอมเมนท์เกี่ยวกะเนื้อหาในตอนหน่อยนะฮะ อยากอ่านฟี้ดแบคจากคนอ่าน**
-----------------
‘ไหม-พิมพ์พิมล วิเชียรราตรี’ คือผู้บริหารสาวรุ่นใหม่ที่เพียบพร้อมไปด้วยสติปัญญาอันเฉียบแหลม การศึกษาดี ซึ่งมีรากฐานมาจากฐานะทางบ้านที่ร่ำรวยมีอันจะกิน และไหนจะรูปร่างหน้าตาทรวดทรงองค์เอวที่ดูโฉบเฉี่ยวราวกับนางแบบ ซึ่งถูกอาบเคลือบไว้ด้วยกิริยาท่าทางอันมั่นอกมั่นใจนั่นอีกเล่า จึงทำให้หญิงสาวในวัย 29 ปีคนนี้ กลายเป็นทั้งต้นแบบและเป้าอิจฉาของผู้หญิงหลายๆ คน ในขณะเดียวกันก็มีผู้ชายมากมายที่เฝ้าหมายปองเธออยู่
แม้จะลืมตาดูโลกขึ้นมาด้วยสถานะแปะหัวว่า ‘ลูกเมียน้อย’ แต่การที่เธอมีสายเลือดของตระกูลเจ้าสัวระดับท็อป 10 ของประเทศไหลเวียนอยู่ภายในกาย ก็ทำให้เธอและ ‘เพ็ญพักตร์’ ผู้เป็นแม่ ได้รับข้อเสนอเป็นจำนวนเงินที่สูงถึงแปดหลักนับตั้งแต่วันแรกที่หญิงสาวถือกำเนิด เพื่อแลกกับการปิดบังสายสัมพันธ์ดังกล่าวไม่ให้ใครได้รับรู้
เพ็ญพักตร์ผู้เรียนจบปริญญาโท MBA มาจากเมืองนอกเมืองนา ย่อมไม่ใช่คนโง่โดยพื้นฐาน แม้ว่าเธอจะแอบก่นด่าตัวเองอยู่ลึกๆ ที่หลงคารมไปเชื่อลมปากของชายคนรัก ที่ว่าจะหาทางเกลี้ยกล่อมให้คนในครอบครัวยอมรับอนุภรรยาอย่างเธอเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล แต่สุดท้ายเมื่อถูกภรรยาหลวงซึ่งมาจากชาติตระกูลที่สูงส่งและมีอำนาจบารมีใกล้ๆ กัน ออกอาการอาละวาดหึงหวง ถึงขั้นลงไม้ลงมือใส่เพ็ญพักตร์ถึงในบ้านของเธอ เศรษฐีมากรักผู้กลัวจะทำให้สัมพันธ์ทางธุรกิจต้องสั่นคลอน ก็รีบสะบัดเธอทิ้งไปอย่างไม่ใยดี ก่อนจะยื่นข้อเสนอทิ้งทวนเป็นการตัดสัมพันธ์ในวันเดียวกันกับที่เธอได้ให้กำเนิดลูกสาว
หญิงสาวตระหนักดีว่าต่อให้พยายามดิ้นรนตะเกียกตะกายเท่าไร ก็คงไม่มีวันที่ตนเองและลูกจะสามารถเบียดแทรกกายเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของผังวงศ์ตระกูลอันมีเกียรตินั้นได้ ตราบเท่าที่ทางของฝั่งภรรยาหลวงและลูกๆ ยังคงคอยกีดกันเธออยู่แบบนี้ ทำให้เพ็ญพักตร์ในวัย 30 ปี จึงเลือกที่จะยินยอมรับข้อเสนอดังกล่าวไว้แบบเงียบๆ แม้จะรู้ว่าสถานะของตนนั้นจะต้องกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือหมาหัวเน่าที่ถูกเฉดหัวทิ้งในสายตาของคนจากบ้านใหญ่ พร้อมกับนำเงินก้อนนั้นไปใช้เป็นทุนรอนในการลงทุนกับตลาดหุ้น ควบคู่กับการก่อตั้งบริษัททัวร์ต่างประเทศของตนเองจนประสบความสำเร็จ โดยไม่จำเป็นต้องหวนกลับไปพึ่งพาความช่วยเหลือจากอดีตคนรักที่ห่างเหินอีกต่อไป
แน่นอนว่าแรงแค้นที่ฝังลึกในใจของผู้เป็นแม่นั้น ย่อมส่งต่อผ่านมาถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของเธอด้วยเช่นกัน “ผู้หญิงแบบเราๆ ก็สามารถประสบความสำเร็จได้โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ชายหน้าไหน” คือประโยคที่แม่มักคอยพร่ำสอนเธออยู่บ่อยๆ ตั้งแต่เริ่มจำความได้ จนกลายเป็นการตีกรอบให้ไหมตั้งเป้าหมายไว้กับตัวเองอย่างหนักแน่นว่า ชีวิตนี้เธอจะต้องร่ำรวยและประสบความสำเร็จให้มากยิ่งกว่าที่แม่ของเธอเคยทำเอาไว้ อย่างน้อยๆ ก็ต้องมากพอที่จะสร้างความรำคาญใจระคายเคืองให้แก่ ‘คนในบ้านใหญ่’ ที่ได้รู้ข่าวคราวของเธอ ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวนั้นจะต้องมาจากความสามารถของตัวเองเพียวๆ โดยไม่หวังพึ่งพาความช่วยเหลือจากใครหน้าไหนทั้งสิ้น
ไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องความสำเร็จเท่านั้นที่เป็นปมฝังลึกอยู่ภายในก้นบึ้งจิตใจของหญิงสาว แต่ยังรวมไปถึงเรื่องของการคบหากับเพศตรงข้าม ซึ่งเธอมีบทเรียนครั้งใหญ่จากการที่แม่ของตนเองต้องเจ็บช้ำจากความรักปลอมๆ และยังถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นเพียงแค่ผู้หญิงแพศยาที่รุกล้ำเข้าไปสร้างความร้าวฉานให้แก่ความสัมพันธ์ของคนอื่น ปมดังกล่าวทำให้ไหมเลือกที่จะไม่ยอมเชื่อใจผู้ชายคนใดแบบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่เคยตกลงปลงใจคบหากับใครจริงจัง หนักข้อไปกว่านั้น มันยังทำให้หญิงสาวแอบมีนิสัยที่ชอบกดขี่ข่มเหง และควบคุมการแสดงออกทางเพศของชายหนุ่มคู่ขาเอาไว้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จนกลายเป็นรสนิยมทางเพศที่ใครหลายคนเรียกกันว่า ‘Dominance’ หรือ ‘ฝ่ายที่เป็นผู้กระทำชำเรา’ เฉกเช่นที่เธอเคยทำกับลูคัสและผู้ชายคนอื่นๆ
ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่โมไม่เคยตระหนักรับรู้มาก่อน... แม้ว่าเขาจะกำลังนั่งจ้องตาเธออยู่ในระยะประชิดก็ตาม...
“คุณไหมอยากให้ผมทำอะไร?” โมเอ่ยถามออกไปเมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังคงเอาแต่นั่งนิ่งยิ้มกริ่ม หลังจากที่เขาตกปากรับคำ ว่าจะยอมทำตามคำสั่งเธอตลอดทั้งคืนนี้ไปเรียบร้อยแล้ว
“อ้อ... ไหมลืมบอกไป หลังจากนี้ ห้ามคุณโมพูดหรือถามอะไรก่อนที่ไหมจะอนุญาตนะคะ ไหมจะเป็นคนนำเอง เข้าใจไหม?” ไหมกล่าวและจ้องหน้าเขารอคำตอบ ชายหนุ่มที่หัวไวพอจึงรีบพยักหน้ารับหงึกๆ ฝ่ายคนพูดจึงค่อยเผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา
“ถอดเสื้อกับกางเกงออกค่ะ” ไหมสั่ง ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็พอจะคาดเดาได้อยู่แล้วว่ามันน่าจะต้องออกมาในรูปแบบนี้ เขาจึงค่อยๆ รูดเสื้อโปโลออกไปจากคอตัวเอง ตามด้วยเข็มขัดและกางเกงยีนส์ จนเหลือแค่ถุงเท้าและกางเกงชั้นในสีเทาที่ยังสวมใส่ติดตัวอยู่ในเวลานี้
“ถุงเท้าไม่ต้องถอดก็ได้ค่ะ แค่นี้พอแล้ว” หญิงสาวรีบออกปากห้ามเมื่อเห็นว่าเขาทำท่าจะยกขาขึ้นมาถอดถุงเท้าออก ตาเธอก็คอยมองจับจ้องไปที่เป้ากางเกงชั้นในของเขา ซึ่งบัดนี้มันดูจะมีอาการพองตัวขึ้นมาเล็กๆ เพราะความตื่นเต้นจากสถานการณ์อันล่อแหลม แม้ว่าจะยังไม่ถึงขั้นแข็งตัวเต็มที่ก็ตาม
ขณะที่โมตกอยู่ในสภาพเกือบจะเปลือยเปล่าล่อนจ้อน ฝั่งของไหมนั้นกลับสวนทางกัน เพราะเธอยังคงสวมใส่เสื้อผ้าชุดทำงานอย่างมิดชิด ท่อนบนเป็นเสื้อทำงานผู้หญิงแขนยาวสีน้ำตาลเข้มสไตล์แฟชั่น ตรงคอเสื้อเป็นรูปตัววีแหวกลึกลงมาถึงบริเวณเนินอก แต่เพราะรูปร่างที่ค่อนข้างเพรียวบางจึงทำให้ดูไม่ประเจิดประเจ้อจนเกินไป ส่วนท่อนล่างนั้นเป็นกระโปรงทรงเอเข้ารูปสีน้ำตาลอ่อน พร้อมด้วยถุงน่องยาวที่ปิดคลุมผิวเนื้อบริเวณเรียวขาอย่างมิดชิด
“ยื่นมือมาหน่อยค่ะ ทั้งสองข้างเลย แบบนี้” ไหมกล่าว พลางทำท่าเอาแขนทั้งสองข้างแนบชิดกัน และยื่นออกมาด้านหน้าให้เขาดูเป็นตัวอย่าง ชายหนุ่มก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ไม่มีทีท่าว่าจะขัดขืนใดๆ แม้จะพยายามคิดหัวแทบแตกว่าเธอกำลังตั้งใจจะทำอะไร
“ดีมากค่ะ อยู่นิ่งๆ นะ” หญิงสาวบอก ขณะหยิบเอาปลอกแขนหนังสีดำขนาดใหญ่นำออกมาสวมและรัดใส่ที่ท่อนแขนทั้งสองข้างของชายหนุ่มจนแน่นหนา
“แค่เป็นหลักประกันน่ะค่ะ ว่าคุณโมจะไม่ขัดคำสั่งไหมในคืนนี้ ตอนแรกว่าจะมัดไพล่หลัง แต่กลัวคุณโมจะเสียขวัญไปซะก่อน” หญิงสาวเอ่ย หลังจากเห็นแววความฉงนงงงวยอย่างหนักบนใบหน้าของชายหนุ่ม เสร็จแล้วเธอก็ชี้นิ้วลงไปที่พื้นห้อง ห่างจากโซฟาที่พวกเขากำลังนั่งคุยกันอยู่ไปประมาณ 2 เมตร
“ทีนี้ก็... คุกเข่าลงค่ะ นั่งลงตรงนั้น” แม้จะเป็นถ้อยคำที่ฟังดูสุภาพ แต่ชัดเจนว่านั่นคือการออกคำสั่งด้วยสถานะที่เหนือกว่า
พอเหตุการณ์ดำเนินมาถึงตรงนี้ ชายหนุ่มเลยเริ่มปะติดปะต่อเหตุการณ์ได้คร่าวๆ ว่าอีกฝ่ายน่าจะมีรสนิยมบางอย่างเกี่ยวกับการได้ออกคำสั่ง คล้ายๆ กับหนังโป๊บางเรื่องที่เขาเคยดูผ่านตามาบ้าง จากนั้นเขาจึงยอมขยับลงไปนั่งคุกเข่าที่พื้นตามคำสั่งของเธอ การที่ท่อนแขนทั้งสองข้างถูกพันธนาการเอาไว้ ทำให้ชายหนุ่มขยับตัวเคลื่อนไหวได้ไม่คล่องแคล่วอย่างที่ใจคิดนัก เมื่อบวกกับมุมมองจากการต้องลงมานั่งอยู่เบื้องล่าง ก็ทำให้เขาเริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างที่ค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้นมาอย่างช้าๆ
ซึ่งนั่นคือจุดประสงค์หลักที่ไหมต้องการเลยก็ว่าได้ นั่นคือการทำให้เขาสูญเสียประสิทธิภาพในการควบคุมสถานการณ์ในครั้งนี้ลงไปทีละน้อยๆ จนถึงจุดที่ตัวเธอเองสามารถพลิกกลับมาเป็นผู้ได้เปรียบในท้ายที่สุด...
“มาค่ะ... คลานกลับมาหาไหมตรงนี้” ไหมเอ่ยพลางเอานิ้วชี้ไปที่พื้นห้องตรงเบื้องหน้าของตนเอง คอยลุ้นว่าเขาจะยอมทำตามหรือไม่ ซึ่งคำสั่งเท่านี้ก็ยังไม่ยากเย็นเกินกว่าที่ชายหนุ่มจะยอมฝืนใจคืบคลานมานอนหมอบอยู่ตรงหน้าเธอ ห่างจากปลายเท้าของหญิงสาวเพียงไม่ถึงคืบ และเมื่อถึงจุดนี้เอง ไหมจึงเริ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายเก็บบันทึกภาพไว้ ก่อนจะค่อยๆ ยื่นปลายเท้าข้างหนึ่งแหย่จ่อเข้ามาที่ใบหน้าของเขา พร้อมกับออกคำสั่ง
“ช่วยทำความสะอาดให้ทีค่ะ” แม้ไหมจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่โมก็เข้าใจได้ทันทีว่าเธอกำลังตั้งใจจะบอกอะไรกับเขา ความกระอักกระอ่วนพลันบังเกิดขึ้นในใจของชายหนุ่มแค่เพียงช่วงสั้นๆ ก่อนที่เขาจะฝืนกระเดือกกลืนความอึดอัดใจดังกล่าวกลับลงไปในท้อง ศักดิ์ศรีอะไรก็ไม่มีความหมายในเวลานี้สำหรับเขาอีกแล้ว ขอเพียงแค่ได้รู้ความจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับไอซ์ ในที่สุดชายหนุ่มจึงค่อยๆ เอื้อมมือไปประคองจับที่ฝ่าเท้าของหญิงสาวซึ่งมีถุงน่องสีน้ำตาลอ่อนห่อหุ้มอยู่ พร้อมกับโน้มใบหน้าเข้าไปจุมพิตมันอย่างทะนุถนอมและแผ่วเบา
“น่าร้าก... กกกกก” เสียงไหมกล่าวชมเชยเสียงสูง ขณะจ่อกล้องโทรศัพท์มือถือถ่ายไปที่ภาพใบหน้าของชายหนุ่ม ผู้ซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาใช้ปากพรมจูบไปรอบๆ นิ้วเท้าของเธอ จนสาวเจ้าแอบออกอาการจั๊กจี้เล็กๆ
“ดูดด้วยค่ะ เอาให้สะอาดเลยนะ” หญิงสาวสั่งอย่างสนุกปาก ซึ่งชายหนุ่มที่ตัดสินใจจะช่างแม่งกับทุกสิ่งแล้ว ก็ออกแรงอ้าปากงับดูดลงไปที่นิ้วเท้าของเธอ ไล่ตั้งแต่นิ้วโป้งเรื่อยไปจนถึงนิ้วก้อย สลับกับใช้ลิ้นโลมเลียไปรอบๆ ฝ่าเท้า ท่ามกลางสายตาของสาวไฮโซที่กำลังจ้องมองมันด้วยอาการตื่นเต้นสะใจ
“อร่อยมั้ยคะ?” ไหมเอ่ยถามเสียงยั่วยวน ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาจ้องตอบ พร้อมกับพยักหน้าน้อยๆ เพื่อเอาใจเธอ ทว่ากลับโดนฝ่าเท้าของหญิงสาวยันเข้าไปที่ใบหน้าเบาๆ จนหน้าหงาย เหมือนตั้งใจแกล้ง
“ตอบเป็นคำพูดสิคะ” เธอหัวเราะร่าเริง
“อร่อยครับ” โมเออออตามเธอ แล้วก้มหน้าก้มตาพรมจูบต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เก่งมากค่ะ เอาล่ะ ทีนี้ก็ค่อยๆ จูบขึ้นมาข้างบนเรื่อยๆ” ไหมสั่งการต่อ ขณะเอนกายทิ้งตัวพิงไปกับโซฟา พร้อมกับค่อยๆ ขยับถ่างขาอ้ากว้าง ทำให้กระโปรงทรงเอที่เธอสวมอยู่มันค่อยๆ เลื่อนถลกสูงขึ้น เปิดเผยให้เห็นถึงสายรัดถุงน่องสุดเซ็กซี่ที่รั้งอยู่ระหว่างบั้นเอวโค้งเว้ากับน่องขาอันเรียวยาว ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะใช้สองมือที่ถูกมัดไว้ ประคองน่องขาเธอให้ยกค้างกลางอากาศ แล้วบรรจงจุมพิตสลับกับใช้ลิ้นลากเลียไปตามเนื้อสาว ไล่ตั้งแต่บริเวณข้อเท้า ลากสูงขึ้นไปยังน่องขาอวบอิ่ม ผ่านหัวเข่ากลมมน จนขึ้นไปถึงบริเวณโคนขาอ่อนของหญิงสาว แล้วเขาก็ค่อยๆ ออกแรงงับดูด ทำเอาไหมถึงกับออกอาการสะท้านตัวเกร็ง
“อืม... มมมมมม ดีจริงๆ คุณโมนี่เก่งไม่เบาเลยนะเนี่ย สูงขึ้นอีกค่ะ” ไหมแหงนเชิดหน้าหลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์ มือข้างหนึ่งจิกยึดลงไปบนพนักแขนโซฟาหนัง ส่วนมืออีกข้างก็เอื้อมไปรั้งศีรษะของเขาแล้วออกแรงดึงเข้าหาตัว
“ทำให้ไหมสบายตัวหน่อยสิ” พอสิ้นคำสั่งของหญิงสาว ชายหนุ่มที่รู้หน้าที่ของตนเองดี ก็จัดการมุดใบหน้าเข้าไปใต้ชายกระโปรง พร้อมกับตวัดลิ้นลากเลียลงไปที่เป้ากางเกงชั้นในลูกไม้ของเธออย่างคล่องแคล่ว เรียกเสียงครางสยิวให้หลุดลอดออกมาจากลำคอของผู้บริหารสาวคนเก่ง มันเสียวเสียจนเธอต้องจิกขยุ้มนิ้วมือลงไปบนเส้นผมของเขาแรงๆ เพื่อระบายอารมณ์อัดอั้น
“ซี้ดส์... อื้อ... ออออ ดี... ดีจังเลย อาห์ ตรงนั้นแหละ ดูดแรงๆ เลย...” ไหมร้องซี้ดปาก พลางใช้มือข้างหนึ่งแหวกรั้งขอบกางเกงชั้นในของตนเองออกทางด้านข้าง เพื่อเปิดทางให้อีกฝ่ายได้จุมพิตที่เนินสวาทของเธอแบบตรงๆ พลันที่ริมฝีปากของชายหนุ่มแตะถูกร่องเนื้ออ่อนนุ่มที่ไร้ซึ่งเส้นขนแม้เพียงสักเส้น เขาก็รีบห่อเกร็งลิ้นให้เป็นทรงกรวยแหลม แล้วจัดการกดบี้แทงเข้าไปยังจุดที่น่าจะเป็นปากทางเข้า ทำเอาร่างขาวบางตรงเบื้องหน้าถึงกับออกอาการเกร็งกระตุกเฮือกๆ ด้วยความเสียวสะท้านที่เกินห้ามใจ เท่านั้นยังไม่พอ ชายหนุ่มยังออกแรงกดบี้ริมฝีปากลงไปดูดดันที่ปุ่มเนื้ออ่อนสีแดงแจ๋ที่เผยอแลบออกมาจากร่องเขา เสียงดัง ซ้วบ... บบบบบบ ทำเอาสาวไหมถึงกับดิ้นพล่านๆ แอ่นก้นเด้งไม่ติดเบาะโซฟา โทรศัพท์มือถือร่วงหล่นจากมือลงไปบนเบาะโซฟา
“โอว... ววววว นั่นแหละ อย่างน้าน... ซี้ดส์... อือ... อออออ ดูดหนักๆ อย่าหยุดนะ... อย่าหยุด... ไหมจะ... ไหมจะ... ซี้ดส์... อ๊าย!!!!” ร่างของไหมบิดดิ้นเร่าๆ อย่างทุรนทุราย เป็นสัญญาณชี้ชัดว่าเธอกำลังไต่ทะยานสูงขึ้นไปใกล้จะถึงจุดสูงสุดของห้วงอารมณ์เสียว จนกระทั่งถึงจุดหนึ่ง ร่างของเธอก็เกิดอาการเกร็งกระตุกเฮือกๆ อย่างรุนแรง สองมือจิกขยุ้มเส้นผมของชายหนุ่มจนเขาเริ่มรู้สึกเจ็บ ก่อนที่เธอจะแอ่นเบียดหน้าขาอัดใส่ใบหน้าเขายิกๆ พร้อมกับเปล่งเสียงร้องครางออกมาดังลั่นห้องอย่างไม่เก็บกักอารมณ์
หยาดน้ำที่หลั่งทะลักออกมานั้นอาบชุ่มไปทั่วริมฝีปาก ปลายคาง และจมูกของชายหนุ่ม ปริมาณของมันดูจะมากมายมหาศาลจนคล้ายกับว่าไม่มีทีท่าว่าจะหมดสิ้น ทำให้ชายหนุ่มเริ่มเอะใจว่ามันไม่ใช่แค่น้ำเสียวธรรมดาๆ แต่พอเขาจะถอนใบหน้าออก ก็ถูกหญิงสาวใช้มือดึงล็อกศีรษะเอาไว้แน่นไม่ยอมให้หนีไปไหนได้
“ห้ามหยุดนะ! กลืนเข้าไปให้หมด อย่าให้เหลือ” ไหมออกคำสั่งเสียงแข็ง แม้จะรู้สึกตกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปแบบเฉียบพลันของเธอ แต่โมก็ยังสามารถประคองสติ และปฏิบัติตามคำสั่งของเธอ ด้วยการอ้าปากดูดกลืนหยาดน้ำเหล่านั้นเข้าไปแต่โดยดี รสชาติขมเฝื่อนที่แตะติดปลายลิ้นและชวนบาดคอนั้นดูจะเป็นอะไรอื่นไปไม่ได้เลยนอกจาก ‘ฉี่’ ของเธอ แม้จะรู้อย่างนั้น แต่ความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่จะปรนเปรอเอาใจหญิงสาวตรงหน้า ก็ทำให้เขาพยายามกลืนกินมันเข้าไปอย่างเต็มความสามารถ กระทั่งสายน้ำค่อยๆ แห้งเหือดไปในท้ายที่สุด พร้อมกับที่ไหมค่อยๆ ออกแรงผลักดันใบหน้าของเขาออกมาจากหว่างขาของเธอด้วยสีหน้าพึงพอใจ
หญิงสาวส่งยิ้มอ่อนหวานมาให้เขา ผู้ที่ใบหน้าเปียกเปรอะชุ่มโชกจนดูไม่ได้ ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นเดินไปหยิบเอาผ้าขนหนูผืนนุ่ม และยื่นส่งให้เขารับไปเช็ดทำความสะอาดใบหน้าตัวเองอย่างนุ่มนวล
“ขอบคุณนะคะที่ยอมเชื่อฟัง คุณโมน่ารักมากเลย ไหมประทับใจจัง คุณโมล่ะ? ชอบมั้ยคะ?” ไหมกล่าวขณะยืนจ้องมองภาพเขาใช้ผ้าขนหนูซับคราบเปียกชื้นบนใบหน้าตัวเองจนสะอาด
“คุณไหมจะให้ผมทำอะไรต่อครับ?” โมไม่พูดพร่ำทำเพลง ยิงคำถามเข้าประเด็นต่อแบบไม่ยอมให้เสียเวลา ทั้งที่ยังคงอยู่ในท่านั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นเช่นนั้น
“โอ๊ย ทำไมใจร้อนจัง วันนี้คืนวันศุกร์นะคะ เรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกทั้งคืนเลยนะ ไม่ต้องรีบร้อนก็ได้” คำตอบของเธอทำให้เขารู้ทันทีว่าศึกครั้งนี้ดูท่าว่าจะไม่จบลงง่ายๆ อย่างที่คิดเอาไว้ในตอนต้น
“ไอซ์เค้าเคยเล่าให้ฟังผ่านๆ นะ ว่าคุณโมน่ะ เก่งเรื่องบนเตียงไม่ใช่เหรอ? ไหมเองก็แอบสงสัยมานานละ ว่าจะเก่งจริงอย่างคำโฆษณาของไอซ์เค้ารึเปล่า ไหน... คืนนี้คุณโมลองทำให้ไหมมีความสุขที่สุดดูหน่อย เอาแบบสุดฝีมือเลยนะ ถ้าไหมรู้สึก ‘เต็มอิ่ม’ เมื่อไหร่ คุณโมก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการ โอเคมั้ยคะ?” ไหมเอ่ย โดยเน้นเสียงไปที่คำว่าเต็มอิ่ม เพื่อสื่อให้รู้ว่าเธอคาดหวังทั้ง ‘ปริมาณ’ และ ‘คุณภาพ’ จากเขาในค่ำคืนนี้
“ได้ครับ” โมพยักหน้าตอบรับอย่างไม่มีทางเลือก
“เยี่ยมเลยค่ะ ถ้างั้นก็... เรามาเล่นเกมกันหน่อยดีกว่าเนอะ คุณโมเคยเล่นเกมสมมติมั้ยคะ?” ไหมเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้า
“ไม่เคยครับ เล่นยังไง?” โมส่ายหัวน้อยๆ แม้จะพอเดาได้ว่ามันน่าจะเกี่ยวข้องกับการสวมบทโรลเพลย์อะไรบางอย่าง แต่เขาก็ไม่อยากจะเสียเวลาคาดเดาเอาเองอีกแล้ว เลยเลือกที่จะถามเธอไปเลยดีกว่า
“ตอนเด็กๆ ไหมเคยเลี้ยงหมาอยู่ตัวนึง ชื่อพี่มาริโอ้ เป็นพันธุ์ลาบราดอร์ตัวผู้ อายุตั้ง 14 ขวบแน่ะ ก่อนที่เค้าจะเสียไป” เธอย้อนความหลัง ซึ่งชายหนุ่มก็ได้แต่พยักหน้ารับฟังไปแบบงงๆ ว่ามันเกี่ยวอะไรด้วยกับเกมที่เธอพูดถึง
“พอพี่มาริโอ้ตาย ไหมก็ไม่กล้าเลี้ยงสัตว์อะไรเพิ่มอีกเลย ไม่อยากเสียใจแบบนั้นอีกแล้วน่ะ แต่ว่าบางที เวลาอยู่คนเดียวนานๆ มันก็มีฟีลแบบอยากจะลองเลี้ยงหมาไว้ช่วยแก้เหงาเหมือนกันนะ เพราะไหมชอบหมามากๆ เลย” หญิงสาวยังคงเล่าต่อไปเรื่อยๆ
“ครับ?” ชายหนุ่มขานรับเป็นระยะ โดยไม่เข้าใจสักนิดว่าเธอกำลังจะลากเขาไปไหนต่อ
“คืนนี้คุณโมช่วยเป็นตัวแทนของพี่มาริโอ้ให้หน่อยได้มั้ยคะ?” หญิงสาวเฉลยความต้องการในใจ พร้อมกับล้วงหยิบเอาของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าถือที่วางอยู่ข้างกาย จำนวนทั้งหมดสามชิ้น
เมื่อชายหนุ่มลองเพ่งสายตามองดูชัดๆ จึงพบว่าสิ่งนั้นมันก็คือที่คาดผมรูปหูหมา หลอดเจลหล่อลื่นยี่ห้อ ForFun กับวัตถุบางอย่างที่มีรูปร่างคล้ายกับ... คล้ายกับหางพองๆ ของหมาขนฟูสีน้ำตาล และมีจุกเสียบสีเงินแวววาวติดอยู่ทางฝั่งโคนหาง ซึ่งสมองของเขาสามารถประมวลผลได้ในทันทีว่าของพวกนี้มันต้องใช้งานยังไง และใช้กับใคร!
“คุณไหมพูดจริงเหรอครับ?” โมหลุดปากถามออกไป ตาก็จ้องค้างที่จุกเหล็กสีเงินแวววับชิ้นนั้นอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“ทำได้มั้ยคะ?” ไหมถามกลับมา เป็นการกระตุ้นเตือนสติให้ชายหนุ่มนึกขึ้นได้ว่าบัดนี้คนที่ถือไพ่เหนือกว่า เขาจึงได้แต่พยักหน้ารับ
“ได้มั้ยคะ?” เธอถามย้ำเพื่อให้เขาเอ่ยออกมาเป็นคำพูดชัดๆ
“ได้ครับ” เขาตอบเสียงสั่นเทิ้มเล็กๆ รู้สึกไม่คุ้นชินกับสถานการณ์ที่ถูกกดดันบีบคั้นเช่นนี้มาก่อน ทั้งไม่มั่นคง และไม่ปลอดภัย แล้วก็ไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้มันจะไปจบลงที่ตรงไหนกันแน่
“เยี่ยมเลยค่ะ งั้นคุณโมช่วยลุกมาหาไหมหน่อย ดีค่ะ เอนตัวนอนพาดลงไปบนขาไหมเลย ช่าย แบบนั้นแหละ” ไหมชี้ไม้ชี้มือสั่งการให้เขาเปลี่ยนท่วงท่าตามที่เธอต้องการ ชายหนุ่มรู้สึกกระดากเขินไม่น้อยที่ต้องมานอนคว่ำราบอยู่บนหน้าขาของหญิงสาว ในท่วงท่าคล้ายกับเด็กน้อยที่กำลังจะถูกแม่ตีก้นก็ไม่ปาน แต่ทำไงได้ หากมันจะทำให้อีกฝ่ายพึงพอใจก็มีแต่ต้องยอมกลั้นใจทำไปเท่านั้น
“ไม่ต้องกลัวนะคะ ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย” ไหมกล่าวด้วยน้ำเสียงปลอบประโลม ขณะจัดการปลดล็อกปลอกหนังออกไปจากข้อมือทั้งสองข้างของเขา มองเห็นรอยแดงช้ำปรากฏบนผิวหนังอย่างชัดเจน
หญิงสาวใช้มือดึงรูดกางเกงชั้นในของชายหนุ่มลงไปกองคาไว้ที่น่อง แล้วหยิบเอาหลอดเจลหล่อลื่นเมื่อครู่ขึ้นมาป้ายใส่ที่นิ้วชี้และนิ้วกลางของตนเองจนมันชุ่มไปด้วยเนื้อเจล เธอบรรจงทาละเลงไปรอบๆ รูก้นที่ขมิบหดเกร็งเพราะความตื่นเต้นของเขา ร่างของชายหนุ่มสั่นสะท้านเล็กเมื่อนิ้วมือและเนื้อเจลที่เย็นวาบแตะโดนเข้าที่จุดอ่อนไหวของเขา ซึ่งจะว่าไปก็มีผู้หญิงจำนวนแค่หยิบมือเท่านั้นที่เคยล่วงล้ำเข้ามาถึงบริเวณนี้ แต่ดูเหมือนว่าแค่แตะสัมผัสที่ด้านนอกจะยังไม่หนำใจพอสำหรับไหม เพราะหญิงสาวกลับเลือกที่จะใช้นิ้วกลางอันเปียกลื่นนั้น จ่อเข้าไปที่กลางรอยแยกรูปดาวหลากแฉกพร้อมกับออกแรงกดจนปลายนิ้วค่อยๆ จมลึกเข้าไปข้างใน
“อุ๊! อือ... อออออ” โมพยายามสะกดกลั้นเสียงครางเพราะความเจ็บปวดเล็กๆ ของตนเองเอาไว้ในลำคอ แม้ว่าเนื้อเจลจะช่วยให้นิ้วเธอสอดลึกเข้ามาได้อย่างลื่นไหล ทว่าความรู้สึกจุกเสียดที่ชวนแปลกประหลาดนั้นไม่ใช่สิ่งที่ชายหนุ่มคุ้นชินสักเท่าไร แม้ว่าจะเคยมีใครบางคนทำแบบนี้กับเขามาก่อนหน้านี้บ้างก็ตาม แต่ทุกๆ ครั้งมันก็มักจะมาพร้อมกับอาการประหม่าและลนลานของชายหนุ่ม เพราะรู้ว่าตนเองไม่ใช่คนที่กำลังควบคุมสถานการณ์ในเวลานั้นอีกต่อไปแล้ว
ไหมออกแรงสอดแยงนิ้วมื้ออย่างนุ่มนวล เพียงพอที่จะทำให้ผิวอุโมงค์ของเขามันถูกอาบเคลือบไปด้วยความเปียกลื่นของเนื้อเจล จากนั้นเธอก็แกล้งถอนนิ้วมือออกมาด้วยความรุนแรง ทำเอาชายหนุ่มถึงกับสะดุ้ง หลุดปากร้อง ‘โอ๊ะ!’ ออกมา พร้อมกับที่ร่องก้นก็ออกอาการขมิบหดเกร็งแรงๆ อย่างตกใจ สายตาเธอจับจ้องมองภาพนิ้วมือกลมมนที่ดีดหลุดออกมาจากรูก้นอันตีบตันนั้นด้วยรอยยิ้มอย่างผู้ชนะ ก่อนจะใช้เจลเดียวกันนั้นละเลงลงไปที่จุกเหล็กซึ่งติดอยู่กับหางหมา ทาไปรอบๆ ผิวโลหะจนกระทั่งมั่นใจว่าเจลนั้นเคลือบทั่วดีแล้ว จึงนำมันไปจ่อเข้าที่ปากประตูทางเข้าบริเวณร่องก้นของชายหนุ่ม
ไหมใช้มือขวาประคองเจ้าหางหมานั้นเอาไว้ในมือ ส่วนมือซ้ายที่ยังไม่ได้เปรอะเปื้อนเจลก็เอื้อมไปหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดถ่ายวิดีโอ ในจังหวะที่ตนกำลังจะยัดเจ้าหางหมานั้นเข้าไปในรูก้นของอีกฝ่าย หัวใจเธอเต้นสั่นเล็กน้อย ในจังหวะที่ปลายจุกเหล็กที่โค้งมนค่อยๆ กดชำแรกเข้าไปในร่างอันเกือบเปลือยเปล่าของชายหนุ่ม ร่างที่ทั้งใหญ่หนาและทรงพลังกว่าเธอมากมายหลายเท่า แต่บัดนี้มันกลับทำได้เพียงแค่นอนพาดโก้งโค้งอยู่บนหน้าขาของเธออย่างหมดสภาพ และไร้ท่าทีจะต่อต้านใดๆ จนกระทั่งนิ้วมือเธอสามารถกดเจ้าหางพองๆ นั้นเข้าไปจนแนบสนิทเป็นเนื้อเดียวกันกับร่างกายของชายหนุ่ม จากนั้นหญิงสาวจึงหยิบเอาที่คาดผมที่มีหูหมาติดอยู่ด้านบน นำมาสวมใส่ให้กับเขา เป็นอันว่าการแปลงร่างสำเร็จลุล่วงด้วยดี ง่ายดายกว่าที่เธอคิดไว้ในตอนแรกด้วยซ้ำ
แล้วไหมก็จัดการรูดกางเกงชั้นในที่ยังห้อยค้างอยู่ออกไปจากร่างของโม ทำให้ชายหนุ่มตกอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าล่อนจ้อนในที่สุด ก่อนจะออกคำสั่งให้เขาขยับลงไปคลานคุกเข่าสี่ขาบนพื้นห้อง ซึ่งชายหนุ่มที่เริ่มจะชินกับการถูกออกคำสั่งก็ยอมทำตามแต่โดยดี ที่สำคัญ ไอ้การตกเป็นเบี้ยล่างของเธอในเวลานี้มันกลับทำให้หัวใจเขาเต้นแรงด้วยอาการผิดปกติ จะว่าหวาดกลัวก็ไม่เชิง น่าจะเรียกว่าเป็นความตื่นเต้นแปลกๆ เสียมากกว่า พิสูจน์ได้จากการที่ไอ้หนูของเขาในยามนี้มันกำลังออกอาการแข็งขันปึ๋งปั๋งแบบพร้อมรบเต็มที่ ปลายหัวบานนั้นแดงโร่ราวกับดอกเห็ดยักษ์ที่แกว่งไกวไปมา ในยามที่เจ้าของร่างกำลังขยับลงไปนั่งคุกเข่าคลานกับพื้น ซึ่งภาพดังกล่าวก็ไม่อาจรอดพ้นจากสายตาของหญิงสาวที่กำลังจับจ้องมองมันอยู่ได้เลย
มันเป็นชัยชนะที่มาพร้อมกับความสะใจสำหรับไหม ที่สามารถกำราบชายหนุ่มหน้าตาดีตรงหน้า ให้หมอบราบคาบและพ่ายแพ้แก่เธออย่างหมดจด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหญิงสาวตั้งใจจะแก้แค้นแทนเพื่อนสาวรุ่นน้อง ซึ่งเคยถูกเขาหักหลังนอกใจจนเจ็บช้ำซ้ำซาก รวมไปถึงความแค้นส่วนตัว ที่หญิงสาวต้องการจะสั่งสอนที่เขากล้านำคลิปวิดีโอเหล่านั้นมาข่มขู่เธอก่อนหน้านี้ด้วย ซึ่งมันก็สมแล้วกับสภาพอันน่าอดสูของชายหนุ่มในเวลานี้
สำหรับโมเอง เขารู้ดีว่าการยอมปฏิบัติตามคำสั่งของเธอโดยไม่คิดจะดิ้นรนขัดขืนนั้นกำลังนำพาตัวเองให้เดินหน้าเข้าสู่สถานการณ์ที่มีแต่จะยิ่งเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ แต่แม้จะรู้อย่างนั้น ตัวเขาเองกลับเต็มใจที่จะยอมเสี่ยงเดินหน้าต่อไป โดยไม่สนใจว่าสุดท้ายแล้วเรื่องทั้งหมดนี้มันจะนำพาความวุ่นวายมาสู่ตนเองได้ในภายหลัง ทำไงได้ล่ะ พอมีเรื่องของไอซ์เข้ามาเอี่ยว ระบบประมวลผลอันรอบคอบในหัวของเขามันก็เกิดอาการเสียศูนย์จนหน้ามืดตามัวไปหมดแล้ว
“ที่คลับน่ะ เค้ามีกฎว่าห้ามนำมือถือหรือกล้องเข้าไปในพื้นที่โรงแรม จะมีก็แค่กล้องจากหน้ารถนี่แหละที่สามารถแอบบันทึกภาพจากในลานจอดรถไว้ได้ เลยกลายเป็นต้นเหตุให้เราต้องมาวุ่นวายกันอยู่ตรงนี้เนอะ” ไหมพูดพลางยิ้มเยาะใส่โมที่กำลังก้มหน้ามองพื้น ก่อนที่เธอจะตัดสินใจกดหยุดถ่ายวิดีโอเอาไว้เพียงเท่านี้ เนื่องจากได้ภาพที่ต้องการครบถ้วนแล้ว
“แค่นี้เราก็เสมอกันแล้วนะคะ คุณโมกำความลับของไหม ไหมเองก็กำความลับคุณอยู่ ไม่มีใครเสียเปรียบใคร อย่างที่บอกไงคะ การแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมกัน แบบนี้ดีจะตาย เนอะ?” หญิงสาวกล่าวเสียงใส และจงใจยื่นปลายเท้าออกไปสะกิดที่กลางแก่นกายของเขา จนร่างที่คุกเข่าอยู่ออกอาการสะท้านเล็กๆ
“ใหญ่จัง แข็งด้วย... ตื่นเต้นเหรอคะ? หรือว่าจริงๆ แล้วคุณโมเองก็ชอบแบบนี้?” ไหมถามและอมยิ้มชอบใจ
“เปล่าครับ แค่ตื่นเต้นเฉยๆ” โมรีบตอบ
“จริงเร้อ... เอาเถอะ จะยังไงก็แล้วแต่ ถึงเวลาที่คุณโมต้องตอบคำถามของไหมแล้ว คลิปวิดีโอพวกนั้น ตกลงคุณโมได้มายังไงคะ?” เธอถามขณะวาดปลายเท้าเขี่ยไปรอบๆ ท่อนเอ็นของเขาอย่างสบายอารมณ์ ตามประสาของคนที่กำลังเป็นต่อ
“ผมมีคนรู้จักที่เป็นลูกค้าอยู่ในนั้น เขาจำหน้าไอซ์ได้เพราะผมเคยเปิดรูปให้ดู” เขาตอบตามจริง
“ใครคะ? บอกชื่อมา” ไหมยิงคำถามจี้
“ขอโทษครับ ผมบอกไม่ได้” โมตอบปฏิเสธทันควัน และทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงสาวพลอยมลายหายไป ทิ้งไว้เพียงแค่สีหน้าขุ่นเคืองใจที่ปรากฏเข้ามาแทนที่
“ไม่อยากรู้เรื่องไอซ์แล้วเหรอ?” หญิงสาวยิงคำถามรัดคอเขา
“อยากครับ” เขาตอบกลับ รวดเร็วไม่แพ้คำตอบเมื่อครู่
“เอ้า! งั้นก็บอกมาสิคะ จะลีลาทำไม” ไหมชักเริ่มหงุดหงิดเมื่อโดนปฏิเสธซ้ำๆ
“บอกไม่ได้จริงๆ ครับ คุณไหมถามคำถามอื่นเถอะ” โมยืนกรานหนักแน่น แม้จะอยากรู้ความลับเรื่องไอซ์แบบใจจะขาด แต่เขาเองก็ไม่ได้ใจดำพอที่จะเอาความเป็นส่วนตัวของบัวบูชาไปแลกมันมา
“งั้นถ้าคนๆ นั้นเอาเรื่องของไหมหรือไอซ์ไปพูดให้คนอื่นรู้ คุณโมจะรับผิดชอบยังไง?” คู่สนทนาเปลี่ยนคำถามใหม่ แต่ความเชือดเฉือนคาดคั้นในน้ำเสียงยังคงมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
“เรื่องนั้น... มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นครับ เชื่อใจได้” โมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอ พร้อมกับออกปากรับรองเป็นมั่นเป็นเหมาะ แววตาอันแรงกล้าของเขาทำให้หัวใจของหญิงสาวพลอยหวั่นไหววูบวาบตามไปด้วย
“แน่ใจเหรอคะ?” ไหมทำเสียงดูแคลน
“ผมรับประกันด้วยชีวิตตัวเองครับ” ชายหนุ่มตอบชัดถ้อยชัดคำ และทำให้อีกฝ่ายเผยรอยยิ้มออกมาในที่สุด
“ดีค่ะ ถ้าคุณโมเสนอมาอย่างนี้ งั้นคงรู้นะคะ ว่าไหมมีรูปกับคลิปพวกนี้อยู่ในมือ ถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมา คนที่จะเสียหายมากที่สุดก็คงเป็นคุณ หวังว่าคงเข้าใจเนอะ?” ไหมพูดเน้นเสียง พร้อมกับโบกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาชูแทนเครื่องย้ำเตือนใจ
“ผมเข้าใจครับ คุณไหมวางใจเถอะ” โมพยักหน้าน้อยๆ ไม่โต้เถียงอะไรไปมากกว่านั้น ถ้าพูดถึงขนาดนี้แล้วเธอยังไม่ยอมเชื่อ ก็คงต้องปล่อยเลยตามเลยไป
“เรื่องธุระอื่นๆ เราพอเท่านี้ก่อนดีกว่า คุยต่อไปก็มีแต่จะเสียอารมณ์กันเปล่าๆ มาว่าถึงเรื่องคืนนี้ก่อนดีกว่า คุณโมยังจำได้ใช่มั้ย ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นหมาอยู่น่ะ?” ไหมกล่าวด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย
“ครับ” โมขานรับสั้นๆ แต่คำตอบนั้นดูเหมือนจะยังไม่ถูกใจเธอนัก
“เป็นหมาก็ต้องร้องโฮ่งสิ ไอ้ซื่อบื้อ!” จู่ๆ หญิงสาวก็ตวาดเสียงดังขึ้นมากลางคันจนเขาตกใจ
“โฮ่งๆ!” โมรีบส่งเสียงร้องเลียนแบบสุนัขเพื่อเอาใจเธอ อีกฝ่ายเมื่อเห็นแบบนั้นเข้าก็ระเบิดเสียงหัวเราะชอบใจออกมา
“ดีมาก! เป็นหมาต้องเชื่อฟังเจ้านายแบบนี้สิ! เอ้า! ทีนี้ก็ยื่นมือมา” ไหมพูดกระแทกเสียงเหมือนกำลังฝึกสุนัขอยู่
“โฮ่ง!” ชายหนุ่มก้มหน้าร้องตอบ พร้อมกับยื่นมือไปหาเธออย่างเชื่อฟัง
“กลิ้งตัวซิ! ส่ายหางด้วย!” สาวไฮโซออกคำสั่งเป็นชุดๆ ซึ่งชายหนุ่มเองก็ยอมทำตามเธอทุกอย่างโดยไม่ขัด ไม่ว่าเธอจะสั่งให้เขาทำอะไรที่มันน่าอับอายแค่ไหน ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว จะให้ถอยหลังกลับก็คงสายเกินไป
“ดี! ทีนี้ก็... เลียให้ชั้นรู้สึกดีอีกรอบซิ” สุดท้ายเมื่ออารมณ์ความต้องการเริ่มปะทุคุกรุ่นในกายอีกครั้ง ในที่สุดไหมจึงออกคำสั่งให้เขาหันมาป้อนความสุขให้แก่ร่างกายของเธอแทน พร้อมกับใช้มือถลกชายกระโปรงขึ้นไปกองรั้งค้างอยู่เหนือบั้นเอว แล้วเอานิ้วแหวกขอบกางเกงชั้นในลูกไม้สีดำสุดเซ็กซี่ เผยให้เห็นถึงกลีบเนื้อสาวอันเปียกลื่นที่ซุกซ่อนกายอยู่ภายใน บริเวณปากทางเข้าด้านนอกยังคงมีร่องรอยคราบน้ำรักที่ตกค้างจากตอนเสร็จกิจในครั้งแรกเกาะติดอยู่รอบๆ
ชายหนุ่มที่ผ่านการปฏิบัติตามคำสั่งอันน่าอับอายมาตั้งแต่ต้น จึงค่อยๆ เยื้องย่างเข้าไปหาเธอที่โซฟาในท่วงท่าคลานเข่าสี่ขา ราวกับสุนัขหนุ่มที่กำลังหิวกระหายเนื้อกายสาว แม้ว่าแรกเริ่มเดิมทีเขาจะไม่ได้คิดพิศวาสใดๆ กับเธอเลย นอกเหนือไปจากต้องการจะล้วงข้อมูลบางอย่างที่อีกฝ่ายเก็บซ่อนเอาไว้อยู่ แต่เมื่อถูกกระตุ้น ถูกออกคำสั่งยั่วยุหนักๆ เข้า ที่สุดแล้วชายหนุ่มจึงชักเริ่มที่จะมีอารมณ์หื่นตามเธอไปด้วยอีกคน แก่นกายตรงหว่างขามันออกอาการเกร็งกระตุกหงึกๆ ตลอดเวลาที่เขากำลังคืบคลานเข้าไปหาร่างของอีกฝ่าย พลันที่นิ้วมือแตะถึงปลายเท้าของสาวเจ้า ชายหนุ่มก็รีบโถมกายเข้าไปหาเธอด้วยอารมณ์หื่นที่ถูกจุดติด จนสาวเจ้ายังส่งเสียงร้องอุทานออกมาอย่างตกใจกับท่าทีอันเปลี่ยนแปลงไปแบบฉับพลันของชายหนุ่ม
จากรอบแรกที่เคยใช้ปากทำรักให้เธออย่างสุภาพและนุ่มนวล มาคราวนี้ชายหนุ่มเลือกที่จะเปลี่ยนวิธีการเข้าทำเสียใหม่ โดยสอดแทรกความหื่นหิวเข้าไปในทุกๆ การเคลื่อนไหว ใช้ทั้งมือและปากทำงานควบคู่กันอย่างคล่องแคล่วว่องไว สองมือประคองลูบไล้ไปตามเรียวขาอ่อน ขณะที่ริมฝีปากพรมจูบดูดเลียไปทั่ว ไล่จากปลายเท้าสูงขึ้นไปยังผิวกายด้านบนของเธอ จนไต่กลับขึ้นมาเกือบจะถึงสมรภูมิเดิมบนเนินเขาอันเกลี้ยงเกลาและไร้ซึ่งพงหญ้า จากนั้นก็ถึงเวลาหม่ำของเจ้าหมา!
“อุ๊ย! ซี้ดส์... สสสสสส อืม... มมมมม ดี... ดีจังเลย มาริโอ้จ๋า... อู้ว... อย่างน้าน” ไหมหลับตาพริ้มส่งเสียงครวญคราง พลางขยุ้มสองมือจิกลงไปบนเส้นผมของชายหนุ่มอย่างเมามัน ขณะถูกเขาก้มหน้าก้มตาดูดเลียที่ร่องสวาทอันฉ่ำเยิ้มอย่างรุนแรง จนน้ำหล่อลื่นไหลซึมทะลักทลายเป็นสาย เปียกเลอะไปทั่วปากและคางของชายหนุ่ม
“ยัยนี่มันเลี้ยงหมายังไงวะเนี่ย?” โมได้แต่ตั้งคำถามอยู่ภายในใจเงียบๆ ถึงสายสัมพันธ์อันผิดเพี้ยนของหญิงสาวกับสัตว์เลี้ยงที่ตายไปแล้วของเธอ แต่ถึงจะกำลังนึกสงสัยอะไรอยู่ในหัว ทว่าร่างกายของชายหนุ่มกลับเคลื่อนไหวไปเองตามสัญชาติญาณด้วยความคล่องแคล่ว จากประสบกามที่บ่มเพาะมาตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา จนร่างของสาวหมวยถึงกับบิดดิ้นเร่าๆ ด้วยอาการกระสันเสียว
ตลอดเวลาที่ใช้ปากปลุกเร้าให้เธออยู่นั้น ในหัวเขาก็อดไม่ได้ที่จะคอยระแวงว่าอีกฝ่ายจะปล่อยตัวปล่อยใจจนฉี่อัดใส่หน้าเขาอีกรอบรึเปล่า แต่สุดท้ายก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากอาการทุรนทุรายดิ้นพล่านๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างของหญิงสาว ขณะที่เธอพยายามออกแรงเบียดอัดเนินสวาทเข้ากับปลายลิ้นของเขาแบบเอาเป็นเอาตาย จนกระทั่งถึงจุดที่อารมณ์เสียวในกายเธอมันใกล้จะระเบิดแตกออกมาในอีกไม่ช้า หญิงสาวจึงใช้สองมือที่กำลังจิกขยุ้มกุมเส้นผมของเขาอยู่ ผลักดันใบหน้าของชายหนุ่มให้กระเด็นออกห่างจากร่างเธอ ด้วยอาการเหนื่อยหอบแฮ่กๆ เนื้อตัวนั้นมีแต่หยาดเหงื่อผุดพร่างพราว รวมถึงใบหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด
“พอแล้ว” ไหมออกคำสั่งสั้นๆ เปิดโอกาสให้ชายหนุ่มได้มีเวลายกหลังมือขึ้นปาดเช็ดทำความสะอาดคราบน้ำหล่อลื่นที่เกาะเลอะอยู่บนใบหน้าตนเอง จากนั้นหญิงสาวก็ค่อยๆ ขยับพลิกตัวขึ้นมานั่งในท่าคุกเข่าหันหลังให้เขา เธอใช้สองมือดึงถลกชายกระโปรงทำงานที่รูดหล่นลงมาในจังหวะขยับหมุนตัว ดึงรั้งให้มันกลับขึ้นไปกองคาอยู่ที่เหนือบั้นเอวอีกครั้ง จากนั้นเธอก็แอ่นโน้มร่างกายท่อนบนเข้าไปเกาะกับเบาะโซฟา ทำให้บั้นท้ายกลมกลึงที่ถูกห่อหุ้มด้วยกางเกงชั้นในซีทรูลูกไม้นั้นแอ่นเด่นท้าทายแทบจะทิ่มมาที่ใบหน้าของชายหนุ่ม เนื้อผ้าด้านหลังของมันนั้นบางเบาจนมองทะลุเห็นไปถึงแก้มก้นใต้ร่มผ้า เท่านั้นยังไม่พอ หญิงสาวยังใช้มือดึงถลกรูดมันลงไปกองคาไว้ที่น่องขา พร้อมกับแอ่นโยกบั้นท้ายท้าทายชายหนุ่ม
“ถึงเวลาทำงานของแกแล้วเจ้าหมา ทำให้ชั้นเสร็จด้วยลีลาของแกหน่อย อ้อ! ใส่ถุงด้วยล่ะ! ชั้นเตรียมไว้ให้แล้วอยู่ในนั้น” ไหมออกคำสั่ง ไม่ลืมที่จะกำชับให้เขาสวมถุงยางก่อนที่จะสอดใส่อาวุธเข้ามาในตัวเธอ มือก็ชี้ไปที่กระเป๋าถือ ซึ่งบัดนี้กระเด็นตกจากโซฟาลงไปกองอยู่ที่พื้นเพราะการเคลื่อนไหวอันรุนแรงของพวกเขาเมื่อครู่ ชายหนุ่มล้วงมือเข้าไปควานหาจนเจอกล่องถุงยาง จึงหยิบขึ้นมาดู ก่อนจะพบว่าตัวเลขที่บอกขนาดบนกล่องของมันนั้นเป็นไซส์เดียวกันกับที่เขาใช้เป็นประจำพอดิบพอดี แม้จะนึกสงสัยว่าอีกฝ่ายรู้ขนาดอาวุธของเขาได้ยังไง แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็ตัดสินใจฉีกซองถุงยางและนำมันมาสวมใส่ให้กับอาวุธของตนเองจนเสร็จสรรพพร้อมรบอยู่ดี
“เข้ามาเลย เจ้าหมาหื่น” ไหมเอ่ยปากร้องท้าทาย แอ่นก้นโยกไปมากลางอากาศ ตอนนี้ล่ะ ถึงเวลาที่เขาจะแสดงฝีมือเพื่อกำราบเธอคืนบ้างแล้ว สุดท้ายแล้วเธอจะได้รู้ว่าการมาลองดีกับเขามันจะจบลงยังไง ชายหนุ่มนึกกระหยิ่มอยู่ในใจ ขณะเอื้อมมือข้างหนึ่งไปวางประคองไว้เหนือบั้นเอวเธอเพื่อใช้เป็นหลักยึด ส่วนอีกมือก็จับจ่ออาวุธที่แข็งตัวเต็มที่ เพื่อควานหาทางเข้าถ้ำโดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาก้มลงไปมอง ด้วยประสบการณ์อันเจนจัดสนาม พริบตาเดียวชายหนุ่มก็ค้นพบจุดที่น่าจะเป็นปากทางเข้า เขาจึงออกแรงเกร็งส่งปลายหอกให้มุดทิ่มเข้าไปในตัวเธอเบาๆ
“อุ๊ย! ซี้ดส์... สสสสส! โอ๊ย! ตายแล้ว เบาๆ ก่อน โอ๊ะ! โอ้ว... ววววว!!! นี่! ฟังกันบ้างสิ บอกว่าให้บะ... เบาๆ โอ๊ย ซี้ดส์... สสสส” ไหมหลุดส่งเสียงร้องครางซี้ดซ้าดออกมายาวๆ อย่างลืมตัว เมื่อรู้สึกได้ว่ากำลังมีอะไรบางอย่างค่อยๆ มุดแทรกกายเข้ามาภายในตัวเธออย่างช้าๆ ขนาดที่น่าตื่นตะลึงของมันกำลังฉีกร่างกายเธอให้แหกออกจากกันเป็นสองซีก ในแบบที่หญิงสาวเองไม่คาดคิดว่าจะพบเจอจากหนุ่มไทยมาก่อน มันเหมือนใครบางคนกำลังกดสอดกระบองไม้ขนาดใหญ่ อัดใส่เข้ามาในร่างเธออย่างต่อเนื่อง ทั้งความใหญ่โตของมัน ความแข็งแกร่งและหนาทึบนั่นอีก ล้วนแต่ทำให้หญิงสาวเสียวซ่านสะท้านถึงทรวง แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าสอดใส่มันเข้าไปเพียงเบาๆ
แต่เสียงร้องห้ามปรามของเธอไม่ได้ทำให้เขาหยุดการเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม ชายหนุ่มกลับยิ่งออกแรงควงสะโพก กดโม่ดุ้นเนื้อยักษ์ให้เสียบคว้านไปรอบๆ ร่องสวาทที่บีบรัดของเธออย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเอื้อมมือไปบีบขยำเต้านมของเธอผ่านทางนอกเสื้อ จนชุดทำงานของเธอมันยับยู่ยี่ไม่เป็นทรง และในที่สุดก็สามารถสอดใส่อาวุธเข้าไปในตัวเธอได้ครึ่งค่อนลำ เพียงเท่านี้ก็ทำให้สาวไฮโซผู้แสนมั่นถึงกับตัวสั่นขาสั่น ด้วยอาการจุกเสียดที่อัดแน่นอยู่ภายในร่องเนื้อ ปากเธออ้าค้าง น้ำลายไหลยืดย้อย ตาลอย คล้ายคนกำลังขาดอากาศหายใจ จนต้องตะเกียกตะกายหายใจทางปาก
ชายหนุ่มตั้งใจเว้นช่วงเพื่อรอให้ร่องรักของหญิงสาวปรับสภาพรับกับขนาดอันใหญ่โตของเขาได้เสียก่อน จึงเปลี่ยนเป้าหมายเป็นการใช้มือสอดล้วงเข้าไปขยำขยี้เต้านมของเธอด้านในเสื้อแทน นิ้วมือทั้งสิบของเขาพลัดกันทำหน้าที่คลึงสำรวจทั้งเนินเนื้อและจุดที่น่าจะเป็นจุกยอดปทุมถัน แล้วจัดการกดนวดบี้คลึงจนกระชากเสียงครางสยิวอื้ออึงออกมาจากลำคอของสาวไฮโซ เท่านั้นยังไม่พอ ชายหนุ่มยังแบ่งการโจมตีลงไปที่ด้านล่าง ด้วยการใช้มือขวาข้างที่ตนเองถนัด เลื้อยลงไปคลึงเขี่ยที่ปุ่มกระสัน ด้วยเจตนาจะกระตุ้นอารมณ์เธอให้กระเจิดกระเจิง
“อืม... มมมม ดี... ดีจัง อู๊ย... ซี้ดส์... สสสสส เสียว... วววว อื้ม... มมมม ” ไหมหลับตาพริ้ม กัดปากร้องครวญครางกระเส่า บิดกายดิ้นเร่าๆ ไปตามมือไม้ที่เลื้อยส่ายไปมาของโม ลำคอเรียวระหงของเธอกลายเป็นเป้าหมายใหม่ให้ชายหนุ่มพรมจูบฟอนเฟ้นจนขนลุกซู่ชูชัน เต้านมก็โดนบีบขยำ ส่วนเนินเนื้อด้านล่างยิ่งหนักกว่า เพราะเจอทั้งนิ้วมือและท่อนเอ็นมะรุมมะตุ้มจนน้ำหล่อลื่นไหลทะลักเจิ่งนองเยิ้มเต็มง่ามขา พอเห็นว่าเธอมีอารมณ์ร่วมเต็มที่แล้ว ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเดินเครื่องโขยกสาวดุ้นเนื้อมุดแทงเข้าออกในตัวเธอแบบเนิบๆ กระชากเสียงครางจากปากของหญิงสาว พร้อมกับอาการหดเกร็งในโพรงเนื้อที่ตอดขมิบยิบๆๆ สู้กับการรุกรานของวัตถุแปลกปลอม
ชายหนุ่มเกร็งบั้นเอว กดเสยอาวุธทิ่มคว้านเข้าไปในร่องเนื้อจนกลีบสาวที่เคยประกบชิดถึงกับบิดปลิ้นกระจายเป็นสองทาง เสียงเนื้อที่เสียดสีกันดังคลอเคลียไปกับเสียงน้ำหล่อลื่นที่ดังกระฉอกเป็นระลอกคลื่น แต่ที่ดังที่สุดก็คือเสียงครวญครางจากปากของสาวไฮโซที่ยามนี้ชักเริ่มจะเก็บอาการทุรนทุรายไว้ไม่อยู่ จากที่เคยคุมเกมมาตลอด จู่ๆ หญิงสาวก็เริ่มรู้สึกปวกเปียกป้อแป้ คล้ายว่ากำลังจะสูญเสียการควบคุมบังเหียนกลับคืนไปหาชายหนุ่ม ผู้ซึ่งกำลังตั้งหน้าตั้งตาแทงอาวุธงัดเข้าออกใส่ร่างเธออย่างสุดฝีมือ แม้จังหวะการเข้าทำนั้นจะเนิบช้า ทว่าเรี่ยวแรงในการกดคว้านแต่ละดอกทั้งหนักหน่วง ทิ่มลึก และครูดโดนจุดที่อ่อนไหวและชวนสยิวที่สุดในร่างกายของหญิงสาวทุกครั้งที่มีการสอดใส่เคลื่อนไหวในร่างกาย
“เสียวดีไหมครับ คุณไหม?” โมกระซิบข้างหูเธอ แล้วอ้าปากงับลงไปที่ใบหูอ่อนนุ่มนั้นเบาๆ เป็นเชิงกระตุ้นเร้า สองมือก็จัดการดึงถลกชายเสื้อของหญิงสาวให้เลื่อนขึ้นมากองอยู่เหนืออก ตามด้วยยกทรงลูกไม้สุดเซ็กซี่ที่เข้าชุดกันดีกับกางเกงชั้นใน เพื่อให้ตัวเขาได้บีบฟอนเฟ้นเล่นกับทรวงอกขนาดพอเหมาะของเธออย่างถนัดถนี่ขึ้น ปลายจุกถันสีน้ำตาลอ่อนนั้นแอ่นชี้ชูชัน บ่งบอกว่าเจ้าของมันกำลังมีอารมณ์เพศอย่างเตลิดถึงแก่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนิ้วมือของอีกฝ่ายยังคงคอยคลึงเคล้าอยู่ไม่ห่างจากปลายถันทั้งสองข้างแบบนี้
“ไอ้หมาบ้านี่… ซี้ดส์... ใครอนุญาตให้พูดภาษาคน เป็นหมาก็... อู๊ย... ยยยย เห่าหอนแบบหมาไปซี่... อ๊าย ซี้ดส์...” ไหมยังพยายามเอ่ยปากตำหนิ หวังจะดึงกระแสเกมกลับมาเข้าข้างตนเอง แต่ไอ้ท่อนเนื้อที่มันกดคว้านอยู่กลางร่างก็ทำให้คำพูดของเธอมันอ่อนกำลังและบางเบาจนคนฟังไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวแต่อย่างใด ตรงกันข้าม... มันกลับยิ่งมีแต่จะไปเพิ่มพูนอารมณ์อยากเอาชนะในใจของชายหนุ่ม จนเขายิ่งออกแรงเร่งตะบันดุ้นเนื้อกดกระทุ้งใส่ร่องสวาทของเธอรัวๆ จนน้ำกระฉอก พร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งประคองใบหน้าเธอแล้วดึงกลับมาดูดปากแลกลิ้นอย่างเมามัน นัยว่าเพื่ออุดปากไม่ให้เธอได้ออกคำสั่งใดๆ แก่เขาอีก
“อื้อ! อื้ม... มมมมม อือ... อออออออ” ไหมได้แต่ดิ้นเร่าๆ จะหนีก็หนีไม่ออก ริมฝีปากโดนประกบอุด พร้อมด้วยปลายลิ้นอีกฝ่ายที่ไล่ต้อนพัวพันจนเธอแทบหายใจหายคอไม่ทัน ร่างกายท่อนบนก็โดนท่อนแขนเขาโอบกอดไว้มั่น และไหนจะร่องรูด้านล่างที่ถูกเสาเข็มของชายหนุ่มคอยกดตอกยึดเอาไว้จนแนบแน่น ทำเอาสติสัมปชัญญะของสาวมั่นถึงกับกระเจิดกระเจิง ลืมเลือนบทบาทนายหญิงที่ตนเองพยายามแสดงออกมาตลอดทั้งชั่วโมง รู้ตัวอีกที เธอก็กลับกลายเป็นเพียงเหยื่อสาวที่กำลังถูกชายหนุ่มในคราบของสุนัข จอมหื่นไล่ต้อนอัดกระทุ้งอาวุธใส่รูเสียวของเธอ ในท่วงท่าราวกับสุนัขสองตัวที่กำลังผสมพันธุ์กันอย่างเมามัน
เสียงเนื้อกระแทกกันดังสนั่น ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ!! แต่ที่ดังยิ่งกว่ากลับเป็นเสียงร้องครวญครางโหยหวนแบบไม่เก็บอารมณ์ของสาวไฮโซ ที่เวลานี้ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก หมดสภาพจนแทบกลายเป็นคนละคน ผมเผ้าปลิวสยายกระจายยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง เสื้อผ้าหลุดลุ่ย เปิดผิวกายขาวผ่องซึ่งพร่างพราวไปด้วยหยาดเหงื่อ เพราะถูกร่างกายอันใหญ่หนาที่มีสีคล้ำกว่าของชายหนุ่ม คอยตามประกบเกาะติดแบบไม่ยอมให้ห่างจากกาย บางจังหวะเจ้าท่อนเอ็นยักษ์นั้นทำท่าว่าจะดีดหลุดออกมาจากปากอุโมงค์ถ้ำอยู่รอมร่อ ทว่าเจ้าหนุ่มหื่นก็สามารถประคองหางเสือ และเอนกายเสียบมันทิ่มกลับเข้าไปแบบสุดโคนได้อย่างทันท่วงทีตลอดทุกครั้ง เล่นเอาสาวเจ้าถึงกับตอดขมิบรับแทบไม่ทัน
“โดนหมาเย็ดแบบนี้ ถึงใจคุณไหมมั้ยครับ?” โมเอ่ยกระเซ้าเย้าแหย่ข้างหู
“โอ๊ย! ซี้ดส์... นี่ล้อเลียนกันเหรอ!? ยังไม่ได้อนุญาตให้พูดซักหน่อย อึ่ก... ป... เป็นแค่หมาแท้ๆ อ๊าย ซี้ดส์...สสสส เสียว... ววววว โอ๊ย แรงๆ” ไหมจะร้องด่าก็ทำได้ไม่เต็มปาก ความเสียวที่ได้รับมันทำให้สติสตังเธอกระเจิงไปไกล ได้แต่ส่ายสะโพกเบียดสู้กับท่อนเนื้อที่ตอกย้ำๆ ซ้ำๆ เข้ามาเร็วระรัว
“หมาก็หมาสิวะ ถึงเป็นหมาก็เย็ดจนร้องได้แล้วกันล่ะครับ โฮ่งๆ บรู๋ว… ววววว” โมทำเสียงหอนแบบสุนัขเป็นการล้อเลียนเธอ พลางโขยกบั้นเด้ายิกๆ อัดใส่เต็มรูเสียวของเธอ จนร่างผอมบางนั้นเอนแนบติดไปกับโซฟา
“อ๊าย ซี้ดส์... เสียว... ววว โอ้ว... ตรงนั้นๆ ระ... แรงๆ เลย อย่าหยุด... อย่าหยุดนะ! อ๋า... จะไม่ไหวแล้ว... ซี้ดส์” ไหมละล่ำละลักร้องครวญครางเสียงหลงแทบไม่เป็นภาษา โพรงเนื้อในกายหดขมิบรัดใส่ท่อนลำเขาถี่ยิบๆๆๆ ในจังหวะที่อารมณ์เธอไต่ทะยานสูงขึ้น
“จะแตกแล้วใช่มั้ย? หื้ม? โดนแรงๆ แบบนี้ จะแตกใช่มั้ย?” โมเอ่ยกระตุ้นเร่งเร้าด้วยน้ำเสียงหื่นกระหาย พร้อมกับใช้สองมือบีบขยำเต้านมเธอจนมันกลายเป็นรอยแดงช้ำ ส่วนร่างกายท่อนล่างก็โหมกระหน่ำออกแรงกดท่อนเอ็นตอกใส่รูสวาทของเธอเสียงดัง ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ!! เร็วระรัวราวกับปืนกลชุด จนเหวี่ยงหญิงสาวให้ลอยหวือขึ้นสวรรค์ไปอย่างสุดกลั้น
“อ๊าย... สสสส ซี้ดส์... ตะ... แตก... แตกแล้ว... อ๊ะ... อ๋า!!” ไหมแอ่นแหงนเชิดหน้าหลับตาปี๋ เนื้อตัวสั่นกระตุกเฮือกๆ อย่างรุนแรง หน้าท้องหดเกร็งจนมองเห็นเป็นริ้วๆ พร้อมกับอาการตอดขมิบในร่าง เมื่อน้ำรักแตกทะลักทลายออกมาอาบชุ่มท่อนเอ็นของชายหนุ่ม ซึ่งยังคงออกแรงเกร็งกระแทกอัดตอกฝาโลงใส่ร่างเธอแบบย้ำๆ ซ้ำๆ หมายจะส่งเธอให้เตลิดขึ้นสวรรค์ติดๆ กัน
“โอ๊ย หยุด... พะ... พอก่อน ไหม... ไหมไม่ไหว... อ๊าย ซี้ดส์... สสสส อ๋า หยุด... หยุดซี่!” ไหมเอ่ยปากร้องขอความเห็นใจด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูขาดห้วง เพราะถูกชายหนุ่มปลุกเร้าอารมณ์เสียวของเธอให้โหมไหม้และลุกโชนอย่างไม่มีทีท่าว่าจะดับลงไปง่ายๆ แต่ถ้อยคำโอดครวญดังกล่าวกลับยิ่งกลายเป็นเหมือนสัญญาณ ที่บอกใบ้ให้ชายหนุ่มรับรู้ว่าตัวเขาได้กลายมาเป็นผู้ควบคุมเกมอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว นาทีนี้คือช่วงเวลาที่เขาจะจัดการปราบพยศแม่เสือสาว ทำให้เธอยอมสยบต่อพลังอำนาจแห่งบุรุษเพศที่เขามีติดตัวมาตั้งแต่เกิด
คิดดังนั้นแล้ว ชายหนุ่มจึงจัดการจับร่างเธอให้พลิกมาเป็นท่านอนหงายบนโซฟา รวบสองขาเธอยกขึ้นวางพาดไว้บนบ่าของตนเอง ดันโล้สะโพกเธอให้ลอยค้างกลางอากาศ ก่อนจะจัดการส่งอาวุธร้ายที่ยังอยู่ในสภาพแกร่งหนาทนทายาด อัดซ้ำเข้าไปในร่างกายเธอแบบทีเดียวมิดลำ ทำเอาสาวเจ้าถึงกับครางฮือออกมายาวๆ ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก ก่อนจะต้องแหกปากร้องกรี๊ดๆ ออกมาดังๆ อีกครั้ง เมื่อถูกโถมกระหน่ำจากร่างใหญ่หนาที่ทาบทับอยู่ด้านบน
หญิงสาวที่ถูกกระชากกราฟความเสียวให้ไต่สูงติดเพดานอยู่ตลอดเวลา แบบที่ไม่มีจังหวะเว้นช่วงพัก จะดิ้นหนีไปไหนก็ทำไม่ได้ สุดท้ายจึงได้แต่นอนแหกแข้งแหกขา ส่งเสียงร้องครวญครางโหยหวนแบบหมดสภาพ พร้อมกับเกร็งขมิบร่องเนื้อตอดรัดเข้าใส่ท่อนเอ็นที่กดกระหน่ำเข้ามาในตัวเธออย่างหนักหน่วงรุนแรง แถมยังเป็นการตั้งใจแทงแบบเน้นๆ เสียบลึกสุดโคนสุดใจในทุกๆ ดอกอีกต่างหาก! เจอแบบนี้เข้า สาวไฮโซก็ถึงกับทนไม่ไหว และต้องน้ำแตกแบบติดๆ กันไปอย่างไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจ!
“อ๊ะ... อ๊า... มะ.. ไม่ไหวแล้ว... ซี้ดส์ แตก... แตกอีกแล้ว... ววววว อ๊าย... ยยยยย!!!” สาวไหมหวีดร้องออกมาแบบเต็มเสียง เมื่อร่างกายเธอมันระเบิดท่วมท้นไปด้วยความสุขขั้นสุดยอด ซึ่งดูจะรุนแรงยิ่งกว่าครั้งก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ ร่างของเธอเกิดอาการเกร็งกระตุกสั่นแบบรุนแรง เหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ แรงบีบตอดจากโพรงเนื้อนั้นรุนแรงยิ่งกว่า จนทำเอาชายหนุ่มที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาแทงอยู่ถึงกับทนเสียวตามไปไม่ไหวอีกคน
“อุ๊! ซี้ดส์... สสส คุณไหม ผมก็แตกแล้วคร้าบ... บบบบ บะ... บะ... โบร๋ว... ววววววว!” ในห้วงอารมณ์สุดท้าย เจ้าหนุ่มแสบยังมีแก่ใจส่งเสียงหอนแบบสุนัข ในจังหวะที่จัดการระเบิดน้ำเชื้อแตกใส่ถุงยางด้วยความสะใจ อารมณ์ที่ถูกปลุกเร้ามาตลอดทั้งคืน ทำให้เขาราดหลั่งน้ำแห่งความสุขออกไปจนหมดไม่เหลือสักหยาดหยด ก่อนจะยอมถอนอาวุธออกมา เผยให้เห็นถึงสภาพของร่องรูกลางหว่างขาของหญิงสาวที่บัดนี้มันมีสภาพยับเยินไม่เหลือชิ้นดี ราวกับอุโมงค์ลึกที่ถูกขุดคว้านไว้จนกลวงโบ๋ รอบๆ มีแต่คราบน้ำเกาะเยิ้มติดไหลเป็นทางยาว ขณะที่ใบหน้าของหญิงสาวนั้นก็ดูยับเยินหมดสภาพไม่แตกต่างไปจากร่างกายท่อนล่างของเธอเท่าใดนัก พอเห็นดังนั้นแล้ว ชายหนุ่มจึงเผยรอยยิ้มอย่างผู้ชนะออกมาในที่สุด
“เย็ดกับหมาถึงใจดีมั้ยครับ?” โมเอ่ยปากแซวเธอ พร้อมกับจ้องมองภาพเรือนร่างกึ่งเปลือยที่กำลังนอนหอบแฮ่กๆ หน้าอกหน้าใจสั่นกระเพื่อมขึ้นลงอย่างเหนื่อยหอบ หญิงสาวปรือตาขึ้นมองหน้าเขา ไม่พูดไม่จาอะไร แต่ค่อยๆ พยุงร่างที่บอบช้ำของตนเองขึ้นมาตั้งหลักนั่งบนโซฟาอีกครั้ง พร้อมกับเอื้อมมือมาดึงที่คาดผมออกไปจากศีรษะของเขา และโยนทิ้งลงไปที่เบาะข้างๆ กายเธอ
“ยอมเลย... คุณทำได้ถึงใจไหมมาก” ไหมกล่าวชมเชยเขาด้วยสีหน้าเหนื่อยหอบตัวโยน พร้อมกับรอยยิ้มพึงพอใจที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสาวไฮโซในที่สุด
“แล้วคุณโมล่ะ ชอบมั้ยคะ?” หญิงสาวพลิกตัวขึ้นมานั่ง และเอ่ยถามเขากลับ
“ก็... แปลกๆ ดีครับ ผมเอาไอ้นี่ออกได้ยัง?” ชายหนุ่มตอบ แล้วเอ่ยถามถึงเจ้าหางสุนัขที่ยังคงเสียบติดอยู่ในก้นเขา พอเสร็จกิจและอารมณ์เริ่มดาวน์ลงแล้ว ชายหนุ่มเลยรู้สึกทะแม่งๆ ที่จะปล่อยให้มีอะไรเสียบคาอยู่ในร่างแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
“ตามสบายเลยค่ะ หรือจะใส่กลับบ้านไปด้วยก็ไม่ติดอะไรนะ” เธอหยอกพร้อมกับหัวเราะร่วนชอบใจ ก่อนจะลุกเดินไปหยิบเอาผ้าขนหนูในตู้เสื้อผ้ามาเช็ดทำความสะอาดร่างกายตัวเอง เปิดช่องให้ชายหนุ่มได้มีเวลาถอนวัตถุแปลกปลอมออกมาจากก้น จังหวะที่ปลายจุกดีดหลุดออกมานั้น ทำเอาเขาถึงกับเผลอเกร็งขมิบก้นตามด้วยอาการหวาดเสียวลุ้นระทึกแบบแปลกๆ
“งั้นเรื่องที่เราตกลงกันไว้?” โมไม่ลืมที่จะเอ่ยทวงสัญญาที่พวกเขาคุยกันค้างไว้ในตอนต้น หญิงสาวได้ยินดังนั้นก็อมยิ้มเอ็นดูออกมา
“ไม่แน่ใจว่าคุณโมจะรู้รึเปล่านะ ว่าโรงแรมที่เราพักอยู่ตอนนี้ จริงๆ แล้วมันก็คือที่เดียวกับเดอะคลับนั่นแหละ แค่มีบางพื้นที่ที่กันเอาไว้ให้สำหรับลูกค้าวีไอพีจริงๆ เท่านั้นที่ได้ใช้บริการ” หญิงสาวเฉลยความจริง พลางคว้าเอาผ้าขนหนูผืนเดิมขึ้นมาห่มคลุมกายเป็นทรงกระโจมอก และเมื่อได้ฟังข้อมูลดังกล่าว ดวงตาของชายหนุ่มก็ฉายแววประกายความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาในทันใด
“นี่แหละคือที่ที่ไอซ์เค้าแวะมาหาความสุข ใช้เป็นสถานที่ปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงออกมา สิ่งที่ไหมทำกับคุณเมื่อกี้ ก็คือแบบเดียวกับที่ไอซ์ทำกับผู้ชายคนอื่นที่นี่ เข้าใจมั้ยคะ?” ไหมค่อยๆ เปิดเผยข้อมูลที่เขาอยากรู้ออกมาในที่สุด แต่ละประโยคที่เธอพูดนั้นเหมือนกำปั้นหนักๆ ที่ซัดกระแทกเต็มปลายคางของเขาจนแทบจะล้มทั้งยืน ไม่อยากเชื่อหูตนเองในสิ่งที่ได้ยิน
“ทำไม... ทำไมไอซ์เค้าถึงกลายมาเป็นแบบนี้ คุณไหมช่วยบอกผมทีได้มั้ย?” ชายหนุ่มครวญถามอย่างไม่เข้าใจ
“ถ้าอยากรู้จริงๆ... ไหมจะเล่าให้ฟังก็ได้ค่ะ” หญิงสาวเอ่ย ก่อนจะค่อยๆ เฉลยความเป็นมาที่ทำให้อดีตคนรักของเขา แปรเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
และแล้วชายหนุ่มก็ได้ตระหนักว่าการกระทำในอดีตของตนเอง มันส่งผลร้ายต่อคนรักเก่ามากมายแค่ไหนบาดแผลจากความรักที่ผิดหวังครั้งนั้น ทำให้เธอเกิดอาการเสียหลักไปไกล ถึงขั้นไปคบกับกลุ่มเพื่อนผิดๆ เสียศูนย์ จนถึงขั้นเกือบจะเสียตัว และแม้จะรอดพ้นมาได้ แต่สภาพจิตใจของเธอในเวลานั้นมันก็ไม่กลับเป็นปกติเหมือนเดิมอีกแล้ว อาการหวาดกลัวผู้ชายที่ฝังรากลึก กลายเป็นต้นตอที่ทำให้หญิงสาวขวนขวายในการตามหาวิธีบำบัดตนเอง จนได้ก้าวเท้าเข้าสู่โลกแห่งกามตัณหา ซึ่งเกือบทุกรายที่หลงเข้ามาในเส้นทางนี้ ก็ยากนักที่จะเดินถอยหลังกลับออกไปได้ง่ายๆ...
“อ๊ะ! ลืมไป ไอซ์เค้าไม่ได้ใจกล้าถึงขั้นมีอะไรกับผู้ชายที่นี่หรอกนะคะ คุณโมอย่าพึ่งใจแป้วไปล่ะ” ไหมรีบโพล่งขึ้น เมื่อนึกถึงประเด็นสำคัญบางอย่างขึ้นมาได้กลางคัน
“จริงเหรอครับ?” ฝ่ายโมที่เหมือนคนกำลังจมน้ำในเวลานี้ พอได้ยินข่าวดีจากปากของอีกฝ่าย ก็รีบตะเกียกตะกายไปคว้าไว้ ไม่ว่าเรื่องดังกล่าวมันจะเป็นเพียงฟางเส้นเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม
“เท่าที่ไหมรู้มานะ เห็นว่าสอดใส่จริงๆ จังๆ น่ะยังไม่เคย แต่อย่างอื่นน่ะ คิดว่าไม่เหลือ” คู่สนทนาตอบชัด
ชายหนุ่มได้ฟังเรื่องทั้งหมดที่เธอเล่าก็เกิดอาการเจ็บจี๊ดไปทั้งใจ เมื่อนึกภาพไอซ์ผู้แสนเรียบร้อยคนนั้น ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นหญิงสาวร้อนสวาทไปได้แบบหน้ามือเป็นหลังมือ ฟังมาจนถึงตรงนี้ก็ยังยากที่จะเชื่อได้ลง ความรู้สึกผิดบาปพลันเกาะกุมในจิตใจของชายหนุ่ม ทุกอย่างมันเป็นเพราะเขา เป็นเขาเองที่ทำให้ชีวิตอันสดใสของเธอต้องหมองหม่นจนดำมืด ยิ่งคิดก็ยิ่งนึกโกรธตัวเอง มันอยากทำอะไรสักอย่าง อยากที่จะรับผิดชอบ อยากโอบอุ้มดูแลเธอ ไม่ให้ต้องบุบสลายไปมากกว่านี้อีกแล้ว
“คุณไหมพอจะมีทางไหน ที่จะพาผมเข้าไปในนั้นได้มั้ยครับ ผมอยากเห็นกับตาตัวเอง ว่าไอซ์เค้าเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน” โมเอ่ยถามตรงๆ ต่อให้ฟังจากปากเธอแล้ว เขาก็ยังไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เธอเล่ามาอยู่ดี จนกว่าที่จะได้เห็นภาพนั้นกับตาตัวเอง
“อื้อหือ... มันคงไม่ง่ายขนาดที่จะพาคนนอกเดินดุ่มๆ เข้าไปหรอกนะคะ ที่นั่นเค้าสกรีนคนแน่นหนาเลย เฉพาะเมมเบอร์ที่ผ่านการรับรองเท่านั้น ถึงจะเข้าไปในตัวตึกได้ อ้อ... แต่เอาจริงๆ ก็พอจะมีวิธีอยู่นะ ไหมพอจะรู้จักกับคนดูแลที่นั่น ถ้าคุณโมอยากรู้ว่าไอซ์ทำอะไรบ้างในนั้น ก็คงมีทางเดียว... คือต้องเข้าไปเป็นพนักงานที่นั่นเอง” คำตอบของไหมทำให้เขาถึงกับชะงักงันไปเมื่อได้ฟัง
“หา?” ชายหนุ่มอุทานถามอย่างประหลาดใจ เธอกำลังจะบอกว่าให้เขาสมัครเข้าไปเป็นพนักงานที่นั่นเนี่ยนะ?
“ใช่ค่ะ แบบนั้นแหละ เป็นวิธีเดียวที่คุณโมจะได้เข้าไปเห็นกับตา ไม่สิ ไม่ใช่แค่เห็นหรอก แต่อาจจะได้สัมผัสกับตัวด้วย ว่าไอซ์คนเดิมน่ะตายไปแล้ว เหลือแต่ไอซ์คนใหม่ที่ร้อนแรงกว่าเดิม” ไหมกล่าวและแสยะยิ้มมุมปาก ยิ่งเห็นอาการอ้ำอึ้งของเขาก็ให้ยิ่งนึกสมเพชระคนชิงชังอยู่ภายในใจ ต่อให้เขาจะพึ่งปรนเปรอความสุขให้เธอได้มากมายขนาดไหน สุดท้ายแล้วผู้ชายคนนี้ก็คือคนที่ทำให้ไอซ์ต้องแตกสลายอยู่ดี
“งั้นคุณไหมพาผมเข้าไปสมัครได้มั้ย?” ชายหนุ่มรีบกระโจนคว้าตัวเลือกที่เธอเสนอให้ในทันที
“แหม... คงไม่ได้หรอกค่ะ เพราะที่เราตกลงกันครั้งนี้ แค่มาเล่าความจริงเรื่องไอซ์ให้ฟังเฉยๆ นี่นา ถ้าเกิดคุณโมต้องการให้ไหมช่วยอะไรมากกว่านี้ ก็คงต้องรอไว้ก่อน ไว้ครั้งหน้า... เราค่อยมาสนุกกันใหม่ก็ยังไม่สายนะคะ” ไหม
“แต่ว่า...” โมเกิดอาการร้อนรน ยิ่งปล่อยให้เวลาผ่านไปนานเท่าไร ก็มีแต่ไอซ์จะยิ่งถลำลึกและเตลิดเปิดเปิงไปไกลมากขึ้นเท่านั้น
“คุณโมต้องหัดควบคุมความต้องการของตัวเองให้มากๆ นะคะ ไม่งั้นข้อตกลงที่เราทำกันไว้ มันอาจจะถูกยกเลิกไปเมื่อไรก็ได้ ใครจะไปรู้” หญิงสาวพูดตอกใส่หน้าเขาตรงๆ ราวกับตั้งใจจะประชดประชันว่า เป็นเพราะตัวเขาไม่รู้จักควบคุมความต้องการในอดีตนั่นแหละ จึงทำให้เรื่องทุกอย่างมันบานปลายมาจนถึงขนาดนี้
“ครับ... เข้าใจแล้วครับ” โมยอมรับสภาพอย่างคอตก เขาเองไม่มีอะไรจะไปต่อรองเธอได้อีกแล้วในเวลานี้ ได้แต่หวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทุ่มเทลงไปแบบสุดตัวเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา มันจะเพียงพอให้สาวไฮโซยอมเปิดใจช่วยเขาอีกในภายภาคหน้า
“ดีค่ะ ถ้างั้น... ไหมขอตัวไปอาบน้ำล้างตัวก่อนนะคะ คุณโมใช้ผ้าขนหนูในตู้นั่นเช็ดตัวไปก่อนแล้วกัน” ไหมเอ่ยตัดบท ก่อนจะเดินหนีหายเข้าประตูห้องน้ำไปอย่างไม่ใยดี ทิ้งให้ชายหนุ่มได้แต่นั่งครุ่นคิดทบทวนถึงสิ่งที่ตนเองได้ฟังเมื่อครู่ ด้วยความรู้สึกที่แสนจะสับสนและว้าวุ่นใจ
=======================================
สิ่งที่ไหมเล่าให้ฟังในค่ำคืนนั้น ยังคงเกาะติดอยู่ภายในหัว โดยที่โมไม่อาจสลัดให้หลุดออกไปจากห้วงความคิดได้ง่ายๆ เมื่อใดก็ตามที่เขาเผลอเรอเปิดช่องว่าง ภาพของไอซ์ในชุดชั้นในลูกไม้สุดเซ็กซี่ พร้อมถุงน่องตาข่ายและรองเท้าส้นสูง ซึ่งกำลังทำสีหน้ายั่วยวนหยอกเย้าอยู่กับชายแปลกหน้าที่ยืนเปลือยเปล่าล่อนจ้อน ก็จะคอยโผล่วาบเข้ามาในหัวของเขาแทบจะตลอดเวลา
“โม... โม... โม!” เสียงใครบางคนร้องเรียกกระชากสติของโมให้กลับคืนมาสู่ห้วงเวลาปัจจุบัน
“ห๊ะ! อะไรนะ?” ชายหนุ่มออกอาการสะดุ้ง ยังตั้งหลักไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ในตอนนี้
“มัวเหม่ออะไรอยู่? ไฟเขียวแล้วนะ” เป็นเสียงของลูกไม้ซึ่งนั่งประจำการอยู่บนเบาะข้างคนขับ ที่ทั้งส่งเสียงพร้อมกับสะกิดแขนเรียกสติเขาอยู่ ชายหนุ่มจึงพึ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตนเองนั้นกำลังอยู่ในระหว่างขับรถพาหญิงสาวไปกินมื้อเย็นด้วยกันอยู่
“โทษทีๆ มัวคิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยปากขอโทษขอโพยเธออย่างรู้สึกผิด ก่อนจะเหยียบคันเร่งให้รถยนต์ออกตัวแล่นไปบนถนนเส้นสีลม
“อย่าให้รู้นะว่าคิดถึงผู้หญิงคนอื่นอยู่” ลูกไม้หยอดมุกติดตลกแบบไม่ได้คิดอะไร แต่กลับทำให้ชายหนุ่มถึงกับรู้สึกเสียวสันหลังวาบ สังหรณ์ผู้หญิงช่างแม่นยำจนน่ากลัว แต่เขาก็รีบฝืนปั้นหน้ายิ้มขำตามเธอไปด้วย
“บ้า ไม่มี คิดเรื่องลูกค้าที่ออฟฟิศอยู่” โมตอบอ้อมแอ้ม ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ถือว่าเขาไม่ได้โกหกอะไรเธอ
“แล้วไป มาเดทกะเค้า ห้ามนึกถึงคนอื่น รู้มั้ย?” หญิงสาวทำท่าชี้นิ้วขู่ แทนที่จะดูน่ากลัวแต่กลับกลายเป็นดูน่ารักน่าชังมากกว่า
“จ้า ไม่มีหรอกจ้า ใครจะไปกล้า ผู้โดยสารน่ารักออกขนาดนี้” ชายหนุ่มเลี่ยงไปชมเปาะใส่เธอแทน ทำเอาสาวเจ้าอมยิ้ม
“ฮิฮิ ปากหวาน” หญิงสาวทำท่าเขิน แล้วเอามือหยิกแก้มเขาเบาๆ จนชายหนุ่มอดหัวเราะขันตามไม่ได้
“แล้วตกลงจะกินอะไรดี? ราเมงหรืออิซากายะ? ยังฟันธงไม่ได้เลยเนี่ย” ลูกไม้เอ่ยถามเสียงใส หญิงสาววันนี้เปล่งประกายความสวยอยู่ภายใต้ชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นทรงหลวมสีเบจ สวมทับด้วยกางเกงขาสั้นเอวสูงสีเขียวขี้ม้า แต่สิ่งที่เตะตาของชายหนุ่มหลังพวงมาลัยมากที่สุด ก็เห็นจะเป็นความบางของตัวเสื้อเชิ้ต ที่ทำให้เขามองทะลุเห็นไปถึงขอบยกทรงที่เธอสวมใส่อยู่แบบลางๆ
“อันหลังก็ได้นะ อยากกินเบียร์วุ้นด้วย ไม่ได้กินนานแล้ว” โมหันไปตอบเธอ โดยพยายามไม่เหลือบตามองลงต่ำ แม้จะรู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดอันรุนแรงจากเสื้อของเธอก็ตาม
“โอเค งั้นก็ไปร้านอะบูริฯ เนอะ” หญิงสาวสรุปให้
ร้าน ‘AburiYatai’ เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นในสไตล์อิซากายะ หรือที่เรียกกันติดปากแบบไทยๆ ว่าร้านอาหารปิ้งย่างแบบเสียบไม้ โดดเด่นที่กับแกล้มนานาชนิด ซึ่งตั้งใจเสิร์ฟมาให้กินควบคู่ไปกับเครื่องดื่มมึนเมายี่ห้อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเบียร์ ชูไฮ ไฮบอล สาเก หรือโซจู แล้วแต่ว่าร้านไหนจะนำเสนออะไร ซึ่งจุดเด่นของร้านอะบูริยะไทนี้ก็คือเมนูเสียบไม้ที่อร่อยเกือบทุกอย่าง และเหมาะจะกินคู่กับเมนูเบียร์วุ้นเย็นเจี๊ยบชื่นใจ ที่ชายหนุ่มกล่าวถึงไปเมื่อครู่นั่นเอง
พวกเขารู้จักร้านนี้ผ่านการไล่อ่านกระทู้รีวิวร้านอาหารญี่ปุ่นรสเด็ดจากในอินเตอร์เน็ต ต่างฝ่ายต่างไม่เคยกินมาก่อน แต่ด้วยคะแนนรีวิวกับคำวิจารณ์ที่ค่อนข้างโอเค ก็เลยทำให้ทั้งคู่ตกลงปลงใจเลือกร้านอะบุริฯ แห่งนี้เป็นที่สำหรับฝากท้องในค่ำคืนนี้ โชคดีที่เมื่อมาถึงร้านแล้วยังพอมีที่ว่างเหลืออยู่อีก 2-3 โต๊ะ ให้พวกเขาพอได้แทรกเข้าไปนั่งจับจองพื้นที่ด้านในร้าน พวกเขาได้โต๊ะตัวเล็กด้านในชิดมุมผนังที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว จากนั้นก็จัดการหยิบเมนูมาสั่งอาหารกินกันทันที เพราะทั้งสองต่างรู้สึกหิวท้องกิ่วมาตั้งแต่ตอนติดไฟแดงอยู่บนรถแล้ว
“โมแน่ใจใช่มั้ยว่าจะไม่เมา?” ลูกไม้เอ่ยถามเขา เมื่อเห็นอาหารที่ถูกนำมาวางเสิร์ฟตรงหน้า ซึ่งมาพร้อมกับเบียร์วุ้นแก้วยักษ์ยี่ห้ออาซาฮีสีเหลืองทองอร่าม มองเห็นหยดน้ำและไอเย็น บ่งบอกถึงความเย็นชื่นใจ
“แหม แก้วสองแก้วเอง ไม่เมาหรอก เราคอแข็งอยู่นะ” โมตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ เขาหมายความตามนั้นจริงๆ เพราะนับตั้งแต่ไปใช้ชีวิตอยู่บนเกาะพะงัน ก็แทบจะเรียกว่าชายหนุ่มใช้เวลากินดื่มเมามายกับเพื่อนฝูงเกือบทุกค่ำคืน ไม่ว่าจะเป็นเหล้า เบียร์ วอดก้า หรือสาเก จนร่างกายชินชากับแอลกอฮอล์ แทบไม่แตกต่างอะไรจากการกินน้ำเปล่า หากว่าไม่ซัดเข้าไปมากพอจริงๆ
“ระวังหน่อยแล้วกันนะ ไม่งั้นเค้าหนีกลับแท็กซี่ดีกว่า ไม่อยากโดนโมพาขึ้นฟุตบาท ฮิฮิ” หญิงสาวกล่าวดักคอเสียงร่าเริง
“เอ้า! ทิ้งทุ่นกันเฉย” เขาตอบ แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน
“อ่ะๆ ถ้างั้น แก้วนี้ฉลองให้กับอะไรดี?” เธอถาม ยกแก้วเบียร์ตรงหน้าขึ้นมาถือรอเตรียมจะชนแก้วกับเขา
“เอาเป็น... ฉลองที่เรากลับมาเจอกันดีมั้ย?” ชายหนุ่มพยายามนึกหาข้ออ้างให้กับการดื่มในคืนนี้
“ไม่ได้สิ อันนั้นฉลองไปแล้ว ตั้งแต่วีคก่อน งั้นเอาเป็น ฉลองที่เราเดทกันครบเดือนนึงดีมั้ย?” คู่สนทนาหยุดนึกครู่หนึ่ง ก่อนจะเสนอไอเดียใหม่
“โห เร็วเหมือนกันเนาะ แป๊บๆ เดือนนึงแล้ว ว่าแต่ ที่เราทำอยู่นี่มันเรียกว่าเดทได้ใช่มั้ย?” โมทำเสียงทึ่ง ก่อนจะถามเธอกลับ
“ได้ดิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?” ลูกไม้ทำหน้าสงสัย ขณะหยิบไก่ย่างบนจานมากัดเข้าปาก พร้อมกับทำหน้าปลื้มปริ่มในรสชาติของมัน
“ก็... ปกติคนที่จะเดทกัน มันต้องจีบกันอยู่ หรือคบเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ? แต่ของเรานี่... มันคนละอย่างกันมะ?” ชายหนุ่มทัก เขาเองก็ยังรู้สึกสับสนกับสถานะความสัมพันธ์ที่ว่าอยู่ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พวกเขาทำอะไรหลายๆ อย่างร่วมกันราวกับว่าเป็นคู่รัก ซึ่งแตกต่างไปจากคู่ขาคนอื่นๆ ที่ตกลงปลงใจจะเป็น Friend with Benefit กับเขา ที่มักจะเลือกนัดแนะเจอหน้ากันเฉพาะเวลาที่มีความต้องการทั้งคู่เท่านั้น แม้แต่ตัวนิ่มเอง เขาก็ยังแทบไม่ได้ให้เวลาพิเศษกับเธอมากเหมือนอย่างที่ทำอยู่ในตอนนี้เลย
“เรียกว่าเดทแหละถูกแล้ว ถึงเป็น ‘เพื่อนคนพิเศษ’ ก็เดทกันได้ ถามทำไมเหรอ?” ลูกไม้ยิ้มอ่อนหวาน
“แค่อยากถามให้ชัวร์เฉยๆ น่ะ” โมยักไหล่ ก่อนจะหยิบไก่ย่างเข้าปากบ้าง
“จริงๆ ก็เหมาะดีนะคำนี้ เพื่อนคนพิเศษ เพราะจริงๆ แล้วโมก็พิเศษสำหรับเค้าจริงๆ ง่ะ” หญิงสาวนึกตามความหมายของคำแล้วก็เผลอยิ้มตาม เป็นรอยยิ้มสดใสที่ทำให้หัวใจของชายหนุ่มชื่นบานตามไปด้วย
“จริงง่ะ เราพิเศษขนาดนั้นเลยเหรอ?” โมถามเหมือนไม่เชื่อ
“อื้อ! จริงๆ นะ เค้าว่าที่เค้าเป็นอย่างทุกวันนี้ได้ บางส่วนก็มีที่มาจากโมนั่นแหละ” ลูกไม้ตอบ ทำหน้าตาจริงจัง และผงกหัวรัวๆ
“มิน่า เลยกลายมาเป็นคนทะลึ่งแบบทุกวันนี้” เขาหยอดมุกจนเธอขำก๊าก
“บ้า! ไม่ใช่เรื่องนั้น” เธอหัวเราะเสียงใสชอบใจ
“แล้วเรื่องอะไรบ้าง?” เขาชวนคุยจริงจัง
“ก็... อย่างเรื่องความฝันใช่มั้ย ก่อนหน้านี้โมก็รู้ว่าเค้าไม่เคยคิดภาพชีวิตตัวเองในวันข้างหน้าจริงๆ จังๆ แต่พออยู่ใกล้ๆ โมที่มีภาพในหัวชัดเจนว่าตัวเองจะมุ่งมาทำงานออกแบบพวกนี้อ่ะ มันก็เลยเหมือนเป็นแรงบันดาลใจ ให้เค้าค้นหาตัวเองเจอ ถึงรู้ว่าจริงๆ แล้วตัวเองอยากไปเที่ยว อยากเดินทางเจอประสบการณ์ใหม่ๆ ถึงเลือกเรียนภาษา แล้วมาเป็นแอร์ฯแบบทุกวันนี้ไง” ลูกไม้ระบายความรู้สึกออกมาอย่างตรงไปตรงมา จนเขาอดเขินไม่ได้ รู้สึกว่าตนเองไม่ควรจะได้รับคำชมมากมายขนาดนี้ ถ้าเทียบจากสิ่งที่เขาเคยทำเธอเจ็บช้ำมาก่อนหน้านี้ ตอนที่ปิดบังเธอว่าตนเองมีแฟนอยู่แล้ว
“ขอบคุณนะลูกไม้ ที่คิดแบบนั้นกับเรา” โมเอ่ยด้วยสีหน้าซึ้งใจ รู้สึกว่าตนช่างไม่คู่ควรกับผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าเหลือเกิน
“ฮื้อ! ไม่ต้องขอบคุณหรอก เค้าสิต้องขอบคุณโม” ลูกไม้ส่ายหน้า ต่างคนต่างแย่งกันขอบคุณอีกฝ่าย
“ถ้างั้น คืนนี้เราฉลองที่ลูกไม้ค้นเจอเส้นทางชีวิตตัวเองดีมั้ย?” ชายหนุ่มเสนอ
“อื้อ! ดีเลย ฉลองให้โมด้วย” เธอพยักหน้าตอบรับด้วยรอยยิ้ม
“อ่ะ หนึ่ง... สอง... ซั่ม... คัมปาย!!” ทั้งสองยกแก้วขึ้นชนพร้อมส่งเสียงร้องเชียร์ออกมาดังๆ โดยไม่ต้องเกรงใจลูกค้าคนอื่นๆ เพราะบรรยากาศในร้านตอนนี้มีแต่เสียงดังอื้ออึงอึกทัก จากการสนทนาอันสนุกสนานที่ลูกค้าเกือบทุกโต๊ะตะโกนโหวกเหวกแข่งกัน
พวกเขานั่งกินมื้อเย็นด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย เคล้าเคียงไปกับการสนทนารำลึกความหลัง ซึ่งหัวข้อการพูดคุยส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นประสบการณ์ความเป็นไปต่างๆ ที่หญิงสาวได้ไปพบเจอมาตอนที่เรียนอยู่ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มนึกสนใจใคร่รู้มาโดยตลอด ตามประสาของคนที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้เดินทางไปต่างประเทศมากนัก
“รู้ป่ะ? เราเคยตามผู้ชายที่เดทด้วยไปดูเค้าแข่งรักบี้กันครั้งนึง คนที่นั่นบ้ารักบี้มากเลยนะ” ลูกไม้เล่าวนมาจนถึงหัวข้อเกี่ยวกับประสบการณ์ความรักตอนอยู่ที่ออสเตรเลีย
“แล้วเป็นไง สนุกมั้ย?” โมเร้าให้เธอเล่าต่อ
“ไม่สนุกเลย ไม่เข้าใจอ่ะ มันสนุกตรงไหน ไปดูคนวิ่งไล่อัดกัน แย่งบอลลูกเดียว แย่งกันไปแย่งกันมา ตามไม่ค่อยทันเลย แถมเล่นกันแรงด้วย น่ากลัวจะตาย อัดกันเหมือนโกรธมาตั้งแต่ชาติปางไหน” หญิงสาวส่ายหัวพร้อมทำหน้าเหยเก บ่งบอกถึงความสนุกที่เธอเข้าไม่ถึงแม้แต่น้อยนิด
“ฟังดูก็เหมือนฟุตบอลเลยแฮะ นักเตะทั้งสองทีม รุมแย่งบอลลูกเดียวเอาไปยิงประตูกัน” โมกล่าวเสริมเมื่อฟังจบ
“แต่ฟุตบอลยังดูรู้เรื่องไง เราเคยเข้าไปดูทีมชาติออสเตรเลียแข่งที่สนามเหมือนกัน ครั้งนั้นตื่นเต้นกว่ากันเยอะ” ลูกไม้ว่า
“ผู้ชายพาไปอีก?” เขาดักคอ
“อ่า ก็... ช่าย... ยยยยย แฮะๆ” เธอหัวเราะเขิน
“เจอกับทีมอะไรอ่ะ?” เขาถามต่อ เริ่มอยากรู้รายละเอียดขึ้นมา เมื่อเป็นเรื่องฟุตบอลที่ตนเองถนัด
“เจอทีมชาติไทยเรานี่แหละ เหมือนว่าจะเป็นแข่งเพื่อไปบอลโลกหรือไงนี้ล่ะ” คู่สนทนา
“อ้าว! จริงดิ แสดงว่าเป็นช่วงคัดบอลโลก แล้วนัดนั้นผลเป็นไงนะ?” ชายหนุ่มถามอย่างกระตือรือร้น พยายามนึกย้อนตามไปด้วย เพราะช่วงหลายปีมานี้เขาเองก็กำลังอินไปกับกระแสบูมของฟุตบอลทีมชาติไทยไม่ต่างอะไรจากแฟนบอลเกือบทั้งประเทศ ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดีขึ้นตามลำดับ และมีพัฒนาการพอให้ลุ้นหวังถึงผลงานที่จับต้องได้มากกว่าในยุคก่อนๆ
“ไทยแพ้ 2-1 ที่มีโค้ชฝรั่งหัวขาวๆ คุมทีมเราอยู่น่ะ” หญิงสาวพยายามบอกรายละเอียดเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งไม่ได้อินกับฟุตบอลมากนักจะนึกออก ซึ่งภาพของโค้ชต่างชาติตัวใหญ่ยักษ์กับเส้นผมสีขาวโพลนที่ยาวสยายราวกับศาสตราจารย์สติเฟื่องคนนั้นก็ยังคงโดดเด่นติดตาเธอมาถึงในทุกวันนี้
“อ๋อ... แสดงว่าสมัยวินฟรีด เซเฟอร์คุม เสียดาย ชุดนั้นได้แค่เกือบๆ แล้วไปตกม้าตายตอนหลัง แล้วตอนแข่งอยู่นี่ลูกไม้เชียร์ทีมไหน” โมถาม
“เชียร์ไทยสิ เชียร์คนละฝั่งกับคนที่ไปด้วย ตะโกนเชียร์จนเจ็บคอเลย ดันแพ้” ลูกไม้กล่าวอย่างเจ็บใจ แต่เป็นอาการเจ็บใจที่ยังคงเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มสดใสของเธอนั่นแหละ
“ดีไม่โดนเจ้าถิ่นเขากระทืบเอา ไปตะโกนเชียร์คู่แข่งถึงในสนาม” เขาแหย่
“ไม่ๆ คนที่นั่นใจดีนะ จบเกมแล้วก็จบกัน ยังมีหันมาจับไม้จับมือกันอยู่เลย” หญิงสาวเล่าให้ฟัง
“แล้วตอนอยู่ที่นั่น มีไปทำอะไรแผลงๆ ไว้บ้างมั้ยเนี่ย?” โมชวนคุยต่อ
“ก็ไม่มีอะไรนะ อ๋อ! มีๆ มีเรื่องนึง เราไปสักมาด้วยนะ ตอนเรียนอยู่ที่นั่น” ลูกไม้ทำท่าจะปฏิเสธ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“จริงดิ ไหน? สักรูปอะไรไว้? ขอดูหน่อย” ชายหนุ่มทำตาโต รีบร้องขอดูทันที
“ไม่ได้สักอะไรใหญ่โตหรอก เป็นตัวเขียนภาษาอังกฤษน่ะ เขียนว่า ‘enjoy the little thing’ ไว้เตือนตัวเอง แต่คงเปิดให้ดูที่นี่ไม่ได้อ่ะ ไม่ค่อยจะเหมาะเท่าไหร่” ลูกไม้ตอบพร้อมกับยิ้มขวยเขิน ทำเอาเจ้าหนุ่มถึงกับหูผึ่ง พร้อมเดาไปต่างๆ นานาถึงตำแหน่งรอยสักบนร่างกายเธอใต้ร่มผ้า มันจะมีอยู่สักกี่ที่กันเชียวที่อีกฝ่ายไม่สามารถเปิดเผยให้เขาดูกลางที่สาธารณะได้...
“แต่ถ้าโมอยากจะเห็นจริงๆ เดี๋ยวตอนที่กลับห้อง เราแอบเปิดให้ดูก็ได้นะ” ลูกไม้เอ่ยเสียงเบา ก่อนจะก้มหน้าจิบเบียร์ด้วยท่าทีขวยเขิน ปล่อยให้เจ้าหนุ่มคนฟังใจเตลิดเปิดเปิงไปไกลถึงไหนต่อไหน...
ในวันที่รักหลงทาง #115
แจ้งนิดนึง นี่เป็นตอนสุดท้ายในสต็อกที่ผมมีละ
ตอนหลังจากนี้คงนานๆ มาที แล้วแต่อารมณ์นะครับ
อาจจะ 2 อาทิตย์บ้าง 3 อาทิตย์บ้าง แล้วแต่เวลาว่าง :D
ปล. ในนี้มีใครเป็นแฟนคลับคูมอิงค์ วรันธรมั่งฮะ
พอดีผมมีไอเดียจะแต่งเรื่องเค้ายัดเข้ามาในจักรวาลเดียวกัน แบบแต่งคั่นเวลาขำๆ ตอนเดียวจบไรงี้
แต่คงไม่ได้มีตัวละครอะไรเชื่อมโยงกับเนื้อเรื่องหลักมากหรอก เผื่อมีใครสนใจ 5555
**รบกวนคอมเมนท์เกี่ยวกะเนื้อหาในตอนหน่อยนะฮะ อยากอ่านฟี้ดแบคจากคนอ่าน**
-----------------
เวลาประมาณ 3 ทุ่มเศษ...
หลังใช้เวลาช่วงมื้อเย็นแลกเปลี่ยนเรื่องราวสานสัมพันธ์กันจนอิ่มท้องและอิ่มใจแล้ว โมก็ขับรถเก๋งคันเก่าของตนเองพาลูกไม้กลับมาส่งที่ใต้คอนโดของเธอในย่านราชเทวีโดยสวัสดิภาพ ตามที่เขารับปากหญิงสาวไว้ก่อนหน้านี้
“โมจะขึ้นไปนั่งพักก่อนมั้ย?” เป็นฝั่งลูกไม้ที่ชิงเอ่ยคำถามวัดใจออกมาด้วยตนเอง ในจังหวะที่พวกเขากำลังเตรียมจะล่ำลาจากกัน ซึ่งเธอไม่เคยเอ่ยปากชวนเขาขึ้นห้องเช่นนี้มาก่อนเลยสักครั้ง
“หืม? จะดีเหรอ?” โมทำตาโตถามกลับอย่างตกใจ เพราะนึกว่าเธอตั้งใจจะเอ่ยปากชวนเขาขึ้นไปทำกิจกรรมอะไรบางอย่าง
“ตกใจอะไร? เค้าหมายถึงให้ขึ้นไปนั่งพักกินน้ำกินท่าเฉยๆ เผื่อว่าจะได้เมาน้อยลง เวลาขับรถกลับจะได้ไม่อันตราย เดี๋ยวนะ นี่คิดไปถึงไหนแล้วเนี่ย? ทะลึ่ง!” หญิงสาวที่จับไต๋เขาได้จึงตีแขนเขาดังเพี๊ยะไปทีหนึ่ง พร้อมกับหลุดขำออกมา
“เอ้าๆ อ๋อ ก็ใครมันจะไปรู้เล่า” ชายหนุ่มยกมือขึ้นทำท่าปัดป้อง พลางหัวเราะแก้เก้อ
“เอามั้ย? ขึ้นไปนั่งพัก เดี๋ยวเค้าชงชาให้กิน ที่ห้องมีชาดีๆ อยู่เยอะเลยนะ เค้าชอบซื้อมาเก็บไว้ เวลาเบื่อๆ ก็เอาออกมาชงกินเล่นคนเดียว เผื่อโมลองแล้วจะชอบเหมือนกัน” ลูกไม้โฆษณาเชิญชวนไม่ขาดปาก
“เดี๋ยวก่อนลูกไม้” โมยกมือขึ้นขัดคอเธอแบบกะทันหัน
“หืม?” หญิงสาวจ้องตาเขาทำหน้าฉงน
“ตะกี้ตอนอยู่ในร้าน ลูกไม้บอกว่าลูกไม้เคยสักมาใช่มั้ย? ไหนอ่ะ? ขอดูหน่อยดิ สักไว้ตรงไหนเหรอ?” ชายหนุ่มทวงถามสิ่งที่ยังติดค้างอยู่ในหัวมาตั้งแต่อยู่ในร้านอาหาร
“โอ๊ย! ยังไม่มูฟออนอีกเหรอเนี่ย?” ลูกไม้อดขำกับความใจจดใจจ่ออันเกินเหตุของเขาไม่ได้
“หนายๆ สักไว้ตรงหนาย?” โมพูดย้ำพลางกวาดสายตามองสำรวจไปทั่วเรือนร่างเธอ ราวกับว่ากำลังใช้สายตาเอ็กซเรย์ส่องมองทะลุใต้เสื้อผ้าเธออยู่ จนสาวเจ้าต้องรีบยกท่อนแขนทั้งสองข้างมาปิดบังเรือนร่างท่อนบนของตนเองไว้ตามสัญชาตญาณ
“ม่ายบอก-ร้อก ถ้าขึ้นไปด้วยถึงจะยอมให้ดู” เธอหัวเราะคิกคัก ก่อนจะคว้ากระเป๋าถือแล้วชิงเปิดประตูหนีลงจากรถไปโดยไม่รอ
“เอ้า! เดี๋ยว! ลูกไม้ เดี๋ยวก่อน! ขอเราจอดรถเข้าซองดีๆ ก่อน รอด้วย!” ชายหนุ่มต้องรีบเปิดกระจกตะโกนเรียกตามหลังเธอเพราะกลัวจะโดนสาวเจ้าทิ้งไว้จริงๆ สุดท้ายแล้วเขาก็เลยต้องตามเธอขึ้นห้องมาด้วยอีกคน...
ห้องพักของลูกไม้มีขนาดราวๆ 28-30 ตารางเมตรเท่านั้น โดยแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆ คือห้องนั่งเล่นด้านนอกซึ่งมีพื้นที่แค่พอให้ยัดเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นอย่างซิงก์ล้างจาน ตู้เย็น โต๊ะกินข้าว โทรทัศน์ และโซฟาขนาดเล็ก และอีกห้องคือห้องนอนขนาดใกล้เคียงกัน ที่เชื่อมติดกับห้องนั่งเล่นด้วยประตูบานเลื่อนแบบกระจกใสยาวติดผนังทั้งแผง มีห้องน้ำในตัว รวมถึงระเบียงชมวิวแคบๆ ที่เปิดออกไปได้ผ่านทางประตูกระจกด้านในของตัวห้องนอน
บรรยากาศภายในห้องถูกตกแต่งไว้ด้วยโทนสีขาวคลีนๆ ดูสะอาดสะอ้าน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ตามประสาห้องพักของผู้หญิงลอยปะปนเจือจางอยู่ในอากาศ พอให้โมได้แอบรู้สึกตื่นเต้นจากกลิ่นอันไม่คุ้นชินที่ลอยมาแตะจมูก ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังกวาดตามองสำรวจสภาพห้องรอบๆ ด้วยความสนอกสนใจ เฟอร์นิเจอร์ที่นี่ไม่ได้มีมากชิ้นนัก ด้วยความที่มันเป็นห้องพักที่ลูกไม้ไปเช่าอยู่จากรุ่นพี่ที่เป็นแอร์โฮสเตสในสายการบินเดียวกันอีกทีหนึ่ง เธอจึงไม่อยากจะขนของมากองไว้ที่นี่มาก เพราะไม่อยากลำบากเวลาต้องขนย้ายออก แต่กระนั้นก็พอจะมองเห็นเฟอร์นิเจอร์จุกจิกต่างๆ เช่นตุ๊กตาน่ารักๆ ตัวใหญ่ที่ตั้งกองเรียงกันอยู่บนเตียงนอนของเธอ
“โมรอนี่แป๊บนะ เค้าขอเก็บห้องแป๊บนึง” ลูกไม้พาเขามานั่งรอที่โซฟา ก่อนจะปลีกตัวเข้าไปยังห้องนอน เธอหยิบเอาตะกร้าสานสีน้ำตาลอ่อนสำหรับใส่เสื้อผ้าออกมาจากตู้เสื้อผ้าที่ตั้งอยู่ตรงข้ามเตียงนอน แล้วหอบมันเดินออกไปเก็บเสื้อผ้าที่ตากค้างไว้บริเวณระเบียงด้านนอกด้วยความเร่งรีบ ซึ่งการกระทำทั้งหมดนั้นล้วนแต่ตกอยู่ภายใต้สายตาของโมที่คอยจับจ้องมองอยู่ห่างๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ลูกไม้คงรีบไปเก็บพวกชุดชั้นในล่ะมั้ง” ชายหนุ่มคิดอยู่เงียบๆ เพียงลำพัง กระทั่งพอเห็นหญิงสาวทำธุระเสร็จและเดินกลับออกมาหาเขาที่ห้องนั่งเล่นข้างนอก ชายหนุ่มก็ส่งยิ้มอ่อนโยนไปหาเธอ
“ยิ้มอะไร?” เธอปั้นหน้าเคอะเขินเมื่อโดนเขาโปรยยิ้มทรงเสน่ห์ใส่เข้าเต็มเปา
“แอบไปเก็บเกงในมาเหรอ?” เขาเอ่ยแซวเธอตรงๆ ทำเอาสาวเจ้าถึงกับหน้าแดงแป๊ดขึ้นมาทันตา
“ทะลึ่ง... งงงงงง” เธอรุดเข้ามาตีแขนเขาอีกรอบ เท่านั้นยังไม่หนำใจ หญิงสาวยังยกมือขึ้นตีลงไปที่ริมฝีปากของเขาย้ำๆ แบบไม่แรงนัก นัยว่าเพื่อเป็นการแก้เขิน
“มาตีปากแบบนี้ เดี๋ยวก็จูบซะหรอก” โมเอ่ยปากขู่ ซึ่งตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา พวกเขาก็มักจะแสดงความรักใคร่ผ่านการกอดจูบกันตอนอยู่บนรถอยู่แล้ว แม้ว่าสุดท้ายแล้วทั้งคู่จะไม่ได้ทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้นก็ตาม
“ม่าย-กลัว” ลูกไม้ที่กำลังคึกคักเพราะแอลกอฮอล์ในเลือดที่ดื่มเข้าไปตอนมื้อค่ำกำลังทำงาน จึงเอ่ยปากท้าทายกลับคืนมาด้วยแววตาที่แสนซุกซน พอโดนท้าทายแบบนี้ ชายหนุ่มจึงอดรนทนไม่ไหว จัดการใช้มือรวบร่างเธอเข้ามากอดทาบทับเขาที่นั่งอยู่บนโซฟา พร้อมกับโน้มใบหน้าเข้าไปจูบปากเธอเสียเลย หญิงสาวส่งเสียงครางออกมาในลำคออย่างตกใจ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ยินยอมที่จะจูบเขาตอบกลับคืนไปด้วยอารมณ์สิเน่หาที่มีไม่น้อยหน้ากัน
“อื้อ... ออออ พอก่อนๆ เดี๋ยวไม่ได้ชงชากันพอดี” ลูกไม้ผลักอกเขาออก แล้วรีบบอกจุดประสงค์ดั้งเดิมที่เธอชวนเขาขึ้นมา
“เออเนอะ ลืมไปเลย โทษที จังหวะมันพาไป” โมตอบหัวเราะเก้อเขิน
“แหม พาไปไกลเลยนะ” หญิงสาวแซวและอมยิ้ม มองเห็นสีแดงระเรื่อบนพวงแก้มทั้งสองข้างปรากฏอยู่ลางๆ ก่อนที่เธอจะพูดต่อ
“แล้วปกติโมชอบกินชาแบบไหน?” ลูกไม้ถาม ขณะปลีกตัวไปที่หน้าซิงก์ล้างจาน ก่อนจะเอื้อมมือเปิดตู้แขวนสีขาวติดผนังด้านบน เพื่อหยิบเอากล่องใส่ชาออกมาวางบนเคาน์เตอร์
“แบบไหนก็ได้อ่ะ ตอบไม่ถูกเหมือนกัน ปกติกินแต่ชาเขียวอิชิตัน” ชายหนุ่มตอบอย่างพาซื่อ
“ไม่สิ ไม่ใช่ชาแบบนั้น หมายถึงพวกชาร้อน แบบชงกินเองน่ะ” ลูกไม้พูดกลั้วหัวเราะด้วยความเอ็นดู
“กินไม่เป็นอ่ะ ลูกไม้แนะนำให้เราเลยดีกว่า” โมส่ายหัวและยิ้มน้อยๆ เขาไม่มีความรู้ใดๆ ในเรื่องนี้ประดับหัวจริงๆ จึงยกหน้าที่ให้หญิงสาวเจ้าของห้องเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด
“งั้น เอาเป็นตัวนี้แล้วกัน Silver Moon ของ TWG มันมีกลิ่นกับรสของสตรอว์เบอร์รี่แล้วก็วานิลลาอ่ะ หวานๆ หอมๆ สดชื่นดี ลองกินคู่กับมาการองดู อร่อยนะ” หญิงสาวกล่าว พลางหยิบซองใส่ชาสีเหลืองนวลขึ้นมาโบกชูให้เขาดู จากนั้นจึงจัดแจงชงชาพร้อมเสิร์ฟคู่กับขนมมาการองให้แขกและตัวเองคนละหนึ่งชุด
“ก็อร่อยดีนะ” โมเอ่ยปากชมขณะค่อยๆ จิบชาร้อนที่มีรสหวานหอมอมเปรี้ยวอ่อนๆ ของสตรอว์เบอร์รี่ให้ซึมซาบเข้าไปในปาก
“ปกติกลางคืนเค้าจะกินอีกตัวที่เป็นกลิ่นคาโมมายล์ แต่ให้โมกินตอนนี้น่าจะไม่เหมาะ มันทำให้หลับง่ายอ่ะ เดี๋ยวไปหลับตอนขับรถจะแย่เอา อร่อยจนขึ้นสวรรค์” ลูกไม้พูดแล้วหัวเราะคิกคักกับมุกของตัวเอง
“โอ๊ย ถ้ากินแล้วง่วงเราก็ไม่ขับกลับหรอก นอนมันที่นี่แหละ” ชายหนุ่มตอบหน้าตาย
“บ้า! ได้เหรอ? ยังไม่ได้อนุญาตเลย” คู่สนทนาแหว
“อ้าว หรือว่าลูกไม้จะใจร้ายขนาดไล่เรากลับไปทั้งๆ ที่ง่วงอ่ะ?” โมแกล้งถามลองใจเธอ
“ก็ไม่ได้บอกว่าจะไล่ แต่จู่ๆ จะมานอนค้างก็ต้องคุยกันก่อน นี่มันห้องผู้หญิงนะ” ลูกไม้ชักเริ่มเขิน
“เหรอๆ งั้นคืนนี้เราขอนอนค้างนี่เลยนะ เริ่มง่วงแล้วเนี่ย” ชายหนุ่มได้ทีรีบกระเซ้าเย้าแหย่เธอใหญ่
“โกหก ไม่เชื่อหรอก ตะกี้ยังดูกระปรี้กระเปร่าอยู่เลย ตอนลวมลามเค้าน่ะ” หญิงสาวหัวเราะพลางใช้มือผลักหน้าชายหนุ่มเบาๆ อย่างหมั่นไส้กับความกะล่อนของเขา
“โอ๊ยๆ อย่าผลักแรง เดี๋ยวชาหก” เขาส่งเสียงร้องโหวกเหวก พร้อมกับเกร็งแขนประคองแก้วชาในมือเอาไว้มั่น
“ว่าแต่... ไหนอ่ะรอยสัก?” โมเปิดประเด็นถามถึงเรื่องรอยสักของเธออีกรอบ
“แหม... ไม่ยอมปล่อยวางเลยนะเรื่องนี้” ลูกไม้อมยิ้ม
“ก็ลูกไม้เป็นคนเปิดประเด็นไว้เองนี่ เราก็ต้องอยากรู้สิ ว่าทำไมไม่ยอมเปิดให้ดูตั้งแต่ตอนอยู่ในร้าน” เขาอ้างสารพัด
“ก็บอกแล้วว่ามันอยู่ในที่ลับ เปิดข้างนอกไม่ได้” เธอว่า
“งั้นตอนนี้อยู่กันสองคนแล้ว เปิดเลย อยากดู” เขาพูดสวนกลับไปในทันใด
“ไม่เอาง่ะ ยังกินไม่เสร็จเลย” ลูกไม้พยายามเตะถ่วงหาข้ออ้าง
“มา เดี๋ยวเราช่วยให้หมดเอง” โมประกาศ ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าเอาแก้วชาของเธอแย่งมาซดอึกๆ ความร้อนของชาที่ยังไม่คลายตัวลง ทำเอาชายหนุ่มผู้ทะเล่อทะล่าพรวดพราดถึงกับสำลักออกมา
“โม! บ้าเหรอ!? มันร้อน เป็นไรมั้ยเนี่ย?” หญิงสาวแหกปากร้องอย่างตกใจ รีบรุดมาประกบดูอาการเขาด้วยความเป็นห่วง
“ไม่... ไม่เป็นไร แค่โดนลวกคอนิดหน่อย ขอน้ำเปล่าหน่อย” ชายหนุ่มฝืนโบกไม้โบกมือแสดงอาการว่ายังไหว หลังจากได้พักดื่มน้ำเย็นๆ ไปแก้วหนึ่งอาการของเขาก็เริ่มจะดีขึ้น
“เป็นไง? เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง” ลูกไม้ยืนเท้าสะเอวบ่นอุบใส่เขาอย่างระอา ในมือยังถือขวดน้ำเปล่าเตรียมรอไว้เพื่อเขาจะขอดื่มเพิ่ม
“ชาหมดแล้ว... โชว์รอยสักเลย” โมพูดเสียงแหบแห้ง ยังรู้สึกแสบระคายคออยู่ แต่ความอยากรู้อยากเห็นนั้นไม่ลดลงไปแต่อย่างใด
“ยอมใจเลย อ่ะ ถ้าอยากดูขนาดนั้น โชว์ให้ดูก็ได้” หญิงสาวส่ายหน้าถอนหายใจ ใช้มือดึงเสื้อเชิ้ตตัวยาวที่สวมอยู่ให้หลุดออกมาจากกางเกงขาสั้น จากนั้นก็จับมันถลกยกขึ้นไปกองค้างไว้แนบอกตัวเอง เผยให้เห็นหน้าท้องขาวจั๊วะอันเรียบเนียน และที่เหนือขึ้นไปด้านบน ตรงบริเวณใต้ราวนมของหญิงสาวนั้น คือรอยสักตัวหนังสือสีรุ้งที่เขียนเรียงเป็นประโยคสั้นๆ ว่า ‘enjoy the little thing’ และมีสัญลักษณ์เป็นรูปดวงดาว พระจันทร์ และก้อนเมฆล่องลอยอยู่รอบๆ ตัวหนังสือดังกล่าว
“พอใจยัง?” ลูกไม้เอ่ยถาม หลังจากเปิดเสื้อค้างไว้ให้เขาดูราวๆ สิบวินาทีได้ เมื่อเห็นชายหนุ่มยอมพยักหน้าน้อยๆ เธอจึงใช้มือดึงเสื้อปิดลงตามเดิม
“สวยดี มินิมอล” โมเอ่ยปากชม ทว่าตัวอักษรที่ติดค้างอยู่ภายในหัวของเขายามนี้กลับไม่ใช่คำว่า ‘enjoy the little thing’ ซึ่งเป็นรอยสักของลูกไม้ แต่ดันเป็นคำว่า ‘Calvin Klein’ ที่ปรากฏอยู่บนขอบยกทรงด้านล่างของเธอ ซึ่งมันโผล่แลบออกมาเมื่อครู่ต่างหาก
“โมเคยสักมั้ย?” คู่สนทนาชวนคุย
“ไม่มีเลยอ่ะ กลัวเจ็บ” ชายหนุ่มตอบติดตลก ที่จริงเขาไม่ได้กลัวเจ็บหรอก เพียงแค่ไม่ได้รู้สึกอินกับการเพิ่มลวดลายใดๆ ลงไปบนร่างกายตัวเองต่างหาก
“แหม มันก็ไม่ได้เจ็บขนาดนั้นหรอก ถ้าเค้าผ่านมาได้ โมก็น่าจะผ่านได้แหละน่า” หญิงสาวยิ้มหวานเอ็นดู
“เหรอ งั้นเราลองไปสักบ้างดีมั้ย? เผื่อจะสักคำว่าลูกไม้ไว้ตรงลูกกระเดือกมั่ง เอาแบบนี้เลย” เขาหยอดมุก
“เพ้อเจ้อ ทำเป็นพูดดีไป” หญิงสาวหลุดขำออกมาเมื่อเผลอนึกภาพลำคอของชายหนุ่มที่มีตัวหนังสือสีรุ้งเขียนไว้เป็นชื่อเธอ
“เออ เราถามหน่อย ทำไมแอร์โฮสเตสสาวๆ ถึงชอบใส่ชั้นในของ Calvin Klein กัน? เห็นมาหลายคนละ” โมเปิดประเด็นถามตาใส
“นี่โมแอบมองยกทรงเราเหรอ?” ลูกไม้ทำหน้าตกใจ พลางยกสองแขนขึ้นปิดป้องหน้าอกของเธอไว้ แล้วเอี้ยวตัวหนีสายตาของชายหนุ่มด้วยอารมณ์หวงแหนเรือนร่าง
“ไม่ได้ตั้งใจมอง ก็มันเห็นโลโก้โผล่แลบออกมาพอดี ก็เลยสงสัย” ชายหนุ่มแก้ตัว
“แล้วโมไปเห็นมาจากไหน ที่ว่าเยอะแยะ? นี่มีกิ๊กเป็นแอร์โฮสเตสกี่คนเนี่ย?” คู่สนทนาถามเสียงสูง
“ไม่ๆ ไม่ได้มีกิ๊ก แต่เคยเห็นเอ่อ... จากในคลิป อ่า...” โมกำลังจะหลุดปากบอกที่มาแบบละเอียด ก่อนจะหยุดชะงักเพราะนึกขึ้นได้ว่ามันเป็นคำตอบที่หญิงสาวไม่น่าจะชอบใจสักเท่าไร
“คลิปอะไร?” ลูกไม้ชี้นิ้วขณะถามคาดคั้น
“ก็... คลิปแอบถ่ายในห้องน้ำสนามบิน” ชายหนุ่มตอบอ้อมแอ้มเสียงเบา
“โอ๊ย! โม! ทุเรศ! ทำไมไปดูอะไรแบบนี้ อุบาทว์! แอบ” เป็นดังคาด สาวเจ้าก่นด่าเขาสารพัด รีบกระเถิบตัวถอยห่างออกมาจนสุดขอบโซฟา พร้อมกับทำสีหน้ารังเกียจขึ้นมาในทันที
“คลิปมันตั้งนานแล้ว ตั้งแต่สมัยเรายังอยู่มหาฯลัยโน่นแน่ะ เพื่อนๆ มันเปิดดูกัน เราก็เลยอยากรู้กับเขาบ้างเฉยๆ ลูกไม้อย่าทำหน้างั้นดิ้ เดี๋ยวนี้เราไม่ได้ดูอะไรแบบนั้นแล้ว” โมรีบกระเถิบตามประชิดตัวเธอพร้อมกับเอื้อมมือไปดึงแขนเธอไว้ไม่ให้หนีไปไหน
“ลามกจกเปรต พวกผู้ชายก็เป็นซะแบบนี้” ลูกไม้กล่าวอย่างมีอารมณ์ ตัวเธอเองก็เป็นแอร์โฮสเตสคนหนึ่ง พอนึกว่ามีเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกันถูกล่วงละเมิดจากเพศตรงข้าม หญิงสาวก็เลยอดรู้สึกโกรธเคืองคู่สนทนาไม่ได้ แม้จะรู้ว่าคนที่ทำเรื่องพวกนั้นไม่ใช่เขาก็เถอะ แต่แค่เป็นคนดู ก็ถือว่าตัวเขามีส่วนสนับสนุนของผิดกฎหมายพวกนั้นแล้ว
“น้าๆ ลูกไม้อย่าโกรธดิ เราขอโทษแล้วไง ก็บอกแล้วว่าเดี๋ยวนี้เราไม่ได้ดูอะไรพวกนั้นแล้ว เชื่อเราสิ นะๆ ดีกันนะ” โมใช้ท่อนแขนอันแข็งแรงรวบร่างเธอเข้ามากระชับกอดเอาไว้จนแน่น พร้อมกับก้มหน้าลงไปซุกไซ้หอมที่หัวไหล่ของหญิงสาว จนเธอออกอาการดีดดิ้นเพราะจั๊กจี้
“ไม่ต้องเลย... ไม่ต้องมาใกล้... พวกผู้ชายลามก...” ลูกไม้บ่นอุบอิบ พร้อมกับแสดงอาการดิ้นขัดขืนน้อยๆ อยู่ใต้อ้อมแขนของเขาแบบพอเป็นพิธี พอเห็นดังนั้นแล้วชายหนุ่มจึงเริ่มแน่ใจว่าอีกฝ่ายคงเริ่มใจอ่อนผ่อนปรนให้บ้างแล้ว เขาจึงจัดการพรมจูบลงไปที่ซอกคอขาวๆ ของเธอ พร้อมกับใช้มือข้างเดิมคอยบีบลูบไล้ไปตามท่อนแขนอันอ่อนนุ่มเป็นระยะๆ
“อือ... ออออ อย่าซี่... มันจั๊กจี้ ทำไรเนี่ย? ทะลึ่ง... โม... พอแล้ว...” ลูกไม้หลับตาพริ้ม ตัวสั่นสะท้านเพราะถูกชายหนุ่มรุกประชิดเข้าหาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว เลือดลมในกายก็พลอยร้อนผ่าววูบวาบ ขนลุกขันชัน ใจเต้นระส่ำโครมครามไม่เป็นจังหวะ
“ไหนๆ ก็อยู่กันสองคนแล้ว ขอเรากอดหอมให้หายคิดถึงหน่อยนะ กว่าจะมีเวลาได้อยู่ด้วยกันแบบนี้” โมอ้อนของ่ายๆ ปากก็พรมจูบไล่ขึ้นไปถึงพวงแก้มนุ่มนิ่มที่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อของเธออย่างช้าๆ เมื่อถึงจุดหนึ่งเขาก็จัดการใช้มือประคองใบหน้าเธอให้เอี้ยวเข้าหา และจัดการโน้มใบหน้าเข้าไปประกบจูบที่ริมฝีปากของเธอโดยตรง ทำเอาร่างของลูกไม้ถึงกับสั่นเทิ้ม เนื้อกายกระตุกวูบวาบเหมือนคนโดนไฟช็อตเข้าไปในทันที
“อือ... อออออออ” ลูกไม้ครางอืมออกมาในลำคอ ขณะถูกโมใช้ปากไล่บดบี้ขยี้ลงไปยังริมฝีปากเรียวบางเป็นกระจับของเธอ เสียงดังจ๊วบ... บบบ จ๊วบ... บบบบ ฟังชัดเสนาะหู รสจูบอันหอมหวานทำให้หญิงสาวถึงกับใจเตลิดจนลืมโกรธไปชั่วขณะ เปิดช่องว่างให้ชายหนุ่มสามารถรุกเร้าใส่เธอ ด้วยการสอดลิ้นคว้านเข้าไปในโพรงปากของเธออย่างหื่นหิว เล่นเอาสาวสวยถึงกับตัวสั่น ส่งเสียงร้องครางอื้ออึงดังๆ อยู่ในลำคอด้วยอารามตื่นเต้น ลิ้นน้อยๆ ของเธอนั้นถูกลิ้นของเขาไล่ฉกไล่ต้อนไปมาอย่างหมดหนทางหนี สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนให้เขาใช้ลิ้นเกี่ยวกระหวัดรัดพันลิ้มรสชาติความหอมหวานจากน้ำลายเธอจนสาสมใจ
การจู่โจมอันดุดันในโพรงปากทำให้หญิงสาวไม่ทันตระหนักเลยว่าบัดนี้เสื้อเชิ้ตของเธอมันได้ถูกนิ้วมือของชายหนุ่ม จัดการปลดเปลื้องเม็ดกระดุมออกไปจนเกือบจะหมดสิ้นแล้ว ก่อนที่เขาจะใช้อุ้งมือข้างเดียวกันกับที่กำลังตระกองกอดร่างเธออยู่นั้น ค่อยๆ สอดสำรวจล้วงเข้าไปยังเนื้อกายอันเนียนนุ่มใต้ร่มผ้าของเธออย่างช้าๆ พอฝ่ามือแตะสัมผัสเข้ากับเนื้อผ้าของยกทรง ชายหนุ่มก็จัดการออกแรงบีบขยำลงไปเบาๆ โดยตั้งใจให้เป็นการสัมผัสที่นุ่มนวลและอ่อนโยนที่สุด เพื่อไม่ให้หญิงสาวแสดงอาการต่อต้านขัดขืน
พอเห็นว่ารุกช่วงบนได้สำเร็จ ชายหนุ่มที่กำลังได้ใจจึงเอื้อมมืออีกข้างที่ว่างอยู่ วางแหมะลงไปบนหน้าขาอันเรียบเนียนของหญิงสาว และเริ่มลูบไล้ไปมาเบาๆ เพื่อปลุกอารมณ์เธอ ฝ่ามือเขาค่อยๆ ลูบสูงขึ้น... สูงขึ้น... จนกระทั่งปลายนิ้วกำลังจะแตะถูกเข้ากับจุดสงวนด้านนอกกางเกงของเธออยู่รอมร่อ ทว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าว กลับกลายเป็นการเรียกสติของหญิงสาวที่กำลังกระเจิดกระเจิง ให้กลับคืนมาสู่สภาพการณ์ปัจจุบันอีกครั้ง เธอจึงพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีอยู่ และจัดการผลักร่างของเขาให้ขยับถอยห่างออกไป พร้อมกับการจูบที่จำต้องยุติลงไปพร้อมๆ กันเป็นการชั่วคราว
“อ้าว... ทำไมอ่า?” โมครวญถามอย่างเสียดาย อารมณ์ของเขามันกำลังไต่ระดับสูงได้ที่อยู่แล้วเชียว
“ถ้าเราจะเดินหน้ากันต่อ... เค้าขอไปอาบน้ำให้สะอาดก่อนได้มั้ย ไม่อยากทำทั้งๆ ที่ยังตัวเลอะอยู่” ลูกไม้จ้องตาตอบกลับมา ใบหน้าเธอกลายเป็นสีแดงจัด แววตาก็ดูเคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศอันเร่าร้อนที่เขาพยายามจุดขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอก เราไม่ติดอะไรเลย ลูกไม้ไม่ต้องห่วง” ชายหนุ่มรีบออกตัว รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นมาเมื่อรู้ว่าเธอเองไม่ได้คิดที่จะปฏิเสธอะไร เพียงแต่ไม่มั่นใจในความสะอาดของตนเองเท่านั้น ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหาใดๆ สำหรับเขาเลยแม้แต่น้อย
“โมไม่ติด แต่เค้าติดนี่” ลูกไม้เอ่ยย้ำ ก่อนจะใช้มือรวบชายเสื้อทั้งสองด้านเข้าหากัน แล้วผุดลุกขึ้นจากโซฟา ก่อนจะเดินหนีผ่านประตูกระจกเข้าไปยังห้องนอน
“แป๊บเดียว ไม่นานหรอก รอเค้านะ” เธอหันมาส่งยิ้มเขินๆ ให้เขา
“โอเคๆ รอๆ” โมพยักหน้ายิ้มตอบ มาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้เธอจะใช้เวลาเข้าไปเสริมสวยจนมั่นใจเป็นชั่วโมงๆ เขาก็ยินดีที่จะรอได้
ทว่าเอาเข้าจริงๆ ชายหนุ่มนั่งลุกลี้ลุกลนอยู่บนโซฟาได้ราวๆ 5 นาทีก็เริ่มรู้สึกอดรนทนไม่ไหว เสียงน้ำจากฝักบัวที่ดังแว่วออกมาจากห้องน้ำก็ดูไม่มีทีท่าว่ามันจะหยุดลงสักที เป้ากางเกงยีนส์ของเขาตอนนี้มันก็ออกอาการบวมเป่งคับแน่นจนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว สุดท้ายเมื่ออดทนรอไม่ไหว เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไปเคาะประตูห้องน้ำพร้อมกับร้องเรียกหาเธอ
“ลูกไม้” โมเรียกชื่อเธอ พลางใช้หลังมือเคาะประตูดังเป็นจังหวะ ก๊อก ก๊อก ก๊อก รออยู่ครู่หนึ่ง บานประตูก็เปิดออก พร้อมกับใบหน้าสวยหวานระคนสงสัยของลูกไม้ที่โผล่ลอดออกมาจากช่องประตู
“มีไรเหรอ?” ลูกไม้เอ่ยถามเสียงใส ผิวกายเธอชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำที่ยังเกาะพร่างพราวอยู่ เส้นผมมัดรวบเป็นทรงเรียบร้อย และร่างกายเปลือยเปล่าก็ถูกซุกซ่อนเอาไว้ใต้ผ้าขนหนูกระโจมอกที่แสนเกะกะสายตา
“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอเราอาบด้วยคนสิ” โมเอ่ยขอแบบหน้าด้านๆ พลางรูดเสื้อยืดที่สวมอยู่ออกพ้นหัว อวดเรือนร่างกำยำใหญ่หนา ที่บัดนี้เริ่มจะมีไขมันส่วนเกินปรากฏให้เห็นผิดไปจากในสมัยก่อน
“หื้อ!? ไม่เอา เค้าไม่ชอบอาบน้ำกับคนอื่น” ลูกไม้ปฏิเสธทันควันหน้าตาตื่น พร้อมกับใช้มือดันบานประตูปิด แต่ทว่าเจ้าหนุ่มหื่นนั้นช่างไวทายาด รีบเอื้อมมือไปผลักดันบานประตูสวนไว้ โดยไม่ยอมให้เธอปิดมันลงได้ง่ายๆ
“เดี๋ยวเราช่วยถูหลังให้ไง” ชายหนุ่มยังไม่เลิกละความพยายาม
“ไม่เอาๆๆ ยังไงก็ไม่เอา” สาวเจ้ายืนกรานปฏิเสธท่าเดียว ก่อนที่สุดท้ายแล้วเธอจะใช้มือผลักใบหน้าของเขาให้กระเด็นถอยห่างออกไปจากบานประตูได้ในที่สุด จากนั้นเธอก็รีบงับบานประตูปิดสนิททันที พร้อมกับกดล็อกประตูห้องน้ำไว้อย่างแน่นหนา
“โธ่! ลูกไม้อ่ะ! ใจร้าย” เขาส่งเสียงโอดครวญด้วยความเสียดาย
“ฮิฮิ คนลามก ไปนั่งรอเลยนะ เดี๋ยวจะเสร็จแล้ว อีกแป๊บเดียว” หญิงสาวส่งเสียงร้องตอบออกมาอย่างอารมณ์ดีจากหลังบานประตู
ไม่ถึง 5 นาที ลูกไม้ก็อาบน้ำเสร็จ เธอนุ่งกระโจมอกเดินออกมาหาโมที่นั่งเปลือยอกรอเธออยู่บนเตียงนอน
“โมจะเข้าไปล้างตัวหน่อยมั้ย?” ลูกไม้กล่าวด้วยสีหน้าขวยเขิน
“ลูกไม้มีผ้าขนหนูให้เรามั้ย?” โมถามกลับ
“ไม่ต้องอาบทั้งตัวก็ได้นะ เอ่อ... แค่ล้างข้างล่างให้สะอาดก็พอ” หญิงสาวพูดมาถึงตรงนี้ก็ยิ่งแสดงอาการเคอะเขินมากขึ้นไปอีก
“เดี๋ยวก่อนนะ ที่ให้เราไปล้างนี่... หรือว่าลูกไม้ตั้งใจจะชิมมันเหรอ?” ชายหนุ่มพึ่งนึกออกว่าเธอกำลังพยายามจะบอกอะไรกับเขา
“ทะลึ่ง! พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว เข้าไปล้างไวๆ เลยไป” หญิงสาวแหวใส่ ก่อนจะดึงแขนให้เขาลุกขึ้น แล้วรีบดันตัวเขาเดินเข้าห้องน้ำไปด้วยความร้อนรน
และเมื่อโมจัดการทำความสะอาดให้ตัวเองเสร็จ เขาก็พบว่าลูกไม้นั้นยังคงนั่งรอเขาอยู่บนเตียงนอนในสภาพเดิม คือมีเพียงผ้าขนหนูกระโจมอกเพียงผืนเดียว ที่เป็นปราการขวางกั้นระหว่างตัวเขากับเรือนร่างเปลือยเปล่าซึ่งเขาแอบใฝ่ฝันถึงมาเนิ่นนานนับเดือน
“ว้าย! โม! ทำไมเดินโป๊ออกมาแบบนี้!?” ลูกไม้ร้องอุทานเสียงหลงเมื่อพบว่าชายหนุ่มนั้นเดินกลับออกมาในสภาพเปลือยเปล่าล่อนจ้อน ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวแม้แต่ชิ้นเดียว เธอรีบยกสองมือขึ้นป้องหน้าปิดตาไว้ด้วยอาการเขินอายสุดขีด แม้จะเป็นเพียงเสี้ยววินาที แต่มันก็นานพอที่เธอจะทันเห็นถึงสภาพอาวุธรบอันใหญ่โตของเขาที่กำลังแข็งตระหง่านชูชันแบบเต็มที่
“ก็เดี๋ยวต้องถอดอยู่แล้ว เราก็เลยขี้เกียจใส่ๆ ถอดๆ ง่ะ” โมเอ่ยหน้าตาเฉย ขณะเดินตรงปรี่มานั่งประชิดเธอที่เตียง พอหญิงสาวรู้ว่าเขาเข้ามานั่งใกล้ๆ เธอก็พยายามที่จะกระเถิบร่างหนีออกไปห่างๆ ซึ่งเจ้าหนุ่มก็คอยกระเถิบตามเรื่อยๆ จนสุดท้ายหญิงสาวก็หนีไปเจอทางตันเมื่อชนเข้ากับผนังหัวเตียงนอน
“จ๊ะเอ๋ จะหนีเราไปหนาย?” โมเอ่ยปากแซวเธอ พร้อมกับอ้าแขนโอบกอดร่างเธอด้วยความสิเน่หาที่ล้นอก
“หื้อ! โมอ่ะ... โป๊” ลูกไม้ทำหน้าเอียงอายหลบตา ไม่กล้ามองร่างอันเปลือยเปล่าของเขาแบบชัดๆ แต่ก็ยินยอมที่จะนั่งเฉยๆ ให้เขาได้กระชับอ้อมกอดตามใจชอบ ความรู้สึกอบอุ่นและแนบแน่นจากผิวกายที่เบียดแนบชิดกัน มันค่อยๆ แผ่ซ่านไปทั่วกายเธอ ทั้งๆ ที่เนื้อตัวเธอยังเปียกชุ่มไปด้วยหยดน้ำที่เกาะพร่างพราวอยู่แท้ๆ
“ลูกไม้ตัวหอมดีจัง” ชายหนุ่มเอ่ยชม พลางก้มหน้าลงไปดอมดมกลิ่นกายสาวที่บริเวณหัวไหล่ของเธอด้วยความชื่นใจ
“กลิ่นครีมอาบน้ำล่ะมั้ง อือ... โมอ่ะ... ทะลึ่งจัง” หญิงสาวออกอาการอายม้วน
“ขอเราชมหุ่นลูกไม้ชัดๆ นะ นะๆ” โมเอ่ยปากอ้อนขอ มือก็เอื้อมไปเตรียมจะกระตุกปมผ้าขนหนูของเธอออก หญิงสาวที่รู้ตัวก่อนจึงออกแรงยื้อยุดฉุดมือเขาไว้ก่อน ซึ่งหากชายหนุ่มตั้งใจออกแรงจริงจัง ก็ไม่มีทางเลยที่เธอจะสามารถต้านทานพละกำลังของเขาได้
“โอ๊ย โม เค้าอายง่า” ลูกไม้โอดครวญเสียงอ่อน เมื่อโดนรุกไล่มาจนสุดทางที่จะหนีไปไหนได้อีกแล้ว
“อายอะไร ลูกไม้สวยจะตาย หุ่นก็ดี ไม่มีอะไรต้องอายหรอก อ่ะ ไม่งั้นเราหลับตาให้ก็ได้” ชายหนุ่มเสนอทางออก แล้วตัดสินใจหลับตาลง พอหญิงสาวได้ยินดังนั้นจึงแอบเงยหน้าขึ้นมองว่าเขากำลังหลับตาอยู่จริงๆ รึเปล่า
พอเห็นเปลือกตาที่ปิดสนิททั้งสองข้างของโม ลูกไม้จึงออกอาการโล่งใจขึ้นมาหน่อย และทันใดนั้นเอง สัญชาตญาณแห่งความอยากรู้อยากเห็น ก็ทำให้หญิงสาวรีบฉวยจังหวะที่ชายหนุ่มกำลังหลับตาอยู่ ก้มหน้าลงไปมองสำรวจที่อาวุธประจำกายของเขาอีกครั้งแบบจะแจ้งเต็มสองตา ขนาดอันมหึมาของมันนั้นยังคงสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเธอได้ทุกครั้งที่เห็น แม้ว่าความรู้สึกโดยรวมจะไม่ได้ทำให้เธอประหวั่นพรั่นพรึงเหมือนอย่างที่พบเจอเป็นครั้งแรก เมื่อสมัยที่ยังเป็นเด็กสาวไร้เดียงสา แต่เมื่อได้มานั่งจ้องมองมันอยู่ใกล้ๆ ห่างไปแค่ไม่ถึงคืบ หญิงสาวก็ตระหนักได้ทันทีว่าอาวุธประจำกายของชายหนุ่มนั้นไม่ได้น้อยหน้าหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวที่เธอเคยประสบพบเจอมาเลยแม้แต่น้อย นี่สินะ ‘คนไทย ถ้าตั้งใจทำอะไรก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก’ เธอแอบเล่นมุกอยู่คนเดียวในหัว
แท่งเนื้อที่ตั้งตรงเด่และแข็งตระหง่านนั้นราวกับมีเวทมนตร์คอยสะกดให้เธอไม่สามารถละสายตาจากมันได้ และแล้วโดยไม่ทันตระหนักรู้ตัว หญิงสาวก็ค่อยๆ ยื่นมือขวาข้างถนัดของตนเอง เอื้อมลงไปคว้าหมับจับสำรวจเข้าที่กลางลำโคนแบบเต็มเปา สัมผัสที่แกร่งแข็งและอุ่นร้อนนั้นแผ่ซ่านอยู่เต็มอุ้งมือเธอ ในยามที่หญิงสาวออกแรงบีบกำมันลงไปเบาๆ พร้อมกับเสียงครางสยิวที่ดังลอดออกมาจากลำคอของชายหนุ่ม พอเจอดอกนี้เข้าไป หนุ่มโมจึงไม่อาจทนหลับตาอยู่ดังเดิมได้ เขารีบเบิกตามองลงไปที่ร่างกายส่วนล่างของตนเอง พอพบว่าอาวุธประจำกายดุ้นเก่งนั้นถูกอุ้งมือของหญิงสาวยึดครองเอาไว้ ชายหนุ่มก็หลุดอมยิ้มน้อยๆ ออกมา
“ขี้โกงนี่... ไม่ยอมให้เราดู แต่แอบมาจับไอ้หนูเราซะงั้น” โมหันไปแซวเธอ
“อ๊ะ! ขอโทษ เค้าลืมตัว แฮ่ ไม่ได้เจอกันนาน มันเผลอไปหน่อย” ลูกไม้ที่ถูกจับได้แบบคาหนังคาเขา จึงได้แต่ฉีกยิ้มยิงฟันด้วยอาการเคอะเขิน แต่ทว่าอุ้งมือของเธอนั้นยังคงจับประคองอยู่ที่แก่นกายของเขาโดยไม่ยอมคลายมือออกไปง่ายๆ
“ซนจริงๆ มา! ให้เราจับคืนเลย” ชายหนุ่มกล่าวรวบรัด ก่อนจะใช้มือดึงกระตุกปมผ้าขนหนูของเธอพรวดเดียวหลุดออก ยังผลให้สาวเจ้าหลุดปากร้องวี้ดว้ายออกมาเบาๆ เมื่อเรือนร่างเปลือยเปล่าที่ขาวโพลนของเธอนั้นมันค่อยๆ ปรากฏแก่สายตาของชายหนุ่ม
ผิวกายที่เรียบเนียนไร้ริ้วรอย ขับเสริมให้ทรวดทรงที่เพรียวบางอยู่แล้วนั้นดูสวยเด่นสะดุดตาขึ้นไปอีก หน้าอกหน้าใจขนาดคัพบี ไม่ใหญ่และไม่เล็กจนเกินไป เป็นขนาดมาตรฐานของหญิงไทย หน้าท้องราบเรียบมาพร้อมร่องสะดือโบ๋ มีไขมันนิดๆ พอให้ดูนุ่มนิ่มน่าหยิกสัมผัส น่าเสียดายที่ร่างกายท่อนล่างของเธอนั้นยังคงถูกซุกซ่อนอยู่ภายใต้กองผ้าขนหนูที่ร่วงลงไปบังทับไว้แบบพอดิบพอดี แต่แค่ทรวงเต้าขาวผ่องที่เผยโฉมออกมานั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ชายหนุ่มถึงกับเบิกตากว้างด้วยความประทับใจ ก่อนที่สองมือของเขามันจะรีบรุกเข้าไปประจำตำแหน่งที่ก้อนเนื้อนุ่มนิ่มขนาดเหมาะเจาะทั้งสองข้าง พร้อมกับออกแรงบีบขยำเข้าไปเต็มรัก
“อือ... ออออ โมง่า...” ลูกไม้ส่งเสียงครวญสยิวเมื่อเรือนร่างตกเป็นเป้าสัมผัสจากนิ้วมือของอีกฝ่าย
“ใหญ่ขึ้นป่ะเนี่ย?” โมถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น สัมผัสอ่อนนุ่มในอุ้งมือนั้นแม้จะไม่ได้ถึงขั้นใหญ่โตเต็มไม้เต็มมือ แต่ก็ถือว่ามีอะไรให้สำรวจจับอยู่ไม่น้อยทีเดียว
“มันก็เท่าเดิมนั่นแหละ อือ ซี้ดส์... สสสส โอ๊ย อย่าคลึงแบบนั้นซี่ โมนี่...” หญิงสาวครางตอบ เธอไม่อยากตกเป็นฝ่ายถูกเล่นงานข้างเดียว จึงตัดสินใจออกแรงถอกดุ้นเนื้อในมือขึ้นลงเป็นการตอบโต้ ทำเอาเจ้าหนุ่มถึงกับสูดปากครางเลยทีเดียว
“อุ๊! ซี้ดส์... สสสส ดีจัง ชักแรงๆ เลยก็ได้นะลูกไม้” เขาเอ่ยเร่งเร้า ทำให้เธอยิ่งเพิ่มน้ำหนักการกระตุกข้อมือหนักขึ้นไปอีก
ชายหนุ่มเฝ้าสังเกตการกระทำของหญิงสาวด้วยความสนอกสนใจ มือเขาก็ยังคงออกแรงนวดเฟ้นเล่นที่หน้าอกเธอไม่ขาด แต่ดวงตากลับจับจ้องมองอยู่ที่อุ้งมือของหญิงสาวแบบไม่วางตา ทั้งการขยับเคลื่อนไหวข้อมืออย่างเป็นจังหวะ การใช้นิ้วกดคลึงบี้ลงไปที่ปลายหัว ไม่เว้นแม้แต่การเร่งจังหวะสลับช้า-เร็ว ทั้งเบาบางและหนักแน่น สิ่งที่เห็นล้วนบ่งบอกว่าลูกไม้ได้เรียนรู้วิถีทางแห่งความเป็นหญิงเต็มกายมาบ้างแล้ว อย่างน้อยๆ เธอก็ดูเชี่ยวชาญและมั่นอกมั่นใจกับการกระทำของตนเอง มากกว่าครั้งสุดท้ายที่เขาเคยมีอะไรกับเธอแน่ๆ พอลูกไม้สังเกตเห็นว่าเขาเอาแต่นั่งจ้องมองมือเธออยู่ หญิงสาวจึงเอ่ยถามออกมา
“มองไรเนี่ย? ตาแป๋วเลย เค้าทำไรผิดเปล่า?” ลูกไม้เอ่ยถาม พลางหยุดการเคลื่อนไหวของอุ้งมือไว้เพียงเท่านั้น
“เปล่าๆ ไม่ได้ทำไรผิดหรอก กำลังนึกในใจว่าลูกไม้เก่งขึ้นเยอะเลยนะ ไปได้ครูดีมาจากไหนเนี่ย?” โมถามพร้อมกับอมยิ้ม
“แหม... ก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ มันก็ต้องทำเป็นบ้าง ของแบบนี้” หญิงสาวหัวเราะเขิน แล้วตั้งท่าจะออกแรงสาวให้เขาต่อ
“มา ให้เราตอบแทนคืนบ้าง” ชายหนุ่มเบรกเธอไว้ แล้วใช้สองมือดันร่างเธอให้นอนหงายราบไปกับที่นอน
“อุ๊ย! โม ทำไรง่ะ?” หญิงสาวเจ้าของห้องเอ่ยถามอย่างตกใจ แต่ครู่เดียวเธอก็เดาได้ เมื่อเห็นชายหนุ่มตามขึ้นมาประกบคร่อมร่างอยู่บนตัวเธอ พร้อมกับโน้มใบหน้าลงไปหาเนินอกอันเปลือยเปล่า
“ขอเราชิมหน่อย” โมเอ่ยเท่านั้น ก่อนจะจัดการอ้าปากงับลงไปที่จุกยอดปทุมถัน พร้อมกับออกแรงดูดนมเธอเบาๆ เท่านั้นร่างเพรียวบางของลูกไม้ก็สั่นสะท้าน บิดกายดิ้นเร่าๆ หลุดปากส่งเสียงร้องครวญครางออกมายาวๆ ด้วยความกระสันเสียว
“โอ๊ย! โม อือ... อออออ เค้าเสียว... ววววว ซี้ดส์ อือ... ออออ” หญิงสาวร้องครางกระเส่า ปลายเล็บกดจิกลงไปทั่วทั้งแผ่นหลัง ลำคอ และหัวไหล่ของเขา แล้วแต่ว่าอารมณ์มันจะพานิ้วมือเธอเตลิดไปหยุดที่ตรงไหน ยิ่งเธอร้องดังเท่าไหร่ ชายหนุ่มก็ดูเหมือนจะยิ่งออกแรงเม้มดูดที่จุกถันอย่างตะกรุมตะกรามมากขึ้นเท่านั้น พร้อมๆ กับใช้นิ้วมือทั้งสิบออกแรงบีบขยำก้อนเนื้อรอบๆ เพื่อช่วยกระตุ้นอารมณ์เธอไปด้วย
“โอ๊ย พอแล้วๆ” ลูกไม้ร้องบอกเสียงหลง พร้อมกับออกแรงผลักใบหน้าของเขาออกห่างจากกายเธอ ทรวงอกที่เคยขาวโพลนราวหิมะนั้นบัดนี้มีสีแดงแปดเปื้อนเป็นรอยจ้ำๆ ทั้งจากการถูกดูดและบีบขยำของนิ้วมือชายหนุ่ม ร่างเธอหอบสะท้านอย่างเหนื่อยอ่อน ใบหน้ากลายเป็นสีแดงเรื่อๆ จากเลือดลมที่สูบฉีดพลุ่งพล่านอย่างหนักหน่วง มันเป็นภาพที่แสนจะสวยงามจนทำให้แก่นกายของชายหนุ่มถึงกับเกร็งกระตุกหงึกๆ ด้วยอาการสั่นสู้สุดขีด
“เสียวเกินไปเหรอ?” โมเอ่ยถามยิ้มๆ
“อือ ไม่ไหวแล้วอ่ะ ถ้าโมจะทำ... ก็ทำเลยเถอะ” หญิงสาวบอกเขินๆ รู้สึกเหนียวเหนอะหนะและร้อนผ่าววูบวาบไปทั้งกาย
“ลูกไม้แน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าจะไม่เสียใจ ที่เลือกคบกับเราแบบนี้?” โมเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เขาต้องการฟังคำยืนยันจากปากของเธอเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป
“โม... เค้าโตแล้วนะ เค้ารู้ว่าอะไรมันเป็นอะไร แยกแยะได้ โมไม่ต้องเป็นห่วงเค้าหรอก โมเองนั่นแหละ อย่าเผลอมาหลงเสน่ห์ เผลอรักเค้าเข้าจริงๆ ก็แล้วกัน” ลูกไม้เอ่ยแล้วก็ยิ้มยิงฟันแหย่เขา ชายหนุ่มจึงพยักหน้ายิ้มรับน้อยๆ ถ้านั่นคือสิ่งที่เธอต้องการจริงๆ เขาก็จะไม่เสียเวลาไปขัดขวางใจเธออีก
“โอเค” ชายหนุ่มตอบ แล้วลุกเดินไปหยิบเอาเครื่องป้องกันมาสวมใส่ให้ไอ้หนูของตนเองจนเสร็จสรรพ ก่อนจะกลับมาหาเธอที่เตียง
“เอานะ?” โมถามความพร้อมของเธอ พอเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าน้อยๆ เขาจึงรุดเข้าประชิดร่างเธอ หญิงสาวออกอาการเอียงอายขวยเขิน พยายามดึงผ้าขนหนูมาปิดคลุมร่างกายตนเองไว้แบบหลวมๆ พอไม่ให้ดูน่าเกลียด แต่ชายหนุ่มผู้กำลังหื่นจัดก็จัดการใช้มือกระตุกมันออก แล้วเหวี่ยงทิ้งลงไปข้างล่างเตียงอย่างไม่ใยดี พร้อมกับใช้สายตากวาดสำรวจมองเรือนร่างอันขาวกระจ่างของเธอด้วยความตื่นตาตื่นใจ แม้ว่าจุดสงวนทั้งบนและล่างจะมีท่อนแขนของหญิงสาวคอยปิดบังไว้อยู่ก็ตาม
“เปิดเดี๋ยวนี้คนสวย” โมแกล้งพูดขู่เธอด้วยน้ำเสียงหื่นกระหาย พลางทำมือขยำกลางอากาศทั้งสองข้าง
“ม่ายอ๊าว เค้าอาย” ลูกไม้ออกจริตจะก้าน ดิ้นขัดขืนยุกยิกๆ อยู่บนเตียงนอนอย่างน่ารักน่าชัง ยิ่งทำให้ชายหนุ่มเกิดอารมณ์อยากพิชิตเรือนร่างเธอหนักขึ้นไปอีก
“ก็บอกให้เปิดไง นี่แน่ะ” ชายหนุ่มพูดซ้ำ พลางเอามือไปดึงข้อมือเธอออกพร้อมกันทั้งสองข้าง พลันเต้านมเปลือยเปล่า กับร่องสาวอวบอูมที่ปากทางเข้ายังดูปิดแนบชิดกัน มีเส้นแพรไหมบางเบาที่ถูกตัดแต่งไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย ก็ปรากฏออกมาแก่สายตาของชายหนุ่ม ภาพที่เห็นทำให้เขาถึงกับเผลอกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก!
โมไม่รอช้าอีกแล้ว เขารีบพุ่งกายมุดตัวลงไปเยี่ยมเยียนเนินสาวของเธอที่กลางหว่างขาด้วยความเร็วราวกามนิตหนุ่ม จนหญิงสาวเจ้าของห้องถึงกับร้องวี้ดว้ายออกมาเบาๆ เพราะตกใจกับท่าทีอันเร่งรีบของเขา จากนั้นชายหนุ่มก็ใช้มือขวาที่ตนเองถนัด ออกแรงดันแง้มหน้าขาอวบอิ่มของลูกไม้ให้กางถ่างออก ตามด้วยศอกซ้ายที่คอยค้ำยันต้นขาอีกด้านของเธอเอาไว้ ทำให้กลีบเนื้อที่เคยปิดแนบสนิท มันค่อยๆ ถูกระยะห่างของต้นขาทั้งสองข้าง ดึงปริให้เปิดแง้มอ้าออกมาทีละน้อยๆ พร้อมๆ กับเนื้อกายสาวอ่อนนุ่มสีแดงอมชมพูที่เผยอตัวออกมาทักทายสายตาคนดู
“ซี้ดส์... สสสส ลูกไม้... ทำไมลูกไม้ถึงเนียนไปทั้งตัวแบบนี้?” โมเอ่ยออกมาด้วยอาการเพ้อ ตาก็จ้องมองภาพอุโมงค์ถ้ำที่เขาเคยย่างกรายเข้าไปเมื่อสมัยที่ยังเป็นเด็กวัยรุ่นหัวเกรียนมาก่อน บัดนี้ตัวเขาเองกำลังจะมีโอกาสได้กลับเข้าไปสำรวจพื้นที่ภายในของมันอีกครั้ง ท่อนเอ็นที่แข็งปั๋งอยู่แล้วก็ยิ่งออกอาการหดเกร็งจนรู้สึกปวดตึงไปทั้งท่อนลำ
“โอ๊ย โม... ทำไมทำแบบนี้ ฮือ... ออออ มันน่าอาย” ลูกไม้ร้องโอดครวญ พลางยกมือทั้งสองข้างมาปิดหน้าตัวเอง ในเมื่อปิดตาเขาไม่ได้ เธอก็ขอเลือกที่จะปิดตาตัวเองไม่ต้องมองเห็นภาพอันชวนกระดากเขินนั้นแทนดีกว่า
และเพราะลูกไม้ไม่ได้ลืมตามองอยู่ เธอจึงไม่รู้เลยว่าบัดนี้ใบหน้าของชายหนุ่มนั้นมันกำลังค่อยๆ คืบคลานเข้าไปจ่อประชิดกับร่องสวาทที่มีสภาพฉ่ำชื้นน้อยๆ ของเธอ กระทั่งริมฝีปากและปลายจมูกของเขามันอยู่ห่างจากกลีบเนื้อด้านนอกแค่เพียงไม่ถึงคืบ ลมหายใจอุ่นๆ ที่พ่นออกมาทางจมูกนั้นลอยละล่องเล้าโลมไปตามร่องเนินเขาอันอวบอูม โล้ไปยังหุบเหวด้านล่าง เลื้อยไปตามง่ามขา จนกระทั่งเมื่ออดใจไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ชายหนุ่มจึงตัดสินใจหลับตาลง และยื่นหน้าเข้าไปประทับจูบเข้าที่กลางร่างเธอ เสียงดัง ‘จ๊วบ... บบบบบบ’ จากนั้นก็ออกแรงตวัดลิ้นแลบชิมรสชาติน้ำสวาทที่เกาะเยิ้มติดอยู่ด้านนอกทางเข้า ทำเอาร่างเพรียวบางนั้นถึงกับเกร็งกระตุกเฮือกๆ แอ่นเชิดหน้าร้องครางออกมาดังๆ ยาวๆ แบบสุดลำคอ
“อู๊ย... ยยยยยย ซี้ดส์... โม... มมมมมม อ๊าย... ม... มันเสียว... วววววว ฮือ...” ลูกไม้ครางสุดเสียง ทั้งดิ้นทั้งเด้งหนีการจู่โจมจากปลายลิ้นชายหนุ่ม สัมผัสที่เกิดขึ้นตรงกลางร่างนั้นราวกับมีใครบางคนกำลังเอาสายฟ้ามากดจี้ใส่ร่างเธอ แต่ละครั้งที่ลิ้นของเขาฉกโดนจุดอ่อนไหว ความรู้สึกเสียวแปลบๆ ราวกับไฟช็อตก็จะแล่นวาบ ไล่จากร่องเสียวพุ่งเลยขึ้นไปถึงสมอง จนหูตาเธออื้อลายไปหมด สองมือจิกขยุ้มลงไปบนเส้นผมของเขาเพื่อขับระบายอารมณ์อัดอั้นอย่างลืมตัวลืมใจ ปากที่ขบเม้มนั้นแทบสะกดกลั้นเสียงร้องครางโหยหวนที่ฟังดูหลงคีย์ไว้ในลำคอแทบไม่อยู่
ชายหนุ่มบรรจงกวาดลิ้นแตะลงไปที่ปุ่มเสียวด้านนอกของเธอเบาๆ ร่างงามนั้นสะดุ้งเฮือก เผลอเบียดกายอัดใส่ใบหน้าเขาโดยอัตโนมัติ ยิ่งกลายเป็นตัวกระตุ้นให้ชายหนุ่มก้มหน้าก้มตาลากลิ้นโลมเลียต่อเนื่อง ไล่ตั้งแต่กลีบเนื้อรอบนอกที่อ่อนนุ่ม ก่อนจะจัดการใช้นิ้วมือจับแหวกปากทางเข้าให้ถ่างอ้าออก มองเข้าไปเห็นถึงโพรงเนื้ออ่อนภายในที่ฉ่ำเยิ้มจนเปียกลื่นเป็นมันวาว ความยั่วยวนชวนฝันของมันทำให้เขาอดใจไม่ไหว ต้องรีบสอดลิ้นแยงเข้าไปชิมรสชาติจากเนื้อในกายเธออย่างเอร็ดอร่อย ทำเอาสาวเจ้าถึงกับดิ้นทุรนทุราย ร้องครางโหยหวนเสียงหลง เมื่อโดนลิ้นเข้าทั้งดุนทั้งคว้านเข้าไปแบบลึกสุดใจ
น้ำหวานจากร่างเธอนั้นช่างอร่อยล้ำ มันมีรสและกลิ่นเค็มๆ อ่อนๆ ที่มีเสน่ห์ในแบบฉบับเฉพาะตัว บางช่วงบางตอนก็ดูจะแอบซ่อนกลิ่นคาวในรสกายสาวฝังแนบมาตามลิ้นด้วย ยิ่งจังหวะที่โมพยายามออกแรงขบเม้มลงไปที่ปุ่มกระสันเสียวซึ่งบวมเป่งและปลิ้นแลบออกมาตรงส่วนบนของรอยแยก หยาดน้ำหล่อลื่นที่อร่อยลิ้นก็ดูจะยิ่งหลั่งไหลทะลักทลายออกมาเป็นระลอกคลื่นราวกับทำนบกั้นเขื่อนได้ถูกลิ้นและปากของเขาทะลวงตีจนแตกพ่าย ปากและลิ้นเขาทำงานไป ส่วนมือที่ว่างก็คอยบีบขยำเต้านม พร้อมกับคอยเขี่ยคลึงกระตุ้นที่ปุ่มเสียวด้านนอกของเธอไปด้วย เรียกว่าจู่โจมพร้อมกันถึงสามทิศทาง จนร่างงามนั้นได้แต่กระเด้งกระดอน แอ่นก้นยกลอยแทบไม่ติดเตียง
“อ๋อย ซี้ดส์... สสสส โม... ฮ้า... เค้าจะ... อือ... อออออ เค้าจะไม่ไหว... หยุดก่อนซี่... อาห์ ยังอีก... อ๊าย... ยยยยย เสียว... เค้าจะ... เค้าจะถึง... อ๊าย! ซี้ดส์... สสสสส ฮื้อ... ออออออ!!!” ลูกไม้ร้องครางไม่เป็นภาษา ดิ้นพล่านไปมาด้วยอาการทุรนทุราย ความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั่วกายในยามที่ต่อมร่านมันแตกโพละออกมาอย่างรุนแรง แข้งขาเธอสั่นกระตุกเฮือกๆ จนเนื้อเต้น สองมือขยุ้มจิกเส้นผมเขาแล้วดึงทึ้งแรงๆ พร้อมกับเบียดหน้าขาอัดใส่ใบหน้าและริมฝีปากของเขายิกๆๆ ในจังหวะที่ถูกลิ้นของชายหนุ่มไล่ฉกทะลวงจนพาเธอไต่ทะยานขึ้นถึงจุดสุดยอดไปแบบไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจ
โมเงยหน้าขึ้นมองร่างเปลือยเปล่าของลูกไม้ที่กำลังนอนแผ่หอบหายใจแฮ่กๆ ถี่ๆ แบบเหนื่อยอ่อนหมดสภาพ ตรงปากทางเข้าของอุโมงค์ถ้ำนั้นเปียกเยิ้มไปด้วยน้ำเสียวที่หลั่งทะลักออกมาเปรอะนองเต็มง่ามขา เลยลึกไปถึงซอกก้น ความเสียวสยิวที่จู่โจมอย่างรุนแรงและไม่เปิดโอกาสให้ได้ตั้งตัวรับมือ จัดการส่งสาวสวยเจ้าของห้องไปถึงฝั่งฝันตั้งแต่ยังไม่ทันจะถึง 5 นาทีดี หญิงสาวนั้นค่อนข้างมั่นใจว่าตนเองไม่ได้เป็นเพียงแค่เด็กสาวไร้เดียงสาผู้แสนจะอ่อนเชิง เหมือนเมื่อครั้งแรกที่พวกเขามีอะไรกันอีกแล้ว ทว่าทางฝั่งของชายหนุ่มเองกลับยกระดับฝีไม้ลายมือจนฉีกหนีไปไกล เกินกว่าที่เธอจะจินตนาการได้เสียนี่
“โอ๊ย โมอ่ะ... ทำไมไม่ยอมหยุด... เค้าถึงเลย ฮือ...ออออ เลอะเทอะไปหมดแล้วเนี่ย” ลูกไม้โอดครวญเมื่อเห็นคราบน้ำรักของตนเองที่เกาะอยู่รอบๆ ขอบปากของชายหนุ่ม เธอหอบหายใจแรงจนหน้าอกขนาดเหมาะเจาะนั้นสั่นกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจอย่างน่าดูชม ความเย้ายวนของมันทำให้ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะต้องเอื้อมมือไปบีบขยำมันเบาๆ อย่างสิเน่หา
“ดีแล้วนี่ เสร็จหลายๆ ที ลูกไม้จะได้มีความสุขหลายๆ รอบ” โมยิ้มหวาน พลางใช้มืออีกข้างปาดน้ำที่ติดรอบๆ ปากออกแบบลวกๆ เธอเสร็จไปแล้ว แต่เขายังไม่เสร็จ ดังนั้นชายหนุ่มจึงขยับตัวเข้าไปนั่งคุกเข่าแทรกกลางอยู่ตรงหว่างขาเธอ มือหนึ่งจับประคองอาวุธจ่อเข้าไปที่ปากถ้ำอันฉ่ำเยิ้ม ส่วนอีกมือคอยออกแรงดันหน้าขาเธอให้ง้างอ้าออก
“ซี้ดส์... สสสส อืม... มมม เบาๆ นะ ของโมใหญ่” ลูกไม้สูดปากร้องซี้ดส์เมื่อโดนชายหนุ่มเขี่ยปลายหัวบานอวบถูไถเข้ากับปากร่องเสียวของเธอไปมา บางจังหวะก็สะกิดถูกโดนเข้าที่ปุ่มกระสันอันบวมเป่ง ทำเอาร่างที่นอนอ่อนเปลี้ยเพลียแรงอยู่ถึงกับหดเกร็งขมวดขึ้นมาในทันใด
“เอาล่ะนะ” โมส่งสัญญาณ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด แล้วออกแรงเกร็งสะโพกส่งอาวุธงัดเข้าไปในตัวเธอ จังหวะที่ดุ้นเนื้อกดหายเข้าไปนั้นทำเอากลีบเนื้องามที่คอยปกปิดอุโมงค์ถ้ำอยู่ถึงกับปลิ้นทะลักออกไปทางด้านข้าง พร้อมกับเสียงร้องครวญครางด้วยความจุกเสียดทรมานจากเจ้าของร่าง
“โอ๊ย ซี้ดส์... สสสส โม... อู๊ย... ยยยยย ฮือ... อออออ” ลูกไม้ร้องครางระงม ขนาดว่าแค่พึ่งเริ่มต้น เธอก็รู้สึกได้ถึงความใหญ่โตที่กดแทรกเข้ามาในกายเสียแล้ว พอลองชันกายขึ้นไปมองดู ลูกไม้จึงพบว่าสิ่งที่สอดเข้ามาด้านในนั้นยังเป็นเพียงแค่ส่วนปลายหัวเห็ดเท่านั้นเอง สาวสวยจึงเกิดใจหายวาบ เพราะรู้ว่าตนเองยังต้องรับมือกับความจุกเสียดทรมานที่มีขนาดใหญ่โตกว่านี้อีกหลายเท่านัก
“อู๊ย... แน่นชะมัด ถ้าไม่บอกนี่เรานึกว่าเอากับเด็กซิงๆ เลยนะเนี่ย” โมเอ่ยพลางปั้นหน้าเหยเก รู้สึกได้ถึงอาการตอดรัดอย่างรุนแรงที่กลางท่อนลำ ยิ่งเขาพยายามออกแรงดันมันเข้าไปเท่าไร แรงบีบตอดนั้นก็ดูเหมือนว่าจะยิ่งหนักหน่วงรุนแรงขึ้นตามไปด้วยเสมอ
“ว้าย! ตายแล้ว... โอ๊ย! ซี้ดส์... สสสสส!!!” ลูกไม้ถึงกับแอ่นแหงนเชิดหน้า ตัวสั่นเกร็งกระตุก ดิ้นเร่าๆ ไปมาอย่างทุรนทุราย เมื่อท่อนลำยักษ์นั้นกดทะลวงเข้ามาในตัวเธอได้เกินครึ่งลำ รู้สึกเหมือนว่าร่างกายกำลังจะฉีกขาดออกจากกัน ทั้งจุกเสียดแน่นท้องน้อย จะหนีก็หนีไม่ออก และความอึดอัดทรมานนั้นก็มีแต่จะยิ่งจุกมากขึ้นเรื่อยๆ ในเมื่อชายหนุ่มยังคงตั้งหน้าตั้งตาบดสะโพกควงส่งอาวุธร้ายให้กดลึกเข้ามาในตัวเธอ มากขึ้น... มากขึ้น... จนกระทั่ง...
“อีกนิดนะ ทนหน่อย... อีกนิดเดียว จะสุดแล้ว นี่ล่ะ... อึ๊บ! อาห์... สุดแล้วลูกไม้ อู๊ย... ยยยย สุดยอดเลย” โมออกปากชม พร้อมกับเป่าปากร้องออกมาอย่างโล่งใจ หลังจากสอดใส่ดุ้นเนื้อที่แข็งตัวเต็มที่เข้าไปจอดแช่ในร่างเธอได้แบบลึกถึงแก่น
“ฮือ... ออออ โม... มันแน่นง่า... โอ๊ย เค้าจุกไปหมดแล้ว...” ลูกไม้ครางฮือด้วยใบหน้าที่ยับย่นเหยเก สภาพของเธอในยามนี้ต้องบอกว่าดูไม่จืดจริงๆ กลีบเนื้อที่เคยปิดชิดสวยงาม บัดนี้โดนท่อนเนื้อยักษ์ของชายหนุ่มอัดทะลวงเข้าไปเต็มๆ จนปากทางเข้าแบะปลิ้นและบวมเป่ง รอบๆ ทางเข้ามีแต่คราบน้ำสวาทที่ไหลนองทะลักเปรอะเลอะไปทั่วง่ามขา
“เดี๋ยวเราช่วยให้รู้สึกดีขึ้นนะ” โมกล่าวปลอบขวัญเธอ ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างค่อยๆ เอื้อมไปบีบขยำเล่นกับเต้านมคู่งามทั้งสองข้าง ทั้งเขี่ยคลึง ทั้งบีบเคล้น ขยำขยี้ จนก้อนเนื้ออ่อนนุ่มบิดเบี้ยวผิดรูป และทำให้หญิงสาวสูดปากร้องซี้ดซ้าดออกมาด้วยความเสียวซ่าน โดยหลงลืมเรื่องความจุกเสียดที่กำลังทิ่มค้างอยู่กลางหว่างขาเธอไปชั่วขณะ
เมื่อเห็นว่าอาการทรมานของเธอเริ่มทุเลาลง ชายหนุ่มจึงฉวยโอกาสนั้น ค่อยๆ ขยับสาวดุ้นเนื้อถอนออกมาจากร่างของเธอแบบช้าๆ แม้จะพยายามระมัดระวังแล้ว แต่เพราะความใหญ่โตของมันจึงทำให้แท่งเนื้อยักษ์ครูดโดนจุดสยิวในร่างเธอแบบเต็มๆ เรียกเสียงครางโหยหวนให้ดังลอดออกมาจากลำคอของหญิงสาวเป็นระยะๆ กระทั่งเมื่อถอนกายออกมาจนส่วนหัวเกือบจะหลุดออก เขาก็ออกแรงเกร็งสะโพกและงัดทิ่มอาวุธใส่กลับเข้าไปใหม่ ด้วยจังหวะและความเร็วที่ใกล้เคียงกันกับตอนถอนออก เสียบเข้า... เสียบออก... ย้ำๆ... ซ้ำๆ... จนลูกไม้ถึงกับผวากายขึ้นมาโอบกอดรัดร่างเขาไว้แน่น พร้อมกับระดมเล็บจิกลงไปบนแผ่นหลังของเขาแรงๆ ด้วยอาการเสียวซ่านทรมานใจ
หญิงสาวได้แต่อ้าปากร้องครางออกมาด้วยความเสียวสยิว รู้สึกได้เลยว่าตรงหว่างขานั้นมันปริตึงจนแทบจะฉีกอยู่แล้ว ทุกครั้งที่ท่อนเนื้อของโมกดเข้ามาในตัวเธอ หญิงสาวก็จะกลั้นลมหายใจ พร้อมกับขมิบโพรงเนื้อในร่างให้ตอดรัดใส่แท่งลำของเขาเพื่อข่มกลั้นความเสียว พอส่วนปลายหัวสะกิดชนเข้ากับปากมดลูก ชายหนุ่มก็จะค่อยๆ ขยับถอนมันออกไปที่ปากทางเข้าใหม่อีกครั้ง เป็นจังหวะเดียวกับที่สาวสวยพ่นลมหายใจออกไปแรงๆ ด้วยความโล่งอก แล้วก็ต้องผวาตัวเกร็งกลั้นหายใจใหม่อีกครั้ง เมื่อโดนท่อนเนื้อของเขากดกระทุ้งกลับเข้าไปในทันทีทันใด
“ยังเจ็บอยู่ไหม?” โมเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ในขณะที่บั้นเอวยังคงโขยกเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องและเชื่องช้า
“ดี... ดีขึ้นนะ... เริ่มไม่เจ็บแล้ว แต่ชักเสียวๆ” ลูกไม้ยิ้มตอบเขินๆ ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนีไม่ยอมสบตากับเขาต่อ
“งั้นเราเริ่มเลยนะ ไม่ต้องเกร็ง ถ้าอยากให้หยุดก็บอกได้” ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมส่งยิ้มอ่อนหวานให้เธอ
“อื้อ...” หญิงสาวขานรับสั้นๆ พร้อมกับกลั้นใจลุ้นรับความเสียวที่อีกฝ่ายกำลังจะป้อนให้ด้วยอารมณ์ระทึกใจ
แม้จะพยายามตระเตรียมใจไว้รอแล้ว แต่พอถึงเวลาที่ชายหนุ่มออกแรงสาวอาวุธเข้าออกจริงๆ หญิงสาวก็ถึงกับหลุดปากร้องโอดโอยออกมาด้วยความจุกเสียด เพราะกลางร่างเธอโดนตอเนื้อยักษ์กดทะลวงคว้านจนย่อยยับ รู้สึกเหมือนมีใครเอาสากด้ามใหญ่ๆ ที่ทั้งแข็งแกร่งและทั้งอุ่นร้อน อัดยัดเข้ามาเต็มร่าง
“เอ๊าะ! อ๋อย... ยยยย ซี้ดส์... สสส อาห์ โม... โอ๊ย มะ... โม... มมมมม เบาๆ น้า ฮือ... ออออออ” ลูกไม้บิดกายดิ้นพล่านๆ ไปมาอย่างทุรนทุราย ใบหน้าสวยหวาน
“อื้อๆ” โมครางตอบเธอสั้นๆ กำลังง่วนสมาธิอยู่กับการบังคับดุ้นเนื้อให้สาวกระเด้าเข้าออกในร่องเสียวเธอลึกขึ้นและเร็วขึ้น บางจังหวะเขาก็พยายามผ่อนแรงในการกระแทกลงไปให้มันนุ่มนวลขึ้น จนเริ่มจะได้ยินเสียงครางกระเส่าดังลอดออกมาจากปากเธอ คล้ายเป็นสัญญาณว่าหญิงสาวนั้นก็เริ่มที่จะรู้สึกเพลิดเพลินไปกับรสสัมผัสที่เขาป้อนให้บ้างแล้วเหมือนกัน
“อู๊ย... ยยยย โม... มมมม เค้าเริ่มเสียวอีกแล้วล่ะ ซี้ดส์... สสส อืม... มมมม ของโมมันทิ่มลึกจังเลย อาห์” ลูกไม้ครางสูดปากตาลอย นิ้วมือทั้งสิบประคองเหนี่ยวไปที่ลำคอของโมพร้อมกับออกแรงดึงเข้ามาหาตัว ชายหนุ่มรู้ทันทีด้วยสัญชาตญาณว่าเธอตั้งใจจะทำอะไร เขาจึงช่วยเสริมแรงให้เธอด้วยการโน้มใบหน้าเข้าไปแนบชิดกับหน้าเธอ ก่อนจะประทับจูบลงไปที่ริมฝีปากเรียวบาง พร้อมออกแรงบดบี้ลงไปด้วยความสิเน่หา ค่อยๆ เพิ่มความเร่าร้อนให้รสจูบด้วยการกวาดลิ้นโลมไล้ลวนลามไปที่ลิ้นของเธอ ซึ่งสาวสวยที่อารมณ์กำลังจุดติดก็พร้อมจะสอดลิ้นต้านรับแบบทันควัน ต่างฝ่ายต่างออกแรงดูดปากแลกลิ้นจนน้ำลายหยดย้อยลงตามคางทั้งคู่ ขณะที่ท่อนล่างของชายหนุ่มก็ยังคงออกแรงตอกเข้าออกในร่างเธอไม่หยุดหย่อน ได้ยินเสียงเนื้อกระทบกันดังขึ้นเรื่อยๆ
“ซี้ดส์ อาห์... อ๊ะ! อือ... ฮือ... ออออ โม... โอ๊ย เสียว... ววววววว แน่นจัง ฮือ... ออออ” ลูกไม้ถอนริมฝีปากออกมา และส่ายสะบัดใบหน้าส่งเสียงร้องครางยาวๆ อย่างสาใจ โพรงเนื้อในกายเธอทั้งตอดทั้งรัดสู้กับแท่งเนื้อที่คอยกดกระทุ้งเข้ามาในตัวอย่างสู้ยิบตา ความจุกเสียดทรมานในทีแรกเริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความหนักแน่น ถึงอกถึงใจ ในยามที่อารมณ์เสียวไต่ขึ้นสูง ยิ่งแน่น ยิ่งลึก ก็ยิ่งเสียวสะท้านใจมากขึ้นเรื่อยๆ นิ้วมือเธอจิกลงไปบนลำคอเขาจนเกิดเป็นรอย ในขณะที่เต้านมคู่งามนั้นแกว่งกระเพื่อมไปมาด้วยแรงขับเคลื่อนจากบั้นเอวของชายหนุ่ม ซึ่งไม่มีทีท่าว่าจะหมดแรงไปง่ายๆ
ความฟิตแน่นของโพรงเนื้ออุ่นที่ตอดรัดอยู่รอบแก่นกาย ทำให้โมยิ่งรู้สึกตื่นเต้นคึกคัก และต้องก้มหน้าก้มตา ถอนอาวุธสอดใส่เข้าออกในกายเธอแบบลึกถึงแก่น เสียงหน้าขาที่ฟาดกระทบเข้าหากันดังสนั่น ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ!! หนักแน่นชัดเจนเต็มสองหู และเร็วระรัวราวกับปืนกลชุดที่กราดยิงอย่างต่อเนื่อง หยาดน้ำสวาทใสๆ เปรอะกระเซ็นออกมาจากร่องเนื้ออ่อนในทุกๆ คราวที่เขาขยับถอนกายออกจากตัวเธอ และในขณะที่ยังติดลมบนกันอยู่ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจจับเธอพลิกเปลี่ยนมาเป็นการร่วมรักในท่าหมาแทน
เรือนร่างที่เพรียวบางได้รูปของลูกไม้ บัดนี้กำลังนอนโก้งโค้งคุกเข่าอยู่บนเตียงนอน หันบั้นท้ายงามงอนราวกับลูกพีชแอ่นโด่งมาหาเขา มองจากมุมนี้จึงยิ่งเห็นความอวบอูมของเนินเนื้อสาวที่โค้งคล้อยหย่อนมาทางเบื้องหลัง เหนือขึ้นไปนั้นคือปากทางเข้าเล็กจิ๋วรูปดาวหลากแฉก ซึ่งยังไม่ใช่จุดหมายที่ชายหนุ่มตั้งใจจะเดินสำรวจเข้าไปในเวลานี้ เขาใช้มือข้างหนึ่งแหวกกลีบเนื้อสาวให้ถ่างอ้าขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะจัดการจ่ออาวุธยักษ์ดุ้นเดิมสอดใส่เข้าไปในตัวเธออีกครั้ง ความเปียกลื่น และสภาพผนังถ้ำที่ขยายตัวขึ้นอยู่ก่อนแล้ว ทำให้ชายหนุ่มสามารถอัดดุ้นเนื้อเข้าไปได้แบบเต็มลำอีกครั้งอย่างง่ายดาย
“โอ๊ย... ยยยย ซี้ดส์ ตายแล้ว ท่านี้... แน่นกว่าเดิมอีกง่า...” ลูกไม้ที่ก้มหน้าฟุบอยู่กับเตียง ส่งเสียงร้องครวญอย่างเสียวไส้ ความรู้สึกที่ถูกปลายหัวหอกทิ่มทักทายโดนปากมดลูก ทำให้เธอรู้ซึ้งทันทีว่าอาวุธของเขาแท้จริงแล้วมันยาวใหญ่ขนาดไหน เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านๆ มาของเธอ แม้กับแฟนฝรั่งที่เคยมีอะไรด้วย ก็ยังไม่รู้สึกจุกและลึกมากถึงขนาดนี้
“ชอบมั้ย? ใหญ่ๆ แบบนี้” โมโน้มกายไปกระซิบแซวข้างหูเธอ พร้อมกับออกแรงสาวอาวุธเข้าออกอย่างช้าๆ
“ฮื้อ... อออออ ทะลึ่ง!” หญิงสาวออกอาการเคอะเขิน ขนลุกชันไปทั้งกาย เผลอออกแรงขมิบเกร็งร่างรับตามสัญชาตญาณ และทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแน่นตึงไปทั้งลำเมื่อถูกโพรงเนื้อหดรัดแรงๆ
โมออกแรงอัดกระทุ้งใส่ลูกไม้จนร่างบางนั้นกระเด้งกระดอนไปตามแรงกระแทก เต้านมขาวๆ แกว่งกระเพื่อมไปมาราวกับลูกตุ้มนาฬิกาสองลูกที่กำลังแข่งขันกันแกว่งไกว ก่อนที่มันจะถูกสองมือของชายหนุ่มเอื้อมคว้าและบีบจับเอาไว้มั่น เขาตั้งอกตั้งใจเสพรับรสชาติความสยิวจากเรือนร่างอันเปลือยเปล่าของเธอแบบเต็มที่ มือก็บีบขยำที่เต้านม ส่วนท่อนเอ็นด้านล่างก็คอยกดทะลวงใส่ร่องรูอันคับแน่น ได้ยินเสียงหน้าขาฟาดใส่บั้นท้ายกลมกลึงดัง ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ! เป็นจังหวะต่อเนื่องและรวดเร็ว จนโพรงเนื้ออ่อนออกอาการบีบตอดขมิบยิบๆๆๆ พร้อมกับเสียงครวญครางโหยหวนของแอร์โฮสเตสสาวที่ดังลั่นแข่งกับเสียงเนื้อกระทบกัน
“ซี้ดส์... สสสส โอ๊ย โม... เค้าเริ่มเสียวอีกแล้ว ขอเค้าขึ้นบ้างซี่ อาห์” ลูกไม้ส่งเสียงร้องบอกอย่างกระสันร่านรัก ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็อมยิ้มแล้วรีบตอบเธอไปด้วยความเต็มใจ
“เอาสิ เต็มที่เลยนะ” โมขานตอบ พร้อมกับจัดแจงช่วยเธอขยับปรับเปลี่ยนท่าอย่างคล่องแคล่ว เขาพลิกตัวลงไปเป็นฝ่ายนอนหงายรอที่ด้านล่าง แล้วช่วยจับประคองร่างเธอที่ปีนข้ามมานั่งคร่อมอยู่เหนือบั้นเอว ก่อนจะค่อยๆ นั่งยองๆ ลงมา พร้อมกดจ่อร่องเนื้อสาวที่บานอ้านั้นเข้ากับปลายหัวหอกที่ตั้งตระหง่านชี้รออยู่ ความเปียกลื่นยังผลให้กลีบเนื้อสามารถอ้ากลืนเจ้าแท่งหรรษาลำยักษ์นั้นเข้าไปด้านในได้อย่างไม่ยากเย็น
แม้จะเปลี่ยนมานอนอยู่ด้านล่าง แต่ชายหนุ่มยังคงไม่ยอมละมือจากสองเต้าคู่งามของเธอไปง่ายๆ เขาใช้นิ้วมือทั้งสิบลูบไล้เคล้าคลึงไปตามก้อนเนื้ออ่อนนุ่มจนมันมีแต่รอยแดงช้ำปรากฏเป็นจ้ำๆ อยู่ทั่วเนินโค้งนูน แม้แต่เม็ดทับทิมสีแดงอมน้ำตาลที่แอ่นชี้ชูชันอยู่บริเวณปลายของยอดเขาก็ไม่อาจรอดพ้นจากการบีบเขี่ยและกดบี้ของนิ้วมือซุกซนได้ และที่ด้านล่างของก้อนเนื้อนุ่มนิ่มนั้นก็คือตัวหนังสือสีรุ้งที่เธอสักประทับไว้บนร่าง ซึ่งกำลังส่องประกายระยิบระยับสอดคล้องไปกับความเคลื่อนไหวอันเร่าร้อนของหญิงสาว ‘enjoy the little thing’ ความหมายของมันช่างเหมาะเจาะกับกิจกรรมที่ทั้งคู่กำลังทำอยู่ดีแท้
“อ๋อย.. ยยย ซี้ดดดส์... อาห์ ดีจัง... ของโมแน่นเต็มตัวเค้าเลย ฮือ... อออออ ส... เสียว... วววววง่า” ลูกไม้แอ่นเชิดหน้าหลับตาพริ้ม สองมือวางทาบลงไปบนแผงอกของชายหนุ่ม พร้อมโน้มกายขย่มสะโพกใส่ท่อนล่างเขาอย่างต่อเนื่อง ถี่ยิบๆๆๆ บางจังหวะที่เสียวจัดๆ หญิงสาวก็จะเผลอส่ายสะบัดใบหน้า แอ่นร่อนทะยานร่างผอมบางให้ลอยละลิ่วขึ้นสูงกลางอากาศ ก่อนที่จะทิ้งน้ำหนักตัวลงมาหาท่อนเนื้อของชายหนุ่ม อัดเน้นๆ เข้าไปทีเดียวจนสุดลำ พร้อมกับอ้าปากส่งเสียงร้องครางออกมาดังๆ อย่างสะใจ เมื่อได้เป็นฝ่ายควบคุมเกมรักในครั้งนี้ด้วยตนเอง อยากเสียวแค่ไหน อยากให้เข้าลึกเท่าไร หรือเร็วแค่ไหน เธอก็สามารถควบคุมจังหวะ ร่อนขย่มใส่ร่างกายเขาได้ตามใจชอบ
อากัปกิริยาอันเปิดเผยของเธอนั้นสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่หนุ่มโมที่เฝ้ามองดูอยู่ จนเขาอดไม่ได้ที่จะต้องช่วยเสริมแรงกระเด้งแทงท่อนเนื้อเสียบใส่ร่างเธอรัวๆ ยิ่งกระชากเสียงครางโหยหวนให้ดังลั่นขึ้นไปอีก ต่างฝ่ายต่างโหมกระหน่ำอัดร่างเข้าหากันอย่างไม่มีใครยอมใคร เสียงร้องครางดังระงมแข่งกับเสียงของกายเนื้อที่หวดกระทบกันดังสนั่นห้อง ยิ่งเสียวมากเท่าไร ลูกไม้ก็ดูเหมือนจะยิ่งเร่งขย่มใส่ตอเนื้อด้านล่างแบบหนักหน่วงขึ้นไปเท่านั้น มิหนำซ้ำยังออกแรงเกร็งขมิบรัดท่อนเนื้อของเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำเอาชายหนุ่มต้องฝืนข่มกลั้นอารมณ์เสียวเอาไว้แบบสุดชีวิต เพราะหากไม่ระมัดระวัง ปล่อยตัวไปตามการเคลื่อนไหวของเธอ มีหวังเขาได้เสร็จกิจก่อนอีกฝ่ายแน่ๆ
“อาห์... ซี้ดส์... โอ๊ย! โม... เค้าเสียว... ววววว” ลูกไม้ส่ายสะบัดใบหน้าร้องครวญครางอย่างถึงอกถึงใจ สองมือเธอเอื้อมไปยันค้ำไว้บนน่องขาของชายหนุ่ม พร้อมกับเร่งโขยกบั้นเอวควบใส่แท่งเนื้อของเขาแบบถี่ยิบๆๆ จนน้ำหล่อลื่นเปรอะกระเซ็นไปทั่ว
“อู๊ย... ยยยย เราก็เสียว ลูกไม้เก่งขึ้นเยอะเลยนะ ทั้งร่อน ทั้งตอด... ถ้าทำต่อไปเรื่อยๆ มีหวังเราต้องเสร็จแน่ๆ” โมร้องตอบชมเธอเสียงกระเส่า ได้ยินดังนั้นสาวเจ้าก็เลยยิ่งได้ใจไปอีก
“งั้นเสร็จด้วยกันนะ ซี้ดส์ อือ... ออออออ” หญิงสาวร้องบอก ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบปากแลกลิ้นกับเขาอย่างดูดดื่ม พร้อมกับเร่งกระดกบั้นท้ายขย่มใส่ท่อนลำเขารัวๆๆๆ จนกระทั่ง...
“อื้อ... ออออ อื้อ... อออออ!!! ซี้ดส์... อาห์ มะ... ไม่ไหวแล้ว... โม... โอ๊ย เค้าถึงอีกแล้ว...อ๊าย ซี้ดส์!!!” ความเสียวซ่านบังคับให้ลูกไม้ต้องยอมถอนริมฝีปากออก แล้วแหกปากร้องครวญครางออกมาดังๆ อย่างถึงแก่นถึงใจ ร่องเนื้อหดเกร็งบีบรัดใส่ท่อนลำเขาถี่ยิบๆ พร้อมกับขับน้ำสวาทให้แตกราดจนเปียกชุ่มไปทั่วลำ เมื่ออารมณ์เสียวไต่ทะยานสู่จุดสูงสุดเป็นคำรบที่สอง
“ซี้ดส์... รอเราด้วย เราก็ใกล้แล้ว!” โมร้องตอบ และรีบชิงจังหวะที่ร่างงามนั้นยังคงตัวสั่นสะท้าน จับเธอพลิกเอนลงไปนอนหงายบนเตียงนอน รวบสองขาเรียวยาวนั้นยกขึ้นมาวางพาดบนบ่า ก่อนจะโหมกระหน่ำอัดอาวุธใส่เข้าไปในตัวเธอด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่ตนเองมีหลงเหลืออยู่ เสียงเนื้อหวดกระทบร่างเธอดัง ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ!! ราวกับปืนกลชุด
“อ๋อย... ยยย ตายแล้ว...โม... มมมมม ไม่ไหวแล้ว... วววววว อ๊าย ซี้ดส์... สสสสส” ลูกไม้หวีดร้องเสียงหลงเพราะสำลักความเสียวที่ชายหนุ่มป้อนใส่ต่อเนื่องแบบไม่หยุดหย่อน แม้ว่าตัวเธอจะเสร็จสมใจไปแล้วก็ตามที
“โอ้ว! ออกแล้ว!” โมกัดฟันกรอดๆ เร่งตะบันดุ้นเนื้อใส่ร่างเธอแบบหนักหน่วงเป็นชุดสุดท้าย ก่อนจะกดเสียบอาวุธเข้าไปแช่ในท้องเธอแบบสุดลำ แล้วระเบิดน้ำเชื้อออกไปเต็มถุงยางด้วยความสะใจสุดขีด รู้สึกได้ถึงอาการหดเกร็งและตอดรัดจากโพรงเนื้อจนทำให้เขารู้สึกเจ็บแน่นไปทั้งลำโคน กระทั่งพอน้ำเชื้อหยดสุดท้ายได้หลั่งออกไป เขาจึงยอมถอนร่างออกมาจากตัวเธอ
“ฮื่อ... อออออ” ลูกไม้หายใจแรง เนื้อตัวสั่นกระตุกในจังหวะที่ส่วนหัวบานอ้าดีดหลุดออกมาจากปากร่องสาวเธอดังผั้วะ!
“แฮ่ก... แฮ่ก... ลูกไม้เก่งขึ้นเยอะเลยนะ” โมนอนหอบหายใจเหนื่อยอยู่ข้างร่างเธอ ลีลาการร่อนขย่มของสาวสวยในจังหวะที่เธอพลิกขึ้นมาเป็นฝ่ายควบคุมเกมนั้น สร้างความประทับใจให้แก่ชายหนุ่ม จนเขาจนอดที่จะเอ่ยปากชมเธอไม่ได้
“โมก็เหมือนกัน... ทำเค้าเสร็จสองรอบเลย เสียวมาก” ลูกไม้ครางตอบ หอบหายใจถี่ๆ จนเต้านมสั่นกระเพื่อมขึ้นลง พลางเอื้อมมือข้างหนึ่งมาวางทาบลงบนหน้าอกข้างซ้ายของเขา คล้ายว่าต้องการจะสัมผัสจังหวะการเต้นของหัวใจ
“ใจเต้นแรงจัง รู้สึกได้เลยอ่ะ” ลูกไม้เอ่ย ก่อนจะพลิกกายขึ้นมานอนเบียดซุกแนบข้างกายเขา พร้อมกับแนบหูลงไปบนอกชายหนุ่ม
“อารมณ์มันพลุ่งพล่านไง ลูกไม้ก็เหมือนกันแหละมั้ง” โมเอ่ย พลางเอื้อมมือไปบีบที่อกข้างซ้ายเธอคืน
“ทะลึ่ง!” หญิงสาวตีมือเขาดังเพี๊ยะ! พร้อมกับหัวเราะคิกคักชอบใจ
“เหนื่อยเลย” เขาบอก อาการเหนื่อยหอบยังไม่จางลงไป
“เหมือนกัน ลุกไม่ไหวแล้วเนี่ย” คู่สนทนาเห็นพ้องต้องกัน
“งั้นก็ยังไม่ต้องลุก นอนกอดกันก่อนดีกว่า อบอุ่นดี” เขาว่า และดึงร่างเธอเข้ามากอดกระชับไว้ในวงแขน ซึ่งหญิงสาวก็รีบซุกตัวเข้าหาแผงอกของเขาอย่างเต็มใจ
“คืนนี้กลับไหวเปล่า? ถ้ายังไม่หายเมา จะค้างที่นี่ก็ได้นะ พรุ่งนี้ไม่ต้องทำงานนี่” เป็นลูกไม้ที่ชิงเอ่ยปากชวนขึ้นมาด้วยตนเอง
“ถามจริง?” โมสบตาเธอด้วยสีหน้าตื่นเต้นระคนประหลาดใจ ไม่คิดว่าเธอจะเป็นฝ่ายเอ่ยชวนเขาตรงๆ แบบนี้
“ทำไมอ่ะ? จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันนานๆ ไง อุตส่าห์มีโอกาสแล้วทั้งที โมไม่อยากอยู่ต่อเหรอ?” เธอทำเสียงตัดพ้อ
“ไม่ๆๆ อยากดิ แค่แปลกใจที่ลูกไม้พูดขึ้นมาก่อน กำลังนึกหาข้ออ้างดีๆ อยู่เลยว่าจะขอค้างยังไง” เขาหยอดมุกพร้อมฉีกยิ้มซุกซน
“แน่ะๆ ที่แท้ก็คิดเหมือนกัน ไม่ไหวเลยเนอะเราสองคนเนี่ย” เธอพูดกลั้วหัวเราะ
สองหนุ่มสาวใช้เวลาไปกับการนอนกอดหอม สลับกับคุยเล่นจนเริ่มจะหายเพลีย จึงผลัดกันลุกไปอาบน้ำล้างตัว แม้ว่าชายหนุ่มจะเอ่ยปากอ้อนขอเข้าไปอาบน้ำด้วย แต่หญิงสาวที่ยังคงรู้สึกกระดากเขินก็ไม่ยอมให้เขาตามเข้าไปในห้องน้ำด้วยอยู่ดี จากนั้นพวกเขาก็กลับมานอนดูโทรทัศน์ด้วยกันบนเตียงนอน ซึ่งก็เพียงแค่ราวๆ ครึ่งชั่วโมงนั่นแหละ พอผิวกายของทั้งคู่เบียดสัมผัสแนบชิดกันมากๆ เข้า ไฟราคะมันก็ปะทุติดขึ้นอีกครั้ง จนพาลให้ทั้งสองต้องเลิกสนใจหน้าจอ แล้วหันมากอดรัดฟัดเหวี่ยงกันต่ออีกรอบ
ครั้งนี้ทั้งคู่ต่างงัดฝีไม้ลายมือออกมาอวดใส่กันแบบสุดความสามารถตั้งแต่ต้น เริ่มจากท่า 69 ที่หญิงสาวปีนขึ้นไปคร่อมอยู่ทางด้านบน พร้อมก้มหน้าก้มตาดูดกลืนท่อนเนื้อที่กลับมาแข็งตัวของชายหนุ่มอย่างสนุก แม้จะแอบรู้สึกอึดอัดคับปากอยู่บ้างก็ตามเวลาที่เขาแทงมันเข้ามาลึกๆ ส่วนด้านล่าง ชายหนุ่มก็สนุกสนานเพลิดเพลินไปกับการแหวกกลีบบุปผางามเพื่อรองชิมน้ำหวานที่หยดย้อยลงมาจากร่องเขาเร้นลับสีชมพูอ่อนนุ่ม จนเมื่ออารมณ์ใคร่เตลิดไปไกลเกินกว่าที่จะย้อนกลับ ชายหนุ่มจึงประคองร่างเธอให้เอนราบลงไปกับเตียงนอน ก่อนจะร่วมรักกับเธออีกครั้ง อย่างเร่าร้อน... และหนักหน่วงยิ่งกว่าครั้งแรก...
เริ่มจากท่าเบสิกที่เขาอัดกระทุ้งใส่ร่างเธอจนเต้านมคู่งามนั้นแกว่งกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรง ก่อนจะจับเธอพลิกตะแคงแทงข้าง ลามไปเป็นท่าด็อกกี้ที่ได้เชยชมบั้นท้ายงามงอนคู่นั้นอย่างเต็มตาเต็มใจอีกครั้ง แล้วสุดท้ายก็ปิดฉากด้วยการนอนเอนกายหงายราบ ให้เธอนั่งคร่อมขย่มอยู่บนตัวเขาในท่วงท่าที่หันหน้าไปในทิศทางเดียวกัน จนกระทั่งทั้งคู่ควงแขนกันขึ้นสวรรค์ไปด้วยท่านี้เอง โดยจังหวะที่ชายหนุ่มกำลังจะเสร็จกิจนั้น เขาก็ไม่ลืมที่จะถอนอาวุธ รูดถุงยางทิ้ง แล้วปีนขึ้นไปยืนคร่อมอยู่เหนือใบหน้าเธอ พร้อมกับกระฉูดน้ำเชื้อราดเข้าไปในริมฝีปากเรียวบางที่อ้ารอคอยอยู่อย่างหื่นกระหาย เป็นอันปิดฉากเกมรักครั้งสุดท้ายในค่ำคืนนี้
ช่วงสาย... คู่ขาหน้าใหม่ที่ตื่นขึ้นมาด้วยความสดใสซาบซ่าน ก็จัดการปลุกเร้าอารมณ์และเสพสมจากเรือนร่างของคนข้างกายอีกครั้ง ชายหนุ่มเสร็จกิจไปหนึ่งรอบ ส่วนหญิงสาวนั้นโชคดีกว่าเขาหน่อยที่สามารถกดเบิ้ลได้อย่างไม่ยากเย็น ทั้งจากลีลาชิวหาและนิ้วมือของเขาที่ป้อนให้ก่อน ตามด้วยการอัดกระทุ้งใส่ร่างเธอจนน้ำแตกขึ้นสวรรค์อย่างถึงอกถึงใจ สิริรวมระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันในห้องคอนโดของหญิงสาว รวมทั้งสิ้น 14 ชั่วโมง กว่าที่หญิงสาวเจ้าของห้องจะยอมปล่อยให้แขกหนุ่มได้ขึ้นรถขับกลับบ้านไปด้วยสภาพที่อ่อนระโหยโรยแรงสุดขีด
=======================================
สัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน... จู่ๆ โมก็ได้รับโทรศัพท์จากใครบางคนที่เขาไม่ได้ติดต่อพูดคุยมาด้วยนานแล้ว รายชื่อที่ปรากฏอยู่ชัดเจนบนหน้าจอนั้นทำให้ชายหนุ่มอดรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้
“พี่เชอร์รี่?” โมเอ่ยทักทายไปยังคู่สนทนาในสาย นึกแปลกใจว่าทำไมจู่ๆ เธอถึงเลือกที่จะโทรมาหาเขา เพราะทั้งสองต่างขาดการติดต่อกันไปเนิ่นนานมากแล้ว นับแต่วันที่ป๊อบประกาศตัดความเป็นเพื่อนกับเขา ซึ่งทำให้เชอร์รี่ที่มีสถานะเป็นแฟนสาวของเพื่อน จำต้องเหินห่างกับเขาตามไปด้วยอีกคน
“ฮัลโหลโม สบายดีมั้ย? คุยได้รึเปล่า?” เสียงอ่อนหวานของสาวรุ่นพี่ยังคงฟังคุ้นหู และกระตุกให้ภาพวันวานเก่าๆ ลอยละล่องฟุ้งเป็นตะกอนขึ้นมาในห้วงความทรงจำในหัว นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้คุยกับเธอ ชายหนุ่มเองก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกัน
“คุยได้ครับ พี่รี่สบายดีนะ” โมตัดสินใจวางเมาส์ปากกาและลุกเดินออกมาคุยโทรศัพท์ที่ม้านั่งในสวนหน้าบ้านของชาติ ซึ่งดัดแปลงพื้นที่ชั้นล่างไว้เป็นโฮมออฟฟิศสำหรับใช้ทำงานออกแบบ และบ่อยครั้งที่ม้านั่งตัวเดียวกันนี้นี่แหละ ที่มักจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของไอเดียในงานออกแบบต่างๆ ที่ลูกค้าชื่นชอบ ซึ่งก็มักจะถูกจุดประกายขึ้นในยามที่เพื่อนร่วมงานของเขาแวะออกมานั่งพักสูบบุหรี่หรือจิบเบียร์ผ่อนคลายกัน
“สบายดี นี่กลับมาอยู่กรุงเทพฯ แล้วใช่มั้ย เห็นป๋อมเล่าให้ฟังว่าเปิดสตูดิโอกับเพื่อนอยู่เหรอ?” เชอร์รี่ถามไถ่ความเป็นไปของเขาตามประสาคนที่ไม่ได้คุยกันมานาน
“ช่าย... ยยย แล้วพี่รี่ล่ะเป็นไงบ้าง? ยังอยู่ที่ขอนแก่นป่ะครับ?” โมยิงคำถามกลับไปด้วยความอยากรู้ จำได้ลางๆ ว่าครั้งสุดท้ายที่คุยกันคือเธอตัดสินใจลาออกจากวงการไปทำงานประจำอยู่ที่จังหวัดบ้านเกิด
“เปล่า นี่พี่บินลงมากรุงเทพฯได้สองวันแล้ว พอดีมาเฝ้าป๊อบเค้านอนโรงบาลน่ะ” สาวรุ่นพี่ตอบ และทำให้โมเริ่มคาดเดาได้ทันทีว่าจุดประสงค์ที่เธอโทรมานั้นคืออะไร
“ไอ้ป๊อบมันเป็นไรอ่ะ? ถึงขั้นเข้าโรงบาลเลยเหรอ?” โมเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงร้อนใจ ภาพความทรงจำในตอนที่รู้ข่าวการเสียชีวิตของเกี๊ยงลอยวาบขึ้นมาในหัวโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะค่อยนึกขึ้นได้ว่าหากสถานการณ์มันเลวร้ายถึงขั้นนั้นจริง อีกฝ่ายก็ไม่น่าจะมีอารมณ์มาเสียเวลาชวนคุยถามไถ่อะไรเขาก่อนหน้านี้แน่ๆ
“เป็นไข้เลือดออกน่ะ จริงๆ ป๊อบก็ดื้อจะไม่ยอมนอนนะ แต่ก็ขัดใจแม่ไม่ได้ ที่บ้านเค้าเป็นห่วง ก็เลยให้พักรักษาตัวที่โรงบาลไปเลย อุ่นใจกว่า โมก็รู้ข่าวใช่มั้ย พี่ปอพระเอกช่องสามพึ่งเสียไปต้นปี ก็โรคไข้เลือดออกนี่แหละ เค้าคงกังวลกันน่ะ ปลอดภัยไว้ก่อนยังไงก็ดีที่สุด” สาวรุ่นพี่เล่าสถานการณ์ให้ฟัง
“แล้วนี่มันนอนโรงบาลมานานยังครับ? อาการหนักแค่ไหนเนี่ย?” โมเอ่ยถามถึงอาการเพื่อน อดรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ติดต่อกับอีกฝ่ายมาเนิ่นนานมากแล้วก็ตาม ยังไงเสียเพื่อนก็ยังเป็นเพื่อน
“ก็เหมือนเป็นไข้ปกตินะ แต่ว่ามีผื่นแดงๆ ขึ้นเต็มเลย ดูเพลียๆ ไม่ค่อยมีแรง นอนเจาะน้ำเกลือมาสามวันแล้ว เห็นคุยๆ กันว่ากว่าจะให้ออกจากโรงบาลได้ก็ต้องรอให้เกล็ดเลือดกลับมาสูงกว่าห้าหมื่นก่อน ไม่รู้จะนานเป็นอาทิตย์รึเปล่า ตอนนี้เหลืออยู่สี่หมื่นนิดๆ เอง แต่ก็ไม่ได้แย่แบบพวกที่ต้องเข้าไอซียูน่ะ อันนั้นน่ะน่ากลัว” เชอร์รี่เล่า
“ดีแล้วฮะ” ชายหนุ่มได้ฟังแบบนั้นก็ค่อยเบาใจขึ้นมาบ้าง
“ที่พี่โทรมาหาเราก็เพราะจะชวนโมมาเยี่ยมเค้าที่โรงบาลนี่แหละ” ในที่สุดเชอร์รี่ก็เอ่ยถึงวัตถุประสงค์หลักในการโทรศัพท์มาหาเขาในครั้งนี้จนได้
“จะดีเหรอ? ไอ้ป๊อบมันคงไม่ดีใจเท่าไหร่หรอกมั้ง พี่ก็รู้นี่...” โมตอบทันที ไม่ใช่ว่าเขาเองไม่อยากไปเยี่ยมเพื่อน แต่กลัวว่าไปแล้วจะทำให้อีกฝ่ายอึดอัดหรือขุ่นเคืองใจ จนพาลให้อาการที่กำลังทรงๆ ตัวมันทรุดลงต่างหาก
“ก็เพราะรู้นี่แหละ ถึงคิดว่าตอนนี้เป็นโอกาสดีไง ป๊อบนอนอยู่ที่นี่ จะหนีไปไหนก็ไม่ได้ ถ้าจะเปิดใจคุยกันก็ควรจะเป็นตอนนี้นี่แหละ พี่ไม่อยากให้เราสองคนต้องตัดขาดกันไปตลอดหรอกนะ โมว่าไม่ดีเหรอ?” สาวรุ่นพี่ถามเขากลับ
“ถ้ามันคุยกันได้ก็ดีแหละ แต่ผมกลัวมันจะหงุดหงิดที่เห็นหน้าผมแล้วพาลไปโกรธลงที่พี่อีกคนน่ะสิ” โมอ้าง ลึกๆ แล้วคือตัวเขาเองต่างหาก ที่แอบนึกกลัวไปล่วงหน้าแล้วว่าเพื่อนจะไม่ยอมเปิดใจยกโทษให้ง่ายๆ
“ไม่หรอก เรื่องนั้นโมไม่ต้องเป็นห่วงเลย พี่เอาเค้าอยู่น่า คิดว่าที่คบกันมานี่ ป๊อบเค้าเคยเอาชนะพี่ได้ซักกี่ครั้งกันเชียว” เชอร์รี่ว่าแล้วก็หัวเราะเสียงแหลมร่าเริง
“อืม... ไม่รู้ดิ ถ้าพี่คิดว่าโอเค ถ้างั้นผมลองไปหามันก็ได้ นี่มันพักอยู่โรงบาลไหนนะครับ?” โมตัดสินใจถามออกไป แม้ใจหนึ่งจะยังรู้สึกลังเลไม่มั่นใจนักก็ตามที
“สมิติเวช ศรีนครินทร์น่ะ โมรู้จักมั้ย?” เชอร์รี่ถามมาในสาย
“ไม่เคยไปเลย แต่เปิดแมพดูน่าจะไปไม่ยากหรอก ชื่อมันดังนี่” เขาตอบ
“ใช่ๆ อยู่ใกล้ๆ เดอะไนน์น่ะ ถ้าขับขึ้นทางด่วนมาลงเส้นพระรามเก้าก็แป๊บเดียวแหละ วิ่งมาตามทางเรื่อยๆ งั้นตกลงโมจะมาวันไหนดี? เย็นนี้เลยมั้ย? พี่จะได้รอเจอ” หญิงสาวรีบสำทับ
“อ่าๆ เย็นนี้น่าจะยังกะทันหันไปหน่อยครับพี่ ถ้าอย่างเร็วอาจจะเป็นซักพรุ่งนี้ดีกว่า เดี๋ยวขอผมดูก่อนว่าเคลียร์งานทันมั้ย ถ้าได้แล้วจะโทรไปบอกอีกที ว่าจะเข้าไปเมื่อไหร่” ชายหนุ่มรีบเบรกเธอแทบไม่ทัน
“โอเค งั้นเจอกันพรุ่งนี้จ้ะ” คู่สนทนาล็อกวันนัดหมายเสร็จสรรพ ก่อนจะวางสายหนีไปโดยไม่รอให้เขามีโอกาสได้ปฏิเสธอีก
ในวันที่รักหลงทาง #116
นานๆ มาทีฮะ
**รบกวนคอมเมนท์เกี่ยวกะเนื้อหาในตอนหน่อยนะฮะ อยากอ่านฟี้ดแบคจากคนอ่าน**
-----------------
โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ เป็นโรงพยาบาลเอกชนหรูตั้งอยู่ในพื้นที่เขตสวนหลวง ที่ขึ้นชื่อลือชาว่าเก็บค่ารักษาบริการแพงระยับเมื่อเทียบกับสิ่งที่คนไข้ได้รับ นี่เป็นครั้งแรกที่โมได้มาเหยียบยังสถานที่แห่งนี้ เขาใช้เวลาช่วงกลางวันหมดไปกับการเร่งแก้งานของลูกค้าที่ยังค้างอยู่จนหมด พอตกบ่ายสามโมง จึงขอปลีกตัวจากสตูดิโอเร็วกว่าปกติ เพื่อตรงมายังโรงพยาบาลแห่งนี้ ตามที่ได้นัดหมายเอาไว้กับเชอร์รี่
พื้นที่ภายในโรงพยาบาลดูกว้างขวางโอ่อ่า ทว่าบรรยากาศโดยรวมกลับถูกฉาบเคลือบไว้ด้วยการตกแต่งดีไซน์ที่ค่อนข้างเชยไม่ทันสมัย แค่เพียงก้าวแรกที่ย่างเท้าเข้ามาในตัวอาคาร จมูกของเขาก็แตะเข้ากับกลิ่นน้ำยาทำความสะอาดและแอลกอฮอล์ที่เจือจางมาตามแรงลมอันหนาวเหน็บเกินความจำเป็นของเครื่องปรับอากาศ มันคือ ‘กลิ่นของโรงพยาบาล’ ที่ไม่ว่าใครต่อใครต่างก็อยากหลีกเลี่ยงหนีไปเสียให้ไกล และทำให้เขาหวนนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่ต้องวิ่งรอกเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นในตอนที่พ่ออาการทรุดหนักก่อนจะเสีย
“กลิ่นโรง โรงพยาบาล กลิ่นลาง ลางร้ายมาเยือน
เหตุร้ายกับมนุษย์ทุกราย ที่เกิดหลากหลาย ต่างทุกข์ระทม
จะเลือดออก ป่วยมาเป็นไข้หวัด คงใจหาย หากว่าเราเข้ามาใกล้”
โมพยายามนึกทวนเนื้อเพลง ‘กลิ่นโรงพยาบาล’ ของวงพาราด็อกซ์ วงดนตรีโปรดของเขาอยู่เงียบๆ คนเดียวภายในหัว แม้จะเป็นเพลงเก่า แต่เนื้อหาของมันยังคงใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัยอย่างแท้จริง คนส่วนใหญ่ที่ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนหาเช้ากินค่ำ จะเก่งกล้าสามารถมาจากไหน เวลาป่วยหนักจนถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล ก็พาลจะทำให้ความมั่นใจของใครคนนั้นหดเหี่ยวลีบเล็กลงโดยไม่รู้ตัว ทั้งจากอาการป่วยต่างๆ ที่อุตริมาเกิดขึ้น จนกว่าที่จะได้รับคำยืนยันให้ใจชื้นจากหมอ แค่จะเดินเหินลุกยืนหรือกินอะไรก็พาลให้รู้สึกไม่มั่นใจไปเสียทุกอย่าง กลัวว่ามันจะไปกระทบให้อาการแย่หนักไปกันใหญ่ ไหนจะค่ารักษาพยาบาลที่ไม่เคยอ่อนโยนกับจำนวนเงินในกระเป๋าสตางค์นั่นอีกเล่า
ทว่าสิ่งที่ชวนอึดอัดยิ่งกว่ากลิ่นโรงพยาบาลนั้น กำลังรอคอยชายหนุ่มอยู่ที่ห้องพักด้านในต่างหาก...
เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว ที่เขากับป๊อบได้ตัดขาดกันจากความเป็นเพื่อนอย่างสิ้นเชิง ไม่สิ... จะพูดให้ถูกก็คือเขาถูกป๊อบตัดเพื่อนเพียงข้างเดียวต่างหาก เพราะตัวเขาเองที่เป็นคนผิดน่ะอยากจะขอคืนดีกับอดีตเพื่อนรักคนนี้ใจจะขาด ติดแค่ว่ายังใจไม่ด้านพอที่จะบากหน้ากลับไปคุยเปิดอกกับเพื่อนแบบตัวเป็นๆ อย่าว่าแต่เจอหน้ากันเลย กับอีแค่โทรศัพท์ไปหาหรือส่งข้อความ เขายังทำได้แค่กดดูเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนซ้ำไปซ้ำมาโดยไม่กล้าโทรออก จะส่งข้อความไปหาก็มีปัญญาทำเพียงแค่พิมพ์ๆ ลบๆ ก่อนจะตัดสินใจล้มเลิกความพยายามเหล่านั้นครั้งแล้วครั้งเล่า วันเวลามันผ่านไปเนิ่นนานจนเขาแทบนึกไม่ออกแล้วว่าจะต้องเข้าหน้าเพื่อนยังไง ที่จะไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดใจกันทั้งสองฝ่าย สุดท้ายก็เลยได้แต่ปล่อยให้ความสัมพันธ์มันแหว่งค้างอยู่แบบนั้นมาตลอด
ทั้งที่คิดว่าป๊อบน่าจะเป็นคนแรกที่เขาสามารถเคลียร์ใจแก้ไขความบาดหมางนี้ได้ ทว่าสุดท้ายแล้วแค่โทรศัพท์คุยกันจริงๆ จังๆ สักครั้งเขาก็ยังไม่มีโอกาสได้ทำเลย กลับกลายเป็นว่าตัวเขาเองได้คุยกับเอ๋ยและไอซ์ก่อนหน้าเจ้าเพื่อนรักเสียอีก แม้ว่าบทสนทนากับหญิงสาวทั้งสองคนนั้นจะไม่ได้เป็นไปในแง่บวกมากนักก็ตาม... จนกระทั่งมาถึงวันนี้... วันที่เชอร์รี่เป็นฝ่ายแง้มประตูและหยิบยื่นโอกาสนั้นมาให้ถึงมือ จึงเป็นโอกาสอันดีที่สุดแล้ว ที่ชายหนุ่มจะได้เปิดอกเคลียร์ใจกับอดีตเพื่อนรักอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเสียที
โมยืนรอที่ล็อบบี้ไม่นานคู่นัดหมายของเขาก็เผยตัวออกมาให้เห็น พอสายตาทั้งคู่สบเข้าหากัน รอยยิ้มก็พลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทั้งสองฝ่าย 3 ปีที่ห่างหายไป ไม่ใช่แค่เพียงป๊อบเท่านั้นที่เขาไม่ได้เจอหน้าพูดคุย แต่ยังรวมถึงเชอร์รี่ สาวรุ่นพี่คนสวยผู้กำลังปลูกดอกรักดูใจกับป๊อบอยู่ แม้เธอและเขาจะสนิทสนมกับโมค่อนข้างมาก แต่ด้วยสถานะของการเป็นแฟนสาวผู้ซื่อสัตย์ ทำให้เชอร์รี่จำต้องเลือกยืนหยัดอยู่เคียงข้างแฟนหนุ่มของเธอ ด้วยการเว้นระยะห่างออกมาจากโมเช่นเดียวกัน
“คิดถึงจัง เป็นไงบ้าง? สบายดีนะ” เชอร์รี่ยิ้มร่าและเดินตรงปรี่เข้ามากอดโมด้วยอารมณ์คิดถึง โดยไม่นึกกระดากเขินใดๆ ต่อสายตาของผู้คนรอบข้าง ซึ่งกำลังแอบจับจ้องมองดูพวกเขาด้วยความสอดรู้สอดเห็นอันล้นปรี่
“คิดถึงเหมือนกัน พี่เชอร์รี่สบายดีนะครับ?” โมกอดเธอตอบแบบหลวมๆ ด้วยความเกรงใจ เขายังไม่คุ้นชินกับการแสดงความรักแบบโจ่งแจ้งในที่สาธารณะสักเท่าไร
“สบายดี เป็นไง? พ่อหนุ่มชาวเกาะ ดูซิ ไปอาบแดดมาซะตัวดำขึ้นเยอะเลยนะ” เชอร์รี่แซวด้วยรอยยิ้มซุกซนบนใบหน้า
“นี่ขาวขึ้นเยอะแล้วเนี่ย ถ้าพี่เจอผมตอนกลับมาใหม่ๆ เผลอๆ พี่จะตะลึงจนจำไม่ได้ ตอนนั้นดำกว่านี้เยอะ” โมหัวเราะร่วน
“กลับมาก็ดีแล้ว คนอื่นเค้าคิดถึงแย่” เชอร์รี่ยิ้มเย้า
“โอ๊ย! ไม่มีหรอก ใครที่ไหนกัน มีแต่เค้าจะสาปส่งสิไม่ว่า... แล้วนี่พี่รี่เฝ้าอยู่กะใครบ้างครับ?” โมแค่นหัวเราะเล่นมุกว่าตัวเอง ก่อนจะเอ่ยถามเข้าประเด็นหลัก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาและเธอได้กลับมาเจอหน้ากันในวันนี้
“หลักๆ ก็เป็นพี่นี่แหละที่นอนค้างอยู่ทุกวัน แล้วก็มีแม่กับพี่สาวเค้าที่สลับกันมาดู ตามแต่ใครจะว่าง จริงๆ พี่เฝ้าคนเดียวก็จบแล้วล่ะ แต่แม่เค้ากลัวพี่เหงา เลยคอยมาอยู่เป็นเพื่อน แต่วันนี้เค้าพึ่งกลับไปตอนบ่ายสองนี่เอง โมคลาดกันนิดเดียว” เชอร์รี่เล่า
“อืม ดีแล้วฮะ” โมพยักหน้ารับฟัง พร้อมกับแอบคิดเล่นๆ ว่าสถานการณ์ไหนมันจะดีกว่ากัน ระหว่างการมีแม่เพื่อนอยู่ภายในห้องด้วยกับแบบที่ไม่มี
“เออ... ว่าแต่โมโอเครึเปล่าที่จะไปเจอหน้าป๊อบวันนี้?” คู่สนทนาเอ่ยถามเหมือนอ่านความคิดเขาได้ จนชายหนุ่มเผลอทำหน้าฉงนออกมาโดยไม่รู้ตัว
“โอเคฮะ ทำไมจะไม่โอเคล่ะ?” เขาถามกลับแบบงงๆ
“ก็พี่พึ่งนึกได้ ว่าที่ไปเร่งรัดให้โมมาวันนี้ พี่คิดเองเออเองทั้งหมด ยังไม่ได้ถามความสมัครใจของโมเลย พี่กลัวว่าถ้าเกิดยังไม่อยากเจอหน้ากันจริงๆ แล้วต้องฝืนไปเจอ มันจะทำให้เรื่องมันยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิมรึเปล่า เลยอยากรู้ว่าโมโอเครึเปล่า” หญิงสาวกล่าว
“อื้อ ผมอ่ะไม่มีปัญหาหรอก กลัวแค่ไอ้ป๊อบมันจะไม่ยอมคุยด้วยน่ะสิ” โมตอบชัดถ้อยชัดคำ
“ไม่ลองก็ไม่รู้เนอะ งั้นโมไปซื้อสตาร์บัคส์เป็นเพื่อนพี่ก่อน แล้วเดี๋ยวเราค่อยขึ้นไปนั่งด้วยกัน” เชอร์รี่กล่าวชักชวน ลูกค้าในร้านมีจำนวนค่อนข้างมาก ทำให้พวกเขาจำเป็นต้องรอออเดอร์ที่สั่งอยู่อีกพักใหญ่ๆ ระหว่างที่นั่งรออยู่นั้น ทั้งคู่ก็ขุดคุ้ยความหลังขึ้นมาพูดคุยกันอย่างอารมณ์ดี
“แล้วนี่พี่เชอร์รี่ก็ยังอยู่ที่ขอนแก่นเหรอครับ? เห็นว่าพึ่งบินลงมาไม่กี่วัน” โมเอ่ยถามไถ่ความเป็นไปของคู่สนทนา
“ใช่ พี่ก็ยังทำงานอยู่ที่เดิมแหละ ก็ยังอยู่บ้านกับแม่ ก็ไปๆ กลับๆ กรุงเทพฯ สลับกันกับป๊อบเค้า ใครสะดวกก็บินมาหาอีกคน แต่ช่วงนี้ก็ยุ่งๆ กัน ป๊อบเค้าก็มีงานยุ่งตลอด วิ่งรอกไปโน่นมานี่ทุกวัน ไอ้ธุรกิจเก็งกำไรที่ดินที่เค้าทำกันมาตั้งแต่สมัยพ่อป๊อบโน่นน่ะ ส่วนพี่เองก็เริ่มมีลูกทีมละ ต้องทำยอดให้ถึงทุกเดือน ช่วงนี้ก็เครียดหน่อย” เชอร์รี่เล่าชีวิตประจำวันของตนเองและแฟนหนุ่มด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แม้ในถ้อยคำจะฟังดูเหนื่อยล้าแต่ทว่าน้ำเสียงกลับเป็นไปด้วยความสุขใจ
“หรือจะกลับเข้าวงการดี? เผื่อจะเหนื่อยน้อยลง” เขาเอ่ยปากแซวเธอ
“ไอ้บ้า! ไม่เอาเว่ย! เข็ดแล้ว วงการมายาน่ะ เหนื่อยจะตายชัก จำไม่ได้เหรอก่อนหน้านั้นต้องวุ่นวายกันแทบแย่ ใครจะเสี่ยงกลับเข้าไปอีก” สาวรุ่นพี่ส่ายหน้ายิกๆ พลางหัวเราะขัน
“ไม่คิดถึงตอนอยู่ในวงการบ้างเหรอ? พี่รี่ก็ยังสวยอยู่เลยนะ กลับไปตอนนี้ก็น่าจะยังไม่สาย” ชายหนุ่มถามเจาะใจ รู้สึกเสียดายแทนอยู่ลึกๆ เพราะรู้ดีว่าการได้ทำงานในวงการบันเทิงนั้นเป็นความใฝ่ฝันของเชอร์รี่มาตั้งแต่เด็กแล้ว
ยิ่งเมื่อพินิจจากรูปร่างหน้าตาของเธอในเวลานี้ ที่แม้จะใกล้วัยสามสิบแล้ว แต่ก็ยังดูสวยสะพรั่งโดดเด่นกว่าหญิงสาวอีกหลายๆ คน ทั้งใบหน้ารูปไข่ที่สวยได้รูป จมูกโด่งเป็นสัน ผมดำขลับยาวประบ่า ลำคอเรียวระหง กับหุ่นที่เพรียวบางและดูสูงโปร่งนั้นขับให้ชุดเดรสโปโลคอปกสีเหลืองมัสตาร์ดที่เธอสวมใส่นั้นดูสวยโดดเด่นเตะตา ก็ความสวยเช่นนี้มิใช่หรือ ที่ทำให้หญิงสาวต้องปวดหัวจากการถูกชายหื่นมากมายคอยตอแยป้วนเปี้ยนจนชีวิตวุ่นวายมิรู้จบ
“แรกๆ ก็คิดถึงนะ แต่พอผ่านไปนานเข้ามันก็จางไปเองน่ะ เอาเวลามาใส่ใจกับงานที่ทำทุกวันนี้มากกว่า แค่โฟกัสกับตัวเอง กับงานที่ทำ ทุกอย่างก็เวิร์กแล้ว ไม่ต้องพึ่งพาปัจจัยจากคนอื่น สมัยก่อนนะ ดิ้นรนแทบตาย ต้องไปเจ๊าะแจ๊ะคนโน้นคนนี้กว่าจะได้โอกาส สุดท้ายเป็นได้แค่นางร้ายขายกรี๊ด ยิ่งเดี๋ยวนี้มีดารารุ่นใหม่ขึ้นมาเต็มไปหมด พวกเด็กนาดาวงี้ ขึ้นมากันทีเดียวเป็นแผง พอถึงเวลามันก็รู้ตัวอ่ะ ว่ายุคของเรามันผ่านไปแล้ว กลับเข้าไปตอนนี้ก็คงไม่แคล้วเป็นแค่ดาราตกกระป๋อง... สู้รับบทเป็นแฟนป๊อบแบบนี้ก็ไม่ได้ ไม่ต้องมีแฟนคลับเยอะๆ เหมือนคนอื่นเค้า แต่ขอคนเดียวที่รักเราจริงก็พอ” เชอร์รี่เอ่ยด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ แววตาบ่งบอกถึงความเสียดายอยู่ลึกๆ ทว่าเป็นความเสียดายที่เธอเองก็ทำใจได้นานแล้ว
“เอาจริงๆ มันก็ตลกดีนะ ที่พี่รี่กับไอ้ป๊อบดันมาลงเอยคบกันเองแบบนี้” โมเกริ่น หลังจากฟังเธอพูดแล้วก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“ทำไมอ่ะ? ตลกยังไง?” เชอร์รี่ถามด้วยความกระตือรือร้น
“ก็ผมรู้จักกับพี่ เพราะมันเป็นคนแนะนำตอนที่พี่ทำ ‘จ๊อบพิเศษ’ สมัยก่อนไง จำได้เปล่า?” ชายหนุ่มเขี่ยประเด็นพร้อมกับจ้องหน้าเธอเพื่อรอดูอาการ หญิงสาวได้ฟังดังนั้นก็หลุดขำก๊ากออกมาอย่างลืมตัว ก่อนจะต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากเพราะเกรงใจลูกค้าโต๊ะอื่น
“เออ จริงด้วยเนอะ พอนึกแบบนี้แล้ว เรื่องของเราแม่งก็ตลกดีเนอะ เหมือนป๊อบเป็นคนพาแฟนตัวเองในอนาคตมาให้เพื่อนมีอะไรด้วยเลย” คู่สนทนาเอ่ยหน้าทะลึ่งทะเล้น
“แหม พี่ก็พูดซะตรงไป๊” โมส่ายหัวยิ้มๆ ไม่รู้ว่าถ้ามันรู้ล่วงหน้าว่าตัวเองจะได้เป็นแฟนกับพี่รี่ จะยอมแนะนำให้ผมรู้จักเปล่า”
“ไม่มีทางหรอก ตานั่นขี้หึงอย่างกะอะไรดี เดือนก่อนนะ พี่ต้องออกไปกินเลี้ยงขอบคุณลูกค้าฟลีทกับทีมเซลส์ พอป๊อบรู้ว่ามีลูกค้าหน้าหม้อคนนึงที่มันชอบมาเจ๊าะแจ๊ะกับพี่ไปกินด้วยวันนั้น อีตานั่นมันยังวิดีโอคอลมาหาพี่แทบจะทุกๆ ยี่สิบนาทีเลย ขนาดนั่นแค่ลูกค้านะเนี่ย” เชอร์รี่เล่าอย่างอารมณ์ดี
“ก็แหม แฟนใครใครก็หวง สวยซะขนาดนี้” เขากล่าวชมเธอ
“ปากหวาน อยากได้อะไรจ๊ะ? จะให้เลี้ยงกาแฟรึไง?” เชอร์รี่เอื้อมมือมาตีปากเขาเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยว
“กาแฟอ่ะไม่เอาหรอก แต่พี่ต้องช่วยห้ามทัพให้ด้วย ถ้าเกิดไอ้ป๊อบมันนึกอยากจะเพ่นกบาลผมขึ้นมา” เขาหยอดมุกติดตลก เรียกเสียงหัวเราะร่วนจากสาวรุ่นพี่
“แต่จริงๆ แล้ว... ที่เราเจอกันครั้งแรกมันคือในห้องพยาบาลป่ะ? ที่โมแอบดูก้นพี่น่ะ” หญิงสาวนึกขึ้นได้กลางคัน
“โหย เรื่องมันผ่านมาตั้งนานแล้ว พี่ยังไปจำมันอยู่อีกเหรอ” ชายหนุ่มออกอาการเคอะเขินเมื่อโดนขุดวีรกรรมน่าอายในอดีตขึ้นมา
“ใครจะไปลืม มีรุ่นน้องทะลึ่งขนาดนี้” หญิงสาวหัวเราะร่วนชอบใจยิ่งกว่าเดิม
ครู่หนึ่งพนักงานก็เปล่งเสียงร้องเรียกเลขออเดอร์ของเชอร์รี่ พอได้รับเครื่องดื่มแล้วหญิงสาวก็ชักชวนให้เขาเดินตรงขึ้นลิฟท์ไปที่ห้องพักคนป่วยกับเธอ
เชอร์รี่เดินนำโมมายังห้องพักแบบ Deluxe Inter ที่ป๊อบแอดมิทรักษาตัวอยู่ แค่ค่าห้องคืนเดียวก็ปาเข้าไปเกือบหนึ่งหมื่นบาทแล้ว แต่สำหรับหญิงหม้ายผู้เป็นแม่ของคนป่วย และเป็นคนออกเงินค่ารักษาทั้งหมดนั้น เงินจำนวนเท่านี้ แลกกับการรักษาพยาบาลที่อุ่นใจแน่นอน รวมถึงความสะดวกสบายที่ลูกชายของตนจะได้รับแล้ว ถือว่าคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์อย่างยิ่ง
“พร้อมมั้ย?” เชอร์รี่หันมาถามโมอีกครั้ง ตอนที่พวกเขาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักแล้ว
“อือ เปิดเลย” โมพยักหน้าน้อยๆ พร้อมกับตอบออกไป ใจเขาเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ พร้อมกับคาดเดาไปต่างๆ นานาว่าอีกฝ่ายจะให้การต้อนรับขับสู้เขายังไงบ้าง เชอร์รี่ที่ได้ฟังคำยืนยันจากปากเขาแล้วก็พยักหน้ารับ ก่อนจะใช้มือหมุนลูกบิดและผลักบานประตูให้เปิดอ้าออก
“ตัวเอง มีคนมาเยี่ยม” เชอร์รี่ที่เดินนำหน้าเข้าไปในห้องกล่าวเสียงใส
“ใครอ่ะ?” เสียงอันคุ้นเคยของป๊อบดังลอดผ่านประตูออกมาถึงโมที่กำลังหยุดยืนรออยู่หน้าห้อง ชายหนุ่มจึงกลั้นใจ ค่อยๆ ย่างเท้าเดินตามเข้าไปสมทบข้างใน พลันที่เขาลองกวาดสายตามองไปที่กลางห้อง ก็เลยได้พบหน้าของอดีตเพื่อนรักในชุดคนไข้สีเขียวมิ้นท์สดใส ที่ยามนี้กำลังปั้นหน้าตื่นตะลึงทำตัวไม่ถูกอยู่บนเตียงพยาบาล เมื่อพบความจริงว่าผู้มาเยี่ยมเยือนนั้นคือใคร
“เฮ้ย! อะไร? มึงมานี่ทำไม?” ป๊อบที่ยังตั้งสติไม่ทัน หลุดปากเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองระคนตกใจ
“เอ้า! โมเค้าก็มาเยี่ยมไง นี่เป็นคนโทรไปชวนเค้ามาเอง ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็เพื่อนกัน” เชอร์รี่ที่คอยดูสถานการณ์อยู่ตลอด ชิงพูดขึ้นมาก่อนที่โมจะได้อ้าปากตอบ
“ก็เค้าไม่อยากเจอหน้ามัน รี่จะไปบอกมันทำไมเนี่ย?” ป๊อบหันไปพูดกับเชอร์รี่ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“โอ๊ย! ป่านนี้แล้วยังจะถือทิฐิอะไรกันนักหนา เลิกโกรธได้แล้ว” แฟนสาวเถียงกลับไปด้วยน้ำเสียงรำคาญใจไม่แพ้กัน
“ป๊อบ... กูขอโทษ... กูรู้ว่ามึงยังโกรธกูอยู่ แต่กูเป็นห่วงมึงจริงๆ นะเว่ย” โมที่ไม่อยากเห็นทั้งคู่ต้องทะเลาะกันเอง จึงตัดสินใจเอ่ยปากแทรกขึ้นกลางวงสนทนา กระชากความสนใจของคนป่วยให้หันเหความหงุดหงิดมาลงทางเขาแทน
“มึงไม่ต้องมาห่วงกูหรอก กูดูแลตัวเองได้” ป๊อบพูดตอกใส่หน้าแบบไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น
“โอ๊ย! ดูแลตัวเองได้กะผีน่ะสิ แค่ลุกไปฉี่ยังทำเองแทบไม่ได้เลย” เชอร์รี่พูดสวนโครมอย่างไม่เกรงใจ คำพูดของเธอทำให้โมแอบเพ่งสังเกตสภาพอาการของเพื่อนรักแบบถี่ถ้วนอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าใบหน้าของคนป่วยนั้นดูซูบเซียวและดูอ่อนเปลี้ยเพลียแรงกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด ที่แขนข้างขวามีสายน้ำเกลือเจาะติดผูกไว้กับเสาเหล็กที่ตั้งอยู่ข้างเตียง พอเห็นสภาพของป๊อบแล้วโมก็อดนึกสงสารและเป็นห่วงเพื่อนขึ้นมาไม่ได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามออกปากขับไล่ตั้งแต่ตอนที่เขาพึ่งย่างเท้าเข้ามาในห้องก็ตาม
“โห หนักเลยนี่หว่า ปกติไม่ค่อยเห็นมึงป่วยจนต้องเข้าโรงบาลแบบนี้มาก่อน” โมพยายามเปิดประเด็นชวนคุยให้บรรยากาศผ่อนคลายลง แต่ดูเหมือนว่าคู่สนทนาจะไม่ยินยอมคล้อยตามด้วย เพราะอีกฝ่ายเอาแต่นอนนิ่งเงียบและจ้องหน้าเขาตอบกลับมาโดยไม่พูดอะไรสักคำ จนเชอร์รี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ โมอดรนทนไม่ไหวต้องโพล่งแทรกขึ้น
“นี่ จะเอาแบบนี้จริงๆ เหรอ? ไม่คุยกับเพื่อนเนี่ยนะ? เค้าอุตส่าห์มาหาถึงนี่” เชอร์รี่บ่น
“ก็ไม่อยากคุยอ่ะ ให้ทำไง? อยู่ดีๆ รี่มาบังคับกันแบบนี้ ไม่ได้ขอให้พามันมาซักหน่อย” ป๊อบเถียงเสียงขุ่น
“ปั้ดโธ่เอ้ย! ทำไมหัวดื้อแบบนี้นะ” แฟนสาวกล่าวอย่างขัดใจ
“กูอยากกลับมาเป็นเพื่อนกับมึงอีกนะเว่ย จะบอกว่ามึงไม่คิดถึงวันเก่าๆ ที่เราเคยผ่านมาเลยเหรอวะ?” โมเอ่ยถามตรงๆ
“มึงพูดแบบนี้ ไม่คิดว่ามันง่ายไปหน่อยเหรอวะ? หลังจากทุกอย่างที่มึงทำไปน่ะ มึงเห็นมั้ยว่ามันส่งผลยังไงกับคนอื่นๆ บ้าง? ทั้งไอซ์ ทั้งเอ๋ย ทั้งไอ้ป๋อม เพื่อนแม่งแตกหักกันไปหมดแล้ว ของบางอย่างอ่ะ พังไปแล้ว มันกู้คืนกลับมาไม่ได้นะเว่ย มึงกลับไปเหอะ กูไม่อยากเห็นหน้ามึง” ป๊อบสวนโครมอย่างมีอารมณ์ แววตาขณะพูดนั้นยังคงเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ ไม่ต่างอะไรจากวันสุดท้ายที่ทั้งคู่ได้เจอหน้ากัน ก่อนที่ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนที่ยาวนานนั้นจะขาดสะบั้นลง
“ถึงป๊อบไม่อยากเจอ แต่เค้าอยากเจอโมนี่ เค้ายังมีเรื่องจะคุยกับโมอีกตั้งเยอะ โมไม่ต้องออกไปหรอก” เชอร์รี่ขัดคอ
“โอเค ถ้ามันไม่ออกไป เค้าไปเองก็ได้” ป๊อบพูดขู่ พร้อมกับทำท่าจะลุกยืนทั้งๆ ที่สายน้ำเกลือยังโยงติดข้อมืออยู่ อาการปวกเปียกป้อแป้ของชายหนุ่มทำให้เชอร์รี่ต้องรีบรุดเข้าไปห้ามปรามพร้อมกับร้องโวยวายเสียงหลง
“ป๊อบ! อย่าทำแบบนี้?” หญิงสาวเอ็ดแฟนหนุ่ม พร้อมกับออกแรงยื้อยุดไม่ให้เขาลุกขึ้นจากเตียง
“ไม่เป็นไรพี่รี่ มันยังไม่อยากคุยตอนนี้ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมกลับไปก่อนดีกว่า ไว้ค่อยมาใหม่วันหลัง ให้มันนอนพักสบายๆ เหอะ” โมที่เริ่มเห็นว่าสถานการณ์ชักวุ่นวายไปกันใหญ่ เลยตัดสินใจอาสาที่จะออกจากห้องไปเองแต่โดยดี
“แต่โมพึ่งมาเองนะ เชอร์รี่โอด
“ไม่เป็นไรๆ เห็นมันยังมีแรงด่าผมได้งี้ ก็สบายใจแล้ว” โมกล่าวและหันหลังเตรียมจะเดินออกจากห้อง
“งั้นเดี๋ยวพี่เดินไปส่ง!” สาวรุ่นพี่ร้องตามหลังมา
“รี่จะไปทำไม?” ป๊อบไม่วาย เอ่ยถามแฟนสาวขึ้นมาอย่างขัดใจ
“นี่! พอทีน่า อย่าทำตัวงอแงมากได้มั้ย โมเค้าก็ยอมกลับไปแล้วไง รออยู่นี่แหละ เดี๋ยวเค้ามา” เชอร์รี่หันไปเอ็ดใส่ป๊อบ ฝ่ายคนป่วยที่โดนดุเลยไม่กล้าจะบ่นอะไรอีก ได้แต่นอนจ้องมองแฟนสาวเดินตามหลังอดีตเพื่อนรักออกจากห้องไปด้วยสีหน้าขุ่นเคืองใจ
“พี่ส่งผมแค่นี้พอ ผมกลับถูกแล้ว ไปดูแลมันต่อเหอะ แม่งงอนใหญ่แล้วนั่น” โมหันมาบอกเชอร์รี่เมื่อทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าลิฟท์เหล็กสีเงินมันวาว จุดเดียวกับตอนที่พวกเขาเดินทางขึ้นมา
“โทษทีนะ พี่ก็ไม่ได้คิดว่าเค้าจะดื้อขนาดนี้ พูดอะไรไปก็ไม่ฟังเลย” เชอร์รี่ขอโทษเขาเสียงอ่อย รู้สึกผิดเพราะดันเป็นคนออกปากชวนเขามาถึงนี่เองตั้งแต่แรก
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวไว้ผมค่อยแวะมาใหม่ ว่าแต่... ไหนบอกว่าพี่คุมมันได้ไง ที่เห็นนี้เหมือนจะตรงข้ามเลยนะ” เขาแซวเธอยิ้มๆ
“แหม... ทำไงได้ล่ะ ก็ป๊อบเค้าน่ารักจะตาย พี่ก็อดใจอ่อนกับเค้าไม่ได้ทุกที” หญิงสาวหัวเราะเขิน ก่อนที่พวกเขาจะร่ำลากัน
พอหญิงสาวเดินกลับเข้ามาในห้องพัก ก็เจอเข้ากับสีหน้าบึ้งตึงที่บ่งบอกชัดเจนว่าไม่พอใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ส่งมาจากแฟนหนุ่ม
“อาราย? ทำหน้างั้นทำไม? งอนเค้าเหรอ?” เชอร์รี่ทำเสียงถามแหย่พร้อมกับยักคิ้วให้ป๊อบแบบกวนๆ
“ฮึ!” ป๊อบเพียงพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ผ่านจมูก ไม่ยอมปริปากพูดด้วย แถมยังจงใจเบือนสายตาหันหนีแฟนสาวเสียอีก
“โอ๋ๆ ยังไม่หายงอนอีก ทำไมอ่ะ? ก็เพื่อนเค้าเป็นห่วง แค่มาเยี่ยม ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ดีกันซักทีเถอะน่า เรื่องมันตั้งนานแล้วนะ น้าๆๆๆ” หญิงสาวเดินตรงมาเกาะแขนงอนง้อแฟนหนุ่มที่ข้างเตียงเสียงหวานจ๋อย
“ไม่อ่ะ มันไม่ใช่เพื่อนเค้าซักหน่อย ถ้ามันคิดว่าตัวเองเป็นเพื่อนเค้าจริง มันคงไม่ไปทำเรื่องชั่วๆ แบบนั้นใส่เอ๋ยหรอก” ชายหนุ่มตอบกลับมาอย่างดื้อดึง จนหญิงสาวชักจะเริ่มนึกรำคาญใจในความหัวแข็งของเขา
“เธอจะไปหวงอะไรกับเอ๋ยเค้านักหนา? ทีกะเค้าเธอไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลย ก่อนหน้านี้โมก็เคยมีอะไรกับเค้าตั้งหลายรอบ เธอยังเป็นคนแนะนำให้เค้ากับโมรู้จักกันเองด้วยซ้ำ จำไม่ได้เหรอ? ทีงี้ไม่คิดจะหึงมั่งอ่ะ? แฟนตัวเองแท้ๆ” เชอร์รี่ทำเสียงขุ่น
“โธ่... มันไม่เหมือนกัน อันนั้นมันเกิดขึ้นก่อนที่เค้ากับเธอจะคบกันอีก” ป๊อบเสียงอ่อนขึ้นมาทันตา เมื่อต้องตกเป็นฝ่ายตั้งรับพายุอารมณ์โดยไม่ทันตั้งตัว
“ไม่ใช่ว่าคิดอะไรกับเอ๋ยเหมือนกันหรอกเหรอ? ถึงได้หึงออกหน้าออกตาขนาดนั้น” หญิงสาวกล่าวพร้อมกับมองจ้องคาดคั้นคำตอบ
“เอ้ย ไหงมาลงทางนี้ล่ะ?” ชายหนุ่มโอด เถียงอะไรไม่ได้เต็มปาก เพราะลึกๆ แล้ว เขาก็เคยแอบมีความรู้สึกชอบพอพึงใจกับสาวรุ่นน้องคนดังกล่าวมาก่อนจริงๆ แม้ว่าในปัจจุบันนั้นตัวเขาจะมีแค่แฟนสาวคนเดียวอยู่เต็มหัวใจแล้วก็ตาม
“อย่าคิดว่าไม่รู้นะ” เชอร์รี่ชี้นิ้วขู่ สายตาคมกริบราวกับเหยี่ยวสาวที่กำลังจ้องมองเหยื่อผู้นอนป่วยอยู่ด้วยอาการเสียวสันหลังวาบ
“ไม่มีอะไรจริงๆ แค่ไม่ชอบที่ไอ้โมมันทำเหมือนแทงข้างหลังเกี๊ยงก็แค่นั้น มันไม่แฟร์ ทั้งกับเกี๊ยงแล้วก็ไอซ์ด้วย” ชายหนุ่มพยายามหาข้อแก้ต่างให้ตัวเองแบบที่จะไม่ทำให้คนฟังรู้สึกหงุดหงิดขัดเคืองใจ
“แล้วไม่คิดเหรอว่าถ้าเกี๊ยงยังมีชีวิตอยู่ เค้าจะเสียใจมั้ย ที่เห็นว่าเพื่อนรักสองคนต้องมาหักกันจนเข้าหน้าไม่ติดแบบนี้?” เชอร์รี่พูดสวนโครม กลายเป็นหมัดน็อกที่ทำเอาแฟนหนุ่มถึงกับหน้าชา ได้แต่ก้มหน้านิ่งเงียบ พูดอะไรไม่ออก
“คบกันมาตั้งนาน จะมาพังเพราะเรื่องผู้หญิงคนเดียวเหรอ? ลองคิดดูดีๆ นะ เพื่อนรักเพื่อนตาย ชีวิตนึงเราจะได้เจอซักกี่คนเชียว?” เธอยิงคำถามชวนคิด
“ไอ้เกี๊ยงก็คนนึงแล้วไง” คนป่วยตอบหน้าตาย
“ตายคนละความหมายย่ะ ตลกเหรอ? คนตายเอามาล้อเล่นได้ไง ทุเรศ นี่! นี่!” เชอร์รี่พูด พลางเอามือหยิกแขนป๊อบไม่ยั้ง
“โอ๊ยๆ พอแล้ว พอๆๆ เจ็บๆ นี่คนป่วยนะ!” ป๊อบแกล้งทำเสียงฮึดฮัดใส่แฟนตัวเองแบบเล่นใหญ่ พร้อมออกอาการดีดดิ้นหนีมือเธอ
“อ๋อเหรอ? งั้นถ้าทำแบบนี้เจ็บมั้ยล่ะ?” หญิงสาวเอ่ยถามเท่านั้น ก่อนจะเอื้อมมือคว้าหมับจับเข้าไปที่กลางเป้าของเขาดื้อๆ
“เฮ้ย! ทำไร!?” คนป่วยอุทานเสียงหลง พลางขยับตัวถอยหนีตามสัญชาตญาณ แต่ก็ไปไหนไม่ได้ไกล เพราะหลังติดเบาะเตียงแล้ว
“จะหายมั้ย? นี่ง้อแล้วนะ” แฟนสาวเอ่ยด้วยรอยยิ้มก๋ากั่น พร้อมกับคลึงนิ้วไปบนท่อนลำ จนมันเริ่มออกอาการเต้นกระตุกตุบๆ สู้กับแรงบีบของเธอ
“ทะลึ่ง! เล่นไรเนี่ย เดี๋ยวก็มีคนเข้ามาเห็นหรอก” ป๊อบเอ่ยอย่างระแวง พร้อมกับกวาดสายตามองไปที่ประตูห้อง ด้วยกลัวว่าจะมีพยาบาลหรือใครอื่นเปิดประตูเข้ามาเจอ
“ไม่มีหรอกน่า กลัวอะไร” เชอร์รี่ตอบ
“ไม่เอา พอแล้ว” ชายหนุ่มยังออกอาการขัดขืน พยายามยื้อยุดฉุดมือเธอให้ถอยห่างออกไปจากเป้าตัวเอง ความกลัวยังมีอิทธิพลเหนือกว่าความหื่นในใจเขายามนี้
“เออๆ ก็ได้” เชอร์รี่ทำเสียงบ่นเซ็งๆ ก่อนจะยอมปล่อยมือออกจากอาวุธของแฟนหนุ่ม แต่นั่นเป็นเพียงแค่การพักยกชั่วคราว เพราะหญิงสาวตัดสินใจเดินตรงดิ่งไปที่ประตูห้อง ก่อนจะกดลูกบิดล็อกประตูเอาไว้ แล้วเดินกลับมาที่เตียง พร้อมกับใช้มือดึงลากผ้าม่านบังสายตาออกมาปิดล้อมเตียงคนป่วยเอาไว้ครึ่งหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าคนภายนอกห้องจะไม่สามารถมองผ่านช่องกระจกที่ประตูเข้ามาเห็นสภาพด้านในห้องพักได้แน่ๆ
“พอใจมั้ย? คราวนี้ก็ไม่มีใครเห็นแน่ๆ” เชอร์รี่เอ่ยปากถามพร้อมกับจ้องตาแฟนหนุ่ม
“เอาจริงดิ?” ป๊อบยังอึ้งไม่หาย แต่ก็ไม่มีผลอะไร เพราะตอนนี้มือของเชอร์รี่ก็กลับมาป้วนเปี้ยนอยู่ที่เป้ากางเกงผ้าฝ้ายของเขาอีกครั้งหนึ่งแล้ว พอโดนเธอรุกใส่ย้ำๆ ซ้ำๆ ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถปิดซ่อนอาการตื่นตัวที่มันค่อยๆ ดันปูดออกมาจนโป่งพองผ่านเนื้อผ้ากางเกงสีเขียวมิ้นท์
เชอร์รี่อมยิ้มเมื่อเห็นสภาพร่างกายท่อนล่างของแฟนหนุ่มที่ดูจะซื่อสัตย์กว่าคำพูดของเขา เธอคลึงเคล้าอุ้งมือพร้อมกับงอนิ้วมือรูดไปตามรูปทรงที่ตั้งตระหง่านราวกับหอคอย สัมผัสถึงความหนาแน่นของกายเนื้อที่ขยายตัวบวมใหญ่และยืดยาวขึ้นจากการหล่อเลี้ยงของเส้นเลือด ทุกครั้งที่หญิงสาวออกแรงรูดถอกมันขึ้นลง เจ้าดุ้นเนื้อนั้นก็จะเกิดอาการเกร็งกระตุกตุบๆ ดิ้นสู้กับอุ้งมือของเธอเสมอ จะว่าไปก็นานพอดูนะที่เธอไม่ได้สัมผัสกับเจ้าสิ่งนี้ นับนิ้วดูแล้วก็เกือบๆ จะครบสามอาทิตย์ได้ ด้วยธุระการงานที่ทำให้คนทั้งสองต้องห่างเหินกันตามความจำเป็น
“ไม่ได้ทำตั้งนานแล้ว ไม่อยากได้เหรอ?” เชอร์รี่ถามยั่วเย้าด้วยน้ำเสียงยั่วยวน พลางกระตุกอุ้งมือขึ้นลงเบาๆ พร้อมกับใช้นิ้วหัวแม่มือกดบี้ลงไปที่ส่วนปลายหอกจนชายหนุ่มเจ้าของร่างเสียวเกร็งไปทั่วท้องน้อย
“ซี้ดส์... รี่... จะทำจริงเหรอ? นี่มันโรงบาลนะ” ป๊อบครางเสียงสั่น เริ่มรู้สึกเสียวสยิวและคล้อยตามไปกับการจู่โจมของเธอ
“ตื่นเต้นดีออก... ถือว่าได้ลองไง ตัวเองนอนเฉยๆ ก็พอ เดี๋ยวเค้าช่วย” แฟนสาวกล่าวและอมยิ้มโปรยเสน่ห์ใส่ พร้อมกับออกแรงกระชากเจ้าท่อนเนื้อที่แข็งโป๊กของเขาให้โผล่ออกมาจากกางเกงคนป่วย เพื่อสัมผัสมันได้อย่างถนัดมือยิ่งขึ้น
หญิงสาวใช้มือขวาเล่นสนุกอยู่กับอาวุธของแฟนหนุ่ม ส่วนมืออีกข้างที่ว่าง เธอก็ใช้มันจัดการกับเสื้อผ้าของตนเอง ปลดกระดุมคอเสื้อออกทั้งสามเม็ด แล้วดึงแง้มคอเสื้อเผยให้เห็นถึงลวดลายบนยกทรงลูกไม้สีดำที่เธอสวมใส่ห่อหุ้มทรวงเต้าขาวอวบอยู่ภายใน ก่อนจะใช้มือข้างเดิม ดึงถลกชายกระโปรงชุดเดรสที่สั้นอยู่แล้วร่นสูงขึ้น เผยแง้มง่ามสามเหลี่ยมบริเวณเป้ากางเกงชั้นในลายลูกไม้สีดำแบบเข้าชุดที่สุดแสนจะตัดกันกับผิวกายที่ขาวเนียนให้โผล่แลบออกมาจากขอบกระโปรงเดรส เพียงเท่านี้เจ้าแฟนหนุ่มที่กำลังป่วยงอมอยู่ก็ถึงกับทำตาโตลุกวาว กลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก รู้สึกคอแห้งกระหายน้ำขึ้นมาในทันทีทันใด
“หัวเยิ้มแล้วน้า” เชอร์รี่เอ่ยแซว พร้อมกับกระตุกอุ้งมือขึ้นลงด้วยลีลาที่ไม่ว่าชายหนุ่มคนไหนมาเจอก็ต้องสูดปากร้องซี้ด
“อู๊ย... ยยยย อือ... ก็รี่ทำแบบนี้... มันเสียวนี่” ป๊อบครางตอบ ตาก็คอยมองเหลือบไปยังทิศทางที่เป็นประตูห้องเป็นระยะๆ ด้วยความระแวง แม้จะมีผ้าม่านคลุมบดบังการกระทำของพวกเขาจากบุคคลภายนอกอยู่แล้วก็ตาม ความระแวงยิ่งกลายเป็นเชื้อเพลิงไปกระตุ้นให้ความตื่นเต้นในใจของชายหนุ่มยิ่งลุกโหมหนัก ท่อนเนื้อที่เคยนอนปวกเปียกตามสภาพป้อแป้ของเจ้าของร่าง บัดนี้มันจึงแข็งตึงและเกร็งกระตุกสู้กับอุ้งมือของอีกฝ่ายแบบเต็มที่
เชอร์รี่จ้องมองภาพหยาดน้ำเหนียวใสที่ไหลยืดย้อยออกมาจากปลายหัวของแฟนหนุ่มแล้วก็ให้รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาทั่วใบหน้า เธอใช้นิ้วชี้เขี่ยคลึงไปที่ปากรูจนหยาดน้ำใสๆ ไหลยืดย้อยติดออกมาเป็นสาย จากนั้นเธอก็ค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ก่อนจะแลบลิ้นเลียลงไปยังปลายหอกนั้นเพื่อซึมซับรสชาติเค็มคาวปะแล่มของมัน ร่างของเจ้าหนุ่มออกอาการเกร็งสะท้านเฮือก เมื่อหญิงสาวอ้าปากอมส่วนปลายของมันเข้าไป เธอบรรจงงัดลีลาออกมาเอาอกเอาใจแฟนหนุ่มอย่างสุดความสามารถ ห่อปากเม้มดูดลงไปที่ส่วนหัวหยัก พร้อมกับตวัดลิ้นฉกลงไปที่ใต้หัวเงี่ยง ทำเอาเจ้าหนุ่มถึงกับครางอู้ก้นกระดกไม่ติดเตียง
หลังเสิร์ฟออเดิร์ฟเสร็จก็ถึงเวลาของอาหารจานหลัก เชอร์รี่จึงค่อยๆ โก่งคอห่อริมฝีปากขย้อนกลืนท่อนลำของป๊อบเข้าไปอย่างช้าๆ ลำโคนแกร่งหนาครูดผ่านอุโมงค์ปากที่อุ่นชื้นของเธอลึกขึ้นๆ และไม่นานเมื่อเธอสามารถกลืนมันเข้าไปได้จนมิดด้าม หญิงสาวจึงพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ อย่างพึงพอใจ ไม่ต่างจากแฟนหนุ่ม เธอเองก็โหยหาถึงรสสัมผัสจากเนื้อกายเขาเช่นเดียวกัน รสชาติเค็มคาวปะแล่มและกลิ่นหืนที่คุ้นเคย ช่างแสนจะกระตุ้นอารมณ์กำหนัด ทำให้เธอต้องขยับถอนใบหน้าออกมาจากหว่างขาของชายหนุ่ม จนริมฝีปากเรียวบางเป็นกระจับสวยนั้นเกือบจะหลุดออกมาจากส่วนเงี่ยงของหัวเห็ดที่บานโร่เป็นสีแดงเข้ม ก่อนที่เธอจะห่อเม้มปากดูดลงไปแรงๆ พร้อมกับผงกหัวกลืนท่อนลำนั้นกลับเข้าไปในปากอีกรอบ ทีเดียวแบบสุดโคน จนแฟนหนุ่มถึงกับร้องซี้ด
พอเครื่องติดแล้วเชอร์รี่ก็เร่งสปีดการดูดกลืน เธอใช้มือขวาข้างที่ตนเองถนัด ประคองจับลงไปที่ด้ามโคนอวบ พร้อมกับออกแรงกระตุกรูดข้อมืออย่างคล่องแคล่ว ส่วนมือซ้ายอีกข้างก็คอยคลึงเคล้นเล่นที่พวงไข่ข้างใต้ สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของลำคอและใบหน้าที่ผงกหัวขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา เสียงดูดเนื้อดังจ๊วบจ๊าบ บ่งบอกถึงความเมามันที่หญิงสาวกำลังปรนเปรอให้แก่แฟนหนุ่ม สองมือของเขากำขยุ้มลงไปบนเส้นผมสีดำขลับที่กำลังปลิวสยายไปมา ยิ่งเขาครางดังเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งออกแรงห่อปากดูดหนักขึ้นเท่านั้น
“อู๊ย... รี่จ๋า... แรงๆ เลย เค้าจะแตกอยู่แล้ว ซี้ดส์... อูย... ยยยย แบบนั้นแหละ ดูดหนักๆ เลย อุ๊! ซี้ดส์!!!” ป๊อบละล่ำละลักร้องบอก ทว่าจังหวะที่เขากำลังเสียวซ่านจนจวนเจียนจะถึงฝั่งอยู่รอมร่อนั้น แฟนสาวที่ก้มหน้าก้มตาดูดอาวุธให้เขาอยู่กลับหยุดชะงักการเคลื่อนไหวลงไปแบบกะทันหันเสียอย่างนั้น
“เอ้า!? ทำไมอ่ะ? หยุดทำไม?” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเสียดาย สงสัย และเจือด้วยความหงุดหงิด เมื่อถูกเบรกอารมณ์เอาในตอนที่เขากำลังมีความสุขมากที่สุด
“บอกมาก่อนว่าจะเลิกโกรธโม” เชอร์รี่เอ่ยถามจ้องตาแป๋ว โดยที่มือก็ยังคงกำอาวุธของแฟนหนุ่มค้างอยู่ไม่ห่างจากใบหน้าตัวเองเท่าไรนัก ชายหนุ่มเจอไม้นี้เข้าก็ถึงกับปั้นหน้าไม่ถูก เสียวก็เสียว เคืองก็เคือง ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกหรือตอบสนองยังไงก่อนดี
“โธ่ รี่ มาถามอะไรเอาตอนนี้ ค่อยคุยกันน่า ทำต่อให้เสร็จก่อน” เขาอ้อนขอ
“ไม่ได้ ตอบมาก่อน จะยกโทษให้โมได้รึยัง เค้าไม่อยากต้องมานั่งอึดอัดเป็นตัวกลางระหว่างเธอสองคนแบบนี้อีกแล้ว บอกมาสิ ว่าจะเลิกงอนเพื่อน” แฟนสาวย้ำคำเดิมพร้อมกับออกแรงบีบลงไปที่ลำโคนเบาๆ คล้ายต้องการจะเค้นคำตอบ ทว่ากลับทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเสียวจี๊ดขึ้นมาจนหลุดปากร้องครางอู้ พอเธอเห็นอาการของเขาจึงรีบผ่อนน้ำหนักมือลงเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเสร็จเสียก่อน
“ปั้ดโธ่เอ๊ย รี่อ่ะ ทำไมทำแบบนี้นะ” ป๊อบบ่นอุบอิบอย่างเสียอารมณ์
“แค่พูดมาคำเดียว ไม่เห็นยากเลย ไม่อยากเสร็จเหรอ อีกนิดเดียวเองนะ” เชอร์รี่ถามยั่ว พร้อมกับทำท่าแลบลิ้นจะเลียลงไปที่ปลายหัวเห็ดบานโร่ ทว่าพอปลายลิ้นใกล้จะแตะโดนมันเธอก็เอียงใบหน้าหลบ แล้วส่งยิ้มยั่วยวนแฟนหนุ่มอย่างร้ายกาจ
“เออๆ เอาก็เอา” ชายหนุ่มที่กำลังงุ่นง่านสุดขีด สุดท้ายก็ทนหื่นไม่ไหว และยอมพยักหน้าตอบตกลงออกไปอย่างจำยอม
“เอาอะไร? พูดให้ชัดๆ” หญิงสาวไม่ยอมประมาท และเอ่ยถามอย่างเจาะจงมากขึ้น เพื่อบีบให้คู่สนทนาต้องพูดออกมาชัดๆ
“เออ เลิกโกรธไอ้โมก็ได้” ป๊อบกล่าวอย่างจำนน จำนนต่อทั้งลีลาปลุกเร้าของแฟนสาว และอานุภาพของความหื่นที่ท่วมท้นจนแทบจะทะลักออกมาจากภายในกายของตนเอง
“เป็นคำตอบที่ถูกต้องแล้วคร้าบ” เชอร์รี่เอ่ยเย้าแหย่ด้วยรอยยิ้มดีใจเหมือนเด็กๆ ก่อนที่เธอจะอ้าปากครอบอมลงไปที่ส่วนหัวของท่อนเนื้อ แล้วโก่งคอดูดกลืนมันเข้าออกเป็นจังหวะต่อเนื่องอีกครั้ง พร้อมกับใช้มือขวาข้างถนัดคอยออกแรงกระตุกบีบรูดที่ลำโคนตรงกลางเพื่อช่วยเสริมแรง
โดนไปแบบนี้ เจ้าหนุ่มที่กำลังเสียวซ่านค้างเติ่งอยู่หน้าเส้นชัย ก็ได้แต่แอ่นแหงนหน้าหลับตาปี๋ ส่งเสียงครางสูดปากซี้ดๆ ออกมาอย่างเสียวสะท้านใจ ก่อนจะตัวเกร็งกระตุกเฮือกๆ สองมือกุมยึดศีรษะของแฟนสาวที่กำลังโก้งโค้งผงกหัวอยู่กลางหว่างขาของเขาไว้แน่น พร้อมกับเด้งก้นระเบิดน้ำเชื้อเหนียวขุ่นที่มีรสขมฝาดพุ่งปรี๊ดๆ เข้าไปเต็มโพรงปากและลำคอของอดีตดาราสาวสวย กระสุนแต่ละชุดนั้นทั้งเหนียวหนา และมีปริมาณที่มากมายมหาศาล เพราะชายหนุ่มเองก็ไม่ได้ปลดปล่อยความอยากมานานพอสมควร ทำเอาสาวสวยที่กำลังดูดกลืนมันอยู่ถึงกับปั้นหน้าเหยเกยู่ยี่ แม้จะพยายามห่อปากกลืนมันลงคอไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วก็ตาม กระทั่งพอกระสุนชุดสุดท้ายถูกลั่นไกออกไป ชายหนุ่มจึงค่อยทิ้งตัวลงนอนหงายราบคาบลงไปกับเตียง พร้อมกับถอนหายใจดังเฮ้อ
“หายงอนได้ยัง?” เชอร์รี่เอ่ยถามแฟนหนุ่ม จ้องตาเขาด้วยแววตาหยอกเย้าโปรยเสน่ห์ พร้อมกับใช้หลังมือกวาดเช็ดคราบเปื้อนบริเวณมุมปากของตัวเอง
“หายก็ได้” ป๊อบเอ่ยก่อนจะเสหลบตาแฟนด้วยอาการขัดเขิน
“น่ารักที่สุด คนดีของเค้า” เชอร์รี่ใช้นิ้วหยิกแก้มแฟนหนุ่มอย่างร่าเริง ทำท่าว่าจะโน้มใบหน้าเข้าไปหอมแก้มเขาอีกที ทว่าคนไข้กลับยกมอขึ้นยันห้ามไว้อย่างเร่งรีบ
“ฮื้อ! ไม่เอา ไปบ้วนปากก่อน” ชายหนุ่มว่าด้วยสีหน้าแหยๆ
“วุ้ย! ทำเป็นรังเกียจ ที่อยู่ในปากนี่ก็ลูกๆ เธอทั้งนั้น ตาบ้า!” แฟนสาวโวยกลับ
“เหอะน่า ไปบ้วนปากก่อน ขอร้อง” คนป่วยยืนกรานไม่ยอมท่าเดียว
“วุ้ย ผู้ชายมันก็เป็นซะแบบนี้ เอาแต่ใจจนเคยตัว น่าเบื่อชะมัด” สาวสวยเอ่ยเคืองๆ แต่ก็ยอมลุกเดินไปบ้วนปากตามที่เขาว่าอยู่ดี
=======================================
การไปเยี่ยมไข้เพื่อนในวันแรก จบลงด้วยความล้มเหลวไม่เป็นท่าตั้งแต่แค่พบหน้า แต่นั่นกลับไม่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกท้อหรือเข็ดขยาด ตรงกันข้าม การได้ฟังเสียงบ่นของป๊อบ ยิ่งกระตุ้นให้โมรู้สึกเกิดความฮึกเหิม ที่จะตามง้อขอคืนดีกับเพื่อนรักคนนี้ให้ได้ การได้เจอหน้ากันจริงๆ ยังน่ากลัวน้อยกว่าภาพในจินตนาการที่เขาเคยวาดเอาไว้เสียอีก ในเมื่อไปเยี่ยมคนเดียวแล้วไม่รอด ชายหนุ่มจึงลองวิธีใหม่ เขาตัดสินใจโทรไปเล่าอาการป่วยของป๊อบให้ป๋อมและเจ็ทได้ฟัง ก่อนจะตบท้ายด้วยการชักชวนคู่รักทั้งสองไปเยี่ยมไข้เป็นเพื่อนเขา ในช่วงเย็นของวันถัดมา
“มากันทำเหี้ยไรเยอะแยะเนี่ย? เอ้อ... พี่เจ็ท หวัดดีครับ” ป๊อบสบถ เมื่อเห็นคณะผู้เยี่ยมไข้ที่โผล่หน้าเข้ามาในห้องทีละคน ก่อนจะเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นสุภาพนอบน้อมเมื่อเห็นหน้าเจ็ทที่เดินตามเข้ามาเป็นคนสุดท้าย
“เป็นไงมั่ง อาการดีขึ้นยัง?” เจ็ทที่รับหน้าที่เป็นทัพหน้ากล่าวทักทาย พร้อมกับเดินไปจับไหล่คนป่วย ด้วยความที่เป็นรุ่นพี่และอาวุโสกว่า เขาจึงถูกโมไหว้วานให้เป็นคนคอยคุมสถานการณ์และคุมอารมณ์เพื่อนรักไปในที เพราะรู้ดีว่าป๊อบเองค่อนข้างจะให้ความเคารพญาติผู้พี่คนนี้ของตนเองอยู่พอสมควร
“ก็ดีขึ้นครับ ดีกว่าวันแรกๆ ที่ป่วย” ป๊อบตอบเรียบๆ ตามมารยาท แต่สายตายังคงมองกวาดไปที่ผู้เยี่ยมชมอีกสองคนที่เหลือไม่วางตา
“ไหนเค้าว่าคนบ้าแม่งป่วยไม่เป็นไง” ป๋อมเอ่ยทักทายคนป่วยด้วยรอยยิ้มยียวนตาหยี
“อื้อหือ! ไอ้นี่! ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจลูกในท้องมึงนะ กูด่าไปแล้ว ไอ้แว่น!” ป๊อบหันมาต่อล้อต่อเถียงเพื่อนสาวอย่างทันกัน
“รู้ตัวก็ดี หัดให้เกียรติคนท้องซะมั่ง” สาวแว่นพูดกลั้วหัวเราะ
“ป๋อมเป็นไงบ้าง? กี่เดือนแล้วเนี่ย? ผู้หญิงหรือผู้ชาย รู้ยัง?” เชอร์รี่รีบเดินปรี่เข้ามาหา พร้อมกับเอื้อมมือไปแตะลูบที่หน้าท้องของสาวรุ่นน้องซึ่งนูนโค้งขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดด้วยความทะนุถนอม
“สี่เดือนแล้วค่ะพี่รี่ เริ่มรู้สึกอึดอัดนิดๆ ละเวลาขยับตัวไวๆ แล้วก็เหมือนจะเริ่มเหนื่อยง่ายขึ้นนิดนึง ช่วงนี้ก็เลยเน้นนอนอย่างเดียว พวกงานหนักๆ ก็โยนให้พี่เจ็ททำไปหมดเลย” ป๋อมหันมาตอบเชอร์รี่อย่างนอบน้อมและร่าเริง ผิดกับน้ำเสียงยียวนกวนประสาทที่เธอใช้กับป๊อบแบบคนละเรื่อง
“เหรอ? ไม่ใช่แค่ช่วงนี้ล่ะมั้ง…” เจ็ทเอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างสื่อความนัย
“หยุดพูด!” ป๋อมหันไปเอ็ดใส่สามีทันควัน เรียกเสียงหัวเราะจากทั้งป๊อบและเชอร์รี่ ทำเอาคนป่วยถึงกับไอสำลักขึ้นมา
“เอ้าๆ ไม่ต้องขำขนาดนั้นก็ได้พ่อ เดี๋ยวก็เดี้ยงหนักหรอกเราน่ะ” เชอร์รี่บ่นแฟนตัวเองบ้าง
ดูเหมือนว่าการตัดสินใจของเขาที่ชักชวนป๋อมมาด้วย จะกลายเป็นเรื่องถูก เพราะอย่างน้อยๆ การต่อล้อต่อเถียงระหว่างสาวแว่นและคนเจ้าของห้อง ก็พอจะช่วยสร้างบรรยากาศให้ห้องพักคนป่วยในวันนี้เกิดความผ่อนคลายขึ้นมาได้บ้าง ระหว่างที่คนอื่นๆ พูดคุยหยอกล้อกัน โมก็ตัดสินใจปลีกตัวเดินออกมานั่งหลบมุมอยู่ที่โซฟารับแขก เพื่อหลบห่างจากรัศมีของวงสนทนา เขาไม่ต้องการให้ตนเองกลายเป็นจุดรบกวนจิตใจของคนป่วยในเวลานี้ จึงปล่อยให้เพื่อนๆ คุยเล่นกันไปก่อนแบบเต็มที่ ภาพการหยอกล้อกันระหว่างเพื่อนๆ ตรงหน้าทำให้เขาอดนึกย้อนไปถึงวันวานอันหอมหวานในอดีตขึ้นมาไม่ได้
ครั้งสุดท้ายที่มีโอกาสได้รวมตัวกันแบบนี้ ก็คงไม่พ้นทริปไปเที่ยวจันทบุรีด้วยกันนั่นแหละนะ ทริปที่เป็นเหมือนจุดแตกหักระหว่างเขากับกลุ่มเพื่อน สมาชิกที่อยู่ในห้องวันนี้กับในทริปนั้นก็แทบจะซ้ำรอยเดิม ขาดไปแค่หญิงสาวเพียงสองคน ซึ่งก็ดันเป็นสองตัวละครสำคัญที่ส่งผลให้กลุ่มของพวกเขาแตกกระจายกันไปคนละทิศคนละทางเสียด้วย ยิ่งนึกก็ยิ่งให้รู้สึกหม่นหมองและหดหู่ จนทำให้ชายหนุ่มได้แต่นั่งก้มหน้าคอตกไม่กล้าสบตากับใคร
“เฮ้ย... ไปซื้อน้ำเป็นเพื่อนกูหน่อย” เสียงใครบางคนเอ่ยเรียกสติ พอโมเงยหน้าขึ้นมาจึงพบว่าเป็นเจ็ท ญาติผู้พี่ของเขาที่มายืนจ้องหน้าอยู่ใกล้ๆ นี่เอง
“ฮะ... อ๋อ… เออ เอาดิ” โมตกปากรับคำไปอย่างง่ายๆ บางทีการได้หลบเลี่ยงออกจากพื้นที่ดังกล่าวก็น่าจะทำให้ความอึดอัดจากภาพในอดีตที่ตามมาหลอกหลอนนั้นเบาบางจางหายลงไปได้ชั่วคราว พอทั้งสองยืนอยู่ด้วยกันเพียงลำพังในลิฟท์ เจ็ทจึงเริ่มเปิดปากชวนเขาคุยขึ้นมา
“เป็นไง ชวนพวกกูมา แต่ไม่เห็นมึงปริปากพูดอะไรซักคำ เป็นใบ้ขึ้นมากะทันหันเหรอวะ?” เจ็ทเอ่ยแซวตามประสาคนกันเอง
“ไอ้เวร ขืนกูเสนอหน้าเข้าไปแทรกด้วย มีหวังได้วงแตกกันพอดี เมื่อวานแค่เจอหน้ากันแม่งก็ออกปากไล่กูเหมือนหมูเหมือนหมาแล้วเว่ย” โมรีบฟ้อง
“ก็ไม่แปลกนี่หว่า คนเค้ายังโกรธอยู่ มึงเสือกโผล่มาหาโดยไม่บอกก่อน เป็นกูคงมีด่าให้หนักกว่านั้นอีก” ญาติผู้พี่ยักไหล่ เป็นจังหวะเดียวกับที่ลิฟท์เปิดออกพอดี ชายหนุ่มจึงเดินนำหน้าออกไป
“ขอบคุณมาก มึงชวนกูมาเดินเพื่อซ้ำเติมกูเนี่ยนะ? ไอ้ชิบหาย” โมบ่นอุบขณะเดินตามคู่สนทนาออกจากลิฟท์ตรงไปยังร้านกาแฟ ร้านเดียวกับที่โมเคยแวะมากับเชอร์รี่วันก่อน
“น่า กูรู้นะว่ามึงกำลังอึดอัด เห็นนั่งทำหน้าเจื่อนอยู่คนเดียว นี่กูอุตส่าห์เสียสละเวลามาอยู่เป็นเพื่อนนะ ไม่ดีใจรึไง?” เจ็ทย้อน
“เออ... ดี... ดีมาก ขอบใจมึงจริงจริ๊ง แล้วมึงง่ะ เป็นไงวะคุณพ่อ? เตรียมตัวพร้อมเจอหน้าลูกยัง?” ชายหนุ่มเอ่ยถามญาติตัวเอง อีกฝ่ายได้ยินก็ส่ายหน้าทันทีแทนคำตอบ
“ไอ้ห่า พร้อมห่าไรล่ะ ยังจับต้นชนปลายกันไม่ถูกทั้งคู่เลย นี่วันก่อนก็พึ่งพาป๋อมไปโรงบาลมา” คู่สนทนาว่า
“เอ้า? เป็นไร?” โมรีบถามอย่างนึกเป็นห่วงตาม
“ออกแรงหนักมั้ง เห็นวันนั้นก้มๆ เงยๆ ตากผ้า แล้วอยู่ดีๆ ก็หน้ามืดขึ้นมา ตกอกตกใจกันชิบหาย กูต้องรีบบึ่งรถพาไปโรงบาลตอนสามทุ่มนู่น ดีนะไม่เป็นไรมาก นอนพักที่บ้านคืนเดียวก็หาย แต่หลังจากนั้นกูเลยไม่ให้ป๋อมทำงานบ้านอะไรเองเลย กลัวเป็นไรขึ้นมาอีก” เจ็ทเล่าย้อนความด้วยสีหน้าจริงจัง
“เออ มึงแม่งคนจริง แล้วไง? มึงก็เลยรับภาระที่บ้านไปทั้งหมดเลย?” ชายหนุ่มถามแซว
“มึงอย่าเรียกว่ารับภาระเลย ปกติก็กูนี่แหละเป็นคนทำ ป๋อมมันทำงานบ้านเป็นที่ไหนเล่า” ญาติผู้พี่เล่าแล้วก็หัวเราะขำกับตัวเอง
พวกเขาจะผลัดกันยืนเลือกเครื่องดื่มให้ตัวเอง เอสเพรสโซ่ปั่นหนึ่งแก้วสำหรับเจ็ท ม็อคค่าปั่นอีกหนึ่งแก้วสำหรับโม และมิกซ์เบอร์รี่ปั่นสำหรับฝากให้ป๋อมอีกหนึ่งแก้ว พอชำระเงินเสร็จทั้งคู่ก็เดินไปนั่งรอที่โต๊ะซึ่งว่างอยู่ใกล้ๆ
“นี่ถ้าป๋อมมาด้วยนะ มันโกรธตายเลย อยากกินจนลงแดง แต่กินไม่ได้ หมอสั่งห้ามเด็ดขาด” เจ็ทเอ่ยยิ้มๆ อย่างเห็นใจภรรยา
“เออ เข้าใจ คนมันกินมาตลอด พอต้องมาอดก็หงุดหงิดเป็นธรรมดา บางทีกูยังเคยแบบไม่ได้กินแล้วปวดหัวตึ้บไปทั้งวันเลย” โมรีบพยักหน้าคล้อยตาม
“เออ เป็นเหมือนป๋อมมันอ่ะ เหมือนเส้นเลือดมันบีบมั้ง ขาดคาเฟอีน แต่พอเว้นไปนานๆ มันก็ไม่ปวดหัวแล้วนะ มีแค่ความอยาก บางทียังดื้อมาขอแย่งกูดูด ดูดไปครึ่งปื้ดก็พอใจละ” คู่สนทนาเล่าอย่างออกรส
“ระวังนา” โมรีบปรามอย่างเป็นห่วง
“เออ ก็ระวังอยู่ตลอดแหละ นี่อาทิตย์ก่อนก็พึ่งไปซื้อประกันมาเนี่ย” เจ็ทได้ที พูดเกริ่นขึ้นเรื่องใหม่
“ประกันสุขภาพหรือประกันชีวิต?” โมถามกลับ
“ทั้งคู่เลย เพื่อนกูเป็นนายหน้า เลยทำๆ แม่งให้ครบ อุ่นใจดี” อีกฝ่ายตอบ พร้อมกับหันซ้ายหันขวามองตามเสียงขานเรียกออเดอร์จากพนักงานที่เคาน์เตอร์ น่าเสียดายที่ยังไม่ถึงคิวของพวกเขา ชายหนุ่มจึงหันกลับมาสนใจที่คู่สนทนาของตนเองต่อ
“ที่ไปนวดมาเป็นไงมั่ง?” โมเอ่ยถามถึงเรื่องที่เจ็ทเคยพาภรรยาสาวไปนวดปลุกอารมณ์มากับแนน เพื่อหวังจะเติมสีสันให้กับเรื่องบนเตียงที่ดูจืดจางลงไปในช่วงหลัง
“จะเป็นไงล่ะ ก็ดีสิวะ ไม่งั้นจะป่องแบบที่เห็นเหรอ?” เจ็ทหัวเราะตอบ ผลลัพธ์จากการไปนวดก็คือการได้พยานรักตัวน้อยๆ มาฟูมฟักอยู่ในท้องของป๋อมแบบในวันนี้นั่นเอง
“จะบอกว่า ไอ้แนนมันจะเลิกรับนวดแล้วนะ” ชายหนุ่มเกริ่น
“เอ้า! ทำไมวะ? มีไรอ่ะ?” เจ็ทถามอย่างเสียดาย แม้ว่าช่วงหลังๆ เขากับภรรยาจะไม่ได้มีเวลาไปนวดบ่อยเหมือนช่วงแรกก็ตาม
“แม่งมีแฟน ก็เลยจะเลิกรับงานนวดพิเศษให้ผู้ชาย แต่เหมือนถ้าเป็นนวดให้ผู้หญิงก็ยังมีรับๆ อยู่บ้างมั้ง” โมเล่าต่อ
“อ๋อ... ออออ เสียดายนะ นี่ถ้าเค้ายังรับนวดผู้ชายด้วย วันหลังอาจจะลองสลับให้มานวดกูบ้าง เผื่อจะเพลินกว่าเดิม” เจ็ททำหน้ากรุ้มกริ่มเจ้าเล่ห์ พร้อมกับนึกวาดภาพในหัวตัวเอง
“เมียมึงคงยอมหรอก” โมพูดตอกใส่หน้า ทำให้ภาพฝันในหัวของเจ็ทมลายหายไปในทันที มีแต่ภาพหน้าดุๆ ของป๋อมโผล่มาแทนที่
“แม่งเอ๊ย มึงเห็นแบบนั้นนะ แม่งขี้หึงอย่างกับอะไรดี บางทีกูแค่เผลอเปิดคลิปโป๊ในมือถือดูตอนว่างๆ พอป๋อมมันมาเห็น แม่งก็พาลงอนใส่กูเป็นวันก็มี” เจ็ทบ่นอุบ
“ตลกดีนะ มึงเป็นคนพากูเข้าวงการแท้ๆ ทุกวันนี้ดันกลายสภาพเป็นพ่อบ้านกลัวเมียแบบเต็มตัวไปละ” โมเอ่ยปากแซว
“วงการเหี้ยไรวะ?” เจ็ทถามเพราะนึกไม่ออกจริงๆ ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่
“วงการเพลย์บอยไงสัด จำไม่ได้เหรอ? ช่วงที่กูเลิกกับหยาใหม่ๆ แล้วเคว้งน่ะ ที่มึงพากูไปเล่นบอร์ดดอนฮวน” โมพารำลึกความหลัง พอได้ยินถึงตรงนี้ ญาติคนสนิทก็เลยทำหน้าอ๋อ และพยักเพยิดหน้ารับอย่างเข้าใจ
“เออๆ พอคุ้นๆ ขึ้นมาละ เชี่ย นานชิบหาย เป็นสิบปีแล้วมั้งน่ะ”
“ประมาณนั้นแหละมั้ง ยุคเด็กเห่อหมอย อยากเป็นเสือ ฮ่าๆๆ” โมพูดกลั้วหัวเราะ
“พูดแล้วก็คิดถึงว่ะ ถ้าจำไม่ผิด มีครั้งนึงที่มึงกับกูได้ผู้หญิงคนเดียวกันด้วยนี่ สอง-หนึ่งน่ะ” เจ็ทเล่าแล้วก็ทำตาเป็นประกาย ภาพในอดีตสมัยที่ยังคึกคะนองก็พลอยลอยขึ้นมาในหัว
“โคตรแตกต่างจากทุกวันนี้ มึงกำลังจะกลายเป็นพ่อบ้าน ส่วนกูก็โสดสนิท” โมพูดยิ้มๆ
“กูก็แปลกใจตัวเองเหมือนกัน ไม่คิดว่าชีวิตตัวเองจะหันเหมาเป็นเวย์นี้ได้ ยังไม่ถึงสามสิบเลย กำลังจะมีลูกซะละ” เจ็ทเอ่ยและยิ้มอย่างอิ่มเอมใจกับสถานะปัจจุบันที่ตนเองเป็นอยู่
“เห็นมึงแฮปปี้ กูก็ดีใจด้วย ทั้งมึง... ทั้งไอ้ป๊อบ... ได้เจอคู่ดีๆ อยู่เคียงข้างกันหมดแล้ว มีแต่กูนี่แหละ ยังไม่เจออย่างใครเขา เฮ้อ... ออออ” ชายหนุ่มเอ่ยแสดงความยินดีแกมนึกอิจฉา ก่อนจะรำพึงรำพันถึงชีวิตตนเอง
“แล้วมึงอ่ะ ไม่คิดจะเลิกชีวิตเพลย์บอยกับเขาซักทีเหรอ? ไอ้ความสัมพันธ์แบบคบกันจริงจัง เอาจริงๆ มันก็สบายใจดีนะเว่ย ไม่ต้องวุ่นวายกับเรื่องปวดหัว แค่รักเดียวใจเดียว ซื่อสัตย์กับแฟนคนเดียวก็พอแล้ว” เจ็ทถามกลับ
“กูก็อยากมี ไม่ใช่ไม่อยาก แต่ก็อย่างที่เคยบอกไปไง มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ถึงตอนนี้กูจะมีคนคุยอยู่บ้าง แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าเค้าอยากจะจริงจังกับกูมั้ย มันไม่ใช่แค่กูรู้สึกยังไงข้างเดียว แต่อีกฝั่งเค้าต้องอยากจริงจังกับกูด้วย มันถึงจะไปรอด เข้าใจป่ะ?” ชายหนุ่มอธิบายเหตุผลที่ทำให้เขายังกอดสถานะหนุ่มโสดไม้เลื้อยเอาไว้อย่างเหนียวแน่น
“แล้วมึงเคยถามเค้ารึยัง?” เจ็ทถามสวนกลับมาทันควัน
“ก็... ยังไม่เคยคุยกับใครจริงจังเรื่องนี้” โมอึกอักเมื่อถูกถามจี้ใจดำ ไม่ใช่แค่เพราะเขาเองยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรจะทุ่มความสัมพันธ์ให้กับผู้หญิงคนไหนแบบจริงจัง ทว่าเสี้ยวหนึ่งลึกๆ ภายในก้นบึ้งหัวใจของชายหนุ่มเอง ก็แอบรู้สึกหวาดกลัวต่อความผิดหวังจากการถูกปฏิเสธเช่นเดียวกัน หากว่าเธอคนนั้นไม่ได้ต้องการที่จะสานสัมพันธ์จริงจังกับเขาด้วย
“ถ้าหากรักนี้ ไม่บอกไม่พูดไม่กล่าว แล้วเค้าจะรู้ว่ารักหรือเปล่า อาจจะไม่แน่ใจ อยากให้เค้ารู้ เธอคงต้องแสดงออก ไม่ใช่ให้ใครมาบอก หรือว่าให้เค้าเดาเอง ว่ารักเธอ” คู่สนทนาโต้ตอบออกมาเป็นเพลง ‘แค่บอกว่ารักเธอ’ ของวงหมีพูห์ที่พวกเขาคุ้นเคยกันดี
โมเตรียมอ้าปากจะบ่นญาติตัวเอง ทว่าเสียงเรียกรับออเดอร์ของพนักงานก็ดังขัดจังหวะขึ้นมากลางคันเสียก่อน ทำให้ทั้งสองจำต้องยุติการสนทนาเอาไว้เพียงเท่านั้น แล้วลุกไปรับออเดอร์และเดินกลับขึ้นห้อง
นั่นเป็นเพียงครั้งเดียวที่เจ็ทและป๋อมแวะเวียนมาเยี่ยมไข้ป๊อบถึงที่โรงพยาบาล เมื่อได้รู้ว่าอาการคนป่วยไม่ได้หนักหนาสาหัสมากทั้งคู่จึงเพียงคอยส่งกำลังใจมาให้แบบห่างๆ ในขณะที่หนุ่มโมนั้นยังคงเทียวมาเทียวไปอยู่เกือบทุกวัน จึงมีโอกาสได้เจอหน้าทั้งเชอร์รี่และแม่ของป๊อบที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเฝ้าไข้ แม้ตัวเขาจะแทบไม่ได้พูดคุยอะไรกับตัวคนป่วยแบบเป็นเรื่องเป็นราวเท่าไรนัก แต่อย่างน้อยๆ การได้ฟังถ้อยคำกัดแซะแดกดันของอดีตเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอหน้าพูดคุยกันมายาวนานเป็นปีๆ มันก็พอจะช่วยให้ชายหนุ่มรู้สึกหายคิดถึงเพื่อนขึ้นมาได้เหมือนกัน บางจังหวะเขายังถือโอกาสเป็นธุระคอยช่วยเหลือ หยิบโน่นหยิบนี่ หรือรับบทเป็นม้าเร็ววิ่งลงไปซื้อของมาให้คนป่วยในยามที่เชอร์รี่ไม่ว่าง แม้จะต้องได้ฟังเสียงบ่นของเพื่อนดังกรอกหูอยู่ทุกครั้งที่พยายามช่วยก็ตามที
“มึงจะดันทุรังมาทำไมทุกวันวะ? ไม่มีงานการไปทำรึไง น่ารำคาญชิบหาย” ป๊อบได้ทีสบโอกาสบ่นใส่โมอีกครั้ง ในจังหวะที่เชอร์รี่กำลังออกไปซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อข้างล่าง
“เออ โทษทีแล้วกันที่ทำให้มึงรำคาญ แต่เดี๋ยวอีกสองวันมึงก็ได้ออกจากโรงบาลแล้วนี่ ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องเจอหน้ากูแล้วไง” โมตอบกวนประสาทเพื่อนกลับด้วยรอยยิ้มอย่างใจเย็น
“ไอ้เหี้ยนี่... กวนตีนชิบเป๋ง” คนป่วยสบถอีกดอก
“มึงจำตอนที่เราทะเลาะกันตอนม.หกได้ป่ะ ตอนนั้นกูเครียดเหมือนกันนะ ไม่รู้จะเข้าหน้ามึงยังไงดี บังเอิญมีเรื่องพ่อมึงเข้ามาพอดี เลยเหมือนมีจังหวะให้คุยเปิดใจกัน ถึงกลับมาสนิทกันใหม่ได้ บอกตรงๆ ว่ากูโคตรมีความสุขเลยนะเว่ย ตอนนั้นอ่ะ” เมื่อมีจังหวะอยู่กันเพียงลำพังแล้ว โมจึงตัดสินใจที่จะชวนเพื่อนคุยเปิดอกตรงๆ
“มึงมีความสุขที่พ่อกูตาย?” ป๊อบได้จังหวะกวนตีนสวนคืนมาบ้าง
“ไอ้หอก ที่เรากลับมาสนิทกันดิวะ อึดอัดใส่กันอยู่ตั้งนาน พอวันที่เลิกทะเลาะกัน แม่งโคตรโล่งใจเลย เพื่อนกูจริงๆ แม่งก็มีแค่ไม่กี่คนหรอกนะ” ชายหนุ่มบอกความรู้สึก
“แล้วไอ้เกี๊ยงล่ะ?” ป๊อบอ้างชื่ออดีตสมาชิกแก๊งอีกคนขึ้นมา สีหน้าของโมพลันหมองหม่นลงไปทันตาเมื่อได้ยินชื่อเพื่อนรักผู้ล่วงลับ
“เออ ไอ้เกี๊ยงก็ด้วย แล้วกูก็รู้ว่าที่ทำไปน่ะมันผิด มันไม่ควร แต่กูทำพลาดไปแล้วไง เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว ทุกอย่างมันย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ จะให้กูไปขอโทษไอ้เกี๊ยงตรงๆ ก็คงทำไม่ได้ แต่กับมึง... จะให้กูพูดขอโทษซ้ำๆ อีกซักกี่สิบครั้ง กูก็พร้อมจะทำนะเว่ย ถ้าเกิดว่ามันจะทำให้มึงยอมยกโทษให้ กูขอโทษจริงๆ ที่ทำให้มึงรู้สึกแย่ มึงพอจะยกโทษให้กูบ้างได้มั้ยวะ กูคิดถึงมึงนะเว่ยไอ้ป๊อบ...” โมเอ่ยปากขอโทษเพื่อนด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด พร้อมกับจ้องสบตากับคู่สนทนาอย่างเปิดเผยและจริงใจ
คนป่วยจ้องสบตากับเขาด้วยสีหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่สร้างความเจ็บปวดให้แค่โมฝ่ายเดียว แต่คนที่เป็นฝ่ายตัดสัมพันธ์อย่างป๊อบเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน การต้องสูญเสียเพื่อนสนิทที่คบหากันมาเนิ่นนานเกือบครึ่งค่อนชีวิต มันก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนเกิดรูโบ๋ขึ้นมาตรงกลางใจ จนกระทั่งพวกเขาได้กลับมาพบหน้าจ้องตากันอยู่อีกครั้งในวันนี้ กำแพงแห่งความเย็นชาที่ขวางกั้นและผลักให้พวกเขาทั้งสองคนต่างห่างไกลกันเป็นเวลาเนิ่นนานหลายปี บัดนี้กำลังค่อยๆ มีรอยร้าวเล็กๆ ปริขึ้นมาทีละน้อยๆ ก่อนที่ป๊อบจะยอมเปิดปากพูดขึ้น
“มึงกลับไปก่อนเหอะวันนี้ กูเหนื่อยแล้ว กูอยากพักผ่อน ส่วนพรุ่งนี้กับวันมะรืน มึงไม่จำเป็นต้องมาก็ได้ เดี๋ยวกูก็ออกจากที่นี่แล้ว” คำพูดของป๊อบทำให้โมรู้สึกใจหายวาบขึ้นมาทันที เพราะเข้าใจไปว่าเพื่อนรักยังคงไม่ยอมให้อภัยเขา จึงได้เอ่ยปากไล่ออกมาแบบนี้
“ไอ้ป๊อบ ยกโทษให้กูเหอะ กูรู้สึกผิดจริงๆ” โมรีบเอ่ยปากอ้อนวอนเพื่อนด้วยน้ำเสียงร้อนใจ
“ถ้ากูหายโกรธเมื่อไหร่ เดี๋ยวกูบอกเอง แต่ยังไงก็คงไม่ใช่ตอนนี้ มึงเข้าใจมั้ยวะ?” คนป่วยถามกลับด้วยน้ำเสียงที่สงบราบเรียบ และไม่ได้ฉายแววของความขุ่นเคืองใดๆ ในเนื้อเสียงแม้แต่น้อย
แม้ถ้อยคำดังกล่าวจะยังแอบซ่อนความห่างเหินเอาไว้ภายใน แต่มันก็คล้ายเป็นการยืนยันว่าประตูความสัมพันธ์ที่เคยปิดตาย บัดนี้กลับเริ่มแง้มออกมาอย่างช้าๆ จนพอจะมองเห็นแสงสว่างรำไรที่ลอดผ่านรอยแยกของบานประตูเข้ามาในที่สุด...
“เออ กูเข้าใจ... ถ้ามึงอยากพักก็พักเหอะ กูไม่กวนมึงแล้ว ไว้ถ้าอยากให้ช่วยอะไรก็บอกแล้วกัน ถ้าไม่อยากคุยตรงๆ ก็บอกผ่านพี่รี่มาก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจ” โมที่พอจะเข้าใจอารมณ์ของเพื่อนแล้วจึงรีบตกปากรับคำไปอย่างว่าง่าย
“เออ ไปเหอะ” ป๊อบบอกเสียงเนือยๆ ก่อนจะเสหันมองไปยังจอโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่ปลายเตียงแทน
“ไปละมึง ไว้เจอกัน” โมยกมือขึ้นโบกหยอยๆ พร้อมกล่าวลาเพื่อน ก่อนจะเดินออกประตูห้องมาโดยไม่เสียเวลารอคำตอบ เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายคงพยายามจะวางฟอร์มเก๊กขรึมโดยไม่ได้พูดโต้ตอบอะไรกลับมาอยู่แล้ว
แม้ว่าการมานั่งเฝ้าไข้ตลอดหลายวันมานี้ จะยังไม่สามารถเปลี่ยนใจให้ป๊อบยอมยกโทษให้เขาได้ในทันที แต่อย่างน้อยๆ การที่เพื่อนรักยอมเอ่ยปากทิ้งท้ายออกมาแบบนั้น ก็พอจะทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าระยะห่างระหว่างความสัมพันธ์ของเขากับเพื่อนที่เคยอยู่ห่างกันไกลลิบๆ ราวกับระยะทางระหว่างกรุงเทพฯกับเกาะพะงัน มันค่อยๆ กระเถิบใกล้ชิดกันเข้าไปมากขึ้นทีละน้อยๆ เพียงเท่านี้เขาก็สามารถเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างมีความหวัง หวังว่าสุดท้ายแล้วมิตรภาพระหว่างเพื่อนรักนั้นจะประสานกลับคืนมาสนิทสนมกันได้ดังเดิม ต่อให้มันจะต้องมีรอยแตกร้าวปรากฏอยู่บนพื้นผิวที่เหลือบ้างก็ตามที...
=======================================
ระหว่างที่โมพยายามเดินหน้าฟื้นความสัมพันธ์กับป๊อบ ทางฝั่งของไอซ์และแน็คเองก็กำลังเดินหน้าสานสัมพันธ์กันอยู่เช่นเดียวกัน
แม้ว่าสาวไฮโซคนสวยเองจะแอบตั้งกำแพงไม่ยอมเปิดใจให้หนุ่มรุ่นพี่ที่กำลังพยายามเดินหน้าทำคะแนนหัวใจใส่เธอง่ายๆ ทว่าด้วยความเป็นคนดีมีน้ำใจและซื่อสัตย์เสมอต้นเสมอปลายของเขา มันก็พลอยทำให้หัวใจอันด้านชาของเธอมีอันต้องเกิดอาการไหววูบวาบขึ้นมาเป็นระยะๆ ในยามที่ทั้งสองได้มีเวลาชิดใกล้
ดังเช่นวันนี้ ที่พวกเขาทั้งคู่เลือกใช้เวลาที่มีในวันหยุด ขับรถมาพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศกันถึงตัวเมืองพัทยา แม้จะเป็นเพียงทริปเที่ยวระหว่างวันแบบไม่มีพักค้างคืน แต่กว่าที่ชายหนุ่มจะออดอ้อนขอให้รุ่นน้องสาวคนสวยยอมมาใช้เวลาอยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับเขาถึงต่างจังหวัดได้ ก็ต้องใช้ความพยายามเกลี้ยกล่อมกันอยู่นานสองนานเลยทีเดียว กว่าที่เธอจะยอมตกปากรับคำ
ไม่ใช่เพราะไอซ์นั้นนึกระแวงว่าอีกฝ่ายจะคิดมิดีมิร้ายกับตน เพราะจากพฤติกรรมที่ผ่านมาที่หนุ่มรุ่นพี่แสดงออกมาตลอดหลายปีที่ได้รู้จักกันนั้น มันทำให้เธอค่อนข้างอุ่นใจว่าเขามีความเป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะไม่คิดล่วงเกินเธอ อีกทั้งหญิงสาวเองก็ไม่ได้มีอาการวิตกจริตในยามที่ต้องอยู่เพียงลำพังกับชายหนุ่มคนไหนเหมือนช่วงที่อยู่เมืองนอกอีกแล้ว
ตรงกันข้าม... สิ่งที่เธอกลัวมากกว่าคือการที่ตนเองนั่นแหละ จะเป็นฝ่ายไปทำร้ายหักหาญน้ำใจของเพื่อนรุ่นพี่ที่แสนดีคนนี้ หากความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอยิ่งคืบหน้าหรือใกล้ชิดกันมากขึ้นเท่าไร มีหรือที่หนุ่มรุ่นพี่จะไม่รู้สึกคาดหวังถึงการคบหากันอย่างเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา และเมื่อถึงตอนนั้น หากว่าความรู้สึกในใจของเธอเองมันไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกันกับเขาด้วย ก็คงไม่พ้นที่อีกฝ่ายจะต้องมารู้สึกเจ็บปวดเพราะความผิดหวังซ้ำซากจากเธออีกหน
พวกเขาวางแผนการเที่ยวเอาไว้แบบหลวมๆ โดยมีเป้าหมายหลักคือการไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ภาพวาด 3 มิติ หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกกันง่ายๆ ติดปากว่า Art in Paradise ซึ่งไอซ์ใฝ่ฝันว่าอยากจะลองไปถ่ายรูปเล่นที่นั่นดูสักครั้งหนึ่ง เพราะเคยเห็นคนอื่นๆ ไปเที่ยวกันนานแล้ว กับอีกที่ก็คือสวนน้ำ Cartoon Network ที่หญิงสาวให้ความสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากเธอเติบโตมากับการมีตัวการ์ตูนต่างๆ เหล่านี้เป็นเพื่อนตั้งแต่เด็กๆ และหากมีเวลาเหลือจึงค่อยแวะไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ สวนน้ำอีกทีหนึ่ง
ทั้งสองเดินทางมาด้วยรถยนต์โตโยต้า คัมรี่ที่แน็คเป็นคนขับ แม้ว่าแท้จริงแล้ว ที่บ้านของชายหนุ่มเองยังมีรถเบนซ์คันหรูที่พ่อเขาซื้อไว้ให้สมาชิกในบ้านสลับกันใช้ทำธุระอยู่ด้วยอีกคันหนึ่ง ซึ่งดูจะสมฐานะในการจีบสาวไฮโซคนนี้มากกว่า ทว่ารถเก๋งที่พวกเขานั่งมานี้ เป็นคันที่แน็คพึ่งลงทุนไปซื้อมาจากโชว์รูมที่พ่อของไอซ์เมื่อไม่กี่เดือนก่อน และหญิงสาวเองก็อาสาเป็นธุระติดต่อประสานงานต่างๆ ให้เขาด้วยในเบื้องต้น มันจึงคล้ายเป็นสัญลักษณ์ของความสนิทสนมที่ก่อตัวขึ้นระหว่างคนทั้งสองนั่นเอง
พวกเขามาถึงพัทยากันตอนราวๆ สิบโมงเช้า ด้วยความที่ต่างฝ่ายต่างก็กินมื้อเช้ารองท้องเตรียมตัวมาก่อนแล้ว พวกเขาจึงไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า และเดินทางไปยังจุดหมายแรกที่ตั้งใจไว้ทันที นั่นคือที่ Art in Paradise ตัวพิพิธภัณฑ์ภายในก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากที่หญิงสาวเคยเห็นในรูปถ่ายของคนอื่นมากนัก คือแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนต่างๆ โดยมีจุดให้เลือกถ่ายรูปคู่กับฉากหลังสามมิติที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ซึ่งอดีตตากล้องมาดเซอร์อย่างแน็คก็เต็มใจที่จะรับบทบาทเป็นคนคอยเก็บบันทึกภาพอิริยาบถต่างๆ ที่หญิงสาวแสดงออกมาด้วยความเต็มใจ รอยยิ้มสดใสและเสียงหัวเราะร่าเริงของเธอนั้นคล้ายเป็นน้ำทิพย์ชโลมจิตใจให้เขารู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า พร้อมขึ้นเหนือลงใต้ไปไหนไปกัน ขอแค่ได้ร่วมทางไปกับเธอ
“เอียงคอไปทางซ้ายนิดนึงไอซ์ โอเคดี เอามือกางทาบไปบนปีกเลยทั้งสองข้าง อื้อ แบบนั้นแหละ เอาล่ะนะ นึง-ส่อง-ซั่ม! อีกทีนะ คราวนี้ลองเอามือไพล่ไว้หลังลำตัวดู นิ่งๆ นะ นึง-ส่อง-ซั่ม! อ่ะ ลองดู ชอบมั้ย” แน็คพูดนำให้หญิงสาวโพสต์ท่าตามอย่างคล่องแคล่ว ไม่ทิ้งลายของอดีตตากล้องฝีมือดีประจำคณะ ส่วนนางแบบสาวแม้จะออกอาการเขินๆ เงอะๆ งะๆ บ้างในตอนต้น แต่พอถ่ายไปเรื่อยๆ เธอก็ชักจะเริ่มสนุก และปล่อยรอยยิ้มสดใสร่าเริงออกมาได้อย่างเต็มที่ เมื่อมีตากล้องที่ตนเองไว้ใจคอยเก็บบันทึกภาพให้อยู่ตรงหน้า
“โห พี่แน็คถ่ายสวยเหมือนเดิมเลยอ่ะ คนละเรื่องกับที่ไอซ์ถ่ายเลย ดูสิ มุมเดียวกันแท้ๆ” ไอซ์ก้มหน้าลงมามองภาพที่ปรากฏบนจอพร้อมกับออกปากชมหนุ่มรุ่นพี่เสียงสดใส ก่อนจะหยิบรูปที่เธอถ่ายเซลฟี่ตนเองไว้ขึ้นมาเปรียบเทียบ
“ไม่ขนาดนั้นหรอก กล้องใหญ่มันก็ต้องเก็บดีเทลได้เยอะกว่าอยู่แล้วแหละ อีกอย่าง ได้นางแบบดีด้วยแหละ ดูสิ นึกว่านางฟ้ามาเอง” แน็คเอ่ยปากชมเธอโต้งๆ ทำเอาสาวเจ้าถึงกับออกอาการอายม้วนเขินจนแก้มแดง
“พี่ก็เว่อร์ไป๊” หญิงสาวส่ายหัวน้อยๆ ด้วยรอยยิ้มเขิน
“พี่ไม่ได้พูดเว่อร์ซะหน่อย ถ้ามีนางแบบอย่างไอซ์น่ะ ให้พี่ลุกขึ้นมาจับกล้องถ่ายให้ทุกวันก็ยังได้เลยนะ” เขายืนกรานเป็นมั่นเหมาะ
“ไม่เอาหรอก ขืนเป็นแบบนั้น พ่อพี่แน็คคงเหม็นขี้หน้าไอซ์แน่ๆ ก็เล่นทำให้ลูกชายเค้าเสียงานเสียการ มัวมาถ่ายรูปเล่น ไม่ยอมไปดูแลกิจการแบบนั้น” ไอซ์ได้ทีหยอดมุก เรียกเสียงหัวเราะจากชายหนุ่มรุ่นพี่ที่พร้อมจะคล้อยตามเธอทุกอย่างอยู่แล้ว
“เออเนอะ ให้ถ่ายทุกวันคงไม่ได้ ช่วงนี้ยิ่งยุ่งๆ อยู่ด้วย งั้นเอาเป็นทุกอาทิตย์ก็แล้วกัน อันนี้ไม่มีปัญหาแน่ รับประกันเลย อยู่ที่ไอซ์แหละ จะว่างมาเป็นแบบให้พี่อย่างนี้ทุกอาทิตย์รึเปล่า?” แน็คชงคำถามกลับไปหาเธอ
“ดูก่อนแล้วกันนะคะ” หญิงสาวกล่าวเขินๆ และทำทีเป็นเดินหนีไปรอที่ฉากหลังอื่น ปล่อยให้ชายหนุ่มที่กำลังยืนอมยิ้มน้อยๆ ต้องรีบเดินตามเธอไปไวๆ
สองหนุ่มสาวใช้เวลาอยู่ในพิพิธภัณฑ์เกือบสองชั่วโมง โดยเก็บภาพมาได้แบบจุใจนับร้อยช็อต ซึ่งเกือบทั้งหมดในนั้นมีแต่รูปของหญิงสาวที่ปรากฏอยู่ในภาพ มีบ้างนานๆ ครั้งที่เธอจะสลับบทมาเป็นคนถ่ายภาพแทนตากล้องหนุ่มให้ ซึ่งก็ชัดบ้างไม่ชัดบ้างตามประสาของคนที่ไม่ถนัดคุ้นชินกับกล้องตัวใหญ่ กระทั่งเมื่อเริ่มเหนื่อย และเริ่มรู้สึกว่ามีนักท่องเที่ยวเข้ามาแย่งจองคิวถ่ายรูปกันมากขึ้น ทั้งสองจึงตัดสินใจว่าคงถึงเวลาต้องย้ายที่กันเสียที
จุดหมายต่อมาคือสวนน้ำ Cartoon Network ซึ่งอยู่ห่างออกมาราวๆ 20 กิโลเมตรจากตัวพิพิธภัณฑ์ ใช้เวลาขับรถสบายๆ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงหน้าสวนน้ำ คะเนด้วยสายตาก็พบว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศมาใช้บริการในวันหยุดนี้เป็นจำนวนค่อนข้างมากทีเดียว วัดได้จากปริมาณของคนที่กำลังยืนต่อแถวรอแลกบัตรอยู่ด้านหน้าของพวกเขาอีกทีหนึ่ง
เมื่อผ่านเข้ามาด้านในได้แล้ว พวกเขาก็ต้องแยกย้ายกันไปเปลี่ยนชุดตามพื้นที่ซึ่งแบ่งสัดส่วนระหว่างชาย-หญิงออกจากกันอย่างชัดเจน พร้อมเก็บอุปกรณ์สัมภาระที่พกติดตัวเอาไว้ในล็อกเกอร์ส่วนตัวที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ของแต่ละคน ฝั่งชายหนุ่มใช้เวลาจัดการกับเครื่องแต่งกายของตัวเองไม่นาน ก็ออกมาในชุดเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นสีดำทะมึนทั้งท่อนบนและท่อนล่าง เขายืนรออยู่อีกพักหนึ่ง สาวรุ่นน้องจึงค่อยเดินตามออกมาสมทบ โดยปรากฏตัวออกมาในชุดว่ายน้ำเป็นทรงเสื้อแขนยาวรัดรูป เข้าคู่กับกางเกงว่ายน้ำขาสั้นสีน้ำเงินเข้ม ตัดกับผิวกายที่ขาวเนียนเปล่งปลั่งของเธอ ส่วนใบหน้าสวยหวานนั้นถูกซ่อนไว้ภายใต้แว่นกันแดดทรงกลมยี่ห้อเรย์แบนที่ปิดบังไปเกือบครึ่งหน้า
“ทำไมจ้องงั้นล่ะคะ?” ไอซ์เอ่ยถามเขินๆ เมื่อเห็นว่าเธอกำลังตกเป็นเป้าสายตาของหนุ่มรุ่นพี่ที่กำลังจับจ้องมองมาแบบตาไม่กะพริบ
“โทษที พี่แค่ไม่เคยเห็นไอซ์ในลุคนี้มาก่อน น่ารักดีนะ” แน็คงัดคำชมมาฝากเธอเหมือนเคย รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา ฉายแววความปลาบปลื้มที่มีต่อสาวรุ่นน้องแบบเก็บซ่อนเอาไว้แทบไม่มิด
“โอ๊ย เขินเลย ตอนซื้อมาก็ไม่คิดว่าใส่แล้วมันจะแน่นแบบนี้ อึดอัดพุง” เธอเอ่ยแซวตัวเองพร้อมกับหัวเราะ เอามือหยิกลงไปที่หน้าท้องตนเองเบาๆ เป็นการย้ำคำพูด พร้อมกับบิดกายหันเหลียวมองเรือนร่างของตัวเองด้วยท่าทางเคอะเขิน
“แต่งแบบนี้ก็เหมาะกับไอซ์ดีออก ถ้าเกิดไอซ์นุ่งบิกินีออกมา พี่ว่าพี่หัวใจวายแน่ๆ ตื่นเต้นเกินไป ฮะๆๆ” แน็คหยอดมุกติดตลก สาวรุ่นน้องฟังแล้วก็พลอยหัวเราะคล้อยตามไปกับเขาด้วย ทั้งที่จริงๆ แล้ว ก่อนที่จะมาเที่ยวกัน เธอได้แอบไปสั่งซื้อชุดบิกินีแบบผูกเชือกตัวจิ๋วสีขาวจากอินเตอร์เน็ต สำหรับเตรียมไว้ใส่เล่นน้ำในทริปนี้โดยเฉพาะ แถมเธอยังหยิบมันขึ้นมาลองสวมใส่ตอนที่กำลังจะเปลี่ยนชุดเมื่อครู่แล้วด้วยซ้ำ ทว่าสุดท้ายแล้วหญิงสาวเองก็ยังใจไม่กล้าพอที่จะเปิดเผยให้หนุ่มรุ่นพี่ได้เห็นถึงแง่มุมอันก๋ากั่นนี้ของเธอ และตัดสินใจเปลี่ยนมาสวมชุดว่ายน้ำแบบปิดคลุมมิดชิดกว่าชุดแรกในท้ายที่สุด
สวนน้ำแห่งนี้แบ่งโซนเครื่องเล่นหลักๆ ออกเป็น 7-8 จุด โดยแต่ละจุดก็จะมีตัวเลือกให้เล่นแยกยิบย่อยออกไปอีกที ซึ่งแม้ว่าจะแบ่งแยกย่อยแล้ว แต่จำนวนของคนเล่นที่มารอต่อคิวในแต่ละจุดนั้นก็ถือว่ายังมีอยู่มากมายพอสมควร สองหนุ่มสาวต้องใช้เวลาแวะเวียนไปเล่นเครื่องเล่นคู่กันอย่างสนุกสนาน บางจุดก็เป็นแค่สไลเดอร์พื้นๆ ที่ไม่ได้มีอะไรหวือหวามากมาย แต่บางจุดก็แอบซุกซ่อนความน่าหวาดเสียวเอาไว้พอสมควร
ซึ่งจุดที่ไอซ์ประทับใจที่สุดก็เห็นจะเป็นโซนคลื่นเทียมที่ถูกทำไว้เลียนแบบทะเลจริงๆ โดยปล่อยคลื่นน้ำออกมาเป็นรอบๆ ประกอบกับเพลงแดนซ์สนุกๆ เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากสาวแท้และสาวเทียมที่มารวมตัวกันในบริเวณนั้นได้ยกใหญ่ แถมพอจบรอบก็ยังมีการปล่อยโฟมสบู่สีขาวพ่นออกมาจนท่วมเป็นการปิดท้าย ค่อนข้างสนุกสนานทีเดียว เธอเองก็เอาแต่ง่วนอยู่กับการปั้นร้านอาหารมานานหลายเดือน นานๆ ทีได้มีโอกาสแวะออกมาใช้เวลาส่วนตัวหาความสุขไกลๆ จากที่ทำงานแบบนี้บ้างก็สบายใจดีเหมือนกัน
ด้วยความที่ชุดว่ายน้ำของไอซ์มันค่อนข้างรัดรูปและพอดีตัว เมื่อโดนน้ำมากๆ เข้า เนื้อผ้ามันลื่นเหล่านั้นจึงยิ่งหดลู่และแนบเนื้อรัดรึงไปกับผิวกายที่อวบอัดและแน่นตึงเปรี๊ยะของเธอเข้าไปใหญ่ จนกลายเป็นการโชว์สัดส่วนของเธออย่างชัดเจน บางจังหวะที่หญิงสาวก้มๆ เงยๆ โผล่ขึ้นมาจากน้ำ ทางฝั่งของหนุ่มรุ่นพี่ที่จ้องมองอยู่ก็ถึงกับเบิกตาค้างกว้าง เมื่อได้เห็นสภาพความอวบอัดโค้งเว้าที่หยอกเย้าไปกับแรงโน้มถ่วง แม้จะมีเนื้อผ้าห่อหุ้มเจ้าก้อนเนื้อสองลูกนั้นไว้อย่างมิดชิดก็ตามเถอะ จนเขาต้องรีบเบือนสายตาหันหน้าหนีแทบไม่ทัน เพราะนึกขึ้นได้ว่าตนเองกำลังเผลอทำเสียมารยาทกับเธออยู่
ซึ่งคนฉลาดอย่างไอซ์ มีหรือจะไม่รับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกยังไงอยู่ เธอจับสังเกตอาการเคอะเขินที่เขาเผลอแสดงออกมาได้ตลอดเวลาที่เล่นน้ำด้วยกัน อาจมีบางจังหวะที่พวกเขาสองคนต้องสัมผัสถูกเนื้อต้องตัวกัน อย่างเช่นตอนที่แน็คพยายามจูงมือพาไอซ์ที่กำลังเหนื่อยหอบ เดินขึ้นบันไดวนสูงๆ เพื่อไปเล่นสไลเดอร์ ซึ่งมันก็จะเกิดขึ้นเฉพาะในตอนที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น พูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าแน็คนั้นมีความเป็นสุภาพบุรุษแบบเต็มร้อยเปอร์เซนต์ ทั้งสุภาพ อ่อนโยน ซึ่งแตกต่างจากอดีตคนรักของเธอที่หนักไปทางทะลึ่งตึงตัง และถึงเนื้อถึงตัวเธอมากกว่านี้หลายเท่านัก
ไอซ์เองก็ไม่เคยถูกจีบโดยผู้ชายที่สุภาพมากๆ เช่นนี้มาก่อน ทั้งชีวิตเธอเคยมีแฟนมาเพียงแค่คนเดียว นั่นก็คือโม ช่วงแรกที่แน็ครุกเข้าหา เธอจึงออกอาการเคอะเขินวางตัวไม่ถูกอยู่บ้าง แต่พอมีโอกาสได้ใกล้ชิดผูกพันกันบ่อยๆ เข้า มันก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกอุ่นใจดีเหมือนกัน มันเป็นความสัมพันธ์ในลักษณะที่เธอสามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ได้ง่ายกว่า และแน่ใจได้ว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้จะไม่มีทางทรยศหักหลังให้เธอต้องเจ็บช้ำใจเหมือนอย่างความรักครั้งเก่าก่อน
หรือบางที... มันอาจจะถึงเวลาแล้วที่เธอควรเปิดใจลองให้เขาได้เข้ามาทำหน้าที่ดูแลหัวใจแบบจริงๆ จังดูสักตั้ง มันอาจจะดีก็ได้…
ในวันที่รักหลงทาง #117
**รบกวนคอมเมนท์เกี่ยวกะเนื้อหาในตอนหน่อยนะฮะ อยากอ่านฟี้ดแบคจากคนอ่าน**
-----------------
มันเป็นช่วงเวลาครึ่งวันอันชื่นใจสำหรับชายหนุ่มทายาทร้านสมุนไพรเก่าแก่ชื่อดังแห่งย่านเยาวราช การได้ใช้เวลาว่างในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ มาระเริงเล่นน้ำเคียงข้างหญิงสาวรุ่นน้องคนที่เขาแอบปลาบปลื้มเพียงลำพังถึงพัทยา มันทำให้เขาเก็บซ่อนรอยยิ้มที่ฉาบเคลือบอยู่บนใบหน้า แทบจะตลอดเวลาที่อยู่ข้างๆ เธอไม่ได้เลย
เรือนร่างอวบอิ่มของสาวสะพรั่งนั้นดูงดงามกำลังดีในสายตาของเขา ภายใต้ชุดว่ายน้ำแขนยาวแบบมิดชิดที่เหมาะเจาะกับอุปนิสัยของคนที่กำลังสวมใส่อยู่ อากัปกิริยาต่างๆ ที่ผสานปนเปกันระหว่างความเรียบร้อย ขี้เล่น และฉลาดเฉลียว ทำให้เขารู้สึกเหมือนต้องมนต์สะกด จนอยากจะสารภาพรักกับเธอออกไปซ้ำๆ เป็นร้อยเป็นพันครั้ง ติดอยู่ที่ว่าชายหนุ่มเองยังใจไม่กล้าพอที่จะแบกรับผลของมัน หากว่าความลุ่มหลงอันชวนเซ้าซี้ของเขานั้นมันจะทำให้เธอเกิดความอึดอัดตะขิดตะขวงในใจขึ้น ชายหนุ่มจึงได้แต่บอกรักกับเธอผ่านรอยยิ้มและแววตาออกไปเพียงเท่านั้น
“พี่แน็คมองไอซ์แบบนั้นอีกแล้ว เป็นไรป่ะคะเนี่ย? หน้าไอซ์มีอะไรติดอยู่เหรอ? บอกมานะ” ไอซ์เอ่ยถามยิ้มๆ หลังจากจับได้ว่าหนุ่มรุ่นพี่นั้นเอาแต่คอยแอบเหลียวมองเธออยู่เป็นระยะๆ ตลอดเวลาที่เล่นน้ำด้วยกัน จนไม่ยากเลยที่เธอจะจับสังเกตเห็นถึงท่าทีดังกล่าวของเขาได้
“ก็มีอยู่นะ” แน็คพูดเกริ่น จงใจทิ้งช่วงให้เธอเกิดความสงสัยใคร่รู้ ซึ่งก็ได้ผลสมใจ เพราะคู่สนทนานั้นรีบถามไถ่ต่อทันทีด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นสงสัย พร้อมยังยกมือขึ้นลูบสำรวจใบหน้าตัวเองอย่างร้อนใจ
“ไหนๆ ตรงไหน?” ไอซ์เอ่ยถาม มือลูบไล้ไปทั่วแก้ม สันจมูก ไม่เว้นแม้แต่บริเวณหน้าผากกลมมนที่เปิดเหม่งไว้จากการมัดรวบผม
“หมายถึงความสวยน่ะ ที่ติดอยู่บนหน้าไอซ์” พอแกล้งให้เธอสงสัยจนได้ที่แล้ว แน็คจึงค่อยเฉลยพร้อมกับฉีกยิ้มยิงฟันส่งให้เธอ
“ปั้ดโธ่เอ๊ย! ที่แท้ก็เล่นมุก พี่เล่นอวยซะจนไอซ์ตัวลอยหมดแล้วเนี่ย ชมอีกนิดก็แทบจะเป็นใหม่-ดาวิกาแล้วนะ” สาวรุ่นน้องหยอดมุกโต้ตอบกลับไปบ้าง พร้อมกับหัวเราะขัน
พวกเขาใช้เวลาเล่นสนุกกันอยู่ที่สวนน้ำแห่งนี้ร่วมๆ สามชั่วโมงเต็ม รวมถึงช่วงที่หยุดพักกินมื้อเที่ยงร่วมกันในศูนย์อาหารของสวนน้ำ ซึ่งใครหลายคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าราคาอาหารแพงมหาโหด จนไม่มีทางยอมเสียเงินมากินอาหารที่นี่ซ้ำสองอีกแล้ว กว่าพวกเขาจะออกจากสวนน้ำก็ปาเข้าไปสี่โมงเศษๆ มีเวลาเหลืออีกเพียงไม่นานก่อนที่ท้องฟ้าจะเริ่มมืด พวกเขาจึงแวะไปเที่ยวที่ ‘มิโมซ่า พัทยา’ เป็นจุดหมายแห่งสุดท้าย เนื่องจากตั้งอยู่บนเส้นทางที่จะต้องชับรถผ่านก่อนกลับเข้ากรุงเทพฯอยู่แล้ว
น่าเสียดายที่เมืองจำลองแห่งนี้ไม่ได้สร้างความประทับใจใดๆ ให้แก่หนุ่มสาวทั้งสองคนเลย ทั้งบรรยากาศ สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ตลอดจนถึงกิจกรรมที่มีอยู่น้อยนิด ก็ล้วนแต่ดู ‘กำมะลอ’ ทั้งสิ้น จนพาลให้รู้สึกว่าค่าอาหารที่เสียไปเมื่อตอนเที่ยงยังคุ้มกว่าค่าเข้าชมที่นี่เสียอีก แม้จะรู้สึกเซ็งนิดๆ แต่อย่างน้อยชายหนุ่มก็ยังอุตส่าห์เดินหามุมถ่ายรูป ให้สาวรุ่นน้องได้ภาพพอร์ตเทรตสวยๆ ติดไม้ติดมือกลับไปอยู่หลายสิบรูป ก่อนที่แสงอาทิตย์จะหมดลง ร่างอวบอิ่มขาวเนียนของสาวสวยในชุดเดรสกระโปรงบานพลิ้วลายดอกไม้หวานแหวว เมื่อทาบทับลงไปบนฉากตึกรามบ้านช่องแบบยุโรป และมีแสงสีส้มทองของดวงอาทิตย์ที่กำลังคล้อยต่ำประดับอยู่ด้านหลัง ก็ทำให้ชายหนุ่มคนถ่ายถึงกับหุบยิ้มไม่ลง ในยามเพ่งสายตามองผ่านเลนส์เพื่อเตรียมกดชัตเตอร์
ก่อนกลับ ไอซ์จึงขอปลีกตัวจากหนุ่มรุ่นพี่เพื่อมาเข้าห้องน้ำ หลังทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย ในจังหวะที่ยังไม่ทันจะสวมกางเกงในใส่คืนที่ให้เรียบร้อยดี จู่ๆ หญิงสาวก็คล้ายจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ รอยยิ้มจางๆ ผุดกระหยิ่มยิ้มพรายขึ้นมาบนใบหน้าสวยหวาน เป็นรอยยิ้มที่แฝงไว้ซึ่งความเจ้าเล่ห์ของคนที่มีแผนการอะไรบางอย่าง ก่อนที่เธอจะล้วงหยิบเอาโทรศัพท์มือถือของตนเองในกระเป๋าถือใบน้อยออกมา ก่อนจะกดเปิดกล้องถ่ายรูป...
ไอซ์ขยับลุกยืนขึ้นมาจากโถส้วม โดยที่กางเกงในก็ยังคงกองคาอยู่ที่น่องขาอวบอิ่มคู่นั้นไว้ตามเดิม มือขวาเธอยกโทรศัพท์ขึ้นสูงในระดับเดียวกับใบหน้า ก่อนเปลี่ยนมาใช้โหมดกล้องหน้า เพื่อเล็งหามุมถ่ายกดลงมาหาลำตัวด้านล่าง ส่วนมือซ้ายอีกข้างก็เอื้อมไปถลกชายกระโปรงชุดเดรสนั้นให้มันค่อยๆ ร่นสูงขึ้น... สูงขึ้น... กระทั่งไปหยุดค้างอยู่เหนือเนินเต้าที่อวบอัดอยู่ภายใต้ยกทรงผ้าฝ้ายสีครีม เปิดเผยถึงเรือนร่างขาวเนียนที่เต่งตึงและอวบอิ่ม ตั้งแต่หน้าท้องนุ่มนิ่มน่าจูบ กับร่องสะดือบุ๋มสวย เรื่อยไปจนถึงบริเวณโหนกเนื้อที่อวบอูมบริเวณหว่างขาของหญิงสาว ซึ่งกำลังโป๊เปลือยอล่างฉ่างอยู่ในขณะนี้
อารามตื่นเต้นทำให้หญิงสาวเผลอแลบลิ้นเลียไปรอบๆ ขอบปาก หัวใจเต้นสั่นระรัว ก่อนจะใช้นิ้วกดเก็บบันทึกภาพดังกล่าว พริบตาเดียวก็ได้มา 5 ภาพ แต่ละภาพล้วนเปิดเผยถึงเนื้อกายสาวที่ขาวอวบอิ่ม ตั้งแต่ช่วงลำตัวท่อนบนกับยกทรง เรื่อยไปจนถึงช่วงล่างที่ปราศจากอาภรณ์ใดๆ ห่อหุ้ม จะขาดก็เพียงแค่ใบหน้าและลำคอช่วงบน ที่เป็นตัวช่วยยืนยันให้ใครๆ ได้รับรู้ว่าหญิงสาวเจ้าของภาพชวนสยิวเหล่านี้นั้นเป็นใคร ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ถูกต้องตามเจตนาของคนถ่ายตั้งแต่ต้น ที่ไม่ต้องการเปิดเผยให้ใครรู้ว่านั่นเป็นรูปของเธอเอง
พอเลือกรูปที่ถูกใจได้จำนวน 2 รูป ไอซ์ก็ตัดสินใจอัพโหลดรูปภาพเหล่านั้นลงไปยังบัญชีทวิตเตอร์ส่วนตัวของเธอที่ชื่อ ‘เลดี้นิรนาม’ ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาอย่างลับๆ เมื่อครึ่งปีที่แล้ว โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นที่ระบายอารมณ์เปลี่ยวเหงาในด้านมืดของเธอโดยเฉพาะ เน้นหนักไปที่การลงรูปอวดเรือนร่าง โดยไม่จำเป็นต้องพิมพ์แคปชั่น หรือทวีตติดต่อสื่อสารใดๆ กับใคร แต่ถึงกระนั้นบัญชีทวิตเตอร์ของเธอก็ยังมีผู้ติดตามมากถึง 5,000 คน ซึ่งแน่นอนว่าเกือบ 99% ในนั้นล้วนแต่เป็นเพศชายทั้งสิ้น ที่ผลัดเปลี่ยนเวียนหน้ากันเข้ามาคอมเมนท์ชื่นชม จีบ วิจารณ์ ไปจนถึงสำเร็จความใคร่ใส่เธอผ่านทางตัวหนังสือ แต่แทนที่ไอซ์จะรู้สึกโกรธหรือขยะแขยง ถ้อยคำหยาบโลนเหล่านั้นกลับไปกระตุ้นความรู้สึกพึงพอใจอะไรบางอย่างในตัวเธอให้ลุกโชนขึ้นมาแทน...
มันเป็นโลกใหม่ที่ไอซ์พึ่งทำความรู้จักได้ไม่นาน เป็นการค้นพบโดยบังเอิญผ่านบัญชีทวิตเตอร์ปกติที่เธอเอาไว้ใช้ติดตามข่าวสารทั่วไปอยู่แล้ว พอได้รู้ว่ามีคนจำนวนมากที่ใช้ทวิตเตอร์เป็นสถานที่ในการปลดปล่อยอารมณ์ด้านมืดร่วมกับคนอื่นๆ ที่มีรสนิยมใกล้เคียงกัน เธอจึงตัดสินใจกระโจนเข้าไปทำความรู้จักคลุกคลีกับมันโดยไม่เสียเวลารอช้า
ด้านมืดของทวิตเตอร์นั้นรวบรวมไว้ทั้งหนุ่มสาวอารมณ์เปลี่ยว ที่เข้ามาเก็บเกี่ยวหาคู่นอนคลายเหงาทั้งแบบถาวรและชั่วคราว ไปจนถึงคู่สามีภรรยาที่มีรสนิยมเซ็กส์แบบสวิงกิ้ง ต้องการหาชายเดี่ยวและหญิงเดี่ยวไปช่วย ‘รุม’ คู่ของตนเพื่อสร้างความเร้าใจให้กับชีวิตรัก รวมถึงบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ที่อยากแบ่งปันแง่ง่ามความงามจากเรือนร่างของตนเองให้คนแปลกหน้าได้เชยชม ซึ่งไอซ์เองก็จัดว่าอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย เด็กสาวบางรายที่มีผู้ติดตามเป็นแสนๆ แท้จริงแล้วยังอยู่ในวัยเรียนไม่ทันจะจบมัธยมดีด้วยซ้ำ คงเป็นเพราะยุคสมัยที่เปลี่ยนไป จึงทำให้เรื่องราวลับๆ ในมุมมืดถูกแสงสว่างจากโลกออนไลน์สาดส่องเข้าไปได้มากขึ้น
ไม่ใช่เพราะไอซ์นั้นมั่นใจว่าตนเองหุ่นดีจนอยากจะโอ้อวดแก่ใครๆ ตรงกันข้าม เพราะรู้ว่าตนเองมีตำหนิข้อเสียในร่างกายที่ดูอวบอัดจนเกินไปต่างหาก หญิงสาวจึงรู้สึกตื่นเต้นมากเป็นพิเศษในยามที่ได้เปิดเปลื้องเปลือยโฉมตัวตนออกไป ให้คนแปลกหน้าได้ดู ได้วิจารณ์ ผู้ชมส่วนใหญ่ก็มักจะให้คำสรรเสริญเยินยอเธอกลับมา ไม่เคยมีใครที่ส่งข้อความตำหนิติเตียน และมีแต่จะอยากขอดูเพิ่มมากขึ้น บ้างก็ส่งข้อความส่วนตัวมาขอนัดออกรอบไปสร้างความสุขชั่วคราวร่วมกัน และบางรายก็ส่งรูปภาพอาวุธของตนกลับมาให้เธอดูเป็นการตอบแทน ซึ่งไอซ์ก็ไม่เคยตอบรับอะไร นอกจากกดปุ่มบล็อกทิ้งไปเท่านั้น
แม้กระทั่งในตอนที่กำลังนั่งรถแน็คกลับบ้าน หญิงสาวก็ยังหาจังหวะแอบเปิดบัญชีดังกล่าวขึ้นมาเช็กฟีดแบ็กเป็นระยะๆ แม้จะพึ่งอัพโหลดรูปเข้าไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดี แต่ก็ยังมีคนเข้ามาคอมเมนท์ใต้รูปภาพของเธอร่วมๆ 10 คนแล้ว มีทั้งข้อความที่แสดงการชื่นชม ไปจนถึงข้อความที่ระบายความกระสันผ่านตัวหนังสืออย่างเด่นชัด หญิงสาวแอบกวาดสายตาไล่อ่านทุกข้อความที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอเหล่านั้นพร้อมรอยยิ้มพึงใจเล็กๆ ที่ปรากฏขึ้นบริเวณมุมปาก
“หุ่นดีสุดยอดเลยครับคุณนิรนาม **เลือดกำเดาพุ่ง**”
“หุ่นขนาดนี้ ใครได้เป็นแฟนต้องหวงแน่ๆ อ้าก ไม่อยากให้เจ้าของแอคมีแฟนเยย กลัวอดดูอีก”
“ขาวเนียน หีโหนกอูมสุดๆ อยากเบิร์นให้จังเลยครับ จะเลียให้ดิ้นจนน้ำแตกคาปากเลย อิอิ”
“กรี๊ด พี่นิ ลงรูปแบบนี้ไม่ด้ายยย เดี๋ยวตีมือเลย”
“ควยแข็งเลยคร้าบ อยากเย็ด” ข้อความสุดท้ายยังอุตริถึงขั้นส่งรูปอาวุธอวบอ้วนในสภาพแข็งตัวเต็มที่แถมมาให้เธอดูด้วย ซึ่งหญิงสาวเจ้าของบัญชีก็กวาดนิ้วมือกดถูกใจให้กับทุกข้อความที่ปรากฏอยู่บนนั้น
ตอนที่ตัดสินใจกดโพสต์รูปนั้น เธอก็แอบตื่นเต้นลุ้นระทึกอยู่เหมือนกัน กลัวว่าจะมีคนในทวิตเตอร์ที่ได้เห็นรูป แล้วบังเอิญมาเที่ยวที่มิโมซ่าวันนี้พอดี จนเกิดจำเธอจากชุดที่สวมใส่ในรูปได้ แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงความระแวงที่ไม่เกิดขึ้นจริง แต่ที่สำคัญกว่านั้น... ไอ้ความหวาดเสียวลุ้นระทึกที่ว่านี่แหละ ที่มันช่วยกระตุ้นให้ร่างกายของสาวไฮโซคนสวย บังเกิดอาการร้อนผ่าวๆ ไปทั่วเรือนร่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงบริเวณโหนกเนื้อเนินสามเหลี่ยมใต้ร่มผ้า ที่ทั้งเต้นกระตุกตุบๆ และร้อนผ่าววูบวาบ จนเธอรู้สึกเหนอะหนะเหนียวกาย แม้ว่าแอร์ในรถจะถูกเปิดไว้จนเย็นฉ่ำก็ตาม
แม้จะรู้สึกละอายใจเล็กๆ ที่ตนเองกำลังแอบทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงอยู่ลับหลังชายหนุ่มรุ่นพี่ที่กำลังขับรถพาเธอไปส่งบ้านโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ใดๆ แต่ความตื่นเต้นก็บีบบังคับจิตใจให้หญิงสาวต้องคอยหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็กผลตอบรับอยู่เป็นระยะๆ เฮ้อ... ถ้าเกิดพี่แน็คได้ล่วงรู้ว่าเธอแอบมีด้านมืดซุกซ่อนอยู่เช่นนี้ เขาจะช็อกมากแค่ไหนกันนะ คงไม่มีผู้ชายดีๆ คนไหนจะทำใจรับได้หรอก ถ้ารู้ว่าแฟนสาวของตนเองมีนิสัยวิปริตวิตถารเช่นนี้ ต่อให้เธอกับเขาจะยังไม่ได้ตกลงปลงใจเป็นแฟนกันจริงๆ ก็ตาม
“เสียดายจัง ไม่อยากให้หมดวันเลย เดี๋ยวต้องแยกกันซะแล้ว” เสียงแน็คเอ่ยขึ้น พาให้สติของไอซ์ลอยกลับคืนสู่ห้วงเวลาปัจจุบัน เธอหันไปมองหน้าเขาก่อนจะส่งยิ้มหวานไปให้แทนคำตอบรับ
“แหม... ตัวติดกันมาทั้งวันแล้ว พี่แน็คคงเอียนหน้าไอซ์แล้วมากกว่า” หญิงสาวหยอก ก่อนจะคว่ำหน้าโทรศัพท์ลงเข้าหาตักตัวเองเพื่อแอบซ่อนกิจกรรมที่เธอกำลังทำค้างอยู่
“ไม่เบื่อหรอก ให้อยู่กับไอซ์พี่อยู่ได้ทั้งวันอ่ะบอกเลย มีความสุขจะตาย ไอซ์ต่างหาก คงเบื่อแย่แล้ว มาอยู่กับผู้ชายเชยๆ แบบพี่” ชายหนุ่มหันมายิ้มตอบให้เธอ ก่อนจะต้องรีบหันหน้ากลับไปมองถนนเพราะใกล้จะถึงทางโค้งด้านหน้า
“อะไร? พี่แน็คเนี่ยนะเชย? สมัยเรียนมีแต่คนกรี๊ดเพราะความเท่ความเซอร์ของพี่ขนาดนั้น จะมาว่าตัวเองเชยได้ไง?” ไอซ์พูดแก้ตัวให้คู่สนทนา แม้ว่าสมัยเรียน เธอเองจะไม่ได้คิดอะไรกับเขามากไปกว่าการเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทสนมกัน เนื่องจากตนเองมีแฟนหนุ่มที่คบหากันอยู่ก่อนแล้ว ทว่าลึกๆ แล้วหญิงสาวเองก็ตระหนักดีว่าหนุ่มรุ่นพี่นั้นดูจะแอบเก็บซ่อนความรู้สึกดีๆ ที่มีให้เธออยู่ภายใน มันจึงเป็นเพียงแค่การแอบรักข้างเดียวของฝ่ายชายหนุ่ม ในสถานการณ์ที่ผิดที่และผิดทาง แตกต่างจากในยามนี้ ที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นโสดไร้คู่ครองเคียงข้าง หากจะเดินหน้าสานต่อความสัมพันธ์ ก็ย่อมมีแต่คนรอบข้างชื่นชมยินดีและสนับสนุน
“ไม่รู้สิ พี่รู้สึกแบบนั้นมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วนะ ว่าตัวเองเป็นผู้ชายธรรมดา ไม่มีอะไรโดดเด่นเลย พอมาเทียบกับไอซ์แล้วมันรู้สึกเหมือนอยู่กันคนละลีก ช่วงแรกๆ ที่กลับมาคุยกันใหม่ตอนทำงาน จะบอกว่าพี่เกร็งมากเลยนะ ดูออกมั้ย?” แน็คระบายความรู้สึกออกมาด้วยรอยยิ้มเขินๆ
“บ้า! พี่แน็คคิดมากไป” ไอซ์พูดกลั้วหัวเราะ นึกว่าเขาเล่นมุก
“จริงๆ จริงๆ ทั้งชาติตระกูล รูปร่างหน้าตา ความฉลาด ยิ่งไอซ์พึ่งไปเรียนต่อต่างประเทศมาตั้งสองที่ ยิ่งทำให้พี่กดดันเข้าไปอีก รู้สึกเหมือนไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ยังไม่คู่ควร ลองนึกดูดิ ไอซ์เรียนจบกลับมาก็มีกิจการเป็นของตัวเองแล้ว ส่วนพี่ยังต้องเกาะที่บ้านทำงานอยู่เลย เหมือนไอซ์ลีกสูงกว่าพี่เยอะอ่ะ” ชายหนุ่มย้ำความรู้สึก พอหญิงสาวได้ฟังแบบนั้นแล้วก็อดที่จะทำหน้าเห็นใจเขาไม่ได้ รู้สึกว่าเธอเองต่างหาก ที่ควรจะเป็นคนพูดคำนั้นออกมา
ตลอดเวลาที่รู้จักกันมา ไอซ์นั้นแน่ใจเต็มร้อยว่าแน็คคือผู้ชายที่ดีพร้อมสำหรับการคบหาเป็นคู่ชีวิตด้วย ไม่สำคัญว่าครอบครัวของเขาจะร่ำรวยน้อยกว่าเธอ นั่นไม่ใช่สาระสำคัญที่เธอหยิบเอามาใส่หัวเป็นประเด็น แต่เป็นเรื่องของนิสัยใจคอ ความซื่อสัตย์ ต่างหาก ที่หญิงสาวให้ความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ทุกอย่างถูกพิสูจน์ออกมาให้เห็นถึงความมั่นคงที่ชายหนุ่มมีให้แก่เธอมาตลอดระยะเวลาเกือบสิบปีมานี้ แต่เป็นเธอเองต่างหาก... ที่ยังรู้สึกสงสัยว่าตนนั้นจะคู่ควรดีพอกับเขาหรือเปล่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องใช้ระยะเวลาอีกกี่ปี กว่าที่เธอจะสามารถเยียวยาตนเอง จนกลับไปเป็นคนปกติ เป็นภรรยาที่เขาจะสามารถคบหาได้อย่างภาคภูมิใจ
พอคิดเช่นนี้แล้ว หญิงสาวก็เลยพาลรู้สึกกร่อยๆ ขึ้นมา รอยยิ้มน้อยๆ ที่เคยปรากฏอยู่ก็พลันจางหายไปจากใบหน้า ก่อนที่เธอจะตัดสินใจยัดโทรศัพท์มือถือเก็บกลับเข้ากระเป๋าถือตัวเองไปไวๆ
“พี่แน็ค... ไอซ์อยากขอพี่แน็คเรื่องนึงได้มั้ย?” ไอซ์เอ่ยขึ้น พร้อมกับเอื้อมมือไปแตะที่ไหล่เขาเบาๆ จนชายหนุ่มต้องละสายตาจากถนนหันมาจ้องตาเธอตอบด้วยความประหลาดใจ
“อื้อ ได้สิ ไอซ์จะขออะไร พี่ยินดีทำให้ทุกอย่าง” แน็คชิงตอบรับออกไปก่อน แม้จะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหญิงสาวจะขออะไรจากเขา แต่ชายหนุ่มก็พร้อมที่จะสนองตอบความต้องการของเธอในทุกๆ เรื่อง
“ถ้าเราจะเดินหน้าต่อไปจริงๆ พี่แน็คต้องเลิกตัดสินตัวเองในแง่ลบแบบนี้ มันไม่สำคัญว่าใครจะรวยกว่ากัน หรือใครจะประสบความสำเร็จมากกว่าใคร ไอซ์อยากให้พี่มั่นใจในตัวตนที่พี่เป็นอยู่ พี่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองอะไรเพื่อไอซ์ ขอแค่พี่ภูมิใจในสิ่งที่เชื่อและทำมัน แล้วก็เป็นคนดี มั่นคงในแบบที่พี่เป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ แบบนั้นไอซ์จะมีความสุขมากกว่า” ไอซ์กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง พอชายหนุ่มได้ฟังแบบนี้จึงได้แต่พยักหน้าเบาๆ
“พี่เข้าใจ... พี่จะพยายามเป็นคนที่มั่นใจกว่านี้นะ ถ้ามันจะทำให้ไอซ์สบายใจขึ้น” แน็คตอบรับ ก่อนจะปั้นหน้าอมยิ้ม
“ค่ะ พี่แน็คเป็นคนเก่งแล้วก็เป็นคนดีนะ ห้ามดูถูกตัวเองอีกนะ” ไอซ์ยิ้มหวานตอบ
“สัญญาครับ ถ้าไอซ์ไม่ชอบพี่ก็จะไม่ทำ” ชายหนุ่มกล่าวคำสัญญาเป็นมั่นเหมาะ ซึ่งคนฟังก็เชื่อเต็มหัวใจว่าเขาจะยึดมั่นกับคำสัญญานั้นตราบจนชั่วชีวิต
“อีกอย่างนะ... เรื่องที่พี่ช่วยสานต่อกิจการให้ที่บ้าน ไอซ์ไม่เห็นว่ามันจะแย่ตรงไหนเลย เท่จะตาย ไม่ว่าบ้านไหนๆ ก็คงอยากให้ลูกหลานตัวเองช่วยดูแลกิจการที่สร้างกันมาทั้งนั้นแหละค่ะ ทุกวันนี้ไอซ์เองก็รู้สึกผิดอยู่นิดๆ นะที่เลือกจะมาทำร้านตัวเอง แทนที่จะไปช่วยคุณพ่อ โชคดีหน่อยที่ของไอซ์ยังมีพี่วินด์ที่ช่วยรับอาสาดูแลให้ ก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาอะไรเท่าไหร่ แต่ของพี่แน็คที่เป็นลูกคนเดียว จะให้ทิ้งไปทำอย่างอื่น คนที่บ้านคงเสียใจแย่เลย” ไอซ์เอ่ยต่อไป
“อืม ก็จริงนะ อีกอย่างพี่ว่าธุรกิจที่บ้านมันยังต่อยอดให้โตกว่าเดิมได้ด้วย ถ้าปล่อยให้จบไปคงน่าเสียดาย” แน็คพยักหน้า
“ใช่มั้ยคะ? เพราะงั้นพี่แน็คต้องไม่ทำให้ที่บ้านผิดหวังนะ” หญิงสาวยิ้มอ่อนหวาน
“แล้วแบบนี้... แปลว่าตอนนี้ ไอซ์ก็ตกลงยอมที่จะเดินหน้าไปต่อกับพี่จริงๆ แล้วใช่มั้ย?” หนุ่มรุ่นพี่ได้ที รีบหันมากระเซ้าถาม
“เรื่องนั้น... ถือเป็นคนละส่วนกันค่ะ ค่อยๆ ดูๆ กันไปเรื่อยๆ แบบนี้ ไอซ์สบายใจกว่า” สาวสวยว่า พลางหัวเราะคิกคักชอบใจ
“แง้! ใจร้าย!” หนุ่มรุ่นพี่ทำเสียงอ่อยรับมุกไปกับเธอ
แม้ในเวลาปกติ ไอซ์จะสวมบทเป็นผู้บริหารสาวมาดขรึมที่ค่อนข้างซีเรียสจริงจังกับการทำงาน ดุเป็นดุ จนถูกลูกน้องบางรายซึ่งไม่รู้จักตัวตนของเธอดี แอบซุบซิบนินทาถึงภาพลักษณ์ที่ดูเย็นชา และเข้าถึงยากของเธอ ทว่าในยามที่ได้ใช้เวลากับชายหนุ่มรุ่นพี่คนนี้ เธอกลับรู้สึกสบายใจที่จะเปิดเผยแง่มุมที่ดูบอบบางและขี้อ้อนกับเขา มากกว่าเวลาอยู่กับคนอื่นๆ มันเป็นความรู้สึกอบอุ่น สบายใจ ในแบบที่เธอก็แอบโหยหามันโดยไม่รู้ตัว ไม่ทันตระหนักด้วยซ้ำว่าไอ้ความรู้สึกเหล่านั้น มันได้สูญหายไปจากชีวิต นับตั้งแต่วันที่ความรักครั้งล่าสุดได้จบลง...
ถ้าหากว่าสุดท้ายแล้วเธอกับเขา สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ไปอย่างที่คาดหวังได้จริงๆ ก็คงจะดี...
=======================================
แน่นอนว่าไอซ์เองไม่ใช่ผู้หญิงคนเดียวที่แอบซ่อนรสนิยมทางเพศอันหวือหวาพิสดารเหนือคนทั่วไป เพราะเพื่อนหุ้นส่วนคนสนิทของเธออย่างไหมเองก็เป็นอีกคนที่หลงใหลกับรสนิยมทางเพศในแบบที่ได้เป็นฝ่าย ‘กระทำ’ ใส่คู่นอนของตนเองอย่างถอนตัวไม่ขึ้น และให้น่าตลกขึ้นไปอีก ก็คือชายหนุ่มคู่นอนคนล่าสุดของไหมนั้น ดันกลายมาเป็นนายโม อดีตคนรักที่ไอซ์พยายามจะลบเลือนเรื่องราวของเขาออกไปให้หมดจดจากหัว
ภายในห้องคอนโดส่วนตัวสไตล์โมเดิร์นลอฟท์ ขนาดกว้างขวางกว่า 70 ตารางเมตรของไหม ซึ่งหญิงสาวใช้เงินสดซื้อมันมาครอบครองด้วยความภาคภูมิใจ เวลานี้กำลังถูกใช้เป็นสถานที่พลอดรัก ไม่สิ ต้องเรียกว่าเป็นสถานที่สำหรับทำการ ‘เจรจาแลกเปลี่ยน’ ระหว่างหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของห้อง กับชายหนุ่มซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นอดีตคนรักของเพื่อนหุ้นส่วนเธอต่างหาก
ร่างสูงใหญ่กำยำที่เริ่มจะมีชั้นไขมันส่วนเกินปรากฏออกมาให้เห็นของโม กำลังนอนหงายราบอยู่บนเตียงนอนขนาด 6 ฟุต ในสภาพเปลือยเปล่าล่อนจ้อน โดยที่ทั้งมือและเท้าถูกมัดพันธนาการเอาไว้อย่างแน่นหนา ข้อมือทั้งสองข้างโดนจับมัดรวบยึดไว้กับหัวเตียง ส่วนปลายเท้าทั้งสองข้างก็ถูกมัดไว้ในสภาพที่กำลังกางอ้าอล่างฉ่าง จนหมดโอกาสที่เขาจะสามารถปิดป้องของสงวนซึ่งกำลังแข็งตระหง่านโด่เด่ ท้าทายสายตาของผู้ชมรอบข้าง
ไม่นานร่างผอมบางของไหมก็ตามขึ้นมาสมทบบนเตียงนอนอีกคน สาวไฮโซคนสวยขยับเยื้องย่างกายด้วยความมั่นใจ ภายใต้ชุดคอร์เซ็ทหนังสีดำมันวาว เข้าชุดกันดีกับกางเกงชั้นในจีสตริงลูกไม้แบบมีระบาย เนื้อผ้าซีทรูที่บางเบานั้นแทบจะเปิดเผยให้เห็นผิวกายสาวข้างใต้ตลอดทั้งชิ้น มีเพียงแค่ช่วงเนื้อผ้าตรงกลางเป้าและก้นเท่านั้นที่ยังคงปิดทึบอยู่ กวาดสายตามองลงไปด้านล่างคือถุงน่องสีดำบางเบา ที่แอบมีกิมมิกลูกเล่นด้วยสายคาดที่เชื่อมติดกับชุดคอร์เซ็ทด้านบน เครื่องแต่งกายที่ไหมสวมใส่ในเวลานี้ยิ่งขับเน้นบุคลิกและรสนิยมทางเพศของเธอให้เด่นชัดมากขึ้นกว่าเดิม
ไหมไม่ได้ปีนขึ้นเตียงมาแบบตัวเปล่าๆ ทว่าในมือของเธอนั้นถือหลอดเจลหล่อลื่นราคาแพงที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้เกมรักบนเตียงนอน สามารถดำเนินไปอย่างลื่นไหลต่อเนื่องตามชื่อเรียกของมันแล้ว คุณสมบัติอีกอย่างของผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ก็คือการเพิ่มความรู้สึกอ่อนไหวและไวต่อการสัมผัสบนร่างกายมากเป็นพิเศษ ซึ่งเธอเองเคยใช้มันเล่นสนุกกับทาสชายบนเตียงนอนเตียงนี้มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง และเป้าหมายต่อไปที่เธอจะใช้มัน ก็คือเจ้าดุ้นเนื้อยักษ์ที่กำลังอวดเบ่งความเป็นชายอยู่ตรงเบื้องหน้าเธอนั่นเอง เจ้าสิ่งนี้มันช่างอวดดีนัก ทั้งที่แขนและขาถูกพันธนาการอยู่อย่างแน่นหนาแท้ๆ ยังกล้าชูคอขึ้นมาท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว คอยดูเถอะ เดี๋ยวจะจัดการสั่งสอนให้หมดสภาพให้ดู หญิงสาวนึกกระหยิ่มอยู่ในใจด้วยความลำพอง
เธอชโลมเจลหล่อลื่นลงไปบนฝ่ามือข้างขวาของตนเอง ด้วยปริมาณที่กะคะเนมาเป็นอย่างดีว่าเพียงพอแล้วต่อการเล่นสนุกในครั้งนี้ ก่อนจะถูมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันเป็นวงกลมเบาๆ ให้เนื้อเจลมันฉาบเคลือบไปทั่วฝ่ามือน้อยๆ ที่ดูยังไงก็ไม่ทัดเทียมกับขนาดอาวุธยักษ์เบื้องหน้าที่เธอกำลังยื่นมือออกไปจับ พลันที่ฝ่ามือนุ่มๆ ของหญิงสาวบีบหมับเข้ามาที่กลางลำโคน ชายหนุ่มก็สัมผัสได้ถึงความเย็นวาบหวามและอุ่นวาบที่แล่นขึ้นมาพร้อมกันอย่างน่าอัศจรรย์ ยิ่งเมื่อไหมตั้งใจคลึงฝ่ามือรูดไปทั่วแก่นกายของเขาตั้งแต่บนลงล่าง จนอาวุธยักษ์นั้นอาบชุ่มไปด้วยเนื้อเจล ก็ทำให้ชายหนุ่มยิ่งรู้สึกหวิวๆ แปลกๆ ขึ้นมาจนไอ้หนูเกร็งกระตุกหงึกๆ ขึ้นไปถึงท้องน้อย
“ชอบมั้ยคะ?” ไหมเอ่ยถามเสียงเย็น ขณะที่มือก็ออกแรงถอกรูดหนังหุ้มปลายของเขาอย่างลื่นไหลและต่อเนื่อง บางจังหวะเธอยังจงใจใช้นิ้วหัวแม่มือกดคลึงลงไปที่ส่วนหัวของดอกเห็ด ลึกลงไปถึงบริเวณผิวหนังอันอ่อนไหวใต้หัวหยัก ขณะที่มือซ้ายอีกข้างก็คอยคลึงขยำหยอกล้อกับเจ้าลูกบอลกลมๆ ทั้งสองลูกด้านล่าง ทำเอาร่างกำยำของชายหนุ่มถึงกับแอ่นกระตุก ก้นลอยโด่งยกขึ้นจากเตียงอย่างลืมตัวลืมใจ
“ซี้ดส์... สสสสส ชอบ... ชอบครับ” โมสูดปากร้องครางตอบ แอ่นหน้าขาเด้งสู้มือเธออย่างจำนน
ความอดทนอดกลั้นของชายหนุ่มกำลังจะพังทลายลงไปในไม่ช้านี้ ภายหลังจากถูกไหมจับมัดไว้บนเตียงนอนนี้มาร่วมๆ 30-40 นาที โดยที่เธอคอยวนเวียนมาใช้มือปลุกเร้าอารมณ์ให้แก่นกายของเขามันแข็งโด่ค้างอยู่อย่างนี้ย้ำๆ ซ้ำๆ พอหนำใจแล้วก็รามือไป ปล่อยให้มันห่อเหี่ยวลงชั่วคราว ก่อนจะวกกลับมาปลุกเร้ามันให้ลุกขึ้นสู้ใหม่ โดยตั้งใจแกล้งยั่วให้เขาอารมณ์ค้างจนหงุดหงิดง่านใจไปเรื่อยๆ ครั้งนี้เขาพลาดเอง ที่ยอมทำตามคำสั่งของไหมอย่างว่าง่ายตั้งแต่แรก จนสุดท้ายเลยถูกจับมัด และกลายเป็นการเปิดช่องให้เธอได้ควบคุมเกมรักในครั้งนี้แบบหมดจดสมบูรณ์ แทบไม่หลงเหลือโอกาสที่เขาจะตอบโต้กลับคืนไปได้
ไอ้หนูของโมตอนนี้มันทั้งโป่งพองและแข็งโป๊กจนแทบจะระเบิดออกมาให้ได้ ติดเพียงแค่ว่าหญิงสาวผู้กำลังควบคุมมันไม่ยินยอมให้เขาได้ถึงฝั่งฝันเสียที ยิ่งรอบนี้เธอกลับมาพร้อมกับเจลหล่อลื่นสูตรพิเศษที่ทำให้รู้สึกอ่อนไหวต่อการสัมผัส ก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็น เป็นความทุกข์ทรมานที่แฝงตัวมาในคราบของความสุขเสียวจนใจจะขาด หรือไม่ก็อาจเป็นความสุขเสียวที่แอบซุกซ่อนอยู่ในความทรมาน แล้วแต่ว่าใครจะมองในมุมไหน ที่แน่ๆ คือมันมากเกินกว่าที่โมจะทนฝืนต่อไปได้ไหว
“รอบนี้อยากเสร็จรึยังคะ?” ไหมเอ่ยถามอย่างสุภาพ แต่การกระทำของเธอนั้นช่างใจร้ายใจดำ ในสายตาของชายหนุ่มผู้กำลังทุกข์ทรมานเพราะความเสียวที่ถาโถมขึ้นมา ปลายหัวเห็ดของเขาตอนนี้มีหยาดน้ำหล่อลื่นเหนียวใสผุดซึมออกมาไม่ขาดสาย และไหลผสานรวมกับเนื้อเจลหล่อลื่นเหนียวๆ จนแทบแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร
“อยากครับ... ให้ผมแตกเถอะครับคุณไหม ผมจะตายอยู่แล้ว ได้โปรด...” โมเอ่ยปากร้องขออย่างหมดสภาพ แอ่นเอวเด้งทิ่มอาวุธเข้าใส่อุ้งมือเธอยิกๆ เหมือนสุนัขหื่นที่กำลังติดสัด แต่หญิงสาวที่รู้เจตนาของเขาดีก็คอยพลิกฝ่ามือดิ้นหนีไปเรื่อยๆ อย่างซุกซน พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะคิกคักชอบใจที่ได้เห็นอาการของเขา
“ถ้าคุณโมอยากมีความสุข งั้นก็ทำให้ไหมมีความสุขก่อนสิ” ไหมเอ่ยยั่วเย้า ก่อนจะปล่อยมือออกจากร่างกายของชายหนุ่มแบบกะทันหัน ทำเอาเจ้าหนุ่มโมถึงกับกระเด้งเอวตามด้วยอาการเสียดายอย่างสุดแสน
“คุณไหมจะให้ผมทำอะไรบอกมาสิครับ” โมเอ่ยอย่างร้อนใจ ไอ้หนูเกร็งกระตุกหงึกๆ อยู่ตลอดเวลาโดยไม่สามารถควบคุมได้
“คุณโมไม่ต้องทำอะไรหรอกค่ะ นอนเฉยๆ ไปนั่นแหละ เดี๋ยวไหมจัดการเอง” เธอบอกด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ ก่อนจะหยิบเอาเจลหลอดเดิมขึ้นมาป้ายลงบนนิ้วกลางและนิ้วนาง แหวกขอบกางเกงชั้นในจีสตริงตัวจิ๋วแง้มออกข้าง และบรรจงละเลงเนื้อเจลทาลงไปรอบๆ กลีบเนื้อสาวซึ่งเปียกชุ่มอยู่ก่อนแล้ว ไม่เว้นแม้แต่บริเวณปุ่มกระสันสีชมพูที่พองยื่นออกมาผ่านรอยแยกทางด้านบน
ไหมค่อยๆ กดสอดนิ้วมือที่อาบชุ่มไปด้วยเนื้อเจล แยงเข้าไปในร่องเสียวที่ปริอ้าน้อยๆ เธอแยงลึกเข้าไปราวๆ ครึ่งข้อนิ้ว แล้วก็ขยับสาวนิ้วมือเข้าออกเบาๆ พอที่จะทำให้เนื้อเจลมันเคลือบไปทั่วผนังถ้ำ ความรู้สึกทั้งเย็นและอุ่นวูบวาบก็พลันแผ่ซ่านจากหว่างขาไต่สูงขึ้นไปยังหน้าท้องของสาวไฮโซ กระตุ้นอารมณ์กำหนัด และทำให้เธอรู้สึก ‘หิวกระหาย’ ที่จะได้รับการเติมเต็มความปรารถนาด้วยดุ้นเนื้ออ้วนๆ ยาวๆ ที่ตั้งตระหง่านโด่เด่อยู่เบื้องหน้าสายตา
หญิงสาวเอื้อมมือไปควานหากล่องถุงยางยี่ห้อ Okamoto รุ่น Zero One ไซส์ L สีแดงที่วางเตรียมอยู่บนตู้ข้างเตียง หยิบซองถุงยางสีดำมันวาวที่มีตัวเลข 0.01 สีทองพิมพ์ติดเอาไว้อย่างชัดเจนออกมาหนึ่งซอง ตัวเลขที่ระบุนั้นคือความหนาที่บางเฉียบของผิวยาง ซึ่งจะช่วยมอบรสสัมผัสที่ถึงแก่นและถึงใจ จนคล้ายว่าพวกเขากำลังมีเซ็กส์กันแบบไม่ได้สวมใส่ถุงยางอยู่ หญิงสาวไม่รอช้า จัดการแกะซองออกแล้วใช้นิ้วบีบลงไปที่หัวจุกด้านบน ก่อนจะนำมันไปสวมครอบใส่ให้กับอาวุธที่แข็งตัวพร้อมของชายหนุ่ม แค่สัมผัสจากถุงยางที่ครอบลงมาท่อนลำก็ทำให้เจ้าหนุ่มถึงกับสูดปากซี้ดๆๆ ด้วยความเสียวสยิว
ไหมขยับยกก้นพร้อมกับรูดกางเกงชั้นในของตัวเองออกจากหน้าขา ก่อนจะปีนขึ้นไปนั่งคร่อมทับอยู่บนตัวของโมที่นอนอยู่ เธอใช้มือข้างหนึ่งจับประคองอาวุธของเขาให้ตั้งตรง ขณะหย่อนก้นกดสะโพกเบียดร่องเสียวเข้าหาปลายหัวบานของดอกเห็ด ความเปียกลื่นทำให้อาวุธของชายหนุ่มลื่นไถลเข้าไปด้านในได้อย่างง่ายดาย ไม่ถึงอึดใจ ดุ้นเนื้อยักษ์ก็มุดเข้าไปแช่อยู่ในโพรงเสียวของสาวไฮโซได้แบบหมดจด ความอุ่นแน่นที่บีบรัดอยู่รอบด้านทำเอาชายหนุ่มรู้สึกเสียวซ่านจนแทบจะแตกเสียตั้งแต่ตอนนี้
“ซี้ดส์... อาห์... อู๊ย... ยยยยย แน่นสะใจชะมัด คุณโม... ห้ามเสร็จก่อนไหมนะ เข้าใจมั้ย? ไม่งั้นถือว่าข้อเสนอของเราทั้งหมดกลายเป็นโมฆะ” ไหมเอ่ยปากขู่ด้วยสีหน้าที่กำลังสุขเสียวสมใจแบบถึงแก่น อาการจุกเสียดคับแน่นที่แทรกตัวเข้ามาเต็มโพรงเนื้อมันทำให้หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะต้องออกแรงเกร็งขมิบใส่แท่งเนื้อของเขารัวๆ ด้วยความมันเขี้ยว
“อุ๊! บะ... เบาๆ ครับคุณไหม ผมกลัวจะแตกซะก่อน ซี้ดส์... สสสส อูย ตอดรัวๆ เลยวุ้ย..” โมครางสูดปากหน้าตาเหยเก พยายามเกร็งขมิบกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องอย่างสุดความสามารถ เพื่อไม่ให้เผลอทำกระสุนลั่นออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
“อ๊ะ! อาห์... ไหมเงี่ยนชะมัด... ทั้งที่กะว่าจะแค่แกล้งยั่วคุณโมฝ่ายเดียวเฉยๆ ดันมาเงี่ยนเองซะได้ บ้าจังเลย อือ... อออออ อู๊ย... แทงโดนเต็มรูเลย อาห์ โอ๊ย ควยคุณใหญ่ถึงใจไหมจริงๆ” ไหมแหงนเชิดหน้าร้องบอกด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทิ้ม สองมือเธอยันค้ำไว้บนแผงอกที่กว้างใหญ่ของชายหนุ่ม ก่อนจะเริ่มสับสะโพกเร่งความเร็วในการขย่มบั้นท้าย เร็วขึ้น... เร็วขึ้น... จนเสียงเนื้อของพวกเขาฟาดกระทบกันดังลั่น ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ!! พร้อมกับเสียงครวญครางกระเส่าของสาวสวยที่ดังขึ้นเพราะความกระสันเสียว
ด้วยสภาพที่ตัวเองโดนมัดแขนและขาทั้งหมด ทำให้โมไม่สามารถแสดงลีลาโต้ตอบใดๆ ออกไป นอกจากพยายามข่มกลั้นอารมณ์เสียวที่กำลังมากระจุกตัวอยู่บริเวณดุ้นเนื้อตรงหว่างขาของตนเองแบบสุดความสามารถ เขาพยายามหลับตานึกถึงเรื่องอื่นๆ เพื่อให้ความตื่นเต้นมันลดน้อยถดถอยลงไป แต่ก็ดูจะเป็นไปได้ยากเหลือเกิน ในเมื่อหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านบนกำลังโยกขย่มลงมาใส่ร่างเขาอย่างเมามัน พร้อมกับเปล่งเสียงร้องครางชวนสยิวไปด้วยตลอดเวลา
โชคยังดีที่ฝั่งไหมเองกำลังหื่นจัด ยิ่งเมื่อโดนอานุภาพของเจลหล่อลื่นสูตรพิเศษช่วยกระตุ้นความไวต่อสัมผัส ก็ทำให้เธออดทนออกแรงขย่มใส่เขาได้ไม่ถึงสิบนาที ก็ส่งสัญญาณร่ำๆ ว่าจะทนไม่ไหว ส่ายสะบัดใบหน้าไปมาในอากาศ โพรงเนื้อภายในออกอาการหดเกร็งด้วยความรุนแรงและกระชั้นถี่ จนเจ้าหนุ่มแทบตาเหลือก ต้องขมิบกลั้นไอ้หนูของตนเองไว้แบบสุดชีวิต จนกระทั่งหญิงสาวคู่ขาแหกปากหวีดร้องออกมาดังลั่นห้อง
“อ๊ะ! อ๊ะ! อ๊าย... ยยยยย ซี้ดส์... โอ๊ย ไหม... ไหมเสร็จ... อือ... ออออออ อื้อ... ออออออ!!!” ไหมแอ่นแหงนหน้าเริ่ดขึ้นหาเพดาน เนื้อตัวกระตุกพรืดๆ คิ้วขมวดย่นเข้าหากัน หลับตาพริ้ม พร้อมเปล่งอ้าปากค้าง ส่งเสียงร้องครางโหยหวนยาวๆ ด้วยโทนเสียงที่ทุ้มแปร่ง ราวกับสัตว์ป่าที่กำลังบาดเจ็บ เป็นสัญญาณว่าเธอนั้นทะยานขึ้นถึงฝั่งฝันไปแล้ว แรงบีบรัดอันรุนแรงทำให้ชายหนุ่มเองก็ทดอดกลั้นต่อไปไม่ไหว และไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่เขาจะต้องฝืนทนต่อไป ในที่สุดเขาจึงต้องเด้งก้นทิ่มอาวุธเข้าใส่รูเธอแบบถี่ยิบๆๆๆ พร้อมกับคำรามลั่น ในจังหวะที่กระฉูดน้ำเชื้อเหนียวขุ่นพุ่งปรี๊ดๆ เลอะเต็มถุงยางตามเธอไปอีกคนแบบติดๆ กัน เรียกว่ารอดตัวไปได้แบบฉิวเฉียดเต็มที
“อึดจังเลยนะคะ” ไหมเปิดปากหยอกเย้ากับเขา หลังจากนอนพักหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนอยู่นานร่วมๆ 3 นาที
“เกือบไม่รอดแล้วครับ” โมปรือตาตอบ สภาพเขาตอนนี้ก็เหน็ดเหนื่อยไม่แพ้กัน ถ้าเป็นสมัยที่ยังฟิตๆ กว่านี้ ไอ้การเสร็จกิจเพียงครั้งเดียว ไม่มีทางทำให้เขาต้องนอนหอบแฮ่กๆ แบบนี้อย่างเด็ดขาด
“ถือว่าคุณโมสอบผ่าน” หญิงสาวบอก ชายหนุ่มได้ยินแบบนั้นก็ทำหูตาเป็นประกายตื่นเต้นด้วยความดีใจ คิดว่าเรื่องคงจบแล้ว
“แต่ว่า... ธุระของไหมคืนนี้ยังไม่จบหรอกนะคะ” สาวไฮโซพูดต่อไป และทำให้ความดีใจของเขาต้องพลอยหยุดชะงักลงไปด้วย
“หมายความว่าไงครับ?” โมเอ่ยถามอย่างข้องใจ เกิดระแวงว่าจะโดนเธอหาข้ออ้างเล่นลิ้นเตะถ่วงไปอีก
“ไหมอยากรู้ว่าจริงๆ แล้วคุณโมอึดแค่ไหน ถ้าทำต่อติดๆ กันจะไหวรึเปล่า?” ไหมตอบ พร้อมกับยื่นมือไปรูดถุงยางที่เปรอะเปื้อนน้ำกามออกมาจากแท่งเนื้ออันเหี่ยวนิ่ม จัดการมัดปลายถุงแล้วโยนมันทิ้งลงถังขยะข้างเตียงไปอย่างแม่นยำ จากนั้นเธอก็เอื้อมมือเล็กๆ ไปลูบคลึงที่กลางลำโคนอีกรอบ สภาพของมันตอนนี้ต้องบอกว่าปวกเปียกป้อแป้ ไม่หลงเหลือภาพความเป็นยอดนักสู้เมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย
“ให้ผมพักเหนื่อยก่อนสิ รับรองว่าคุณไหมได้ตามที่ต้องการแน่” โมเอ่ยปากบอกออกไป ถ้าหากได้นอนพักซัก 10-20 นาที เขาก็น่าจะพอปลุกปั่นอารมณ์ให้ลุกขึ้นมารับมือกับเธอได้อีกรอบ
“แต่ไหมอยากให้คุณโมแข็งเดี๋ยวนี้นี่” ไหมกล่าวตัดพ้อด้วยน้ำเสียงผิดหวังเล็กๆ
“คงไม่ไหวหรอกครับ ถ้าเป็นสมัยก่อนน่ะไม่แน่ แต่ถ้าเป็นตอนนี้ ผมขอเวลาซักสิบนาที ขึ้นแน่” โมยื่นข้อเสนอ แต่สาวไฮโซกลับส่ายหน้าน้อยๆ
“ถ้าไหมอยากได้เดี๋ยวนี้ ก็ต้องเป็นตอนนี้ค่ะ” ไหมเอ่ยเสียงเรียบๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเอาหลอดเจลหล่อลื่นอันเดิมขึ้นมาบีบใส่นิ้วมือตัวเองอีกรอบ
“คุณไหมจะทำอะไรครับ?” โมรีบเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังตั้งท่าจะทำอะไรบางอย่าง ซึ่งเขาพอจะเดาได้ว่ามันไม่น่าจะใช่เรื่องดีกับตนเองแน่ๆ
“ให้ไหมลองอะไรหน่อยนะคะ” หญิงสาวเจ้าของห้องตอบเพียงเท่านั้น ก่อนจะปาดนิ้วลงไปที่รูก้นของเขาและออกแรงคลึงเบาๆ ทำเอาเจ้าหนุ่มถึงกับสะดุ้งยกก้นลอยจากเตียงอย่างตกใจ
“คุณไหม? ทำอะไรครับเนี่ย?” โมถามอย่างร้อนใจ
“ผู้ชายบางคนน่ะ เวลาโดนกระตุ้นที่จีสปอต ก็สามารถแข็งซ้ำๆ ได้ติดๆ กันนะคะ คุณโมรู้มั้ยเอ่ย?” ไหมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ และไม่ว่าเขาจะพยายามเอ่ยปากร้องขอเวลานอกยังไง แต่นิ้วมือของหญิงสาวก็ไม่มีทีท่าจะขยับออกห่างจากรูก้นของเขาเลยแม้แต่น้อย
“อุ๊! อือ... อออออ” โมทำได้เพียงแค่เม้มปากหลับตาปี๋ด้วยใบหน้าที่เหยเก แม้จะมีเจลหล่อลื่นช่วยทำหน้าที่อำนวยความสะดวก ทว่าการที่มีอะไรบางอย่างสอดเข้ามาในช่องทางที่เขาไม่คุ้นชิน ก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกจุกเสียดคับแน่นในก้นอยู่ดี
“รีแล็กซ์ค่า รีแล็กซ์ จุกใหญ่กว่านี้ก็เคยเสียบไปแล้วน้า จะกลัวอะไร?” สาวไฮโซปลอบเหมือนไม่ได้ปลอบ
หญิงสาวออกแรงดันนิ้วควานลึกเข้าไปในโพรงเนื้อก้นที่กำลังเกร็งขมิบต้านการรุกรานของเธออย่างสุดความสามารถ เธอควานไปจนพบกับจุดที่พื้นผิวแข็งและโค้งนูนผิดปกติ จึงออกแรงคลึงลงไปเบาๆ ด้วยสัมผัสที่นุ่มนวลชวนละมุน ราวกับว่ากำลังกระซิบหยอกล้อเพื่อปลุกอะไรบางอย่างภายในนั้นให้ตื่นขึ้นมา เหมือนจะได้ผล เพราะสัมผัสของเธอส่งผลให้ชายหนุ่มรู้สึกวาบหวิวขึ้นมาแบบแปลกๆ ความรู้สึกมันเหมือนมีสายฟ้าอ่อนๆ วิ่งวาบแล่นไปทั่วร่างเขา จะว่าเสียวก็เสียว จะว่าโล่งก็โล่ง เหมือนสายลมอ่อนๆ ที่กำลังก่อตัวขึ้นภายในแกนกลางของเขา และทำให้ชายหนุ่มเผลอออกแรงเกร็งกระตุกท่อนเนื้อที่หมดสภาพถี่ๆ แบบลืมตัว
“เจอแล้ว!” ไหมเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น สีหน้าเธอฉาบด้วยรอยยิ้มซุกซน เหมือนเด็กที่กำลังสนุกกับของเล่นชิ้นใหม่ นิ้วเธอคลึงไปมาที่จุดเดิมเป็นวงกลมเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มแรงกดทีละน้อยๆ กระชากเสียงครางอืมๆ ให้ดังลอดจากลำคอของชายหนุ่มเป็นระยะ
“อุ๊! อืม... มมม อืม... มมมมม อาห์” โมได้แต่อ้าปากส่งเสียงครางยาวๆ ด้วยอารมณ์ตื่นเต้นระคนหวาดเสียว รูก้นขมิบยวบๆ รัดใส่นิ้วมือเรียวบางของไหมที่เคลื่อนไหวไม่หยุดหย่อน เขาเคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน ทว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นในวันนั้นกลับเป็นสิ่งที่ยากจะลืมเลือนลงได้ และมันกำลังค่อยๆ ก่อตัวเกิดขึ้นอีกครั้งในเวลานี้
ไหมใช้มือขวาข้างถนัด จัดการคลึงเคล้นนวดใส่รูก้นของโมอย่างช่ำชอง ส่วนมือซ้ายอีกข้างที่ว่างอยู่ ก็เอื้อมไปบีบนวดที่แก่นกายด้านนอก สลับกับลูบไล้ไปตามพวงไข่ด้านล่าง เพื่อช่วยปลุกอารมณ์ให้เจ้าอสูรร้ายฟื้นคืนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง และแล้วสิ่งที่ชายหนุ่มไม่คาดคิดก็พลันบังเกิดขึ้น ท่อนเนื้อของเขาที่พึ่งแสดงอาการห่อเหี่ยวหมดเรี่ยวแรงหลังเสร็จกิจ บัดนี้กลับค่อยๆ ผงกโงหัวขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่มันจะค่อยๆ เหยียดกาย และแอ่นชูคออวดเบ่งความเป็นชายขึ้นมาอีกครั้ง ภายในเวลาอันรวดเร็ว ไม่น่าเชื่อว่าวิธีของไหมจะสามารถปลุกมันขึ้นมาได้จริงๆ ชายหนุ่มได้แต่อ้าปากพะงาบๆ พ่นลมหายใจแรงๆ ออกมาด้วยความประหลาดใจ
แต่เหมือนว่าแค่นั้นจะยังไม่ใช่จุดหมายปลายทางของไหม เพราะแทนที่เธอจะถอนนิ้วออกจากตัวเขา ตรงกันข้าม หญิงสาวกลับยิ่งเพิ่มน้ำหนักในการกดคลึงจุดเสียวภายในร่างของชายหนุ่ม พร้อมกับเร่งความเร็วในการกระตุกอุ้งมือที่กำลังบีบกำท่อนเนื้ออยู่ จนชายหนุ่มรู้สึกเสียวจี๊ดๆ ขึ้นมาพร้อมๆ กันทั้งสองทาง ต้องสูดปากร้องครางซี้ดๆๆ เสียงหลงด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวเหยเก เนื้อตัวสั่นกระตุกทั้งภายในและภายนอกอย่างควบคุมไม่ได้
“ซี้ดส์... สสสสสส อู๊ย... ยยยย คุณไหม... เบาๆ ครับ ผมจะอั้นไม่ไหวแล้วนา” โมส่งสัญญาณร้องบอกถึงขีดจำกัดของตนเอง ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทิ้มและขาดห้วงเพราะความเสียวซ่าน หลังโดนเธอเล่นงานมาร่วมๆ 10 นาที ทว่าไหมก็ไม่ได้เอ่ยเอื้อนอะไรตอบ เธอเพียงอมยิ้มเยือกเย็น และเร่งมือปลุกเร้าเขาอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดเจ้าหนุ่มก็ทนฝืนต่อไปอีกไม่ไหว
“อุ๊! อู๊ย... ยยยย แตก... แตกแล้วครับ อู้ว!!” โมแอ่นเชิดหน้าหลับตาปี๋ แหกปากร้องครางสยิวดังลั่นด้วยความสะท้านใจ ก่อนที่หยาดน้ำเชื้อขาวๆ ที่มีปริมาณลดลงจากครั้งแรกพอสมควร จะปลิวกระเด็นไปตกลงที่หน้าท้องของชายหนุ่ม เป็นไปตามทิศทางที่หญิงสาวใช้มือบังคับอาวุธของเขาให้เล็งไปทางนั้นอยู่ก่อนแล้ว
พลันที่น้ำเชื้อถูกรีดออกไปจากร่าง เรี่ยวแรงและพละกำลังต่างๆ ก็พลอยถูกสูบออกไปจากร่างของโมเช่นเดียวกัน การถึงจุดติดๆ กันสองรอบในระยะเวลาอันสั้น มันทำให้เขาแทบหมดสภาพ นอนหอบหายใจแรงๆ จนหน้าอกที่เปรอะเปื้อนน้ำกามนั้นสั่นกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด ทว่า... หญิงสาวผู้กุมบังเหียนดูเหมือนจะยังมีแผนการอะไรบางอย่างซุกซ่อนอยู่ในใจอีก เพราะหลังจากปล่อยให้เขาได้นอนพักแค่ช่วงสั้นๆ และยังไม่ทันจะหายเหนื่อยดี เธอก็เริ่มที่จะออกแรงกระตุกอุ้งมือต่ออีกรอบ ทำเอาเจ้าหนุ่มถึงกับเกิดอาการเสียวจี๊ดแล่นแปล๊บๆ จากดุ้นเนื้อพุ่งขึ้นไปถึงสมอง
“อู๊ยๆๆๆ คุณไหม พอแล้วครับ ไม่ไหวแล้ว... พอก่อน โอ๊ย... ไม่เอาแล้ว” โมดิ้นทุรนทุรายไปมาอย่างไร้ทิศทาง คำร้องขอของเขาดูจะไร้ความหมาย เมื่อมันลอยเข้าหูซ้ายและทะลุหูขวาของหญิงสาวออกไปอย่างรวดเร็ว
“ปล่อยออกมาค่ะ ไม่ต้องอั้น ปล่อยมาให้หมด” ไหมเอ่ยปากเร่งเร้า พร้อมกับออกแรงถอกดุ้นเนื้อนิ่มๆ ในมือเธอให้เร็วขึ้น... เร็วขึ้น... เร็วขึ้น... จนเจ้าหนุ่มแทบจะอยากบ้าตายเสียตรงนั้นให้ได้ ความรู้สึกเสียวซ่านที่มากเกินรับไหว ทำให้เสียงร้องของเขาฟังแปร่งเพี้ยนแทบไม่เป็นภาษาคน
“อุ๊! อู้ว... อู้ว... วววววว อู้ว... วววววว อื้อ... ออออออ!! โอ้ว... ววววววว” โมเปล่งเสียงร้องคำรามออกมาดังลั่นห้อง หน้าท้องเกร็งขมิบยวบๆ เช่นเดียวกับโพรงเนื้อด้านหลังของเขาที่ออกอาการหดขมิบใส่นิ้วมือเธอยิกๆๆ ก่อนที่หยาดน้ำพุสีเหลืองทองจะพุ่งปรี๊ดๆๆๆ ออกมาเป็นสายเหมือนเขื่อนแตก แม้ว่าเขาจะพยายามกลั้นยังไงก็ไม่สามารถสะกดกลั้นมันไว้ได้เลย สายน้ำสีทองใสนั้นพุ่งกระทบลงไปที่หน้าท้องและหน้าอกของเขาแบบเต็มๆ และมีบางส่วนที่ไหลย้อยผ่านลำตัวเขาลงไปยังเตียงนอนด้านล่าง ซึ่งหญิงสาวนั้นได้ปูแผ่นยางขนาดใหญ่วางรองดักเอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว และเป็นนาทีนี้เองที่ชายหนุ่มพึ่งจะตระหนักได้ถึงหน้าที่ของมัน
กระทั่งเมื่อน้ำพุหยดสุดท้ายถูกรีดออกมาหมดจด หญิงสาวผู้คุมเกมจึงยอมละมือออกมาจากร่างกายของเขา ทั้งด้านหน้า... และด้านหลัง... แล้วเธอก็เดินอมยิ้มตัวปลิวไปล้างตัวในห้องน้ำคนเดียว ทิ้งให้ชายหนุ่มที่พึ่งจะโดนรีดพิษนั้น นอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียงนอนอย่างหมดสภาพเพียงลำพังต่อไป ดวงตาเขาพร่ามัวไปหมด แทบลืมตาไม่ขึ้น ความรู้สึกมันเหมือนเขาพึ่งไปวิ่งมาราธอนมาแบบไม่ได้หยุดพัก แข้งขาอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปหมด แค่จะยันกายลุกขึ้นไปล้างตัวในห้องน้ำต่อจากเธอก็ยังต้องใช้ความพยายามที่มากกว่าปกติ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็สามารถผ่านมันไปได้ด้วยดี คราวนี้ก็ถึงเวลาที่เขาจะทวงข้อแลกเปลี่ยนที่เธอติดค้างอยู่เสียที
“ไปคุยกันข้างนอกดีกว่าค่ะ ไหมอยากรับลมเย็นๆ” ไหมที่สวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำสีขาวตัวเดียว เอ่ยปากชักชวนโมที่กลับมาสวมเสื้อเชิ้ตและกางเกงยีนส์ครบชุดแล้ว ออกไปคุยกันต่อที่ระเบียงห้องด้านนอก ซึ่งชายหนุ่มก็ยินยอมตามไปแต่โดยดี ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องปฏิเสธเธอ ในเมื่อคืนนี้ทุกอย่างมันก็เลยเถิดมาไกลมากแล้ว
“คุณโมสูบบุหรี่มั้ยคะ?” หญิงสาวเอ่ยถาม ขณะใช้นิ้วคีบมวนบุหรี่ออกมาจากกล่องบุหรี่ยี่ห้อ Marboro สีดำอมม่วง ซึ่งถูกวางกองทิ้งไว้บนโต๊ะกลมเล็กด้านนอกห้อง ราวกับว่านั่นคือสถานที่อันคู่ควรของมัน
“ไม่ครับ” เขาชิงตอบปฏิเสธ โดยไม่ได้เล่าต่อว่าแท้จริงแล้วตนพึ่งเลิกขาดจากไอ้สิ่งที่หนักหนาสาหัสกว่าบุหรี่มาได้ไม่นาน
“ปกติไหมก็ไม่ค่อยสูบหรอก แต่ Cigarettes after sex is the best จริงๆ” ไหมเสียบบุหรี่คาบไว้ที่ริมฝีปาก เธอเอื้อมมือไปหยิบไฟแช็กที่วางอยู่ข้างกล่องขึ้นมาจุด โดยใช้มืออีกข้างช่วยบังป้องลม พอปลายก้านสีขาวถูกความร้อนเผาจนกลายเป็นสีส้มอมเทา หญิงสาวจึงออกแรงดูดยาวๆ ก่อนจะพ่นควันสีเทาออกมาเป็นทางยาวๆ ลอยละล่องปลิวขึ้นไปบนอากาศ
แล้วกินเหล้ามั้ยคะ?” เธอเอ่ยถามเพิ่มให้ครบ
“มีบ้างครับ” โมพยักหน้ารับตรงๆ
“ก็ไว้เข้าสังคมอ่ะเนอะ” คนถามเองก็ช่วยพยักหน้ารับลูกให้ด้วย
“ไหมชอบวิวตรงนี้มากเลย มองออกไปเห็นไฟ เห็นเมืองไกลๆ มีลมเย็นๆ พัดมาตลอด โคตรชิลเลย” ไหมเอ่ยขณะทอดสายตามองดูทิวทัศน์ตรงหน้าด้วยอารมณ์ผ่อนคลาย วิวจากระเบียงบนชั้น 17 ที่พวกเขากำลังยืนอยู่นั้นเต็มไปด้วยภาพแสงไฟหลากสีสันจากตึกรามบ้านช่องที่ตั้งเรียงรายอยู่รอบๆ ส่องสว่างท่ามกลางฉากหลังคือท้องฟ้าอันดำทะมึน มีเสียงรถราบีบแตรวิ่งสวนกันไปมาจากทุกทิศทาง ราวกับกำลังจะบอกว่านี่คือช่วงเวลาที่ตัวเมืองแห่งนี้มีชีวิตชีวามากที่สุด
“ตกลง คุณไหมสามารถพาผมเข้าไปเป็นพนักงานที่นั่นได้มั้ยครับ?” โมที่อดทนมาตลอดทั้งคืน ตัดสินใจถามเข้าประเด็นถึงสิ่งที่เขาต้องการจากเธอ
“เอาตรงๆ นะ ไหมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน จริงอยู่ที่ไหมสนิทกับเพื่อนที่เป็นคนดูแลที่นั่น และสามารถพาคุณโมไปแนะนำกับเค้าถึงที่ได้ แต่คนที่ตัดสินใจในตอนสุดท้ายจริงๆ ว่าจะรับหรือไม่รับก็คือทางโน้นเค้าอยู่ดี เรื่องคุณสมบัติน่ะ ไหมไม่สงสัยหรอก ว่าคุณโมจะผ่านมั้ย ก็มีของดีติดตัวอยู่แล้วนี่นะ” ไหมตอบแล้วชำเลืองมองลงไปที่เป้ากางเกงของเขาเป็นนัยๆ ก่อนจะพูดต่อ
“แต่เรื่องที่ว่าคุยกันแล้วทางนั้นจะถูกชะตาคุณมั้ยต่างหาก ที่ไหมตอบไม่ได้” ไหมพูดออกตัวแบบไม่รับประกัน แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะตอบข้อสงสัยของเขาได้
“ไม่เป็นไรครับ อย่างน้อยคุณไหมช่วยพาผมไปแนะนำกับเพื่อนคนนั้นก็ยังดี เดี๋ยวจากนั้นผมหาทางไปต่อเอง ถ้าไม่ได้ก็ผิดที่ตัวผมเอง ไม่ใช่เพราะคุณไหม” โมกล่าวแบบไม่เสียเวลาคิด
“อ้อ... แล้วถ้าจะให้ดี คุณโมควรหาเวลาไปฟิตร่างกายเพิ่มซักหน่อยก็ดีนะคะ ถ้าอยากจะเข้าไปเป็น ‘สินค้า’ ของที่นั่นจริงๆ กฎข้อแรกคือต้องพร้อมที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกเมื่อ ถ้าเป็นอย่างวันนี้ ถือว่าสอบตกนะคะ” เธอส่งยิ้มหวานมาให้ ในขณะที่ชายหนุ่มก็ได้แต่ยกมือเกาท้ายทอยของตัวเองแกรกๆ ด้วยความเคอะเขิน เพราะเถียงไม่ออกจริงๆ
“ขอโทษครับ ครั้งหน้าจะพยายามทำให้ดีกว่านี้” โมตอบรับสภาพอย่างจำนน
“ถามหน่อยสิ... สมมติว่าคุณโมได้เข้าไปทำงานที่นั่นจริงๆ ได้ไปเจอไอซ์ในนั้น แล้วมันจะเป็นยังไงต่อเหรอ? คุณโมจะทำอะไร? ทำไปทำไม? ไหมนึกภาพไม่ออกน่ะ มันจะช่วยให้อะไรๆ มันดีขึ้นยังไงเหรอ?” ไหมเอ่ยถามถึงสิ่งที่ตนเองยังหาคำตอบไม่ได้ เธอใช้นิ้วเคาะก้านบุหรี่เข้ากับขอบระเบียงเพื่อสลัดขี้เถ้า ก่อนจะอัดมันเข้าปอดเพิ่มอีกเฮือก
“คือ...” โมเอ่ยออกไปได้เพียงแค่คำเดียว คำเดียวจริงๆ แล้วสุ้มเสียงของเขาก็พลันเหือดแห้งลงไปในลำคอ หลงเหลือไว้แต่ความเงียบงันแทนคำตอบ เพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อ
มันเป็นคำถามที่ชายหนุ่มเองก็เคยนึกถามตัวเองอยู่คนเดียวในหัว นั่นน่ะสิ... ต่อให้เขาเข้าไปเจอกับไอซ์ในนั้นได้ แล้วมันจะเป็นยังไง? เขาจะทำอะไรต่อ? แล้วจะทำไปเพื่ออะไร? ทำไมต้องหาเรื่องใส่ตัวเข้าไปวุ่นวายกับชีวิตเธออีก? มันคือสิ่งที่เขาเองพยายามคิดทบทวนหาคำตอบมาตลอด นับตั้งแต่วันที่เอ่ยปากยอมรับข้อเสนอดังกล่าวของไหม แต่สุดท้ายก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไม ในเมื่อเขากับเธอก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน... ไม่ได้รักกันแล้วไม่ใช่หรือ?
“เอาเถอะ ไม่ต้องรีบตอบไหมตอนนี้ก็ได้ มันไม่ได้สำคัญอะไรนักหรอก เอาเป็นว่าถ้ามีอะไรคืบหน้ายังไง เดี๋ยวไหมจะนัดคุณโมมาเจอกันอีกทีแล้วกัน โอเคนะคะ” ไหมชิงตัดบทเพื่อไม่ให้บทสนทนาต้องขาดตอนนานเกินไป ตามประสาของคนใจร้อนที่ไม่ชอบให้เวลาต้องสูญไปโดยเปล่าประโยชน์
“ขอบคุณครับ” โมพยักหน้าพร้อมกล่าวขอบคุณเธอ
“อีกเรื่องนึง... ถึงเราสองคนจะยังโสด ไม่ได้มีพันธะอะไรกับใครในตอนนี้ แต่คุณโมคงรู้ดีใช่มั้ยคะ? ว่าเรื่องนี้น่ะห้ามให้ไอซ์รู้เรื่องเด็ดขาด” ไหมยื่นคำขาดให้เขารูดซิบปากเงียบ และห้ามแพร่งพรายความสัมพันธ์ในครั้งนี้ให้ใครฟังในภายหลัง
“เข้าใจครับ ไม่ต้องห่วง ถ้าเกิดไอซ์เค้ารู้ ผมก็คงลำบากเหมือนกัน” โมรีบตกปากรับคำ ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องพูดเรื่องนี้กับใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับไอซ์
“ดีค่ะ ไหมขี้เกียจหาข้ออ้างไปแก้ตัวทีหลัง ไม่อยากต้องอึดอัดใจกับน้อง” หญิงสาวทำหน้าพอใจ เป็นอันว่าธุระในค่ำคืนนี้ของพวกเขาก็จบลงด้วยดีอีกครั้ง...
=======================================
จนเวลาล่วงเลยเข้าสู่ช่วงเดือนสุดท้ายของปี...
ในที่สุดแผนของโมก็ดูเหมือนจะมีความคืบหน้าขึ้นมาบ้าง เมื่อไหมส่งข้อความมานัดแนะให้เขาเข้าไปเจอเธอที่ ‘โรงแรมแห่งนั้น’ อีกครั้ง พร้อมกับทิ้งท้ายว่าให้เขาเตรียมตัวเตรียมใจมาให้ดีๆ เพราะครั้งนี้จะมี ‘แขกคนอื่น’ ที่เข้ามาร่วมทดสอบเขาด้วย เมื่อชายหนุ่มเดินทางไปถึงที่โรงแรม ก็พบหน้ากับไหมที่นั่งรอเขาอยู่ที่ล็อบบี้ด้านล่างเช่นเคย เธอยังคงสวมชุดทำงานเต็มตัว ราวกับว่าพึ่งตรงดิ่งมาจากที่ออฟฟิศ โดยซุกซ่อนดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจเอาไว้ภายใต้แว่นกันแดดกรอบยักษ์
พอเธอเห็นเขาเดินทางมาถึง หญิงสาวก็ลุกเดินนำหน้าตรงไปที่ลิฟท์ โดยมีร่างกำยำของชายหนุ่มเดินอาดๆ ตามหลังไปไม่ห่างเท่าไร แล้วพวกเขาก็ขึ้นลิฟท์ไปยังชั้น 15 ด้วยกัน หญิงสาวยังคงเดินนำหน้ามาเรื่อยๆ จนพวกเขามาถึงหน้าห้องพักหมายเลข 1508 แล้วเธอก็ยื่นคีย์การ์ดแตะไปที่ประตู มีเสียงคลายล็อกจากกลอนอัตโนมัติดังขึ้นสั้นๆ แล้วเธอก็ใช้มือจับลูกบิดประตูผลักเข้าไป เมื่อชายหนุ่มก้าวเท้าตามเธอเข้าไปในห้อง เขาจึงค้นพบว่าภายในห้องพักแห่งนั้น มีบุคคลอื่นมานั่งประจำการคอยพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว
ภาพที่โมเห็นตรงหน้าคือร่างของหญิงสาวหน้าตาสะสวย กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาเดี่ยวบริเวณมุมห้องด้วยท่าทีผ่อนคลาย สองมือเธอวางกุมอยู่บนหัวเข่าข้างที่อยู่สูงกว่า ดวงตากลมโตคู่นั้นกำลังจับจ้องไปยังจอโทรทัศน์ซึ่งตั้งอยู่ติดผนังเยื้องไปทางขวามือของเธอ ได้ยินเสียงบรรยายของผู้ประกาศที่ดังลอดผ่านลำโพงออกมา บอกให้รู้ว่าเธอกำลังเปิดดูข่าวอยู่ในเวลานี้ บนโต๊ะรับแขกทรงกลมข้างกายเธอ มีแฟ้มหนังสีดำสำหรับใส่เอกสาร และขวดไวน์สีดำอมแดงที่โมอ่านชื่อไม่ออก วางเคียงคู่อยู่กับแก้วไวน์ทรงเบอร์กันดี ที่ภายในบรรจุของเหลวสีเลือดนกเอาไว้ปริมาณ ¼ ของตัวแก้ว เป็นปริมาณที่ยากจะเดาออกว่ามันได้ถูกยกดื่มไปบ้างหรือยัง
ตอนที่พวกเขาก้าวเท้าเข้ามาในห้อง หญิงสาวคนดังกล่าวก็ไม่ได้แสดงอาการตื่นตกใจใดๆ เธอเพียงแค่เอียงใบหน้ามาจ้องสำรวจรูปลักษณ์ภายนอกของโมไวๆ ด้วยหางตา ก่อนจะเบือนหน้ากลับไปสนใจรายการข่าวที่กำลังออกอากาศอยู่บนจอโทรทัศน์ที่เปิดค้างไว้ เหมือนรู้อยู่แล้วว่ายังไงเขากับไหมก็จะต้องปรากฏตัวต่อหน้าเธอในค่ำคืนนี้แน่ๆ ผู้หญิงคนนี้เองสินะ คือคนที่ไหมบอกว่าเป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดของเดอะคลับ
ใบหน้าดังกล่าวนั้นดูสวยหวานราวกับหลุดออกมาจากซีรีส์เกาหลีสักเรื่องหนึ่ง แต่เป็นความสวยในแบบที่ดูออกไม่ยากว่าผ่านการเสริมแต่งด้วยวิธีศัลยกรรมมาและภายใต้ใบหน้าสวยๆ ที่ว่านั้นก็แอบซุกซ่อนรังสีความดุและเข้มงวด ที่แผ่ซ่านออกมาทางแววตาคมกริบอีกทีหนึ่ง เครื่องแต่งกายที่เธอสวมดูสวยแบบเรียบหรู เป็นแนวชุดเดรสทำงานเข้ารูปสีดำราคาแพงสไตล์ผู้บริหารสาว ทรวงอกมองผ่านๆ ก็รู้ว่าใหญ่ไม่ใช่เล่น มีสายเข็มขัดคาดกระชับที่ช่วงเอวขับเน้นสัดส่วนทรวดทรง เธอสวมถุงน่องดำปิดคลุมผิวกายบริเวณเรียวขายาวๆ เอาไว้ ที่คอประดับด้วยจี้ไข่มุกสีขาวนวลแวววาวเด่นสะดุดตา ดูออกไม่ยากว่าคนสวมต้องมีรสนิยมในการเลือกเครื่องแต่งกายมาในระดับหนึ่ง
“คุณโม นี่พี่พิณ คนที่จะช่วยจัดการปัญหาให้คุณโมได้” ไหมผายมือพร้อมกล่าวแนะนำเธอให้เขารู้จัก ชายหนุ่มรีบยกมือไหว้สวัสดีเธอตามมารยาท เพราะคำนวณได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายต้องอายุมากกว่าเขาแน่ๆ เมื่อดูจากสรรพนามที่ไหมใช้เรียกขานเธอ
“สวัสดีครับ คุณพิณ” โมกล่าวอย่างสุภาพ พยายามเก็บซ่อนอาการความประหม่าเอาไว้ให้มิดชิดที่สุด
“ไม่ใช่จัดการปัญหานะไหม แต่เป็นการทดสอบต่างหาก” หญิงสาวที่ชื่อพิณรีบแก้คำพูดของไหมด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ เต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ชวนสับสนงุนงงอยู่ไม่น้อย
“อ๋อ ใช่ๆ ทดสอบสิ พูดผิด แหม เจ๊ก็เคร่งเกิ๊น” ไหมพูดกลั้วหัวเราะตามน้ำไปด้วยท่าทีสบายๆ ดูผ่อนคลาย กลายเป็นว่ามีแต่ฝ่ายโมคนเดียวนี่แหละ ที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าจะต้องระมัดระวังคำพูดคำจายังไงบ้าง
“เริ่มเลยดีมั้ยคะ? พิณค่อนข้างมีเวลาจำกัด เดี๋ยวต้องเข้าไปที่ทำงานต่อ” พิณกล่าวอย่างรวบรัด ไม่เสียเวลาทักทายหยอกล้อใดๆ
“อ่ะๆ โอเคๆ คุณโมพร้อมเนาะ?” ไหมหันมาถามเขา
“ไม่มีปัญหาครับ” โมรีบขานตอบ เพื่อแสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาเองก็เตรียมตัวเตรียมใจมาเป็นอย่างดี
“งั้นคุยกันไปก่อนนะ ไหมขอตัวไปที่อื่นก่อน ถ้าคุณโมเสร็จธุระแล้วค่อยแชทหรือโทรไลน์มาบอกไหมแล้วกัน โอเคนะคะ?” ไหมกำชับ แล้วเตรียมจะแยกตัวออกไปจากห้อง
“โอเคครับ ขอบคุณมากครับคุณไหม” โมกล่าวขอบคุณเธอจากใจจริง แม้เขากับเธอจะไม่ได้รู้จักมักจี่อะไรกันมากมาย แต่หญิงสาวก็ยังใจกว้างพอที่จะช่วยเขามาถึงนี่ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองแล้วว่าจะทำมันสำเร็จรึเปล่า
“ไปละเจ๊” ไหมยกมือขึ้นลาพิณแบบไวๆ
“เออ ขอบใจแก ไว้ว่ากัน” สาวรุ่นพี่พยักหน้าส่งน้อยๆ
ชายหนุ่มมองดูเธอเดินปิดประตูออกจากห้องไป ทิ้งให้เหลือเพียงตัวเขาที่ต้องเผชิญหน้ากับหญิงสาวชื่อพิณในห้องเพียงลำพังต่อไป แม้จะมีเสียงเพลงแจ๊สที่หญิงสาวเปิดคลอไว้เบาๆ ทว่าบรรยากาศในห้องกลับหนักอึ้งและชวนให้ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดและประหม่า ไม่ต่างอะไรจากเด็กนักเรียนจอมแก่นที่กำลังโดนคุณครูฝ่ายปกครองเรียกตัวไปพบ
“ถ้างั้นคุณโม เชิญนั่งก่อนดีกว่าค่ะ” พิณกล่าว คล้ายๆ เป็นการออกคำสั่ง พร้อมกับตบเบาะโซฟาเดี่ยวตัวที่ตั้งอยู่ข้างๆ เธอ เป็นเชิงให้เขาเดินมานั่ง ซึ่งชายหนุ่มก็ทำตามที่เธอบอกแต่โดยดี พอเขาหย่อนก้นนั่งลงยังไม่ทันจะแตะโซฟาดี หญิงสาวก็เปิดฉากสนทนาโดยไม่เสียเวลารอช้า
“พิณฟังเรื่องคร่าวๆ มาจากไหมแล้ว สรุปก็คือ... คุณโมมีคนที่ชอบเป็นลูกค้าอยู่ที่นี่ และอยากจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดเค้า แบบนั้นใช่มั้ยคะ?” หญิงสาวกล่าวเข้าเรื่องแบบเนื้อๆ เน้นๆ พร้อมเอื้อมมือไปเปิดแฟ้มล้วงเอกสารปึกเล็กๆ ขึ้นมาวางบนตักพร้อมปากกา ท่าทางเคร่งขรึมของเธอทำให้เขาพลอยโต้ตอบอย่างเป็นทางการตามไปด้วย
“ใช่ครับ จะว่าแบบนั้นก็ได้” โมนิ่งคิดก่อนตอบไป ไม่แน่ใจนักหรอกว่าจะใช้คำว่า ‘ชอบ’ กับไอซ์ได้มั้ยในกรณีนี้ ไม่รู้ว่าไหมไปเล่าให้เธอเข้าใจว่ายังไงบ้าง แต่สุดท้ายก็ขี้เกียจมานั่งแย้ง เพราะกลัวจะยาวเสียเปล่าๆ
“รู้ใช่มั้ยคะว่าที่นี่เราให้บริการอะไรบ้าง?” พิณเอ่ยถามเรียบๆ ด้วยท่าทีจริงจัง ชายหนุ่มจับสังเกตได้ว่าเธอจะใช้คำว่า ‘ที่นี่’ แทนการเรียกชื่อเดอะคลับตลอดเวลาที่พวกเขาพูดคุยกัน
“พอรู้คร่าวๆ จากคนรู้จักมาบ้างครับ แต่พวกดีเทลลึกๆ ก็ไม่ได้รู้ละเอียด” เขาตอบกลางๆ พยายามไตร่ตรองไม่ให้คำตอบเหล่านั้นส่งผลกระทบถึงไหมหรือบัวบูชาในภายหลัง
“ตอนนี้คุณโมมีงานประจำอยู่แล้วใช่มั้ยคะ?” พิณไล่เรียงคำถามไปทีละเรื่อง สายตาก็คอยจับจ้องสังเกตอาการท่าทางของเขาอยู่ตลอดเวลา เหมือนกำลังสอบสัมภาษณ์งานเขาอยู่ และทำให้ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกเกร็งขึ้นมานิดๆ ทั้งที่ยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรกันมากมากเลยด้วยซ้ำ
“มีครับ” โมตอบเพียงสั้นๆ เพราะรู้ดีว่าตนยังต้องตอบคำถามของเธออีกมาก
“ปกติแล้วเราจะมีสัญญาให้พนักงานที่ทำงานด้วยกันสองแบบ แบบแรกคือพนักงานประจำ ที่เซ็นสัญญาระยะยาว เข้างานประจำแสตนด์บายรอที่สำนักงานตลอด มีเวลาเข้าออกเป็นกะ เหมือนพนักงานทั่วๆ ไป กับอีกแบบคือพวกที่เซ็นสัญญาแบบพาร์ทไทม์ เรียกว่าพาร์ทเนอร์ ไม่ได้เข้างานประจำตลอดเวลา แต่สามารถรับงานได้ตลอดแล้วแต่จะว่าง ทั้งสองแบบนี้ ค่าตอบแทนเวลารับงานจะเท่าๆ กัน แต่พนักงานประจำจะได้เงินเดือนกับสวัสดิการอื่นๆ เพิ่ม ซึ่งในเคสของคุณโม พิณคิดว่าคงเหมาะกับแบบหลังมากกว่า เพื่อความคล่องตัว” พิณอธิบายโครงสร้างให้เขาฟัง ซึ่งชายหนุ่มก็คอยพยักหน้าตั้งใจฟังเธอเป็นระยะๆ โดยไม่ได้พูดขัดอะไร
“ทางเราจะมีแอพส่วนตัวที่ทำขึ้นให้สำหรับพาร์ทเนอร์ใช้เลือกรับงาน มีวันเวลานัดหมาย เงื่อนไขต่างๆ ที่ลูกค้ากำหนดมา บอกให้เสร็จสรรพ เพียงแต่ไม่ระบุว่าลูกค้าคนนั้นเป็นใคร พาร์ทเนอร์คนไหนที่สะดวกใจ ก็สามารถกดรับคิวไปได้ แล้วค่อยเข้ามาที่สำนักงานตามเวลานัดหมาย โดยที่เราจะให้ลูกค้าจองออเดอร์ได้ล่วงหน้าอย่างเร็วที่สุดคือสองชั่วโมง เพื่อให้ทางพนักงานและพาร์ทเนอร์มีเวลาในการเตรียมตัวรับงาน เอาง่ายๆ คือคล้ายๆ กับพวกแอพอย่าง Grab หรือ Uber พอนึกออกมั้ยคะ?” พิณเล่ามาถึงจุดหนึ่งก็หยุดถามโม เพื่อแอบเช็กว่าเขาตามทันหรือเปล่า
“พอนึกออกครับ” โมพยักหน้าไวๆ
“ทางฝั่งพนักงานหรือพาร์ทเนอร์เองก็สามารถระบุความต้องการลงไปได้ตั้งแต่ตอนเซ็นสัญญา ว่าตนเองสามารถรับเงื่อนไขในงานประเภทไหนบ้าง หรือรับความแรงได้แค่ไหน ถ้ามีงานที่สเกลไม่เกินขอบเขตที่ตกลงกันไว้กับพนักงานคนนั้น ทางเราก็จะส่งออเดอร์ออกไปให้เลือก อันนี้เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย ดังนั้นถ้าคุณโมเลือกสเกลงานที่มันเบากว่าที่ลูกค้าเรียกร้อง ออเดอร์ก็จะไม่แมตช์กัน นึกออกมั้ยคะ?” พิณถามต่อ
“นึกออกครับ แล้วแบบนี้ผมจะรู้ได้ยังไงว่าจะต้องระบุสเกลงานไว้แค่ไหน?” โมถามเธอกลับ
“สำหรับลูกค้าคนที่คุณโมตามหา ทางเราอ้างอิงข้อมูลจากเรคคอร์ดงานที่ผ่านๆ มาไว้ให้แล้ว ดูจากดอกจันทร์หน้าช่องสี่เหลี่ยมได้เลยค่ะ นั่นคือเงื่อนไขที่จำเป็นต้องเลือก ถ้าอยากให้แมตช์ตรงกัน ซึ่งจริงๆ แล้ว ทางเราค่อนข้างให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของลูกค้ามาก ข้อมูลแบบนี้จะไม่มีทางเปิดเผยให้คนนอกรับรู้โดยเด็ดขาด แต่นี่เป็นเคสพิเศษที่ไหมเค้ารบเร้าขอให้ช่วยนะคะ ทางพิณถึงยอม” พิณออกตัว พลางยื่นเอกสารปึกเล็กนั้นให้เขารับมาอ่านดู จากคำพูดของเธอทำให้โมพอจะคาดเดาได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างไหมกับพิณนั้นน่าจะต้องใกล้ชิดสนิทสนมกันพอสมควรทีเดียว เธอถึงสามารถร้องขอเป็นกรณีพิเศษแบบนี้ได้
ชายหนุ่มพอจะรู้คร่าวๆ จากที่ไหมเกริ่นให้ฟังมาบ้าง ว่าผู้หญิงที่ชื่อพิณคนนี้ เป็นลูกสาวเพื่อนแม่เธอ ทั้งสองครอบครัวจึงมีโอกาสได้ไปมาหาสู่กันตั้งแต่เด็กๆ และเธอกับพิณก็เลยสนิทสนมกันค่อนข้างมาก ซึ่งในเวลาต่อมา เมื่อพิณได้เข้ามาทำงานเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของคุณโกวิทย์ ทายาทเจ้าของกิจการอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง จากความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นในฐานะของนายจ้าง-ลูกจ้าง ก็พัฒนาไปเป็นคู่รักที่รู้จักรู้ใจกันอย่างลึกซึ้ง แม้จะเป็นได้เพียงความสัมพันธ์แบบลับๆ เพราะหนุ่มใหญ่เองก็มีคู่หมั้นตัวจริงอยู่ก่อนแล้ว แถมเธอเองก็ไม่ใช่หญิงสาวเพียงรายเดียวที่เขาแอบไปพัวพันใกล้ชิดลับหลังคู่หมั้นของตนเองอีกด้วย
ทว่าความผูกพันไว้เนื้อเชื่อใจอันมากล้นที่โกวิทย์มีต่อเธอ ก็ทำให้หญิงสาวหน้าหวานคนนี้ ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ดูแลกิจการทุกอย่างใน The Club แทนที่ชายคนรักของเธอแบบเต็มตัวตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน ซึ่งเธอเองนี่แหละ ที่เป็นผู้ชักนำไหมให้รู้จักกับโลกใบใหม่นี้ ก่อนที่สาวรุ่นน้องจะไปชักชวนไอซ์ให้ก้าวเท้าหลงเข้ามาในเส้นทางสายนี้อีกคน
“ตอนนี้คุณโมอายุเท่าไหร่แล้วคะ?” พิณเอ่ยถาม ขณะจ้องมองเขาก้มหน้ากรอกข้อมูลส่วนตัวลงไปบนแผ่นกระดาษอย่างตั้งอกตั้งใจ
“ยี่สิบเจ็ดครับ” โมตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเธอ สมาธิของเขาตอนนี้มันกำลังจดจ่ออยู่กับตัวหนังสือที่ปรากฏอยู่บนเอกสาร เขากวาดสายตาอ่านข้อความบนกระดาษเหล่านั้นซ้ำๆ ด้วยความรู้สึกอึ้งปนทึ่ง เพราะเงื่อนไขต่างๆ ที่ถูกกาดอกจันทร์เอาไว้นั้น มันมีทั้งข้อที่เขียนไว้ตั้งแต่ ‘ยินยอมให้ถูกมัด (Bondage)’ ไปจนถึง ‘สามารถดื่มปัสสาวะได้’ และ ‘ถูกสอดใส่ทางทวารหนักได้’ ให้ตายเถอะ! พวกนี้คือเงื่อนไขที่ไอซ์เรียกร้องจริงๆ หรือ? นี่คือผู้หญิงคนเดียวกันกับอดีตแฟนสาวผู้แสนจะเรียบร้อยและขี้อายของเขาจริงๆ หรือ?
“ปกติเค้ามาใช้บริการที่นี่บ่อยมั้ยครับ?” โมหลุดถามออกไปด้วยความสงสัย
“ขอโทษค่ะ นั่นเป็นข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า ทางเราคงไม่สามารถบอกให้คนอื่นรู้ได้ เอาเป็นว่า ถ้าเกิดคุณโมตกลงที่จะเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับเราแล้ว ถ้าทางลูกค้าท่านนี้ติดต่อจองออเดอร์เข้ามาเมื่อไหร่ คุณโมก็จะรู้เอง เพียงแต่... พนักงานและพาร์ทเนอร์ของที่นี่ทุกคน จำเป็นจะต้องรับงานอย่างน้อยเดือนละสามครั้งขึ้นไป ไม่เช่นนั้นจะถือว่าละเมิดสัญญา ฉะนั้นคุณโมอาจจะต้องเตรียมรับงานของลูกค้าท่านอื่นๆ ไปด้วย เพื่อให้ได้ออเดอร์ครบเงื่อนไขขั้นต่ำที่ระบุนะคะ ตรงนี้อยากให้อ่านเงื่อนไขทั้งหมดให้ละเอียดก่อนที่จะตกลงเซ็นสัญญากัน จะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง” หญิงสาวผู้กุมอำนาจสูงสุดเอ่ยกำชับเขาอย่างหนักแน่น
ชายหนุ่มกวาดสายตาอ่านจนถึงบรรทัดหนึ่ง ที่มีข้อความระบุว่าหากพนักงานผู้เซ็นสัญญา ละเมิดข้อตกลง โดยเปิดเผยข้อมูล หรือทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง จะโดนค่าปรับสูงถึง 30 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่าเขาเองจะไม่แน่ใจว่าธุรกิจสีดำเช่นนี้จะสามารถทำเรื่องฟ้องร้องเรียกเงินจากข้อกฎหมายได้ยังไง แต่ตัวเขาเองก็คงไม่ขอลองเสี่ยงทำผิดกฎให้โดนปรับแน่ๆ
“งั้นถ้าผมตกลงเซ็นสัญญาในนี้ ก็คือจะได้เริ่มงานเลยใช่มั้ยครับ?” โมเอ่ยทวนถาม ขณะกรอกข้อมูลลงไปจนถึงช่องสุดท้าย ซึ่งเป็นพื้นที่ว่างสำหรับเซ็นชื่อตนเองลงไปในนั้น
“ยังค่ะ เรายังมีเรื่องที่ต้องเทสต์กันก่อน อย่างที่คุณโมน่าจะพอรู้ ที่นี่เราให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้ามาเป็นลำดับแรก และในเมื่อสินค้าและบริการของเราคือการให้เช่า ‘Sex Worker’ ดังนั้นพนักงานทุกคน จึงต้องมีความสามารถในเรื่องเซ็กส์ที่สามารถตอบโจทย์ของลูกค้าทุกคนได้” พิณเอ่ยพร้อมกับจ้องสบตาเขาอย่างเยือกเย็น มาถึงตรงนี้ ชายหนุ่มจึงค่อยนึกขึ้นได้ ว่าเหตุผลที่เขาถูกนัดให้มาพบเจอเธอในห้องของโรงแรมแห่งนี้มันคืออะไร
“โอเคครับ งั้นวันนี้คือผมต้องทดสอบการเป็นทาสอีกใช่มั้ย?” โมเอ่ยถามเธอเหมือนรู้ว่ากำลังจะเจออะไร แต่ทว่าฝั่งหญิงสาวกลับส่ายหน้าเบาๆ แทนการปฏิเสธ
“ไม่จำเป็นค่ะ ถ้าเป็นเรื่องนั้นไหมเค้าคอนเฟิร์มมาแล้วล่ะ ว่าคุณโมน่ะสอบผ่านแน่ๆ คงไม่ต้องเทสต์ซ้ำแล้ว และอีกอย่างพิณเองก็ไม่ได้ปลื้มกับรสนิยมพวกนั้นเท่าไหร่ ที่เราจะเทสต์กันวันนี้ก็แค่เบสิก-เซ็กส์ธรรมดาๆ นี่แหละ พิณแค่อยากรู้ว่าจะตัดเกรดให้คุณโมอยู่ใน Tier ไหนเท่านั้นเอง” พิณกล่าวพร้อมกับฉีกยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก เป็นรอยยิ้มแรกที่เขาได้เห็นจากเธอในคืนนี้
“ถ้าคุณโมพร้อมแล้ว รบกวนถอดเสื้อผ้าออกเลยค่ะ” เธอออกคำสั่งอย่างสุภาพ
โมทำตามที่เธอบอก เขาผุดลุกยืนขึ้น ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ตนเองสวมออกทีละเม็ดจนครบ แล้วโยนมันลงไปกองกับพื้น ปลดหัวเข็มขัด ตามด้วยซิปและกระดุมกางเกงยีนส์ออก ก่อนจะรูดมันลงไปพ้นข้อเท้า ตามด้วยกางเกงชั้นในแบบเต็มตัวสีดำทึบ ก่อนจะใช้สองมือปิดบังกุมเป้าตัวเองไว้แบบหลวมๆ ไม่ให้อุจาดตาจนเกินไป
“รบกวนเอามือออกด้วยค่ะ พิณอยากพิจารณารูปร่างคุณโมแบบชัดๆ” พิณเอ่ยต่อไป ทำให้เขาต้องยอมละมือออกจากหน้าขาตนเอง เอาไปวางไพล่หลังไว้ที่บริเวณบั้นท้ายตนเอง พร้อมกับแอ่นกายไปด้านหน้า เพื่ออวดสภาพของอาวุธรบที่กำลังตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาแก่สายตาของคนนั่ง หญิงสาวผู้ออกคำสั่งจ้องมองมันด้วยความสนอกสนใจ แววตาเธอเปล่งประกายความตื่นเต้นให้เห็นจางๆ แม้จะพยายามเก็บงำมันไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยก็ตามที
“นี่แข็งเต็มที่รึยังคะ?” พิณเอ่ยถามเรียบๆ พลางจ้องพินิจไม่วางตา
“ยังครับ ยังไม่สุด” โมตอบ เขาไม่กล้าจ้องสบตาเธอตรงๆ เพราะรู้สึกว่าตนเองอยู่ในสถานะที่ด้อยกว่า จึงเลือกที่จะเงยหน้าเสมองไปยังเพดานแทน ในขณะที่เธอกำลังใช้เวลาสำรวจเรือนร่างเปลือยเปล่าของเขา
“ขออนุญาตนะคะ” เสียงหญิงสาวเอ่ย ยังไม่ทันที่โมจะก้มหน้าลงมามอง เขาก็รู้สึกได้ถึงปลายนิ้วเรียวยาวของอีกฝ่ายที่เอื้อมมาคลำสำรวจอวัยวะตรงกลางร่าง พลันที่ดุ้นเนื้ออวบโดนอุ้งมือนุ่มๆ บีบขยำนวดมันเพียงไม่กี่ครั้ง เลือดลมในกายของชายหนุ่มก็พลันสูบฉีดพลุ่งพล่าน ยังผลให้เจ้าอาวุธร้ายค่อยๆ ผงกหัวลืมตาตื่นขึ้นมาแบบเต็มที่ พร้อมออกอาการเกร็งกระตุกตุบๆ สู้กับอุ้งมือเธอเบาๆ
“อื้อ... แข็งไวจัง ไม่ใช่เล่นๆ เลย ทั้งใหญ่... ทั้งยาว... หายากนะคะเนี่ย ผู้ชายไทยไซส์ขนาดนี้” พิณเอ่ยปากชม มือก็ลูบไล้สำรวจไปตามลำโคนของเขา ไล่ตั้งแต่ปลายหัวจรดหน้าท้อง ราวกับตั้งใจจะวัดความยาวของมันด้วยสัมผัสของเธอ
“ฮะ” โมไม่รู้จะตอบอะไร ก็ได้แค่ขานรับไปแบบเขินๆ ยิ่งเมื่อหญิงสาวตัดสินใจขยับลุกขึ้นยืนประกบเขาใกล้ๆ ก็ทำให้ชายหนุ่มยิ่งรู้สึกเงอะงะเคอะเขินเข้าไปใหญ่ เหมือนว่าตัวเขาเองเป็นเพียงสินค้าชนิดหนึ่งที่อีกฝ่ายกำลังหยิบขึ้นมาสำรวจก่อนที่จะตัดสินใจจ่ายเงินซื้อก็ไม่ปาน
“โอเค พิณเชื่อละ ว่าคุณโมมีของดีจริงอย่างที่ยัยไหมว่า ถ้างั้น... เราลองทดสอบกันเลยเนาะ ว่าถึงเวลาใช้งานจริงจะเป็นยังไง?” พิณเอ่ยเข้าประเด็น พร้อมกับละมือออกมาจากร่างกายเขาในที่สุด
“ได้ครับ” โมพยักหน้ารับ รู้ซึ้งดีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นถัดจากนี้
“โจทย์ง่ายๆ เลยคือ... ทำยังไงก็ได้ ให้พิณรู้สึกประทับใจกับเซ็กส์ในค่ำคืนนี้มากที่สุด คุณโมมีเวลาประมาณ... ชั่วโมงนึง น่าจะพอนะคะ” หญิงสาวเอ่ยแล้วก้มลงมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือของตนเอง
“ตกลงครับ” เขาพยักหน้ารับลูกเดียว มีแต่ต้องทำให้สำเร็จเท่านั้น ไม่งั้นที่ทำมาทุกอย่างก็อาจจะกลายเป็นความสูญเปล่า
เมื่อได้ยินคำตอบจากปากโม พิณก็หมุนตัวหันหลังให้เขา ก่อนจะเอื้อมมือไปปลดซิปเสื้อด้านหลัง และค่อยๆ รูดทั้งชุดออกผ่านทางปลายเท้า เพียงเท่านี้เรือนร่างที่เพรียวบางระหง กับผิวกายที่ขาวกระจ่าง ภายใต้ชุดชั้นในลูกไม้สีเนื้อราคาแพง เข้าคู่กันทั้งบนและล่าง ก็ปรากฏต่อสายตาของโมที่ถูกสะกดให้เผลอจับจ้องมองเธออยู่ แม้จะมองเห็นจากด้านหลังก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นคนดูแลตัวเองอย่างดี ทั้งทรวดทรงและผิวพรรณที่ขาวเนียนไร้ริ้วรอย ไม่รู้ว่าเธอต้องหมดค่าบำรุงโฉมไปเดือนๆ หนึ่งเท่าไร ยิ่งมองใกล้ๆ ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังยืนมองดาราเกาหลีเปลื้องผ้าอยู่ต่อหน้า
ก่อนที่อาภรณ์สองชิ้นสุดท้ายจะถูกหญิงสาวผู้สวมใส่ปลดมันออกจากร่างอย่างไม่เสียเวลา จังหวะที่เธอรูดยกทรงออกจากต้นแขนข้างหนึ่ง เจ้าก้อนเนื้อขนาดใหญ่ก็รีบทิ้งตัวลงมาตามแรงโน้มถ่วง แม้เขาจะมองเห็นถึงความโค้งเว้าจากเพียงด้านข้างของทรวงเต้า ก็ยังเห็นชัดอยู่ดีว่ามันมีขนาดที่ใหญ่เต็มไม้เต็มมือ และตอนที่เธอโน้มตัวไปด้านหน้าเพื่อที่จะรูดกางเกงชั้นในและถุงน่องออก ภาพบั้นท้ายงามงอนที่ขาวราวกับก้นเด็กก็มาลอยแอ่นอยู่ต่อหน้าต่อตาของเขา ทำเอาไอ้หนูของชายหนุ่มถึงกับผงกหัวรัวๆ เหมือนกับจะบอกเจ้าของร่างว่าถึงเวลาต้องลุยกันแล้ว
เมื่อเรือนร่างเป็นอิสระจากอาภรณ์ทั้งหมด พิณก็ค่อยๆ หันหลังกลับมาจ้องตาเขาในสภาพที่ต่างฝ่ายต่างเปลือยเปล่าล่อนจ้อนด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งเมื่อลองสังเกตอาการกันแล้ว ชายหนุ่มก็พบว่าตนเองนั้นเป็นฝ่ายที่ออกอาการเคอะเขินและประหม่ายิ่งกว่าเธอเสียอีก
“ถ้างั้นก็... คงต้องรบกวนคุณโมช่วยทำให้พิณมีความสุขในคืนนี้ทีนะคะ พิณเปิดโอกาสให้คุณโมทำอะไรกับพิณก็ได้หนึ่งคืน” พิณกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายกว่าตอนแรก และเมื่อพูดจบ หญิงสาวก็ยอมเผยรอยยิ้มโปรยเสน่ห์ที่ทำให้ชายหนุ่มเกิดอาการโล่งอก พร้อมกันนั้นก็ทำให้หัวใจของเขาเกิดอาการสั่นกระตุก และเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมา
“เชื่อมือได้เลยครับ” โมตอบรับทันควัน ก่อนจะจูงมือเธอเดินตรงไปขึ้นเตียงนอนตัวใหญ่ด้วยกัน...
ในวันที่รักหลงทาง #118
ยังไม่ตาย แต่ใกล้แล้วครับ เลี้ยงลูกนี่สูบพลังชีวิตมากขึ้นทุกที ไม่เหลือเรี่ยวแรงไว้ทำอย่างอื่นละแต่ละคืน
**รบกวนคอมเมนท์เกี่ยวกะเนื้อหาในตอนหน่อยนะฮะ อยากอ่านฟี้ดแบคจากคนอ่าน**
-----------------
“อ้าว พี่พิณ สวัสดีค่ะ” รีเซพชันนิสต์สาวเอ่ยทักทายเสียงใส เมื่อเห็นเจ้านายสาวคนสวยของตนเอง ปรากฏกายขึ้นที่บริเวณล็อบบี้ลับ ซึ่งฝังตัวอยู่ภายในพื้นที่ซีกตะวันตกของโรงแรมหรู อันเป็นโรงแรมแห่งเดียวกับที่โมถูกนัดหมายให้มาทำการ ‘ทดสอบ’ ในค่ำคืนนี้นั่นเอง โดยลูกค้าน้อยรายนักที่จะรับรู้ถึงการมีอยู่ของพื้นที่แห่งนี้ เพราะมันถูกจำกัดการเข้าถึงเอาไว้ให้เฉพาะสำหรับ ‘ลูกค้า VIP’ ผู้เป็นสมาชิกของ ‘The Club’ เท่านั้น
“เป็นไงมั่งเชียร์? วันนี้คิวเยอะมั้ย?” หญิงสาวที่ชื่อพิณเดินก้าวช้าๆ มาหยุดแวะที่หน้าเคาน์เตอร์หินอ่อน ซึ่งมีขนาดความสูงเกือบถึงช่วงอกของเธอ ก่อนจะเอ่ยปากถามไถ่เรื่องงานจากลูกน้องทันทีที่เจอหน้า
“กลางๆ นะคะพี่ ตอนนี้มีอยู่ประมาณสิบออเดอร์ แต่คิดว่าดึกๆ น่าจะมีมาเพิ่ม สงสัยคงเพราะเมื่อวานมีคิวมาเยอะ วันนี้ลูกค้าบางคนเลยเว้นไป ยังไม่ฟื้น ฮิฮิ” พนักงานต้อนรับสาวตอบเสียงใส พร้อมกับหยอดมุกติดตลก
“เรานี่ทะลึ่งจริงๆ” ผู้บริหารสาวทำเสียงเอ็ด
“แล้วนี่พลอยอยู่ที่ออฟฟิศแล้วใช่มั้ย?” พิณเปลี่ยนเรื่องไปถามไถ่ถึงเลขาคนสนิทของตนเอง
“มาแล้วค่ะ พี่พลอยมาถึงก่อนหนูซะอีก เห็นบอกมีงานค้างอยู่” เชียร์พยักหน้าน้อยๆ
“อือ ก็ปกติของมันแหละ จริงๆ ถ้ามันเคลียร์ให้เสร็จตั้งแต่เมื่อคืน วันนี้ก็ไม่ต้องรีบเข้าแล้ว อ้อ! จะว่าไป วันนี้เขียนตามาซะสวยเลยนะ พี่พึ่งเห็น” สาวสวยเอ่ยทักเมื่อได้เห็นเครื่องสำอางที่ประทับอยู่บนใบหน้าของลูกน้องสาว ทั้งที่โดยปกติแล้วเจ้าตัวเองแทบจะไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการทาปากและลงรองพื้นบางๆ เท่านั้นเอง
“อุ๊ย! ขอบคุณค่า ลองของใหม่น่ะพี่ พอดีพึ่งไปกินข้าวกับแฟนมา แฮะๆ” เด็กสาวบอกที่มาที่ไปแล้วก็หัวเราะเขินกับตนเอง
“สวยดี น่าจะแต่งมาทำงานบ่อยๆ ตาก้องคงชอบน่าดู” เจ้านายสาวเอ่ยชื่อแฟนหนุ่มของอีกฝ่ายขึ้นมาพร้อมกับยิ้มน้อยๆ
“โห อีตานั่นมันไม่สังเกตด้วยซ้ำ” หญิงสาวบ่นอุบขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินชื่อแฟนหนุ่ม
“อ่ะ ก็ผู้ชายนี่นะ โอเค เดี๋ยวพี่ทำงานก่อนละ สายมากแล้ว เชียร์พักผ่อนตามสบายนะ” พิณตัดบท ก่อนจะเดินปลีกวิเวกเข้าไปยังห้องทำงานของตนเองที่สุดปลายทางเดินด้านซ้ายมือ
อารามที่กำลังดีอกดีใจที่โดนชม ทำให้รีพนักงานต้อนรับสาวมัวแต่หยิบกระจกขึ้นมาส่องสำรวจใบหน้าของตนเอง จนไม่ทันเอะใจสังเกตเลยว่าท่าเดินของเจ้านายเธอในวันนี้มันดูแปลกๆ และเคลื่อนที่ได้ช้ากว่าเดิม กว่าที่ผู้บริหารคนสวยจะประคองตัวกลับมาถึงโต๊ะทำงานได้ ก็ต้องพยายามเก็บซ่อนอาการแข้งขาอ่อนปวกเปียกเอาไว้แทบเป็นแทบตาย พอเอนหลังพิงเก้าอี้ได้ พิณจึงค่อยพ่นลมหายใจออกมายาวๆ ด้วยความโล่งอก “เกือบไปแล้วไง” หญิงสาวรำพึงรำพันกับตัวเอง
ใครจะไปคิดว่าหลังผ่านประสบการณ์ต่างๆ มาอย่างโชกโชนบนเส้นทางแห่งกามราคะ มันจะยังมีอะไรหลงเหลือพอให้เธอรู้สึกตื่นเต้นและประหลาดใจได้อีก แต่เขาคนนี้กลับทำให้เธอรู้สึกแบบนั้นได้! ชายหนุ่มหน้าตาคมคาย ไร้พิษภัย ที่ดูเหมือนวัยวุฒิยังตามหลังเธออยู่หลายปีดีดักด้วยซ้ำ ทว่ากลับทำให้ช่วงเวลาแสนสั้น ... เป็นดั่งนรกและสวรรค์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันบนโลกของเธอ... มันมีทั้งความสุขหรรษาที่ทำให้เธอรู้สึกราวกับกลับไปเป็นเด็กสาวแรกรุ่นอีกครั้งหนึ่ง ไปจนถึงความเสียวซ่านทรมานที่ไม่อาจต้านทาน จนคล้ายว่าเรือนร่างซึ่งถูกประทินโฉมจนงดงามนี้ จะแบกรับความรู้สึกเหล่านั้นได้ไม่ไหว
เขาทำให้เธอเสร็จกิจติดๆ กันตั้ง 6 ครั้ง ภายในระยะเวลาเพียงไม่ถึง 2 ชั่วโมง… แค่คิดถึงมันตอนนี้ก็ทำให้อวัยวะบริเวณหว่างขามันเกิดอาการบิดดิ้นเร่าๆ ขึ้นมาด้วยความร้อนฉ่า ดูเหมือนว่าเธอจะได้ค้นพบเพชรเม็ดงามในวงการนี้อีกหนึ่งรายแล้ว หญิงสาวเอื้อมมือไปดึงหูโทรศัพท์แบบตั้งโต๊ะที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมาอิงแนบหู ก่อนจะกดเบอร์โทรภายในจำนวนสองหลัก ครู่เดียวปลายสายก็ส่งเสียงทักทายขึ้นมา
“ฮัลโหลค่ะ พลอยพูดสายค่ะ” เสียงคนปลายสายเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ
“พลอย นี่พี่พิณนะ ถ้าสะดวกเมื่อไหร่ แวะมาเอารีครูทฟอร์มที่โต๊ะพี่ไปลงทะเบียนให้หน่อย พี่รวมใส่แฟ้มไว้ให้หมดละ ทั้งใบสมัคร กับพวกสำเนาเลขบัญชีแล้วก็ใบตรวจเลือด ของวีคนี้มีมาสองราย” พิณแจ้งความประสงค์ให้ลูกน้องปลายสายฟังอย่างชัดเจน
“โอเคค่ะ งั้นเดี๋ยวพลอยแวะไปเอาได้เลย พี่พิณเอาอะไรเพิ่มอีกมั้ยคะ?” ลูกน้องถามไถ่ตามมารยาท
“ไม่เป็นไรจ้ะ เท่านี้แหละ” พิณตอบเรียบๆ ก่อนจะวางสายไป ใช้เวลาไม่นานประตูห้องทำงานของเธอก็เปิดออก
“หวัดดีค่าพี่” เลขาสาวที่ชื่อพลอยยกมือไหว้และยิ้มทักทาย ขณะก้าวเท้าเข้ามาหาเธอที่โต๊ะทำงานอย่างคุ้นเคยกัน
“เป็นไงมั่งพลอย? เคสของท่านสรรเสริญ ตกลงเรียบร้อยดีนะ?” พิณเอ่ยถามถึงเรื่องงานทันทีที่เห็นหน้าเลขาตัวเอง
“เรียบร้อยแล้วค่ะ หนูชี้แจงเรื่องข้อจำกัดกับนโยบายทั้งหมดไปแล้ว ว่าทางคลับไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลหรือล็อกชื่อพนักงานที่จะให้บริการในแต่ละรอบได้จริงๆ เพราะขัดกับกฎที่วางไว้ตั้งแต่แรก พออธิบายไปท่านก็ดูจะเข้าใจดีนะคะ ไม่ได้ติดใจอะไร แถมยังออกตัวด้วยนะคะ ว่าว่างๆ จะลองไปชวนเพื่อนเค้ามาเป็นสมาชิกเพิ่ม” เลขาสาวตอบคำถามอย่างอารมณ์ดี หลังจากจัดการกับปัญหาที่ค้างคาลงไปได้อย่างราบรื่น
“เอาเหอะ อย่าไปอะไรกับลมปากของพวกนักการเมืองมากเลย พวกนี้ก็ดีแต่พูดพร่ำไปเรื่อย จับต้องอะไรจริงจังไม่ค่อยได้หรอก แต่จบเรื่องแล้วก็ดีไป น่ารำคาญ พวกไม่เคารพกฎกติกา คิดว่าตัวเองใหญ่นักหนา” พิณพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ อย่างทอดถอนใจ
“ว่าแต่พี่พิณไม่สบายรึเปล่าคะเนี่ย? ดูเพลียเชียว ตอนแรกเห็นบอกวันนี้จะเข้ามาตอนสองทุ่มครึ่ง จู่ๆ ก็หายเงียบไปเลย แถมไลน์ไปตอนแรกก็ไม่อ่าน หนูนึกว่าพี่ไปสลบอยู่ที่ไหนซะอีก ก็เล่นโหมทำงานไม่พักตลอดเวลาแบบนี้” พลอยเอ่ยถามอย่างฉอเลาะตามประสาคนช่างจ้อ และอีกอย่าง ตลอดเวลาที่เคยร่วมงานกันมา เธอแทบไม่เคยเห็นเจ้านายของตนมาทำงานสาย หรือลางานไปไหนโดยที่ไม่แจ้งให้ลูกน้องทราบล่วงหน้ามาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“อ๋อ... พอดีไปทำธุระมาน่ะ แล้วมันดันใช้เวลานานกว่าที่คิดไว้นิดหน่อย โทษทีจ้ะ พี่ก็ลืมไปว่ามีเคสท่านสรรเสริญค้างอยู่ แต่พลอยจัดการเองได้ก็ดีแล้ว เก่งมาก วันหลังพี่จะปั้นให้เราเป็นคนดูแลพวกเคสวีไอพียิบย่อยพวกนี้ให้หมด เธอจะได้โตเร็วๆ” พิณชวนเปลี่ยนเรื่องอย่างลื่นไหล ก่อนจะส่งยิ้มเอ็นดูให้ลูกน้องสาวผู้ช่างสังเกต
“ค่า หนูจะพยายามค่ะ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ยังไงก็คงต้องให้พี่พิณช่วยดีลนะ เพราะบางรายนี่ก็ขี้เบ่งเกินมือหนูจริงๆ ง่ะ” พลอยออกตัว
“จ้ะ พี่เข้าใจ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็บอก แต่พี่เชื่อว่าพลอยรับมือได้” ผู้บริหารสาวส่งยิ้มบอกด้วยความเชื่อมือ
“งั้นหนูขอตัวไปทำงานนะคะ” พลอยเอ่ยลา และเตรียมจะเดินกลับไปทำงานตัวเองต่อ
“เดี๋ยวเถอะ ยัยพลอย ลืมอะไรไปรึเปล่า?” พิณกึ่งดุกึ่งขำ พร้อมกับกระดกนิ้วลงไปบนแฟ้มเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะตัวเอง
“ว้าย! ตายแล้ว! ขอโทษค่าพี่ หนูเบลอ ลืมไปว่าพีเรียกมาทำไม แฮ่” เลขาสาวร้องเสียงแหลมให้ความเปิ่นของตนเอง ก่อนจะรีบเอื้อมมือไปดึงเอาซองใส่เอกสารดังกล่าวมากอดไว้แนบอก แล้วรีบถอยฉากออกจากโต๊ะ
“ชั้นจะไว้ใจเธอได้มั้ยเนี่ย ฮึ?” ผู้เป็นเจ้านายแกล้งพูดดัก
“ไหวค่าไหว สบายมาก อันนี้แค่เบลอนิดหน่อย สงสัยเมาคำชม ไปแล้วค่ะ” เลขาสาวกล่าวแล้วรีบเผ่นหนีออกจากห้องไปไวๆ
พอนั่งมองจนลูกน้องสาวเดินพ้นออกนอกประตูห้องไปแล้ว ผู้บริหารสาวคนสวยก็อดหวนนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่พึ่งจะเกิดขึ้นมาหมาดๆ ภายในห้องพักบนชั้น 15 ของโรงแรมแห่งนี้ขึ้นมาไม่ได้
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 2 ชั่วโมงที่แล้ว...
“ขออนุญาตนะครับ” โมเอ่ยปากขออย่างสุภาพ ทั้งเขาและพิณตอนนี้กำลังนั่งเคียงข้างจ้องตากันอยู่บนเตียงนอนขนาดควีนไซส์ ด้วยสภาพที่กำลังเปลือยเปล่าล่อนจ้อนด้วยกันทั้งคู่ และมันยากเหลือเกินที่เขาจะระงับข่มอารมณ์ ไม่ให้เผลอก้มหน้าลงไปมองสำรวจเรือนร่างเปลือยเปล่า กับผิวพรรณอันผุดผ่องเนียนตาของเธอ
“ตามสบายเลยค่ะ พิณบอกแล้วไง คืนนี้คุณโมจะทำอะไรกับพิณก็ได้ จะจับ... หรือจะมอง... อยากทำอะไรก็เชิญ” พิณเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในตัว
เมื่อได้ยินคำอนุญาตจากปากเธอชัดๆ ชายหนุ่มจึงสลัดคราบความเป็นสุภาพบุรุษที่ไม่จำเป็นทิ้งไป ไม่ต้องมัวมากังวลอีกแล้วว่าจะทำอะไรให้อีกฝ่ายขัดข้องหมองใจ จนไปกระทบให้การเซ็นสัญญาต้องหยุดชะงัก ก็ในเมื่อเธอเป็นคนเอ่ยปากพูดออกมาเองแบบนี้ สิ่งเดียวที่เขาจำเป็นต้องทำ ก็คือทำให้เธอได้เผชิญหน้ากับ ‘ความเสียว’ ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
โมไม่พูดอะไรอีก เขามุดหน้าลงไปมองสำรวจทรวงเต้าขาวอวบอิ่มที่ปราศจากอาภรณ์ใดๆ ห่อหุ้ม พร้อมกับเอื้อมมือทั้งสองข้างไปจับสัมผัสมันอย่างทะนุถนอม เป็นอย่างที่คิดไว้ หน้าอกทรงหยดน้ำอันใหญ่โตที่สวยได้รูป สวนทางกับทรวดทรงองค์เอวที่ผอมเพรียวบางนั้นมันไม่ใช่ของจริง แต่ถูกรังสรรค์ด้วยสองมืออันชำนาญของหมอศัลยกรรม มันเนียนเสียจนต่อให้มานั่งเพ่งจ้องมองใกล้ๆ ก็แทบจะสังเกตไม่ออก หากไม่ได้ลองสัมผัสถึงความแน่นตึงผิดธรรมชาติของก้อนเนื้อสองเต้านั้นด้วยมือตนเอง
เอาเถอะ... จะเป็นของจริงหรือของปลอมก็ไม่มีผลอะไร เพราะสิ่งเดียวที่เขาแคร์ในตอนนี้ ก็คือการทำให้เจ้าของทรวงอกคู่นี้มีความสุขมากที่สุด ชายหนุ่มเอื้อมมือไปดึงร่างเธอมากอดกระชับไว้ และโน้มใบหน้าลงไปพรมจูบที่บริเวณหัวไหล่ขาวเนียนของอีกฝ่ายเพื่อเริ่มปลุกเร้าอารมณ์ เป็นสัญญาณว่าเกมรักในครั้งนี้ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว
โมเลือกที่จะไม่โจมตีลงไปยังบริเวณทรวงอกของเธอตั้งแต่ในทีแรก เพราะรู้ดีว่าผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะมีอาการจั๊กจี้ เวลาที่ถูกสัมผัสตรงจุดอ่อนไหวโดยที่ยังไม่มีอารมณ์มากพอ ซึ่งนั่นย่อมไม่ใช่การเริ่มต้นที่เขาปรารถนาเท่าไร ดังนั้นเขาจึงเริ่มต้นด้วยการใช้ริมฝีปากพรมจุมพิตลงไปอย่างอ่อนโยน ไล่ตั้งแต่หัวไหล่ ลำคอ ไหปลาร้า เคลื่อนขึ้นมาถึงบริเวณพวงแก้มและหลังใบหู ซึ่งทำให้พิณสั่นสะท้านไปทั้งตัว ดวงตาเธอหลับพริ้ม แอ่นเชิดหน้า พร้อมกับพ่นลมหายใจยาวๆ อย่างผ่อนคลาย ขณะปล่อยกายปล่อยใจ เปิดโอกาสให้เขาได้ปรนเปรอความสุขให้เธออย่างเต็มที่
ชายหนุ่มใช้จุมพิตอันอ่อนโยนแทนการสำรวจไปตามเรือนร่างของสาวสวย ขณะที่มือซึ่งกำลังประคองโอบอยู่ทางด้านหลัง ก็ขยับลูบไล้สำรวจไปตามรอยเว้าตรงกลางแผ่นหลังของเธอ สัมผัสที่เขาใช้นั้นเต็มไปด้วยความนุ่มนวล แผ่วเบา เดี๋ยวแตะ เดี๋ยวปล่อย จนดูคล้ายเป็นการแกล้งหยอกเย้า มากกว่าจะทำไปเพื่อปลุกเร้าอารมณ์เพศ ทว่ากลับทำให้เส้นขนบนร่างของหญิงสาวลุกซู่ชูชันขึ้นมา ไอ้สัมผัสอ่อนโยนนุ่มนวลเช่นนี้แหละ ที่หญิงสาวส่วนใหญ่มักถวิลหา มากกว่าการตะบี้ตะบันปลุกเร้าอารมณ์เธอด้วยสัมผัสที่หนักหน่วงจนชวนให้ร่างกายบอบช้ำ และพาลจะหมดอารมณ์น้ำแห้งกันเสียเปล่าๆ เท่านี้หญิงสาวก็พอจะรู้แล้วว่าชายหนุ่มตรงหน้านั้น ‘เป็นงาน’ และตระหนักรู้ซึ้งดีว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่
“อืม... มมมม” เสียงพิณครางในลำคอเบาๆ เมื่อริมฝีปากของโมลากจูบผ่านลงมาถึงบริเวณฐานนมด้านข้าง ร่างเธอเกร็งเชิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เพื่อเตรียมรับมือกับการจู่โจมที่กำลังจะมาถึงบริเวณจุดอ่อนไหวบนร่างกายอย่างทรวงเต้าทั้งสองข้าง แต่ผิดถนัด เพราะชายหนุ่มกลับจงใจลากจุมพิตหนีลงต่ำมาแถวๆ ชายโครงของเธอแทน เขาจูบวนลงมาจนถึงบริเวณร่องสะดือบุ๋มและหน้าท้องที่ขาวเนียนนุ่มนิ่มน่าหยิก ความหยุ่นนุ่มของมันทำให้เขาอดใจไม่ไหว ต้องขบฟันงับลงไปเบาๆ ไม่ได้แรงมาก แต่ก็ทำให้หญิงสาวเกิดอารมณ์เสียวสยิวเล็กๆ วาบขึ้นมาจนหน้าท้องขมวดเกร็งเป็นลอน
“ฮื่อ... ออออ” เสียงครางทุ้มต่ำที่แผ่วเบา ดังลอดออกมาจากลำคอของพิณ มันเป็นเนื้อเสียงที่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกหวาดเสียวนิดๆ ผสมปนเปกับความรู้สึกหงุดหงิดหน่อยๆ เมื่อพบว่าชายหนุ่มเอาแต่เตะถ่วงไม่ยอมเดินหน้ารุกอย่างจริงๆ จังๆ เสียที โดยที่เธอไม่ทันเอะใจเลยว่านั่นคือความตั้งใจแต่แรกของเขาอยู่แล้ว ที่จะพยายามปลุกเร้าให้ร่างกายเธอเกิดความอ่อนไหวต่อการสัมผัสให้มากที่สุด ก่อนที่เขาจะลงมือเผด็จศึกเธอจริงๆ หญิงสาวไม่ทันเอะใจด้วยซ้ำว่าตรงกลางหว่างขาของเธอยามนี้มันเริ่มจะ ‘แฉะ’ ขึ้นมาเสียแล้ว
โมประคองดันร่างของหญิงสาวให้เอนหงายลงไปกับเตียงนอน ก่อนจะลากริมฝีปากจูบผ่านเนินหน้าท้อง ไหลต่อไปยังซอกขาด้านในอันขาวจั๊วะ และทำให้ใบหน้าของเขามันไปจดจ่ออยู่ตรงหน้าของสงวนเธอแบบพอดิบพอดี เนินเนื้อที่อวบอูมเป็นโคกนั้นปราศจากเส้นขนรงรังแม้เพียงสักเส้น แอบเห็นกลีบเนื้ออ่อนสีแดงอมน้ำตาลยื่นแลบออกมาน้อยๆ ตรงปลายสุดของรอยแยกหน้าปากประตูทางเข้า บ่งบอกให้รู้ว่าคงผ่านการใช้งานมันอย่างโชกโชนมาพอสมควร และที่สำคัญ... ตรงปากทางเข้าตอนนี้ก็เริ่มที่จะมีคราบน้ำใสๆ เอ่อซึมออกมาให้เห็นลางๆ ซึ่งเป็นสัญญาณบอกว่าหญิงสาวเจ้าของร่างเองเริ่มที่จะมีอารมณ์ตื่นเต้นจากการปลุกเร้าของเขาบ้างแล้ว
“อืม... มมมมม” พิณเผลอส่งเสียงครวญครางเบาๆ อยู่ในลำคอ เมื่อโดนเขาใช้ปากดูดเม้มลงไปที่เนื้ออ่อนบริเวณซอกขา ก่อนที่เธอจะรีบหุบเม้มริมฝีปากแน่น เพื่อข่มกลั้นเสียงครางดังกล่าวไม่ให้ดังเล็ดลอดออกมาจนเกินงาม พอเห็นแบบนั้นแล้วชายหนุ่มก็ยิ่งบังเกิดอารมณ์อยากเอาชนะ และตั้งเป้าว่าจะต้องทำให้เธอเปล่งเสียงร้องครวญครางโหยหวนออกมาดังๆ เพราะความกระสันให้จงได้ ซึ่งถ้าเป็นในยามปกติ เขาคงจะพุ่งเป้าไปที่การควักอาวุธยักษ์ของตนเองออกมาเผด็จศึกเธอให้หมอบราบคาบไปแล้ว แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาตั้งใจจะทำในคืนนี้…
ชายหนุ่มตั้งท่าคล้ายว่าจะเขยิบใบหน้าขึ้นไปใช้ปากจูบที่เนินสวาท ทำให้สาวสวยต้องรีบหุบต้นขาเข้าหากัน พร้อมเกร็งร่างรอรับคลื่นความเสียวที่กำลังจะถาโถมเข้าใส่ ทว่ากลับกลายเป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มเลือกที่จะตลบหลังเธอ ด้วยการเลื่อนใบหน้าหนีลงด้านล่าง และใช้ริมฝีปากอันแสนจะเจ้าเล่ห์นั้น พรมจูบไปตามน่องขาอวบอิ่ม จูบต่ำลงไปเรื่อยๆ... เรื่อยๆ... พร้อมกับที่มือก็คอยช้อนประคองน่องขาเธอยกลอยค้างไว้กลางอากาศ จนกระทั่งริมฝีปากของเขามันเลื่อนลงไปจุมพิตโดนที่สุดปลายเท้าเธอ แล้วเริ่มตั้งหน้าตั้งตาพรมจูบ
“ทะลึ่งจังเลยนะคะ อุ๊ย!” พิณพูดแซวเขาได้เพียงเท่านั้น ก็ต้องรีบหุบปากลงเพื่อที่จะข่มกลั้นเสียงครางเอาไว้ เพราะตอนนี้ชายหนุ่มกำลังเริ่มใช้ปากขบงับลงไปที่นิ้วเท้าของเธอพร้อมกับออกแรงดูดเม้มเน้นๆ ไล่เรียงกันไปทีละนิ้ว... ทีละนิ้ว... โดยไม่มีทีท่าของความรังเกียจใดๆ และในขณะที่เธอยังตั้งตัวไม่ทัน ชายหนุ่มก็เอื้อมมือซ้ายที่ว่างอยู่ ขึ้นไปบีบคลึงเคล้นเล่นที่เต้านมของเธอเพิ่มอีกจุดหนึ่ง ปลายนิ้วทั้งห้ากางถ่างออกจากกันจนสุด ตามขนาดของก้อนเนื้อที่ใหญ่จนอวบล้นฝ่ามือ เพราะมีเจ้าก้อนซิลิโคนใสๆ ขนาด 320 CC ถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้านใน เขาพยายามออกแรงบีบมันด้วยความระมัดระวังที่สุด แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะสอดแทรกสัมผัสชวนสยิวแฝงไปในการบีบคลึงแต่ละครั้ง
หลังจากคลอเคลียโลมเลียเล่นที่ปลายเท้าเธอจนหนำใจแล้ว ชายหนุ่มก็ขยับถอนใบหน้าออก และเปลี่ยนเป้าหมายขึ้นไปสูดดมความหอมของจุกยอดปทุมถันสีแดงอมน้ำตาลที่ด้านบนแทน เขาซุกไซ้ใบหน้าเข้าคลอเคลียกับทรวงเต้าทั้งสองข้าง พร้อมกับไล้นิ้วเกี่ยวสำรวจไปตามยอดถันที่เชิดงอนและแข็งเป็นไต ร่างของพิณออกอาการสั่นสะท้านน้อยๆ เมื่อถูกปลุกเร้าเข้าไปที่จุดอ่อนไหว และมันยิ่งสั่นหนักขึ้นไปอีก เมื่อชายหนุ่มตัดสินใจแลบลิ้นแตะลงไปที่หัวจุก แล้วออกแรงตวัดลิ้นเขี่ยวนที่ปลายยอดเบาๆ ทำเอาสาวสวยถึงกับหลุดปากร้องครางฮือออกมายาวๆ
“อื้อ... อออออออ” เสียงพิณครวญกระเส่า หลับตาปี๋ ขณะที่โมใช้ปากงับดุนเข้าที่หัวนมและเต้าเนื้อทั้งสองข้างสลับไปมา เดี๋ยวซ้าย... เดี๋ยวขวา... จนเจ้าก้อนเนื้อขาวอวบทั้งสองนั้นเปรอะชุ่มไปด้วยคราบน้ำลาย ความเสียวสยิวทำให้หญิงสาวเผลอเบียดกายสู้กับริมฝีปากของเขาอย่างลืมตัวลืมใจ และมันยิ่งกลายเป็นเชื้อเพลิงให้ชายหนุ่มยิ่งออกแรงละเลงลิ้นจี้ใส่ปลายถันแบบหนักๆ จนร่างงามนั้นออกอาการเกร็งกระตุกเฮือกๆ ราวกับโดนไฟช็อต ความรู้สึกเสียวแปลบๆ แล่นวูบวาบไปทั่วกาย ไล่จากบนลงล่าง และจากล่างขึ้นบน กลับไปกลับมาแบบนั้นซ้ำๆ ตลอดเวลาที่เขาละเลงลิ้นใส่หัวนมเธอ
ในขณะที่ริมฝีปากและมือซ้ายกำลังง่วนอยู่กับการปลุกเร้าอารมณ์ให้ทรวงเต้าด้านบน มือขวาอันซุกซนไม่แพ้กันของชายหนุ่ม ก็แอบเลื้อยเลาะผ่านหน้าท้องที่อ่อนนุ่มของหญิงสาว เลื่อนลงไปสำรวจผิวกายบริเวณเนินเนื้อด้านล่างซึ่งปราศจากเส้นขนปกคลุม กระทั่งเมื่อปลายนิ้วแตะถึงบริเวณจุดหมายที่ตั้งใจไว้ เขาก็จัดการวางมือแหมะลงไปบนโคกเนื้ออันอ่อนนุ่ม พร้อมกับออกแรงคลึงนิ้วกดถูลงไปที่กลางรอยแยก ทำให้ร่างของสาวสวยเกิดอาการสั่นสะท้านอีกระลอก
“อุ๊! อือ... อออออ อาห์... ซี้ดส์... สสสสส” พิณขมวดคิ้วย่น เปล่งเสียงร้องครางออกมาด้วยความสยิวใจในท้ายที่สุด ใบหน้าที่สวยหวานและจริงจังนั้นกำลังเปิดเผยแง่มุมแห่งความร้อนร่านรัญจวนออกมา จนไม่หลงเหลือมาดนางเอกเกาหลีที่เขาเห็นในทีแรก สองขาเธอเกร็งหนีบแนบแน่น ขณะที่สะโพกผายนั้นส่ายร่อนไปมา สู้กับนิ้วมือของชายหนุ่มที่กำลังออกแรงกดคลึงสำรวจไปทั่วเนินสวาท เท่านั้นยังไม่พอ... เจ้าหนุ่มยังจงใจใช้นิ้วมือกดแบะกลีบเนื้อตรงหน้าปากทางเข้าให้เปิดถ่างออก ก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่มืออันใหญ่หนา กดบี้ลงไปยังเม็ดทับทิมสีแดงก่ำที่ซุกซ่อนตัวอยู่ด้านใน
“ซี้ดส์... สสสส อาห์ นี่จะแกล้งยั่วกันไปถึงไหนเนี่ย?” พิณร้องครวญเบาๆ เนื้อตัวบิดดิ้นเร่าๆ ไปมาอย่างทุรนทุราย ด้านบนก็โดนทั้งปากและมือช่วยกันมะรุมมะตุ้ม ขณะที่จุดอ่อนไหวด้านล่างก็ถูกมือขวาของเขาปลุกเร้าเล่นงาน จนพาลให้น้ำหล่อลื่นแตกทะลักออกมาไม่ขาดสาย ความเปียกลื่นยิ่งกลายเป็นตัวช่วยให้ปลายนิ้วของชายหนุ่ม สามารถเคลื่อนที่ไปมาได้อย่างลื่นไหลมากกว่าเดิม เขาบรรจงลากนิ้วเขี่ยไปรอบๆ ปุ่มเสียวเป็นวงกลม ด้วยสัมผัสที่นุ่มนวลและแผ่วเบา แทบไม่ได้ออกแรงกดนิ้วลงไปด้วยซ้ำ แต่เพียงเท่านี้ก็สร้างความเสียวสะท้านถึงทรวง และทำให้ร่างขาวเนียนนั้นดิ้นกระตุกจนอยู่นิ่งเฉยไม่ได้
“ชอบใช่มั้ยครับ? คุณพิณชอบให้ผมเบ็ดให้แบบนี้ใช่มั้ย?” โมถามปลุกเร้า พร้อมกับเปลี่ยนการเคลื่อนไหวของนิ้วมือ จากที่เพียงลูบไล้เขี่ยไปมาอยู่ด้านนอก ก็ค่อยๆ รุกสำรวจเข้าไปถึงด้านใน ด้วยการเกร็งนิ้วกดชำแรกเข้าไปในร่องรูอันเปียกชุ่ม เพียงแค่เขาออกแรงกดนิ้วทิ่มเข้าไปแค่ข้อเดียว ร่างงามตรงหน้าก็ถึงกับตัวกระตุก แอ่นก้นลอยตามนิ้วมือของเขาโดยทันที
“ซี้ดส์... สสสส อื้อ... ออออออ อู๊ย เบาๆ ค่ะ” พิณร้องบอกเสียงกระเส่า โพรงเนื้อเกร็งขมิบรัดใส่นิ้วมือเขารัวๆ ด้วยความตื่นเต้น จนเขาไม่สามารถสอดนิ้วเข้าไปได้ลึกกว่าเดิม ชายหนุ่มรู้ทันทีว่าร่างกายเธอมันกำลังแสดงอาการต่อต้านเขาอยู่ จึงเพ่งสมาธิไปที่การใช้ปากดูดเลียที่จุกถันด้านบนของเธอสลับไปมา ซ้ายที... ขวาที... แทบไม่หลงเหลือพื้นที่ตรงไหนบนเนินเขาที่ขาวเนียนนั้น ที่ไม่ปรากฏร่องรอยแดงช้ำเป็นจ้ำๆ
“อือ... ออออออ ซี้ดส์... สสสส อูย... ยยยย” หญิงสาวส่ายสะบัดใบหน้าร้องครางเป็นจังหวะ แอ่นเด้งก้นสู้กับนิ้วมือของเขาอย่างลืมตัวลืมใจ การเคลื่อนไหวของเธอทำให้เขาสามารถกดชำแรกนิ้วกลางเข้าไปได้แบบเต็มข้อ พอเห็นว่าเธอกำลังเพลินได้ที่แล้ว ชายหนุ่มจึงออกแรงชักนิ้วเข้าออกเบาๆ โดยพยายามระวังไม่ทำให้เธอรู้สึกเจ็บแสบ
“จ๊วบ... บบบบ จ๊วบ... บบบบ อื้ม... มมมม” ปากเขาก็ดูดนมเธอสลับไปมาทั้งสองข้าง ขณะที่นิ้วกลางก็คอยกดแยงเข้าออกในร่องสวาทที่เปียกชื้นของเธอ จนฝ่ามือเขาเปียกชุ่มไปด้วยคราบของน้ำหล่อลื่น ได้ยินเสียงเธอร้องครางระงมดังขึ้นเรื่อยๆ เป็นเสียงครางโหยหวนในแบบที่ไม่คิดจะเก็บกลั้นอาการใดๆ อีก เพราะความสุขเสียวที่กำลังท่วมท้นทะลักออกมาจากภายในร่าง
“อ๋อย... ซี้ดส์... สสสส” พิณเผลอแอ่นหน้าขาลอยตามจังหวะการถอนนิ้วมือของชายหนุ่มอย่างลืมตัว แต่พอโดนนิ้วเขากดทะลวงกลับเข้ามาใหม่ ร่างของเธอก็รีบถอยกรูดลงมาแทบไม่ทัน มันเป็นความสุขสมที่แฝงตัวมาในคราบของความเสียวซ่านทรมาน
“โอ๊ย! พิณ... ฮือ... ออออออ พิณเสียวจะแย่อยู่แล้ว... ววววว” สาวสวยร้องเสียงหลง เมื่อโดนนิ้วหัวแม่มือของชายหนุ่มกดบี้เข้ามาที่เม็ดทับทิมด้านนอกแบบหนักๆ ทำเอาหญิงสาวถึงกับเกิดอาการสำลักความสุข ปลายเท้าจิกเกร็ง หายใจหายคอแทบไม่ทัน
“ผมชอบฟังเสียงครางของคุณพิณจัง เร้าอารมณ์ดีครับ” หลังจากนวดจนร่างกายเธอจนสุกงอมดีแล้ว โมก็ตัดสินใจเปิดเกมรุกอย่างเต็มรูปแบบ ชายหนุ่มค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกมาจากทรวงอกอันอวบใหญ่ แล้วเลื่อนใบหน้าลงไปจ่ออยู่ที่บริเวณเนินเนื้ออันโหนกนูนและแดงฉ่ำ มองเห็นกลีบเนื้อสาวที่กำลังเปล่งประกายเป็นมันวาวจากหยาดน้ำหล่อลื่นที่เกาะเคลือบอยู่บนพื้นผิว ดูเย้ายวนชวนลิ้มชิมรสชาติ เขาจึงบรรจงฝังใบหน้าซุกลงไปที่โคกอูมของเธอ เล็งให้ปลายจมูกชนเข้ากับปุ่มกระสันด้านบน ส่วนริมฝีปากแตะโดนที่กลีบเนื้ออ่อนหน้าทางเข้า แล้วจึงออกแรงจูบเข้าไปเต็มฟอด เกิดเป็นเสียงดูดดัง ซ้วบ... บบบบบบ!
“อุ๊ย! ซี้ดส์... สสสสสสสส อื้ม... มมมมมม อืม... มมมมมม” ร่างของพิณเกิดอาการเกร็งกระตุกแบบฉับพลัน ใบหน้าแอ่นเชิดขึ้น ดวงตาหลับปี๋ คิ้วขมวดยู่ย่น พร้อมกับเปล่งเสียงครางยาวๆ ออกมาด้วยอาการเสียวสะท้านใจ เมื่อโดนจุมพิตเข้าไปแบบเต็มรัก เธอพยายามจะหุบหน้าขาหนีบต้านการรุกรานของชายหนุ่ม ทว่าหนีบให้ตายยังไงก็ไม่สามารถสู้แรงขืนจากอุ้งมือชายหนุ่มที่คอยดันสวนกลับออกมาตลอด พร้อมกันนั้น ปลายลิ้นอันซุกซนของเขาก็บรรจงปาดแซะไปทั่วท้องร่อง ตวัดขึ้น... ตวัดลง... พลางดูดกินหยาดน้ำรสเค็มคาวจากร่างกายเธออย่างเอร็ดอร่อย
“มะ... ไม่ให้ตั้งตัวกันเลยเหรอ? อุ๊! ซี้ดส์... สสสสส! อาห์...” พิณเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ แต่เพียงครู่เดียวเธอก็จำต้องสะบัดเริดหน้าหงายกลับลงไปอีก พร้อมเปล่งเสียงครางสยิวออกมายาวๆ เมื่อโดนลิ้นเขากดแยงเข้ามาที่รูสวรรค์รัวๆ
“ซ้วบ... บบบบบ ซ้วบ... บบบบบ” โมก้มหน้าก้มตา ทั้งดูด... ทั้งซด... ราวกับตั้งใจจะดูดกลืนน้ำหวานจากเกสรของดอกไม้งามดอกนี้ให้หมดไม่เหลือสักหยด ปากเขาก็ดูดไป ขณะที่มือซ้ายก็บีบขยำเต้านม ส่วนมือขวาช่วยเขี่ยคลึงเล่นที่ปุ่มเสียวด้านนอกถ้ำ จนสาวสวยถึงกับตัวสั่นใจสั่น ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเปลี่ยนสปีดในการจู่โจมแบบหน้ามือเป็นหลังมือเร็วขนาดนี้
ใช้แค่ลิ้นปิดงานอย่างเดียวคงไม่สมศักดิ์ศรีเธอ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจถอนลิ้นออกมาจากเรือนร่างขาวโพลนที่กำลังสั่นสะท้านและหอบหายใจถี่ ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะปรือตาขึ้นมามองดูว่าเกิดอะไรขึ้น นิ้วกลางของชายหนุ่มซึ่งอาบเคลือบไปด้วยน้ำหล่อลื่น ก็กดทะลวงสอดกลับเข้ามาในอุโมงค์ถ้ำอันเปียกชื้นอีกครั้ง เขาออกแรงแทงพรวดเดียวทะลุเข้าไปเกือบสุดปลายนิ้ว ทำเอาสาวสวยถึงกับตัวกระตุกเฮือก ส่งเสียงครางซี้ดๆ ไม่ขาดปาก พร้อมเกร็งขมิบร่องเนื้อรัดใส่นิ้วมือยาวๆ ของชายหนุ่มที่กำลังกดแทงลึกเข้ามาเรื่อยๆ ลึกขึ้น... ลึกขึ้น... แม้ร่องเนื้อจะคอยเกร็งรัดและต่อต้าน แต่ก็ไม่อาจต้านทานเรี่ยวแรงของการบุกรุกที่กดทะลวงเข้ามาด้านในได้เลย
ไม่ช้าเขาก็จัดการสอดนิ้วทิ่มเข้าไปในตัวเธอได้แบบหมดจด พอแทงเข้าไปได้หนึ่งนิ้วแล้วเขาก็ค่อยๆ เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นสองนิ้ว โดยสอดนิ้วนางตามเข้าไปภายหลัง โดยที่สาวสวยก็ไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดหรือต่อต้านใดๆ นอกจากสูดปากร้องซี้ดๆ ยาวๆ พอเห็นว่าเธอเริ่มชินกับนิ้วมือทั้งสองของเขาแล้ว โมจึงเริ่มขยับชักนิ้วเข้าออกอย่างช้าๆ ได้ยินเสียงครางของเธอดังคลอเคลียประสานไปกับจังหวะการชักนิ้วของเขา
“อือ... อื้อ... อออออ อ๊ะ! อาห์... ซี้ดส์... อาห์... อู๊ย... ยยยย ดีค่ะ... อือ... ดี... ดี...” พิณเปล่งเสียงร้องออกมาอย่างสุขสมใจ ชายหนุ่มจึงมอบของสมนาคุณเพิ่มเติมให้เธอ ด้วยการขบริมฝีปากดูดเข้าไปที่ปุ่มเสียวด้านนอกอีกแรง ทำเอาร่างของพิณถึงกับเกร็งกระตุกเฮือกๆ จนตัวแอ่น ความเสียวซ่านนั้นรุนแรงจนหญิงสาวจะเปล่งเสียงร้องครางออกมาก็ยังทำไม่ได้ สุ้มเสียงมันเหือดแห้งหายเข้าไปในลำคอ กว่าที่เสียงร้องของเธอมันจะคืนกลับมา ก็ปาเข้าไปร่วมๆ สิบวินาทีหลังจากนั้น
“อ๊าย! ซี้ดส์... สะ... เสียว... ววววว โอ๊ย! พิณ... พิณ... อู๊ย... ยยยย ซี้ดส์... อาห์... อาห์... ซี้ดส์... อ๊าย... ย... อย่างนั้นค่ะ... อย่างน้าน... นนนนน” พิณละล่ำละลักร้องบอกด้วยน้ำเสียงที่ขาดห้วงไม่เป็นคำ ไม่รู้ว่าเป็นคำชมหรือคำสั่ง สองมือเธอจิกขยุ้มลงมาบนเส้นผมของเขาแรงๆ ขณะแอ่นเด้งก้นอัดใส่ริมฝีปากเขายิกๆๆ ยิ่งเธอเบียดกายเข้ามาเท่าไร นิ้วมือที่กำลังกดทะลวงอยู่ภายในก็จะยิ่งแทงลึกเข้าไปมากขึ้นเท่านั้น เขาควานสำรวจไปจนพบกับจุดเสียวที่ซุกซ่อนตัวอยู่ภายใน ก็ออกแรงกดคลึงบี้ลงไปตรงจุดนั้นย้ำๆ ซ้ำๆ จนทำเอาสาวสวยต้องส่ายสะบัดใบหน้าร้องโหยหวนออกมาดังลั่นห้องอย่างไม่เกรงใจใคร เพราะเธอกำลังจะถึงจุดสุดยอดในไม่ช้านี้
“อาห์... คุณโม... อย่าหยุดนะ... ซี้ดส์... สสสส อาห์ ตรงนั้นแหละ... แรงๆ ค่ะ แรงๆ อย่างนั้นแหละ... อาห์... อู๊ย... พิณ... พิณจะออก... อู้ว... ออกแล้ว... วววววว กรี๊ด... ดดดดดดด” พิณหวีดร้องออกมาสุดเสียง เนื้อตัวเกร็งกระตุกเฮือกๆ ดิ้นเร่าๆ อยู่บนเตียงเหมือนกำลังจะขาดใจตาย ร่างที่เกร็งเหยียดนั้นเบียดเข้าหาริมฝีปากของเขาจนแนบสนิท เกือบทำให้ชายหนุ่มแทบหายใจไม่ออก แต่เขาก็ยังคงก้มหน้าก้มตาดูดกินเม็ดกระสันของเธอต่อไปอย่างมุ่งมั่น พร้อมๆ กับกดนิ้วคลึงนวดที่จุด G-Spot ของเธอย้ำๆ จนกระทั่งหยาดน้ำแห่งความสุขแตกทะลัก พุ่งปรี๊ดๆ ออกมาจากอุโมงค์ถ้ำ เปียกชุ่มไปทั่วใบหน้าและนิ้วมือ ถึงตอนนั้นแหละ ชายหนุ่มจึงยอมถอนตัวออก เปิดโอกาสให้สาวสวยได้นอนหอบหายใจแฮ่กๆ อยู่บนเตียงนอนอย่างหมดสภาพสิ้นไร้เรี่ยวแรง
“แฮ่ก... แฮ่ก... โอ๊ยคุณโม... ทำจนพิณ... กลั้นไม่อยู่เลย แฮ่ก... แฮ่ก... ฮ้า...” พิณนอนหอบหายใจหลับตาพริ้ม เต้านมที่ตึงแน่นนั้นสั่นกระเพื่อมไปตามจังหวะการหายใจที่ถี่กระชั้นของเธอ ชายหนุ่มจ้องมองภาพดังกล่าวแบบเงียบๆ ไม่ได้โต้ตอบอะไรออกไปเป็นคำพูด ทว่ากลับเอื้อมมือออกไปบีบนวดที่เต้านมของเธอแทน
“อุ๊ย! จะต่อเลยเหรอคะ? พิณยังไม่หายเหนื่อยเลยนะ ขอพักแป๊บซี่... ว้าย! ซี้ดส์...!!!” หญิงสาวจะพูดก็พูดไม่จบประโยค เพราะปลายลิ้นของชายหนุ่มมันแตะทาบลงมาที่ร่องเนื้ออันเปียกปอนของเธออีกแล้ว
“ซ้วบ... บบบบบบบ จุ๊บ... จุ๊บ... จ๊วบ... บบบบบ” โมออกแรงดูดกินน้ำสวาทที่ตกค้างอยู่ด้านนอก พร้อมกับบรรจงเกร็งลิ้นให้ลู่แหลม และกดแยงมันเข้าไปในตัวเธออีกครั้ง เมื่อเจอเล่นงานซ้ำที่จุดอ่อน ภายใต้สภาพที่กำลังอ่อนระโหยโรยแรงที่สุด ก็ทำให้ผู้บริหารสาวถึงกับแอ่นเชิดหน้าเบิกตาค้าง ส่งเสียงร้องครางโหยหวนออกมาดังๆ ด้วยอารมณ์สะท้านใจ
“โอ๊ย... ยยยย คุณโม... มมมมมมมม อ๊าย... ซี้ดส์... สสสสส” พิณทำได้เพียงเปล่งเสียงร้องเรียกชื่อเขา สติสตังเตลิดเปิดเปิงไปไกล เพราะความเสียวที่เกิดขึ้นมันหนักหน่วงรุนแรงเกินกว่าที่ร่างบอบบางนั้นจะต้านทานรับไหว
“ผมจะทำให้คุณพิณลืมคืนนี้ไม่ลงเลย จ๊วบ... บบบบบบบ” โมแกล้งขู่ก่อนจะก้มหน้าลงไปดูดเลียต่อ เขารู้ดีว่ายามนี้นี้ร่างกายของหญิงสาวกำลังอ่อนไหวต่อการสัมผัสอย่างถึงที่สุด และอารมณ์หื่นก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูงปรี๊ด ถ้าหากทำดีๆ ก็มีโอกาสที่จะส่งเธอขึ้นสวรรค์เป็นครั้งที่สองหรือสามได้ไม่ยากเท่าไร
“โอ๊ย... ยยยย คุณโม... พิณไม่ไหว... พอ... พอแล้ว... พิณยอมแล้ว ซี้ดส์... อ๊าย... มันเสียว...” พิณแหกปากร้องออกมาอย่างสุดกลั้น มาดเคร่งขรึมที่เคยแสดงออกก่อนหน้านี้พลันมลายหายไปหมดสิ้น เหลือเพียงแต่ภาพของหญิงสาวผู้กำลังร้อนร่านปานจะขาดใจ ปากก็บอกให้หยุด แต่สองมือกลับจิกขยุ้มกดศีรษะเขาดึงแนบเข้าหาเนินเสียวตัวเอง พร้อมแอ่นเด้งสู้ลิ้นอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
“อืม... คิดถูกแล้วแฮะ ที่ตัดสินใจเทรนก่อนจะมาที่นี่” ชายหนุ่มคิดอยู่ในหัวเงียบๆ ขณะซุกหน้าปรนเปรอความเสียวให้เธอ ใช่... หลังจากตระหนักว่าสภาพร่างกายในปัจจุบันของตนนั้นไม่ได้น่าพึงพอใจเหมือนในอดีต ชายหนุ่มจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ว่าจะต้องพยายามเรียกคืนความฟิตของตน ที่เคยทำให้สาวๆ น้อยใหญ่ต้องยอมสยบราบคาบเพราะความสุขเสียวกลับคืนมาให้ได้ สิ่งแรกที่เขาลงมือทำก็คือการหวนกลับมาออกกำลังฟิตร่างกายแบบสม่ำเสมออีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซิทอัพเป็นประจำทุกวัน ทั้งเช้าและค่ำ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อช่วงท้อง ที่ทำให้เขาสามารถ ‘อั้น’ และ ‘ยืดระยะเวลา’ ได้นานเท่าที่ต้องการ
ส่วนเวลาว่างที่เหลือนอกเหนือจากการทำงาน เขาก็ใช้มันไปกับการนัดแนะแลกเปลี่ยนลีลารักกับสาวๆ ที่ตนเองใกล้ชิดผูกพันด้วย ไม่ว่าจะเป็นบัวบูชา นิ่ม ลูกไม้ และไม่เว้นแม้แต่สาวไหมที่เปลี่ยนสถานะจากลูกค้า กลายมาเป็นคู่ขาคนล่าสุด ซึ่งการได้กลับมาลงสนามซ้อมมืออย่างต่อเนื่องจริงจัง ก็ทำให้สนิมที่เคยเกาะกินอยู่บนบั้นเอวของโมมันค่อยๆ หลุดลอกออกไป และเริ่มที่จะจับจังหวะลีลาเดิมๆ ของตนเองได้อีกครั้ง จนสามารถ ‘ทำข้อสอบ’ ในวันนี้ได้อย่างราบรื่น ไม่สิ จะใช้คำว่าราบรื่นก็ดูจะไม่ค่อยตรงนัก ต้องบอกว่าเขา ‘กำราบ’ สาวสวยคนนี้ได้อย่างราบคาบเสียมากกว่า เมื่อดูจากอาการตอบสนองทางร่างกาย ตลอดจนถึงเสียงครวญครางโหยหวนที่เพี้ยนแปร่งแทบไม่เป็นภาษาที่เธอเปล่งออกมาตลอดเวลานี้
“เดี๋ยวค่ะ... พิณ... อาห์... พิณ โอ๊ย ซี้ดส์... สสสสสส โอ๊ย! พิณ… พิณ... อ๊าย... ยยยยย!!!!” สาวสวยหวีดร้องออกมาสุดเสียง ใบหน้าเกร็งยับย่นยู่ยี่ ขณะที่โพรงเนื้อภายในร่างก็ออกอาการเกร็งขมิบยวบๆ อย่างรุนแรง ปลดปล่อยน้ำสวาทให้แตกราดรดลงมาเต็มปากเต็มคางของชายหนุ่ม ผู้ซึ่งยังคงก้มหน้าก้มตาดูดเลียมันต่อไปเรื่อยๆ ราวกับว่าตั้งใจจะดูดกลืนหยาดน้ำหวานเหล่านั้นเข้าไปไม่ให้หลงเหลือสักหยด ส่วนนิ้วมือที่เสียบคาอยู่ด้านในนั้น แม้จะหยุดการเคลื่อนไหวลงไปแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ยอมถอนมันออกมาจากตัวพิณง่ายๆ ทำให้ความจุกเสียดดังกล่าวยังคงอัดแน่นอยู่เต็มโพรงเนื้อของเธอ
“อ๊าย... พอ... พอแล้ว... พิณ... พิณไม่ไหวแล้ว... พอก่อนค่ะ เฮ้อ!! แฮ่ก... แฮ่ก... กกกก” หญิงสาวอ้อนวอนร้องขออยู่นาน กว่าที่ชายหนุ่มจะยอมปล่อยให้เธอได้พักเหนื่อยจากอาการเสียวซ่านทรมานเกินรับไหว พลันที่ชายหนุ่มละใบหน้าออก สาวสวยก็ทิ้งตัวลงนอนราบลงไปบนเตียง พร้อมกับหอบหายใจพะงาบๆ เหมือนคนกำลังจะขาดใจตาย หลังจากโดนเขากระชากลากเธอขึ้นสวรรค์ถึงสองครั้งแบบติดๆ กัน ภาพทิวทัศน์รอบด้านของเธอก็พลอยกลายเป็นสีขาวโพลนไปหมด แค่จะหายใจให้ทัน มันก็แทบจะเป็นเรื่องที่เธอต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดในเวลานี้ไปเสียแล้ว
ชายหนุ่มก้มลงมองภาพผลงานของตนที่กำลังนอนระทวยรวยรินด้วยความพึงพอใจ ถึงจุดนี้เขาคงต้องยอมปล่อยให้เธอได้มีเวลานอนพักเหนื่อยนานกว่าเดิมสักหน่อย ขืนยังดันทุรังรุกต่อในสภาพนี้ มีหวังหญิงสาวคงได้ขาดใจตายไปคามือเขาจริงๆ แน่ และจากที่กำลังสนุกสุขเสียวกันอยู่ มันอาจจะแปรเปลี่ยนไปเป็นความทรมาทรกรรมโดยไม่รู้ตัว เซ็กส์ที่ดีนั้น นอกจากความต่อเนื่องถึงอกถึงใจแล้ว บางครั้งก็จำเป็นจะต้องให้ความสำคัญกับการเว้นช่วงให้คู่ขาของตนเองได้มีเวลาหายใจหายคอบ้าง มันถึงจะสมบูรณ์เต็มอิ่มด้วยกันทั้งคู่ นี่คือสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มากที่สุดจากการไปใช้ชีวิตอยู่บนเกาะพะงัน กับผู้หญิงมากหน้าหลายตาที่ผ่านเวียนวนเข้ามาในชีวิตอันโลดโผนช่วงนั้น
“ยังไหวมั้ยครับ?” โมเอ่ยถามอาการพิณอย่างเป็นห่วงเป็นใย หญิงสาวปรือตาขึ้นมาจ้องหน้าเขาด้วยอาการอ่อนเพลียเหลือคณา
“ขอพิณพักแป๊บนึงนะคะ แฮ่ก... แฮ่ก... นี่เกร็งจนเจ็บท้องไปหมดแล้วเนี่ย ตัวยังสั่นอยู่เลย ดูสิ” พิณร้องขอเวลานอกเสียงอ่อนเปลี้ย รู้สึกเจ็บตึงที่ท้องน้อย เพราะก่อนนี้เผลอเกร็งขมิบร่างไปเสียยกใหญ่
“แล้วแต่คุณพิณเลยครับ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับง่ายๆ แม้จะมีเวลาจำกัด แต่เขามั่นใจว่าตนเองจะสามารถบริหารเวลาที่เหลืออยู่ได้อย่างคุ้มค่าและตราตรึงใจเธออย่างแน่นอน
“ไม่คิดว่าจะเจอบุกหนักแบบนี้ตั้งแต่แรก ตั้งตัวไม่ทันเลย” พิณที่เริ่มหายใจหายคอได้คล่องขึ้น กล่าวรับสภาพอย่างจำนน พร้อมกับเอื้อมมือมาลูบคลำเล่นที่กล้ามเนื้อบนแผงอกและหน้าท้องของเขา ราวกับต้องการจะสำรวจสภาพร่างกายของคู่ต่อสู้คนที่มอบความพ่ายแพ้ให้แก่เธอแบบหมาดๆ
“ต่อยก่อนได้เปรียบครับ” โมพูดติดตลก สายตาก็คอยจับจ้องมองการเคลื่อนไหวของอุ้งมือหญิงสาวด้วยความสนอกสนใจ อยากรู้เหลือเกินว่าเธอจะทำอะไรต่อ
“นี่ขนาดยังไม่ได้ทำกันจริงจังนะเนี่ย อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าโดนของจริงเข้าไป มันจะเสียวขนาดไหนน้า?” พิณกล่าวลอยๆ และบรรจงลากมือลงไปสำรวจถึงบริเวณท่อนเนื้ออันใหญ่ยาวของชายหนุ่มเรียบร้อยแล้ว
“ไม่ลองก็ไม่รู้นะครับ” โมตอบสั้นๆ พร้อมกับเกร็งหน้าท้อง กระดกอาวุธแข็งๆ งัดใส่อุ้งมือเธออย่างท้าทาย ทำเอาสาวเจ้าอดไม่ได้ที่จะต้องเผลออมยิ้มออกมา
“ขอพิณพักอีกแป๊บนึง แล้วเดี๋ยวเรามาลองหาคำตอบกัน ตอนนี้ข้างล่างยังชาอยู่เลยค่ะ เอาเป็นว่า... ให้พิณช่วยคุณโมมั่งก็แล้วกัน” พิณกล่าวพร้อมกับยิ้มมุมปาก และเริ่มออกแรงกระตุกอุ้งมือขึ้นลงเบาๆ แรงเสียดสีทำให้ส่วนปลายของหนังหุ้มรูดปลิ้นขึ้นลง เปิดเผยสภาพรูปร่างของดอกเห็ดสีแดงบานโร่ที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน ตรงปากท่อนั้นมีหยดน้ำใสๆ ไหลยืดย้อยติดอุ้งมือเธอออกมาให้เห็นเป็นสาย ถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องขอเอาคืนเขาบ้าง หญิงสาวคิดลำพองอยู่ในใจ ขณะใช้อุ้งมือและปลายนิ้วช่วยกันรุมบีบ นวด คลึง ลงไปบนแก่นกายที่แข็งโป๊กด้วยอารมณ์มันเขี้ยว
“เอาเลยครับ อืม... มมมมม” โมส่งเสียงครางในลำคอ ขณะกลั้นใจคอยลุ้นว่าเธอจะทำอะไรกับมันต่อ เมื่อเห็นหญิงสาวค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้าไปจ้องมองวัตถุในมือตนเองแบบใกล้ชิด ด้วยแววตาที่เป็นประกายหลงใหล ก่อนที่เธอจะตัดสินใจแลบลิ้นเลียลงไปที่ปลายหัวเห็ดสีแดงเพื่อชิมรสชาติของมัน
“อุ๊... อืม... มมมมมม” ชายหนุ่มหลับตาพริ้ม นอนเอนกายให้เธอใช้ปากทำความรู้จักกับดุ้นเนื้อตรงหว่างขาของเขาด้วยความเพลิดเพลินใจ สาวสวยแทบไม่ปล่อยให้การเคลื่อนไหวของเธอเป็นไปอย่างสูญเปล่า เธอลงลิ้นเลียได้ครู่เดียว ก็เปลี่ยนการเคลื่อนไหวมาเป็นการขบเม้มเล่นที่ส่วนหัวเห็ด รวมถึงตวัดลิ้นเลียที่เนื้ออ่อนใต้คอหยัก จนชายหนุ่มถึงกับสูดปากครางซี้ดๆ ไม่หยุด
“ทั้งใหญ่ทั้งยาวพร้อมกันแบบนี้ คนไทยไม่ค่อยมีให้เห็นหรอกนะคะ” พิณเอ่ยปากชม พร้อมกับบรรจงใช้ฟันงับลงไปเบาๆ ที่กลางลำโคนอวบแกร่ง จนชายหนุ่มถึงกับเผลอเกร็งไอ้หนูต้านรับรัวๆ ตามสัญชาตญาณ แม้ว่าสัมผัสดังกล่าวจะไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดทรมานก็ตาม
“ค... ครับ น่าจะเป็นอย่างนั้น อูย...” โมสูดปากร้องครางตอบ เมื่อโดนสาวสวยใช้ปากดูดเข้าไปที่พวงไข่กลมมนของเขาแล้วเป่าปากออกมาแรงๆ จนเกิดเป็นเสียงดัง ‘บ๊วบ... บบบบบบบบบ’ ชัดเต็มสองหูของชายหนุ่ม ลีลาของเธอช่างพลิ้วไหวน่าดูชมเหลือเกิน
“ไม่รู้จะอมไหวรึเปล่า... ใหญ่ขนาดนี้” หญิงสาวเหมือนพูดลอยๆ คนเดียว ก่อนจะเลื่อนใบหน้ากลับขึ้นมาที่ด้านบน แล้วค่อยๆ อ้าปากครอบอมลงไปที่อาวุธของเขา เริ่มต้นจากส่วนปลายหัว ไล่มาถึงบริเวณใต้คอหยัก และพอเริ่มกลืนลงมาถึงบริเวณกลางๆ ลำโคน สาวเจ้าก็พลันหยุดชะงักไป เพราะความอึดอัดคับแน่นที่คืบคลานเข้ามาเต็มโพรงปาก จนเธอไม่สามารถกลืนมันเข้าไปได้อีก
“อือ... อออออ อืม... อือ... ออออ” พิณส่งเสียงครางอู้อี้ที่ฟังไม่เป็นภาษาอยู่ในลำคอ คล้ายตั้งใจจะพูดอะไรสักอย่าง
“อ่า... ดีจังครับคุณพิณ ซี้ดส์...” โมที่ฟังไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไร เลยตัดสินใจเอื้อมมือไปลูบหัว และเอ่ยปากชมเธอแทน
ไม่รู้ว่าคำชมของเขามันได้ผลหรือไม่ เพราะมันทำให้พิณเริ่มออกแรงห่อปากและตวัดลิ้นโลมเลียไปรอบๆ ส่วนหัวเห็ด สร้างความเสียวซ่านให้แก่เขามากกว่าเดิม จากนั้นหญิงสาวก็เริ่มที่จะออกแรงผงกหัวโก่งคอขึ้นลงอย่างช้าๆ เธอถอนริมฝีปากออกมาจนส่วนหัวเห็ดหมิ่นเหม่ที่จะดีดหลุดออก ทว่าในจังหวะสุดท้าย หญิงสาวก็รีบเกร็งคอและอ้าปากรูดกลืนมันกลับเข้าไปใหม่ อมเข้าไปได้ไม่ลึกกว่าเดิมเท่าไรนัก ทำแบบนี้ซ้ำๆ จากจังหวะที่เนิบช้า ก่อนจะเพิ่มความเร็วมากขึ้น เร็วขึ้น... และลึกขึ้น... กระชากเสียงครางสยิวให้ดังลอดออกมาจากลำคอของชายหนุ่ม
“ซี้ดส์... สสสส อูย... ยยยย คุณพิณ... หายเหนื่อยรึยังครับ?” โมตัดสินใจชะลอความเสียวที่เกิดขึ้น ด้วยการเอื้อมมือไปประคองดันที่ศีรษะของเธอให้ผ่อนหยุดการเคลื่อนไหวลงชั่วคราว เมื่อไม่สามารถผงกหัวได้ต่อ สุดท้ายสาวสวยจึงจำต้องยอมถอนริมฝีปากออก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นจ้องเขาตาแป๋ว
“คะ?” พิณขานรับด้วยความสงสัย ว่าเขาจะหยุดเธอทำไม
“ผมกลัวเวลาไม่พอ ขอเริ่มทำเลยได้มั้ยครับ ถ้าคุณพิณอาการดีขึ้นแล้ว” โมอ้างซื่อๆ กลัวว่าถ้าขืนปล่อยให้เธอแสดงลีลาต่อไปเรื่อยๆ มีหวังเขาได้เผลอเสร็จคาปากเธอแน่ นอกจากจะดูเสียฟอร์ม แล้วยังจะต้องมาเสียเวลาปลุกอารมณ์กันใหม่
“ตามใจคุณโมเลยค่ะ จริงๆ พิณก็พร้อมแล้วล่ะ” พิณพยักหน้าตอบรับ เบาๆ และขยับถอนกายออกห่างจากหว่างขาของเขา
“โอเคครับ ถ้างั้นผมขอหยิบถุงยางแป๊บนึง” เขาเอ่ย ก่อนจะลุกเดินไปหยิบเอาถุงยางที่เตรียมไว้ออกมาสวมใส่ให้อาวุธของตนเอง เสร็จแล้วเขาจึงปีนกลับมานั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ ร่างเธออีกครั้ง
“ปล่อยตัวสบายๆ นะครับ” โมกล่าว ขณะใช้มือประคองร่างเธอให้เอนราบลงไปกับที่นอน แล้วตนเองก็ตามเข้าไปนั่งคุกเข่าแรกกายอยู่ที่กลางหว่างขาของหญิงสาว ใช้เข่าดันแบะหน้าขาเธอให้ถ่างออก ส่วนมือก็คอยประคองอาวุธจ่อไปที่ปากทางเข้าอันฉ่ำเยิ้ม แล้วกระดกเอวกดถูไถไปตามรอยแยกบนปากรู ได้ยินเสียงเธอครางซี้ดออกมาเบาๆ เขาออกแรงถูจนมั่นใจว่าส่วนปลายหัวนั้นถูกเคลือบเยิ้มและลื่นพอแล้ว จึงบรรจงใช้นิ้วมือแบะถ่างกลีบเนื้อสาวให้เปิดอ้าออก แล้วจรดปลายหัวเห็ดทิ่มเข้าไปที่หน้าอุโมงค์ถ้ำ พร้อมกับออกแรงแดะเอวเบาๆ ไม่ช้าดุ้นเนื้อยักษ์ก็ค่อยๆ ปักมุดหายเข้าไปในกายเธอ
“อุ๊! อือ... ออออออ” พิณหลับตาปี๋ ส่งเสียงครางยาวๆ ในลำคอ ใบหน้าพลันแปรเปลี่ยนไปเป็นความบิดเบี้ยวเหยเก ร่างบอบบางนั้นเกร็งขมิบต้านรับการรุกรานของสิ่งแปลกปลอมโดยอัตโนมัติ สองมือจิกขยุ้มลงมาบนไหล่ทั้งสองข้างของชายหนุ่ม ซึ่งกำลังโถมทาบทับลงมาบนตัวเธอ การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งของเขาทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าร่างกายมันกำลังค่อยๆ ปริแยกออกจากกันอย่างช้าๆ บางอย่างที่ทั้ง ‘ใหญ่’ และ ‘ยาว’ มันกำลังคืบคลาน มุดคว้าน ทะลวงเข้ามากองแน่นอยู่เต็มโพรงเนื้อ จนหญิงสาวจะร้องก็ร้องไม่ออก ได้แต่ส่ายสะบัดใบหน้า อ้าปากค้างอย่างไร้สุ้มเสียง
ชายหนุ่มที่เห็นอาการทรมานหญิงสาวอย่างแจ่มชัด จึงเอื้อมมือไปลูบปอยผมที่ปรกลงมาบนหน้าผากเธอออกด้วยท่าทีทะนุถนอม และใช้มือข้างเดิมนั้นลูบไล้ไปที่พวงแก้มของเธอเบาๆ สัมผัสดังกล่าวทำให้หญิงสาวต้องพยายามปรือตาขึ้นมาจ้องมองมันด้วยความสนใจ และพลอยทำให้เธอได้มีโอกาสเห็นถึงรอยยิ้มอ่อนโยนที่เขาส่งไปให้ มันเป็นรอยยิ้มที่ผสมปนเปทั้งความเอ็นดู ความทะเล้น และความอบอุ่น จนทำให้หัวใจของสาวสวยเผลอกระตุกวาบขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ทั้งที่เขาและเธอพึ่งเคยเจอหน้ากันเป็นวันแรกด้วยซ้ำ
“ทนหน่อยนะครับ เกือบสุดแล้ว อีกนิดเดียว เดี๋ยวก็ดีแล้ว” โมเอ่ยอย่างสุภาพ แต่มันกลับทำให้สาวสวยบังเกิดอาการเคอะเขินขึ้นมาชอบกล ทั้งๆ ที่เธอก็อายุมากกว่าเขาแท้ๆ และเชื่อว่าตนเองก็ผ่านประสบการณ์กับเรื่องพวกนี้มาอย่างช่ำชองและโชกโชนไม่แพ้ใคร ทว่าเมื่อได้เจอกับรสสัมผัสที่เขากำลังป้อนให้ มันกลับทำให้เธอถึงขั้นเสียอาการ ทำอะไรไม่ถูก ราวกับว่าตนนั้นย้อนกลับไปเป็นเพียงสาวแรกรุ่นที่อ่อนหัดประสบการณ์เกมรักเสียอย่างนั้น
“เบาๆ ก่อนนะคะ... พิณจุก ของคุณโมอัดเข้ามาถึงมดลูกแน่ะ” พิณร้องตอบเสียงอ่อย สองมือที่เคยจิกขยุ้มอยู่บนไหล่ของเขา ตอนนี้เปลี่ยนมาประคองโอบที่รอบๆ ลำคอชายหนุ่ม พร้อมออกแรงดึงเขาลงมาจูบปาก
ลิ้นของเธอและเขาเกี่ยวกระหวัดพัวพันกันอย่างโหยหิว รสจูบอันเร่าร้อนทำให้พิณหยุดคิดถึงอาการจุกเสียดตึงแน่นที่กำลังตอกทิ่มเข้ามาในร่างเธอลงได้ชั่วคราว ยิ่งเขาตอกเข้ามาลึกมากเท่าไร สาวสวยก็จะยิ่งออกแรงบดปากและตวัดลิ้นหนักหน่วงมากขึ้นเท่านั้น คล้ายเป็นการระบายความเสียวซ่านส่งคืนกลับไปหาเขาผ่านทางรอยจูบ และหลังจากใช้ความพยายามอยู่พักใหญ่ ในที่สุดชายหนุ่มก็สามารถสอดใส่อาวุธเข้ามาในตัวเธอได้แบบเต็มลำ พร้อมๆ กับที่ร่างกายของหญิงสาวเองก็เริ่มจะปรับสภาพ และคุ้นชินกับขนาดอาวุธอันใหญ่โตของเขาได้มากขึ้น อาการเจ็บปวดเริ่มคลี่คลายลดลง ขณะที่ความเสียวสยิวกลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
โมใช้เวลาตั้งหลักไม่นาน ก็เริ่มขยับเอว สาวอาวุธออกมาอย่างช้าๆ ด้วยระยะที่ไม่ถึงกับยาวมาก แต่เพียงพอที่จะมอบความหวาดเสียวให้แก่หญิงสาว ผู้ซึ่งกำลังนอนหลับตาปี๋ตัวเกร็งอยู่ด้านล่าง จากนั้นเขาก็เกร็งบั้นเด้า กัดฟันแทงมันกลับเข้าไปทีเดียวแบบสุดลำ จนปลายหัวบานพุ่งกระทบชนเข้ากับผนังถ้ำด้านในเสียงดัง ปึ้ก! ทำเอาสาวสวยถึงกับตัวกระตุกเฮือก ปลายเล็บจิกลงมาบนลำคอของเขาแรงๆ อย่างลืมตัวลืมใจ
“โอ๊ย... ซี้ดส์... สสสส อาห์... น... แน่นจัง พิณจุกไปถึงท้องน้อยแน่ะ อู๊ย... ยยยย” พิณระบายความรู้สึกออกมาด้วยใบหน้าที่เปียกชุ่มเหงื่อ ในขณะที่ชายหนุ่มพยายามถอนอาวุธแทงเข้าออกย้ำๆ ใส่ตัวเธอเป็นครั้งที่สองและสาม สีหน้าที่เคยเคร่งขรึมบัดนี้แปรเปลี่ยนไปเป็นอาการบิดเบี้ยวเหยเก เพราะความเสียวที่กำลังสอดใส่เข้ามาในร่าง
“เริ่มเสียวแล้วใช่มั้ยครับ? ของคุณพิณตอดไม่หยุดเลย” โมจงใจพูดยั่วเย้า โดยหลีกเลี่ยงไม่ใช้ถ้อยคำหยาบโลนตรงๆ เพราะเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่ารสนิยมทางเพศของอีกฝ่ายลึกๆ แล้วเป็นแบบไหน ถ้าเกิดว่าเธอไม่ชอบฟังถ้อยคำหยาบคาย ประเดี๋ยวมันอาจจะกลายเป็นผลเสียที่ย้อนมาทิ่มแทงตัวเขาในภายหลังก็เป็นได้
“ค่ะ... ของคุณโมใหญ่ ขยับไปทางไหนก็โดนจุดเสียวของพิณตลอดเลย อือ... ออออ อู๊ย ซี้ดส์... สสสส ดีจัง... พิณชอบ...” พิณร้องบอกเสียงสั่น เนื้อกายเธอบิดดิ้นเร่าๆ อยู่ภายใต้อ้อมกอดเขา สองขาถ่างอ้าออกกว้าง เพื่อช่วยให้ชายหนุ่มสามารถกดสอดใส่อาวุธเข้ามาได้แบบถนัดถนี่ยิ่งกว่าเดิม
“ถ้าคุณพิณชอบ ผมจะทำให้เสียวยิ่งกว่านี้อีก คอยดู” โมประกาศกร้าวอย่างมั่นใจ จากที่เพียงออกแรงซอยแค่เบาๆ เนิบๆ ถึงจุดนี้ชายหนุ่มก็เริ่มเร่งสปีดและเพิ่มน้ำหนักในการอัดกระทุ้งดุ้นเนื้อให้หนักหน่วงขึ้น ความรุนแรงของมันยังผลให้กลีบเนื้อที่คอยทำหน้าที่ห่อหุ้มปกปิดทางเข้า ถึงกับบิดปลิ้นยู่ยี่ไม่เป็นทรง
โมจัดการรัวอาวุธตอกใส่ร่างพิณอย่างเมามัน ท่วงท่านี้ทำให้เขาได้เห็นภาพเต้าเนื้อกลมกลึงที่แกว่งเด้งไปมาเพราะแรงกระแทก ตลอดจนถึงใบหน้าสวยหวานสไตล์นางเอกเกาหลี ที่กำลังบิดเบี้ยวเหยเก ดวงตาทั้งสองข้างหลับปี๋ คิ้วขมวดย่น พร้อมกัดเม้มริมฝีปากแน่น พยายามที่จะข่มกลั้นเสียงครางของตนเอาไว้แบบสุดชีวิต ซึ่งสุดท้ายแล้วเธอก็ทำไม่สำเร็จ และจำต้องยอมเปล่งเสียงร้องโหยหวนออกมาดังๆ อย่างสาใจในที่สุด
“อ๋า... ซี้ดส์... สสสส อ๋า... อู๊ย พิณ... อุ๊ อู๊ย... ยยยย พิณเสียว... วววววว อือ... ออออออ” พิณละล่ำละลักร้องครวญครางไม่เป็นคำ สองมือเธอจิกขยุ้มลงไปบนผ้าปูที่นอนเพื่อระบายความเสียวซ่านที่ถูกส่งผ่านมาจากหว่างขา รสชาติความเป็นชายที่ใหญ่โตถึงอกถึงใจมันทำให้หญิงสาวแทบอยากจะร้องกรี๊ดออกมาแบบสุดเสียงให้มันสาแก่ใจไปเลย ติดแค่ว่าเธอยังรู้สึกกระดากเขินที่จะแสดงความรู้สึกลึกๆ ออกมาให้เด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าที่พึ่งจะเคยพบหน้ากันได้เห็น ขืนยอมแพ้ปล่อยตัวปล่อยใจไปตั้งแต่แรก อีกฝ่ายคงเกิดอาการได้ใจจนออกนอกหน้าแน่ๆ เมื่อคิดดังนี้แล้วหญิงสาวจึงต้องรีบขบเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อไม่ให้มีเสียงครางดังลอดออกมา ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แล้วแต่จังหวะความเสียวแต่ละดอกที่ตอกเข้ามาในตัวเธอด้วยความรุนแรงที่ไม่เท่ากัน
พอเล่นท่าเบสิกจนหนำใจแล้ว โมจึงประคองร่างสาวสวยให้พลิกเปลี่ยนเป็นนอนตะแคงหันข้าง ใช้มือช้อนน่องขาเธอข้างหนึ่งยกค้างไว้กลางอากาศ แล้วก็ก้มหน้าก้มตาตะบันท่อนเนื้อยักษ์ทิ่มใส่รูสวาทของเธออีกครั้ง ด้วยความเร็วที่รุนแรงมากพอจะทำให้ร่างงามนั้นกระเด้งกระดอนไปมาอย่างไร้ทิศทาง จนสาวเจ้าทั้งร้องทั้งคราง เรือนร่างกระตุกสั่นด้วยความกระสันสุดขีด เพราะท่านี้ทำให้อาวุธของเขามันทิ่มเข้าไปได้ลึกกว่าเดิมเสียอีก มันลึกเสียจนเธอรู้สึกจุกเสียดทรมานราวกับว่าร่างกายกำลังจะฉีกขาดออกจากกัน หญิงสาวต้องเก็บกลั้นอาการสั่นสะท้านไว้แบบสุดความสามารถ ด้วยไม่นึกไม่ฝัน และไม่ทันได้เตรียมใจว่าคืนนี้ตนเองจะต้องมาพบเจอกับความหฤหรรษ์อันยากจะรับมือได้เช่นนี้
“อู๊ย... ยยย ท่านี้ยิ่งตอดยิกๆ เลยคร้าบคุณพิณ เชื่อแล้วว่าเสียวจริง” โมเอียงหน้าไปกระซิบปลุกเร้าอารมณ์ที่ข้างหูเธอ ก่อนจะใช้ฟันขบงับลงไปเบาๆ ที่ติ่งหู พร้อมกับเกร็งสะโพกกดแทงอาวุธเข้าออกแบบยาวๆ เข้าสุด ออกสุด จนโพรงเนื้อในกายหญิงสาวออกอาการเกร็งขมิบยวบๆ อย่างรุนแรงและถี่กระชั้น ทว่ากลับไม่มีเสียงครางโหยหวนดังออกมาจากปากของหญิงสาว เพราะเธอตัดสินใจฟุบหน้าลงไปกับที่นอน และใช้ฟันขบงับลงไปบนเบาะเพื่อช่วยข่มกลั้นเสียงครางของตัวเองเอาไว้ หลงเหลือเพียงเสียงคราง ‘อือ’ ยาวๆ ในลำคอ ที่เป็นหลักฐานบ่งบอกว่าหญิงสาวยังคงซาบซ่านไปกับรสเสียวที่เขามอบให้อย่างต่อเนื่อง
เมื่ออารมณ์หื่นไต่ขึ้นสูงได้ที่แล้ว ชายหนุ่มก็ตัดสินใจเตรียมตัวเผด็จศึก เขาใช้สองมือที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง รวบร่างเธอให้ขยับมานอนคุกเข่าคุดคู้ ดันสะโพกเธอให้ยกแอ่นสูงขึ้น มองเห็นสภาพร่องเนื้อที่เปียกเยิ้ม และบานอ้ากลวง แทบไม่หลงเหลือสภาพเค้าเดิมก่อนที่มันจะถูกอาวุธของเขากระทุ้งทำลายจนย่อยยับ พอได้ตำแหน่งเหมาะเจาะแล้ว ชายหนุ่มก็ประคองอาวุธจ่อแทงกดเข้าไปด้านในอีกครั้ง ร่างบอบบางของหญิงสาวออกอาการสั่นสยิว พยายามจะกระเถิบตัวหนีไปด้านหน้า แต่โดนมือซ้ายอันทรงพลังของชายหนุ่มเอื้อมมารั้งเอวไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้ เธอจึงทำได้เพียงแค่นอนกัดฟันเกร็งร่าง คอยรับความจุกเสียดที่คืบคลานกลับเข้ามาในตัวอีกครั้ง
“มันมั้ยครับคุณพิณ? กระแทกแรงๆ แบบนี้ มันดีใช่มั้ย?” โมออกแรงกระทุ้งก้นพิณด้วยท่าถนัด มือทั้งสองข้างของเขาเอื้อมไปคลึงเคล้าเล่นกับเต้านมและจุกถันอันเชิดงอนของเธออย่างคล่องแคล่ว จนสาวสวยอารมณ์กระเจิดกระเจิง ส่ายสะบัดใบหน้า แหกปากร้องครวญครางโอดโอยออกมาอย่างหมดสภาพ ไอ้ที่พยายามเก็บกลั้นอาการมาตลอด ก็มาพังทลายลงเอาตอนนี้เอง เพราะนี่ก็เป็นท่าที่เธอชื่นชอบที่สุดเช่นเดียวกัน หญิงสาวจึงทั้งแอ่นเด้งก้น ทั้งเกร็งขมิบรูเสียวสู้กับอาวุธร้ายของเขารัวๆ อย่างถึงอกถึงใจ ในแบบที่ว่าต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมกัน ฝ่ายชายก็กระแทก ฝ่ายหญิงก็กระเด้งก้นรับ เสียงเนื้อตีกันดังสนั่นลั่นห้อง ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ!!
“โอ๊ย... ยยยย ซี้ดส์... อาห์... มะ... ไม่อยากเชื่อเลย พิณว่า... พิณจะเสร็จอีกแล้ว อู๊ย... ยยยยย ทำไมมันเสียวแบบนี้นะ แรงๆ เลยค่ะ แรงๆ!” พิณละล่ำละลักเสียงสั่น ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก คิ้วทั้งสองข้างขมวดย่นแทบชนกัน บ่งบอกว่าอารมณ์ใคร่ของสาวสวยกำลังไต่ระดับสูงขึ้นจนจวนเจียนจะถึงฝั่งฝันอยู่รอมร่อ
“เอาเลยครับ ปล่อยมาเลย ปล่อยมันออกมา ดีมั้ย เวลาผมแทงลึกๆ แบบนี้?” โมพูดเร่งเร้าอารมณ์เธอ และเร่งความเร็วในการกระเด้าจนเสียงเนื้อหวดกระทบกันเร็วระรัวราวกับปืนกลชุด ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ!! แข่งกับเสียงครวญครางโหยหวนอันทุ้มต่ำของผู้บริหารสาวที่ร้องลั่นไม่ขาดปาก
“อ๋า... สสส... ซี้ดส์ อ๋า! โอ๊ย ดีค่ะ! แรงๆ เลย แทงลึกๆ... อย่างนั้นแหละ... อาห์... สสส... ซี้ดส์ อาห์! อู๊ย คุณโม... พิณ... พิณจะไม่ไหวแล้ว อ๊ะ!... อ๊ะ!... อ๊าย!! ซี้ดส์... สสสส!!!! ออก... ออกแล้ว... ววววว!!!” พิณสะท้านเฮือก แอ่นเชิดหน้าขึ้นมาแหกปากร้องครางดังๆ เนื้อตัวเกร็งขมวดยวบๆ เมื่อถูกความเสียวไล่ต้อนจนเธอจำต้องทะยานเข้าเส้นชัยเป็นครั้งที่สาม หยาดน้ำสวาทแตกราดรดลงมาบนตอเนื้อที่กำลังแทงเข้าแทงออกไม่หยุดหย่อน แม้ว่าเธอจะถึงฝั่งฝันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ความเสียวซ่านที่มากล้นมันทำให้ผู้บริหารสาวต้องเปล่งเสียงร้องครางออกมาดังลั่นห้องอย่างไม่เกรงใจใครๆ อีกต่อไป
โมฉวยโอกาสนั้นจ้องมองดูภาพร่างงามที่กำลังบิดกระตุกเฮือกๆ ด้วยแววตาพึงพอใจ นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่เธอถูกเขาพาทัวร์ขึ้นสวรรค์ในค่ำคืนนี้ ซึ่งมันคือจำนวนขั้นต่ำที่ชายหนุ่มตั้งใจไว้ในเบื้องต้น ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไง... เขาก็ต้องทำให้เธอเสร็จกิจไม่น้อยกว่าสามครั้งให้ได้ และเมื่อทำได้ถึงตามเป้าหมายแล้ว ความกดดันที่แบกไว้ในใจก็พลอยผ่อนคลายลง แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะผ่อนคันเร่งลงแต่อย่างใด ตรงกันข้าม เขากับยิ่งออกแรงบีบขยำทรวงเต้าทั้งสองข้างจนมันบุบบู้บี้ พร้อมเร่งโขยกสะโพก อัดดุ้นเนื้อใส่รูสวาทที่กำลังเปียกชุ่ม ด้วยจังหวะการสาวที่ทั้งหนักหน่วงและลึกยาว
“อู๊ย... ยยยยย คุณโม... เบาเบ๊า! พิณ... พิณใจจะขาดแล้ว อ๊าย ซี้ดส์... สสสสส มันเสียว... ววววววว” พิณแทบจะร้องกรี๊ดออกมา เพราะร่างกายเธอมันเดินทางมาถึงขีดสุดที่จะรับไหวแล้ว เมื่อโดนชายหนุ่มตะบี้ตะบันแทงใส่ต่อเนื่องแบบไม่หยุดหย่อน อารมณ์ที่กำลังพีคอยู่แล้ว ก็คล้ายถูกบังคับให้เกิดการระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนปริ่มๆ จะกลายเป็นการถึงจุดสุดยอดติดต่อกันอีกครั้ง
“อู้ว... ววววว ทนหน่อยครับ ผมก็จะไม่ไหวแล้ว... ซี้ดส์... สสสส เล่นตอดกันแบบนี้ อุ๊! ผมก็... แตก... แตกแล้วคร้าบ!!!” โมคำรามดังๆ ด้วยความสะใจ ก่อนจะเร่งเครื่องอัดตะบันอาวุธทะลวงร่างเธอแบบถี่ยิบๆๆ เสียงเนื้อกระทบแก้มก้นดังสนั่นลั่นห้อง ผสานไปกับเสียงครางโหยหวนของหญิงสาวที่ถูกลากให้ขึ้นสวรรค์ซ้ำๆ แบบติดต่อกันโดยไม่ทันตั้งตัว เป็นครั้งที่สี่!!!
ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงอาการตอดรัดอันรุนแรงและหนักหน่วงของโพรงเนื้อ แรงบีบรัดที่เกิดขึ้นนั้นราวกับว่ามันต้องการจะรีดเอาน้ำเชื้อของเขาออกมาให้หมดไม่เหลือแม้เพียงสักหยด ยิ่งร่างกายเธอบีบรัดแรงเท่าไร อาวุธของเขาก็ยิ่งเกร็งกระตุกและสาดกระสุนที่เหลืออยู่ติดตัวออกไปด้วยความรุนแรงมากเท่านั้น แต่ก็น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วกระสุนที่ถูกกราดออกมาทั้งหมดนั้น มันจะไหลไปกองล้นปรี่อยู่เต็มก้นถุงยางที่เขาสวมอยู่ เป็นสัญญาณปิดฉากเกมรักในยกแรกแบบไม่เป็นทางการ
ร่างเพรียวบางของพิณทรุดฮวบลงไปนอนคว่ำกับเตียงนอนอย่างหมดสภาพ ไม่หลงเหลือเรี่ยวแรงใดๆ ติดตัวอีก แค่จะปรือตาขึ้นมามองดูภาพรอบๆ ก็ยังทำได้ไม่ไหว เรือนร่างที่เปียกชุ่มเหงื่อนั้นยังออกอาการสั่นกระตุกเบาๆ ไม่หยุดหย่อน โดยมีร่างใหญ่หนาของชายหนุ่มที่ยังคงนอนประกบทาบทับอยู่บนแผ่นหลังเธอ อาวุธที่เริ่มจะอ่อนตัวลงของเขายังคงเสียบคาอยู่ภายในร่องเนื้ออันบอบช้ำของเธอเหมือนเดิม หยาดเหงื่อบนร่างของชายหนุ่มค่อยๆ ไหลหยดย้อยลงมาประสานพร่างพราวกับหยาดน้ำบนผิวกายของหญิงสาวเบื้องล่าง ก่อนที่มันจะไหลย้อยลงไปอาบชุ่มบนผ้าปูที่นอน
“แบบนี้... ผมพอจะสอบผ่านมั้ยครับ?” โมขยับพลิกกายออกมา แล้วกระซิบถามข้างหูพิณ ฝ่ายหญิงสาวต้องใช้เวลาหอบหายใจรวบรวมพละกำลังอยู่ครู่ใหญ่ๆ กว่าที่เธอจะสามารถเอียงศีรษะหันมาตอบเขาได้
“คุณโม... สอบผ่านค่ะ... แฮ่ก... แฮ่ก... ไม่เคยมีใคร... ทำให้พิณเสร็จติดๆ กันได้ขนาดนี้มาก่อน หัวใจจะวาย เฮ้อ...” พิณตอบเสียงสั่นเครือ หน้าอกหน้าใจสั่นกระเพื่อมถี่ๆ เพราะความเหนื่อยที่ยังคงเกาะกุมอยู่บนร่าง ‘เสียวจนใจจะขาด’ เป็นคำเดียวที่เธอสามารถแปะป้ายให้ประสบการณ์รักที่พึ่งจบลงไปแบบหมาดๆ กับชายแปลกหน้าคนนี้ได้
“ดีใจที่คุณพิณชอบครับ แล้วปกติต้องเทสต์ฝีมือแบบนี้ทุกคนเลยรึเปล่าครับ?” โมเอ่ยถาม รู้สึกโล่งใจที่ผลการทดสอบออกมาดีสมกับที่ตั้งใจเตรียมตัวมา
“ก็ทุกคนนะคะ แต่ปกติแล้ว เราจะให้พนักงานของเราเองเป็นคนทดสอบ อย่างเคสของคุณโม ถือเป็นกรณีพิเศษที่ไหมเค้าฝากฝังมา พิณก็เลยอยากมาทดสอบดูด้วยตนเอง ว่าจะพิเศษอย่างที่ไหมเค้าบอกมั้ย” พิณอธิบาย พร้อมกับปั้นหน้าอมยิ้มอย่างมีเลศนัย ซึ่งชายหนุ่มเองก็พอจะคาดเดาความหมายที่เธอพูดได้ไม่ยาก
“แบบนี้นี่เอง ก็ว่าอยู่ ไม่งั้นคุณพิณคงเหนื่อยแย่ แหม... เสียดายจัง จะครบชั่วโมงแล้ว ถ้ายังมีเวลาเหลือ ผมกะว่าจะทำให้คุณพิณมีความสุขมากกว่านี้อีกนะเนี่ย” โมพูดและอมยิ้มบ้าง คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวถึงกับเบิกตากว้างเมื่อได้ยิน นี่เขาพึ่งทำเธอเสร็จกิจไปหมาดๆ ยังจะมีแรงทำต่อได้ทันทีอีกหรือนี่
“เอ๊ะ? คุณโมยังทำต่อได้อีกเหรอ? ไม่เหนื่อยเหรอคะ? เท่านี้พิณก็จะแย่อยู่แล้วนะ” พิณโอดครวญ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกตื่นเต้นระคนสงสัยใคร่รู้ ว่าเขายังจะสามารถปลุกเร้าอารมณ์เธอได้มากกว่านี้จริงๆ หรือเปล่า
“ได้สิครับ แค่ขอพักซักสิบนาทีก็น่าจะไหวอยู่ สนใจมั้ยครับ?” เขาออกปากชวน พร้อมกับเอื้อมมือไปลูบไล้สะโพกและบั้นท้ายของเธอด้วยความหลงใหล รู้ดีว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสได้ร่วมรักกับผู้บริหารสูงสุดของเดอะคลับ ดังนั้นจึงตั้งใจจะฝากลีลารักเอาไว้ให้เธอแบบตราตรึงที่สุดเท่าที่จะทำได้ หญิงสาวได้ฟังแล้วก็นิ่งเงียบไปชั่วครู่เหมือนกำลังตรึกตรองใจ ก่อนที่สุดท้ายแล้วเธอจะพยักหน้าเบาๆ แทนการตอบรับ
“ก็ได้ค่ะ เข้าเลทนิดหน่อยคงไม่เป็นไร ลูกน้องพิณเก่งอยู่แล้ว” พิณขานรับก่อนจะอมยิ้มออกมา
และนั่นคือรอยยิ้มสุดท้ายที่หญิงสาวแสดงออกมาในห้องนี้...
ช่วงเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นจึงมีแต่เสียงครวญคราง ดังสลับกับเสียงของผิวเนื้อที่หวดกระทบกันของชายหนุ่มและหญิงสาว เริ่มต้นจากห้องนอน ต่อไปที่ห้องน้ำ ก่อนจะวกกลับมาที่ห้องนอนอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างงัดลีลาทุกอย่างที่ตนเองมีออกมาประเคนใส่กันแบบไม่มีใครยอมใคร บางจังหวะชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายควบคุมเกมอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และบางช่วงบางตอนก็เป็นฝั่งของหญิงสาวที่ขึ้นขย่มควบขี่กุมบังเหียนด้วยตนเอง ก่อนที่เกมรักในยกที่สองนี้จะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ยับเยินของผู้บริหารสาวอีกครั้ง
พิณได้แต่นอนตาลอย อ้าปากพะงาบๆ หอบหายใจถี่ ทรวงอกสั่นกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุดอย่างเหนื่อยอ่อน เนื้อตัวที่เคยขาวโพลนนั้นอาบเคลือบไปด้วยหยาดเหงื่อ และรอยแดงช้ำจากการบีบ ขย้ำ สัมผัส ตรงหว่างขาเธอเต็มไปด้วยคราบน้ำกามของตนที่เปียกโชกจนกลายเป็นแห้งเกรอะกรัง กลีบเนื้อสาวบิดปลิ้นผิดรูป มองลึกเข้าไปเห็นถึงเนื้ออ่อนสีแดงสดด้านใน ทิ้งไว้ซึ่งอาการปวดร้าวระบมในช่องเนื้อจนแทบหุบแข้งขาไม่ได้ ความรู้สึกมันเหมอนยังมีอะไรเสียบปักคาอยู่ภายในร่างกาย ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายได้ถอนอาวุธออกไปจากร่างเธอตั้งนานนมแล้ว
กระทั่งชายหนุ่มแต่งตัวเดินออกจากห้องพักไปแล้ว หญิงสาวก็ยังไม่สามารถประคองร่างกายตนเองให้ลุกขึ้นจากเตียงได้เลย สิ่งสุดท้ายที่วาบเข้ามาในห้วงความคิดของพิณก่อนที่เธอจะเผลอม่อยหลับไปก็คือ... เธอพึ่งจะได้ต้อนรับสินค้าชั้นเลิศเข้ามาอยู่ในการครอบครองเพิ่มอีกหนึ่งชิ้นแล้ว...
=======================================
ใช้เวลาลงทะเบียนเพียงวันเดียว โมก็ได้รับอีเมล์แจ้งเตือนจากระบบว่าบัญชีพาร์ทเนอร์ของเขากับคลับได้ถูกสร้างขึ้นแล้ว โดยในตัวเนื้อหาอีเมล์นั้นยังแนบลิงก์สำหรับดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นฝังมาให้เขาด้วย หลังจากชายหนุ่มลองติดตั้งและล็อกอินเข้าไปดู สิ่งแรกที่เขาตระหนักก็คือความยุ่งยากและซับซ้อนของตัวแอพ
เพราะแต่ละครั้งที่เขาจะเปิดเข้าใช้งาน ก็จำเป็นจะต้องกรอกรหัส 2 Factor Authentication ที่ผูกไว้กับเบอร์มือถือของเขาทุกครั้ง ตามด้วยการล็อกอินสแกนลายนิ้วมือซ้ำเป็นด่านที่สอง และถ้าเผลอกดปิดหน้าจอแอพไปเมื่อไร เวลาจะเปิดหน้าแอพกลับคืนมา ก็ยังจำเป็นจะต้องสแกนลายนิ้วมือเข้าใหม่เสมอ พูดง่ายๆ ว่าค่อนข้างปลอดภัยแน่นหนาสำหรับความเป็นส่วนตัว แต่ขณะเดียวกันก็แอบสร้างความรำคาญใจให้กับผู้ใช้งานอยู่พอสมควร
ส่วนการใช้งานภายในแอพนั้นก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย ไม่ต่างอะไรจากการเปิดใช้งานแอพพลิเคชั่น Grab สำหรับเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ คือมีฝ่ายลูกค้าที่เป็นคนตั้งรีเควสต์ใช้บริการ กับฝ่ายพาร์ทเนอร์ ที่เป็นผู้เลือกรับออเดอร์นั้นๆ สิ่งที่แตกต่างจากแอพดังกล่าวก็คือ ทางฝั่งของพาร์ทเนอร์เองจะไม่สามารถรับรู้ถึงตัวตนของลูกค้าเจ้าของออเดอร์ได้เลยว่าเป็นใคร อายุเท่าไร แต่สามารถพิจารณาการเลือกรับงาน ได้จากรายละเอียดต่างๆ ที่ระบุอยู่ในออเดอร์ เช่นเพศของลูกค้า รูปแบบการให้บริการที่ต้องการ จำนวนสินค้าที่ต้องการ และระยะเวลาที่จองไว้ เป็นต้น
ซึ่งฝ่ายของลูกค้าเองก็จะไม่สามารถรับรู้ข้อมูลของพาร์ทเนอร์ผู้ให้บริการเช่นเดียวกัน แต่สามารถระบุความต้องการหรือสเป็กของสินค้า ผ่านการคัดกรองใน Filter ซึ่งทางพนักงานของคลับจะเป็นผู้ประเมินไว้ให้ตั้งแต่ต้นว่าพาร์ทเนอร์คนไหนผ่านเกณฑ์คัดกรองประเภทใดบ้าง ซึ่งถ้าเงื่อนไขตรงกับออเดอร์ที่จองเข้ามา ตัวระบบก็จะมีการแจ้งเตือนเข้าไปในบัญชีของพาร์ทเนอร์คนนั้นๆ โดยอัตโนมัติทันที และพาร์ทเนอร์คนไหนที่ขยับทำผลงานบ่อยๆ ก็จะยิ่งได้รับเครดิตคะแนนสะสมในระบบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้มีโอกาสได้รับการป้อนตัวเลือกออเดอร์งานที่หลากหลายขึ้นกว่าเดิม
พอติดตั้งแอพพลิเคชั่นเรียบร้อย สิ่งที่เขาต้องทำต่อจากนั้นก็คือการเข้าไปฟังอบรมแนวทางการปฏิบัติตัว หรือที่เรียกกันว่าการปฐมนิเทศน์พาร์ทเนอร์รายใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฎระเบียบต่างๆ ภายในเดอะคลับ ข้อปฏิบัติที่จำเป็นต้องทำ และห้ามทำกับลูกค้าโดยเด็ดขาด รวมไปถึงเรื่องเงื่อนไขและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่พาร์ทเนอร์แต่ละรายจะได้รับแตกต่างกัน ซึ่งการอบรมนั้นกินเวลายาวนานเกือบหนึ่งวันเต็มๆ เมื่ออบรมเสร็จสิ้นแล้วก็ถือว่าเขาได้กลายเป็นพาร์ทเนอร์คนนึงของเดอะคลับแบบเต็มตัวแล้ว เพียงเท่านี้ก็ถือว่าเขาได้ก้าวเท้าเข้ามายืนอยู่บนโลกพิสดารใบเดียวกันกับที่ไอซ์และคนอื่นๆ ยืนอยู่แล้ว...
แต่แม้จะลงทะเบียนเป็นพาร์ทเนอร์อย่างเป็นทางการมาได้เกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว ตัวของโมก็ยังคงออกอาการลังเล และไม่กล้าพอที่จะกดรับงานแบบจริงๆ จังๆ แม้ว่าจะมีออเดอร์เด้งเตือนเข้ามาในบัญชีของเขานับสิบออเดอร์ ถึงจะผ่านประสบการณ์ทางเพศมาแบบโชกโชน แต่ลึกๆ แล้วชายหนุ่มเองก็ยังถูกครอบไว้ด้วยพื้นฐานจารีตประเพณีที่สังคมตีกรอบเอาไว้อย่างแน่นหนา การที่อยู่ดีๆ คนปกติแบบเขาจะไป ‘ขายตัว’ แลกเงินอย่างเป็นเรื่องเป็นราว มันก็ทำให้ชายหนุ่มต้องย้อนกลับมาตั้งหลักทบทวนตัวเองอยู่หลายต่อหลายวัน จนเมื่อนึกไม่ออกว่าเขาควรจะเดินหน้ายังไงต่อ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจหวนกลับไปปรึกษากับใครบางคนที่เป็นต้นตอทำให้เขาก้าวขาเข้ามาอยู่ในสถานการณ์นี้ตั้งแต่ต้น...
“พี่ว่าผมควรเอาไงต่อดี?” โมยิงคำถามที่แฝงความอัดอั้นตันใจออกไปให้คู่สนทนาที่กำลังนั่งจิบเบียร์กระป๋องตรงหน้าฟัง
“เอ้า! ก็อุตส่าห์ดันทุรังพาตัวเองเข้าไปถึงขนาดนั้นแล้ว ก็เดินหน้าต่อไปสิ มัวรออะไร?” คนที่ตอบก็คือบัวบูชา สาวรุ่นพี่ที่บังเอิญไปพบมาว่าไอซ์ก็เป็นลูกค้าอีกคนหนึ่งของคลับลับ ส่วนฉากหลังที่พวกเขากำลังยืนคุยกันอยู่ตอนนี้คือระเบียงห้องคอนโดหรูของสาวสวย มองออกไปเห็นแสงไฟจากอาคารรอบๆ ที่ส่องสว่างสู้กับความมืดทึมในเวลาค่ำคืน
“แบบนี้มันถือว่าผมขายตัวป่ะ?” ชายหนุ่มย้อนถามเธอ อดรู้สึกสับสนกับสิ่งที่ตนเองตัดสินใจทำลงไปไม่ได้
“เธอก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าเข้าไปแล้วจะต้องเจออะไร แล้วทำไมมานึกลังเลอะไรเอาตอนนี้ ฮึ?” บัวบูชาย้อนถามกลับ ในขณะที่โมได้แต่ก้มหน้านิ่งเงียบ นึกหาคำตอบไม่ถูก
“หรือจะเลิกล้มแค่นี้?” สาวรุ่นพี่ชิงเป็นฝ่ายถามต่อโดยไม่เสียเวลารอคำตอบจากเขา
“ไม่อ่ะ ผมอยากเห็นกับตาว่าเค้าเปลี่ยนไปแค่ไหน ไม่งั้นผมคงคาใจแบบนี้ไปจนตายแน่ๆ” โมสั่นศีรษะโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
“โมรู้ใช่มั้ยว่าสิ่งที่โมกำลังทำอยู่มันไม่ใช่โลกของคนปกติ ถ้าตัดสินใจเดินหน้าไปแล้วมันจะถอยหลังกลับไม่ได้ โมเข้าใจเรื่องนี้จริงๆ ใช่มั้ย? พูดตรงๆ เลยนะ สำหรับพี่แล้ว พี่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าโมจะทำเรื่องนี้ไปเพื่ออะไร แต่ถ้าโมยืนกรานว่าจะทำมัน พี่ก็คงไม่ขัด พี่แค่อยากให้โมลองตัดสินใจดีๆ อีกที ว่าไอ้คำตอบที่โมกำลังตามหาอยู่ มันจะคุ้มค่าพอมั้ยกับสิ่งที่โมกำลังจะแลกไป” บัวบูชาถาม เป็นคำถามที่ทิ่มแทงลงไปยังกลางใจของโมแบบพอดิบพอดี จนทำให้ชายหนุ่มต้องหยุดชะงักและคิดทบทวนคำตอบแบบจริงจังอยู่ภายในใจ
ไหมเองก็เคยถาม พิณเองก็เคยถาม เช่นเดียวกับบัวบูชา และทุกๆ ครั้งเขาเองก็ยังไม่สามารถเรียบเรียงคำตอบออกมาได้แบบเป็นเรื่องเป็นราว ว่าสุดท้ายแล้วไอ้ความพยายามอันดันทุรังจนชวนขบขันของเขานั้น มันจะทำลงไปเพื่ออะไร? เพราะอยากรู้ความจริงเรื่องที่ไอซ์เปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด เท่านั้นน่ะหรือ? หรือมันคือความรู้สึกว่าตนเองคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว? หรือเขาต้องการที่จะกอบกู้และช่วยเธอให้พ้นจากสภาพเหล่านั้น? โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะยิ่งทำให้อะไรๆ เดินหน้าไปสู่เรื่องราวเลวร้ายกว่าเดิมหรือไม่
‘ทำไปทำไม?’ คำถามนั้นยังคงสับสนและหาความชัดเจนไม่ได้ แต่อีกคำถามที่เหลือเล่า ‘มันคุ้มค่าพอแล้วใช่มั้ย?’ นั่นคือสิ่งหนึ่งที่ชายหนุ่มสามารถตอบกับตัวเองในตอนนี้ได้ทันที เขาไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกมาเป็นคำพูด เพียงแค่พยักหน้าน้อยๆ แทนการตอบรับ พอสาวสวยเห็นดังนั้นแล้วเธอก็เลยอมยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก
“ถ้างั้นเธอจะมาถามความเห็นพี่ให้เสียเวลาทำไม? ก็รู้คำตอบอยู่แล้วนี่ว่าตัวเองต้องเดินหน้าต่อ หรือจริงๆ แล้วแค่อยากหาเรื่องชวนพี่กินเบียร์?” บัวบูชากล่าวหยอกเย้า
“นั่นก็ส่วนนึง แต่ก็อยากได้ยินจากปากพี่ด้วย ว่าผมตัดสินใจถูกแล้ว ถึงยังไงผมก็คงทำต่อไปอยู่ดีแหละ แค่จะมั่นใจกว่าถ้ามีคนสนับสนุนอ่ะ” โมสารภาพ พร้อมเผยรอยยิ้มขวยเขินออกมาอย่างจำนน
“ถ้าเรามั่นใจว่าสิ่งที่เราทำลงไปมันดีที่สุดแล้ว เราก็แค่ทำมันให้เต็มที่อ่ะโม ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านวอกแวกอะไรอีก เดินหน้าต่อไปให้ถึงที่สุด แล้วผลลัพธ์มันจะดีจะร้ายยังไง เราค่อยหาทางรับมือแก้ไขไปตามสถานการณ์ แค่อย่ามานั่งนึกลังเลย้อนหลัง แค่นั้นก็พอแล้ว เชียร์ส!” สาวรุ่นพี่กล่าวเรียบง่ายตามประสาของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน และยื่นกระป๋องเบียร์ในมือมาชนเพื่อชวนเขาดื่มดับความกระวนกระวายใจ
“ขอบคุณครับพี่ ผมว่าผมตัดสินใจถูกแล้วล่ะ ที่แวะมาคุยกับพี่ก่อนที่จะเดินหน้าต่อ คุยกับพี่แล้วโล่งใจขึ้นเยอะเลย พี่บัวเนี่ย เหมือนจิตแพทย์ส่วนตัวของผมเลยนะรู้เปล่า มีปัญหาอะไร อยากปรึกษาเรื่องไหน พี่ก็ช่วยให้ผมสบายใจได้หมดเลย” โมเอ่ยปากชมสาวรุ่นพี่ด้วยใจจริง
“ยกเว้นมายืมตังค์ อันนั้นขอบายนะ” บัวบูชาพูดติดตลก พร้อมกับโบกไม้โบกมือเป็นทีขับไล่
“แหม รวยขนาดนี้ ยังจะมางกอีก” ชายหนุ่มแกล้งบ่นตัดพ้อ
“ไม่ให้ยืม แต่เปย์ให้ได้ถ้าอยากเปย์ อิอิ” สาวรุ่นพี่เอ่ยพร้อมกับอมยิ้มเจ้าเล่ห์
“บ๊ะ! ชอบจริงๆ สายเปย์เนี่ย เศรษฐีนี ผู้หญิงยุคใหม่ ไม่ต้องง้อผู้ชาย เปย์เองได้” เขาหัวเราะร่วนชอบใจ
“แน่สิ ไม่งั้นชั้นจะเป็นสมาชิกคลับนี้เหรอยะ” คู่สนทนาตอบโต้ทันควัน จริงของเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอเป็นสมาชิกที่เดอะคลับ เรื่องราวต่างๆ ก็คงไม่เกิดขึ้นและลากยาวมาจนถึงจุดนี้
“เออ แต่มันคงจะตลกดีนะ ถ้าเกิดว่าจับผลัดจับผลู ลูกค้าที่ผมกดได้จะกลายเป็นพี่ขึ้นมา” ชายหนุ่มไม่วายหยอดมุกติดตลก แล้วพวกเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมๆ กันดังลั่นระเบียง
ในวันที่รักหลงทาง #119
โครงเดิมที่วางไว้แบบคร่าวๆ คือเรื่องมันควรจะจบที่ 120 ตอน แต่เหมือนตอนนี้จะเป็นไปไม่ได้แล้ว
แถมผมเองก็ชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันจะต้องลากไปอีกกี่ตอนถึงจะเข้าบทสรุปได้
เอาเป็นว่าก็ดันทุรังเขียน และดันทุรังตามอ่านกันไปอีกพักนึงแล้วกันนะฮะ
ไม่รู้ว่าตอนหน้าจะว่างกลับมาเขียนอีกทีเมื่อไหร่ หวังว่าจะไม่เกินเดือนสองเดือนนี้นะ
เรื่องเสียวห่าอะไร เขียนมา 6 ปี ยังจบไม่ลงอีก เด็กนักเรียนแม่งจบประถมไปแล้วเนี่ย 5555
**รบกวนคอมเมนท์เกี่ยวกะเนื้อหาในตอนหน่อยนะฮะ อยากอ่านฟี้ดแบคจากคนอ่าน**
-----------------
เวลาสิบเอ็ดโมงตรง ณ ห้องคอนโดราคาย่อมเยาของชาติ ที่ถูกปรับแต่งจนกลายเป็นสตูดิโอทำงานขนาดย่อมๆ ในนามสตูดิโอ ‘Ctrl+Alt+Del
หนุ่มโมที่พึ่งอัพโหลดไฟล์งานส่งเข้าอีเมล์ลูกค้าเสร็จหมาดๆ เขาจึงพาตัวเองออกมานั่งหลบมุมเอนหลังสูดอากาศที่โต๊ะกาแฟขนาดเล็ก ซึ่งถูกจัดวางไว้สำหรับเป็นมุมสูบบุหรี่ของสมาชิกสายรมควันในบริษัท ในมือเขาถือโทรศัพท์มือถือเครื่องประจำของตนเองเอาไว้มั่น ขณะที่นิ้วโป้งก็คอยสไลด์เลื่อนหาเมนูอาหารจากร้านค้าต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในแอพพลิเคชั่นยอดฮิตอย่าง ‘Grab’
ครู่เดียวก็มีเสียงบานประตูกระจกถูกเลื่อนเปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของชาติ หนุ่มรุ่นพี่ผู้เป็นคนชักชวนเขาให้มาร่วมหุ้นกันทำบริษัท และเป็นเจ้าของตัวจริงของห้องคอนโดแห่งนี้
“หิวแล้วเหรอวะ? พึ่งสิบเอ็ดโมงเองนะ เมื่อเช้ามึงไม่ได้กินข้าวเหรอ?” ชาติเอ่ยทัก ขณะใช้มือล้วงซองบุหรี่ที่เสียบยัดไว้ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตของตนเองออกมา พร้อมกับยื่นมือไปรับไฟแช็กที่โมหยิบส่งยื่นให้อย่างรู้ใจกัน แล้วก็เริ่มจุดบุหรี่สูบ
“ยังอ่ะ ก็แค่ดูๆ ไว้เฉยๆ ขี้เกียจมานั่งนึกเอาตอนจะสั่งว่าจะกินอะไร เดี๋ยวก็เป็นเหมือนเมื่อวานอีก” โมหันหน้าไปคุย พร้อมส่งยิ้มเจือจางไปกับคำตอบ
“ถ้านึกไม่ออกมึงก็สั่งตามกูดิ” ชาติตอบทันควัน ก่อนจะพ่นควันบุหรี่ปุ๋ยๆ ลอยละล่องออกไปบนท้องฟ้า
“โว๊ะ! ไม่เอาหรอก สั่งตามพี่ก็ได้แดกแต่มาม่าดิ มาม่าผัดหมูกรอบ มาม่าผัดขี้เมาไก่ มาม่าต้มหมูสับ มาม่าผัดต้มยำทะเล แม่งก็มาม่าเหมือนกันทุกมื้อ แค่เปลี่ยนวิธีทำไปเรื่อยๆ” โมรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน เพราะเขาสนิทสนมกับคู่สนทนามากพอที่จะรู้ว่าเมนูประจำที่อีกฝ่ายมักสั่งมากินบ่อยๆ เวลานึกอะไรไม่ออก นั่นคือบรรดาอาหารตระกูลมาม่าทั้งหลายแหล่นั่นเอง
“ไอ้ห่า มันไม่เหมือนกัน มึงคิดดูดีๆ วิธีทำ รสชาติ ส่วนประกอบแม่งไม่เหมือนกันซักอย่าง แค่มีเส้นมาม่าเป็นส่วนประกอบเฉยๆ ก็เหมือนมึงสั่งข้าว แล้วเปลี่ยนเครื่องเคียง ทุกจานแม่งก็ต้องกินข้าวประกอบด้วย จริงป่ะ?” ชาติเถียงกลับอย่างไม่ยอม เหตุผลที่อีกฝ่ายพูดมานั้น ฟังไปฟังมาก็พอจะคล้อยตามได้เหมือนกัน
“เออ ก็รู้ แต่ไม่อยากกินมาม่าแล้วไง พึ่งกินไปเมื่อคืน วันนี้อยากกินข้าวน่ะ โอเคมั้ย?” โมชิงตัดบทห้วนๆ เพราะเห็นแววแล้วว่าเถียงไปก็คงยากที่จะชนะเหตุผลของคู่สนทนาได้
“บอนชอนมั้ยล่ะ? ไม่ได้แดกนานแล้ว ช่วงนี้กูก็เริ่มจะเสี้ยนไก่ทอดขึ้นมาเหมือนกัน พวกเด็กๆ มันก็น่าจะชอบ” ชาติช่วยเสนอเมนู
“คิดอยู่ หรือจะเอาเคเอฟซี คุ้มกว่าป่ะ?” ชายหนุ่มแตกทางเลือกเพิ่ม แต่หนุ่มรุ่นพี่ชิงส่ายศีรษะไม่รับลูกทันที
“เดี๋ยวนี้แม่งไม่อร่อย แดกไม่ได้เลยมึง อาทิตย์ก่อนกูพึ่งสั่งมาแดก วิงซ์แซ่บแม่งไม่ได้เลยว่ะ มีแต่เค็มแล้วก็เค็ม เหมือนแม่งอัดมาแต่ผง กูแดกไม่หมดด้วย เอาบอนชอนนี่แหละ อยากแดกไชเท้ามันด้วย สั่งเลย ไม่ต้องเลือกแล้ว” ชาติที่เป็นเหมือนหัวหน้าของโมกลายๆ ถือโอกาสรวบรัดตัดสินใจให้ไปเลย
“เออๆ ใจเย็นดิ บอนชอนก็บอนชอน เดี๋ยวรอสิบเอ็ดโมงครึ่งค่อยสั่งก็ได้ เดี๋ยวต้องเอาให้ไอ้พวกข้างในมันเลือกเมนูด้วย” โมกล่าว ก่อนจะวางโทรศัพท์มือถือคว่ำลงบนโต๊ะ เป็นสัญญาณยุติการโต้เถียง
“ไอ้คนคิดแอปพวกนี้แม่งเก่งดีนะพี่ คนแม่งต้องกินข้าวกันทุกวัน ใครๆ ก็อยากกินของอร่อย แต่ขี้เกียจไปต่อคิวรออาหาร แล้วดูดิ ทุกวันนี้ใครๆ แม่งก็เอาแต่สั่งแกรปๆ” โมอดชมเชยถึงความสำเร็จของแอพพลิเคชั่นที่เขาพึ่งกดปิดไปหมาดๆ ไม่ได้
“จริง เรื่องพวกนี้แม่งเบสิกนี้ดเลย ใครมีกึ๋นหน่อยก็เห็นโอกาสก่อน แต่พูดตรงๆ นะ พวกโง่ๆ อย่างเราน่ะถึงจะมองเห็นปัญหาก็ไม่มีปัญญาคิดว่าจะทำออกมายังไงหรอก” ชาติสรุปรวบรัดให้
“ก็ถูกของพี่” ชายหนุ่มพยักหน้าคล้อยตาม แต่ภาพในหัวของเขายามนี้กลับเปลี่ยนจากแอพสั่งอาหาร มาเป็นแอพ ‘The Club’ แทน
“แล้วมึงอ่ะเป็นไงช่วงนี้?” ชาติเกริ่นถามขึ้นลอยๆ
“เรื่องไหน?” โมถามกระตุ้นให้อีกฝ่ายพูดต่อ
“ก็เรื่องสาวๆ ตกลงมึงมีตัวจริงแล้วใช่มะ? เดี๋ยวนี้ถึงไม่ยอมไปนวดเป็นเพื่อนกูเลย” หนุ่มรุ่นพี่ขยายความพร้อมฉีกยิ้มกว้าง
“ปั้ดโธ่เอ๊ย นึกว่าเรื่องอะไร ไม่มีหรอก ถ้ามีจริงๆ ก็ดีดิ” เขาส่ายหัวยิ้มๆ
“ไม่งั้นก็มีตัวเลือกเยอะ จนไม่มีเวลาไปกะกู” คู่สนทนายังพยายามเดาต่อแบบไม่ยอมแพ้
“คงงั้นมั้ง” โมตอบแบ่งรับแบ่งสู้ ก่อนจะอมยิ้มเจ้าเล่ห์จนอีกฝ่ายปั้นหน้าหมั่นไส้ขึ้นมา
“โถ พ่อเทพบุตรเลือกได้ พ่อกระดอเลี่ยมทอง ใช่ซี้ กูมันไม่หล่อเหมือนมึงนี่ ถึงต้องคอยจ่ายเงินซื้อกินไปวันๆ” ชาติสบถเสียงขรม ในขณะที่โมก็หัวเราะร่วนชอบใจ อีกฝ่ายคงคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าแท้จริงแล้ว ตัวเขาได้เปลี่ยนสถานะจากการเป็นลูกค้า พลิกมาเป็นฝ่ายให้บริการแทนในเวลานี้
=======================================
หลังจากผ่านการทดสอบได้เกือบ 2 อาทิตย์ ในที่สุดโมก็ตัดสินใจกดรับคิวงานจากลูกค้ารายแรกที่จองเข้ามา เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตัดสิทธิ์ใช้งาน ด้วยระยะเวลาที่กำลังบีบร่นนับถอยหลังเข้ามาเรื่อยๆ
จากรายละเอียดที่ระบุในคำสั่งซื้อ บอกให้เขารู้ว่าผู้ใช้บริการเป็นลูกค้าผู้หญิง ต้องการสินค้าเป็นชายเดี่ยวหนึ่งราย ช่วงอายุประมาณ 25-35 ปี สุภาพ สะอาดดูดี ไม่อ้วน ไม่ดำ ขนาดไซส์ถุงยาง 54-56 นิ้ว ต้องอึด และเล้าโลมเก่ง ส่วนรูปแบบกิจกรรมที่เธอเลือกคือการมีเซ็กส์ปกติ สวมถุงยางตอนทำ พร้อมระบุความต้องการเพิ่มเติมมาด้วยว่าไม่จูบปาก และอยากให้ทำแบบนุ่มนวลระมัดระวังเป็นพิเศษ ส่วนระยะเวลาที่จองมาคือ 1 ชั่วโมงเต็ม ซึ่งแม้จะไม่รู้ว่าลูกค้าคนนี้เป็นใคร รูปร่างหน้าตาแบบไหน แต่จากรายละเอียดที่ระบุมาค่อนข้างครอบคลุมชัดเจน ก็พอจะทำให้โมมั่นใจว่าเขาน่าจะตอบสนองความต้องการของเธอได้แบบไม่ยากเย็นนัก
เมื่อถึงเวลานัดหมาย... ชายหนุ่มเดินทางไปถึงสถานที่ตั้งของคลับก่อนเวลานัดราวๆ ครึ่งชั่วโมง หลังผ่านการตรวจสอบยืนยันสถานะ และฝากสัมภาระทั้งหมดกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้านล่างอาคารเสร็จแล้ว เขาก็ถูกพนักงานสาวพาไปนั่งรอยังห้องพักสำหรับพนักงาน ซึ่งถูกจัดแบ่งแยกเพศชาย-หญิง และแบ่งซอยเป็นห้องเล็กๆ ของใครของมันแยกจากกันแบบเป็นส่วนตัว
ภายในห้องพักมีเพียงโซฟายาวสีน้ำตาลทำจากหนัง กับโต๊ะกระจกเตี้ยๆ ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าวางเข้าชุดกันอยู่ บนโต๊ะรับแขกนั้นมีคีย์การ์ดของห้องพักที่เป็นสถานที่นัดหมาย และเอกสารระบุข้อปฏิบัติงานต่างๆ ซึ่งถูกวางทับด้วยแป้นรับสัญญาณอีเลกทรอนิกส์ทรงกลมอีกที โดยเจ้าแป้นนี้จะคอยส่งสัญญาณออกมาเป็นไฟกะพริบสีแดง พร้อมกับสั่นสะเทือน เพื่อเตือนให้พนักงานในห้องรู้ว่ากำลังจะถึงเวลานัดหมายในอีกไม่ช้า
ลึกเข้าไปด้านในของห้องคือประตูกระจกแบบบานเลื่อน เมื่อเปิดออกจะเจอเข้ากับห้องน้ำแคบๆ ที่มีเพียงฝักบัวและโถส้วมสีขาว เอาไว้ให้พนักงานใช้ล้างตัวและทำธุระต่างๆ ก่อนปฏิบัติงาน พอกวาดสายตามองไปที่ผนังห้องทางขวามือของประตูกระจก ก็จะพบกับบานประตูตู้เสื้อผ้าแบบบิลท์อินสีขาว จัดเตรียมไว้ให้สำหรับในกรณีที่ลูกค้าระบุ ‘ชุดแต่งกายพิเศษ’ ซึ่งทางคลับจะเป็นคนจัดเตรียมไว้ให้พนักงานสวมเปลี่ยนที่นี่ไปเลย
ด้วยความที่ลูกค้ารายนี้ไม่ได้ระบุเรื่องชุดแต่งกายใดๆ เป็นพิเศษ โมจึงเลือกที่จะสวมเป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวพับแขนถึงข้อศอก ท่อนล่างเป็นกางเกงสแล็คสีเบจ กับรองเท้าหนังสีน้ำตาลมันวาว ด้วยมั่นใจว่าจะออกมาดูสุภาพและเป็นมิตรกับลูกค้าของเขามากที่สุดแล้ว พลันที่เจ้าแป้นทรงกลมส่งสัญญาณกรีดร้องจนโต๊ะกระจกเกิดอาการสั่นสะเทือนเบาๆ ชายหนุ่มก็พลอยรู้สึกได้ถึงอาการหวั่นไหววูบวาบที่ก่อตัวขึ้นเบาๆ บริเวณช่องท้อง ก่อนที่เขาจะตัดสินใจสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ 2-3 ครั้งเพื่อระงับข่มกลั้นความรู้สึกตื่นเต้นประหม่า แล้วหยิบคีย์การ์ดที่ระบุเลขห้องไว้อย่างแจ่มชัด แล้วลุกเดินออกจากห้องไปเพื่อทำหน้าที่ของตนเองในค่ำคืนนี้ให้สำเร็จลุล่วง
ชายหนุ่มเข้าไปนั่งรอที่ห้องพักก่อนเวลานัดหมายเกือบ 5 นาที ก่อนจะใช้เวลานั่งกระวนกระวายใจรอต่อไปอีกราวๆ 10 นาที ลูกค้าผู้เป็นเจ้าของคิวขึ้นงานครั้งแรกในชีวิตของเขาก็เดินทางมาถึง พลันที่บานประตูห้องถูกผลักเปิดเข้ามา ร่างของสาวสวยวัยประมาณสามสิบต้นๆ ก็พลอยปรากฏแก่สายตาของเขา และทำให้ชายหนุ่มถึงกับนิ่งอึ้ง ได้แต่นั่งจ้องเธอตาค้างด้วยอาการชะงักงัน
ไม่ใช่เพราะใบหน้าสวยหวานที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางๆ นั้นหรอกที่สะกดความสนใจของเขา เฉกเช่นนัยน์ตาที่เก็บซ่อนความเศร้าเอาไว้ไม่มิดคู่นั้น ที่ซึ่งกำลังจับจ้องมองกลับมาที่ตัวเขาอยู่อย่างสนอกสนใจเช่นเดียวกัน ทว่าสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขามากที่สุด กลับกลายเป็นบริเวณหน้าท้องอันบวมตึง ซึ่งนูนเด่นเสียจนเนื้อผ้าของชุดเดรสลูกไม้สีขาวที่เธอสวมใส่อยู่ใต้เสื้อคลุมคาร์ดิแกนแขนยาวสีแดงเลือดนก มันรั้งตึงขึ้นจนมองเห็นอย่างแจ่มชัดว่าเจ้าตัวกำลังตั้งครรภ์อยู่!
“ตกใจใช่มั้ยคะที่เจอคนท้อง?” สาวสวยเป็นฝ่ายเริ่มต้นทักทายเขาด้วยประโยคคำถาม ภายหลังจากที่บานประตูพับปิดสนิทลง
“นิดนึงครับ พอดีพึ่งเคยรับงานครั้งแรก เลยประหม่านิดหน่อย” โมตัดสินใจสารภาพไปตรงๆ ไม่มีความจำเป็นอะไรที่เขาจะต้องปิดบังความจริงกับคนที่ไม่รู้จัก
“จริงป่ะเนี่ย!? นี่ก็พึ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรกเหมือนกัน เขินมากเลย” แววตาของลูกค้าสาวพลันเป็นประกายแวววาว พร้อมกับทำเสียงดีใจ เมื่อรู้ว่าเขาเองก็เป็นมือใหม่เหมือนกัน
“เชิญนั่งก่อนครับ เดินมาเหนื่อยๆ” เขาลุกขึ้นไปประคองจูงแขนเธอเดินมานั่งลงที่ข้างเตียงด้วยกัน ก่อนที่ตนเองจะเดินไปหยิบเอาขวดน้ำเย็นมารินกรอกใส่แก้ว แล้วส่งให้เธอรับไปดื่มแก้กระหาย
“ขอบคุณค่ะ เอ่อ... เราอ้อมใจนะคะ เรียกอ้อมก็ได้ คุณ...” หญิงสาวยื่นมือมารับแก้วน้ำพร้อมเอ่ยแนะนำตัวแบบเสร็จสรรพ สายตาก็จ้องแป๋วมาที่เขา เหมือนเว้นจังหวะเพื่อรอให้ชายหนุ่มบอกชื่อตัวเองกลับคืนไป
“เอ่อ รู้สึกว่าที่นี่เค้าจะห้ามถามชื่อกันนะครับ โมรีบแย้ง เพราะเขาพึ่งจะนั่งอ่านคู่มือปฏิบัติระหว่างรอจบมาแบบหมาดๆ จึงพอจะจำกฏบางข้อได้อย่างแจ่มชัด
“เอ้ย! จริงด้วย! ขอโทษ อ้อมลืม! โอ๊ย! มาถึงก็ปล่อยไก่แล้ว ทำไงดี?” เธอคนนั้นทำท่าตกใจเมื่อนึกขึ้นได้ แต่ก็ไม่วายหลุดปากเรียกชื่อตนเองออกมาอีกรอบ
“ไม่เป็นไรครับ ผมโมนะฮะ ยินดีที่ได้รู้จัก ถือว่าเจ๊ากันเนอะ” โมเอ่ยชื่อตนเองตอบ พลางส่งยิ้มหวานให้เธออย่างอ่อนโยน พอได้ยินดังนั้นแล้วอีกฝ่ายจึงค่อยเผยรอยยิ้มสบายใจขึ้นมาได้
“แล้วถ้าสมมติไม่บอกชื่อกัน เวลาจะคุยกันทีนี่ต้องเรียกกันยังไงอ่ะ นึกไม่ออกเลย คุณๆๆ ชั้นๆๆ แบบนี้เหรอ?” อ้อมใจชวนคุยต่อ
“ของผมเค้าให้เรียกคุณลูกค้าครับ ส่วนของคุณอ้อม เอ้ย! คุณลูกค้าจะเรียกผมยังไงก็ได้ แล้วแต่สะดวก” ชายหนุ่มหลุดปากเรียกผิด ก่อนจะดึงสติตนเองกลับมาได้ ไม่ใช่แค่เธอหรอกที่มือใหม่ เพราะเขาเองก็แทบจะเก็บซ่อนความประหม่าเอาไว้ไม่อยู่เหมือนกัน
“โอ๊ย! ถ้าเอาสะดวกสำหรับอ้อมก็ขอเรียกคุณโมแล้วกัน ไหนๆ ก็รู้ชื่อกันแล้ว ดีกว่ามั้ยคะ? เรียกคุณลูกค้าๆ ตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม คงหมดอารมณ์กันพอดี” อ้อมใจแกล้งประชดเสียงแหลม
“ได้ครับ เอาที่คุณอ้อมสบายใจเลยครับ” เขาฟังแล้วก็อดหัวเราะขันตามเธอไม่ได้
“แล้ว... เราเอาไงต่อดี?” สาวท้องถามขึ้นหลังจากบทสนทนาระหว่างพวกเขาเงียบลงชั่วคราว
“คุณอ้อมอยากเริ่มเลยมั้ยครับ?” โมถามเธอกลับแบบกึ่งๆ เป็นฝ่ายเชิญชวน
“ขออีกแป๊บนึงได้มั้ยคะ มันยังรู้สึกเขินๆ อยู่เลย” ลูกค้าสาวตอบอ้อมแอ้ม ยังไม่กล้าที่จะเดินหน้าอย่างเต็มตัว
“ได้ครับ ไม่มีปัญหาเลย เอาที่คุณอ้อมพร้อมเต็มที่ค่อยเริ่ม ถ้างั้น... เดินทางมาเหนื่อยๆ ให้ผมนวดไหล่ให้แล้วกันนะ จะได้แก้เมื่อยไปด้วย” โมรีบตอบ ก่อนจะเสนอตัวเลือกเพิ่ม ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบตกลงอย่างว่าง่าย
“ดีเหมือนกันค่ะ ช่วงนี้อ้อมปวดหลังกับเมื่อยบ่อยด้วย สงสัยเพราะท้องใหญ่แล้ว” อ้อมใจคล้อยตาม
“งั้นผมขออนุญาตนะครับ” โมเอ่ยขออย่างสุภาพ ขณะกระเถิบตัวไปนั่งประกบอยู่ทางด้านหลังของอ้อมใจ ก่อนจะช่วยจัดแจงรูดเสื้อคลุมตัวนอกของเธอออกให้อย่างคล่องแคล่ว แล้วบรรจงวางมือทั้งสองข้างลงไปบนไหล่ของคนท้อง ก่อนจะเริ่มออกแรงบีบนวด แม้จะไม่ใช่หมอนวดมืออาชีพ แต่ก็พอจะครูพักลักจำจากเพื่อนสนิทอย่างแนนมาได้บ้าง ว่าต้องออกแรงบีบนวดตรงไหนถึงจะทำให้รู้สึกดี พลันที่เขาออกแรงกดลงไปบนร่างของอ้อมใจ สาวสวยก็พลอยหลับตาพริ้ม ส่งเสียงครางอืมยาวๆ ออกมาด้วยความพึงพอใจ
“อืม... มมมม ดีจัง ตรงนั้นเลยค่ะ กำลังเมื่อยเลย” สาวท้องพูดชมไม่ขาดปาก นี่ถือเป็นเคล็ดลับอย่างหนึ่งที่เขาได้เรียนรู้มาจากแนน เมื่อใดก็ตามที่เจอสถานการณ์สะดุดเคอะเขิน หรือต่างคนต่างเดินหน้าไปต่อไม่ได้ ให้ใช้วิธีนวดคลายเมื่อยให้ แล้วอะไรๆ มันก็จะคลี่คลายไปต่อได้ เพราะมือของเขาที่ ‘สัมผัส’ อยู่บนเนื้อตัวของอีกฝ่าย จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรบางอย่างที่ค่อยๆ คืบคลานตามมาในภายหลังเอง
“ขออนุญาตถามได้มั้ยครับ? นี่กี่เดือนแล้วนะครับ?” โมเอ่ยถามไป มือก็คอยกดนวดให้เธอไปเรื่อยๆ โดยไม่หยุดนิ่ง
“หกเดือนแล้วค่ะ ท้องใหญ่มากเลยเนอะ” อ้อมใจชิงพูดออกตัวแกมบ่นถึงรูปร่างของตนเอง
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” เขาตอบทันทีโดยไม่เสียเวลาคิด ไม่ได้รู้สึกว่ามันใหญ่โตอะไรอย่างเธอว่าด้วยซ้ำ สำหรับคนท้องหกเดือน
“ขอโทษนะ คุณโมคงเซ็งแย่เลย รับงานครั้งแรกก็เจอคนท้องแบบอ้อมเลย” อ้อมใจเอ่ย แม้ว่าเธอจะกำลังนั่งหันหลังให้ชายหนุ่มอยู่ แต่จากน้ำเสียงที่เธอพูดออกมา เขาก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจกับรูปร่างในปัจจุบันของตนเองเท่าไรนัก อาจเพราะค่านิยมของคนส่วนใหญ่ที่มักมองว่าคนท้องนั้นดูอุ้ยอ้าย เทอะทะ และไม่มีความโค้งเว้าตามแบบฉบับของผู้หญิงที่มีเสน่ห์ทั่วๆ ไป
“ไม่เลยครับ ผมไม่ติดอะไรหรอก คนท้องก็มีเสน่ห์แบบคนท้อง แถมคุณอ้อมสวยออกขนาดนี้ จะท้องรึไม่ท้องก็ไม่ต่างหรอกครับ" โมกล่าวชมเธอออกไป ใจหนึ่งก็เพราะอยากให้คนฟังรู้สึกมั่นใจมากขึ้น และอีกใจหนึ่งก็เพราะว่าเขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ทั้งเครื่องแต่งกายที่สวม การพูดการจา การวางตัว ตลอดจนถึงหน้าตาที่สะสวย ผิวพรรณที่ขาวเนียนสะอาดสะอ้าน ไร้ริ้วรอย ดูรู้ว่าผ่านการทะนุถนอมดูแลมาเป็นอย่างดี ผิดจากผิวกายของคนทั่วๆ ไป แค่มองผ่านๆ แบบยังไม่ต้องรู้จักกัน เขาก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าเธอมีชาติตระกูลดี และมันยิ่งตอกย้ำแจ่มชัด เมื่อมองจากเงื่อนไขอันสลับซับซ้อนในการที่จะเข้ามาใช้บริการในคลับแห่งนี้ได้
“ขอบคุณที่พยายามให้กำลังใจอ้อมนะคะ แต่อ้อมว่ายังไงมันก็ต่างกันอยู่ดี ไม่งั้นอ้อมคง... เราสองคนคงไม่ได้มาเจอกันที่นี่หรอก” คนท้องตั้งท่าจะพูดอะไรบางอย่าง ก่อนจะเกิดหยุดชะงัก แล้วเอ่ยเพื่อเลี่ยงประเด็นออกไป ซึ่งเขาก็พอจะอ่านความรู้สึกเธอได้ลางๆ ถ้าหากชีวิตคู่ของเจ้าตัวเป็นปกติสุขดี เธอคงไม่เลือกที่จะมาใช้บริการในสถานที่แห่งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่เจ้าตัวกำลังท้องกำลังไส้แบบนี้หรอก แม้ว่าตัวเขาจะเคยตั้งปณิธานไว้หนักแน่นหลังจากเรื่องของพัช ว่าจะไม่ขอพลาดไปมีสัมพันธ์สวาทกับผู้หญิงของใครอื่นอีก แต่ถ้าหากผู้หญิงคนนั้นเป็นฝ่ายเลือกที่จะเดินหน้าเข้าหาเขาด้วยความตั้งใจของเธอเองล่ะ
ถ้ามันไม่ใช่การสานสัมพันธ์ลึกซึ้งใดๆ แต่เป็นการซื้อบริการชั่วครั้งคราวแบบไม่ผูกมัด ไม่มีความรัก มีแต่ความใคร่ จบรอบก็จบเรื่องกันไป ทางใครทางมัน หากเป็นแบบนั้นตัวเขาก็คงไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินหรอก ว่าอะไรที่มันถูกหรือผิด เมื่อคิดแบบนั้นแล้วโมจึงไม่ได้ไถ่ถามอะไรอีก และหันมาตั้งหน้าตั้งตากดบีบนวดลงไปที่กระดูกไหปลาร้าของเธออย่างหนักแน่น ทำเอาคนโดนนวดถึงกับเผลอแอ่นหน้าเชิด ส่งเสียงครางยาวๆ ออกมาอีกครั้งด้วยความสบายอารมณ์ เขาไม่รู้หรอกว่าเธอกำลังแบกรับปัญหาอะไรอยู่ในตอนนี้ แต่ในเมื่อเธอตัดสินใจที่จะหลบหนีจากชีวิตประจำวันของตัวเองมาพักใจในสถานที่แห่งนี้แล้ว สิ่งเดียวที่เขาพอจะช่วยเหลือเธอได้ก็คือการมอบช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดให้แก่เธอ เท่าที่ตัวเขาจะสามารถทำได้ภายในระยะเวลาอันจำกัด
“คุณอ้อมอยากให้ลงน้ำมันนวดเลยมั้ยครับ? จะได้สบายตัวกว่านวดเฉยๆ” โมกล่าวชักชวน หลังจากออกแรงนวดแถวๆ คอและไหล่ให้เธออยู่นานร่วมๆ สิบนาที
“เอ๊ะ! ทำได้ด้วยเหรอคะ?” คนท้องทำเสียงแปลกใจ เพราะไม่ได้ตั้งใจจะมานวดผ่อนคลายแบบจริงจังในตอนแรก
“ได้นะครับ ถ้าผมจำไม่ผิด พวกน้ำมันนวดน่าจะเก็บไว้แถวๆ นี้ อ้อ นี่ไง เจอละ” ชายหนุ่มตอบ พลางลุกเดินไปสำรวจที่ตู้เก็บของแบบบานเลื่อนซึ่งตั้งอยู่ติดกับหัวเตียงด้านซ้ายมือ ภายในมีทั้งซองถุงยางหลากหลายขนาด เจลหล่อลื่นนานาชนิด ทั้งแบบน้ำและแบบครีม ตลอดจนถึงขวดออยล์นวดราคาแพงที่โมเลือกหยิบติดมือออกมา
“แล้วแบบนี้... อ้อมต้องถอดเสื้อเลยมั้ยคะ?” อ้อมใจเอ่ยถามพลางจ้องมองขวดออยล์ที่ชายหนุ่มถืออย่างสนใจ
“อืม ผมว่าถอดก่อนก็ดีฮะ มันจะได้ไม่เลอะเทอะ อาจจะเหลือแค่ชุดชั้นในก็ได้” โมเสนอทางออกเพื่อให้เธอสบายใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้างั้นถอดหมดเลยก็ได้ ยังไงก็ต้องถอดอยู่แล้วเนอะ” คนท้องกลับเป็นฝ่ายพูดออกตัวแทน จากนั้นจึงลุกเดินเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ ก่อนจะเดินกลับออกมาในสภาพที่นุ่งเพียงผ้าขนหนูกระโจมอกสีขาวผืนเดียว สาวสวยออกอาการเคอะเขินนิดๆ เมื่อเครื่องนุ่งห่มได้หลุดหายไปจากร่างกายเธอเกือบหมด พอเธอกลับมานั่งลงที่เตียงแล้วชายหนุ่มจึงช่วยประคองร่างเธอให้เอนหงายลงไปกับที่นอน
โมชิงเดินหลบเข้ามาจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองภายในห้องน้ำ เพื่อเปิดโอกาสให้คนท้องได้มีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจครั้งสุดท้าย เขาถอดเสื้อผ้าที่สวมอยู่ออกไปจนหลงเหลือเพียงแค่กางเกงในสีดำตัวเดียว ก่อนจะคว้าผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กจากในห้องน้ำติดมือออกมาด้วย พอกลับมาถึงเตียงก็พบว่าอีกฝ่ายได้ปลดคลายปมผ้าขนหนูออกมาวางปิดไว้บนร่างกายตนเองแบบหลวมๆ รออยู่ก่อนแล้ว พอสายตาของทั้งคู่สบเจอกัน สาวท้องก็เผลออมยิ้มขวยเขินออกมาให้เห็นอีกครั้ง ก่อนจะรีบเบือนสายตาหนีไปทางอื่น
อ้อมใจเมื่ออยู่ในท่านอนหงายและมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวปิดคลุมเรือนร่าง ก็เลยทำให้หน้าท้องที่โค้งนูนอยู่แล้วของเธอ มันยิ่งดูโดดเด่นสะดุดตามากขึ้น จนสาวสวยแอบรู้สึกอายหุ่นตัวเองขึ้นมาไม่ได้ ทว่าสำหรับชายหนุ่มคนนวดแล้ว ไอ้สิ่งที่โดดเด่นยิ่งกว่าหน้าท้องซึ่งห่อหุ้มอีกหนึ่งชีวิตเอาไว้ในนั้น กลับเป็นหน้าอกหน้าใจคู่ใหญ่มหึมาที่ตั้งโค้งชูชันราวกับขุนเขาทั้งสองลูกนั่นต่างหาก ชายหนุ่มเคยได้ยินมาบ้างว่าคนท้องมักหน้าอกใหญ่ พอได้มาเห็นกับตาตนเองถึงรู้ว่าสิ่งที่ใครๆ พูดกันนั้นมันไม่ได้เกินเลยไปจริงๆ
เจ้าก้อนเนื้อที่ดูอวบใหญ่นุ่มนิ่มน่าสัมผัสนั้น มันกำลังสั่นกระเพื่อมขึ้นลงไปมา ตามจังหวะการหายใจที่เร็วกว่าปกติเพราะความตื่นเต้น เนื้อกายที่ขาวเนียนบางส่วนโผล่แลบพ้นออกมาจากพื้นผิวของผ้าขนหนูที่ห่มคลุมกายเธอได้ไม่หมด จนตกเป็นเป้าให้โมลอบมองสำรวจเรือนร่างของเธอด้วยความสนอกสนใจ
“เอ่อ... จ้องอะไรคะ อ้อมเขินนะ” เป็นเสียงของอ้อมใจที่เอ่ยทักท้วง หลังเห็นเขาเอาแต่นั่งจ้องมองหน้าอกเธอเฉยๆ อยู่อย่างนั้น โดยไม่ยอมลงมือนวดให้เสียที
“ขอโทษครับ ผมลืมตัว... หน้าอกคุณอ้อม... ใหญ่มากเลย...” โมพูดแก้ตัว ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ความผิดของเขาบรรเทาลงไปแต่อย่างใด
“คุณโม! ทะลึ่ง! เริ่มนวดได้แล้ว แล้วก็ห้ามจ้องด้วย หันไปทางอื่นเลย” ลูกค้าสาวสั่งไปเขินไป
“ถ้าไม่มองก็นวดไม่ได้สิครับ” ชายหนุ่มหัวเราะแก้เก้อ ก่อนจะเริ่มละเลงออยล์ใส่มือตนเอง ถูจนเนื้อครีมอาบชุ่มฝ่ามือทั้งสองข้างดีแล้วจึงบรรจงวางมือลงไปบนร่างเปลือยของอีกฝ่าย
เมื่อฝ่ามือได้สัมผัสกับผิวกายเธอโดยตรง โมจึงพบว่าเรือนร่างของคนท้องนั้นช่างเนียนนุ่มและเต่งตึงสู้มือดีเหลือเกิน เขาค่อยๆ ออกแรงบีบนวดไปมาอย่างระมัดระวัง ไล่จากบริเวณหัวไหล่ที่เปลือยเปล่า ไล่ลงมาที่ท่อนแขน แล้วไปสุดที่ข้อมือ ก่อนจะวกกลับขึ้นไปนวดบริเวณไหปลาร้าของเธอ แล้วพาฝ่ามือซุกซนคู่นั้นเลื้อยผ่านไปยังรักแร้ ก่อนจะแซะนิ้วมุดหายเข้าไปที่ชายโครงใต้ร่มผ้า พร้อมกับอาการลุ้นระทึกตัวเกร็งที่เกิดขึ้นกับคนท้อง เมื่อฝ่ามือของชายหนุ่มเลื่อนเฉียดก้อนเนื้ออวบใหญ่ของเธอไปเพียงแค่นิดเดียว สัมผัสที่อ่อนโยนแต่ชวนวาบหวามทำให้อ้อมใจถึงกับเผลอเกร็งหน้าท้องตั้งรับอย่างลืมตัว
ผิวกายเธอนั้นเนียนสวย สะอาดสะอ้าน และไร้ริ้วรอยใดๆ ปรากฏ แถมเนื้อตัวก็มีกลิ่นหอมจางๆ จากครีมอาบน้ำและโลชั่นที่บำรุงผิวพรรณเป็นอย่างดี ทำให้ชายหนุ่มอยากจะก้มหน้าลงไปดอมดมและชิมรสชาติเนื้อตัวขาวๆ ของเธอให้เต็มคราบ แต่ก็กลัวว่าถ้ารีบร้อนรุกเข้าใส่เร็วเกินไป สาวเจ้าอาจจะตกใจกลัว มองว่าเขาเป็นพวกหื่นกามไร้รสนิยม และพาลให้รู้สึกไม่ประทับใจกับการมาใช้บริการที่นี่ไปเลยก็ได้
ชายหนุ่มกวาดมือลูบผ่านหน้าท้องของเธอแบบไวๆ เพราะไม่อยากลงน้ำหนักไปโดนที่ตัวเด็กมากนัก พอฝ่ามือเลื่อนผ่านเนินเขาที่โค้งคล้อย สองมือของชายหนุ่มก็เอื้อมลงไปคว้าบีบเข้าที่ต้นขาอันอ่อนนุ่มของสาวไฮโซ ซึ่งโผล่แลบออกมาจากชายผ้าขนหนูที่แสนจะสั้นเต่อ เขาออกแรงบีบ ขยำ และนวดคลึงจนหน้าขาเธออาบชุ่มไปด้วยเนื้อออยล์ใสๆ พอนวดจนได้ที่แล้วเขาก็บรรจงใช้นิ้วหัวแม่มือกดรูดเฉี่ยวลงไปที่บริเวณขาอ่อน ใกล้กับจุดสยิวของเธอ ทำเอาร่างขาวนวลนั้นถึงกับสั่นสะท้าน เนื้อตัวกระตุกเฮือก
“อุ๊ย! เบาๆ นะคะ อ้อมจั๊กจี้” อ้อมใจหลุดปากส่งเสียงครางสยิวเมื่อโดนนิ้วมือเขาปาดเข้าไปในจุดหวาดเสียว
“ถ้าเจ็บก็บอกนะครับ” โมพูดโต้ตอบกับเธอไปเรื่อยๆ น้ำเสียงฟังดูสุภาพนุ่มนวล ทว่านิ้วมือทั้งสิบนั้นกลับจงใจบีบนวด ลูบไล้ และปาดเฉี่ยวซ้ำๆ ไปรอบๆ พื้นที่อันสุดแสนจะหวงแหนของสาวสวย จนพวงแก้มที่ขาวผ่องของคนท้องแปรเปลี่ยนไปเป็นสีแดงระเรื่อ ดวงตาที่หลับพริ้มและหัวคิ้วที่ย่นขมวดจนแทบจะชนกันนั้นถูกรายล้อมไปด้วยเม็ดเหงื่อใสที่ผุดพราวอยู่เต็มใบหน้า เมื่ออารมณ์ใคร่ได้เริ่มจุดติดขึ้นตามลำดับ
เขาบรรจงนวดเฟ้นให้อ้อมใจไล่จากหน้าขาเรื่อยไปจนถึงบริเวณปลายเท้า ก่อนจะสลับข้างไปนั่งประกบนวดให้ลำตัวอีกด้านของเธอในแบบเดียวกัน ไล่จากบนลงล่าง กว่าที่จะครบก็ทำให้สาวท้องถึงกับลมหายใจปั่นป่วน ใบหน้าแดงซ่านไปด้วยความเคอะเขิน เพราะโดนนิ้วมือของชายหนุ่มลูบสำรวจจนแทบจะทั่วทั้งตัวอยู่แล้ว จะเหลือก็เพียงแค่อวัยวะบางส่วนที่เธอสงวนไว้ให้แก่ชายคนรักเท่านั้นแหละ ที่ยังไม่โดนเขาจับต้องสัมผัสมันตรงๆ
“คุณโม... นวดจนอ้อมตัวอ่อนปวกเปียกไปหมดแล้วเนี่ย” อ้อมใจพูดเปรยขึ้นแบบเขินๆ สาวสวยตระหนักดีว่า ณ ตอนนี้ ความรู้สึกเร่าร้อนและวาบหวาม มันได้ก่อตัวขึ้นที่บริเวณเนินสาวกลางลำตัวเธอของเธอจนรู้สึกชุ่มชื้นเหนอะหนะไปหมดแล้ว
“ใกล้เสร็จแล้วครับ เหลือแค่นวดลำตัวอีกนิดเดียว คุณอ้อมปล่อยตัวสบายๆ เลยครับ หลับตาไว้ก็ได้ จะได้ไม่เกร็ง” โมขานตอบ ซึ่งคนโดนนวดก็ยอมทำตามที่เขาบอกแต่โดยดี เธอค่อยๆ ปิดเปลือกตาทั้งสองข้าง ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ขณะนอนทอดกายให้เขาสอดมือล้วงผ่านใต้ผ้าขนหนู เข้าไปสัมผัสกับก้อนเนื้อยักษ์ที่กำลังเต่งตึงชูชันของเธอ
“อือ... อออ คุณโม... ตรงนั้นมัน...” อ้อมใจร้องเรียกชื่อเขาเนื้อตัวสั่นสะท้าน สัมผัสที่วาบหวามจากนิ้วมือชายหนุ่มทำให้ใบหน้าสวยหวานของสาวท้องเกร็งขมวดย่นเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว แม้ว่านี่จะไม่ใช่ ‘ครั้งแรก’ ที่เธอถูกชายอื่นนอกเหนือจากสามีของตัวเอง ‘สัมผัสแตะเนื้อต้องตัว’ แต่ความที่ถูกอบรมเลี้ยงดูมาตามแบบฉบับของหญิงสาวชาติตระกูลดีมีเกียรติ ก็เลยทำให้อ้อมใจบังเกิดความรู้สึกตื่นเต้นผสมปนเปไปกับความรู้สึกผิดตะขิดตะขวงใจ ในยามที่อุ้งมือของชายหนุ่มมันกำลังค่อยๆ คืบคลานเข้าสู่จุดหวงแหนของเธอมากขึ้นทุกทีๆ
ทุกครั้งที่โมออกแรงขยำบีบ เจ้าก้อนเนื้อที่ขาวเนียนและนุ่มนิ่มก็จะหดยุบตัว และจมหายไปตามง่ามนิ้วมืออันใหญ่หนาของเขา พร้อมๆ กับที่สาวสวยก็จะเปล่งเสียงครางที่ฟังดูอ่อนหวาน กึ่งๆ คล้ายจะตัดพ้อและร้องขอความเห็นใจออกมาให้ได้ยิน เนื้อตัวเธอช่างเต่งตึงสู้มือดีนักเชียว พอนึกได้แบบนี้ ชายหนุ่มจึงอดใจไม่ไหว ต้องเอื้อมมือขวาข้างถนัดล้วงเข้าไปสำรวจที่เนินเนื้ออวบอูมบริเวณหว่างขาของเธอด้วย ทำเอาสาวไฮโซถึงกับหลุดปากร้องออกมาเบาๆ ด้วยอาการตกใจ เมื่อโดนสัมผัสเข้าไปเต็มรัก
“อ๊ะ! คุณโม อาห์... อือ... อออออ ฮื่อ...” อ้อมใจแอ่นแหงนหน้าเชิด ส่งเสียงร้องครางออกมายาวๆ หน้าขาเธอเกร็งขมิบยิบๆ ในยามที่นิ้วมือของเขากำลังปาดสำรวจไปตามรอยแยกบนท้องร่อง
“คุณอ้อมแฉะแล้วนี่นา” โมพูดกระตุ้นอารมณ์เธอ เมื่อสัมผัสได้ถึงอาการชื้นแฉะที่ติดมากับปลายนิ้ว ก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่มือบรรจงนวดลงไปที่ปุ่มกระสันอันบวมเป่ง จนสาวสวยต้องเผลอส่ายสะโพกเด้งแบบไม่ติดเตียงเล่นเอาสาวไฮโซถึงกับบังเกิดอาการต่อมร่านแตก เมื่อความเสียวซ่านพุ่งวาบจากกลางลำตัวขึ้นมาถึงสมอง ส่ายสะบัดร่อนก้นหวือๆ สู้กับอุ้งมือเขาอย่างลืมตัวลืมใจ
“อู๊ย... ยยยยย คุณโม... มมมมมมมมม ซี้ดส์... อ้อมเสียวค่ะ... เล่นทำพร้อมกันสองทางแบบนี้ อาห์...” อ้อมใจแอ่นเชิดหน้าร้องครางยาวๆ หลับตาปี๋ หางคิ้วขมวดย่นเข้าหากันเป็นจังหวะด้วยสีหน้าที่ชวนร้อนร่านทรมาน
“คุณอ้อมรู้มั้ย? ผมไม่เคยทำกับคนท้องมาก่อนเลย คุณอ้อมเป็นคนแรกของผมเลยนะเนี่ย” โมเผยความลับให้ลูกค้าสาวฟังโดยที่มือทั้งสองข้างก็ยังคงคอยทำหน้าที่อยู่อย่างต่อเนื่อง มือหนึ่งขยำบีบ อีกมือคอยเขี่ยลูบ จนกระทั่งปากทางเข้ารูสวรรค์ถูกอาบเคลือบไปด้วยน้ำเมือกหล่อลื่นที่เปรอะทะลักออกมาเป็นสาย
“มะ... มันแย่มากเลยใช่มั้ย? อาห์ ซี้ดส์... สสสส อู๊ย บี้ตรงนั้น... สะ... เสียวค่ะ” อ้อมใจพูดออกตัวแบบรู้สึกผิด เพราะคิดไปเองว่าสรีระของเธอคงจะเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ชายเกิดหมดอารมณ์
“ใช่ที่ไหนล่ะครับ ตรงกันข้ามซะอีก ยิ่งเห็นคุณอ้อมท้องแล้วยังมีอารมณ์ได้แบบนี้... ผมยิ่งตื่นเต้นกว่าปกติซะอีก มันเหมือน... ได้ปลุกอารมณ์จนแม่ชีตบะแตกน่ะ เก็ตมั้ยครับ?” โมเอ่ยหยอกเย้าด้วยอารมณ์คึกคักเป็นพิเศษ พร้อมกับเกร็งนิ้วกลางกดชำแรกใส่เข้าไปยังปากรูที่เปียกชื้น จนนิ้วมือเขาจมหายเข้าไปในตัวเธอได้เกือบหนึ่งข้อนิ้ว
ภาพของคนท้องในหัวเขานั้นมันค่อนข้างจะห่างไกลจากเรื่องเซ็กส์อยู่พอสมควร แม้จะรู้ดีว่าคนท้องก็ยังมีอารมณ์ความต้องการได้เหมือนคนปกติ แต่ภาพดังกล่าวก็มักจะถูกทาบทับด้วยภาพลักษณ์ของความเป็นคุณแม่ผู้ใจดี คอยโอบอุ้มประคองกอดลูกน้อยในอ้อมแขนของตนเองไว้อย่างทะนุถนอม จนกลายเป็นเรื่องของความรัก ความห่วงใย มากกว่าที่จะเป็นภาพของสาวสวยที่กำลังแสดงอาการร้อนร่าน นอนบิดดิ้นเร่าๆ ให้เขาบรรจงแทงนิ้วเข้าออกอยู่ในร่างกายเธออย่างในตอนนี้
“อือ... อ้อมไม่รู้... ซี้ดส์... อาห์ คุณโม... อู๊ย ช้าๆ ก่อนนะคะ อ้อมเจ็บนิดๆ อือ... ออออ” อ้อมใจร้องบอกหน้าเหยเก ยื่นมือมาคว้าจับข้อมือของเขาไว้เพื่อปรามให้เขาขยับแยงนิ้วช้าลง
“ปล่อยตัวสบายๆ ครับ ผมจะทำเบาๆ นะ ไม่ต้องกลัว รีแล็กซ์... เข้าไปเรื่อยๆ แล้ว” โมปลอบเธอ พร้อมกับขยับดุนนิ้วมือเข้าไปช้าๆ เป็นวงกลม จนกระทั่งโพรงเนื้ออ่อนได้กลืนกินโคนนิ้วของเขาเข้าไปจนหมดสิ้น สิ่งที่รายล้อมอยู่เวลานี้จึงมีเพียงสัมผัสที่อุ่นชื้นและแนบแน่นของผนังถ้ำรอบๆ เท่านั้น
เขาปล่อยให้อ้อมใจได้มีเวลานอนพักทำใจอยู่ครู่หนึ่ง และพุ่งความสนใจย้ายไปที่ร่างกายท่อนบนของเธอแทน โดยใช้มือซ้ายเปลื้องผ้าขนหนูที่คอยห่อหุ้มเนื้อตัวคนท้องออก ทำให้ร่างเปลือยเปล่าที่ขาวเนียนนั้นปรากฏแก่สายตาของเขาอย่างชัดเจนเต็มสองตา สิ่งที่เห็นโดดเด่นอยู่ตรงหน้าเขาคือเนินเนื้อขนาดมหึมาสองลูกตั้งตระหง่านอยู่คู่กัน บนยอดเขานั้นคือเม็ดทับทิมสีแดงอมน้ำตาลที่ประดับอยู่ ปลายจุกของมันกำลังแอ่นชี้และชูชันเหยียดกายขึ้นสูงราวกับปลายศรที่เล็งขึ้นไปบนอากาศ บ่งบอกได้ถึงอารมณ์ใคร่ที่กำลังสูบฉีดและปะทุเดือดอยู่ภายใต้ผิวกายสาว
เต้านมที่อวบใหญ่เต็มไม้เต็มมือ แม้จะใช้ทั้งฝ่ามือกางบีบลงไปก็ยังไม่สามารถประคองได้หมด สัมผัสที่แสนจะหยุ่นนุ่มและเต่งตึงสู้มือ เย้าอารมณ์จนชายหนุ่มจำต้องถอนนิ้วมือออกจากหน้าขาเธอ เพื่อมาประกบคู่กับเต้าเนื้อทั้งสองข้างอย่างพร้อมเพียงกัน ไม่บ่อยนักที่เขาจะมีโอกาสได้ประมือกับเนินเนื้ออวบใหญ่เช่นนี้ ชายหนุ่มจึงทุ่มความสนใจไปที่การนวดเฟ้นเล่นที่เต้านมสวยๆ ของเธอ ทั้งซ้าย... ทั้งขวา... พอได้โอกาสก็ค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ พร้อมกับใช้ลิ้นตวัดแลบเลียชิมรสชาติยอดเม็ดทับทิมเบาๆ จนสาวเจ้าตัวสั่นสะท้าน ส่งเสียงครางซี้ดซ้าดออกมาไม่ขาดปาก
โมใช้ลิ้นละเลงเลียจนเต้านมเธอเปียกชุ่มไปด้วยคราบน้ำลาย ก่อนที่เขาจะบรรจงใช้ปากเม้มดูดลงไปที่ส่วนปลายถัน เพื่อชิมรสชาติความหอมหวานจากกายเธอแบบเต็มคราบ ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า แต่เขารู้สึกว่าเต้านมเธอมันอร่อยหอมหวานดีเหลือเกิน ทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่น่าจะผลิตน้ำนมออกมาด้วยซ้ำ หรือมันอาจจะเป็นรสชาติความหอมหวานจากผิวกายดั้งเดิมของเธอก็ได้ ถ้าไม่ใช่กลิ่นและรสของ ‘คนรวย’ ก็อาจจะเป็นกลิ่นรสของ ‘คนท้อง’ ที่แน่ๆ ก็คือเนื้อตัวของอ้อมใจนั้นอร่อยหอมหวานน่าลิ้มลองเป็นอย่างยิ่ง จนเขาต้องคอยสลับดูด เดี๋ยวซ้ายที... เดี๋ยวขวาที... ราวกับทารกน้อยที่กำลังโหยหานมแม่
“โอ๊ย คุณโม... อ้อมเสียวจะแย่อยู่แล้ว... อือ... ซี้ดส์... สสสส อืม... มมมม” อ้อมใจร้องครวญกระเส่า บิดกายดิ้นเร่าๆ ไปมาอย่างไร้ทางหนี ความที่ห่างเหินจากสัมผัสของชายคนรักมานาน ทำให้ร่างกายของสาวท้องจึงอ่อนไหวต่อสัมผัสแปลกใหม่มากเป็นพิเศษ
“ขอผมชิมเนื้อตัวคุณอ้อมอีกนิดนึงนะครับ” โมเอ่ยขออย่างสุภาพ ก่อนจะถอนใบหน้าออกจากทรวงอกเธอ แล้วลากริมฝีปากพรมจุมพิต ไล่ตั้งแต่หน้าท้อง เลาะลงมาถึงบริเวณเนินเนื้อตรงกลางหว่างขา ก่อนจะซุกหน้าจูบเข้าไปที่กลางรอยแยกฟอดใหญ่ ทำเอาสาวไฮโซถึงกับหลุดปากร้องครางออกมาดังๆ อีกระลอกแบบสุดกลั้น
“ว้าย! ตายแล้ว! ซี้ดส์... สสสส อู๊ย... ยยยย คุณโม... มมมมมมม” อ้อมใจละล่ำละลักร้องครวญครางแทบไม่เป็นคำ สองมือจิกขยุ้มลงไปที่เส้นผมของเขา พลางออกแรงดึงทึ้งด้วยอารมณ์เสียวซ่านสุดขีด แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มนั้นจะไม่ได้รู้สึกรู้สาใดๆ กับปฏิกิริยาตอบโต้ของเธอแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เขากลับยิ่งก้มหน้าก้มตา ใช้ปากละเลงโลมเลียที่จุดเสียวของเธอรัวๆ ทั้งดูด... ทั้งเม้ม... ทั้งแยงลิ้น จนหน้าขาที่เปียกแฉะอยู่แล้วของเธอมันยิ่งเปียกชุ่มเข้าอีก เมื่อมีคราบน้ำลายของเขาผสมปนเปเข้าไป รสชาติเค็มๆ คาวๆ แปร่งลิ้น กระตุ้นอารมณ์หื่นจนชายหนุ่มแทบไม่อยากถอนใบหน้าออกไปจากกายเธอ
โมใช้ปลายลิ้นและริมฝีปากทำหน้าที่เป็นตัวแทนมอบความสุขสมให้กับเธอ เขาพรมจูบเข้าไปที่ปุ่มกระสันเสียวด้านนอก สลับกับออกแรงเม้มดูด ในขณะที่นิ้วมือก็กรีดแทงลึกเข้าไปในร่องรูที่เปียกชื้นในยามที่สาวท้องไม่ทันระวังตั้งตัว ทั้งปากและนิ้วคอยสลับเร่งจู่โจมที่จุดศูนย์รวมความเสียวของสาวไฮโซจนเนื้อตัวเธอลอยแอ่นกระตุกหวือก้นแทบไม่ติดเตียง พอปลุกเร้าอารมณ์เธอได้จนหนำใจแล้ว ชายหนุ่มก็ตัดสินใจจะปิดบัญชี เขาเลื่อนริมฝีปากลงไปจ่อที่บริเวณรอยแยกหน้าปากทางเข้า ส่งปลายลิ้นเรียวแหลมราวหัวลูกศร กดแยงทิ่มเข้าไปในอุโมงค์ ซึ่งมีนิ้วกลางและนิ้วนางของเขาคอยขุดคว้านรออยู่ก่อนแล้ว เพียงเท่านี้ สาวสวยก็ตัวกระตุกดิ้นพล่านๆ ส่ายสะบัดใบหน้าพร้อมกับแหกปากร้องครวญครางดังลั่น เมื่ออารมณ์ของเธอมันถูกไล่ต้อนขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุด
“อ๊าย! คุณ... คุณโม... โอ๊ย! ซี้ดส์... สสสส อ้อม... อ้อมแย่แล้ว... ววววว อาห์ ซี้ดส์... อ้อมจะเสร็จ... เสร็จ... เสร็จแล้ว!! อาห์!!!!!” อ้อมใจแอ่นแหงนหน้าเชิด ลำคอเหยียดเกร็ง หน้านิ่วคิ้วขมวด พร้อมเปล่งเสียงร้องครวญครางสยิวออกมาอย่างสาสมใจแบบไม่ต้องนึกเกรงใจใครอีก จังหวะที่เธอถึงจุดสุดยอด เนื้อตัวเกร็งกระตุกสั่น โมก็ยังคงก้มหน้าก้มตา ดื่มกินรสชาติความสาวของเธอโดยไม่ยอมถอนหน้าออกไปไหน จนกระทั่งเมื่ออิ่มหนำสำราญใจพอแล้ว เขาจึงยอมละปากออก ถอนใบหน้าออกมาชื่นชมภาพร่างเปลือยเปล่าของคนท้องที่กำลังนอนหอบหายใจพะงาบๆ อยู่ด้วยความเหนื่อยอ่อน
“ผมนวดโอเคมั้ยครับคุณอ้อม?” โมถามยิ้มๆ อย่างอ่อนโยน ปล่อยช่องว่างให้ลูกค้าสาวได้มีเวลาพักหายใจหายคอโดยไม่เร่งรีบ
“ค่ะ... โอเคค่ะ ดีมากเลย อ้อมพึ่งรู้ว่านวดแบบนี้ก็มีด้วย” อ้อมใจปรือตาขึ้นมาตอบอย่างเหน็ดเหนื่อย หน้าอกหน้าใจและหน้าท้องที่โป่งนูนนั้นสั่นกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจที่ยาวลึกและถี่กระชั้น
“เค้าเรียกนวดอีโรติกครับ นวดผ่อนคลายอะไรทำนองนั้นน่ะ ผมก็จำๆ จากคนอื่นมาอีกที” ชายหนุ่มตอบ ในหัวก็นึกไปถึงใบหน้าหมวยๆ ของแนนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เทคนิคต่างๆ ที่เขาพยายามงัดขึ้นมาใช้ในครั้งนี้ ก็ล้วนแต่ครูพักลักจำมาจากตอนที่ ‘เคยดู’ และ ‘เคยโดน’ เธอนวดมาก่อนทั้งนั้น
สาวท้องนอนหอบแฮ่กๆ หลับตาพริ้มด้วยความเหนื่อยอ่อน หลังจากทะยานขึ้นสวรรค์ไปด้วยฤทธิ์ดัชนีและชิวหาของเขา ลีลาเล้าโลมที่ชายหนุ่มป้อนให้นั้นช่างจัดจ้านและเร้าใจ สมกับที่เธอตั้งใจมาใช้บริการที่นี่จริงๆ โดยที่สาวไฮโซหารู้ไม่ว่า ไอ้สิ่งที่เธอพึ่งประสบพบเจอไปนั้น มันเป็นเพียงออเดิร์ฟที่เอาไว้เรียกน้ำย่อยเท่านั้น ก่อนที่ของจริงกำลังจะตามมาติดๆ เมื่อชายหนุ่มคนดีคนเดิม จัดการประคองร่างอ่อนนุ่มที่ชุ่มเหงื่อของเธอให้พลิกมาอยู่ในท่าคลานคุกเข่าสี่ขา พร้อมกับนำหมอนมารองไว้ใต้หน้าท้องอันใหญ่โค้งไว้ให้เสร็จสรรพ เป็นสัญญาณว่าเขากำลังจะเผด็จศึกเธอในท่าหมา พอรู้แบบนี้แล้วสาวสวยก็ถึงกับหน้าแดงแป๊ด รู้สึกเคอะเขินขึ้นมาทันตา เมื่อตนเองต้องมาอยู่ในท่วงท่าอันน่าอายเช่นนี้กับชายแปลกหน้า
“โอ๊ย คุณโม... ท่านี้เลยเหรอ?” อ้อมใจครวญเสียงอ่อย
“แบบนี้แหละครับ น่าจะเหมาะกับคุณอ้อมที่สุดแล้ว ปลอดภัยกว่าด้วย” โมตอบทันใจ ตอนนี้เขาหยิบเอาถุงยางมาสวมใส่ครอบอาวุธของตนไว้พร้อมสรรพแล้ว ชายหนุ่มใช้มือบีบลงไปที่แก้มก้นเต่งตึง ส่วนอีกมือประคองจ่อส่วนปลายของอาวุธกดแนบเข้าไปที่ปากถ้ำอันฉ่ำชื้น พอผิวกายของทั้งคู่สัมผัสกันเบาๆ ร่างของสาวสวยก็พลอยสั่นสะท้านน้อยๆ ด้วยความหวาดเสียว ก้มหน้างุดๆ ฟุบลงไปกับหมอนตรงหน้า หลับตาลงไม่กล้ามองภาพอะไรต่อ พร้อมกับเกร็งร่างรอรับระลอกความเสียวที่กำลังจะถาโถมเข้ามาในตัว
และแล้วปลายหอกแห่งความเป็นชายของเขาก็ค่อยๆ กดชำแรกเข้ามาในร่องรูอันคับแคบของเธอ แม้จะมีคราบน้ำหล่อลื่นช่วยนำทางแล้ว แต่ความใหญ่โตของมันก็ทำให้สาวไฮโซถึงกับเบิกตาค้างกว้าง อ้าปากพะงาบๆ เหมือนจะร้องแต่ก็ร้องไม่ออก ได้แต่นอนตัวเกร็ง ปล่อยให้เขาค่อยๆ บดอาวุธอัดเข้ามาในร่างเธอทีละน้อยๆ สองมือเธอจิกขยุ้มลงไปบนหมอนอย่างลืมตัวลืมใจ โพรงเนื้อเกร็งขมิบยิบๆ รับกับการเคลื่อนไหวของแท่งเนื้อที่กดคว้านลึกเข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาสามารถกดอาวุธเข้ามาแช่ในตัวเธอได้เกือบสุด
“อูย... ยยยย แน่นสุดๆ เลยครับคุณอ้อม ฟิตจริงๆ” โมกล่าวชมเธอ หลับตาพริ้ม รับรู้ได้ถึงอาการตอดรัดจากโพรงเนื้อที่พยายามจะต่อต้านการรุกรานของเขา
“Oh my god… คุณโม โอ๊ย อ้อมจุกมากเลย ไม่เคยเจอใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ของอ้อมจะฉีกมั้ยเนี่ย? ฮือ... อออออ” อ้อมใจที่เสียวซ่านสุดขีด ถึงกับหลุดปากร้องครางออกมาเป็นภาษาอังกฤษแบบลืมตัว ความจุกเสียดนั้นทำให้เธอหวนนึกย้อนไปถึงค่ำคืนแรกที่ถูกชายคนรักเปิดบริสุทธิ์ ครั้งนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดทรมานแบบนี้เหมือนกัน แม้จะไม่รู้สึกจุกแน่นเท่า เพราะขนาดอาวุธที่ต่างกันก็เถอะ
“รีแล็กซ์นะครับ ผมจะทำเบาๆ” โมปลอบขวัญเธอ สอดมือทั้งสองข้างล้วงไปบีบขยำที่เต้านมเธอเล่นเพื่อช่วยปลุกอารมณ์อีกทาง พร้อมกับฉวยจังหวะนั้นบดคลึงบั้นเด้า โม่ท่อนเนื้อยักษ์ให้มุดควงสว่านไปรอบๆ โพรงเนื้อแบบช้าๆ สัมผัสที่อัดแน่นอยู่เต็มท้องน้อยทำให้อ้อมใจต้องส่งเสียงครางสูดปากออกมายาวๆ ตลอดเวลาตามการเคลื่อนไหวของแท่งเนื้อ
“โอ๊ย... ยยยย อ้อมจุก... จุกด้วย... เสียวด้วย... เบาๆ น้า” อ้อมใจร้องบอกด้วยท่าทีหวาดเสียวตลอดเวลา เส้นขนลุกซู่ชูชัน ไม่ต่างอะไรจากจุกยอดปทุมถันที่กำลังโดนนิ้วมือซุกซนเขี่ยคลึงเคล้นเล่นสนุกอยู่
อ้อมใจนั้นถูกเลี้ยงดูมาในกรอบระเบียบตลอดตั้งแต่เล็กจนโต เธอจึงถูกเสี้ยมสอนอยู่เสมอว่าการเป็นผู้หญิงดีๆ นั้นจะต้องรักนวลสงวนตัว ซื่อสัตย์กับสามีตัวเอง รักเดียวใจเดียว ไม่เป็น ‘ผู้หญิงง่ายๆ’ แบบที่คุณแม่ของเธอชอบใช้คำนี้เรียกขานสาวๆ วัยรุ่นในยุคนี้ ที่พร้อมจะยินยอมพลีกายให้ชายแปลกหน้ามีอะไรด้วยง่ายๆ ทว่าน่าแปลก เมื่อถึงคราวที่เธอตัดสินใจจะแหกกฎระเบียบ และทำตัว ‘ง่ายๆ’ แบบนั้นจริงๆ มันกลับสร้างความรู้สึกหฤหรรษ์ระคนสุขเสียวให้กับเธอ มากมายเสียยิ่งกว่าที่สามีสุดที่รักเคยมอบให้เสียอีก
ริมฝีปากของชายหนุ่มระดมพรมจูบลงไปที่แผ่นหลังเปลือยเปล่า จนสาวท้องรู้สึกสยิวขนลุกซู่ สองมือเขี่ยขยำเล่นที่เต้านมอวบอิ่ม จนก้อนเนื้อที่เคยขาวจั๊วะนั้นมันมีแต่รอยแดงช้ำจากน้ำมือเขา และที่ร้ายกาจยิ่งกว่าอะไรก็คือเจ้าอาวุธยักษ์ตรงกลางหว่างขา ซึ่งกำลังกดตะบันเข้าออกอยู่ในร่างกายเธอ ทั้งขนาดที่ใหญ่โตผิดปกติ ทั้งลีลาการกระเด้าคว้านที่เหนือชั้นจนสังเกตได้ มันช่างประสานงานกันอย่างลงตัว ตอกเข้า... ตอกออก.. แต่ละดอกทำให้กลีบเนื้องามตรงปากทางเข้านั้นบิดปลิ้นยู่ยี่ หยาดน้ำเสียวหลั่งนองทะลักเปียกเลอะง่ามขา พร้อมๆ กับที่ใบหน้างามนั้นบิดเบี้ยวเหยเก คิ้วขมวดยู่ย่น พลางเปล่งเสียงครางโหยหวนออกมาดังลั่นอย่างไม่อาจกลั้น
“อ๊าย ซี้ดส์... สสสสส อาห์ ใหญ่จัง... ของคุณโมใหญ่... โอ๊ย อ้อมไม่เคยเจอแบบนี้ อู๊ย... เสียวค่ะ เสียว... วววววว” อ้อมใจแอ่นเชิดหน้าร้องครางดังลั่น ขณะที่ชายหนุ่มด้านหลังเริ่มเร่งความเร็วและเพิ่มระยะในการสาวกระแทก แต่ก็ยังไม่รุนแรงเกินไปจนเสี่ยงจะไปทำอันตรายต่อลูกในท้องเธอ เพราะเขาเลือกที่จะเน้นในเรื่องของระยะการสอดใส่ที่ยาวและลึก มากกว่าที่จะไปเพิ่มน้ำหนักในการเข้าทำ เพียงเท่านี้ก็ทำให้สาวไฮโซคนสวยถึงกับเงี่ยนง่านจนแข้งขาอ่อนปวกเปียกไปหมด เต้านมคู่มหึมานั้นแกว่งกระเพื่อมไปตามน้ำหนักประดุจลูกตุ้มยักษ์ สองมือเธอควานขยุ้มจิกเกร็งลงไปยังผ้าปูที่นอนด้วยความเสียวซ่านสะท้านใจ พลางแอ่นเด้งก้นรับการกระเด้าของเขารัวๆ สลับกับส่ายสะบัดหน้าร้องครางระงมไม่ขาดปาก
ชีวิตคู่ที่ผ่านมา อ้อมใจก็ไม่เคยรู้สึกว่าเรื่องเซ็กส์ของตนกับสามีนั้นขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด หรือแม้แต่ตอนที่สาวสวยจับได้ว่าสามีแอบมีชู้รัก จนเธอเตลิดเปิดเปิงไปถึงขั้นยอมนอกกายกับชายอื่นที่พึ่งพบหน้าเพื่อแก้แค้นเขา ซึ่งเธอมั่นใจว่าเซ็กส์ในตอนนั้นก็ดุเด็ดเผ็ดมันกว่าที่เคยเจอมาแล้ว แต่มันก็ยังเป็นความรู้สึกเสียวสยิวในแบบที่ใกล้เคียงกัน ไม่ได้แตกต่างห่างกันคนละชั้น เหมือนอย่างที่เธอกำลังประสบพบเจอในตอนนี้ อาจด้วยขนาดที่ใหญ่โตผิดมาตรฐานชายไทย ขยับตรงไหนก็โดนจุดเสียวเธอไปเสียทั้งหมด บวกกับลีลาการเล้าโลมที่ช่างเร่าร้อนสลับกับนุ่มนวล และรู้จุดรู้ใจไปเสียทุกอย่าง มันทำให้อารมณ์ใคร่ของเธอที่ควรจะดับมอดลงไป กลับถูกเขาปลุกเร้าให้ลุกโชนขึ้นมา จนจวนเจียนที่จะระเบิดแตกซ้ำเป็นคำรบสอง ในแบบที่เธอไม่เคยคาดคิดว่าจะเป็นได้!
นาทีนั้น สาวสวยได้ลืมเลือนหมดสิ้นแล้วซึ่งทุกสิ่งที่คอยรบกวนจิตใจมาตลอด เธอลืมความโกรธเคืองที่มีต่อสามีผู้ไม่ซื่อสัตย์ ลืมถ้อยคำตำหนิตัวเองที่กล้าบากหน้ามาใช้บริการสัปดนในที่แบบนี้ และลืมแม้กระทั่งเรื่องที่ว่าตนนั้นกำลังตั้งท้องอยู่ ไม่ควรจะมานอนแหกแข้งแหกขามัวเมาไปกับการเสพสวาท โดยเฉพาะกับคู่ขาที่ไม่ใช่สามีตัวจริงของเธอแบบนี้!
“ซี้ดส์... ผมพึ่งรู้นะครับเนี่ย ว่าทำกับคนท้องก็ฟินเหมือนกัน อืม... แน่นมาก” โมออกปากชมขณะรวบร่างเธอรั้งเข้ามากระแทกเสียงดัง ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ! จนสาวเจ้าครางระงม
“อาห์... จ... จริงเหรอคะ... ดีใจจังเลย... ที่คุณโม... อู๊ย... ยยย ชะ... ชอบ ซี้ดส์...” อ้อมใจร้องตอบตะกุกตะกัก เพราะกำลังโดนเขากระแทกจนร่างโงนเงนไปมา รู้สึกท่วมท้นไปด้วยอารมณ์สุขเสียวจากแท่งเนื้อยักษ์ที่กำลังขุดคว้านเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ แต่ละครั้งที่เขาตอกเข้ามามันทำให้เธอทั้งจุกเสียด ตึงแน่น จนรู้สึกอึดอัดทรมานอยู่ในที แต่ขณะเดียวกัน พอเขาออกแรงถอนมันออก โพรงเนื้ออ่อนในกายเธอก็จะออกแรงเกร็งขมิบ ราวกับตั้งใจจะยึดรั้งอาวุธของเขาไว้ด้วยอารมณ์อาวรณ์เสียดาย
“ชอบมั้ยครับ? รู้สึกดีใช่มั้ยครับคุณอ้อม?” โมกระซิบถามปลุกอารมณ์เธอ มือข้างหนึ่งเอื้อมไปคลึงเคล้นเล่นที่ทรวงเต้าขาวอวบ ส่วนมืออีกข้างคอยเหนี่ยวรั้งที่หน้าขาเพื่อกระชากตัวเธอเข้ามากระแทกแบบเน้นๆ
“อ๊า... ชอบ... ชอบ... บบบบ ค่ะ ซี้ดส์ อ้อมไม่เคย... เสียวขนาดนี้มาก่อนเลย โอ๊ย... อ้อมแย่แล้ว จะเสร็จอีกแล้ว” อ้อมใจร้อง สีหน้าย่ำแย่เหยเก เมื่อถูกรุกไล่จนใกล้จะวิ่งเข้าเส้นชัยอีกเป็นครั้งที่สอง ร่องเนื้อเธอตอดขมิบรัดสู้กับอาวุธยักษ์ของเขาที่ปักคาลำตัวอย่างสู้ยิบตา ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าจะได้พบเจอกับความรู้สึกเสียวซ่านหฤหรรษ์ถึงเพียงนี้ ทั้งที่เมื่อครู่เธอพึ่งจะเสร็จกิจไปรอบหนึ่งแท้ๆ
“ดีครับ เสร็จเลย ผมอยากให้คุณอ้อมเสร็จ ปล่อยอารมณ์มาเลย ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว แบบนี้! แบบนี้!” โมพูดไม่พูดเปล่า แต่ยังใส่น้ำหนักในการกระแทกเพิ่มเข้าไป จนทำให้เนื้อก้นเธอสั่นกระเพื่อมไปมาอย่างน่าดูชม พร้อมกับเสียงร้องโหยหวนที่ดังขึ้นอีก
“โอ๊ย! คุณโม... โอ๊ย... ยยยย ซี้ดส์ อ้อม... อ้อม... อ๊ะ! อ๊า!!!!!” อ้อมใจแผดเสียงร้องออกมาอย่างสุดกลั้น ฟุบหน้าและทิ้งกายลงไปนอนหมอบกับหมอนใบใหญ่เบื้องหน้าอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรง เนื้อตัวที่ขาวโพลนซึ่งอาบชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อนั้นสั่นกระตุกเฮือกๆ อย่างรุนแรง พร้อมอาการบีบรัดของโพรงเนื้ออ่อนที่กำลังถูกคว้านทะลวงจนกลีบแคมด้านนอกปลิ้นบิดยู่ยี่
ฝ่ายโมเมื่อเห็นอาการดังกล่าวก็รับรู้ได้ทันทีว่าลูกค้าสาวนั้นถึงจุดหมายปลายทางแล้ว เขาจึงถอนอาวุธที่กำลังแข็งโป๊กออกมาจากโพรงเนื้อ เพื่อไม่ให้น้ำหนักตัวของตนนั้นกดทับลงไปยังร่างบอบบางของสาวสวย เขาปล่อยให้เธอได้นอนพักหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนไปตามสบาย จนกระทั่งเมื่อความเหนื่อยล้าเริ่มจางลง สาวไฮโซจึงค่อยขยับพลิกกายหันมาหาเขา พร้อมกับดึงเอาผ้าห่มบนเตียงมาห่มคลุมกายเอาไว้อย่างขวยเขิน
“คุณโมไม่ทำต่อให้เสร็จเหรอคะ?” อ้อมใจเอ่ยถามแบบเอียงอาย แทบไม่กล้าสบตากับชายที่พึ่งทำให้เธอถึงจุดสุดยอดแบบตรงๆ
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ แค่คุณอ้อมมีความสุข ผมก็สบายใจแล้ว” โมตอบพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนหวานให้เธอ
“โอ๊ย! คุณโม อ้อมเกรงใจ...” สาวท้องพูดเสียงอ่อย
“เกรงใจอะไรกันครับ คุณอ้อมเป็นลูกค้าของที่นี่นะ นี่มันหน้าที่ผมอยู่แล้ว ป่ะๆ เดี๋ยวผมช่วยถูหลังให้คุณอ้อมดีกว่า คุณอ้อมจะได้ไม่ต้องก้มๆ เงยๆ มาก ผมเป็นห่วงครับ” ชายหนุ่มไม่วายที่จะหยอดบริการหลังการขายแถมให้เธอ
พอล้างเนื้อล้างตัวกันจนสะอาดเอี่ยมอ่องแล้ว ทั้งสองก็สวมชุดคลุมอาบน้ำออกมานั่งพูดคุยผ่อนคลายกันต่อที่เตียงนอน โดยที่ชายหนุ่มอาสานวดไหล่และนวดหลังให้เธอเป็นการทิ้งท้าย
“คุณโมรู้มั้ย ก่อนที่จะตัดสินใจมาคืนนี้ อ้อมลังเลอยู่นานเลยนะ ใจนึงก็กลัว ใจนึงก็เสียดายเงินที่สมัครไป คิดวนไปวนมาอยู่ตั้งหลายวัน ถ้ามาแล้วเจอประสบการณ์แย่ๆ จะทำยังไง หรือถ้ามีใครรู้เข้า แต่สุดท้าย... พอได้มาลองจริงๆ แล้วได้เจอคุณโมเป็นคนแรก อ้อมสบายใจขึ้นเยอะเลย ขอบคุณนะคะสำหรับคืนนี้” อ้อมใจกล่าวระบายความรู้สึกกับเขาด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย ขณะนั่งหลับตาพริ้มปล่อยกายปล่อยใจให้เขานวดไหล่คลายปวดเมื่อยอยู่ที่ปลายเตียง
“ผมก็ต้องขอบคุณคุณอ้อมเหมือนกันครับ งานแรกที่เจอ ก็เจอคนใจดีแบบคุณอ้อมใจ มั่นใจขึ้นเยอะ แต่ว่า... ยังไงรอบหน้าก็ระวังเรื่องเผลอบอกชื่อตัวเองหน่อยนะครับ” โมขอบคุณเธอกลับ พร้อมกับหยอดมุกเรียกเสียงหัวเราะขวยเขินจากคู่สนทนา
“อ้อมเด๋อมากเลยอ่ะ พอถึงเวลาจริงแล้วลืมไปหมดว่าต้องทำอะไรมั่ง” อ้อมใจหัวเราะร่าเริง หน้าอกหน้าใจอวบใหญ่จึงพลอยสั่นกระเพื่อมขึ้นลง และไม่รอดสายตาของชายหนุ่มที่กำลังนั่งมองมันอยู่จากมุมสูงทางด้านหลัง
“จะว่าไป... นี่พึ่งจะผ่านไปแค่สี่สิบนาทีเอง ยังพอมีเวลาเหลือให้เราได้สนุกกันอีกนะครับ” โมเกริ่นอย่างแฝงความนัย มือที่นวดไหล่อยู่ก็ค่อยๆ เลื่อนลงมานวดที่ใต้เนินอก และประคองบีบมันจนสาวเจ้าอุทานออกมาเบาๆ เพราะไม่ทันตั้งตัว
“อุ๊ย! คุณโมเนี่ย... จริงสิ เมื่อกี้คุณโมยังไม่เสร็จเลยนี่นา” สาวท้องหลับตาพริ้ม เนื้อตัวสะท้านอยู่ในอ้อมแขนเขา
“ให้ผมทำให้คุณอ้อมมีความสุขอีกซักครั้งนะครับ” โมพูดแล้วจูบซุกไซ้ที่ใบหูและลำคอขาวๆ ของเธอ มือก็คอยบีบคลึงเล่นที่ทรวงเต้า พร้อมกับใช้นิ้วกดบี้ที่จุกถันจนเธอครางซี้ดๆ
“อาห์... อืม... มมมม ก็ได้ค่ะ งั้นอ้อมต้องต่อเวลาเพิ่มมั้ยเนี่ย อึ๋ย... ซี้ดส์... สสสสส” อ้อมใจร้องครวญระงม ตัวสั่นเทิ้ม เมื่อโดนเขาใช้ลิ้นชอนไชที่ติ่งหู
“ไม่ต้องหรอกครับ แค่เวลาที่เหลือนี่ก็เกินพอแล้ว” ชายหนุ่มตอบอย่างมั่นใจ มือก็เริ่มล้วงต่ำลงไปป้วนเปี้ยนที่หน้าขาของเธอ
“อือ... อออออ ได้ค่ะ... งั้นเอาตามนั้น อาห์” สาวสวยคล้อยตามอย่างว่าง่าย
ชายหนุ่มจัดแจงประคองร่างเธอให้เอนหงายราบลงไปกับเตียงนอน ให้ก้นเธออยู่ชิดใกล้กับปลายเตียงที่สุด ก่อนจะใช้สองมืออันทรงพลัง ดันแหวกหน้าขาของเธอให้ฉีกกว้างออกมาเป็นรูปตัวเอ็ม จากนั้นเขาก็มุดหน้าลงไปจูบซุกไซ้ที่บริเวณรอบๆ หน้าขาของสาวท้องเพื่อเริ่มปลุกอารมณ์เธอใหม่ ทั้งดูด ทั้งดุน ทั้งจูบโลมเลีย ผสานไปกับการใช้นิ้วเขี่ยคลึงหยอกเย้าทั้งเนินอกและร่องเสียว ไม่นานก็ทำให้สาวท้องเริ่มที่จะนอนบิดกายดิ้นเร่าๆ พ่นลมหายใจออกมายาวๆ พร้อมกับที่หน้าขาของเธอเริ่มจะเกิดอาการฉ่ำแฉะขึ้นมาอีกครั้ง...
“คุณโม... อ้อมอยากอีกแล้ว ให้อ้อมขึ้นบ้างนะคราวนี้” อ้อมใจที่เริ่มจะคุ้นเคยกับชายแปลกหน้าแล้ว จึงกล้าที่จะบอกความต้องการกับเขาตรงๆ ซึ่งชายหนุ่มก็อมยิ้มและรีบพยักหน้ารับด้วยความเต็มใจ
“ได้ทุกอย่างที่คุณอ้อมต้องการเลยครับ” โมตอบ ก่อนจะช่วยประคองให้เธอลุกขึ้นนั่ง ส่วนตนเองก็ลุกเดินไปหยิบถุงยางมาสวมอีกรอบ แล้วลงไปนอนหงายเอนกาย ปล่อยให้เจ้าจรวดนำวิถีดุ้นยาวนั้นตั้งตระหง่านโด่เด่ท้าทายสายตาของเธออย่างไม่อายฟ้าดิน
“ยิ่งเห็นชัดๆ ยิ่งรู้สึกว่าใหญ่กว่าเดิมอีก” อ้อมใจเอ่ยเขินๆ ขณะปีนขึ้นมานั่งทับอยู่บนหน้าขาเขา เตรียมจะขึ้นควบขี่เจ้าดุ้นเนื้อที่เธอกำลังวิพากษ์วิจารณ์มันอยู่ สายตาเธอจับจ้องมองมันอย่างไม่วางตาเหมือนคิดอะไรในหัว ก่อนที่จะตัดสินใจทำบางอย่างออกไป
“เอ๊ะ! คุณอ้อม?” เป็นโมที่หลุดอุทานออกมาอย่างแปลกใจ เมื่อพบว่าสาวท้องกำลังใช้มือดึงรูดถุงยางที่เขาสวมใส่ไว้เรียบร้อยแล้วออกไปจากแก่นกายตรงหว่างขา พอลองจ้องสบตาเธอก็ได้พบเจอกับรอยยิ้มซุกซนที่เธอไม่เคยแสดงออกมาให้เขาเห็นมาก่อน
“พนักงานที่นี่ตรวจโรคหมดแล้วทุกคนใช่มั้ยคะ?” อ้อมใจเอ่ยถามเรียบๆ แต่เพียงเท่านี้ชายหนุ่มก็พอจะเดาได้ทันทีว่าเธอกำลังหมายถึงอะไร
“ก็ใช่แหละครับ แต่ว่าคุณอ้อม... จะให้ผมทำสดๆ จริงๆ เหรอ?” ชายหนุ่มถามย้ำถึงความตั้งใจของเธอ
“ไหนๆ เราสองคนก็อาจจะไม่ได้เจอหน้ากันอีกแล้ว ยังไงอ้อมขอมีความสุขกับคืนนี้ให้เต็มที่ไปเลยนะคะ” สาวท้องประกาศเจตนารมณ์ของตนเองออกมาโดยไร้แววลังเลในน้ำเสียง แถมยังจับอาวุธของเขามาจ่อแนบกับปากถ้ำของตนเองเสียอีก พอถึงตรงนี้ ชายหนุ่มที่เป็นเพียงลูกจ้างของสถานบริการอย่างเขา ก็มีแต่จะต้องยินยอมสนองความต้องการของลูกค้าวีไอพีแบบเธอเท่านั้น
“ตกลงครับ ถ้าคุณอ้อมต้องการแบบนั้น” ชายหนุ่มรับคำ ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าหมับที่บั้นเอวเธอ แล้วดึงรั้งเข้าหาตัว จนปลายหอกของเขามันมุดทิ่มเข้าไปในโพรงเนื้อที่เปียกเยิ้มในที่สุด
“อ๋า! ซี้ดส์... สสสสส อู๊ย... ยยย คุณโม... มมมมมม” อ้อมใจร้องครางระงม พยายามเหยียดกายหนีขึ้นฟ้าตามสัญชาตญาณ แต่ก็ไปไหนไม่รอด ต้องถูกชายหนุ่มจับยึดร่างเธอให้ขย่มสวมลงมาบนตัวอย่างต่อเนื่อง จนท่อนเนื้อยักษ์นั้นทิ่มลึกเข้าไปครึ่งค่อนลำ พร้อมกับอาการจุกเสียดแน่นไปทั้งหว่างขา ที่ทำให้ใบหน้าสวยหวานราวนางเอกของเธอนั้นถึงกับบิดเบี้ยวเหยเกจนแทบเปลี่ยนเป็นอีกคน
“ซี้ดส์... สสสส ทนอีกนิดครับ เดี๋ยวก็เสียวแล้ว” โมร้องตอบพร้อมกับสูดปากอย่างสาแก่ใจ รู้สึกได้ถึงอาการบีบรัดจากโพรงเนื้ออันอุ่นชื้น ยิ่งสาวท้องพยายามดิ้นหนีมากเท่าไร ท่อนเนื้อของเขามันก็มีแต่จะยิ่งจมหายลึกเข้าไปในตัวเธอมากขึ้นเท่านั้น ในที่สุดหน้าท้องของทั้งคู่ก็ประสานแนบเป็นเนื้อเดียวกันจนได้
“ไม่ต้องเกร็งครับคุณอ้อม สบายๆ พร้อมเมื่อไหร่ก็ขยับได้เลย” โมปลอบเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทำให้สาวสวยคลายความกังวลลงไปได้บ้าง เธอนั่งนิ่ง สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อปรับสภาพร่องรักให้คุ้นชินกับขนาดอาวุธอันใหญ่โตของเขาใหม่อีกครั้ง ถัดจากนั้นครู่หนึ่ง เธอจึงวางฝ่ามือทั้งสองข้างลงไปบนแผงอกของชายหนุ่ม แล้วเริ่มขยับยกสะโพกขึ้นลงแบบช้าๆ ให้อวัยวะของเธอกับเขามันขยับเคลื่อนเข้าออกอย่างเนิบช้าและนุ่มนวล
“ซี้ดส์... สสสสสส อ้อมเสียวค่ะ แน่นมาก... อือ... ดีจัง” อ้อมใจครางหลับตาพริ้ม รับรู้ได้ถึงอาการจุกเสียดที่เสียบค้างอยู่กลางร่าง โชคดีหน่อยที่ในท่วงท่านี้ เธอเองมีสิทธิ์ควบคุมจังหวะ จึงสามารถผ่อนหรือเร่งความเร็วในการเคลื่อนไหวได้ตามใจชอบ
โมปล่อยให้อ้อมใจเป็นคนควบคุมจังหวะการขย่มทุกอย่างไปตามที่เธอต้องการ ส่วนเขาเพียงช่วยเด้งเอวเสริมแรงจากทางด้านล่าง พร้อมกับใช้สองมือประคองคลึงเคล้นเล่นกับสองเต้าขาวอวบที่กำลังสั่นกระเพื่อมไปด้วย ทำเอาอ้อมใจถึงกับเสียวสะท้านตัวงอ ปากสั่นเสียงสั่นไปหมด และหลังจากโยกขย่มอยู่ครู่ใหญ่ๆ เสียงครวญครางของเธอก็เริ่มที่จะขาดห้วงและฟังไม่เป็นคำศัพท์ บวกกับใบหน้าที่เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นบิดเบี้ยวเหยเกอย่างไม่ห่วงสวย คล้ายเป็นสัญญาณบอกใบ้ให้รู้ว่าสาวไฮโซกำลังจวนเจียนจะพาตัวเองทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดอีกครั้งหนึ่งแล้ว
“อ๊า... คุณโม... โอ๊ย! อ้อมเสียว... อ้อมเสียว... ฮือ... อ้อมว่าอ้อมไม่ไหวแล้ว จะเสร็จอีกแล้ว... ซี้ดส์” อ้อมใจร้องบอกเขาเสียงสั่นเทา แม้น้ำเสียงจะฟังดูเสียวซ่านทรมาน แต่ทว่าสาวสวยกลับยิ่งเร่งความเร็วในการสับสะโพก โยกขย่มใส่ดุ้นเนื้อแข็งแกร่งของเขาแบบถี่ยิบๆๆ ด้วยความหนักหน่วงรุนแรงเท่าที่สรีระของคนท้องจะสามารถกระทำได้โดยปลอดภัย เสียงเนื้อกระแทกกันดัง ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ!! แข่งกับเสียงครวญครางโหยหวนของเธอที่ยิ่งแปร่งเพี้ยนมากกว่าเดิม
“แบบนั้นแหละครับคุณอ้อม ปล่อยออกมาให้สุดเลย โฟกัสที่ผม ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว แค่ปล่อยอารมณ์ออกมา” โมเร่งเร้าเธอ พร้อมกับยันตัวขึ้นมาเป็นท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน เพื่อที่จะก้มหน้าลงไปดูดเม้มที่ปลายจุกถัน เพื่อช่วยกระตุ้นอารมณ์ให้เธอเสียวแบบสุดๆ
สำหรับสาวไฮโซ ยามนี้เหมือนเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ที่ถูกตัดขาดออกมาจากโลกภายนอกอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะความเครียดกังวลเรื่องลูกที่กำลังจะคลอด ตลอดจนถึงเรื่องความเจ็บแค้นใจ ที่สามีตัวดียังคงไปมาหาสู่ระเริงรักกับหญิงชู้อย่างหน้าชื่นตาบาน ทั้งที่เมียแท้ๆ ท้องแก่ขนาดนี้แล้ว ทว่าในยามนี้... มันคือช่วงเวลาของเธออย่างแท้จริง ที่จะเป็นผู้กำหนดท่วงทำนองจังหวะแห่งความสุข มีเพียงแค่เธอและเขา ชายแปลกหน้าอีกหนึ่งคน ผู้ซึ่งจะไม่มีวันตำหนิและตัดสินการกระทำใดๆ ของเธอในค่ำคืนนี้ เธอเพียงแค่ต้องขย่ม... ขย่ม... และขย่ม ในที่สุดความสุขที่ตามหามันก็พลันมาปรากฏอยู่ตรงหน้าโดยไม่ทันตั้งตัว
“ซี้ด... ดดดดดส์ อาห์ คุณโม เสร็จพร้อมกันนะคะ เสร็จในตัวอ้อมมาเลย” อ้อมใจพูด กึ่งออกคำสั่งกึ่งร้องขอ
“คุณอ้อมเอาจริงเหรอครับ? อู๊ย... ยยยย ให้ผมแตกในเลยเหรอ?” โมอดรู้สึกตกใจกับคำขอของเธอไม่ได้ รู้สึกเสียวขึ้นมาจับใจ
“ค่ะ... ค่ะ... ปล่อยมาเลย ซี้ดส์... สสสส มะ... ไม่ต้องเกรงใจ อาห์” สาวท้องร้องตอบหลับตาปี๋ แอ่นแหงนหน้าเชิดไม่มองเขา เพราะกำลังเมามันอย่างถึงขีดสุด
“ได้ครับ งั้นเราเสร็จพร้อมกันนะ นี่! นี่! นี่!!” ชายหนุ่มตกปากรับคำในทันที สำหรับผู้ชายทุกคนแล้ว การได้เสร็จในตัวหญิงสาวคู่ขา มันย่อมเร้าอารมณ์กว่าการต้องชักออกมาปล่อยข้างนอกให้เสียของอยู่แล้ว เขาจึงเด้งเอวเสยอาวุธทิ่มใส่ตัวเธอรัวๆ จนสาวเจ้ากระตุก
“โอ๊ย... อ้อม... อ้อมเสร็จ... เสร็จอีกแล้ว... ววว!!! อ๊าย!!!” อ้อมใจละล่ำละลัก ร้องบอกเขาด้วยสีหน้าที่บิดเบี้ยว น้ำเสียงแปร่งเพี้ยน เรือนกายที่ขาวโพลนของเธอนั้นเกร็งกระตุก ขมิบยวบๆ อย่างรุนแรงและกระชั้นถี่ ขณะที่โพรงเนื้อภายในปลดปล่อยหยาดน้ำแห่งความสุขให้แตกพรั่งพรูออกมาราดรดท่อนเนื้อยักษ์ของเขา พร้อมกับบีบรัดรัวๆ แรงบีบที่หนักแน่นทำให้ชายหนุ่มที่ฝืนอั้นอดทนมาตลอดชั่วโมง ก็สุดที่จะทานทนต่อไปได้อีก เขาออกแรงเด้งเอวทิ่มอาวุธสวนสู้ได้อีกไม่กี่ชุด ก็ต้องกัดฟันกรอดๆ ก่อนจะระเบิดน้ำรักอันขุ่นข้น พุ่งปรี๊ดๆ ล้นเข้าไปเต็มโพรงมดลูกที่อุ่นลื่น จนทำให้สาวสวยรู้สึกได้ถึงปริมาณอันมากล้นที่กำลังเอ่อซึมอยู่ในตัวของเธอ
“อาห์... อุ่นจัง อือ... ออออ คุณโม... มมมมม” อ้อมใจครวญอย่างอ่อนแรง ก่อนจะทิ้งกายลงมานอนตะแคงหอบแฮ่กๆ อยู่ข้างร่างเขา ปล่อยให้หยาดน้ำเชื้อสีขาวขุ่นค่อยๆ ไหลหยดย้อยลงมาจากปากถ้ำที่ยังเปิดอ้าซ่าและหุบไม่มิด
“เมื่อกี้ผมมีความสุขมากเลย คุณอ้อมล่ะครับ?” โมหันไปถามความรู้สึกเธอ หลังจากทั้งคู่นอนพักหายใจจนเริ่มจะหายเหนื่อยแล้ว
“ค่ะ อ้อมก็มีความสุขเหมือนกัน ขอบคุณนะคะที่อยู่เป็นเพื่อนอ้อมในคืนนี้” อ้อมใจส่งยิ้มหวานให้เขาแบบเหนื่อยอ่อน อาการหอบสะท้านยังไม่จางหายไปจากกาย
“เป็นหน้าที่ผมอยู่แล้วนี่ครับ” เขาตอบยิ้มๆ แล้วลุกขึ้นไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กสีขาวบริสุทธิ์ พร้อมกับทิชชู่สะอาด นำมาเช็ดตัวให้เธอแบบคร่าวๆ ท่ามกลางสายตาของสาวสวยที่จับจ้องมองการกระทำของเขาด้วยแววตาชื่นชม จากนั้นทั้งคู่ก็มานั่งหย่อนขาอิงแอบแนบชิดกันอยู่ที่ปลายเตียงเพื่อระบายความรู้สึกซึ่งกันและกัน
“คุณโมเนี่ย สุภาพบุรุษจังเลยนะคะ” อ้อมใจว่า ฝ่ายโมได้ยินดังนั้นก็เผลอชะงักกายนิ่งค้างไปชั่วอึดใจ ก่อนจะหัวเราะน้อยๆ พลางรีบส่ายหน้าปฏิเสธคำชมของเธอ
“ไม่หรอกครับ ถ้าผมเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ เราคงไม่ได้มาเจอหน้ากันในที่แบบนี้หรอก” โมกล่าวปฏิเสธอย่างสุภาพ แม้จะฟังดูเป็นคำพูดถ่อมตัว ทว่ารอยยิ้มของเขานั้นกลับฉายแววความเศร้าออกมาให้เห็นในแววตาลึกๆ
“เอาเถอะค่ะ เอาเป็นว่าเมื่อกี้คุณโมทำให้อ้อมมีความสุข เท่านี้อ้อมก็พอใจแล้ว” สาวไฮโซเลือกตัดบทไปเลยดื้อๆ เพราะจับความรู้สึกได้ว่า ตนเองเผลอไปพูดสะกิดแผลใจอะไรบางอย่างของเขาเข้าโดยไม่ตั้งใจ
“งั้น... ให้อ้อมช่วยทำให้คุณโมสะอาดบ้างนะคะ” อ้อมใจเสไปเปลี่ยนเรื่องคุย แล้วเธอก็ขยับลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นห้องด้านล่าง แทรกกายเข้าไปที่กลางหว่างขาของเขา ใช้สองมือดันหน้าขาเขาให้ถ่างอ้าออก ก่อนจะก้มหน้าซุกลงไปหาดุ้นเนื้อที่อ่อนตัวจนคอพับ แต่ยังมันปลาบไปด้วยคราบน้ำรักเหนียวใสเป็นประกาย แล้วเธอก็ค่อยๆ อ้าปากครอบอมมันเข้าไปด้วยความสิเน่หา ทำให้ชายหนุ่มถึงกับประหลาดใจ ที่เห็นลูกค้าสาวไฮโซยอมทำให้เขาถึงเพียงนี้
สาวสวยห่อปากรูดกลืนมันขึ้นลงเป็นจังหวะเนิบๆ ความใหญ่โตของดุ้นเนื้อแม้จะอ่อนตัวแล้วก็ยังรู้สึกแน่นคับเต็มปาก และไหนจะรสชาติเฝื่อนแปร่งของคราบน้ำที่เกาะติดนั้นอยู่อีกเล่า ทว่าสาวท้องก็ยังกลั้นใจ ก้มหน้าก้มตาดูดเลียทำความสะอาดให้เขาจนพึงพอใจแล้วเธอจึงค่อยๆ รูดปากออก พร้อมกับห่อปากดูดเน้นๆ จังหวะสุดท้ายที่ปลายหัวหอกหลุดเป็นอิสระจากริมฝีปาก ถึงกับเกิดเสียงดูดอากาศดังบ๊วบขึ้นมาฟังชัดเสนาะหู
“โห คุณอ้อม... ขอบคุณนะครับ เหมือนฝันแน่ะ มีผู้หญิงสวยๆ แบบคุณอ้อมมาทำแบบนี้ให้ ดีใจจัง” โมกล่าวขอบคุณเธอด้วยอารมณ์ตื้นตันซาบซึ้ง และรีบประคองเธอขึ้นอย่างเกรงใจ ส่วนคนฟังเมื่อได้รับคำชมก็พยักหน้ายิ้มเขินๆ
“ตอบแทนที่คุณโมทำให้อ้อมรู้สึกดีคืนนี้ค่ะ” อ้อมใจตอบเสียงใส ยังมีคราบน้ำกามยืดย้อยติดเลอะอยู่ที่มุมปาก
“มาครับ เดี๋ยวผมพาคุณอ้อมไปล้างตัวอีกรอบดีกว่า ใกล้หมดเวลาแล้ว เดี๋ยวคุณอ้อมจะเพลียไปกว่านี้” ชายหนุ่มชักชวนเธอไปอาบน้ำล้างตัวด้วยกันอย่างอารมณ์ดี
“ขอบคุณที่แวะมาใช้บริการนะครับ หวังว่าคุณอ้อม” โมกล่าวขอบคุณ ขณะช่วยรูปซิปบนชุดที่ด้านหลังให้เธอ ขณะที่ทั้งคู่เตรียมจะแยกทางกันหลังเสร็จกิจธุระ
“เห็นว่าระบบที่นี่เป็นแบบสุ่ม ไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสได้เจอกันอีกมั้ย ถ้าได้เจอกันอีกก็คงจะดีเนอะ อ้อมถูกใจคุณมากเลย” อ้อมใจกล่าวกับเขาแบบเสียดายล่วงหน้า ซึ่งตัวเขาเองก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อาจเพราะมันเป็นความประทับใจแรกเริ่มที่ต่างฝ่ายมีให้กับสถานที่แห่งนี้ก็ว่าได้
“ถ้ามีโอกาสได้เจอกันครั้งหน้า ผมจะบริการคุณอ้อมให้สุดฝีมือ เอาให้ถูกใจกว่านี้อีกครับ ครั้งนี้ถือว่าออเดิร์ฟ ซ้อมมือแล้วกัน” โมกล่าว แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาด้วยกัน
“โหย ถ้ามากกว่านี้ อ้อมกลัวตัวเองจะหัวใจวายตายซะก่อนน่ะสิ คุณโมร้ายกาจขนาดนี้ ทำให้อ้อมเสร็จแบบที่ไม่เคยเสร็จมาก่อนเลยนะ จะบอกให้” อ้อมใจกล่าวแบบเขินๆ พวงแก้มปรากฏสีแดงระเรื่อ
“ถ้างั้นก็... โชคดีนะครับ หวังว่าคุณอ้อมจะผ่านเรื่องเครียดๆ ไปได้เร็วๆ นะครับ” ชายหนุ่มกล่าวทิ้งท้ายพร้อมกับเปิดประตูส่งเธอ
“ขอบคุณค่ะ ขอให้ชีวิตคุณโมราบรื่นเช่นกันนะ” สาวสวยตอบ ก่อนจะเดินก้าวช้าๆ และหายลับออกไปจากห้อง
เป็นอันว่าการออกรอบรับลูกค้าในครั้งแรกของโม จึงจบลงไปด้วยดี แบบที่ทั้งลูกค้าและพนักงานหน้าใหม่ ล้วนแต่พึงพอใจด้วยกันทั้งคู่ ถึงขั้นที่ว่าชายหนุ่มเองแอบลุ้นสงสัยไปก่อนล่วงหน้าแล้ว ว่าลูกค้าคนต่อๆ ไปของเขาจะเป็นใครกันบ้าง
=======================================
วันเดียวกันกับที่โมตัดสินใจออกรอบรับลูกค้าเป็นครั้งแรก…
ฝั่งไอซ์ที่ตอนนี้ได้ลอกคราบจากเด็กสาวเรียบร้อยใสซื่อบริสุทธิ์ กลายมาเป็นผู้บริหารสาวสวยเต็มตัว ก็กำลังใช้เวลายามว่างที่มี เดินช็อปปิ้งเลือกซื้อสินค้าอยู่ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่างมีความสุข อาจเพราะตัวเลขผลประกอบการร้าน Early Bird Café ของเธอ มันออกมาน่าพึงพอใจเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกันแล้ว
ซึ่งนอกเหนือจากคุณภาพวัตถุดิบและความอร่อยที่เธอมั่นใจในอาหารแต่ละจานที่ถูกเสิร์ฟออกไปแล้ว ในช่วงหลังๆ ก็ดูเหมือนจะต้องขอบคุณผลงานการออกแบบจากเอเจนซี่เจ้าใหม่ที่ไหมเลือกใช้ด้วย ทั้งสื่อโปรโมทในเพจเฟสบุ๊ค ตลอดจนถึงเมนูรูปเล่ม และสื่อหน้าร้าน ไปจนถึงการพรีเซนท์จัดวางวัตถุดิบต่างๆ ก็ล้วนแต่เป็นผลงานที่บริษัทของโมรับผิดชอบดูแล และช่วยเรียกลูกค้าให้มาทดลองเข้าร้านได้ทั้งสิ้น มันเป็นความจริงที่ไอซ์จำต้องยอมรับ แม้ว่าเธอจะรู้สึกเกลียดขี้หน้าเขามากแค่ไหนก็ตาม
หญิงสาวเพลิดเพลินไปกับการเดินเลือกซื้อเครื่องสำอาง เครื่องประดับ และชุดทำงานใหม่ๆ จนมารู้ตัวอีกทีก็มีถุงช็อปปิ้งหิ้วอยู่เต็มสองแขน ก่อนที่เธอจะสาวเท้าก้าวเข้าไปที่ช็อปของ Victoria's Secret อันเป็นจุดหมายสุดท้ายในการช็อปปิ้งวันนี้ ภายในร้านถูกจัดแบ่งโซนสินค้าออกจากกันอย่างเป็นระเบียบ ทั้งเสื้อผ้า น้ำหอม เครื่องสำอาง แต่จุดหมายปลายทางที่ไอซ์มองหาคือโซนชุดชั้นใน ซึ่งมีสินค้าจัดเรียงไว้ให้เลือกแบบหลากหลาย ตั้งแต่ชุดชั้นในเรียบๆ ไร้ลวดลาย ไปจนถึงชุดชั้นในลูกไม้ตัวจิ๋ว เนื้อผ้าบางเบา เว้าเปิดช่องสำหรับอวดผิวพรรณ มีทั้งสีดำ สีขาว และสีสันฉูดฉาดในโทนแดง ส้ม ชมพู
ไอซ์ใช้เวลาเดินเลือกอยู่ในร้านร่วมครึ่งชั่วโมง ก่อนจะได้ชุดชั้นในแบบลวดลายเข้าคู่กันทั้งบน-ล่างมาจำนวน 3 ชุด พร้อมกับชุดคลุมอาบน้ำผ้าลื่นสีพีชที่ยาวคลุมลงมาถึงแค่เหนือเข่าอีก 1 ตัว ติดไม้ติดมือกลับออกมาจากร้าน พอกลับมาถึงห้อง เธอก็จัดการปลดเปลื้องชุดไปรเวทที่สวมอยู่ออกไปจนเหลือเพียงเนื้อตัวเปลือยเปล่า และนำชุดชั้นในสุดเซ็กซี่ทั้ง 3 ชุดมาลองผลัดกันสวมส่องกระจกดูทีละชุด หมุนซ้าย-ขวา ลองขยับโพสต์ท่าทางต่างๆ จนมั่นใจ
หญิงสาวหยิบเอาโทรศัพท์มือถือคู่ใจของตนเอง เอามาถ่ายภาพตัวเธอในอิริยาบถต่างๆ ผ่านเงาสะท้อนของกระจกบานใหญ่เบื้องหน้า เนื้อกายที่ขาวอวบอัดของเธอนั้นรัดตรึงอยู่ภายใต้เนื้อผ้าลูกไม้สีดำสลับลวดลายสีชมพูเข้ม เจ้ายกทรงท่อนบนนั้นแทบห่อหุ้มก้อนเนื้ออวบใหญ่ทั้งสองเต้าเอาไว้ได้ไม่มิด ในขณะที่กางเกงชั้นในท่อนล่าง มีเพียงเนื้อผ้าปิดบริเวณเป้าด้านหน้า ส่วนด้านข้างและด้านหลังนั้นเว้าเป็นลวดลายซีทรูบางๆ มองทะลุเห็นถึงแก้มก้นและเนินขาอย่างแจ่มชัด เธอรัวชัตเตอร์จนได้รูปถ่ายที่พอใจมาประมาณ 5-6 รูป จากนั้นจึงนำไปตกแต่ง แปะสติกเกอร์ปิดบังใบหน้า และโพสต์ลงไปยังบัญชีทวิตเตอร์ลับของตนเองเพื่ออวดความสาวสะพรั่งแก่ผู้ติดตามของเธอ เพียงไม่กี่นาทีก็มีคนมากดหัวใจและคอมเมนต์ให้รูปที่เธอโพสต์ร่วมๆ 20-30 คน
หากเป็นเมื่อก่อน ไอซ์คงจะรู้สึกกระดากเขินเวลาที่ต้องสวมใส่ชุดชั้นในตัวจิ๋วสุดเซ็กซี่เช่นนี้ แต่ในยามปัจจุบัน เธอกลับพบว่ามันกลายเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ตนเอง ยิ่งเซ็กซี่เท่าไหร่ โป๊เท่าไหร่ ก็ยิ่งมอบอิสระ และขับเน้นพลังอำนาจแห่งความเป็นหญิงในตัวเธอได้มากยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่ใส่ถ่ายรูป หรือใส่ไปออกรอบที่เดอะคลับ ทว่าหญิงสาวยังเลือกสวมใส่มันในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกางเกงชั้นในแบบจีสตริงตัวจิ๋ว ที่เวลาใส่ไปทำงานแล้วช่วยให้เธอรู้สึกเบาสบาย โล่งโจ้ง ราวกับไม่ได้ใส่อะไรไปทำงาน มันคือความรู้สึกเป็นอิสระ เหมือนได้เปิดเปลือยตัวตนอันร่านร้อนของตนเองต่อที่สาธารณะ แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะไม่มีใครรอบข้างรับรู้ถึงสิ่งที่เธอแอบสวมใส่อยู่ภายในเลยก็ตาม
“เห็นแล้วควยแข็งเลยครับ”
“สวยมากคร้าบคุณนิรนาม”
“อยากเย็ดจัง dm คุยกันนะ”
“งื้อ คุณนิรนาม ไม้เรียวอยู่หนายยยย”
“แตกไปหนึ่งน้ำแล้วครับ”
“ถ้าได้เย็ดนะ จะแตกในให้ท้องแม่งเลย เงี่ยน”
คำเยินยอสรรเสริญผสมปนเปกับถ้อยคำระบายความใคร่ของบรรดาชายหื่น สร้างความพึงพอใจและเร้าอารมณ์จนไอซ์ถึงกับอมยิ้มไม่หุบ เธอจึงตัดสินใจกดปิดแอพพลิเคชั่นทวิตเตอร์ และไถนิ้วเลื่อนไปจนเจอกับแอพพลิเคชั่นของเดอะคลับที่เธอแอบซุกซ่อนเอาไว้ในโฟลเดอร์ลึกๆ นานแล้วที่เธอไม่ได้แวะไปผ่อนคลายอารมณ์ที่นั่น ไหนๆ ช่วงนี้ก็พอจะมีเวลาว่างอยู่ก็ควรจะไปเสียหน่อย หญิงสาวนึกกับตัวเองในใจ จากนั้นก็ทำการจองเวลานัดหมายล่วงหน้า
ให้น่าตลกที่มันดันเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่โมพึ่งเปิดซิงออกรอบกับอ้อมใจ ห่างกันออกไปแค่เพียงไม่ถึง 2 ชั่วโมงดี แต่เพราะชายหนุ่มได้ตกลงปลงใจกดรับงานแรกของตนเองไปแล้ว จึงทำให้เขามองไม่เห็นออเดอร์ของอดีตแฟนสาวที่พึ่งจะถูกส่งเข้ามาในระบบ
ราวกับว่าโชคชะตาของพวกเขาทั้งสองคน จะไม่มีวันหวนกลับมาบรรจบพบกันอีกแล้ว...
ในวันที่รักหลงทาง #120
ผมยังไม่ตายนะครับ 555
**รบกวนคอมเมนท์เกี่ยวกะเนื้อหาในตอนหน่อยนะฮะ อยากอ่านฟี้ดแบคจากคนอ่าน**
-----------------
31 ธันวาคม 2560
และแล้ววันสุดท้ายของปีก็ดำเนินมาถึง... อันที่จริงแล้วคืนนี้โมมีแผนการจะไปฉลองเคาท์ดาวน์ที่เซ็นทรัลเวิลด์พร้อมกับหญิงสาวคนสนิทอย่างลูกไม้ ทว่าก่อนจะถึงวันนัดเพียง 2 วัน สาวเจ้าก็ดันโทรมาแคนเซิลนัดเขาเสียก่อน เพราะต้องสลับแลกไฟลท์ด่วนไปซิดนีย์แทนเพื่อนแอร์โฮสเตสที่เกิดป่วยขึ้นมาแบบกะทันหัน แม้จะแอบเซ็งเล็กน้อย แต่ชายหนุ่มก็เข้าใจได้ว่าอาชีพแอร์โฮสเตสของเธอนั้น มันค่อนข้างที่จะยุ่งเหยิงและจัดสรรเวลาชีวิตได้ยากแบบนี้แหละ
เมื่อไม่มีที่ให้ไป โมจึงเลือกใช้เวลาในช่วงค่ำคืนสุดท้ายของปี แวะไปกินเลี้ยงฉลองที่บ้านของเจ็ทผู้เป็นญาติตัวเองส่งท้ายเสียเลย ซึ่งฝั่งเจ้าบ้านนั้นก็เต็มใจต้อนรับเขาด้วยความยินดี เพราะช่วงหลังต่างฝ่ายต่างก็ยุ่งๆ อยู่กับงานและธุระส่วนตัวต่างๆ จนไม่ค่อยจะมีเวลาเจอหน้าสังสรรค์กันได้บ่อยเหมือนกับแต่ก่อนแล้ว
โมเองก็พึ่งจะเคยมีโอกาสได้แวะมาเยี่ยมเยียนเรือนหอของเจ็ทและป๋อมเป็นครั้งแรก ชายหนุ่มจึงอดรู้สึกตื่นเต้นและแปลกที่แปลกถิ่นไม่ได้ ตัวบ้านนั้นเป็นบ้านแฝดแบบสองชั้น ขนาดกะทัดรัด แต่ก็ยังมีอาณาบริเวณทั้งโรงจอดรถและสนามหญ้าแยกส่วนเป็นของตัวเอง มันเป็นบ้านที่สองสามีภรรยาช่วยกันเลือกเฟ้นหาทำเลในใจอยู่นานสองนานกว่าที่จะตกลงปลงใจร่วมกันกู้ซื้อ ภายหลังจากทำเรื่องจดทะเบียนสมรสเสร็จสิ้น กลายเป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์
ด้านล่างมีห้องนั่งเล่นกว้างๆ เปิดโล่งเชื่อมต่อไปกับโซนห้องครัว ที่มีเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ครบครัน รวมถึงโต๊ะกินข้าวทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสตั้งชิดมุมกำแพงอยู่ ลึกเข้าไปคือประตูกระจกที่สามารถเปิดทะลุไปถึงลานตากผ้าโล่งๆ ด้านหลังบ้าน ถัดจากห้องรับแขกคือห้องน้ำเล็กๆ เอาไว้สำหรับถ่ายหนักและถ่ายเบา ส่วนด้านบนถูกแบ่งออกเป็นสองห้องใหญ่ๆ คือห้องเก็บของที่ทั้งคู่เอาไว้ใช้เก็บทั้งเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ และเสื้อผ้าต่างๆ กับห้องนอนหลักที่สองสามีภรรยาใช้หลับนอนในทุกค่ำคืน โดยมีห้องอาบน้ำตั้งอยู่สุดปลายระเบียงทางเดินด้านใน
สมาชิกกินเลี้ยงทั้งสาม อันประกอบด้วย โม เจ็ท และป๋อม ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าเมนูที่พวกเขาอยากใช้ฉลองส่งท้ายปีก็คือชาบูหม่าล่าแบบเสียบไม้ ซึ่งเจ็ทและป๋อมได้ไปซื้อวัตถุดิบ ทั้งผัก เนื้อ ไข่ และเครื่องปรุงต่างๆ มาเตรียมรอไว้เสร็จสรรพหมดแล้ว ในขณะที่โมมีหน้าที่เพียงหอบหิ้วเครื่องดื่มมึนเมาเอามาเติมเพื่อช่วยเสริมสร้างบรรยากาศ คืนนี้อากาศค่อนข้างดี มีลมพัดเย็นสบายตลอดคืน พวกเขาจึงยกโต๊ะกินข้าวและหม้อชาบูมาตั้งไว้ชิดกับประตูบ้าน เลื่อนบานประตูกระจกเปิดออกจนสุด จุดยากันยุงสักหน่อย พร้อมตั้งพัดลมไล่ควัน เพียงเท่านี้ก็ได้บรรยากาศกินเลี้ยงส่งท้ายแบบชิลๆ ในราคาย่อมเยาแล้ว
สาวป๋อมที่กำลังท้องป่องและดื่มแอลกอฮอล์กับเขาไม่ได้ ก็เลยรับอาสานั่งเฝ้าหม้อชาบูคอยปรุงอาหารอยู่ที่โต๊ะไปโดยปริยาย ปล่อยให้สองหนุ่มที่ยกเก้าอี้ออกไปนั่งเอกเขนกกันอยู่ตรงสนามหญ้า คอยจัดการกับเบียร์และเหล้าที่เหลืออยู่ไปตามสภาพ ยิ่งแอลกอฮอล์เข้าปากมากขึ้นเท่าไร รสชาติของอาหารที่กินเข้าไป ตลอดจนถึงบทสนทนาต่างๆ ก็ยิ่งอร่อยเหาะมากขึ้นเท่านั้น
“มึงเตรียมของอะไรครบยังเนี่ย? อยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ย? เผื่อกูจะได้หาซื้อมาให้” โมเอ่ยถามถึงความพร้อมในการเป็นพ่อคนของญาติผู้พี่ เขาพอรู้มาเลาๆ ว่าคนจะมีลูกนั้นค่อนข้างวุ่นวายในการตระเตรียมข้าวของเครื่องใช้ของเด็กอ่อนมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบ้านที่พึ่งมีลูกคนแรก ยิ่งจับต้นชนปลายยากเป็นพิเศษ
“ขอบใจมาก แต่ไม่เป็นไรว่ะ ของชิ้นใหญ่ๆ ก็เตรียมๆ รอไว้หมดแล้ว ส่วนพวกของยิบย่อยที่ใช้เยอะๆ อย่างแพมเพิร์ส มันไม่จำเป็นต้องรีบซื้ออ่ะ ไว้รอใกล้คลอดค่อยซื้อมาตุนก็ยังทัน เออ ถ้ามึงจะซื้อก็ขอเป็นพวกแพมเพิร์สนิวบอร์นไปแล้วกัน ง่ายดี สะดวกทั้งมึงกับทั้งพวกกูด้วย น่าจะใช้เยอะสุด ส่วนพวกของเล่นไม่ต้องนะ มีคนรอให้อยู่แล้ว เดี๋ยวล้นบ้าน” เจ็ทนั่งคิดนิดหนึ่งก่อนจะตอบ
“อยากได้เครื่องนึ่งขวดนม!” เสียงป๋อมตะโกนแทรกมาจากหน้าหม้อชาบู จนสองหนุ่มต้องหันไปมองตาม
“อีนี่ หูผีชิบหาย” โมบ่นเบาๆ เพราะตำแหน่งที่พวกเขาสองคนนั่งนั้นถือว่าค่อนข้างไกลจากคนท้องพอสมควร
“เออ ก็มีเครื่องนึ่งขวดนมอีกอันที่ยังไม่ได้ซื้อ แต่กูว่ามันแพงไปหน่อยว่ะ เป็นพันอยู่ มึงไม่ต้องซื้อหรอก เปลือง” เจ็ทกล่าวเออออตามเมียสาว
“เฮ้ย! เปลืองเปลิงอะไรมึง เพ้อเจ้อ! หลานกูทั้งคน แค่ไม่กี่พัน กูซื้อให้ได้อยู่แล้ว ไอ้ห่า” โมรีบแย้งทันควัน
“เออๆ อยากซื้อก็ซื้อ เดี๋ยวกูส่งชื่อรุ่นที่อยากได้ไปให้ เดี๋ยวมึงซื้อเองแล้วไม่ถูกใจเมียกูอีก” ญาติผู้พี่พยักหน้ายอมตามง่ายๆ
“แล้วเป็นไง? วิธีที่กูบอก สรุปว่าเวิร์กใช่มั้ย? ถึงได้กลายเป็นคุณพ่อสมใจแบบนี้” โมป้องปากซุบซิบถาม พร้อมกับอมยิ้ม
“มึงหมายถึงอะไร?” เจ็ทถามเพราะยังตามไม่ทันว่าชายหนุ่มกำลังพูดถึงเรื่องอะไร
“ก็ที่ให้ไปนวดไง เวิร์กใช่เปล่า?” โมกล่าวเจาะจงให้แคบลง คู่สนทนาได้ฟังดังนั้นก็หลุดอมยิ้มตามออกมา
“เออ ก็ไม่เลว ใครจะไปรู้ว่าเรื่องแบบนี้ แม่งจะทำให้กูกับป๋อมคึกคักขึ้นมาได้ มึงนี่ก็ช่างสัปดนไปสรรหามานะ” อีกฝ่ายพยักหน้าน้อยๆ พร้อมกล่าวยอมรับตรงๆ
“จะว่าไป... พอไอ้ป๋อมมันท้องแล้วก็ดูดีขึ้นหน่อยป่ะ?” โมเอ่ยทัก เหลือบสายตามองไปยังสาวแว่นที่กำลังใช้มือหมุนพลิกไม้ลูกชิ้นในเตา สลับกับก้มหน้ามองโทรศัพท์มือถือตัวเองไปพลางๆ
“เฮ้ย! ยังไงๆ มึงคิดไรกะเมียกูอยู่ป่ะเนี่ย?” เจ็ทโพล่งแซวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นกระตือรือร้น จนโมต้องรีบสะกิดตีแขนให้ญาติตัวเองลดเสียง เพราะกลัวเพื่อนสาวจะได้ยิน
“ไอ้ห่า ไม่ใช่โว้ย แค่จะบอกพอมันดูมีน้ำมีนวลขึ้น แล้วมีเสน่ห์กว่าตอนผอมแห้งเฉยๆ” ชายหนุ่มรีบแก้ต่าง จะเล่าก็ไม่ได้ว่าที่จริงแล้วเขาพึ่งเคยมีอะไรกับคนท้องที่อายุครรภ์ใกล้เคียงกันมาแบบหมาดๆ จึงทำให้เริ่มรับรู้ถึงเสน่ห์ความเย้ายวนของคนท้องมากขึ้น
“เออ กูจะบอกอะไรให้ พอท้องนะ นมแม่งอึ๋มขึ้นเยอะเลยเว่ย กูนี่อย่างกับขึ้นสวรรค์ เหมือนเมียไปอัพนมมาแบบไม่ต้องพึ่งมีดหมอ กูไปอ่านมานะ บางคนแม่งคัพเอ พอคลอดแล้วแม่งกระโดดไปถึงคัพซีคัพดีเลยก็มี เชี่ย กูรอเลย คอยดูนะจะขยำให้หนำใจเลย” เจ็ททำเสียงตื่นเต้นหน้าตาหื่น ขณะที่มือทั้งสองข้างก็วาดขยำไปมากลางอากาศเพื่อออกท่าทางเพิ่ม
“พอๆ ไอ้หอก ไม่ต้องเล่าลงลึกก็ได้ แค่ผิวๆ พอ ไม่ได้อยากรู้ลึกขนาดนั้น จั๊กกะเดี๋ยม แล้วสรุปว่าช่วงนี้ได้ทำไรกันมั่งป่ะ? หรือว่าพอท้องก็ต้องเบรกไปเลย กันเหนียว?” ชายหนุ่มชิงพูดเบรกก่อนที่อีกฝ่ายจะเตลิดไปไกล
“ก็เรื่อยๆ นะมึง มีบ้างตามเรื่องตามราว แต่ก็ไม่ค่อยบ่อยหรอก กูวิตกจริตไง เห็นป๋อมมันก็ชอบบ่นปวดท้องบ่อยๆ ด้วย เลยต้องคอยประคบประหงมดีๆ กูเองไม่ได้คิดไรมากอยู่แล้ว อดนิดอดหน่อย ให้ลูกปลอดภัยไว้ก่อน คุ้มกว่า” เจ็ทตอบฉาดฉาน
“เออ ดี แบบนั้นก็ดีแล้ว ให้สบายใจไว้ก่อน” โมพยักหน้าคล้อยตาม
“แล้วมึงเองไม่คิดจะมีซักคนล่ะ? ป้าอุ้มเค้าคงอยากอุ้มหลานเต็มแก่แล้วมั้ง” เจ็ทถามกลับ
“โอ๊ย! เรื่องนั้นให้กูหาแม่ของลูกได้ก่อนเถอะ” เขาสั่นหัวพร้อมกับแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ
“มัวแต่เลือกมาก ขันหมากจะหายซะก่อนนะมึง” คู่สนทนาหยอดมุก
“อิจฉามึงเหมือนกันนะ ดูดิ บ้านก็มี รถก็มี ลูกเมียก็กำลังจะมีพร้อม ชีวิตแฮปปี้มีความสุข เทียบกะกูที่อายุพอๆ กะมึงแล้ว ยังไม่มีห่าไรเป็นชิ้นเป็นอัน” โมกวาดสายตามองสำรวจไปรอบๆ สนาม พร้อมรำพึงรำพันต่อสถานะที่แตกต่างสวนทางกันอย่างชัดเจนระหว่างเขากับเจ้าของบ้าน
“มึงก็มีเงินเก็บนี่ เก็บได้กี่ล้านแล้วอ่ะ เห็นทำแต่งานๆ งกๆๆ ขนาดนั้น” เจ็ทกล่าวให้กำลังใจ
“เอาจริงๆ ป่ะ ตอนนี้เงินในบัญชีกูแม่งมีแค่แสนกว่าๆ เองนะ” ชายหนุ่มเฉลยความจริง คนฟังถึงกับทำหน้าตาตื่นตกใจ
“เอ้า! แล้วเงินมึงหายไปไหนหมด? อัดดอกเบี้ยคอนโดอ่อ?” เจ็ทขมวดคิ้วถาม พลางคิดไปต่างๆ นานา ถึงต้นตอที่ทำให้เงินของญาติผู้น้องพร่องหายไปได้ถึงขนาดนั้น จะว่าเป็นเรื่องการพนันก็ไม่น่าใช่ หรือว่าจะติดผู้หญิงกันนะ?
“คอนโดก็ส่วนนึง แต่กูเอาเงินก้อนใหญ่ๆ ไปลงทุนไว้นอกแบงค์เอาว่ะ” โมร่ายเรียงถึงจุดหมายปลายทางของเงินที่หาย
“มึงเล่นหุ้นแล้วเหรอ?” คู่สนทนาเข้าใจไปเองเมื่อได้ยินคำว่าลงทุน แต่ชายหนุ่มก็ส่ายหน้าน้อยๆ
“กูเอาไปลงบิทคอยน์ ฮ่าๆๆๆ” เขาเฉลยก่อนจะหัวเราะออกมาคำโต จนแม้แต่ป๋อมที่นั่งอยู่ไกลๆ ก็ยังต้องเงยหน้าขึ้นมามองตาม
“ไอ้ห่า เดี๋ยวก็ได้หมดตูดหรอก มันจะไปรอดเหรอวะ? ไอ้บิทคอยน์อะไรเนี่ย” เจ็ทถามอย่างเป็นห่วง เพราะเจ้าตัวแทบจินตนาการไม่ออกเลยว่าเจ้าสิ่งนั้นมันจะมีคุณค่ามากพอให้ใครต่อใครเอาเงินไปจมไว้กับมันได้
“กูว่าน่าจะรอดนะ เอาจริงๆ ก็คือมีคนแนะนำกูมา พี่ที่สนิทกันเค้าเล่นหุ้นอะไรพวกนี้อยู่แล้ว เค้าบอกให้ทยอยซื้อไว้ตอนที่มีโอกาส ต่อไปมันน่าจะปัง กูก็ทยอยซื้อมาเรื่อยๆ อ่ะ ตั้งแต่เหรียญละเก้าหมื่น... แสนนึง... สองแสน… กว่าจะได้ครบเหรียญนึง นี่กูหมดกะแม่งไปห้าแสนกว่าละ พึ่งมีแค่สามเหรียญนิดๆ ในมือเอง แต่ราคามันก็ขยับขึ้นเรื่อยๆ นะเว่ย ไวด้วย ล่าสุดนี่แม่งขึ้นพรวดไปถึงห้าแสนต่อเหรียญละ” โมสรุปลงท้ายด้วยข่าวดี จนเจ็ทถึงกับเบิกตาค้าง
“เย็ดเข้! งี้มึงก็รวยตายห่าเลยดิ มีเงินเท่าไหร่แล้ววะในมือ?” เจ็ทรีบถาม ตาลุกวาว ในหัวก็คอยคิดคำนวณตัวเลขผลลัพธ์ไปพลางๆ ระหว่างรอเฉลยคำตอบ
“ก็กำไรขึ้นมาสามเท่าอ่ะ แต่ช่วงนี้เหมือนราคาแม่งจะเริ่มร่วงละ กูก็ไม่รู้จะลงไปถึงไหน หรือจะขึ้นมาใหม่เมื่อไหร่ พี่คนที่แนะนำเค้าก็บอกให้ถือเก็บไปเรื่อยๆ ยาวๆ ว่ะ ไม่ต้องไปกังวลอะไร” โมเล่าต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่เอ่ยชื่อของผู้ชักชวน
“แล้วมึงเชื่อเค้าได้อ่อ?” ญาติผู้พี่ถามจี้ใจ
“ก็กูเริ่มต้นเล่นตามเค้าบอกใช่ป่ะ แล้วถ้าจู่ๆ เกิดไปตัดสินใจเองปุบปับ ไปขายแม่งกลางคัน เดี๋ยวแม่งเกิดผิดแผน ขาดทุนไม่รู้เรื่องอีก ยังไงไอ้เงินก้อนนี้กูก็ไม่ได้กะจะใช้เร็วๆ นี้อยู่แล้วไง แค่เก็บไอ้เหรียญนี่แทนการฝากเงินเฉยๆ เพราะดอกมันน้อยอ่ะ” แม้จะพูดเช่นนั้น แต่น้ำเสียงของโมเองก็ยังแสดงให้เห็นถึงความไม่แน่ใจอยู่ในเนื้อเสียง
“ก็ระวังๆ ด้วยแล้วกันมึง ใครเค้าก็บอกว่ามันเสี่ยงอยู่ ไม่รู้จะร่วงเอาตอนไหน” เจ็ทอดห่วงขึ้นมาไม่ได้ แม้ว่าเขาเองจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน แต่จำนวนเงินกว่าห้าแสนบาท ก็ไม่ใช่อะไรที่จะปล่อยให้สูญหายไปได้ง่ายๆ โดยไม่ระมัดระวังเช่นกัน
“เออ ก็คอยดูๆ อยู่นี่แหละ ไม่ต้องห่วง” โมที่เข้าใจเจตนาของอีกฝ่ายดี จึงพยักหน้ารับไปโดยไม่โต้เถียงอะไร
“จะว่าไปมึงนี่ก็ปรับตัวเก่งเหมือนนะ มาอยู่กรุงเทพฯ ได้แค่ไม่กี่ปี หัดมีคอนโด หัดซื้อบิทคอยน์ ผิวก็ไม่ค่อยดำละ ดูไปดูมาก็ชักรู้สึกไม่เหมือนคนพะงันเข้าไปทุกที” เจ็ทกล่าวเล่นมุก แซวเรื่องที่โมเคยหนีทุกคนไปกบดานใช้ชีวิตอยู่ที่พะงันนานร่วมปี
“ไอ้เวร... กูคนกรุงเทพเว้ย พะงันน่ะไปอยู่แค่ปีเดียว” ชายหนุ่มรับมุกด้วยคำสบถ ก่อนจะหัวเราะชอบใจ
พอเบียร์ที่พกมากองข้างกายหมด สองหนุ่มก็วกกลับไปสมทบกับสาวท้องที่หน้าโต๊ะกินข้าว และหันเหความสนใจไปที่อาหารเสียบไม้ในหม้อชาบูแทน
“เอ้า! กินได้แล้ว สุกหมดแล้ว” ป๋อมกล่าว พร้อมกับยื่นจานที่บรรจุลูกชิ้น ไส้กรอก และแฮมเสียบไม้ต้มสุกให้กับสามีตนเอง
“ใจจ้ะ” เจ็ทรับจานอาหารมาด้วยรอยยิ้มเปื้อนหน้า
“อ้าว แล้วของกูอ่ะ?” โมที่เห็นดังนั้นก็รีบเอ่ยถามหาอาหารส่วนของตนเองบ้าง
“มึงก็หยิบเองดิวะ กูก็ต้มเอาไว้ให้หมดแล้วเนี่ย อยากกินอะไรก็หยิบ มีมือมีตีนเหมือนกัน” ป๋อมสวนโครมตามประสาคู่กัด
“ห่า ไม่แฟร์เลย ทีผัวตัวเองล่ะเสิร์ฟเอาๆ ทีเพื่อนนะ ให้หยิบกินเอง” ชายหนุ่มแขวะ
“มึงเป็นผัวกูมั้ยล่ะ? ถ้าเป็นกูจะได้ตักป้อนให้ถึงปากเลย ไอ้หอก” ป๋อมเองก็ไม่ยอมให้ง่ายๆ
“ได้มั้ยวะเจ็ท?” โมเล่นมุก โดยการหันไปแซวญาติตัวเอง
“รีบๆ หยิบแดกไป ไอ้เวร” เจ็ทสบถพร้อมกับเอื้อมมือทำท่าจะตบกบาลญาติผู้น้อง จนอีกฝ่ายต้องรีบเอียงศีรษะหลบแทบไม่ทัน
“กวนส้นตีน” ฝั่งภรรยาสาวเลยสบถแถมให้อีกคน
“กินล่ะนะคร้าบ” โมชิงตัดบท แล้วหันไปให้ความสนใจกับการเลือกหยิบลูกชิ้นเสียบไม้ในหม้อแทน
เสียงเพลงจากลำโพงคอมพิวเตอร์ที่เจ็ทเปิดทิ้งเอาไว้แบบสุ่มๆ เพื่อสร้างบรรยากาศ ถูกเล่นเวียนจนกระทั่งมาถึงเพลง ‘ชีวิตยังคงสวยงาม’ ของวง ‘บอดี้แสลม’ กระตุกหัวข้อของวงสนทนาให้พลันแปรเปลี่ยนไปสู่เรื่องราวของนักร้องนำในวงทันที ภายหลังจากตูน-บอดี้แสลม พึ่งปิดฉากภารกิจกับโครงการ ‘ก้าวคนละก้าว’ ไปแบบหมาดๆ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยการวิ่งเรี่ยไรรับบริจาคจากใต้สุดจรดเหนือสุด ตั้งแต่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา จนมาถึงอำเภอแม่สาย ที่จังหวัดเชียงราย ด้วยระยะเวลากว่า 55 วัน ซึ่งกลายมาเป็นข่าวที่สื่อมวลชนและคนทั่วประเทศต่างคอยเกาะติดให้ความสนใจแทบจะตลอดสองเดือนมานี้
“พี่ตูนแม่ง... เท่เลยเนาะ กลายเป็นฮีโร่ในชีวิตจริงไปเลย” ป๋อมเอ่ยจั่วหัวเปิดประเด็นขึ้นมาเป็นคนแรก
“อืม... ก็ปีสองปีนี้มันมีแต่เรื่องแย่ๆ อ่ะนะ พอมีคนทำเริ่องดีๆ ที่เป็นประเด็นขึ้นมา มันเลยกลายเป็นเรื่องใหญ่โตระดับวาระแห่งชาติไปเลยแบบนี้” เจ็ทกล่าวสำทับ
“แต่เอาจริงๆ กูไม่ค่อยโอเคกับการที่ทุกคนแม่งไปโฟกัสความเป็นฮีโร่ของพี่ตูน แต่ไม่ได้เอ๊ะกันเลย ว่าต้นตอที่แม่งต้องออกมาวิ่งหาเงินบริจาคให้โรงบาลแบบนี้ แม่งเป็นเพราะรัฐไม่ทำหน้าที่ตัวเอง” โมที่เอ่ยออกมาเป็นคนสุดท้าย เลือกที่จะกล่าวขัดคอโดยไม่ยอมเห็นพ้องไปกับสองคนแรก
“ก็จริงของมึงอ่ะนะ แต่ว่ามันก็ทำให้คนทั่วไปยิ่งเห็นชัดป่ะ ว่ารัฐบาลเรามันเฮงซวย ถึงต้องให้คนอื่นมาวิ่งรับบริจาค เพราะรัฐแม่งเอางบไปทำอย่างอื่นหมดแล้ว” เจ็ทตอบแบ่งรับแบ่งสู้
“แล้วสุดท้ายก็คือเอาเงินบริจาคนั้นหอบไปให้กะรัฐบาลที่นั่งกระดิกตีนรออีกทีเนี่ยนะ?” โมย้อนถาม
“เนี่ย มึงก็ชอบขัดคอคนอื่นเค้าไปทั่วแบบนี้ไง อะไรที่คนเค้าเฮกัน มึงก็จะต้องวิจารณ์ ขอได้แสดงความต่าง เค้าอุตส่าห์เสียสละออกมาวิ่งจนขาเดี้ยง ได้เงินบริจาคไปตั้งเท่าไหร่ ไอ้พวกที่แย้งแม่งก็ไม่เห็นเคยทำห่าอะไรที่ช่วยคนขาดแคลนได้แบบเค้าเลย ใครจะว่าเค้าทำดีเอาหน้า แม่งก็คือได้ลงมือทำดีไปแล้วเปล่าวะ อย่างน้อยมันก็เกิดผลกว่าคนที่เอาแต่บ่นอ่ะ” ป๋อมเอ่ยอย่างไม่พอใจ
“กูก็ไม่ได้บอกว่าที่เค้าทำมันไม่ดี ก็แค่จะบอกว่าจริงๆ แล้วมันน่าจะแก้ที่ต้นตอของปัญหามากกว่าเฉยๆ ไม่งั้นถ้าแม่งมีปัญหาเรื่องงบขาดแคลนรอบหน้า พี่ตูนไม่ต้องออกมาวิ่งให้เดี้ยงอีกเหรอ” โมแก้ต่างให้ตัวเอง เสียงเริ่มอ่อนลงนิดนึงเมื่อเห็นใบหน้าขุ่นเคืองของเพื่อนสาวที่หางคิ้วเบียดย่นจนแทบจะชนกันอยู่รอมร่อ แม้จะยังแอบรู้สึกตะหงิดๆ ในใจว่ามันมีอะไรบางอย่างทะแม่งๆ ในเรื่องนี้
“น่าๆ แล้วจะมาเถียงอะไรกันเพราะเรื่องข่าววะ อ่ะ! กูเปลี่ยนเพลงให้ก็ได้ จะได้ไม่ต้องทะเลาะกันอีก ไอ้สองคนนี้นี่” เจ็ทที่รับบทคนกลาง ตัดสินใจลุกฉับๆ ไปกดเปลี่ยนคลิปใน Youtube พร้อมกับที่เสียงเพลง ‘Endless Rain’ ในเวอร์ชั่น ‘หน้ากากอีกาดำ’ จากรายการสุดฮิตแห่งปีอย่าง ‘The Mask Singer’ ก็ดังแทรกขึ้นมาแทน
“ไอ้ห่า เพลงโบราณชิบหาย” โมบ่นเป็นคนแรก
“อือ เพลงอะไรเนี่ย เช้ยเชย” ป๋อมพูดสนับสนุนอีกคน กลายเป็นว่าสองคนที่พึ่งจะเถียงกันเมื่อกี้ ต่างกอดคอกันรุมประณามหนุ่มเจ็ทแบบพร้อมเพียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทำเอาเจ้าตัวได้แต่เกาหัวแกรกๆ หัวเราะแห้งๆ แล้วเดินกลับมาหยิบไม้ลูกชิ้นป้อนเข้าปากตัวเองแบบขำๆ
“ฟังไป ดีเจชอบ” เจ็ทตัดบทง่ายๆ อย่างนั้น
โมและเพื่อนดื่มกินกันจนเริ่มรู้สึกมึนเมาตึงๆ ฝ่ายเจ็ทที่เป็นเจ้าบ้านเมื่อเห็นอาการของญาติตนเองก็เลยเอ่ยปากชวนเขานอนค้างคืนด้วยกันไปเลยเพื่อความปลอดภัย
“มึงจะนอนนี่ก็ได้นะ ห้องรับแขกมีแอร์ จะนอนบนโซฟาหรือเอาเบาะมาปูนอนพื้นก็ได้ บ้านกูมีอยู่อันนึง ขับกลับไปก็อันตรายเปล่าๆ” เจ็ทเสนออย่างใจกว้าง
“เฮ้ย จะดีเหรอ รบกวนพวกมึงสองคนเปล่าๆ มาแดกแล้วยังทำตัวเป็นภาระอีก” โมตอบปัดๆ อย่างเกรงใจ ส่วนหนึ่งเพราะเขาเองยังรู้สึกไม่คุ้นเคยกับที่นี่ด้วย จึงอยากกลับไปนอนที่ห้องตัวเองมากกว่า
“นอนนี่แหละ เมาขนาดนี้ มึงจะขับได้ไง เดี๋ยวก็รถชนตายห่า เดี๋ยวกูไปเอาผ้าห่มมาให้” ป๋อมตัดบทรวบรัดแบบกะไม่ให้โมได้ปฏิเสธ เพราะเธอชิงลุกขึ้นเดินหายขึ้นชั้นบนไปหยิบผ้าห่มลงมาให้ ทำให้เขาจำต้องตอบรับข้อเสนอของเพื่อนทั้งสองไปโดยปริยาย
“ปวดขี้ว่ะ เข้าห้องน้ำแป๊บ” โมบอกกับเจ็ทเมื่อรู้สึกได้ถึงอาการปวดท้องตุ่ยๆ ตะหงิดๆ และกำลังเตรียมจะลุกไปเข้าห้องน้ำชั้นล่างที่เขาใช้งานมาตลอดตั้งแต่ช่วงเย็น
“เฮ้ยๆ กูก็ปวดเหมือนกัน ขอกูเข้าก่อน ถ้ามึงปวดมาก ก็ขึ้นไปใช้ห้องน้ำชั้นบนไป” เจ็ทโพล่งขึ้น แล้วรีบลุกตัดหน้าโมวิ่งปรู๊ดหายเข้าห้องน้ำไป โมเองทีแรกตั้งใจว่าจะนั่งรอเข้าต่อ แต่เริ่มรู้สึกว่าคงอั้นนานๆ ไม่ไหว จึงตัดสินใจเดินขึ้นบันไดเพื่อไปยังห้องอาบน้ำชั้นบนแทน ระหว่างเดินอยู่บนระเบียง ป๋อมก็เปิดประตูห้องเก็บของออกมาเจอหน้ากันพอดี
“อ้าว ขึ้นมาทำไมวะ ไม่ต้องช่วย กูเตรียมให้แล้วนี่” ป๋อมทักอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นเขาปรากฏตัวอยู่บนนี้
“ขึ้นมาเข้าห้องน้ำ ปวดขี้ ไอ้เจ็ทมันตัดหน้าเข้าห้องข้างล่างไปละ” โมบอกเหตุผลโต้งๆ
“อ๋อ เออๆ ตามสบาย เดี๋ยวกูลงไปจัดที่นอนให้มึงก่อน” สาวแว่นตอบและเดินเลยไปโดยไม่เสียเวลาหยุดคุยต่อ
“แต้งกิ้ว” ชายหนุ่มโบกมือตอบพร้อมกล่าวขอบคุณ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำและปิดประตูล็อคไวๆ
โมนั่งทำธุระส่วนตัวพร้อมกับยกโทรศัพท์มือถือของตนเองขึ้นมานั่งอ่านข่าวเล่นไปพลางๆ มือหนึ่งถือโทรศัพท์อ่าน ส่วนอีกมือก็กำสายฉีดคอยฉีดชำระความสะอาดให้ก้นตนเองไปพลางๆ ด้วยความเพลิดเพลิน จนกระทั่งถึงจุดหนึ่ง จังหวะที่ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นเพื่อขยับคอแก้เมื่อย หลังจากก้มหน้ามองจอโทรศัพท์มานาน สายตาของเขาก็กวาดไปชนเข้ากับตะกร้าไม้สานที่ตั้งอยู่ใต้เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า มันตั้งอยู่ตรงนั้น เห็นเด่นเป็นสง่า แทบจะไม่ได้หลบซ่อนต่อสายตาใดๆ เพียงมองปราดเดียวก็รู้ว่ามันคือตะกร้าที่เอาไว้สำหรับใส่เสื้อผ้าใช้แล้ว พร้อมกันนั้น โมก็บังเกิดความคิดพิสดารขึ้นมาในหัวแทบจะในทันที
ความเมาบวกกับความทะลึ่งตึงตังที่มีอยู่ติดตัวเป็นทุนเดิม ทำให้โมอดนึกสงสัยขึ้นมาไม่ได้ ว่าเจ้าป๋อมเพื่อนซี้ของเขานั้น มันจะสวมอะไรอยู่ใต้ร่มผ้ากันบ้างนะ... ไวเท่าความคิด ชายหนุ่มพยายามกดน้ำให้เบามือที่สุด แล้วจึงค่อยๆ ขยับลุกย่องตรงไปยังตะกร้าดังกล่าวอย่างเงียบเชียบ หมายจะสำรวจสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน
ภายในตะกร้ามีเสื้อผ้าที่ใส่แล้วของทั้งป๋อมและเจ็ทกองสุมๆ รวมกันอยู่จนเต็ม โมลองล้วงๆ หยิบดูไม่นาน ก็พบกับสัมผัสบางอย่างที่เขากำลังตามหา พอลองดึงออกมาดูจึงพบว่ามันคือยกทรงผ้าฝ้ายสีฟ้า ขนาดค่อนข้างใหญ่ผิดจากภาพจำของป๋อมที่อยู่ในความทรงจำเดิมๆ เขาพลิกซ้ายพลิกขวาดูจนเห็นป้ายบอกขนาดเขียนว่า 33C ก็ได้แต่รำพึงรำพันในใจเงียบๆ ถึงความอึ๋มที่เพิ่มขึ้นผิดหูผิดตาของเพื่อนสาว
เมื่อมียกทรง ก็ต้องมีกางเกงในที่คู่กัน ชายหนุ่มควานหาอีกครู่เดียวจึงพบกางเกงในแบบเต็มตัวสีฟ้า น่าจะเป็นคู่เดียวกัน พอลองหยิบออกมาสำรวจดูก็พบว่าตรงกลางเป้านั้นมีรอยคราบจางๆ คล้ายรอยหยดน้ำที่ซึมแห้งเป็นดวง ความคิดพิเรนทร์ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาดมๆ ดู ก่อนจะต้องปั้นหน้าเหยเก กลิ่นมันแรงไม่เบา จะว่าเหม็นก็ไม่ใช่ จะบอกว่าหอมก็ยิ่งไม่ตรงเข้าไปใหญ่ มันเป็นกลิ่นอับๆ คาวๆ ปะแล่มๆ ถ้าจะเรียกให้ชัดก็คงต้องบอกว่าเป็นกลิ่นสาบสาว ที่รู้ๆ คือมันทำให้ชายหนุ่มผู้กำลังมึนเมา เกิดอารมณ์ ‘เงี่ยน’ ขึ้นมาแบบถนัดตา ไอ้หนูเขามันก็กระตุกลุกขึ้นปึ๋งปั๋งจนคับเต็มเป้ากางเกงโดยไม่รู้ตัว
โมใช้มือซ้ายยกกางเกงในเพื่อนขึ้นสูดดมจนเต็มปอด ขณะที่มือขวาอีกข้างเอื้อมควานสำรวจลึกลงไปจนกระทั่งพบกับกางเกงในตัวอื่น พอดึงออกมาดูจึงพบว่ามันคือกางเกงในผ้าลื่นสีดำทรงเต็มตัว ตรงขอบด้านบนดีไซน์เป็นลวดลายลูกไม้ เพิ่มความเซ็กซี่ให้ผู้สวมใส่ ที่กลางเป้าก็มีคราบแห้งกรังเกาะติดอยู่เช่นเคย ชายหนุ่มจึงสลับหยิบมันขึ้นมาดมกลิ่นสำรวจอีก และพบว่าตัวนี้กลิ่นคาวแรงเร้าใจยิ่งกว่าเดิมเสียอีก อาจเพราะมันถูกใส่ไว้นานแล้วก็เป็นได้
โมสูดดมกลิ่นกายเพื่อนผ่านชั้นในด้วยความเมามัน ซ้ายที... ขวาที... เสียงดังฟืดฟาด รู้ตัวอีกที ใบหน้าเขาก็จมอยู่กับเป้ากางเกงในลูกไม้สีดำ พร้อมกับใช้มืออีกข้างควักอาวุธออกมาสาวช่วยตัวเองเรียบร้อยแล้ว ความหื่นทำให้เขาทนไม่ไหว ต่อให้มันจะเป็นเพียงแค่ชุดชั้นในของเพื่อน ก็ทำให้ชายหนุ่มมีอารมณ์มากเป็นพิเศษ อาจเพราะเขาเองพึ่งจะผ่านการมีเซ็กส์สุดเร่าร้อนกับสาวท้องมาหมาดๆ ไม่นานนี้ จึงทำให้พึ่งค้นพบเจอเสน่ห์ความเย้ายวนอีกแบบที่ปรากฏอยู่บนตัวป๋อมที่กำลังจะกลายเป็นแม่คน ทั้งที่ตลอดมาไม่เคยมองเห็นเสน่ห์ความเป็นหญิงในตัวเพื่อนซี้คนนี้เลยสักครั้ง
กลิ่นคราบเค็มคาวช่างสุดจะเร้าอารมณ์ ไหนจะสัมผัสของเนื้อผ้าที่นุ่มลื่นมือนั้นอีก เขาใช้เวลาจัดการตัวเองแค่เพียงไม่กี่นาทีก็สุดที่จะกลั้น รีบก้าวจ้ำอ้าวไปหยุดอยู่หน้าชักโครกตัวเดิมที่พึ่งจะลุกออกมา แล้วเล็งอาวุธกระฉูดน้ำกามปรี๊ดๆ ลงไปยังช่องว่างกลางโถ ปลดปล่อยอารมณ์ที่อัดอั้นออกมาจนหมดไม่เหลือสักหยด พออารมณ์ชั่ววูบถูกรีดออกไปจากกายแล้ว ความรู้สึกกระดากตัวเองจึงก้าวเข้ามาแทนที่ เมื่อตระหนักว่าตนเองพึ่งทำเรื่องสัปดนเพียงใดลงไป
ชายหนุ่มรีบยัดกางเกงในเพื่อนที่เขาใช้เป็นเครื่องช่วยบำบัดความใคร่ซุกกลับเข้าไปใต้กองผ้า ก่อนจะรีบฉีดน้ำชำระล้างคราบร่องรอยต่างๆ แล้วกดน้ำย้ำๆ เพื่อทำลายหลักฐานทันที ก่อนจะรีบกลับออกมานั่งกินชาบูร่วมโต๊ะกับเจ้าบ้านทั้งสองต่อ โดยไม่ได้เฉลียวใจเลยว่า... การกระทำเมื่อครู่ของเขานั้นกำลังจะถูกใครบางคนจับสังเกตได้...
แล้วท้องฟ้าที่เคยมืดเฉาก็ถูกอาบเคลือบไปด้วยแสงมลังเมลือง จากพลุไฟที่ส่องสกาวเต็มฟากฟ้า ต่างแต่งแต้มสีสันในวงไฟของตนเองไม่ให้น้อยหน้ากันและกัน บ้างไล่โทนชุดสีแดง-เหลือง-ส้ม บ้างตัดคอนทราสต์ด้วยคู่สีน้ำเงิน-แดงจัดจ้าน ถัดจากนั้นอีกราวๆ 1-2 วินาทีจึงตามมาด้วยเสียงโป้งป้างดังสนั่นลั่นฟ้าที่เคลื่อนตัวตามแสงไฟมาติดๆ เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าเวลาบนโลกได้หมุนเคลื่อนครบหนึ่งรอบวงโคจรของมันอีกครั้งแล้ว
โทรศัพท์มือถือของโมบังเกิดเสียงแจ้งเตือนพร้อมกับตัวเครื่องที่สั่นไหวริกๆ เสียดสีกับโต๊ะอาหาร เมื่อเพื่อนฝูงและมิตรสหายบางส่วนได้ส่งข้อความสวัสดีปีใหม่มาทักทาย ที่เห็นๆ ก็มีทั้งหยา, นิ่ม และบรรดาญาติๆ ในกรุ๊ปแชทของวงศ์ตระกูล ทว่าคนที่เขาคิดถึงมากที่สุดในยามนี้อย่างลูกไม้ที่เป็นฝ่ายเบี้ยวนัด กลับหายเงียบไปไม่มีแม้แต่ข้อความจะทักทายกัน เธอคงยุ่งแหละ เขาพร่ำบอกกับตนเองด้วยอารมณ์น้อยใจเล็กๆ แล้วกดส่งสติกเกอร์สวัสดีตอบกลับไปหามิตรสหายเหล่านั้น ก่อนจะหันไปชวนญาติผู้พี่กระดกชนแก้วกันต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งเจ็ทก็จัดให้อย่างสาสมใจจนต่างเมามายหัวเอียงไปตามๆ กัน
ภายหลังกินดื่มกันจนเมามายและอิ่มแปล้ โมที่ขับรถกลับบ้านไม่ไหวก็เลยต้องยึดโซฟาตัวยาวที่ห้องนั่งเล่นของเจ็ทแทนเตียงนอนสำหรับพักค้างคืน ขณะที่คู่สามีภรรยาทั้งสองก็ย้ายตัวเองขึ้นมานอนกกซุกกันบนห้องนอนประจำเหมือนเช่นที่ทำกันอยู่ทุกค่ำคืน
“ว่าไง? ตกลงเป็นอย่างที่คิดมั้ย?” ฝ่ายสามีเอ่ยถามเปิดประเด็นบางอย่างขึ้นมาด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม
“อือ... ไอ้โมมันแอบรื้อตะกร้าผ้าเราจริงด้วยอ่ะ โอ๊ย! ไอ้บ้านี่แม่งลามกชิบเป๋ง” ป๋อมตอบพร้อมกับทำเสียงกระดากเขิน เมื่อจับได้ว่าเพื่อนรักนั้นแอบมายุ่งวุ่นวายกับกองเสื้อผ้าใส่แล้วของตน และก็คงจะรวมถึงชุดชั้นในต่างๆ ที่เธอซุกซ่อนเอาไว้ด้วย ซึ่งสิ่งที่โมไม่รู้ก็คือ สาวแว่นนั้นแอบวางซ้อนเสื้อผ้าต่างๆ เอาไว้อย่างเป็นลำดับตามวันและเวลาที่สวมใส่ พอเขามารื้อค้นดูมั่วๆ จึงไม่แปลกที่สุดท้ายจะถูกเจ้าของจับไต๋ได้อย่างง่ายดาย
“ฮื้อ... ออออ ตื่นเต้นดีออก นี่แสดงว่าไอ้โมเองก็แอบหื่นใส่ป๋อมอยู่ลึกๆ เหมือนกันไง” เจ็ทกระตุ้น พร้อมก้มหน้าซุกไซ้ซอกคอภรรยาสาวด้วยอารมณ์สิเน่หา ทำเอาสาวท้องตัวสะท้านครางฮือ
“อือ... ออออ พี่อ่ะ พิลึกคน... ตั้งแต่ไปนวดคราวนั้นก็ชักเพี้ยนไปกันใหญ่แล้วนะ แทนที่จะหึง ดันมามีอารมณ์กับเรื่องแบบนี้ซะได้ บ้ารึเปล่า อึ๋ย... ยยยย” ป๋อมหลับตาพริ้ม เผลอส่งเสียงครางสยิวออกมา เมื่อโดนสามีดูดแรงๆ ที่ซอกคอ พร้อมใช้มือบีบขยำเต้าเนื้อของเธอเต็มกำมือ
“ตื่นเต้นดีออก ยิ่งเป็นคนใกล้ตัวแบบไอ้โมอย่างนี้ พี่ยิ่งรู้สึกหื่นเป็นพิเศษ” ชายหนุ่มว่าต่อ ทั้งจูบ ทั้งขยำเรือนร่างของเธอ ตรงโน้นที ตรงนี้ที ไล่ตั้งแต่ท่อนบน เรื่อยไปจนถึงท่อนล่าง จนฝ่ายภรรยาตัวร้อนผ่าวๆ ส่งเสียงครางสยิวออกมาอย่างสุดจะห้ามใจ
“ซี้ดส์... สสส อ๋อย พี่เจ็ท หนูเสียว... ววววว” ป๋อมกัดริมฝีปากร้องครางออกมา เบียดแอ่นเนินสาวเข้าหานิ้วมือซุกซนของสามีหนุ่มรุ่นพี่ที่กำลังคลึงเขี่ยไปตามท้องร่องอันฉ่ำเยิ้ม
“ไม่ไหวละ พี่ว่าคืนนี้จัดกันซักดอกดีกว่า มามะ” ชายหนุ่มว่าจีบก็มุดกายลงไปพรมจูบที่หน้าท้องของเธอ ก่อนจะลามลงไปยังเนินสวาทตรงกลางหว่างขา พร้อมกับที่ทุกอย่างดำเนินไปตามจังหวะจะโคนของมันจนเสร็จสมบูรณ์
ที่แท้แล้วเหตุการณ์ทั้งหมดก็คือแผนการที่สองสามีภรรยาวางไว้ตั้งแต่ต้น ไล่ตั้งแต่ที่เจ็ทชิงแย่งห้องน้ำชั้นล่างไปจากโม ตลอดจนถึงตะกร้าผ้าใช้แล้วที่ฝั่งป๋อมเป็นคนเอามาตั้งวางไว้ล่อตา ตามคำยุยงของสามีตัวเอง สุดท้ายชายหื่นอย่างโมที่ทะเล่อทะล่าหลงเข้ามาใช้บริการห้องน้ำชั้นบน จึงติดกับเข้าเต็มเปา และกลายเป็นเครื่องมือช่วยเสริมสร้างความเร้าใจให้แก่การร่วมรักของสองสามีภรรยาคู่นี้ไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
=======================================
ใครบางคนเคยกล่าวว่า... การทดลองทำอะไรใหม่ๆ ที่ตนเองไม่คุ้นชิน ครั้งแรกมักจะเป็นสิ่งที่ยากที่สุดเสมอ หลังจากนั้นทุกอย่างจะค่อยๆ ดำเนินไปได้ตามวิถีทางของมัน และการรับจ๊อบพิเศษของโมก็เป็นเฉกเช่นเดียวกันกับวลีดังกล่าว เมื่อมีครั้งแรก ก็ย่อมมีครั้งที่สอง และสามตามมาแบบไล่เลี่ยกัน นับตั้งแต่ที่เข็มนาฬิกาเลื่อนผ่านเข้าสู่ปี พ.ศ. ใหม่แบบหมาดๆ
โมเริ่มจับทางและปรับตัวเข้ากับอีกบทบาทที่ตนเองได้รับอย่างลื่นไหลและกลมกลืน ลูกค้ารายที่สองของเขาเป็นสาวใหญ่วัยราวๆ 40 ต้นๆ ผมบ๊อบสั้น หน้าตากลางๆ ไม่ถึงขั้นสวยแต่ก็ไม่ขี้เหร่ รูปร่างออกไปทางอวบๆ มีน้ำมีนวล แต่ผิวพรรณขาวเนียนตา แต่งตัวมาในมาดของผู้บริหาร สวมเสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็ค ทับด้วยเสื้อสูทสีน้ำเงินอมเทา รายนี้มาพร้อมกับเงื่อนไขการใช้บริการง่ายๆ ว่าต้องการหนุ่มหล่อหน้าตาดี อายุน้อยกว่า อาวุธใหญ่ยาว ลีลาดี และต้อง ‘ทำรัก’ กับเธออย่างถึงพริกถึงขิง ให้เธอถึงจุดสุดยอดอย่างน้อย 1 ครั้ง ในระยะเวลาที่จองไว้ 2 ชั่วโมง เพราะเจ้าตัวนั้นระบุมาว่าตนเองเป็นคนเสร็จยาก
แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ดูเหมือนจะไม่ยากเกินฝีมือของโมนัก เพราะชายหนุ่มได้จัดของหนักให้เธออย่างสาสมใจ จนลูกค้าสาวใหญ่เสร็จกิจไปครั้งแรก ตั้งแต่เข็มนาฬิกายังไม่ทันกระดิกพ้นครึ่งชั่วโมงดี และกว่าจะหมดเวลา เธอก็ถูกเขาปรนเปรอ ป้อนความสุขเสียวให้ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนเธอเสร็จกิจซ้ำเป็นคำรบสอง แม้ว่าในรอบนี้เขาจะต้องเค้นฝีมือ งัดลีลาการโขยกกระแทกออกมาใช้แบบสุดฝีมือ นานร่วมๆ ครึ่งชั่วโมง จึงจะสามารถส่งเธอเข้าเส้นชัยเป็นรอบที่สองได้ สมกับที่เจ้าตัวอ้างไว้ในตอนต้นว่าเป็นคนเสร็จยากจริงๆ แต่เพียงเท่านี้ก็ทำให้สาวใหญ่ถึงกับปลาบปลื้มประทับใจกับความเก่งฉกาจและอึดทนของเขา จนต้องออกปากชมซ้ำแล้วซ้ำอีก
ถัดจากนั้นก็คือลูกค้าคนที่สาม ซึ่งรายนี้ดูเหมือนจะอ่อนวัยกว่าโมเองเสียอีก หากประเมินด้วยสายตาไม่ผิด เขาเดาว่าเธอน่าจะมีอายุเพียงเลขสิบปลายๆ ไม่เกินวัยยี่สิบต้นๆ ด้วยซ้ำ เงื่อนไขในการมีเซ็กส์ของเธอคือ เขาจะต้องสวมบทบาทเป็น ‘พี่ชาย’ ของเธอ ตลอดเวลาที่ทั้งคู่อยู่ร่วมกันในห้อง ซึ่งแม้จะฟังดูผิดเพี้ยนชอบกล แต่ก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงที่โมจะสามารถฝืนทนทำไปได้จนเสร็จ ที่ตลกก็คือ ไอ้การได้ยินลูกค้าสาวร้องเรียกเขาว่า ‘พี่จ๋า’ ตลอดเวลาที่กำลังโก้งโค้งให้เขากดกระแทก มันกลับยิ่งกระตุ้นอารมณ์หื่นของเขาขึ้นมาแบบแปลกๆ จนจัดการส่งเธอขึ้นสวรรค์ไปถึงสองครั้งสองครา ภายในระยะเวลา 1 ชั่วโมงที่ลูกค้ารายนี้จองเอาไว้
และแม้จะรับลูกค้าครบสามรายตามเงื่อนไขขั้นต่ำที่ทางคลับกำหนดเอาไว้ในแต่ละเดือนแล้ว ทว่าด้วยความตื่นเต้นแปลกใหม่ที่พึ่งค้นพบนี้ ก็ทำให้โมตัดสินใจ เลือกรับงานของลูกค้ารายที่สี่ต่อไปอีก ซึ่งคราวนี้แหละ... ชายหนุ่มจึงเริ่มค้นพบถึงรสนิยมแปลกๆ ที่ลูกค้ารายต่อๆ ไปกำลังจะนำเสนอให้เขาได้รู้จัก...
=======================================
วันนั้นเป็นช่วงหัวค่ำวันศุกร์... โมกำลังนั่งเตรียมตัวรอลูกค้าอยู่ภายในห้องสวีทของโรงแรมหรู โดยเขามาถึงก่อนเวลาเหมือนเช่นทุกคราว โซนที่เขานั่งอยู่คือส่วนห้องนั่งเล่นด้านหน้า ขณะที่ตัวห้องนอนหลักซึ่งจะถูกใช้งานหลังจากนี้นั้นถูกซ่อนลึกเข้าไปด้านในอีกที โดยมีประตูเลื่อนที่สามารถเปิดเชื่อมเข้าหากันได้กับห้องนั่งเล่นด้านนอก บนโต๊ะรับแขกมีเครื่องดื่มและของขบเคี้ยวที่ลูกค้าสั่งออเดอร์เอาไว้ วางรออยู่ก่อนแล้ว ถัดจากนั้นอีกราวๆ 10 นาที ประตูห้องก็ถูกเปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของชายหญิงคู่หนึ่ง
ลูกค้าในครั้งนี้ของเขาเป็นคู่สามี-ภรรยากัน ทั้งสองต่างสมัครเป็นเมมเบอร์ของเดอะคลับแห่งนี้ด้วยกันทั้งคู่ เพื่อที่ว่าจะสามารถจองคิวใช้บริการร่วมกันได้ ตามกฎกติกาที่กำหนดเอาไว้ ซึ่งหลายๆ ครั้งมักจะถูกใช้เป็นการจองเพื่อจัดปาร์ตี้เซ็กส์หมู่ สวิงกิ้งแลกคู่ หรือบางครั้งบางคราว... ก็จะถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการ ‘Cuckolding’ แบบที่ลูกค้าคู่นี้เลือกใช้นั่นเอง ใช่แล้ว... สิ่งที่โมต้องทำในค่ำคืนนี้ ก็คือการมีเซ็กส์อันเร่าร้อนกับภรรยาสาว โดยที่สามีหนุ่มจะเป็นสักขีพยาน คอยจับตามองการกระทำของทั้งคู่นั่นเอง
แม้จะดูเป็นเงื่อนไขที่ไม่ยากเย็นอะไรสำหรับโม ทว่าภายหลังจากที่ชายหนุ่มได้ผ่านเหตุการณ์เฉียดรับประทานลูกปืน จากเมื่อคราวที่ทะเล่อทะล่าไปตีท้ายครัวเพื่อนบ้านสาวสวยหลังติดกันอย่างสาวพัชเข้า เจ้าตัวก็ถึงกับปฏิญาณตนเองไว้อย่างหนักแน่น ว่าจะไม่ขอข้องแวะกับผู้หญิงที่มีเจ้าของอีกแล้วโดยเด็ดขาด เพื่อตัดปัญหาเรื่องที่จะไปทำให้ครอบครัวเขาแตกแยกกัน รวมถึงหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะพาตัวเองไปพบกับยมบาลเร็วก่อนกำหนดด้วย
แต่เอาเถอะ... งานก็คืองาน และนี่ถือเป็นความต้องการของตัวลูกค้าเองด้วย เป็นตายร้ายดียังไง ผัวเธอก็คงไม่ควักปืนมายิงเขาตอนที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มหรอกมั้ง... ชายหนุ่มคิดตอนที่กำลังตัดสินใจกดรับงานนี้
ฝ่ายสามีที่เดินนำหน้าเข้ามาก่อน รูปร่างหน้าตาก็จัดว่าอยู่ในหมวดขาวตี๋ ตามมาตรฐานคนไทยเชื้อสายจีน ใบหน้ายิ้มแย้มฉายแววมั่นใจ เส้นผมสีดำอมทองถูกตัดสั้นเป็นระเบียบ รูปร่างสูงล่ำ มีพุงนิดๆ พอสะดุดตา แต่งกายมาในชุดเสื้อโปโลสีขาวขลิบดำ เข้าคู่กับกางเกงสแล็คสีน้ำเงินเข้ม และรองเท้าผ้าใบสีขาวล้วนยี่ห้ออดิดาส แม้ภาพรวมจะดูธรรมดา ทว่านาฬิกาปาเต๊ะที่ข้อมือของชายคนนั้นก็พอจะบ่งบอกฐานะอันไม่ธรรมดาของเจ้าตัวได้
ขณะที่ฝ่ายภรรยาซึ่งเป็นเป้าสนใจของโมมากกว่า หญิงสาววัยนำหน้าด้วยเลขสาม แต่ยังตัดผมบ๊อบสั้นสีดำสนิทแนบเปิดหู ดูเผินๆ เหมือนเด็กมัธยมปลาย โครงหน้าเรียวยาวรูปไข่ ผิวขาวกระจ่าง จมูกโด่งเป็นสัน ไม่ถึงกับสวยเช้ง แต่ห่างไกลจากคำว่าขี้เหร่แน่ๆ แต่ที่โดดเด่นสะดุดตาที่สุดก็คือดวงตากลมโตคู่นั้น ที่จับจ้องมองเขาอย่างไม่วางตา เธอสวมชุดเดรสกระโปรงตัวหลวมแขนยาวถึงศอกสีเทาอ่อน ที่เก็บซ่อนทรวดทรงองค์เอวของเธอไว้แบบมิดชิดจนแทบคาดเดาสัดส่วนอะไรไม่ได้ ที่พอจะเดาได้เลาๆ ก็คือเธอน่าจะเป็นคนรูปร่างผอมบาง ตัวเล็กกะทัดรัด เมื่อเปรียบเทียบกับความสูงของสามีที่กำลังเดินนำหน้า จนกระทั่งพวกเขาทั้งหมดมาหยุดประจันหน้ากันที่หน้าเตียง
“คุณลูกค้าสวัสดีครับ” โมกล่าวทักทายอย่างสุภาพพร้อมกับยกมือไหว้
“เอ้อ หวัดดีๆ ยังไงวันนี้รบกวนน้องด้วยนะ ทำให้พวกพี่ประทับใจหน่อย” ลูกค้าหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ พลางยกมือขึ้นโบกทักทายเขาอย่างกันเอง
“คือผม... สารภาพตรงๆ ว่ายังไม่เคยรับแนวนี้มาก่อนเลย แต่จะพยายามเต็มที่ครับ” หนุ่มหน้าหยกสารภาพตามตรง
“ดีๆ อย่าให้เสียชื่อเดอะคลับนะ” ชายคนดังกล่าวพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะเดินไปนั่งเอนหลังพักกายบนโซฟาตัวเล็กพร้อมกับจ้องมองว่าเขาจะทำยังไงต่อ
“ถ้างั้น... คุณผู้หญิงจะอาบน้ำก่อนมั้ยครับ?” โมเอ่ยถามตามมารยาท แต่ยังไม่ทันที่สาวเจ้าจะเปิดปาก ผู้เป็นสามีก็ชิงตอบให้แทน
“ไม่ต้องแล้วๆ ลุยได้เลย พี่ชอบแบบดิบๆ มันเร้าใจดี” ลูกค้าชายโพล่งขึ้นมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พอโมลองหันไปจ้องสบตากับฝ่ายภรรยาสาวเหมือนเป็นเชิงทวนถาม เจ้าตัวก็เลยพยักหน้าน้อยๆ แทนการตอบรับแบบสมยอมตาม
“ก็ตามที่เฮียเค้าว่าแหละค่ะ เริ่มเลยก็ได้” ฝ่ายภรรยาสาวพูด จ้องตาเขาด้วยสีหน้านิ่งสงบ แต่ในแววตานั้นกลับฉายแววเคอะเขินในที
“อ๋อ... โอเคครับ” ถึงโมจะตอบออกไปแบบนั้น แต่ทว่าตนเองกลับทำได้เพียงแค่ยืนเก้ๆ กังๆ เพราะไม่รู้ว่าจังหวะนี้ควรจะเริ่มต้นยังไงดี ความกดดันมันถาโถมผิดปกติ เมื่อมีบุคคลที่สามมาคอยนั่งจับจ้องมองการกระทำของเขาอยู่ใกล้ๆ แบบตาไม่กะพริบ
“เขินเหรอน้อง?” ฝ่ายสามีที่เห็นอาการก็อดเอ่ยปากแซวเขาไม่ได้
“นิดหน่อยครับ” โมตอบเก้อเขิน พร้อมกับหัวเราะเกาหัวแกรกๆ ทั้งสามีและภรรยาต่างอมยิ้มน้อยๆ ให้คำตอบของเขา
“เมียพี่สวยใช่มั้ย? น้องเลยเขิน” ชายคนเดิมกระเซ้าถามต่ออย่างอารมณ์ดี
“ครับ สวยครับ” ชายหนุ่มขานรับง่ายดาย ครึ่งหนึ่งเพื่อเอาใจลูกค้า ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเมื่อได้ลองมายืนจ้องตากันใกล้ๆ เขาจึงพบว่าหญิงสาวเบื้องหน้าก็มีเค้ามุมน่ารักในแบบหมวยๆ อยู่เหมือนกัน พอได้ยินคำชมจากปากเขา สาวเจ้าก็ออกอาการเคอะเขินน้อยๆ แม้เธอจะพอรู้ว่าชายหนุ่มย่อมไม่สามารถตอบเป็นอื่นได้อยู่แล้วภายในสถานการณ์เช่นนี้
“เอ้าๆ สงสัยจะเขินกันทั้งคู่แล้ว งั้นเข้าไปทำในห้องกันก่อนมั้ย? เดี๋ยวพี่นั่งรออยู่นี่ก่อน เผื่อจะได้ไม่เขิน” สามีเสนอทางออกให้เมื่อเห็นอาการ ยังไม่ทันที่โมจะเปิดปากตอบ ฝ่ายภรรยาสาวก็ชิงตอบตกลงให้เสียก่อน
“อือ เอาแบบนั้นดีกว่า อยู่ตรงนี้เค้าเกร็งไปหมด น้องเค้าคงเกรงใจเฮียด้วย นั่งอยู่นี่แหละ ไม่ต้องตามมา” เธอว่า แล้วก็จัดการคว้าหมับเข้ามาที่ท่อนแขนของโม แล้วรีบจูงเขาเดินหนีเข้ามาในห้องนอนแบบกะทันหัน ทำเอาเจ้าหนุ่มถึงกับออกอาการเหวอ เพราะไม่คิดว่าสาวเจ้าที่ดูเงียบๆ หงิมๆ จะเปิดฉากรุกใส่เขาก่อนแบบนี้
“เต็มที่เลยนะเมียจ๋า ไม่ต้องเกรงใจเฮีย นานๆ มาที ต้องเอาให้คุ้ม” เสียงฝ่ายสามีที่กำลังเปิดขวดเหล้า ตะโกนไล่หลังมาจากนอกห้อง
แม้จะหนีมาอยู่กันเพียงลำพังสองคนแล้ว แต่ความประหม่าก็ยังคงเกาะกุมอยู่บนสองบ่าของโม เขาเอาแต่ยืนจ้องหน้าสบตากับลูกค้าสาวอยู่ข้างๆ เตียงนอนโดยไม่กล้าที่จะเป็นฝ่ายริเริ่มกิจกามใดๆ ท่าทีเก้ๆ กังๆ ของเขาทำให้สาวเจ้าอดหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้ ทั้งที่ตอนก้าวเท้าเข้ามาในห้อง เธอเองยังแอบรู้สึกเคอะเขินที่จะต้องมานอนแก้ผ้าให้ชายแปลกหน้าฟอนเฟ้นกับร่างกายต่อหน้าผู้เป็นสามี ทว่าเมื่อเห็นอาการของชายหนุ่มผู้ให้บริการที่ดูจะหนักหนายิ่งกว่า มันก็เลยพอจะทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาได้
“นี่ ถามจริงๆ พึ่งเคยรับงานที่นี่ครั้งแรกเหรอ? ถึงได้เกร็งซะขนาดนี้” ลูกค้าสาวเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มตาหยี นึกเอ็นดูเขาอยู่ในใจ
“เปล่าครับ ก็เคยมาบ้างแล้ว แต่ว่า... ยังไม่เคยรับแบบที่มีแฟนเค้ามานั่งดูด้วยแบบนี้” โมกล่าว ซึ่งก็คล้ายเป็นการขยายความให้กับคำตอบเดิมที่เขาเคยบอกคู่สามีภรรยาดังกล่าวไปก่อนหน้านี้
“โอเค เข้าใจละ ยังไม่เคยเป็น Bull นี่เอง ไม่เป็นไร ไม่ต้องคิดมาก น้องก็ทำไปแบบที่น้องเคยทำปกตินั่นแหละ แต่แค่จินตนาการเพิ่มไปอีกนิดนึงว่า... พี่กับน้อง เราสองคนเป็นชู้กัน เรากำลังแอบเอากันลับหลังผัวพี่ แบบนี้ตื่นเต้นดีมั้ย?” เธอพูดไม่พูดเปล่า ยังเอื้อมมือมาคว้าจับเข้าที่กลางเป้าของโมเพื่อสำรวจอาการเขาไปในตัว
“อุ๊ย! ก็ใหญ่อยู่นะเนี่ย” ลูกค้าสาวร้องอุทานออกมาเบาๆ เมื่อสัมผัสได้ถึงความตึงคับแน่นที่ดิ้นตุบๆ อยู่ภายในอุ้งมือตนเอง ทว่าที่เธอไม่รู้ก็คือ สัมผัสดังกล่าวนั้นยังไม่ใช่ตอนที่มันแข็งตัวเต็มที่ เพราะอาวุธของชายหนุ่มมันกำลังตกอยู่ในสภาพ เดี๋ยวแข็ง-เดี๋ยวหด แม้จะรู้สึกตื่นเต้นไปกับบรรยากาศตรงหน้า ทว่าความกดดันก็พลอยทำให้อวัยวะของเขานั้นมันแข็งได้แบบไม่สุด แม้จะเคยมีประสบกามสวิงกิ้งอันโลดโผนมาแล้วหลายต่อหลายครั้งก็ตาม แต่ครั้งนี้ความรู้สึกที่เป็นอยู่มันกลับแตกต่างออกไป มันเต็มไปด้วยความคาดหวัง กดดัน และหวาดระแวงปะปนกัน ตลอดเวลาที่เขาพยายามรวบรวมสมาธิให้โฟกัสอยู่กับลูกค้าเบื้องหน้า
“ขอโทษนะ ขอพี่ดูชัดๆ ได้มั้ย” สาวหมวยเอ่ยถามเหมือนไม่ต้องการคำตอบ เพราะในขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น นิ้วมือเรียวสวยของเธอก็จัดแจงปลดตะขอและรูดซิปกางเกงสแล็คของเขา ก่อนจะสอดมือล้วงเข้าไปคว้าที่เจ้าแก่นกายแห่งความเป็นชาย แล้วออกแรงกระตุกเบาๆ ให้มันผงาดออกมาประจันหน้ากับสายตาตนเอง พอโดนอุ้งมือบีบสัมผัสเข้าไปเต็มๆ อาวุธของโมก็เลยยิ่งเกิดอาการขยายตัวสู้มือขึ้นมาอีก ทำให้ลูกค้าสาวถึงกับเบิกตาจ้องมองมันอย่างไม่วางตา
“โอ้โห... ใหญ่มาก... ของน้องนี่ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย ใหญ่จริงๆ” เธอเอ่ยชมแบบทึ่งๆ ขณะที่มือยังบีบสำรวจอาวุธเขาไม่ยอมปล่อย
“ครับ... ก็... นิดหน่อยครับ” ชายหนุ่มตอบเสียงสั่นเทิ้มเล็กๆ เพราะความเสียวจากการโดนอุ้งมือน้อยจู่โจม
“รู้มั้ย? ผัวพี่น่ะ... เค้าชอบให้พี่ไปเอากับคนที่ทำเก่งกว่าเค้า ยิ่งเห็นพี่เสียวแล้วเสร็จมากเท่าไหร่ เค้าก็ยิ่งหื่นตามมากเท่านั้น โดยเฉพาะยิ่งเจอใหญ่ๆ แบบนี้ด้วยนะ ไม่รู้ใครจะถูกใจกว่ากัน ระหว่างพี่กับเค้า” ลูกค้าสาวบอกเล่ารสนิยมของคู่ครองตนเอง พร้อมกับกระตุกอุ้งมือลูบสำรวจไปทั่ว ตั้งแต่ส่วนหัวถึงปลายโคน น้ำเสียงแฝงแววชื่นชมอยู่ไม่น้อยในประโยค
“แล้ว... คุณผู้หญิงชอบด้วยมั้ยครับ?” โมตั้งใจจะถามเลียบเคียงไปถึงความสมัครใจของเธอที่มีต่อรสนิยมดังกล่าว ทว่าประโยคที่เขาพูดมันกลับทำให้คนฟังตีความไปได้ว่า เขากำลังถามยั่วเย้าถึงความพึงพอใจที่มีต่อขนาดอาวุธของตนเองแทน
“ชอบซี่ สำหรับคนอื่นจะยังไงไม่รู้นะ แต่สำหรับพี่ พี่ชอบแบบใหญ่ๆ ยาวๆ แบบของน้องนี่แหละ มันเข้าลึกถึงใจดี” ภรรยาสาวตอบชัด ก่อนจะยื่นใบหน้าไปป้องปากกระซิบใส่หูเขาเบาๆ ว่า
“ถ้าเป็นไปได้ คืนนี้ช่วยทำให้พี่ลืมผัวตัวเองไปเลยนะ เอาให้ผัวพี่หึงจนอกแตกตายไปเลย รับรองว่าเค้าต้องประทับใจแน่ๆ”
“เอ่อ... ครับคุณผู้หญิง” โมที่ไม่รู้จะแก้ความเข้าใจผิดให้เธอยังไง จึงได้แต่กล่าวตามน้ำไป
“เรียกคุณผู้หญิงแล้วฟังดูแก่ยังไงไม่รู้ เรียกพี่เถอะ มันฟังลื่นหูกว่า” เธอจัดแจงเปลี่ยนสรรพนามการเรียกให้เขาเสียใหม่
“ครับคุณพี่” เขาตอบรับทันควัน แต่ก็ยังเป็นคำตอบที่ไม่ถูกใจเธอนัก สังเกตได้จากสีหน้าและคิ้วที่ขมวดย่นเมื่อได้ยิน
“แค่พี่ก็พอ ไม่ต้องมีคุณ ฟังแล้วมันตลก อ่ะ คราวนี้ก็ช่วยพี่ถอดชุดหน่อย” คู่สนทนาเอ่ย ละมือออกจากเป้ากางเกงเขา ก่อนจะหมุนตัวหันหลัง ใช้สองมือรวบเปิดปลายผมบริเวณลำคอเรียวขาว เพื่อเปิดทางให้โมช่วยรูดซิปชุดเดรสของเธอที่ด้านหลังซึ่งยาวลึกลงไปถึงบริเวณบั้นเอว
“ครับพี่...” ชายหนุ่มตอบสั้นๆ อย่างว่าง่าย เอื้อมมือไปรูดซิปชุดของเธอลงอย่างช้าๆ แผ่นหลังที่ขาวเนียนไร้ริ้วรอยจึงปรากฏโฉมออกมาพร้อมกับสายยกทรงลูกไม้น้ำเงินซีทรู ผิวที่ขาวจั๊วะของเธอเมื่อดูใกล้ๆ แล้วยิ่งมีเสน่ห์น่าหลงใหลจนยากจะถอนสายตา
สายตาเขาถูกสะกดให้จับจ้องมองสำรวจไปทั่วเรือนกายที่ปรากฏลอดออกมาจากรอยแยกของชุดเดรส ไล่ตั้งแต่เนินไหล่ขาวนวล ร่องลึกตรงกลางหลัง เรื่อยมาจนถึงบริเวณบั้นท้าย ที่มองเห็นขอบกางเกงในสีเดียวกันกับยกทรงโผล่แลบขึ้นมาน้อยๆ ใจหนึ่งก็นึกอยากจะจับ แต่อีกใจลึกๆ กลับเริ่มรู้สึกลังเลกล้าๆ กลัวๆ ขึ้นมาชอบกล และพาลให้สาวเจ้าเกิดอาการฉงน เมื่อตระหนักว่าสองมือของเขามันกำลังหยุดนิ่งค้างไปเฉยๆ เสียอย่างนั้น โดยไม่ยอมจัดการกับอาภรณ์ของเธอให้เสร็จสิ้นสักที
“หยุดทำไมล่ะคะ? ตั้งใจหน่อยซี่” ลูกค้าสาวเอ็ดเขาเบาๆ แต่ดังพอที่จะเรียกสติของชายหนุ่มให้หวนระลึกได้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ นี่เป็นการให้บริการแก่ลูกค้าวีไอพี เขาควรจะตั้งใจตอบสนองความต้องการของเธอและสามีให้เต็มที่ ดีกว่าจะมัวมายืนเหม่อคิดโน่นคิดนี่ หรือกังวลฟุ้งซ่านเกินเหตุอยู่แบบนี้ ไหนๆ ก็อุตส่าห์ดิ้นรนหาทางพาตัวเองเข้ามาได้ลึกขนาดนี้แล้ว มีแต่จะต้องเดินหน้าต่อไปให้สุดเท่านั้น พอคิดแบบนี้แล้วโมก็เริ่มที่จะเครื่องติด เขาจัดการสอดมือทั้งสองข้างล้วงเข้าไปที่รอยแยกบริเวณรักแร้ของไฮโซสาว ก่อนจะคว้าเกาะกุมเข้าที่ทรวงเต้าอ่อนนุ่มเต็มเปา จนทำเอาเธอถึงกับหลุดส่งเสียงร้องอุ๊ยออกมาเบาๆ ด้วยความตื่นเต้นเพราะไม่ทันตั้งตัว
“อะไรเนี่ย? ไม่ถอดให้เสร็จก่อนเหรอคะ?” ไฮโซสาวถามน้ำเสียงตื่นเต้น รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างในใจของชายหนุ่ม ที่ส่งผ่านมายังฝ่ามือทั้งสองข้างของเขา ซึ่งกำลังสาละวนอยู่กับการคลึงเคล้นและหยอกเย้าที่ทรวงเต้าคู่น้อยของเธออย่างเมามัน
“ขออนุญาตนะครับ ถ้าผมจะเป็นชู้กับพี่จริงๆ ผมขอเอาพี่คาชุดดีกว่า ตื่นเต้นกว่าเยอะเลยครับ” โมที่เริ่มเครื่องติด จึงเอ่ยกระซิบยั่วเย้าข้างหูเธอ ก่อนจะออกแรงขบเม้มลงไปที่ติ่งหู พร้อมกับซุกไซ้ที่ซอกคอขาวๆ เอาฟอดใหญ่ เนื้อตัวเธอทั้งเนียนนุ่ม สะอาดสะอ้าน และมีกลิ่นหอมจางๆ ของครีมบำรุงผิวราคาแพงที่อาบเคลือบอยู่ทั่วกาย กลิ่นดังกล่าวช่วยกระตุ้นอารมณ์คึกคัก กระสันสั่นสู้ และพาลให้ชายหนุ่มเริ่มหลงลืมความประหม่าที่เคยมีในตอนแรกออกไปทีละน้อยโดยไม่รู้ตัว
“อุ๊ย! อินไม่เบานะเนี่ย ห้าวๆ แบบนี้พี่ก็ไม่ได้รังเกียจหรอกนะ ไหน... พูดต่อซิ จินตนาการเอาไว้ในหัวยังไงบ้าง ไม่ต้องเกรงใจนะ พี่อยากฟัง” สาวเจ้าหัวเราะคิกคัก เริ่มรู้สึกสนุกคล้อยตาม ระคนไปกับความวาบหวิววูบวาบที่สั่นระริกอยู่ภายในกาย
“ผู้หญิงชาติตระกูลดีแบบพี่ กล้าออกจากบ้านมาเอากับผู้ชายคนอื่นถึงในที่แบบนี้ ก็คงจะมีแค่เหตุผลเดียว คือเอากับผัวแล้วมันไม่อิ่มใช่มั้ยล่ะครับ?” โมที่ได้ยินอีกฝ่ายอนุญาตให้ท้ายแล้ว จึงค่อยๆ พูดกรอกหูปลุกอารมณ์เธอ ด้วยถ้อยคำที่ฟังดูทั้งหยาบโลน รุกเร้า และลามปาม ผิดจากก่อนหน้านี้แบบหน้ามือเป็นหลังมือ ทั้งคำพูดคำจา ทั้งลีลาปลุกเร้าที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ทำเอาร่างของภรรยาสาวถึงกับร้อนระอุ เนื้อกายเดือดพล่าน ตัวอ่อนระทวยขึ้นมาทันตา
“ช่าย... ยยยย น้องรู้ด้วยเหรอ?” แทนที่คนฟังได้ยินแล้วจะรู้สึกโกรธ เธอกลับยิ่งหลับตาพริ้มยิ้มร่า และตอบรับอย่างหมดเปลือก
“ก็หัวนมพี่มันแข็งสู้มือผมขนาดนี้” ชายหนุ่มยิ่งได้ใจ พูดกระตุ้นเธอ พร้อมกับออกแรงกดบี้ลงไปที่จุกถันผ่านยกทรงแบบหนักๆ เขาเริ่มจับทางได้แล้วว่าคำพูดหยาบโลนประมาณนี้ น่าจะเป็นที่ถูกอกถูกใจเธออยู่เหมือนกัน
“อู๊ย... ยยยย น้อง... จู่ๆ ก็รุกหนักแบบนี้... อย่างกับคนละคนเลยแน่ะ” ภรรยาสาวหลับตาพริ้มและร้องครางยาวๆ ขณะแอ่นเชิดหน้าเบียดลำตัวเข้าหาชายหนุ่มที่ยืนประคองกอดเธอจากทางด้านหลัง มือไม้เธอก็พยายามควานลูบไปยังจุดยุทธศาสตร์ของอีกฝ่าย พร้อมกับออกแรงกำรูดอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน
“ชอบมั้ยครับ? ควยผมใหญ่ๆ แบบนี้” โมถามโดยจงใจเน้นถ้อยคำดิบๆ ออกไปตรงๆ พร้อมกับคอยจับจ้องสังเกตอาการเธอว่าจะแสดงออกกลับมายังไง
“อุ๊ย! ใช้คำนี้เลยเหรอ? ฟังแล้วยังไงไม่รู้ ไม่ค่อยชินเลย” แม้จะออกอาการประหลาดใจ ทว่าฝั่งลูกค้าสาวก็ยังหลุดอมยิ้มขวยเขินออกมาให้เห็น บ่งบอกว่าเธอน่าจะไม่ได้รู้สึกรังเกียจหรืออึดอัดใจอะไรมากนัก
“พี่ลองพูดดูสิครับ จะได้คุ้นขึ้นมาบ้าง” ชายหนุ่มยุ ตั้งใจว่าถ้าเกิดอีกฝ่ายไม่ยอมเล่นด้วย เขาก็จะรีบชิงเอ่ยปากขอโทษขอโพยก่อนที่เธอจะโวยวายหรือรู้สึกโกรธ แต่ทว่าคู่สนทนาก็ยังคงปล่อยอารมณ์ให้เตลิดไปตามการชักจูงของเขาต่อไปอย่างว่าง่ายเช่นเคย
“ค... ควย... ควย ฮิๆ จั๊กจี้จัง ควยๆๆๆ” ลูกค้าสาวพูดไปหัวเราะขันไปกับบทเรียนใหม่ที่พึ่งได้รับ พวงแก้มเธอตอนนี้กลายเป็นสีแดงแป๊ดจากเลือดลมที่สูบฉีดพลุ่งพล่าน
“ควยผมเทียบกับของผัวพี่แล้วเป็นไงบ้างครับ?” โมรุกเดินหน้าต่อด้วยคำถามที่ท้าทายใจเธอยิ่งกว่าเก่า คู่สนทนาได้ฟังแล้วก็เกิดอาการสะดุดหยุดชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะยอมตอบออกมา
“โอ๊ย เทียบไม่ไหวหรอก ของน้อง... เอ้ย! ควยน้องใหญ่กว่าผัวพี่เยอะเลย ยาวด้วย ผัวพี่ใส่ถุงแค่สี่สิบเก้าเอง ของน้องไซส์อะไร?” เธอถามเขากลับ ก่อนจะต้องอ้าปากค้างเมื่อได้ยินเขาตอบออกมาเป็นตัวเลข 56
“ตายแล้ว ใหญ่สุดที่เคยเจอมาเลย จะไหวมั้ยเนี่ยมดลูกชั้น” ลูกค้าสาวรำพึงรำพันกับตัวเองด้วยความตื่นเต้นเมื่อรู้ขนาดวัตถุที่กำลังจะบุกเข้ามาในตัวเธอต่อจากนี้
“เรื่องนั้นไม่ลองก็ไม่รู้ครับ แต่ผมว่าสุดท้ายแล้วพี่น่าจะชอบนะ” โมตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ
“งั้นก็ลองพิสูจน์ให้พี่ดูหน่อย” ต่างฝ่ายต่างพูดยั่วเย้าใส่กัน จนทำให้บทสนทนาระหว่างชู้รักกำมะลอคู่นี้ ไต่ระดับความเร่าร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว ราวกับเปลวเพลิงที่ถูกราดเติมด้วยน้ำมัน
ชายหนุ่มออกแรงดันร่างลูกค้าสาวให้กระเถิบไปยืนแนบชิดติดกับผนังฝั่งที่ทำมาจากบานกระจก ซึ่งมองทะลุออกไปเห็นวิวทิวทัศน์และแสงไฟของเมืองหลวงในยามราตรี มือหนึ่งเขาประคองใบหน้าเรียวเล็กของเธอให้เอี้ยวหันกลับมาจูบปาก ขณะที่มืออีกข้างสอดล้วงเข้าไปที่ใต้ยกทรง พร้อมกับออกแรงบีบขยำเนินเนื้อขนาดย่อมเยาที่แสนจะอ่อนนุ่มด้วยความมันเขี้ยว ได้ยินเสียงครางอือๆ ดังลอดออกมาจากลำคอของไฮโซสาวเป็นระยะๆ ที่แต่ก็ฟังแทบไม่ออก เพราะริมฝีปากของเธอนั้นกำลังถูกเขาประกบบดบี้ลงไปด้วยรสจูบที่ดุดันและเร่าร้อน เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่ไฮโซสาวเผลอลดการ์ดป้องกันลง ปลายลิ้นของชายหนุ่มก็สอดทะลวงเข้าไปไล่เกี่ยวกระหวัดรัดพัวพันเข้ากับโคนลิ้นเธออย่างเชี่ยวชาญ ทำเอาสาวเจ้าแทบหายใจหายคอไม่ทัน เนื้อตัวสั่นสะท้านอยู่ใต้วงแขนเขา
สองมือของโมช่วยกันทำหน้าที่อย่างแข็งขันและคล่องแคล่ว มือซ้ายคลึงนวดที่เต้าเนื้อเพื่อปลุกอารมณ์ ส่วนมือขวาจัดการปลดรูดชุดเดรสที่ค้างเติ่งออกไปจากร่างกายเธอ เปิดเผยเรือนกายที่ขาวเนียนภายใต้ชุดชั้นในสีน้ำเงินเข้าคู่กัน พออาภรณ์ด้านนอกหลุดออกจากกายเธอ ชายหนุ่มก็สอดมือข้างเดิมนั้นล้วงเข้าไปที่ใต้เนื้อผ้ากางเกงชั้นในตัวจิ๋วจากทางด้านบน กวาดนิ้วควานสำรวจลูบไล้ไปตามเนินเขาที่ประดับด้วยพงหญ้าอ่อนนุ่ม จนกระทั่งพบเข้ากับรอยแยกบริเวณหุบเขากลางหว่างขา จากนั้นจึงออกแรงกดนิ้วคลึงลงไปเบาๆ เรียกเสียงครางอื้ออึงจากลำคอเธอได้อีกชุดใหญ่ ไฮโซสาวถึงกับตัวเกร็งกระตุก ตกอกตกใจเพราะตั้งตัวแทบไม่ทัน ไม่คิดว่าจู่ๆ พ่อหนุ่มไก่อ่อนคนเดียวกันนี้ จะแปลงร่างกลายเป็นเสือผู้หญิงที่ลีลาแพรวพราวได้อย่างหน้ามือเป็นหลังมือ เพียงชั่วพริบตา
นิ้วมือเขาแตะสัมผัสถูกความฉ่ำชื้นที่เอ่อซึมออกมาจากร่องหลืบซึ่งยังคงปิดสนิทแน่น ชายหนุ่มจึงจัดการรุกหน้าต่อ เขาออกแรงกระตุกรูดกางเกงชั้นในเธอให้ร่วงลงไปกองคาอยู่ที่เหนือหัวเข่า ปาดนิ้วกรีดลูบไล้ไปตามรอยแยกที่หน้าอุโมงค์ถ้ำ สลับกับเขี่ยคลึงบี้หนักๆ ที่ปุ่มกระสันเสียว จนปลายนิ้วเขาอาบชุ่มไปด้วยคราบน้ำหล่อลื่นมันวาวและใสแจ๋ว จากนั้นจึงบรรจงกดแยงเข้าไปที่ด้านใน แทงเข้าไปทีละน้อย... ทีละน้อย... ในขณะที่สาวเจ้าส่งเสียงครางอือยาวๆ ออกมาไม่ขาดปาก ร่องเนื้อทั้งตอดทั้งรัดสู้กับนิ้วมือเขาที่กำลังรุกรานเข้าไปอย่างน่าดูชม กระทั่งเมื่อสอดนิ้วเข้าไปได้เกินครึ่งแล้ว ชายหนุ่มก็จัดการเกร็งนิ้วงอเป็นทรงตะขอ แล้วบรรจงกดบี้ลงไปที่จุดศูนย์รวมความเสียวของเธอจากทางด้านใน ประสานไปกับการนวดคลึงปุ่มเสียวด้านนอก ทำเอาร่างงามถึงกับกระตุกเฮือก
“อ๊าย! ซี้ดส์... สสสสส เสียว... ส.... เสียว... วววว อู๊ย น้องจ๋า...” ไฮโซสาวไม่อาจทนกลั้นความเสียวได้อีก เธอสะบัดใบหน้าหนีจากการจูบปาก เพื่อส่งเสียงร้องครวญครางดังๆ อย่างสะใจ แอ่นเบียดหน้าขาเข้าหานิ้วมือเขาที่กำลังเคลื่อนไหวไปมาไม่หยุดหย่อน
“ชอบมั้ยครับ? เวลาผมบี้แรงๆ แบบนี้” โมกระซิบถามพร้อมกับงับหูเธอ มือหนึ่งเล่นกับจุดสงวน ส่วนอีกมือกดบี้เน้นที่หัวนมหนักๆ ยิ่งทำให้คนโดนถามอารมณ์เตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่
“อ๋า... ชะ... ชอบ... ชอบ... บบบบซี่” คู่สนทนาร้องตอบเสียงสั่นสะท้าน เนื้อตัวขาวๆ ออกอาการเกร็งกระตุกสั่นไม่แพ้กัน
“นี่แค่นิ้วเองนะครับ ถ้าได้ลองของจริงล่ะก็... รับรองว่าพี่จะติดใจยิ่งกว่านี้อีก” ชายหนุ่มโฆษณาปลุกเร้าไม่หยุด
“โอ๊ย! ไม่ไหวแล้วน้อง พอก่อน เสียบเข้ามาเลยเถอะ พี่แฉะจนไม่รู้จะแฉะยังไงแล้ว” ลูกค้าสาวเอ่ยปากร้องขออย่างหมดสภาพ หลังจากโดนหนุ่มหล่อล้วงจนแข้งขาอ่อนปวกเปียกแทบยืนทรงตัวเองไม่อยู่
“โห พี่ใจร้อนจัง จะข้ามไปเมนคอร์สเลยเหรอครับ?” โมอดนึกเสียดายแทนลูกค้าไม่ได้ เพราะเขาเองก็พึ่งจะเริ่มลงมือเล้าโลมด้วยนิ้วมือเท่านั้น ยังไม่ทันได้โชว์ฝีไม้ลายมือในการใช้ปากต่อเลย แต่อีกฝ่ายก็รีบส่ายหน้ายิกๆ
“ไม่ต้องหรอก เสียเวลา คืนนี้พี่รีบ ฝากลูกไว้กับพี่เลี้ยง น้องไปใส่ถุงแล้วมาเอาเลยเถอะ พี่เชื่อแล้วว่าเธอน่ะเด็ดจริง” คำตอบของไฮโซสาวทำให้โมแอบรู้สึกอึ้งนิดๆ เมื่อได้ยินเธอเอ่ยถึงคำว่าลูกขึ้นมา
นั่นสินะ ต่อให้ทุกคนที่มาใช้บริการที่นี่จะมีรสนิยมวิตถารพิสดารยังไง แต่นั่นก็เป็นเพียงแง่มุมเสี้ยวหนึ่งของชีวิตพวกเขา พอหมดเวลา กลับออกไปจากสถานที่แห่งนี้ ทุกคนก็จะกลับไปมีชีวิตของตัวเอง บางคนเป็นไฮโซชาติตระกูลดี มีผู้คนนับหน้าถือตา บางคนก็เป็นพ่อแม่ที่แสนดีของลูกๆ เพียงแค่พวกเขามีรสนิยมความชอบในแบบฉบับของตัวเองเท่านั้น ซึ่งหากมันไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ก็ไม่เห็นว่าจะต้องไปตีตราตัดสินว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นคนไม่ดีเลย
“งั้นพี่เตรียมใจได้เลยครับ คืนนี้พี่ได้เดินขาถ่างกลับไปหาลูกแน่ๆ” โมพูดยั่วเธอ ขณะปลดกางเกงท่อนล่างของตนเองออกจนเปลือยเปล่า ก่อนจะเดินไปหยิบเอาถุงยางในลิ้นชักข้างเตียงขึ้นมาสวมใส่ เตรียมพร้อมที่จะเผด็จศึกตามที่อีกฝ่ายเรียกร้อง
“พี่ชักถูกใจความห้าวของเราแล้วสิ” ไฮโซสาวหัวเราะคิกคัก แล้วจัดการปลดเปลื้องชุดชั้นในออกไปจากตัวเธอทั้งบนและล่าง ก่อนจะเอนหลังนอนหงายลงไปรอเขาอยู่บนเตียงนอนขนาดใหญ่ และค่อยๆ แยกขาทั้งสองข้างออกจากกันอย่างท้าทาย เปิดเผยให้เห็นถึงสภาพร่องเสียวที่กำลังปริอ้าออกมา มองทะลุลึกเข้าไปเห็นถึงเนื้ออ่อนสีแดงฉ่ำ ซึ่งกำลังเปียกเยิ้มไปด้วยหยาดน้ำแห่งความร้อนร่าน
โมปีนขึ้นเตียงไปคร่อมร่างเธอ เขาก้มลงไปจูบปากลูกค้าสาวเพื่อสานอารมณ์ต่อ ซึ่งอีกฝ่ายก็หลับตาพริ้มและจูบแลกลิ้นกับเขาตอบอย่างเร่าร้อน มือซ้ายเขาดันกางหน้าขาของเธอให้แบะอ้าออกกว้าง ส่วนมือขวาประคองจ่ออาวุธอันใหญ่ยักษ์ที่สวมเครื่องป้องกัน กดยัดเข้าไปที่ปากทางเข้า ความเปียกลื่นช่วยหล่อเลี้ยงส่งให้ปลายหอกของเขาจมลึกเข้าไปในตัวเธอได้อย่างไม่ยากเย็น ก่อนที่มันจะเริ่มตึงๆ ด้านใน เมื่อลำโคนส่วนที่เหลือถูกกดตามเข้าไปในไม่ช้า
“อื้อ... ออออออ อือ... อออออ” ไฮโซสาวครางยาวๆ ในลำคอ ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก เมื่อตระหนักถึงความใหญ่โตที่กำลังกดแทรกเข้ามากลางหว่างขา อานุภาพของมันนั้นร้ายกาจยิ่งกว่าที่เธอจินตนาการคอยท่าไว้เสียอีก เธอพยายามจะขยับกายถอยหนี แต่เพราะท่วงท่าที่กำลังถูกอีกฝ่ายกดทาบทับอยู่เหนือร่าง จึงทำให้เธอได้แต่นอนบิดดิ้นเร่าๆ สองมือจิกขยุ้มลงไปบนแผ่นหลังกำยำของเขา ในขณะที่ถูกชายหนุ่มกดโม่บั้นเอว ส่งอาวุธควงทะลวงลึกเข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งมันเข้าไปจอดแน่นิ่งได้เกินครึ่งค่อนลำ ชายหนุ่มถึงยอมหยุดพักเว้นช่วงให้เธอได้หายใจหายคอสะดวก
“อ๋อย... แน่นมากเลย อย่างกับตัวจะฉีก สุดรึยังเนี่ย?” ลูกค้าสาวถอนริมฝีปากออกมา ร้องถามเสียงโอดโอย ดวงตาพร่ามัวนั้นจ้องมองเพดานอย่างอ่อนระโหย ทั้งๆ ที่เกมรักยังไม่ทันได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังด้วยซ้ำ
“เกือบแล้วครับ อีกนิดนึง” โมอมยิ้มละไม ก่อนจะกระดกเอว ส่งอาวุธทิ่มเข้าไปอีก ทำเอาสาวเจ้าถึงกับร้องซี้ดซ้าดไม่ขาดปาก ตัวผวาเกร็งกระตุกรับกับจังหวะการเคลื่อนไหวของเขา จนสุดท้ายชายหนุ่มก็สามารถส่งอาวุธเข้าไปทิ่มลึกได้แบบสุดลำโคน
“สุดแล้วครับ เป็นไงครับ เหมือนที่จินตนาการไว้รึเปล่า?” เขาแกล้งกระซิบถามยั่ว เมื่อเห็นสภาพทุรนทุรายดูไม่จืดของเธอ
“ตึงไปหมดแล้วเนี่ย มันเหมือน... ข้างในมันจะฉีก อย่าพึ่งทำแรงนะ พี่รับไม่ไหว” คู่สนทนารีบร้องบอก
โมเองก็ไม่เคยมีความคิดที่จะผลีผลามรีบเร่ง จนกลายเป็นว่าทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดแทนที่จะเสียวซ่านอยู่แล้ว เขาค่อยๆ ประคองพาร่างกายเธอให้เพลิดเพลินไปกับความเสียวสยิวที่กำลังค่อยๆ ก่อตัวขึ้นตามลำดับอย่างช้าๆ ทว่ามีแต่จะทวีคูณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากการโน้มใบหน้าขึ้นไปจุมพิตละเลงลิ้นเล่นที่ทรวงเต้าทั้งสองข้างของเธออย่างนุ่มนวล มือหนึ่งบีบขยำที่ทรวงอกอีกข้าง ส่วนอีกมือก็คอยลูบไล้ไปตามเนื้อตัวอันขาวผ่องของเธอ ทั้งบั้นเอว หน้าท้อง ต้นขา เรื่อยมาจนถึงบริเวณปุ่มกระสันเสียวที่เบียดยื่นอยู่บริเวณปากทางเข้าถ้ำ ก่อนจะบรรจงกดนิ้วมือคลึงลงไปเบาๆ เป็นวงกลม
เขาตั้งใจจะทำให้เธอเพลิดเพลินกับความเสียว จนลืมความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงทะลวงอยู่ข้างใน ระหว่างที่ไฮโซสาวกำลังนอนหลับตาพริ้มร้องครางซี้ดๆ โดยไม่ทันได้ตั้งตัวอยู่นั้น ชายหนุ่มก็ค่อยๆ เกร็งสะโพก ขยับถอนอาวุธออกมาจากร่องรูของเธออย่างช้าๆ เอาแค่พอให้ลำโคนบางส่วนหลุดพ้นออกมาจากปากทางเข้าถ้ำ แล้วเขาก็จัดการกดทิ่มมันกลับเข้าไปด้านใน ด้วยน้ำหนักที่นุ่มนวลไม่ต่างกันกับตอนถอนออกมา ทำแบบนี้ย้ำๆ ซ้ำๆ อย่างช้าๆ จากระยะการสาวเข้าออกที่แค่เพียงสั้นๆ ก็ค่อยๆ เพิ่มความลึกยาวเข้าไป ทีละน้อย... ทีละน้อย... จนเกิดเสียงเนื้อเสียดสีกระทบกันเป็นจังหวะ สลับกับเสียงครวญครางโอดโอยที่เจ้าของร่างเปล่งออกมา
“เสียวมั้ยครับ? ควยผมเสียวกว่าควยผัวพี่เยอะมั้ย?” โมจับทางได้ว่าลูกค้าของเขามีรสนิยมชมชอบให้พูดกระตุ้นอารมณ์เช่นนี้ จึงจัดให้เธออย่างไม่ยั้ง ขณะที่สาวเจ้าก็ทั้งตอดทั้งขมิบรับกับคำถามของเขา พร้อมกับส่ายสะบัดใบหน้าที่บิดเบี้ยวเหยเกนั้นอย่างเมามัน
“อ๊า... เสียวกว่า... เสียวกว่าเยอะเลย อู๊ย ซี้ดส์... สสสส ของน้องแทงเข้ามาเต็มรูพี่ ผัวพี่เทียบไม่ติดเลย อ๊าย...” ไฮโซสาวร้องครางตะกุกตะกัก มือไม้ส่ายสะเปะสะปะ ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของเขา บางจังหวะก็ขยุ้มเล็บจิกแรงๆ เป็นการระบายอารมณ์จากความอึดอัดทรมานที่มีวัตถุขนาดมหึมากำลังขุดเคลื่อนอยู่ภายในตัว
โมอมยิ้มน้อยๆ เมื่อได้ฟังคำตอบ แรงบีบรัดจากร่องเนื้อทำให้เขาเองก็เริ่มที่จะรู้สึกสนุกสนาน และเสียวซ่านตามไปกับเสียงครวญครางสยิวของเธอ แต่จังหวะที่เขากำลังเคลิ้มๆ เตรียมจะเร่งเครื่องตอกลำเนื้อกระแทกใส่เธอให้หนักหน่วงขึ้นไปอีกนั้น ชายหนุ่มก็คล้ายได้ยินเสียงผิวเนื้อเสียดสีอะไรบางอย่างที่ฟังคุ้นหู พอเขาเหลียวกลับไปมองตามต้นตอที่มาของเสียง ก็เลยพบภาพสามีของหญิงสาว ในสภาพเนื้อตัวเปลือยเปล่าล่อนจ้อน กำลังยืนพิงขอบประตู สายตาจับจ้องมองเขม็งมาที่คู่ของเขา พร้อมกับใช้มือกระตุกรูดอาวุธสำเร็จความใคร่ไปพร้อมๆ กัน
ภาพที่เห็นทำให้โมถึงกับหยุดชะงักจากการสาวบั้นเอวไปชั่วขณะ เขาเกือบลืมไปแล้วว่าตนเองนั้นไม่ได้อยู่ในห้องพักแห่งนี้กับลูกค้าสาวเพียงลำพัง แต่ยังมีสามีของเธออยู่ด้วย! ความจริงดังกล่าว กระชากอารมณ์ใคร่ของโมให้ดิ่งวูบลงก้นเหว บรรยากาศคึกคักทะลึ่งตึงตังเมื่อครู่พลันเงียบสงัด เช่นเดียวกับไฟราคะที่เคยเผาผลาญ บัดนี้ก็ค่อยๆ มอดดับลงไปในเร็วพลัน พาลให้อาวุธเริ่มอ่อนตัวลงเล็กน้อย ฝั่งสามีเองพอจะสังเกตเห็นท่าทีแปลกๆ ของเขา จึงรีบพูดแทรกขึ้น
“ต่อสิน้อง เอาแรงๆ เลยไม่ต้องเกรงใจพี่ คุยกันแบบเมื่อกี้แหละ พี่ฟังแล้วเงี่ยนดี” ไฮโซหนุ่มในชุดวันเกิดเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น มือก็ยังคงออกแรงสาวกระตุกท่อนเนื้อต่อไปเรื่อยๆ คล้ายกับส่งแรงใจเชียร์ ในขณะที่โมยังหยุดนิ่งไม่ยอมเคลื่อนไหวต่อ
“ไม่ต้องสนใจเฮียเค้าหรอก วันนี้เค้ามีหน้าที่เป็นคนดูอย่างเดียว ส่วนคนที่ต้องเอากับพี่น่ะ คือน้อง... ทำต่อสิ พี่กำลังเสียวเลย” ฝ่ายภรรยาเองใช้สองมือโอบรอบลำคอของโม พร้อมกับดึงใบหน้าเขาให้โน้มลงมาจูบปากกัน รสจูบของเธอดูจะเร่าร้อนรุนแรงยิ่งกว่าเก่า คล้ายกับตั้งใจจะยั่วอารมณ์ของสามีให้เกิดความงุ่นง่านไปด้วยแรงหึง เมื่ออารมณ์ใคร่ถูกจุดติด ภาพของภรรยาสาวท่าทางเหนียมอายในทีแรกก็มลายหายไปหมดสิ้น หลงเหลือแต่เพียงภาพของไฮโซสาวผู้หิวกระหายในรสรักจากชู้หนุ่มกำมะลอ
‘เอาก็เอาวะ เงี่ยนมาก็เงี่ยนกลับ’ โมพยายามข่มความคิดฟุ้งซ่าน ทำใจดีสู้เสือ และพยายามออกแรงกระดกบั้นเด้าแทงอาวุธเข้าออกในร่องรักของเธอ 3-4 ดอก รู้สึกได้ถึงอาการตอดขมิบที่บีบสวนกลับมา พร้อมกับปลายลิ้นอ่อนนุ่มของอีกฝ่ายที่กวาดพัวพันอยู่ในโพรงปากของเขา พอเลิกคิดฟุ้งซ่าน ไอ้หนูของเขามันก็ค่อยๆ กลับมาแข็งตัวเต็มที่อีกครั้ง เขาออกแรงกดตอกเข้าไป ลึกขึ้น... ยาวขึ้น... เช่นเดียวกับความหนักหน่วงที่เพิ่มมากขึ้นจากในทีแรก ได้ยินเสียงเนื้อหวดกระทบกันดัง ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ! เป็นจังหวะยาวๆ และทำให้ภรรยาสาวเกิดความเสียวซ่านจนต้องรีบถอนริมฝีปากออกมาส่ายสะบัดใบหน้าร้องครางยาวๆ อีกหน
“อ๊าย... ยยยยย สสส... ซี้ดส์... โอ๊ย เสียว... เสียวมากเลย แทงโดนทุกจุดเลย อู๊ย... ยยยยย น้องขา... พี่เสียว... ววววว” ไฮโซสาวร้องโหยหวนเสียงหลง เสียงครางกระเส่าของเธอนั้นราวกับเสียงเพลงจากสวรรค์ ที่กระตุ้นอารมณ์หื่นให้แก่สามีที่กำลังยืนฟัง ถึงกับแข้งขาอ่อนปวกเปียก แทบทรงตัวยืนไม่ไหว อารมณ์ข้างในมันตีกันจนสับสนไปหมด ทั้งหึงหวง ทั้งเงี่ยนง่าน ทั้งสะใจ สิ่งเดียวที่พอจะทำได้คือยิ่งเร่งมือสาวดุ้นเนื้อตัวเองแรงๆ แรงจนแทบจะกระชากมันให้หลุดออกมาจากหว่างขา ลืมเลือนเรื่องความเจ็บแสบ เพราะกำลังเสียวซ่านสะท้านทรวงอยู่ในตอนนี้
“คืนนี้ผมจะเย็ดให้พี่ประทับใจจนลืมไม่ลงไปเลย ชอบใช่มั้ย? ชอบเย็ดกับผมมากกว่าผัวตัวเองใช่มั้ย? ตอบซี่” โมเองชักเริ่มอินไปกับบทบาทที่สองสามีภรรยายัดเยียดให้เขา จึงเอ่ยปากถามเปรียบเทียบขณะออกแรงกดกระทุ้งดุ้นเนื้อใส่หนักๆ เน้นๆ ทำเอาร่างผอมบางเบื้องหน้านั้นแทบจมหายลงไปกับเตียง แต่ละดอกที่เขากดกระแทกลงไป มันมาพร้อมกับเสียงครวญครางของลูกค้าสาว ที่แหกปากร้องครางโหยหวนแบบไม่หลงเหลือสภาพความเป็นผู้ลากมากดีใดๆ อีก ผมเผ้าเธอปลิวสยายไปกับเตียง เนื้อตัวที่เคยขาวเนียนนั้นแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ ใบหน้าหมวยๆ เปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดเหงื่อ ดวงตาหลับปี๋ ขณะเปล่งเสียงร้องครางออกมายาวๆ อย่างสุดที่จะห้ามใจ
“อ๊า! ชอบ... ชอบ... บบบบ ผัวพี่ไม่ได้เรื่องเลย... เสียบเข้าไปไม่กี่นาที ก็เสร็จแล้ว... มะ... ไม่เหมือนของน้อง อูย... ยยย ทั้งแข็ง... ทั้งยาว อู๊ย พี่แน่นไปหมด เหมือนโดนเปิดซิงอีกรอบ” ฝั่งภรรยาสาวเองก็พร้อมที่จะเล่นสนุกไปด้วย พอโมช่วยโยนบท เธอจึงจัดลีลายั่วอารมณ์สามีด้วยคำพูดและเสียงครางอย่างเมามัน ทำเอาคนที่กำลังยืนฟังถึงกับเสียวจี๊ดไปถึงขั้วหัวใจ
“โอ๊ย... เมียจ๋า ทำไมถึงร่านขนาดนี้ ผัวยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคน” สามีหนุ่มพึมพำเพ้อกับตนเองเหมือนคนละเมอ ตาก็จ้องไป มือก็สาวไป พร้อมกับความรู้สึกเสียวซ่านจับจิต มันเสียวเสียยิ่งกว่าการได้เข้าไปขย่มอาวุธใส่ร่างภรรยาด้วยตนเองเสียอีก ไม่นานเขาก็ตัวกระตุก แหกปากร้องอู้ๆ ก่อนจะกระฉูดน้ำเชื้อพุ่งปรี๊ดๆ ออกมาล้นอุ้งมือ และพุ่งเลยลงไปถึงพรมสีน้ำตาลเข้มบนพื้นห้อง
ฝั่งโมและภรรยาสาวกำลังเมามันไปกับเกมกาม จึงไม่ทันได้สังเกตว่าทางฝ่ายสามีนั้นเกิดอารมณ์หื่นจัด จนแซงเข้าเส้นชัยก่อนใครเพื่อน น้ำแตกคามือตนเองไปเรียบร้อยแล้ว ถัดจากนั้นอีกไม่กี่นาที ฝ่ายภรรยาก็ทำท่าจะทนพิษความเสียวไม่ไหว เนื้อตัวเธอออกอาการเกร็งกระตุก ใบหน้าบิดเบี้ยวยับย่น พร้อมกับเปล่งเสียงร้องครวญครางขาดห้วงออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทุ่มต่ำและแปร่งเพี้ยน
“อุ๊! พี่จะเสร็จ... อู๊ย... เสร็จ... เสร็จแล้ว ว้าย!!!” สิ้นเสียงร้องของเธอ ภรรยาสาวก็เกร็งกระตุกเฮือกอย่างรุนแรง ผวาเข้ากอดรัดร่างเขาด้วยความสุขเสียว โพรงเนื้อภายในเกร็งขมิบถี่ๆ รัดใส่ท่อนเนื้อยักษ์ที่กำลังกดแทงทะลวงไม่ผ่อนแผ่ว จังหวะที่ชายหนุ่มกระชากอาวุธออกมาจากรูเธอนั้น หยาดน้ำเสียวใสๆ ก็พุ่งปรี๊ดๆ ตามออกมาจากปากถ้ำ ก่อนที่สาวเจ้าจะทิ้งตัวลงนอนแผ่หงายลงไปกับเตียงนอนอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรง
“พลิกตัวหน่อยครับ” โมไม่ปล่อยให้เธอพักหายใจ กระซิบบอกพร้อมกับใช้มือประคองร่างบอบบางของเธอให้พลิกคว่ำคุดคู้กับที่นอน ก่อนจะตามเสียบอาวุธที่ยังแข็งตัวเต็มที่ จรดกดเข้าไปในรูเดิมอีกครั้ง พร้อมอาการสะท้านของไฮโซสาว
“พี่ชอบของใครมากกว่ากัน ควยผม... หรือควยผัวพี่? นี่! นี่! นี่!” โมถามไปกระแทกไป สองมือเขาคว้าจับรั้งเอวเธอดึงเข้าหาตัวเป็นจังหวะ พลางหันไปจ้องตาสามีเธอ ผู้กำลังนั่งทรุดกองอยู่ที่พื้นพร้อมจ้องมองกลับมาทางเขาอย่างเหนื่อยอ่อน
“อุ๊! อู๊ย... ยยย ของน้อง... ของน้องดีกว่า ของน้องทำพี่เสียวกว่าเยอะเลย ซี้ดส์... สสสสส โอ๊ย พี่เสียว... วววว” ลูกค้าสาวครางตอบ ก้มหน้างุดๆ ฟุบหมอบกับเตียงนอนอย่างหมดสภาพ ได้แต่ปล่อยกายปล่อยใจให้ชายหนุ่มตะบี้ตะบันแทงใส่รูเธอแบบไม่หลงเหลือเรี่ยวแรงจะขยับตัวหนีไปไหนได้อีก ความยาวของดุ้นเนื้อนั้นกระแทกลึกเข้าไปชนถึงผนังถ้ำด้านใน และทำให้ไฮโซสาวเริ่มรู้สึกเสียวสยิวขึ้นมาอีกคำรบ ยิ่งเวลาที่เขาจงใจบดอาวุธควงสว่านเป็นวงกลม ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเสียวสยิวจนกลั้นเสียงครางไว้ไม่อยู่
“อ๊า... ซี้ดส์... น้องขา อู๊ย อย่างนั้นแหละ แรงๆ เลย ลึกๆ อู๊ย พี่เสียว... อ๋าย จะเสร็จ... เสร็จ... อ๊าย เสร็จแล้ว!!!” ไฮโซสาวแผดเสียงร้องออกมาอย่างสะใจ ในขณะที่เธอไต่ทะยานขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดเป็นครั้งที่สองในเวลาที่ไม่ห่างจากครั้งแรกนัก เนื้อตัวเธอสั่นกระตุกเฮือกๆ พร้อมกับโพรงเนื้อที่บีบรัดรุนแรงไม่แพ้กัน ภาพและเสียงของภรรยาที่สุดแสนจะยั่วยวน กระตุ้นอารมณ์หื่นของสามีหนุ่มให้ลุกโชน จนต้องฝืนชักว่าวน้ำแตกตามเธอไปอีกครั้ง ทั้งที่อาวุธประจำกายนั้นยังไม่ฟื้นคืนสภาพดีเต็มที่เลย
“พี่เสร็จแซงหน้าผมอีกแล้วนะครับ” ฝั่งโมเองเมื่อเห็นลูกค้าได้ถึงฝั่งฝันซ้ำสองไปเรียบร้อยแล้ว เขาเองก็ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องอดกลั้นฝืนทนอีกต่อไป ชายหนุ่มเร่งโขยกจังหวะการสาวให้เร็วแรงขึ้น เอื้อมมือไปบีบขยำเต้าเนื้อที่แกว่งกระเพื่อมแรงๆ เป็นครั้งสุดท้ายด้วยความมันเขี้ยว ก่อนที่จะระเบิดอารมณ์ความเสียวออกมาอย่างรุนแรง
“อุ๊! ซี้ดส์... สสสสส อืม... มมมมมมม” โมพ่นลมหายใจแรงๆ หลับตาปี๋ ก่อนจะระเบิดน้ำเชื้อขาวขุ่นพุ่งปรี๊ดๆ ใส่ถุงยางจนแทบจะล้นปรี่ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ลูกค้าสาว เป็นอันสิ้นสุดเกมรักพิสดารที่ลูกค้าคู่นี้ปรารถนา
ร่างเปลือยเปล่าของคนทั้งสามต่างนอนหอบแฮ่กๆ หมดสภาพด้วยอาการเหนื่อยอ่อนที่ไม่แตกต่างกัน แม้ว่าหนึ่งในนั้นจะไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกามใดๆ กับอีกสองคนเลยก็ตาม
“ไอ้น้อง... เอ็งมันร้ายไม่เบานี่หว่า เห็นหน้าเจี๋ยมเจี้ยม แต่ถึงเวลาเย็ด เล่นซะเมียพี่แหกปากร้องลั่นหมดสภาพเลย” สามีหนุ่มที่นอนกองอยู่บนพื้นห้อง เอ่ยปากแซวโมอย่างอารมณ์ดี
“ขอบคุณครับพี่ ถ้าถูกใจ ยังไงฝากกดห้าดาวให้ด้วยนะครับ” โมชะโงกหน้าขึ้นมาหยอดมุกทิ้งท้าย เรียกเสียงหัวเราะจากคู่สนทนา
“อย่างน้องนี่ ห้าดาวไม่พอหรอก ถ้ามีสิบดาว พี่ให้สิบเต็มสิบเลย” ภรรยาสาวที่นอนอยู่ข้างๆ พลิกตัวขึ้นมาตอบรับมุกด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อนระโหยโรยแรง ก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะหลุดระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน