ก๊อกๆๆๆ “เปิดประตูด้วยครับ นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ”
เสียงเคาะห้องดังขึ้นพร้อมเสียงกล่าวอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผมถึงกับอึ้งและใจสั่นขึ้นมาทันที เพราะเมื่อกี๊ดูเหมือนสามสาวจะอัพยากัน ซึ่งถ้าตรวจฉี่ ผมไม่โดนข้อหาเสพหรอก แต่จะโดนข้อหาสมรู้ร่วมคิดน่ะสิ เพราะอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เรียกว่า เถียงไม่ออกแน่ๆ
สามสาวเองก็ดูเหมือนลุกลี้ลุกลนเหมือนกัน พวกเธอรีบวิ่งเข้าไปแอบในห้องน้ำพร้อมปล่อยผมยืนใจเต้นแรงทำอะไรไม่ถูกอยู่คนเดียว
“พี่ไมค์ ไปเปิดประตูหน่อย แล้วไม่ต้องให้เค้าเข้ามานะ” น้องจูนบอกผม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก “เปิดด้วยครับ ไม่งั้นจะพังเข้าไปนะครับ” เสียงจากหน้าประตูขู่สำทับ
ผมหายใจเข้าลึกๆทำใจดีสู้เสือ ใส่กางเกง สวมเสื้อแบบลวกๆ เดินไปส่องที่ตามแมวว่าคนข้างนอกเป็นใคร ใช่ตำรวจหรือไม่ และขึ้นมาที่ห้องได้อย่างไร ทั้งๆที่โรงแรมนี้เป็นโรงแรมหรู ต้องใช้คีย์การ์ด
พอผมส่องดูที่ตาแมวของประตูก็ถึงกับเหงื่อแตก เพราะเห็นผู้ชายใส่แจ็คแก็ตสีดำ บนหน้าอกมองไม่ชัด แต่น่าจะเป็นตราโล่แน่ๆ กำลังรออยู่หน้าห้อง มีผู้ชายอีกคนมองไม่ถนัดเพราะหันหลังอยู่
ผมตัวซีดเหงื่อแตก จนมีเสียงเคาะประตูอีกครั้ง “เปิดหน่อยครับ เปิดหน่อย” ชายในชุดแจ็คเก็ตร้องตะโกนบอก
ผมเปิดประตูออกช้าๆ แต่ยังคล้องสายยูอยู่ กะว่า ไม่ให้เข้ามาได้ง่ายๆแน่ ตอนนี้ต้องทำใจดีสู้เสือไปก่อน
“สวัสดีครับ เอ่อ มีอะไรเหรอครับ” ผมถามเสียงราบเรียบ พยายามเก็บอาการประหม่า
“อ่อ พอดีมีธุระนิดหน่อยครับ แล้วนี่คุณเป็นใครครับ” หนุ่มเจ็คเก็ตดำถามผม
“เอ่อ อ่า คือ ผม ผม ผมเป็นแขกโรงแรมน่ะครับ ทำไมเหรอครับ” ผมเริ่มโกหก ไม่รู้ว่าเขาจะจับได้หรือเปล่า
“เอ ผมว่าไม่น่าใช่นะครับ...... เพราะห้องนี้น่ะ เห็นบอกมีปาร์ตี้” เขาตอบผมอย่างใจเย็น
“ปาร์ตี้! ปาร์ตี้อะไรเหรอครับ” ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงเหมือนตัวเองเป็นแขกที่นอนพักอยู่ แล้วต้องมาเปิดประตูคุยกับใครก็ไม่รู้ที่มาเคาะห้อง
“ก็ห้องเลขที่ 69 นี่ครับ ผมว่าผมเคาะห้องไม่ผิดหรอก” แล้วเขาก็หันไปคุยกับเพื่อน “เห้ย ผิดห้องป่าววะ ทำไมไอ้หนุ่มหน้าหล่อนี่มาอยู่ในห้องนี้ได้วะ ไหนบอกว่ามีสาวๆจัดปาร์ตี้กัน” หนุ่มเสื้อแจ็คเก็ตดำหันไปคุยกับเพื่อน
ผมได้แต่ยืนตัวเย็นเฉียบ นี่แสดงว่ามีสายตำรวจแจ้งว่ามีปาร์ตี้ยาเสพติดแน่ๆ แถมที่ขึ้นมาได้คงเพราะคงจะบุกจับกุม โอย ตายแน่ เป็นข่าวแน่ๆ ถ้าถูกจับได้ขึ้นมาถึงผมไม่ได้เสพแต่พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์พรุ่งนี้อาจเป็น
“บุกทลายปาร์ตี้ยา จับหนุ่มสาวมั่วเซ็กส์กลางโรงแรมหรู”
ผมได้แต่คิดอยากจะปิดประตูไปเร็วๆ แต่ก็กลัวจะดูมีพิรุธ แถมเสียงเพลงในห้องก็ดังลั่น ถ้าไม่ใช่สายตำรวจก็อาจจะเป็นพนักงานโรงแรมแจ้งจับหรือเปล่าเนี่ย? ผมได้แต่คิดไปเรื่อยไม่ได้สนใจชายฉกรรจ์สองคนนั้น
“ก็ไม่ผิดนะโว้ย เดี๋ยวกูโทรก่อน” ชายหนุ่มที่หันหลังอยู่ควักมือถือออกมาโทร ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นการโทรเช็คว่าที่อยู่ หมายเลขห้องของโรงแรมที่พวกเขาทำภารกิจถูกต้อง ผมกำลังสงสัยว่าทั้งคู่ดูเหมือนจะลองเชิงไม่รีบบุ่มบ่ามเข้ามา นั่นอาจเป็นเพราะน่าจะไม่มีหมายค้น เพราะคดีแบบนี้ ต้องมีสายรายงาน ไม่ก็มีคนแจ้ง
หนุ่มแจ็คเก็ตดำ พยายามชะเง้อมองเข้ามาภายในห้อง ผมเห็นสายตาที่กำลังสอดส่องหาอะไรบางอย่างอยู่
“เสียงเพลงดังจังนะครับ ไม่ได้จัดปาร์ตี้แน่เหรอครับ” เขาถาม
“อ่อ พอดีชอบฟังเพลงดังๆครับ ผมแก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆไม่ทันคิด”
ตอนนี้ผมรู้สึกว่าเหงื่อจะไหลออกมา แม้จะรู้สึกเย็นเฉียบ ร่างกายของผมมันดูเหมือนจะสร้างพิรุธให้จับได้ออกมา ผมได้แต่พยายามข่มใจ แม้ใจจะเต้นแรง นี่เป็นประสบการณ์ที่ผมไม่อยากเจอเลยจริงๆ ให้ตายสิ
“อ่อ ครับๆ เดี๋ยวรอเพื่อนผมคุยโทรศัพท์แปปนะครับ” เขาตอบแบบยิ้มๆกลับมา
“เห้ย ไม่รับสายว่ะ เอาไงดีวะ” หนุ่มที่โทรศัพท์เมื่อสักครู่หันมาคุยกับเพื่อนแล้วตอนนี้ พอผมเห็นหน้าเข้าก็ถึงกับตกใจ ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน