เหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังบอกเวลาเกือบสี่โมงเย็น ปกติฉันไม่ใช่คนที่จะเกี่ยงงอนอะไรอยู่แล้วถ้าเป็นเรื่องงานแม้จะต้องอยู่ที่สถานีต่อถึงสองสามทุ่ม รายการนี้ฉันทำเองทุกอย่างตั้งแต่รีเสริชข้อมูล เขียนสคริป หาคลิปภาพ รวมถึงออกหน้าเป็นผู้ดำเนินรายการเองด้วยวันสต้อปเซอร์วิสกันเลยทีเดียว ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ผู้ประกาศช่วงกอสซิปดาราไม่กี่นาที แต่ฉันก็ทำมันอย่างเต็มที่และตั้งใจทุกครั้ง
พี่วิ สาวใหญ่หัวหน้าฝ่ายข่าวเจ้าหน้าที่อาวุโสผู้รับผิดชอบดูแลข่าวภาคค่ำเรียกหา พอดีกับสคริปที่จะต้องถ่ายวันจันทร์เขียนเสร็จพอดี
“นั่งสิ..” พี่วิพูดเสียงเรียบ
“สคริปถ่ายเทปหน้าค่ะ” ฉันวางแฟ้มเอกสารลงบนโต้ะ
“เกตุ.. พี่เคยตักเตือนเธอแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้ใส่กระโปรงสั้นๆแบบนี้มาทำงาน”
“อ๋อ เอ่อ.. พอดีวันนี้วันเกิดของเกตุน่ะค่ะ ว่าจะไปทานข้าวกับเพื่อนก็เลยแต่งตัวนิดนึง”
“เธอเป็นคนมีฝีมือนะทำงานก็ดี ผู้บริหารของสถานีของเราพิจารณาให้คุณให้โทษคนจากผลงานและความสามารถ พี่ว่าเธอไม่ต้องลงทุนถึงขนาดแต่งตัวล่อไอ้เข้แบบนี้หรอก” พี่วิอ่านสคริปไปพลางแขวะฉันไปด้วย “เรื่องใส่สั้นๆนี่อย่าคิดว่าพี่แค่ขู่เล่นๆนะ”
“ขอโทษค่ะ เกตุจะไม่ใส่กระโปรงสั้นมาทำงานอีกแล้ว”
“พี่กะว่าจะดันเธอขึ้นเป็นผู้ประกาศคู่กับยัยอรวีนะ เพราะฉะนั้นฝากเธอดูแลภาพลักษณ์ของตัวเองให้ดีๆด้วย คิดเอาเองนะว่าผู้ประกาศข่าวควรจะมีภาพพจน์ที่ดียังไงบ้าง”
“เกตุก็ไม่เห็นว่ามันจะเสียหายอะไรเลยนี่คะ ก็แค่กระโปรงสั้น สมัยนี้ใครๆเค้าก็ใส่กระโปรงแบบนี้กันทั้งนั้น” ฉันเริ่มไม่ค่อยสบอารมณ์แต่ก็พยามอดกลั้นไว้
“ไอ้ใครๆที่เธอบอกว่าใส่แบบนี้กันทั้งนั้นนั่นน่ะ คงหมายถึงพวกกะหรี่ขายตัวที่ยืนรอบสวนลุมสินะ” พี่วิเปรยแดกดัน
“อะไรนะคะ !!” ฉันคิ้วติดกันเกือบจะปรี๊ดแตกเต็มทีแล้ว
“ทำไม.. เธอไม่รู้จักกะหรี่สวนลุมเหรอ ลองไปดูสิสามสี่ทุ่มก็เริ่มมากันแล้วพี่ขับรถผ่านประจำ แล้วเธอว่าพี่รู้ได้ไงล่ะว่าคนไหนเป็นกะหรี่คนไหนเป็นสาวออฟฟิศที่มายืนรอรถเมล์?”
“พี่วิกำลังสบประมาทเกตุว่าแต่งตัวเหมือนกะหรี่อยู่นะคะ” ฉันมักตามวาทะศิลป์ฝีปากของหัวหน้าสาวใหญ่ไม่ค่อยทัน
“งั้นเธอก็ไปเข้าห้องน้ำแล้วส่องกระจกดูสารรูปตัวเองว่าเหมือนมั้ย” พี่วิยักคิ้วเย้ยหยัน “ถ้าดูแล้วเธอว่าไม่เหมือนกะหรี่ก็ค่อยไปฟ้องร้องพี่ฐานหมิ่นประมาท”
“พี่วิมีอะไรอีกมั้ยคะ” ฉันสูดลมหายใจเข้าสึกสุดปอด
“อื้ม.. สคริปนี่อ่านแล้วก็สนุกดี โอเค..นัดคิวลงตารางสตูสองถ่ายวันจันทร์ได้เลย”
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
ฉันเดินกลับมานั่งที่โต้ะทำงานด้วยอารมณ์ขุ่นมัวแบบสุดๆ นี่ดีว่าเขียนงานเสร็จแล้วไม่งั้นคงหมดอารมณ์อยากจะคิดสร้างสรรค์อะไรแน่ๆ
“พี่วิเค้าพูดแบบนั้นจริงๆเหรอวะเกตุ” เพื่อนสาวเดินมาเมาท์เจ้านาย
“เออ แม่งเชี้ย..เชี่ยย”
“ไม่ใช่เรื่องกะหรี่สิ เอาเรื่องที่พี่วิจะดันเกตุขึ้นไปอ่านข่าวคู่กับพี่อรวีน่ะ”
“ใช่ เค้าบอกชั้นเมื่อกี๊”
“แบบนี้ก็เท่ากับว่ากระโดดข้ามหัวไปหลายคนเลยนะเว่ย เดี๋ยวแกมีปัญหาแน่ชั้นว่า”
“เฮ้ย.. ไม่ได้ไปขอแก่งแย่งใครนะชั้นก็อ่านข่าวดาราของชั้นอยู่ดีๆ” ฉันมองหน้าเพื่อนสาวอย่างเอาเรื่อง
“ไม่เอาน่าอย่าอารมณ์เสียสิวะวันนี้วันเกิดนะเพื่อน”
“แกเก็บของเสร็จรึยังล่ะ รีบๆไปกันเหอะขี้เกียจอยู่แล้วว่ะ”
“เออ รอแป๊ป เดี๋ยวโทรไปเรียกอีปิ๋มก่อน”
บรรยากาศในผับแดนซ์สุดมันส์ย่านถนนสุขุมวิทในคืนคืนวันศุกร์อัดแน่นเบียดเสียดคราคร่ำไปด้วยบรรดานักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ ความที่ไม่มีใครสนใจใครทำให้คนขี้อายอย่างฉันกล้าที่จะขยับโยกย้ายโบกมือไม้ไปตามจังหวะเสียงเพลงเทคโนแดนซ์(หวังว่าจะไม่มีคนรู้จักมาเจอตอนนี้นะ) ฉันกับเพื่อนสาวถูกทั้งผลักทั้งดันบังคับให้ไหลไปตามขบวนรถไฟมนุษย์เต้นเลื้อยต่อกันไปทั่วร้าน
เหงื่อเม็ดเป้งๆผุดชุ่มเปียกไปทั้งตัวสมองมึนงงปั่นป่วนจากฤทธิแอลกอฮอล์ เงยหน้าขึ้นพบว่ามีชายชาวต่างชาติคนหนึ่งกำลังจับตามองฉันอยู่ เขาเอียงศีรษะยิ้มมุมปากให้ฉัน ฉันสแกนอย่างรวดเร็วเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ยิ้มให้คนอื่น ฉันยิ้มกลับไปบ้าง ปล่อยให้สายตาสื่อสาร(คือเมาจ้า..)
เขาผอมเพรียวสูงโปร่งผมสีน้ำตาลโครงหน้าอย่างกับพระเอกหนังเทพเจ้ากรีก เราทั้งคู่ยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อยและดูเหมือนเขาจะสนุกกับการส่งยิ้มให้ฉันที่กำลังปาดเหงื่อบนหน้าผากพยามลูบผมที่กระเซอะกระเซิงให้เรียบสลวยที่สุดเท่าที่จะทำได้ หญิงสาวหน้าตาดีที่เจอกันในผับอาจเป็นเกมสนุกชั่วข้ามคืนสำหรับเขาก็ได้
ฉันกับเพื่อนสาวพากันเดินออกจากร้านก่อนจะถึงเวลาที่ผับเลิก บทเรียนจากคราวที่แล้วกว่าจะเรียกรถแท็กซี่ได้ต้องยืนรอกันขาแข็งเกือบตีหนึ่ง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูพบว่าแบตหมดเกลี้ยงจึงเก็บลงกระเป๋าถือ เพื่อนสาวทั้งสองชักชวนให้นั่งแท็กซี่ติดไปด้วยกันก่อนเพื่อไปเรียกรถจุดอื่นที่ง่ายกว่านี้ แต่ฉันปฏิเสธพลางรีบตัดบทโบกมืออำลา
ไม่รู้สิ ฉันแค่อยากลองเดินเล่นๆวนกลับไปแถวๆผับเมื่อกี๊อีกสักครั้งเผื่อว่าอาจจะเจอเขา แต่แค่เพียงหันกลับไปเขาก็ยืนมองฉันอยู่ตรงมุมถนนนั้นเล่นเอาตกใจนิดหน่อย เขาจะสงสัยไหมว่าทำไมฉันถึงไม่ขึ้นรถแท็กซี่ไปพร้อมกับเพื่อนๆทั้งที่มียืนคนรอโบกแย่งรถกันมากมายขนาดนี้ ฉันลองยิ้มให้เขาอีกครั้ง
“ซาวัด..ดีคับ” เขาทักทายด้วยภาษาไทยสำเนียงแปร่งหู
“สวัสดีค่ะ”
“Are the trains out of service now?..”
ฉันมองนาฬิกาข้อมือ “twelve o'clock, may be u should catch the last train”
“Hey.. Where are u go now?”
“I will go to the TrainStation”
“Oh grate yeh.. we go”
รถไฟฟ้าเข้าเทียบชานชาลาเขาผายมือให้ฉันเดินเข้าขบวนรถก่อน ผู้โดยสารบางตาแตกต่างกับช่วงกลางวันเลยไม่ต้องห่วงเรื่องอาจมีแฟนรายการจำหน้าฉันได้ เราสองคนนั่งข้างกัน แสงสีขาวในรถทำให้ฉันเห็นใบหน้าของเขาชัดๆ โอ้ย.. โคตรหล่อ หล่ออย่างกับดาราหนัง ฉันเพ้อในใจ
“Can I ask u something?”
“อื้ม..”
“Amm… คุณใช่ โสเภณี(prostitute) รึเปล่า” อ้าวไอ้ฝรั่งเปรต.. วันนี้มันเป็นวันอะไรของมันวะถูกทักว่าเป็นกะหรี่สองทีแล้ว
“ผม เอ่อ ..ขอโทษนะถ้าคุณไม่ใช่” เขาหน้าสลดลงเล็กน้อย
“ทำไมคุณถึงคิดว่าชั้นเป็นโสเภณีล่ะ” เขามองเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวของฉันแทนคำตอบ หรืออาจเพราะด้วยเราเจอกันในย่านที่ขึ้นชื่อเรื่องหญิงบริการด้วย
“ราคาเท่าไหร่” คำถามนี้เล่นเอาฉันสะอึก
“คุณจ่ายไหวเหรอ ฉันรับแต่ระดับไฮคลาสเท่านั้นนะ” ฉันแกล้งตอบไปแบบนั้น สวยเริ่ดจ้ะ
“พอดีผมไม่ได้พกเงินติดตัวมาเยอะๆ แต่เราอาจแวะตู้เบิกเงินสดกันก่อนคิดว่าตามสถานีน่าจะมี” เขายิ้ม
ทั้งหมดที่ฉันทำคือจ้องมองเขาเหมือนกระต่ายน้อยตัวโตที่รู้ว่าจะได้รับอาหาร คิดวนเวียนในสมองว่าทำไมฉันถึงไม่ควรทำ ทำไมฉันต้องปล่อยให้ช่วงเวลาอันน่าตื่นใจนี้ผ่านไป มีคำถามในหัวตลอดว่ามันจะเป็นเช่นไร เขาคือของขวัญวันเกิดที่พระเจ้าประทานลงมาชัดๆรูปร่างหน้าตาของเขาเป็นเครื่องยืนยัน ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์มันทำให้ฉันเศร้า มันทำให้ฉันโมโห ฉันพบว่าตัวเองจ้องตรงไปที่ดวงตาของเขาอีกครั้งแล้วดึงมือเขาเดินออกจากขบวนรถก่อนที่ประตูจะปิด เราไปยังทางออกที่ใกล้ที่สุด
เราสองคนยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์โรงแรมที่ใกล้ที่สุดและจองห้องพักสำหรับหนึ่งคืน ไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องสถาที่ท่องเที่ยว ไม่มีการพูดคุยเรื่องที่บาร์เมื่อกี๊ อาหารไทย ภาพยนตร์ ลมฟ้าอากาศ ไม่คุยอะไรเลย
ฉันไม่รู้จักชื่อของเขาก็เลยตั้งใจว่าจะไม่อยากรู้อะไรทั้งสิ้น ไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวและเบิกบานใจในเวลาเดียวกันแบบนี้มาก่อน จะมีคนประเภทใดที่ไปเข้าโรงแรมกับคนแปลกหน้าได้ถ้าไม่ใช่หญิงบริการ พนักงานต้อนรับหนุ่มคงคิดว่าฉันเป็นแบบนั้น
เราไม่ได้พูดอะไรกันเลยเมื่อลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้นห้า เขาจ้องมาที่ฉันขึ้นลงราวกับกำลังวิเคราะห์ทุกส่วนเว้าส่วนโค้ง ประตูลิฟต์เปิดออกเขายิ้มกว้างแล้วโอบที่ขอบกระโปรง เราเดินไปที่ห้อง 537 เปิดประตูก้าวสู่โลกคู่ขนาน
ก่อนหน้านี้ฉันรู้สึกกลัวไม่แน่ใจว่ามันคือความสุข ปลอบใจตัวเองว่าผู้ชายยังไปเที่ยวผู้หญิงได้ไม่เห็นมีใครว่า ไม่น่าเชื่อว่าฉันจะร่านหิวโหยผู้ชายถึงขนาดสมอ้างเป็นกะหรี่แบบนี้ อาจเพราะเขาหล่อจนเกินห้ามใจและเพื่อนสาวทั้งสองรู้ว่าโทรศัพท์ของฉันแบตหมด เวลานี้ฉันเป็นอิสระแล้วจากคนทั้งโลก โลกแห่งความจริง
ความร้อนแรงกำลังก่อตัวขึ้นจนถึงจุดระเบิด ฉันคว้าเขาที่หลังคอดึงริมฝีปากของเขาเข้าหา สองมือของเขาปลดเปลื้องเสื้อผ้าของฉันขณะที่ริมฝีปากเริ่มสำรวจไปทั่วร่างว่าที่ผู้ประกาศข่าวสาว ขนที่ด้านหลังคอของฉันลุกขณะที่เขาลงลิ้นสากๆรอบๆหัวนม ดูดสลับตวัดปลายลิ้นบดคลึง เขาบีบก้นของฉันหนักๆขณะที่ฉันปล่อยเสียงครวญครางเบา ๆ
เราทรุดตัวลงบนเตียงด้วยกันช่วยกันถอดเสื้อผ้าชิ้นที่ยังเหลือออกอย่างกระตือรือร้น เขาคร่อมตัวฉันและตรึงแขนของฉันไว้เหนือหัว เราใช้เวลานิ่งกันอยู่ครู่หนึ่งขณะที่เขาจ้องมองไปทั่วร่างกายที่เปลือยเปล่าของฉัน ฉันชอบที่เขาจับตาดูแบบนั้น มันทำให้ฉันรู้สึกพึงปรารถนา ทำให้รู้ว่าเขาต้องการฉัน
น้ำตารื้นเมื่อหวนคิดถึงใบหน้าของชายคนหนึ่งเคยทำให้ฉันรู้สึกแบบนี้ เค้าว่าผู้ชายไทยขี้โกหกแต่ฉันกลับคิดว่าจะผู้ชายชนชาติไหนในโลกก็ขี้โกหกด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ชายชาวต่างชาติหน้าเหมือนเทพเจ้ากรีกคนนี้คือของขวัญวันเกิด เขาอาจโกหกก็ได้ถ้าฉันถามว่าเขาชื่ออะไร เว้นที่ว่างไว้ให้ระหว่างเราคือคนแปลกหน้าอย่างสมบูรณ์แบบเถอะ ก็ดีตรงที่ไม่ต้องคิดมากห่วงว่าเขาจะจริงใจกับเราหรือเปล่า
หนุ่มต่างชาติก้มศีรษะวนเวียนอยู่ที่สองเต้า ฉันรู้สึกได้ถึงความแข็งตัว ชิ้บหาย!! ลืมคิดเรื่องนี้ แล้วนี่ฉันจะรับมือกับของฝรั่งที่เค้าว่าสัดส่วนมันใหญ่ได้อย่างไร เคยเห็นก็แค่ในหนังโป๊ ไหนดูของจริงซิ โอ้ย..ควายเอ๊ยย พี่ม้ามาเอง
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
“เดี๋ยว.. ยูมีถุงยางอนามัยมั้ย ไอไม่มีนะ”
“Yes I have it..”
นิ้วมือของเขาเลื่อนลงผ่านสะดือลงไปลูบต้นขาด้านใน ฉันพันขารอบลำตัวของเขาดึงเขาเข้ามาใกล้เพื่อให้เจ้าหัวโจกของเขากดกับน้องสาวของฉัน ไม่ไหว มันเหมือนร่างกายฉีกขาดแสบสันเกินอดทน เขาเปลี่ยนใจสอบสวนฉันด้วยปลายนิ้วลูบไล้บดเขี่ยจนมีสัญญาณแห่งความชุ่มชื้น เขาสอดสองนิ้วลึกเข้าไปในร่องธารทิพย์หยาดเยิ้มเขี่ยขยับสลับ ถึงตอนนี้ฉันปล่อยจิตใจให้เตลิดเพลิดเพลินไปกับความตื่นเต้น
“คุณต้องการให้ผมหยุดก่อนมั้ย?” เขาล้อเล่น “เรายังไม่ได้ตกลงกันเลยว่าคุณต้องการเงินเท่าไหร่” เขายิ้ม
“.. ฉันต้องการฉันต้องการคุณ”
เขาก้มหัวลงละเลงลิ้นกับเนินสงวนของฉัน การระเบิดอย่างแรงของความกำหนัดกำลังวิ่งขึ้นวิ่งลงสูบฉีดไปทุกอณูของร่างกาย ขนลุกตั้งชันไปทั้งตัวเสียวซ่านจนฝืนเงียบเสียงไว้ไม่ได้อีก กล้ามเนื้อของฉันหนีบบีบรัดกระตุกเกร็งซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันคงทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย
ทั้งหมดที่ฉันรู้ก็คือฉันเป็นของเล่นของเขา ไม่ว่าจะพลิกคว่ำคะมำหงายแอ่นหน้าแอ่นหลังตะแคงซ้ายขวาสารพัดท่าทางน่าอับอายทำให้เขาหลั่งซ้ำแล้วซ้ำอีก ส่วนฉันเองนับจำนวนนำหน้าเขาไปหลายเสาไฟฟ้าแล้ว ตอนแรกกะว่าน้ำแตกแล้วแยกทางกลับกลายเป็นซีรี่ย์หนังชีวิตสงสัยจะต้องถ่างตาดูกันยันเช้า
เขาเริ่มขยับขออีกรอบแต่คราวนี้ฉันอยากลองเป็นฝ่ายรุกบ้างกดเขาให้นอนลงแล้วซุกไซไปทั่วคอถึงแผงหน้าอกกว้าง พรมจูบลากเลียอย่างเนิบช้าข้ามหัวนมเลื้อยลงผ่านซิ๊กแพ็คจนถึงขาหนีบ ฉันลากลิ้นขึ้นลงสลับอมท่อนเนื้อบิ๊กไซส์อย่างเต็มปากเต็มคำ ลูกบอลสองลูกกลิ้งอยู่ในอุ้งมือของฉัน เขาครางในลำคอเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ
“คุณต้องการให้ฉันหยุดตอนนี้ไหม?” เขาหัวเราะและส่ายหัว ฉันเอนตัวเข้ามาใกล้กับหูของเขาแล้วกระซิบ “บอกซิว่าคุณจะจ่ายให้ฉันเท่าไหร่”
"คุณรู้ว่ามีเท่าไหร่ตอนนี้ผมก็ให้คุณหมด" ฉันวนลิ้นไปรอบๆหัวโจกขยับริมฝีปากขึ้นลงมือข้างหนึ่งนวดลูกบอลของเขาเพลินมือ
ในขณะที่เขาเข้าใกล้จุดสุดยอดฉันทำไปตามสัญชาติญาณอมท่อนเนื้อของเขาเข้าไปลึกเข้าไปในลำคอ เขาถึงจุดสุดยอดฉีดเมือกอุ่นๆสีขาวขุ่นข้นเข้าไปในปาก ปากเล็กๆของฉันรองรับความอบอุ่นทะลักทะล้นไม่หมดไหลออกมาจากปากหยดเปื้อนไปตามเนื้อตัว เขาดึงฉันเข้ามาใกล้และจูบอย่างลึกซึ้งขณะที่เราโอบกอดกัน เรานอนพันกันไปมาพักยกก่อนที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
เราใช้เวลาสำรวจซึ่งกันและกันเพื่อมุ่งไปสู่จินตนาการและความปรารถนา ฉันชอบให้เขาพาไปทุกทางทุกที่ที่เขาอยากไปและมีฉันเป็นส่วนหนึ่งในโลกจินตนาการนั้น ฉันไม่สามารถนับจำนวนครั้งที่เขาทำให้ฉันถึงสุดยอดได้ ความตื่นเต้นของการสนิทสนมอย่างลึกซึ้งกับคนแปลกหน้าอย่างสมบูรณ์แบบ ความมึนเมา ความน่าสะพรึงกลัวและเซ็กซี่เร่าร้อนราวกับกำลังท่องแดนนรก
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นเราทั้งคู่ต่างเหนื่อยล้าจากความเพลิดเพลินกันทั้งคืน เราเพิ่งพูดคุยกันเรื่องลมฟ้าอากาศวิพากษ์สภาพการจราจรของกุงเทพเมื่อเราแต่งตัวเพื่อออกจากห้อง ต่างมีความเงียบสงบที่เป็นที่พอใจฉากสุดท้ายก็เพียงกล่าวคำอำลา เขาจูบฉันที่ประตูดูเอ้อระเหยราวกับว่าอยากจะยึดยื้อเวลาให้นานที่สุด
"ผมอยากเจอคุณอีกครั้ง" เขาดึงนามบัตรออกมาเสียบไว้ระหว่างนิ้วมือของฉัน “โทรหาผมนะ” เขาพูด
ฉันใส่นามบัตรในกระเป๋ากระโปรงโดยไม่พูดอะไร จูบเขาเบาๆที่มุมปาก “อาจจะโทร” เดินจากไปด้วยรอยยิ้มกับเสื้อผ้าชุดเดิมตั้งแต่เมื่อวาน ฉันชอบของขวัญวันเกิดปีนี้จัง
………………..
ฉันลองเสริชชื่อของเขาที่ปรากฏตามนามบัตรในกูเกิ้ลเล่นๆ ข้อมูลแสดงขึ้นมาน่าสะพรึงกลัวจนแทบสิ้นสติ หัวของฉันมึนงงไปหมด โทรศัพท์ในมือฉันสั่นตอนกดโทรหาพี่วิหัวหน้าฝ่ายข่าว
“..ว่าไงเกตุ” พี่วิทัก
“พี่วิขา คือว่าเกตุมีเรื่องจะรบกวนหน่อยค่ะ”
“ว่ามาสิ..”
“ที่พี่วิเคยบอกว่าจะมีนักข่าวจากสำนักข่าวของเยรมันเดินทางมาทำสารคดีสกู้ปข่าวเรื่องปัญหาหญิงขายบริการร่วมกับเรา.. นักข่าวชื่อ เฮนดริกซ์ รึเปล่าคะ” ฉันเผลอลุ้นคำตอบกลืนน้ำลายเอื๊อก
“อืม.. พี่ไม่แน่ใจเรื่องชื่อนะ แต่ที่แน่ใจคือเรื่องความหล่อเพราะพี่เคยเจอตัวจริงเค้ามาแล้วตอนไปประชุมที่เยอรมัน” พี่วิทำเสียงเล็กเสียงน้อย “งานเนี้ยพี่เห็นว่าเกตุยังโสดเลยจับคู่ให้ซะเลยแล้วก็อย่าทำให้เสียเรื่องล่ะ พี่ได้ข่าวว่าเป็นลูกชายเจ้าของสถานีที่โน่นด้วยนะ โคตรหล่อโคตรรวยไม่ใช่นักข่าวธรรมดานะจ้ะเกตุ เปิดเล้ย จีบก่อนได้เปรียบเชื่อพี่ ได้ดิบได้ดีก็อย่าลืมชวนพี่ไปเที่ยวบ้างล่ะ”
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน